Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E-book 7

E-book 7

Published by sumalee phummarin, 2022-06-01 09:45:27

Description: E-book 7

Search

Read the Text Version

ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Piper sarmentosum Roxb. ชอ่ื ทอ้ งถิ่น ผกั อเี ลิด (อีสาน) นมวา (ภาคใต)๎ ผกั ปูนา ผักพลูนก พลูลิง ผักอีไร (เหนือ) เยํเท๎ย (กะเหรยี่ ง แมํฮํองสอน), ผักแค สว่ นท่ใี ชเ้ ปน็ ยา ทั้งตน๎ สรรพคณุ ตารายาไทยใช๎ ท้งั ต๎น รสเผด็ ร๎อน ขับเสมหะ แก๎ท๎องอืดเฟ้อ ชํวย เจริญอาหาร แก๎ไอ แกห๎ วดั ใบ รสเผด็ ร๎อน เปน็ ยาขบั ลม ชวํ ยเจรญิ อาหาร ทา ให๎เลือดลมซาํ น ขับเสมหะ แก๎เบาหวาน ราก รสร๎อน ขับเสมหะ บารุงธาตุ ขับ ลมในลาไส๎ ราก ผล และใบ ทาให๎ราํ งกายอบอุนํ แกท๎ ๎องอืดเฟอ้ ขบั ลมในลาไส๎ ชํวยยอํ ยอาหาร รักษาอาการปวดกระเพาะเนอ่ื งจากความเยน็ พรอํ งในธาตุ แก๎ ธาตนุ ้าพกิ าร แก๎ไอเยน็ ขบั เสมหะ แก๎บวมนา้ แก๎ไขจ๎ บั ส่นั แก๎ปวดฟนน ปวด กระดกู เนือ่ งจากลมชื้นตดิ เกาะ แกฟ๎ กชา้ ใช๎ภายนอก รักษาขาเนําขาเปอ่ื ย ผล รสเผ็ดร๎อน แกเ๎ สมหะท่ีคอ ทาให๎เสมหะแห๎ง ขับลมในลาไส๎ ชํวยยอํ ย อาหาร ขอ้ ควรระวัง ใบชา๎ พลูสด มีผลกึ แคลเซียมออกซาเลตสูง ไมคํ วรรับประทานมาก เกินไป หรือไมํควรกินเป็นประจา จะทาใหเ๎ วียนศีรษะ และอาจทาให๎เกิดนิว่ ใน ไต หรอื ทางเดินปสน สาวะได๎

การปลกู ชา๎ พลู เปน็ ผักสวนครวั ทปี่ ลูกดแู ลงาํ ย นิยมขยายพันธุ์ตน๎ ช๎าพลู ดว๎ ยวธิ กี ารตดั หรือเด็ดก่งิ ก๎านสวํ นยอดของตน๎ ช๎าพลู โดยให๎มใี บติดอยสํู ัก 2-3 ใบ นามาปนกชาในกระถางทีม่ ดี ินรวํ นซุย ปลกู ในระยะหาํ ง 10-15 เซนติเมตร วางกระถางในบริเวณทรี่ มํ ราไร รดนา้ วันละ 1 ครงั้ ช๎าพลูจะออกรากและ เตบิ โตเป็นต๎นภายใน 1-2 เดอื น ควรใสํ ปุย๋ หมกั หรือปุ๋ยคอกบารงุ ต๎นชา๎ พลู ทุก ๆ 3 เดือน โรคและแมลงศตั รู โดยทั่วไป ชา๎ พลู มกั ไมมํ ีโรคหรือแมลงศตั รูเขา๎ ทาลาย แตํในชวํ ง ฤดูแล๎ง ต๎นชา๎ พลูอาจเจอปญน หา อาการใบหงกิ จากการเข๎าทาลายของเพล้ีย ไฟ และ ไรขาวเพล้ียไฟ เป็นแมลงศตั รพู ชื ท่ีมขี นาดเล็กมาก ชอบเกาะดดู กนิ นา้ เลยี้ งท่ีบรเิ วณใตใ๎ บพชื การระบาดจะรุนแรงในชํวงแล๎ง เข๎าดูดน้าเลย้ี งท่ยี อด ออํ น และใบอํอนของพชื ทาใหต๎ ๎นแคระแกรน็ ใบหํอม๎วนข้ึนด๎านบน ทาใหผ๎ ล ผลิตและคุณภาพของพชื ชนิดตาํ งๆ ลดลง เม่อื เขา๎ สํูชวํ งหนา๎ แล๎ง หรอื ฝนทิง้ ชวํ งเปน็ เวลานาน ให๎ใชม๎ ือจุํมลงในน้าแล๎วลูบที่บรเิ วณใตใ๎ บ หากมีแมลงขนาด เล็กสีนา้ ตาลตดิ มือข้นึ มา แสดงวาํ เพลี้ยไฟเรมิ่ ระบาด แก๎ไขโดยฉดี นา้ หรอื พํน น้าให๎ตน๎ ชะพลู เพื่อเพ่มิ ความชื้นใหส๎ ูงขึน้ ฉดี ซ้าอกี 2-3 คร้ัง โดยเฉพาะบรเิ วณ ใต๎ใบ ในทีส่ ุดเพลยี้ ไฟก็จะบินหนไี ปหากินทอ่ี ่นื กรณที ่ีแสดงอาการเพียง เลก็ น๎อยให๎เดด็ ทงิ้ ท้ังตน๎ และนาไปเผาทาลาย ป้องกนั ไมํใหม๎ ีการแพรํระบาด ของเพลยี้ ไฟมากขึ้น หากเกดิ การระบาดรนุ แรง ให๎ฉีดพนํ ดว๎ ย เซฟวนิ 85 เปอร์เซ็นต์ ดบั เบ้ลิ ยพู ี อัตรา 20-30 กรัม ตํอน้า 1 ปี๊บ ใหท๎ ั่วทรงพํมุ โดยเฉพาะใต๎ใบและให๎งดใชก๎ อํ นเกบ็ ผลผลิตไปบรเิ วณอยาํ งนอ๎ ย 2 สัปดาห์ ไรขาว เป็นแมลงศตั รพู ืช ประเภท 8 ขา เชํนเดียวกบั แมงมมุ แตมํ ีขนาด เลก็ มาก มองด๎วยตาเปลาํ เกอื บไมํเหน็ ไรขาวมักเข๎าทาลายตน๎ พชื ในชํวงท่ี มีฝนตกชุก อากาศชน้ื ทบ่ี ริเวณตาดอกและยอดออํ น ทาให๎ต๎นชะงักการ

เจรญิ เติบโต ผลผลิตน๎อยลง ลักษณะของการทาลาย จะทาให๎ใบพชื เรียว แหลม ขอบใบมว๎ นงอลงดา๎ นลาํ ง และยอดหงิกงอเปน็ ฝอย เม่อื พบการ ระบาดยังไมํรุนแรง ให๎เด็ดสวํ นท่ีมีการระบาดเผาทาลายทงิ้ หากพบการ ระบาดรนุ แรงให๎ฉีดพํนดว๎ ยกามะถันผง มผี ผู๎ ลิตจาหนํายเปน็ การคา๎ ได๎แกํ ไธโอวิท 80 เปอร์เซ็นต์ ดบั เบิ้ลยพู ี หรอื อิโคซลั ฟ์ 80 เปอร์เซ็นต์ ดับเบิล้ ยพู ี อัตรา 60-80 กรัม ตอํ น้า 1 ปี๊บ ฉีดพํนให๎ทวั่ ทรงพมํุ 2 ครัง้ หาํ งกนั 5 วัน การระบาดของไรขาวจะหมดไปและควรงดใช๎สารดังกลาํ ว กอํ นเก็บเก่ยี วผลผลิต 1 สปั ดาห์ ทีม่ า 1.http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pi d=221 2. https://www.technologychaoban.com/agricultural- technology/article_55423


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook