Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการสอนคิด

รายงานการสอนคิด

Published by Apisak Namsao, 2022-04-27 04:51:36

Description: รายงานการสอนคิด

Search

Read the Text Version

1 บนั ทกึ ข้อความ ส่วนราชการ โรงเรียนเดื่อศรไี พรวัลย์ องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั สกลนคร โทร ๐๔๒-๑๖๖๖๓๘ ท…ี่ สน. ๕๑๐๐๘.๘/....-…………………………….. วนั ท่ี ๒๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๕ เรือ่ ง รายงานผลการจัดการเรยี นรู้รูปแบบการสอนคิดตามแนวทาง Thinking School เรยี น ผอู้ ำนวยการโรงเรียนเดือ่ ศรีไพรวัลย์ ตามที่องค์การบริหารสว่ นจังหวัดสกลนคร ได้ดำเนนิ โครงการพัฒนารปู แบบการสอนเพ่ือ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยได้ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดให้เข้ารับ การอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องการสอนคิดตามแนวทาง Thinking School ของโรงเรียน อบจ.เชียงราย และ ให้นำรปู แบบการสอนคดิ ตามแนวทาง Thinking School มาใช้ในการเรยี นการสอนในโรงเรียนข้าพเจ้า นาย อภิศักดิ์ นามเสาร์ ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ ได้ดำเนินการพัฒนารูปแบบสอน ดังกล่าว ประจำภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ เสร็จสิ้นเป็นท่ีเรียบร้อยแล้ว จึงขอรายผลการดำเนินการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบ ดังกลา่ ว ดงั เอกสารทแ่ี นบมาพร้อมน้ี จึงเรยี นมาเพ่ือโปรดพิจารณา (นายอภิศักด์ิ นามเสาร์) ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพเิ ศษ ความเห็นผู้อำนวยการโรงเรียน ............................................................... ................................................................. ................................................................. (นายสุทศั น์ สวุ รรณโน) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นเดือ่ ศรีไพรวลั ย์

2 รายงานผลการดำเนินงาน การพัฒนารปู แบบการสอนคิดตามแนวทาง Thinking School เพอื่ ยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน โรงเรียนเดือ่ ศรไี พรวลั ย์ องค์การบริหารสว่ นจังหวดั สกลนคร ************************** 1. ชื่อรูปแบบ /แนวทาง การสอนคดิ ตามแนวทาง Thinking School 2. ชื่อผู้รายงาน นายอภศิ กั ดิ์ นามเสาร์ 3. แนวทางการคิดคน้ รูปแบบ/แนวทาง ✓แสวงหานวตั กรรมจากแหลง่ ตา่ ง ๆ ที่มีผสู้ รา้ งไวแ้ ลว้ และนำมาปรับปรงุ ประยุกตพ์ ฒั นาใหม่  สรา้ งรปู แบบ/แนวทางขึ้นมาใหม่ 4. ความเปน็ มาและความสำคญั ของปัญหา ในปีการศึกษา 2562 องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัดสกลนครได้จดั ทำโครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารโรงเรียนสอนคิดขน้ึ ณ โรงเรียนอบจ.เชยี งราย จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 27-30 มกราคม 2562 ในครั้งน้ันทุกโรงเรยี นท้งั 6 ในสังกัดองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั สกลนครสง่ ตัวแทนครู 8 กลุม่ สาระ กลุ่มสาระละ 1 คน เขา้ รับการอบรมเชงิ ปฏิบัติการ การสอนคดิ Thinking School จากน้นั ให้นำมาขยายผลการอบรมใหก้ ับครูในโรงเรยี น และให้มกี ารตดิ ตามประเมนิ ผลการดำเนินงาน อย่างใกล้ชดิ จากศึกษานเิ ทศในสงั กดั องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั สกลนครท้ัง 2 ทา่ น คือนางนภาพร ศรมี รกต ศึกษานเิ ทศก์เชย่ี วชาญ และนายกำแพง ไชยมาตร ศกึ ษานิเทศก์เชย่ี วชาญ ต่อมาในปี การศึกษา 2563 องคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั สกลนครได้จดั การอบรมโครงการประชมุ สัมนาเพ่ือพัฒนา ศกั ยภาพผูบ้ ริหารสถานศึกษาและบคุ ลากรทางการศึกษา การสอนคดิ Thinking School โรงเรียนใน สงั กดั องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั สกลนคร ระหวา่ งวนั ที่ 24-26 กรกฎาคม 2563 ณ โรงแรมสกล- แกรนด์ จงั หวัดสกลนคร ซง่ึ ในการอบรมในครัง้ นัน้ โรงเรยี นตา่ งได้นำเสนอผลงานการสอนคิดทโี่ รงเรียน ได้ดำเนินการตลอด 1 ปีการศึกษาท่ผี ่านมา ว่ามีการดำเนินงานไปเปน็ อย่างไร และในปีการศกึ ษา 2564 องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดสกลนคร ก็ได้นำครูและบุคลากรทางการศึกษา 6 โรงเรียนไปศึกษาดูงาน และเขา้ รับการอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ าร ณ โรงเรยี น อบจ.เชียงราย เปน็ เวลา 3 วนั จากนน้ั ครแู ละบคุ ลากร ทางการศึกษาก็ได้นำความรู้ที่ได้มาเติมเต็มในการจัดการเรียนสอน การสอนคิดตามแนวทาง Thinking School โดยครทู กุ คนได้นำรูปแบบการสอนคดิ ลงสูก่ ารจัดการเรียนร้ใู นช้ันเรยี นอยา่ งเป็นระบบมีแผน จดั การเรยี นรู้ท่ีเป็นรูปธรรม มีช้ินงานผลงานนกั เรยี นจากการใช้เครื่องมอื การสอนคิด และโรงเรียน เดื่อศรีไพรวัลย์ได้จัดตัง้ กลมุ่ ชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ (Professional Learning Community (PLC)) โดย ได้หยิบยกปัญหาเร่อื ง นักเรียนไมก่ ลา้ แสดงออกไม่กล้าแสดงความคดิ เหน็ เพราะตนเองจะตอบคำถาม ผดิ กลวั เพอ่ื ล้อ มาเปน็ ประเด็นปัญหาในกลมุ่ PLC โดยเลือกรูปแบบการสอนคิดตามแนวทาง

3 Thinking school เป็นแนวทางการแกป้ ญั หา เพราะรูปแบบการสอนคิดจะกระตนุ้ การคดิ ของนักเรียน พรอ้ มทง้ั เปดิ โอกาศใหน้ ักเรียนได้แสดงความคิดเหน็ และตอบคำถามแบบปลายเปิด ทำใหน้ ักเรยี นกล้า แสดงความคิดเหน็ มากข้นึ และ ไม่กลัวการตอบคำถาม จากการได้รับความรู้ และการดำเนินงานมาตลอด 3 ปกี ารศึกษา ข้าพเจา้ นายอภศิ ักดิ์ นามเสาร์ ครู วทิ ยฐานะครูชำนาญพเิ ศษ โรงเรียนเด่อื ศรีไพรวลั ยไ์ ด้นำรปู แบบการสอนคดิ ตาม Thinking School ลงสชู่ ้นั เรียน ในรายวชิ าภาษาอังกฤษเพ่มิ เติม รหัส อ33208 ช้นั มธั ยมศึกษาปท่ี 6 จงึ ขอสรปุ ผลการพฒั นารปู แบบการสอนคิดตามแนวทาง Thinking School การดำเนินงานตาม วตั ถุประสงค์การดำเนนิ งานไว้ดังน้ี 5. วัตถปุ ระสงค์ เพ่อื ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 โดยใช้การจดั การเรียนร้รู ูปแบบ สอนคิดตามแนวทาง Thinking School รายวิชาภาษาอังกฤษเพิ่มเติม รหสั อ33208 6. กลุม่ เป้าหมาย 6.1 นักเรยี นชน้ั ม.6 โรงเรยี นเดอื่ ศรีไพรวัลย์ ปกี ารศึกษา 2564 จำนวน 25 คน 7. หลักการ แนวคิด ทฤษฎีทีใ่ ช้ หลักการ แนวคดิ ทฤษฎที ่ีใช้ในการพฒั นารูปแบบสอนคิด Thinking School มีดังน้ี 1. การจดั การเรยี นรู้ที่สง่ เสริมทักษะกระบวนการคดิ ตามแนวทาง Thinking School การจัดการเรยี นรทู้ สี่ ่งเสริมทักษะกระบวนการคดิ ตามแนวทาง Thinking School ดร.ศราวุธ สตุ วงค์ (2562) ได้พฒั นาการจดั การเรยี นรู้ท่ชี ว่ ยพัฒนาทักษะกระบวนการคิดและ ทักษะการแก้ปัญญา ตามแนวคดิ ของ Thinking School พบวา่ เม่อื กระแสแหง่ การเปลี่ยนเปล่ยี น อยา่ งรอบดา้ น ในยุคโลกาภวิ ัฒน์ไดเ้ ข้ามามีอิทธพิ ลต่อการดำรงชวี ติ ของมวลมนุษยชาติอย่างหลีกเลย่ี ง ไม่ได้ และการศกึ ษาก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศชาติ โดยมีครู เป็นกลไกหลักในการจัดการศึกษา แล้วเราในฐานะครูจะรบั มืออย่างไรให้เทา่ ทันตอ่ การเปลย่ี นแปลงที่ เกดิ ขึ้น และจะทำอยา่ งไร? ประเทศไทยจงึ จะไดค้ นเกง่ คนดี คนทม่ี ีจติ วิญญาณแห่งความเปน็ ครู คนท่ี มคี วามรับผิดชอบ สอนให้เด็กมีการดำเนนิ ชวี ติ อย่างเทา่ ทนั ในโลกยคุ ศตวรรษที่ 21 ไดโ้ ดยต้องมี จิต สาธารณะใน 5 ประการ คือ 1) จิต แหง่ วิทยาการมี “การเรยี นรูต้ ลอดชีวติ คิดเปน็ ทำเป็น” 2) จติ แหง่ การสังเคราะห์ คือ “การสั่งสม ตอ่ ยอด และ สร้างนวัตกรรมความรู้” 3) จติ แห่งการ สร้างสรรค์ ท่ีเชือ่ ว่า “ความคดิ สรา้ งสรรค์สรา้ งด้วยการหมนั่ ฝึกฝน” 4) จติ แหง่ ความเคารพ หมายถึง “การเปดิ ใจกว้าง พร้อมรับฟังทุกความคดิ เหน็ ” และ 5) จิตแห่งคณุ ธรรม คือ“มคี วามรู้คู่คณุ ธรรม นำการพัฒนา” วันนี้

4 เราอาจเคย ไดย้ นิ จากส่ือ นกั วิชาการ ผู้ปกครอง และผสู้ นใจทางการศกึ ษาว่า “การปฏิรูปการศึกษา ของเราล้มเหลว ไม่ประสบความสำเร็จ ท้ังทรี่ ฐั บาลได้ทมุ่ เทงบประมาณจำนวน มหาศาลให้ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารเพ่ือจัดการศกึ ษาให้มีผลสัมฤทธิท์ างการเรียนให้สงู ขนึ้ ” และ เม่ือเร็ว ๆ น้ผี ลการ สอบ O-NET ในระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3 และ 6 ทีม่ ีผลคะแนนทุกกลุ่มสาระ การเรียนรตู้ ่ำกวา่ เกณฑ์ โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวทิ ยาศาสตร์ รวมทั้ง ผลการประชมุ ของ World Economic Forum (WEF) - The Global Competitiveness Report 2012-2013 ซึ่งเปน็ การ ประชุม “เวทเี ศรษฐกจิ โลก” ท่จี ัดข้ึนเป็นประจำทุกปี โดยองค์กรอสิ ระท่ี ไม่หวงั ผลกำไรและไดร้ ับการ ยอมรับอยา่ งกว้างขวางในระดับนานาชาติ โดยผลทีไ่ ดจ้ ากการประชุมได้ จัดอันดับคุณภาพการศึกษา ของประเทศไทยในกล่มุ อาเซียนอยูใ่ นกลมุ่ สุดท้ายอันดับที่ 8 เปน็ กลุม่ ที่มี คะแนนต่ำทส่ี ุด โดยทอี่ นั ดบั 1) สงิ คโปร์ 2) มาเลเซีย 3) บรไู น 4) ฟิลปิ ปนิ ส์ 5) อินโดนเี ซีย 6) กมั พชู า 7) เวียดนาม 8) ไทย แสดงให้ เหน็ ว่าระบบการศึกษาของไทยยังไม่ทำใหเ้ ดก็ ไทยมคี วามรู้ 35 ตามหลกั สตู ร คดิ เป็น ทำเป็น แกป้ ัญหา ได้ ซึ่งหลายฝ่ายอาจมองวา่ ตน้ เหตุสำคญั ของปัญหาที่เกดิ ขึ้น น้ี คอื “การพฒั นาคุณภาพการศึกษา” โดยมคี รเู ปน็ กลไกสำคัญทีส่ ง่ ผลใหเ้ กดิ ปัญหาดงั กลา่ ว “คร”ู จงึ ตกเปน็ จำเลยของสงั คม ท้ังท่ียงั มคี รสู ว่ น ใหญท่ ่มี งุ่ ม่นั ทุ่มเท พัฒนาการเรยี นการสอนอยา่ งจรงิ จัง ซ่ึงหนังสือ Thinking School สอนใหค้ ดิ โดยบรรจง อมร ชีวนิ เปน็ หนงั สือที่อยากนำเสนอให้เห็นใน แงม่ มุ ของ ความสำคญั ของการศกึ ษา เปน็ แนวทางที่สถานศกึ ษาจะไดน้ ำไปบริหารวชิ าการจัดการเรียนการสอนใหเ้ ด็ก โดยการสอนให้เดก็ รจู้ กั คิด คิดเปน็ และควรคิดได้ดดี ว้ ย เพราะลำพังการสอนให้ รู้วิชาการความรูแ้ ต่เพียงอย่างเดยี วไม่พอเพียงกบั การเผชญิ กบั การเปล่ียนแปลงในโลกปัจจบุ นั ท่ีมี พลวตั และมคี วามซับซ้อนอย่างมาก ในประเทศสงิ คโปร์ มีการสอนทักษะการคิดอยา่ งจรงิ จงั จนมกี ารแข่งขันการแกป้ ัญหาในอนาคตทีท่ ำเป็นประจำทุกปีใน ระดบั ประเทศ ซง่ึ การสอนให้คดิ น้ีเป็นการวางรากฐานของการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ย์ในประเทศทม่ี ีค่า สามารถสร้างสรรค์ และเป็นผูน้ ำใน ภมู ิภาคอาเซียน เราจะเร่ิมสรา้ ง Thinking School ได้อยา่ งไร ขั้น แรกก็คือสร้างความตระหนักใน ความสำคัญของทักษะ การคิดและสอนทักษะการคิดใหท้ ั้งโรงเรียน โดยครผู ูส้ อนจะไมใ่ ช่ผ้สู อนเฉพาะ สาระวชิ า แต่ต้องสอนเทคนิคและ วิธีการคดิ ทีม่ ีมากมายหลายวิธีดว้ ย ผบู้ ริหารจะต้องใหค้ วาม สนบั สนนุ อยา่ งจรงิ จัง จะพัฒนาสภาพแวดล้อม และบรรยากาศ ทัง้ ในและนอก หอ้ งเรียนทีท่ ำให้ นักเรยี น รู้จักคิดไดอ้ ยา่ งไร ในหนังสือ Thinking School สอนให้คิด มี 25 บท จำนวน 288 หน้า ขอนำเสนอในสว่ นทเ่ี ปน็ ประโยชนแ์ ก่ผูบ้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ดังนี้ ความหมายของ โรงเรียนสอนให้คดิ กค็ ือ “โรงเรียนท่ีมุง่ สอนใหเ้ ดก็ ได้รถู้ ึงกระบวนการเรียนรู้ใหร้ วู้ า่ เรียนอยา่ งไร (How to Learn) มากกว่าการสอนให้เด็กมีเพยี งความรู้โดยท่ีไม่ได้มีขีดความสามารถใน การท่ีคิดหรือ เรียนรูไ้ ดด้ ว้ ยตัวเองตอ้ งดำเนนิ ไปอย่างไร ดงั น้นั จะทำให้สำเรจ็ ไดจ้ ึงเปน็ เร่ืองของการวาง กลยุทธ์ทจ่ี ะ นำมาพัฒนาทักษะการคดิ และให้มีทัศนคตทิ ดี่ ีในการนำไปใช้” ปญั หาสำคัญสว่ นใหญข่ อง โรงเรียน โดยทวั่ ไป พยามใสว่ ิชาการทุกอย่างให้เด็กไดเ้ รยี นจนมากไปหมด แล้วก็คิดวา่ จะไดผ้ ลสัมฤทธิ์

5 ทางการศกึ ษาคือเดก็ มคี วามรู้มาก ๆ และได้คะแนนดี ๆ ทำใหร้ ูส้ กึ อ่นุ ใจไปว่าเรามีประสิทธิผลของ การ เรยี นทีด่ ีแล้ว แต่ส่งิ หนึ่งทีม่ ักไม่ไดย้ ้ำเนน้ กันคือ เราเคยต้งั คำถามกนั อยา่ งลึก ๆ ไหมวา่ การเรียนรขู้ อง เดก็ เป็นไปอยา่ งไร เราสง่ ลกู เราไปเรยี นเพื่ออะไร ด้วยเหตทุ ่ีครผู ูส้ อนเองมักจะมีภาระงานมาก ไมอ่ าจที่ จะจดั เตรียมการสอนในเชิงที่ลกึ มากนัก การเรียนรู้จงึ มักเป็นเรื่องในเชิงปรมิ าณวา่ เด็กไดเ้ รยี น ไปมาก เทา่ ไหร่ ทั้งทอ่ี ันที่จรงิ แล้วควรมุ่งเน้นทีว่ ่าเขาควรจะเรยี นอย่างไร (How to Learn) มากกวา่ โดยหาก วา่ ครูและนกั เรียนทส่ี ามารถตอบคำถามไดว้ า่ “อย่างไร” จงึ จะนับไดว้ า่ เป็นการเปิดมิติกา เรยี นร้อู ย่าง แท้จริง นน่ั กค็ ือการทีโ่ รงเรียนสอนการเรียนรู้ให้เด็กรจู้ กั คดิ และคิดเป็นพร้อมที่จะเรยี นรไู้ ด้ อย่างชาญ ฉลาดและต่อเนือ่ งตอ่ ไป โรงเรียนสอนใหค้ ดิ ยงั หมายถึง การสรา้ งให้เกิดเป็นชมุ ชนแห่งการ เรียนรทู้ ี่ สมาชกิ ทกุ คนมสี ่วนรว่ มกนั ทีเ่ รยี นรวู้ า่ จะคิดอยา่ งสะท้อนมุมมอง (Reflective) อย่างมวี จิ ารณญาณ อยา่ งสรา้ งสรรค์ได้อย่างไร รวมทงั้ การทำให้มีทกั ษะและเทคนคิ ในการรว่ มสรา้ ง 36 หลักสูตรทีม่ ี ความหมายและกิจกรรมทเ่ี กีย่ วเน่ือง ผลลัพธท์ ่ีสำเร็จจะสะทอ้ นออกมา โดยนักเรียนจะมี ความสามารถ กว้างขวางโดยแสดงออกถึงทักษะการเรียนรู้อยา่ งอิสระมีระดับความสำเรจ็ ทสี่ งู และ สนุกพึงพอใจกับ การเรียนผลประโยชน์ท่ีไดย้ งั แสดงออกมาโดยทสี่ มาชกิ ของชุมชนปฏิสมั พันธ์ระหวา่ ง กนั อยา่ งมดี ุลย พินจิ อีกท้ังมสี ุขภาพจิตทด่ี ีทั้งนกั เรยี นและครู แนวความคดิ หลักในกรอบสำหรบั การพฒั นา ทักษะการคิด ความพยายามแทบท้ังหมดของการสอน การคิดวางฐานอยบู่ นการวเิ คราะห์ อย่างเปน็ ทางการของธรรมชาติการคิด ในการท่จี ะยกระดบั การคดิ ให้สงู ขนึ้ แนวความคดิ หลกั ท่ี เกิดขึ้น ได้แก่ การพฒั นาทักษะการคดิ ได้รบั การสนบั สนุนจากทฤษฎีพุทธิปญั ญาที่มองวา่ ผู้เรียนคือผู้ สรรคส์ รา้ งที่ แขง็ ขนั ในการให้ได้ความรู้มาก การเรยี นรเู้ ปน็ เรื่องเกย่ี วกับ การค้นหาความหมายและ โครงสร้าง (Imposing Structure) การมุ่งเน้นทักษะการคิดในห้องเรียนนับวา่ เป็นเรอ่ื งสำคัญ เพราะว่าจะชว่ ย สนบั สนุนกระบวนการเรียนรู้เชิงพุทธปิ ัญญาไดอ้ ย่างแข็งขนั ซ่ึงนนั่ จะทำให้การเรียนรู้ ทดี่ ีกวา่ ซึง่ จะชว่ ย ใหเ้ ด็กมเี ครื่องไมเ้ ครอื่ งมอื จัดการกับข้อมลู ข่าวสาร แกป้ ญั หาและสถานการณ์ได้ อยา่ งเปน็ ระบบ การ รับเอาทัศนคติอันมีวิจารณญาณตอ่ ข้อมูลข่าวสารและข้อโตเถยี ง รวมท้ัง การสื่อสารได้อย่างมี ประสิทธิผลมากขึ้น รปู แบบการคิด (Taxonomies) มหี ลากหลาย ทงั้ เรือ่ ง การแยกแยะ การลำดบั การคน้ หาการ เปรยี บเทยี บ การคาดการณ์ การเช่อื มโยงเร่ืองเหตผุ ล การสรุป การสรา้ งความคิดใหม่ การแก้ปัญหา การ ทดสอบทางออก การตัดสนิ ใจ และอืน่ ๆ บางแนวทางระบุถึงพหุปัญญา (Multiple intelligences) สำหรับการเสริมสรา้ งในเร่อื งของภาษา ตรรกะ คณติ ศาสตร์ ดนตรี และการเคล่อื นไหว มีนกั วชิ าการหลายท่านไดเ้ สนอแนวทางในการสอน ทกั ษะการคดิ 9 ประการ ดงั นี้ 1) ทักษะการจำ (Memory Skills) 2) ทกั ษะทาง ภาษาและความคดิ

6 3) ทักษะการใช้เหตผุ ลเชงิ นิรนัย (Deductive Reasoning Skills) 4) ทกั ษะการวเิ คราะห์ ข้อโต้เถยี ง 5) ทกั ษะการคดิ ด้วยการทดสอบข้อสมมติฐาน 6) ทักษะการคิดในเชิงความเปน็ ไปได้ และความไม่แนน่ อน 7) ทกั ษะการตดั สินใจ 8) ทักษะการแก้ปญั หา 9) ทกั ษะการคิดสร้างสรรค์ ระดับความคดิ หากพิจารณาวา่ ความคิดแบ่งอย่างกวา้ ง ๆ เป็น 3 ระดบั ด้วยกันคือ ระดบั 1 ความคิดขนั้ สูงสุด นับวา่ มขี ีดความสามารถในการคิดสงู มาก สะท้อนออกมาไมเ่ ฉพาะ ในแงม่ มุ มองแต่ ยงั สะท้อนในดา้ นของความยตุ ิธรรมอกี ดว้ ย ระดบั 2 ความคดิ ขัน้ สงู จัดว่ามคี วามคดิ ทส่ี ะทอ้ นคดิ ได้อย่างครอบคลุมพอควรแมว้ ่าจะไมไ่ ด้ ทุกเรือ่ งกต็ าม ระดับ 3 ความคิดขนึ้ ต่ำ เป็นทักษะท่ีต้องมีการ พฒั นาต่อทง้ั ในดา้ นวธิ ีการ ความครอบคลุม และมติ ิในเชงิ ความยตุ ิธรรม นอกจากนผ้ี ูเ้ ขียนได้ ยกตัวอย่างโปรแกรมทักษะการคิด ได้แก่ 1) โปรแกรมท่ัวไปทีเ่ รยี กวา่ Feuerstein's Instrumental Enrichment (IE) เป็น โปรแกรมที่เริม่ แรกคิดขน้ึ มาเพื่อช่วยใหผ้ ู้ใหญ่ทีเ่ รยี นรู้ได้ชา้ ได้พฒั นาการ เรยี นร้เู ร็วขนึ้ 2) Somerset Thinking Skills Cause เป็นเทคนิคเพ่ิมเตมิ ท่คี ิดเพ่มิ แก้บางจุดของ IE ซ่งึ เปน็ เทคนิคที่พฒั นาขน้ึ ในอังกฤษ (Blagg, 1991) ต่อมาเทคนคิ ได้ขยายสู่ทักษะการคิดในการทำงาน อกี เทคนคิ หน่งึ (Thinking Skills at Work) จากผลการประเมินการใช้ เครื่องมือนับว่ามผี ลกระทบ 37 เชงิ บวกในการเรียนรเู้ ชงิ พุทธิ ปัญญาและผลลพั ธ์ด้านอ่ืน ๆ ตามมา Martin Lipman's Philosophy for Children (Lipman and others, 1980) เป็นเทคนคิ ที่มี การใช้อยา่ งกวา้ งขวางใน อังกฤษ โดยผนวกรวมกับแนวทางของ Robert Fisher ท่มี ีงานเขียนจำนวน มากเกีย่ วกับการสอนการ คิดในหอ้ งเรยี นระดบั ประถม (Primary Classroom) (Fraser, 1998) จากการประเมนิ ผลเคร่ืองมือน้ี พบว่า มีผลกระทบเชิงบวกในหลายมิติ อาทิ คณุ ภาพการอภปิ รายพดู คุย ของเด็กรวมทั้งทกั ษะการ โตเ้ ถียงท่ดี ขี น้ึ ความสามารถในการหยบิ ยกคำถาม มีความภาคภมู ใิ จในตนเอง เป็นต้น CASE (Cognitive, Acceleration through Science Education) นับเป็นเครือ่ งมอื ท่ีได้รับ ความสำเร็จสูง มาก เปน็ เครอ่ื งมอื ช่วยคดิ ในวชิ าวทิ ยาศาสตร์สำหรับ ชว่ งอายุ 11-14 ปี CASE ประสบ ความสำเร็จใน การชว่ ยยกระดับคะแนนของเดก็ ในการทดสอบตามเกณฑ์มาตรฐานวิชา นอกจากนีก้ ็มี

7 เทคนิคทช่ี ว่ ย คดิ ในวชิ าคณิตศาสตร์ คือ CAME (Cognitive Acceleration though Mathematics Education) Thinking through Geography ออกแบบเพื่อชว่ ยสอนการคิดในวชิ าภมู ิศาสตร์ และการ เรยี นรู้ ช่วงหลังประถมศึกษา รวมทั้ง ACTS (Activating Children's Thinking Skills) เป็นการชว่ ย พัฒนาการคดิ ของเด็กระดบั ประถมปลาย (McGuinness, 1997) เปน็ ต้น แนวทางประยุกตใ์ ช้ 1. กรอบแนวคิดการพฒั นาทักษะการคิดจะมุ่งเนน้ ไปเร่ืองตอ่ ไปน้ีคอื 1.1 มคี วามจำเป็นทจี่ ะต้องเน้น เรื่องทักษะการคิดให้มคี วามชัดเจนในหลกั สตู ร 1.2 การสอนการคิดผ่านรปู แบบของ Coaching 1.3 การใช้มุมมองแบบผู้เรยี นเปน็ หลัก 1.4 การเรยี นรแู้ บบรว่ มมือกัน (รวมทั้งการใช้คอมพวิ เตอรเ์ ปน็ สอ่ื กลางการเรยี นรู้) 1.5 การสร้างอปุ นสิ ยั การคิดท่ีดี 1.6 การนำทกั ษะการคิดไปสู่หลกั สูตรการคิด 1.7 การนำไปสู่ห้องเรียนการคิด สู่โรงเรียนสอนการคดิ 2. การพัฒนาหลักสูตร ได้แก่ ตัวแบบสำหรบั การถา่ ยทอดทกั ษะการคิดในหลกั สูตรมี 3 ตวั แบบของการถ่ายทอดทักษะการคิด ไดแ้ ก่ 2.1 การสอดแทรกการเสรมิ ทักษะการคิด ทั่วไปเพ่ิมเติมไปจากหลักสูตรปกติท่มี ีอยู่ 2.2 การสอดแทรกเขา้ ไปในเนื้อหาวิชาทเ่ี รยี นในขณะเดียวกันเลย อาทิ วชิ าวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภมู ิศาสตร์ 2.3 สอดแทรกทั้งหลกั สตู รอย่างเป็นระบบ แต่แมว้ ่าจะเป็นวิธีการไหนที่นำไปใช้ตอ้ งมัน่ ใจ วิธีการนนั้ จะทำให้การเรียนรู้ และถ่ายทอดไปสูก่ ารพัฒนาทักษะ ความคิดทีด่ ีกวา่ ที่เป็นอยู่ 3. การเรียนการสอน ใช้เครื่องมือทชี่ ่วยเสรมิ ความคิดทีใ่ ช้กันมากของโรงเรยี นต่าง ๆ ได้แก่ 3.1 การคดิ แบบหมวก (Thinking Hats) ของ De Bono 3.2 อุปนสิ ัยความคิด (Habits of Mind) 3.3 แผนทคี่ วามคดิ (Thinking Maps) 4. การประเมนิ ผลจากการศึกษาหลายครัง้ ด้วยการ ประเมินผลหอ้ งเรยี นได้ค้นพบถงึ ความสำเรจ็ การเช่ือมโยงระหว่างการสอนวธิ คี ดิ ต่าง ๆ กบั ผลลพั ธ์ ของ การเรยี นรู้ทงั้ ในระยะสน้ั และ ในระยะยาว แตก่ ไ็ ม่ใชท่ ุกคร้งั การสอดแทรกจะสำเร็จอย่างเทา่ เทยี ม กนั การเปดิ โอกาสให้เดก็ ๆ นำ แนวคดิ ของตน (ท้ังท่ีถูกต้องและไม่ถกู ต้อง) มายงั หอ้ งเรียน และ กลยทุ ธ์ทางเลอื กสำหรบั การคิดจะ เกิดขึ้นดว้ ยการสรรค์สรา้ งเชงิ สงั คมในห้องเรยี นนี้ ไม่เพยี งแต่การได้ จากการสอนของครู แต่ยงั ได้จาก กิจกรรมเชงิ ปฏบิ ตั ิ การสนทนาพดู คุย การสะท้อน และการอภปิ รายกับเพอ่ื นและผูใ้ หญ่ กิจกรรมเชงิ

8 สงั คมดังกลา่ วจำเป็นทจี่ ะต้องมกี ารออกแบบอย่างระมดั ระวัง จากมมุ มองทกั ษะการคิดเพื่อให้เดก็ เกิด พัฒนาทกั ษะการ เรยี นรู้ด้วยตนเอง (Metacognitive Skills) 5. เทคโนโลยีการสอื่ สารและสารสนเทศ นับเป็นเคร่ืองมือที่ช่วยสง่ เสรมิ ความเข้าใจและการให้ เหตุผล ของเดก็ ในกรอบการพัฒนาทักษะการคิด นอกจากนเี้ ครือข่ายการส่ือสาร (ทง้ั ในทอ้ งถิ่นและ กวา้ ง ออกไประหวา่ งประเทศ) ก็ชว่ ยให้มีโอกาสในการเรียนรู้ ร่วมกันอยา่ งเท่าทนั 6. การพัฒนาครจู ากการ วิจัยและการประเมนิ ผลยงั พบปัญหาในการถา่ ยโอนวธิ กี ารส่ชู นั้ เรียน โดยเหน็ วา่ การสอดแทรกของครู จะได้ผลสำเร็จมากขน้ึ หากวา่ มีตัวแบบการพัฒนาครูและการสนับสนุน ของครูอย่างชดั เจน สรปุ โรงเรยี นและห้องเรยี นคือสถานที่สำคญั ที่สุดของประเทศ เพราะนคี่ ือแหลง่ ผลิตทุนมนุษยป์ ้อนเขา้ สู่ สงั คม และจะกลายเป็นกลไกลอนั สำคัญในการเปลีย่ นแปลงสังคมไปในทศิ ทาง ท่ีต้องการได้มากน้อย เพยี งใดหากสถานศึกษายังไม่สามารถปรบั เปล่ยี นหอ้ งเรียนและโรงเรียนใหส้ อน การคดิ ไดอ้ ย่างมี ประสิทธิภาพแล้ว การศึกษาที่มมุ้ เน้นแต่การใหค้ วามรูเ้ ป็นหลักก็อาจจะไม่อาจ ตอบสนองต่อ ความตอ้ งการที่โรงเรียนสอนให้รูจ้ ักคดิ ไม่ได้หมายถงึ เพยี งแต่การทำให้นักเรียนแต่ละคน จบการศกึ ษา ออกไปแล้วมีขีดความสามารถการคิดทีส่ ูงขึน้ เท่านัน้ แต่เปา้ หมายปลายทางของการศึกษา จะต้องสร้าง ให้เกดิ กับชุมชนทีเรียกวา่ Community of Inquiry อย่างย่งั ยืนทั้งในระดบั ห้องเรียนทงั้ โรงเรียน รวมท้งั ชุมชนรอบข้าง การศึกษาจึงมีความหมายต่อการเปลย่ี นแปลงอยา่ งแท้จริง การ ขับเคลื่อน โรงเรียนให้ออกจากกรอบแนวคิดเดิมของการเรียนการสอนอยา่ งทเี่ คยเปน็ มานน้ั ไมใ่ ช่เร่อื ง ท่จี ะทำความเขา้ ใจไดโ้ ดยงา่ ยแต่นับว่าเปน็ เรอื่ งทา้ ทายท่ตี ้องการความกลา้ ท่ีจะเปลยี่ นแปลงและพร้อม ทีจ่ ะ เรียนรรู้ ว่ มกันทั้งครูและนักเรียนในบริบทใหม่ เพราะในบริบทเดมิ โรงเรียนได้กลายเปน็ ท่ีลดทอน สิ่งที่ เดก็ มีมาตดิ ตวั ตงั้ แต่แรกของความเป็นคนท่ีกระหายใครร่ มู้ ีชวี ิตชีวา สดใสร่าเริงมที ้ังจินตนาการท่ี เต็ม เปยี่ มและชา่ งซกั ถาม แต่พอเข้ามาสู่ระบบโรงเรียนพอนานเข้ากลบั กลายเปน็ คนที่เฉื่อยชาไร้ความ กระตือรอื ร้นเราต้องแก้ไขสิ่งเหล่าน้ี เราต้องสรา้ งโรงเรยี นของเราใหม่เป็นโรงเรยี นท่ีสอนให้เราคิดรู้จัก คิดและคิดเป็น เปน็ ทุนมนุษย์ของประเทศไทย (วรนิ ทร บุญยิง่ , 2554) ในอนาคตทฤษฎี Thinking School and Active Learning และ ระบบการคดิ ของสมองผ่านเครื่องมือสอนคิด ได้แก่ 1. PMI 2. OPV, 3. 6 Hats 4. Compare and Contrast 5. Diagram/Mind Mapping 6. CAF 7. KWL,

9 8. Cause and Effect, 9. Ranking, 10. Creative and Critical Thinking การจดั การเรียนรทู้ ีส่ ง่ เสริมทักษะกระบวนการสอนคดิ ตามแนวทาง Thinking School 1. เทคนคิ การจดั การเรยี นร้ทู ่ีส่งเสรมิ ทักษะการคดิ 1.1 เทคนิคการระดมสมอง (Brainstorming) 1.2 เทคนิค PMI 1.3 เทคนคิ CAF 1.4 เทคนิค OPV 1.5 เทคนคิ Ranking 2. การจดั การเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 4 ขนั้ ตอน (4 Steps) 2.1 ข้นั ท่ี 1 DO NOW 2.2 ขนั้ ที่ 2 Purpose 2.3 ขน้ั ท่ี 3 Work Mode 2.4 ข้ันที่ 4 Reflective Thinking สรปุ ไดก้ ารสอนคิด เปน็ การพัฒนาผเู้ รียนใหม้ ที ักษะในดา้ นการคดิ อยา่ งเป็นระบบ ผ่าน กระบวนการจดั การเรยี นรู้ 4 Step คือ 1) Do Now 2) Purpose 3) Work Mode 4) Reflective โดยใช้เทคนคิ การจัดการเรียนรู้ท่ีสง่ เสรมิ ทักษะการคิดเช่น เทคนิคการระดมสมอง (Brainstorming) เทคนคิ PMI เทคนิคCAF เทคนิคOPV เทคนิคRanking ผ่านเครือ่ งมือสอนคิด ได้แก่ PMI/OPV, 6 Hats, Compare and Contrast, Diagram/Mind Mapping, CAF/KWL, Cause and Effect, Ranking, Creative and Critical Thinking ข้ันตอนการจัดการเรยี นรู้ของโรงเรยี นเดื่อศรีไพรวัลย์โดยใช้รูปแบบการสอนคดิ Thinking School ผลการจดั การเรียนโดยใชร้ ปู แบบการสอนคิด Thinking School โรงเรียนเดอื่ ศรไี พรวลั ย์ มีกระบวนการในการจดั การเรียนการสอน ดังนี้ 1. Do Now ขั้นนำ เป็นการเตรียมความพร้อมนักเรียนก่อนเข้าสู่เนื้อหาโดยใช้คำถาม กระตุ้นความคิด เช่น ใช้เกมส์ภาพปริศนา เกมส์Kahoot แบบทดสอบQuizizz กิจกรรมBrain gym เกมส์จาก Word wall คำถามทายใจจำนวนนอ้ ยกว่ามากกว่า เปน็ ต้น

10 2. Purpose แจ้งจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เป็นการแจง้ ว่า วนั น้เี ราจะเรยี นเร่ืองท่ีจะสอน. เพ่ือ ......(จดุ ประสงค์การเรยี นรู้) ............. 3. Work Mode ขนั้ ลงมือปฏิบัติ ใชเ้ ทคนิคอภิปรายเป็นทมี (Team Discussion) โดยเร่ิม จากครูตั้งคำถามในเรื่องนั้น แล้วให้สมาชิกของกลุ่มทุก ๆ คนร่วมกันคิด พูด อภิปรายพร้อมกัน จากนน้ั ครู นำเสนอความรู้ ใช้เทคนิคทำเป็นกลมุ่ – ทำเป็นคู่ – และทำคนเดียว (Team – Pair – Solo) เริ่มจากครูอบิ ายเน้ือหาให้ความรู้ แล้วยิงประเดน็ คำถาม ตามเนอ้ื หาท่เี รียน นกั เรยี นรว่ มกันทำงานตาม ขั้นตอนกิจกรรมที่ครูกำหนด จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเนื้อหาที่เรียน พร้อมให้กับให้ นักเรียนสรุปความร้ทู ไ่ี ดใ้ นชัว่ โมงน้ัน ผา่ น เครอ่ื งมอื สอนคดิ และนำเสนอผ่านหน้าชั้นเรียน โดยใช้เครื่องมือสอนคิดทั้ง 10 เครื่องมืออย่างหลากหลายและสมกับเนื้อหาที่จัดการ เรยี นรู้ใหก้ ับนกั เรยี น 4. Reflective ขน้ั ประเมนิ ผล การประเมนิ ผลการจดั การเรียนการสอนท่เี นน้ การปฏิบตั ิ ได้

11 ผลการพฒั นารปู แบบการสอนคิดตามแนวทาง Thinking School ตารางบนั ทกึ ผลการประเมินการจดั การเรียนการสอนโดยใช้การสอนคิดตามแนวทางThinking School กจิ กรรม ความพึงพอใจ คิดเป็นร้อยละ 5 4 321 1. ครูมีการเตรียมการสอน 80 20 2. การจดั บรรยากาศห้องเรยี นเอ้อื ต่อการเรียนการสอน 76 24 3. เนื้อหาท่ีสอนทันสมยั นำไปใชไ้ ด้จริง 88 12 4. ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ชดั เจน 100 0.0 5. กิจกรรมการเรยี นการสอนสอดคลอ้ งกับจดุ ประสงค์การ เรยี นการสอน 88 12 6. ครสู ง่ เสริมใหน้ ักเรยี นทำงานรว่ มกันเปน็ กลมุ่ และ รายบคุ คล 76 24 7. ครูส่งเสริมใหน้ กั เรยี นมีความคิดรเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์และ รว่ มกันอภิปราย 68 32 8. กจิ กรรมการเรียนสนุกและนา่ สนใจ 76 24 9. ครูใหโ้ อกาสนกั เรยี นซักถามปญั หา 76 24 10. ครูใชว้ ธิ กี ารสอนและใชส้ ่ืออย่างหลากหลาย 68 32 11. ครูยอมรับความคิดเห็นของนกั เรียน 80 20 12. ครูให้ความสนใจแกน่ กั เรียนอยา่ งทวั่ ถึงขณะสอน 68 32 13. ครสู ง่ เสริมให้นกั เรยี นค้นควา้ หาความรจู้ ากห้องสมุด อินเทอร์เน็ตหรอื แหลง่ เรยี นรอู้ น่ื ๆ 84 16 14. ครตู งั้ ใจสอน ให้คำแนะนำ ชว่ ยเหลอื อำนวยความ สะดวกแก่นักเรียนในการทำกิจกรรม 80 20 15. ครูมบี คุ ลิกภาพ การแตง่ กายและการพูดจาเหมาะสม 84 16 16. ครเู ขา้ สอนและออกตรงเวลา 92 8 17. นักเรียนทราบเกณฑ์การประเมินผลลว่ งหนา้ 80 20 18. นักเรยี นมีสว่ นรว่ มในการประเมนิ ผลการเรียน 80 20 19. ครปู ระเมินผลอย่างยตุ ธิ รรม 80 20 20. นกั เรียนเรยี นอย่างมีความสขุ 80 20 รวมคะแนน เฉล่ยี 80.2 19.8

12 ความพงึ พอใจของผู้เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 โดยใช้รปู แบบการสอนคิด Thinking School พบว่า มีการจดั การเรียนรโู้ ดยใช้รูปแบบสอนคิด Thinking School มคี วามพงึ พอในระดับมากท่ีสุด คดิ เปน็ ร้อยละ 80.2 ทีเ่ ปน็ เช่นนเี้ พราะ สอดคล้องกบั แนวคิดเชลลี่ (Shelli, 1995) ได้ศกึ ษาแนวคิด เกยี่ วกับความพึงพอใจ สรุปได้วา่ เปน็ ความรูส้ กึ สองแบบของมนุษย์ คือ ความรสู้ กึ ในทางบวกและ ความร้สู ึกในทางลบ ความร้สู ึกในทางบวกเป็นความร้สู ึกที่เมอ่ื เกิดขึน้ แลว้ ทำใหค้ วามรู้สกึ ท่มี รี ะบบ ย้อนกลับ และความสุขนส้ี ามารถทำให้เกดิ ความสุขหรอื ความร้สู กึ ทางบวกเพ่ิมข้นึ ได้อีก ดงั นัน้ จะเหน็ ได้ วา่ ความสขุ เป็นความรสู้ ึกท่สี ลับซับซ้อนและความสขุ นจี้ ะมีผลตอ่ บคุ คลมากกว่า ความรู้สึกในทางบวก อ่นื ๆ ความร้สู ึกทางลบ ความรูส้ กึ ทางบวกและความสขุ มีความสัมพนั ธ์กัน อยา่ งสลบั ซับซอ้ น และ ระบบความสัมพนั ธข์ องความรสู้ กึ ทง้ั สามนเ้ี รียกว่าระบบความพึงพอใจ บทเรียนทไี่ ดร้ บั การเรยี นการสอนเทคนิคการสอนคิด Thinking School เน้นใหผ้ ู้เรียนได้มีบทบาทและมสี ว่ น รว่ มในกระบวนการเรียนรู้ โดยวธิ ีการจัดการเรยี นการสอนแบบหลากหลายวิธี หรืออาจกลา่ วไดว้ ่า การ จดั การเรียนการสอนแบบนี้ต้องการใหผ้ ้เู รยี นเปน็ ผูท้ ีม่ ีบทบาทหลกั ในกระบวนการเรียนการสอนดว้ ย ตนเอง เพื่อสร้างกระบวนการในการเรียนร้ทู ่เี หมาะสมกบั ผเู้ รียนให้มากที่สดุ และสง่ เสรมิ ใหผ้ ้เู รยี น กระตือรือรน้ ในการคิด วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ มากกวา่ การฟัง และการทอ่ งจำ เพื่อให้เกิดการเรียนรทู้ ่ีมี ประสิทธภิ าพสูง โดยผเู้ รยี นสามารถเรียนรไู้ ด้ท้ังในห้องเรียน นอกหอ้ งเรยี น ด้วยตนเอง การนำหลักการ การเรียนการสอนเทคนิคการสอนคดิ ตามแนว Thinking School หากเลือกวธิ ีการที่ไม่เหมาะสมมาใช้ จะทำให้เกิดผลเสยี มากกวา่ ผลดี จึงจำเปน็ ต้องเลือกวิธีการท่เี หมาะสมกับผู้เรียน ซ่ึงจะชว่ ยใหผ้ ู้เรียนนำ กระบวนการนี้ไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ และเพิ่มประสิทธิผลของการเรียนรู้ใหส้ ูงย่ิงข้ึน ข้อเสนอแนะในการจดั การเรียนร้รู ปู แบบสอนคิดตามแนวทาง Thinking School 1. นกั เรยี นสว่ นใหญย่ ังทำงานไม่เสร็จในคาบตามระยะเวลาที่กำหนด 2. ครูควรทำเนอื้ หาย่อย ๆ ให้กระชับกบั เวลาที่กำหนด 3. การนำเขา้ สบู่ ทเรียนควรใชเ้ วลาไม่มากเกินไปใหก้ ระชบั เวลา

13 ภาคผนวก 1. แบบประเมนิ ความพงึ พอใจการสอนคิด

14 แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรยี นต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครู โรงเรยี นเด่ือศรไี พรวัลย์ องค์การบรกิ ารส่วนจังหวดั สกลนคร -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ช่ือครูผ้สู อน .............................................................กล่มุ สาระการเรียนรู้ ................................................ รายวชิ า .................................... รหสั วชิ า ........................ชนั้ ............... ปีการศกึ ษา ...................... คำชี้แจง ใหท้ ำเคร่ืองหมาย ✓ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดบั ความพงึ พอใจดังน้ี 5 : มากท่สี ดุ 4 : มาก 3 : ปานกลาง 2 : น้อย 1 : น้อยท่สี ุด กิจกรรม ความพงึ พอใจ 54321 1. ครูมกี ารเตรียมการสอน 2. การจดั บรรยากาศห้องเรียนเอือ้ ต่อการเรียนการสอน 3. เน้ือหาทีส่ อนทนั สมยั นำไปใช้ได้จริง 4. ครูแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรชู้ ดั เจน 5. กจิ กรรมการเรยี นการสอนสอดคลอ้ งกับจดุ ประสงค์การเรยี นการ สอน 6. ครสู ง่ เสริมให้นักเรยี นทำงานรว่ มกนั เปน็ กลุ่ม และรายบคุ คล 7. ครูสง่ เสรมิ ให้นักเรียนมีความคิดรเิ ร่มิ สร้างสรรค์และรว่ มกัน อภปิ ราย 8. กจิ กรรมการเรียนสนุกและน่าสนใจ 9. ครใู ห้โอกาสนักเรยี นซกั ถามปัญหา 10. ครใู ช้วิธกี ารสอนและใช้สื่ออยา่ งหลากหลาย 11. ครยู อมรบั ความคดิ เหน็ ของนกั เรียน 12. ครูใหค้ วามสนใจแก่นกั เรียนอย่างท่วั ถึงขณะสอน 13. ครสู ่งเสริมใหน้ กั เรียนคน้ ควา้ หาความรู้จากห้องสมุด อินเทอร์เนต็ หรือแหล่งเรยี นรูอ้ ่นื ๆ 14. ครตู ั้งใจสอน ให้คำแนะนำ ชว่ ยเหลือ อำนวยความสะดวกแก่ นักเรยี นในการทำกจิ กรรม 15. ครูมีบุคลกิ ภาพ การแต่งกายและการพูดจาเหมาะสม

15 กิจกรรม ความพงึ พอใจ 54321 16. ครูเข้าสอนและออกตรงเวลา 17. นักเรียนทราบเกณฑ์การประเมนิ ผลลว่ งหนา้ 18. นกั เรียนมสี ่วนรว่ มในการประเมินผลการเรยี น 19. ครปู ระเมนิ ผลอย่างยตุ ธิ รรม 20. นักเรยี นเรียนอย่างมคี วามสุข รวมคะแนน รวมทัง้ หมด สรุปผลการประเมนิ  80- 100 ระดับความพึงพอใจมากทสี่ ุด  70-79 ระดบั ความพึงพอใจมาก  60 -69 ระดับความพึงพอใจปานกลาง  50-59 ระดับความพึงพอใจนอ้ ย  น้อยกวา่ 50 ระดับความพึงพอใจนอ้ ยที่สดุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook