บทท่ี 3 ระบบคอมพวิ เตอร์ ตัวชีว้ ัด • อภปิ รายองค์ประกอบและหลกั การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยกี ารส่อื สาร เพ่ือประยุกตใ์ ชง้ านหรอื แก้ปญั หาเบ้อื งต้น
คอมพิวเตอรท์ เ่ี ราใชก้ นั อยทู่ กุ วนั นเี้ ปน็ ผลมาจากการประดษิ ฐค์ ดิ คน้ เครอ่ื งมอื ในการคานวณซงึ่ มี ววิ ัฒนาการนานมาแลว้ เร่มิ จากเครอ่ื งมอื ในการคานวณเครอ่ื งแรกคอื \"ลกู คดิ \" (Abacus) ทส่ี รา้ งขน้ึ ใน ประเทศจนี เม่อื ประมาณ 2,000-3,000 ปมี าแลว้ คอมพวิ เตอรเ์ ครอื่ งแรกของโลกกาเนดิ ขน้ึ เมอ่ื 14 กมุ ภาพนั ธ์ คศ. 1946 ชือ่ ENIAC คอมพวิ เตอรจ์ ะสามารทางานได้จะตอ้ งอาศยั การทางานรว่ มกบั ขน้ั ตอนขององคป์ ระกอบตา่ งๆ อย่างเปน็ ระบบและเปน็ ลาดบั
1. องค์ประกอบของระบบคอมพวิ เตอร์ ระบบคอมพวิ เตอร์ (Computer System) หมายถงึ การทางานของคอมพิวเตอร์ท่ีมี ส่วนต่างๆทางานร่วมกันเพือ่ ใหบ้ รรลุเปา้ หมายในการทางานอย่างมีระบบและมีประสิทธภิ าพ ระบบคอมพิวเตอร์จะประกอบดว้ ย องค์ประกอบของระบบคอมพวิ เตอร์ มี 5 สว่ นหลกั คอื 1.ฮารด์ แวร์(Hardware) 2.ซอฟต์แวร์ (software) 3.บคุ ลากรคอมพวิ เตอร์ (Peopleware) 4.ขอ้ มูลและสารสนเทศ(Data and Information) 5.กระบวนการ(Processing)
1. ฮารด์ แวร์ (Hardware) คือ สว่ นของอุปกรณค์ อมพิวเตอร์ และอปุ กรณต์ ่อพว่ งที่ประกอบขนึ้ แล้วสามารถจบั ต้องได้ เช่น เครื่องคอมพวิ เตอร์ ปรนิ เตอร์ ฮารด์ ดสิ ก์
ฮารด์ แวร์สามารถแบง่ ออกเปน็ 4 สว่ นตามประเภทการใช้งานได้ ดังน้ี รับข้อมลู จากผู้ใช้ผ่านอปุ กรณฮ์ ารด์ แวรต์ า่ ง ๆ เช่น แป้นพิมพ์ เมาส์ สแกนเนอร์ หนว่ ยรับขอ้ มลู หน่วยรบั ข้อมลู (input unit) (Input Unit) จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สาหรับข้อมูลต่าง ๆ เข้า สู่คอมพิวเตอร์ จากน้ันหน่วยประมวลผลกลาง จะ นาไปประมวลผล และแสดงผลลัพธ์ที่ได้ออกมากให้ ผใู้ ช้รบั ทราบทางหน่วยแสดงผลลัพธ์
ขอ้ มูลตา่ ง ๆ จากอปุ กรณ์รบั ข้อมูล ถกู สง่ ต่อมายังหนว่ ยประมวลผลกลางเพอ่ื ประมวลผลขอ้ มูล หนว่ ยประมวลผลกลางเปน็ ศนู ยก์ ลางการ ประมวลผลของทงั้ ระบบเปรยี บเสมอื นกอง บัญชาการ หรือ สว่ นของศรี ษะของมนษุ ยท์ ี่มผี ู้ หน่วยประมวลผลกลางบัญชาการ หรือสมองอยภู่ ายใน (CPU) ภายในหน่วยประมวลผลกลาง จะ หนว่ ยรบั ขอ้ มลู เป็นการทางานประสานกนั ระหวา่ ง 2 สว่ น (Input Unit) หลัก คอื 1. สว่ นควบคมุ (Control Unit) 2. ส่วนคานวณและเปรยี บเทยี บขอ้ มลู (Arithmetic and Logical Unit or ALU)
เกบ็ ขอ้ มลู ลงในอปุ กรณ์ทีเ่ ก็บขอ้ มลู เพ่ือให้สามารถนามาใช้ใหม่ได้ในอนาคต หนว่ ยความจาหลัก (Primary Storage) หน่วยรับขอ้ มูล หน่วยประมวลผลกลาง (Input Unit) (CPU) หนว่ ยความจาสารอง (Secondary Storage)
2.หนว่ ยความจาหลกั (Main Memory หรอื Primary Storage) หน่วยความจาหลกั เป็นส่วนความจา พืน้ ฐานในคอมพวิ เตอรท์ กุ เคร่อื ง เปน็ หัวใจของการทางานในรปู แบบอัตโนมัติ มีหนา้ ท่ีเก็บขอ้ มูลตา่ ง ๆ ท่ี ปอ้ นเขา้ มาเพือ่ ให้ส่วนประมวลผลนาไปใช้ จะประกอบดว้ ย ------ หน่วยความจาแบบถาวร (Read Only Memory – ROM)แปลวา่ หนว่ ยความจาอา่ นอยา่ งเดยี ว หมายถงึ หนว่ ยความจาลกั ษณะหน่ึงทใี่ ช้สาหรับอ่านข้อมลู ออกมาได้อยา่ งเดียวเทา่ นน้ั จะบนั ทึกขอ้ มูลลงไปไมไ่ ดเ้ ลย หน่วยความจาส่วน นจ้ี ะเกบ็ คาสงั่ เบ้อื งตน้ ตา่ ง ๆ ไว้ และจะเกบ็ อยตู่ ลอดไป แมว้ ่าจะปดิ สวิตชท์ เ่ี ครอื่ งคอมพิวเตอร์ ขอ้ มลู ในรอมกจ็ ะสญู หายไปไหน ----- หนว่ ยความจาช่วั คราว (Random Access Memory – RAM) เป็นองคป์ ระกอบสาคญั ทีม่ ีผลตอ่ ประสิทธภิ าพการทางานโดยรวม ทั้งยงั สง่ ผลต่อความเร็วในการทางานของระบบ คอมพวิ เตอร์ ไมว่ า่ อปุ กรณ์ชนิดนน้ั จะเปน็ สมารท์ โฟน, แท็บเลต็ , คอมพวิ เตอร์ หรืออุปกรณ์ใด ๆ ท่ีจาเป็นต้องอา่ นและเขยี นคาสัง่ ไปยงั หนว่ ยความจาโดยการทางานของมนั นน้ั จะเป็นการเขียนหรือบันทกึ ข้อมลู แบบสุ่ม ซ่ึงหน่วยความจาชนิดนี้จะสามารถบันทกึ ข้อมลู ลงในตาแหนง่ ต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งอิสระ ทงั้ นกี้ ็เพื่อเพิ่มความเร็วในการบันทกึ และอา่ นข้อมลู จงึ เปน็ ที่มาของคาว่า Random access ขณะเดยี วกันก็ทาใหม้ นั แตกต่างจากหนว่ ยความจาประเภทอน่ื ๆ อยา่ งสิ้นเชงิ เม่ือเทียบกับฮารด์ ไดรฟ์ (Hard Drive) หรือ SSD (ทรี่ ้จู กั กนั ในนามของ Direct Access Memory) ส่ิงทที่ าใหม้ นั แตกต่างจากหนว่ ยความจาทเ่ี ขา้ ถึงได้โดยตรงนั่นก็ คือ เมื่อมกี ารตัดกระแสไฟฟ้าหรอื ปดิ คอมพิวเตอร์ ข้อมลู ที่อยูภ่ ายใน Ram ก็จะหายไปอยา่ งสมบรู ณ์
---หนว่ ยความจาสารองหรอื หนว่ ยเกบ็ ขอ้ มลู สารอง จะไมส่ ูญหายตราบเท่าท่ีผใู้ ชไ้ ม่ทาการลบขอ้ มลู นน้ั รวมท้งั หน่วยเก็บขอ้ มูลสารองยงั มีความจทุ สี่ งู มาก ขอ้ เสยี ของหน่วยเกบ็ ข้อมูลสารองคอื การเรียกใชข้ อ้ มูลจะชา้ กว่า หน่วยความจาหลักมาก สามารถแบง่ ออกได้เป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 4 ประเภท 1.แบบจานแมเ่ หลก็ เปน็ อุปกรณส์ ารองข้อมูลท่เี ปน็ ลักษณะของจานแมเ่ หล็กสาหรบั บนั ทกึ ข้อมลู ไวภ้ ายใน Disk ยกตวั อยา่ งเชน่ ฮารด์ ดิสก์ 2.แบบแสง จะคลา้ ยกบั แผน่ จานแม่เหลก็ ต่างกันทก่ี ารแบ่งจะเปน็ รปู กน้ หอย และเริ่มเก็บบันทกึ ขอ้ มูลจาก สว่ นด้านในออกมาดา้ นนอก ทีเ่ ป็นทนี่ ิยมและรจู้ กั กันดี เช่น CD , DVD 3.แบบเทป เปน็ สอื่ เกบ็ ขอ้ มลู ทสี่ ามารถเก็บข้อมูลได้เปน็ จานวนมากและเข้าถึงขอ้ มลู แบบเรียงลาดบั ตอ่ เนอ่ื งกนั ไป 4.แบบอื่นๆ เปน็ ส่ือเก็บข้อมลู แบบใหม่ท่ีพบไดท้ วั่ ไปในปัจจบุ นั มีชือ่ เรยี กแตกตา่ งกนั ไป เช่น Flash Drive
ทาหนา้ ทใ่ี นการแสดงผลขอ้ มูลท่ผี ่านการประมวลผลแล้ว โดยจะแปลงผลลพั ธจ์ ากสัญญาณดจิ ทิ ลั มาเปน็ ภาษาท่มี นษุ ย์ เขา้ ใจ เชน่ เสียง ตัวอกั ษร รูปภาพ ผ่านอปุ กรณ์แสดงผลขอ้ มูล เชน่
หลักการทางานของระบบคอมพวิ เตอร์ แสดงผลลพั ธ์ในรูปแบบท่ีมนษุ ยเ์ ข้าใจ ผา่ นอุปกรณ์ฮารด์ แวร์ต่างๆเชน่ จอภาพ ลาโพง ปริ้นเตอร์ หน่วยความจาหลกั (Primary Storage) หน่วยรับข้อมลู หน่วยประมวลผลกลาง หน่วยแสดงผลขอ้ มูล (Input Unit) (CPU) (Output Unit) หนว่ ยความจาสารอง (Secondary Storage)
2. ซอฟตแ์ วร์(Software) คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ที่ประกอบออกมาจากโรงงานจะยังไม่สามารถทางานใด ๆ เนื่องจากต้องมี Software(ซอฟต์แวร์) ซึ่งเป็นชุดคาส่ังหรือโปรแกรมที่ส่ังให้ฮาร์ดแวร์ ทางานต่าง ๆ ตามต้องการ โดยชุดคาสั่งหรือโปรแกรมน้ันจะเขียนข้ึนมาจาก ภาษาคอมพิวเตอร์ Programming Language(โปรแกรมิงแลงเกท) ภาษาใดภาษาหน่ึง และมี โปรแกรมเมอร์ Programmer(โปรแกรมเมอร์) หรือนักเขียนโปรแกรมเป็นผู้ใช้ ภาษาคอมพวิ เตอรเ์ หล่านัน้ เขยี นซอฟตแ์ วร์ต่าง ๆ ขึน้ มา
ซอฟตแ์ วร์ สามารถแบง่ ออกเปน็ สองประเภทใหญ่ ๆ คือ 1.ซอฟตแ์ วรร์ ะบบ System Software (ชิสเตม็ ซอฟแวร์) โดยส่วนมากแลว้ จะตดิ ตงั้ มากับเคร่ือง คอมพิวเตอร์เน่อื งจากซอฟตแ์ วร์ระบบเป็นสว่ นควบคุมทางานต่าง ๆ ของคอมพวิ เตอร์ เพื่อใหส้ ามารถเรม่ิ ต้น การทางานอ่นื ๆ ท่ผี ู้ใช้ต้องการไดต้ ่อไป -ระบบปฏบิ ตั กิ าร (Operating System) -โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utility Program) โปรแกรม Defrag เพ่ือจัดเรียงข้อมูลบนฮารด์ ดสิ กใ์ หม่ โปรแกรมยกเลกิ การตดิ ตงั้ โปรแกรม โปรแกรมบบี อัดไฟล์ (WinZip-WinRAR) โปรแกรมการสารองขอ้ มูล(Backup Data) -ดไี วซไ์ ดเวอร์ (Device Driver หรอื Driver) -ตัวแปลภาษา (Language Translator) โปรแกรมภาษา C
2.ซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ต์ Application Software (แอพพลเิ คชนั ชอฟแวร์) จะเป็นซอฟตแ์ วรท์ ีเ่ นน้ ใน การชว่ ยการทางานตา่ ง ๆ ใหก้ ับผูใ้ ช้ ซึ่งแตกต่างกนั ไปตามความตอ้ งการของผู้ใชแ้ ต่ละคน -ซอฟตแ์ วรส์ าหรบั งานทว่ั ไป เช่น Microsoft Office -ซอฟตแ์ วรส์ าหรบั งานเฉพาะงาน เป็น Software ท่ใี ช้สาหรับงานเฉพาะด้าน เชน่ Software สาหรบั งานธนาคารการฝากถอนเงนิ
3. บุคลากร (Peopleware) จะเปน็ ผปู้ ฏิบตั หิ น้าทีเ่ ก่ียวกบั คอมพวิ เตอร์เพือ่ ปอ้ นขอ้ มลู หรือใชค้ าสัง่ กบั คอมพวิ เตอรซ์ ง่ึ เปน็ สง่ิ สาคัญทจ่ี ะ เป็นตวั กาหนดถงึ ประสทิ ธภิ าพ ความสาเร็จ และความคุ้มค่าในการใช้งานคอมพิวเตอร์ บุคลากรคอมพวิ เตอรไ์ ด้แก่ โปรแกรมเมอร์ (System Manager) และผู้บริหารฐานข้อมูล (Database Administrator:DBA) 4. ข้อมลู สารสนเทศ (Data and Information) ข้อมูลดิบท่ีมีจานวนมากอาจอยู่ในรูปของตัวเลข ตัวอักษร หรือกราฟิก ซึ่งเป็นข้อมูลท่ีต้องการประมวลผล เพื่อทราบผลลพั ธ์ หรอื ตอ้ งการจัดเกบ็ ใหเ้ ป็นระบบเพ่อื สามารถนาไปใชง้ านตอ่ ไปได้
5. กระบวนการ (Processing) กระบวนการทางานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ซึ่งในการทางานกับคอมพิวเตอร์ผู้ใช้ จาเป็นต้องทราบขั้นตอนการทางานเพ่ือให้ได้งานที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยอาจมีข้ันตอน สลับซับซ้อนหลายขั้นตอน ดังน้ัน จึงมีความจาเป็นต้องมีคู่มือปฏิบัติงาน เช่น คู่มือผู้ใช้ คู่มือผู้ดูแล ระบบ เปน็ ต้น
2ห.หลหลักลกักกั กาารรททาางงาานนขขขออองงงรรระะะบบบบบบคคคอออมมมพพพวิ วิ เวิเตตเอตอรอร์ ร์ ์ ในการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ จะตอ้ งประกอบไปดว้ ยหน่วยตา่ งๆทางานร่วมกนั อย่างเปน็ ระบบ โดยหลกั การทางานของระบบคอมพวิ เตอร์ประกอบไปด้วย 5 ส่วนสาคัญ คือ หนว่ ยรบั ข้อมลู (Input Unit) หนว่ ยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit:CPU) หน่วยความจาหลัก (Primary Storage) หนว่ ยความจาสารอง (Secondary Storage) และหน่วยแสดงผลข้อมูล (Output Unit)
หลักการทางานของระบบคอมพวิ เตอร์ สามารถแบง่ ออกเปน็ 4 ขนั้ ตอนดงั นี้ หนว่ ยความจาสารอง การรบั ขอ้ มลู การแสดงผลขอ้ มลู การประมวลผลขอ้ มลู หน่วยความจาหลกั
3.เทคโนโลยีการสื่อสาร 3.1องค์ประกอบการสื่อสารขอ้ มูล
องคป์ ระกอบการสอื่ สารขอ้ มลู 1.ขอ้ มลู ขา่ วสาร (Message) คอื ข้อเทจ็ จริงที่ผ้สู ง่ ต้องการถ่ายทอดไปยังผูร้ ับ ซ่งึ อาจแสดงออกมาโดยภาษาหรอื สัญลักษณ์ตา่ ง ๆ ท่ี ผู้ส่งและผู้รับเขา้ ใจ ซึง่ อาจถกู เรียกวา่ สารสนเทศ (Information) โดยแบง่ เป็น 5รปู แบบ ดงั นี้ ขอ้ ความ ตัวเลข รูปภาพ เสียง วดิ โี อ 2.ผสู้ ่งสาร (Sender) คอื บคุ คล กล่มุ บุคคล หรืออปุ กรณท์ ่ีทาหนา้ ทีเ่ ป็นแหลง่ กาเหนิดของข้อมูลข่าวสารทตี่ อ้ งการสง่ ไปยงั ผูร้ บั สาร อาจจะเปน็ สญั ญาณตา่ ง ๆ เช่น สัญญาณภาพ ในการตดิ ต่อส่ือสารสมัยก่อนอาจจะใชแ้ สงไฟ ควนั ไฟ หรือทา่ ทางต่าง ๆ กน็ บั ว่า เป็นแหล่งกาเนดิ ขา่ วสาร จัดอยู่ในหมวดหมูน่ เี้ ช่นกนั 3.ส่ือกลาง (Medium) หรือตวั กลาง เป็นเสน้ ทางการสอื่ สารเพอ่ื นาข้อมลู จากต้นทางไปยังปลายทาง ส่ือสง่ ข้อมลู อาจเปน็ สายค่บู ิด เกลยี ว สายโคแอกเชียล สายใยแก้วนาแสง หรอื คล่ืนทสี่ ง่ ผา่ นทางอากาศ เชน่ คล่นื วิทยภุ าคพ้นื ดิน หรอื คล่ืนวิทยุผา่ นดาวเทียม 4.ผรู้ บั สาร (Receiver) เปน็ ปลายทางการสื่อสาร มีหน้าท่รี ับขอ้ มลู ที่สง่ มาให้ เช่น ผ้ฟู งั เครือ่ งรบั โทรทศั น์ เครอ่ื งพิมพ์ 5.โปรโตคอล (Protocol)ในการสอ่ื สารทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จาต้องมีการส่ือสารข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบ ซึ่งเครือ่ งคอมพิวเตอร์ที่ตอ่ อยูใ่ นเครือขา่ ยเดยี วกันน้ี อาจจะมีฮารด์ แวร์,ซอฟท์แวร์ท่แี ตกตา่ งกัน ดงั น้ันเมื่อทาการส่งข้อมูลถึงกันและ ตคี วามหมายไดต้ รงกัน จงึ ต้องมีการกาหนดระเบียบวิธีการติดต่อให้ตรงกัน โปรโตคอล จึงหมายถึง ระเบียบวิธีท่ีกาหนดข้ึนสาหรับ การสื่อสารขอ้ มูล โดยสามารถสง่ ผา่ นข้อมูลไปยงั ปลายทางได้อย่างถูกตอ้ ง เช่น TCP/IP (Transmission Control Protocol)เป็นตน้
เทคโนโลยกี ารส่ือสาร พฒั นาการของการสือ่ สารขอ้ มลู ยคุ โบราณ ยคุ อตุ สาหกรรม ยคุ ปัจจบุ นั
เทคโนโลยกี ารสือ่ สาร ทศิ ทางการสื่อสารข้อมูล ไมส่ ามารถส่งขอ้ มลู ยอ้ นกลบั ได้ ส่งขอ้ มลู ได้สองทิศทาง สง่ ขอ้ มลู ไดส้ องทศิ ทางพรอ้ มกัน แตส่ ง่ พรอ้ มกันไม่ได้
3.4 ส่อื กลางของการสือ่ สารข้อมูลผ่านระบบเครอื ข่าย สอ่ื กลางประเภทสายสัญญาณ • สายคบู่ ิดเกลยี ว (Twisted Pair) • พบได้ทว่ั ไปในระบบโทรศพั ทบ์ ้านซงึ่ นามาใชก้ บั ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรด์ ว้ ย สายค่บู ิดเกลียวชนิดหมุ้ ฉนวน (Shielded Twisted Pair : สายคู่บิดเกลียวชนดิ ไม่หมุ้ ฉนวน (Unshielded Twisted Pair : ขอ้ ดี ขอ้ ดี - ส่งสายขอ้ มลู ดว้ ยความเร็วสูงกว่า - ราคาถูก แบบไม่มีฉนวนหมุ้ - น้าหนกั เบา สามารถตดิ ตงั้ ได้งา่ ย - สามารถปอ้ งกนั สญั ญาณรบกวนไดด้ ี - มีความยืดหยนุ่ สามารถดดั โค้งงอได้ ข้อเสีย ขอ้ เสีย - มีขนาดใหญก่ ว่าแบบไม่มีฉนวนหุ้ม - ไมเ่ หมาะในการเช่ือมตอ่ กับอปุ กรณ์ - ไม่ยืดหยุ่น ดัดโค้ง งอไดไ้ มม่ าก ทอี่ ยูห่ ่างไกล - ราคาแพงกว่าแบบไม่มีฉนวนหมุ้
• สายโคแอกเชียล(coaxial) เป็นตัวกลางเชื่อมโยงที่มีลักษณะเช่นเดียวกับสายที่ต่อจากเสาอากาศ สายโคแอกเชียลที่ใช้ทั่วไปมี 2 ชนิด คือ 50 โอห์มซึ่งใช้ส่งข้อมูลแบบดิจิทัล และชนิด 75 โอห์มซึ่งใช้ส่งข้อมูลสัญญาณแอนะล็อก สายประกอบด้วย ลวดทองแดงทีเ่ ปน็ แกนหลกั หน่ึงเส้นทีห่ ุม้ ด้วยฉนวนช้ันหนึ่ง เพื่อป้องกันกระแสไฟรั่ว จากนั้นจะหุ้มด้วยตัวนาซึ่งทาจาก ลวดทองแดงถักเปน็ เปีย เพ่อื ปอ้ งกันการรบกวนของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าและสัญญาณรบกวนอื่นๆ ก่อนจะหุ้มชั้นนอกสุด ด้วยฉนวนพลาสติก ลวดทองแดงที่ถักเป็นเปียนี้เองเป็นส่วนหนึ่งที่ทาให้สายแบบนี้มีช่วงความถี่สัญญาณไฟฟ้าสามารถ ผ่านไดส้ งู มาก และนิยมใช้เป็นชอ่ งสอ่ื สารสญั ญาณแอนะล็อกเช่อื งโยงผ่านใตท้ ะเลและใต้ดนิ
• เคเบลิ เสน้ ใยนาแสง หรือสายไฟเบอรอ์ อปตกิ (Fiber optic cable) • สายยเู อสบี (Universal Serial Bus :USB) ข้อดี USB Type-A - สามารถบรรจุขอ้ มลู ได้จานวนมาก - มขี นาดเลก็ น้าหนกั เบา - มอี ายกุ ารใชง้ านนาน ขอ้ เสีย พอรท์ หรือชอ่ งทางในการเชือ่ มต่อระหว่างคอมพิวเตอรก์ ับอปุ กรณ์ - เสน้ ใยแกว้ นาแสงเปราะบาง แตกหักงา่ ย อนื่ ๆ ไมว่ า่ จะเป็น Printer, Modem , Mouse, Keyboard, Digital - ไมส่ ามารถดัดโค้งงอได้ Camera เป็นตน้ ระบบ USB นน้ั นบั ว่าเป็นระบบทท่ี นั สมยั รองลงมา - ในการติดตัง้ ต้องใชเ้ ครอื่ งมอื พิเศษ จาก Fire wire เนื่องจากรองรบั อปุ กรณไ์ ด้มากขน้ึ และ ง่ายตอ่ การติดต้ัง มีความสามารถรองรับ Plug and Play จงึ ทาให้ USB เปน็ ทน่ี ิยมอยา่ ง มากใน ปัจจุบัน
เทคโนโลยกี ารสอ่ื สาร 5.2.2 ตวั กลางการสื่อสารข้อมูลผา่ นระบบเครอื ข่าย สื่อกลางประเภทไร้สายสญั ญาณ (Wireless Media)
เทคโนโลยกี ารสอ่ื สาร 3.5 ประเภทของระบบเครือข่าย สามารถแบง่ ตามลกั ษณะการบริหารเครือขา่ ยไดด้ ังนี้ เครอื ขา่ ยส่วนบุคคล หรือแพน (Personal Area Network: PAN) เปน็ การเชอ่ื มต่อเครอื ขา่ ยระหวา่ งอุปกรณ์เคลอ่ื นทส่ี ว่ นบคุ คลซ่ึงเปน็ การเชือ่ มต่อแบบไร้สายในระยะใกล้ เช่น เชน่ Bluetooth บลูทูธ 4 รองรับการใช้งานนอกสถานที่ในระยะ 50 เมตร และรองรับการใชง้ านในอาคารระยะ 10 เมตร ซึง่ ถือว่าคอ่ นขา้ งตา่ ส่วนบลูทูธ 5 มีระยะการทางานภายนอกอาคารที่ 200 เมตรเมอ่ื ไม่มวี ตั ถุใดๆ กีดขวาง (Line of Sight) และ 40 เมตรในอาคาร ถ้าคุณต้องการฟังเพลงด้วย หูฟังบลูทูธ พร้อมๆ กับเดินวนรอบบ้านไปด้วย การ ใช้หฟู ังทีร่ องรบั บลูทูธ 5 จะเป็นการดีทส่ี ดุ
เทคโนโลยีการสอื่ สาร ประเภทของระบบเครือขา่ ย เครือข่ายทอ้ งถิ่น เครอื ขา่ ยเฉพาะที่ หรือแลน ( Local Area Network: LAN ) เปน็ การเชอื่ มต่อเครือขา่ ยระยะใกล้ เชือ่ มโยงอปุ กรณต์ ่าง ๆ ในพื้นท่ีเดยี วกัน เช่น ระบบเครอื ข่ายภายในโรงเรียน ซึง่ มที ั้งแบบท่ีใชส้ าย (LAN) และแบบไรส้ าย( Wireless LAN : WLAN ) โดยใช้เทคโนโลยไี วไฟ (Wi – Fi technology)
เทคโนโลยกี ารสอ่ื สาร ประเภทของระบบเครือขา่ ย เครือขา่ ยระดับเมอื ง (Metropolitan Area Network หรอื MAN) เปน็ การเช่อื มตอ่ เครอื ขา่ ยระดบั ทอ้ งถน่ิ หลายเครือขา่ ยเขา้ ด้วยกัน เปน็ เครอื ข่ายขนาดกลาง ใช้ภายในเมอื ง หรอื จงั หวดั ทใี่ กล้เคียงกัน เช่น ระบบเคเบลิ ทวี ที ีม่ สี มาชิกตามบา้ นทวั่ ไปทเ่ี ราดกู นั อย่ทู ุกวัน กจ็ ดั เปน็ ระบบ เครือขา่ ยแบบ MAN
เทคโนโลยกี ารสอื่ สาร ประเภทของระบบเครือขา่ ย เครอื ข่ายระดับประเทศ หรือเครอื ข่ายบริเวณกวา้ ง ( Wide Area Network : WAN) เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีเช่ือมต่อระบบคอมพิวเตอร์ เข้าด้วยกันในระยะไกล เช่น ระหว่างจังหวัด ประเทศ หรอื ทวีป เป็นการเช่ือมตอ่ เครือข่ายในพื้นท่ีท่ีอยู่ห่างไกล สามารถติดต่อส่ือสารข้ามทวีปหรือท่ัวโลกได้ ใช้ติดต้ัง บริเวณกว้าง มีสถานีหรือจุดเช่ือมต่อมากมาย มากกว่า 1 แสนจุด ใช้สื่อกลางหลายชนิด เช่น ระบบคล่ืนวิทยุ ไมโครเวฟ หรอื ดาวเทยี ม
ความรเู้ พมิ่ เตมิ เมอื่ คอมพวิ เตอรม์ ปี ญั หา ตารางรหสั เสยี ง Beep BIOS Award เสียง ความหมาย เสียงบ๊บี สน้ั ๆ 1 คร้ัง (Beep) เคร่ืองทางานปกติดี , POST ผา่ น เสยี งบ๊บี สนั้ ๆ 2 ครั้ง /(Beep Beep) เครอ่ื งทางานผิดปกติ , POST ไมผ่ ่าน เสียงบ๊บี สนั้ ๆ หลายครง้ั อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง แหลง่ จ่ายไฟ (PowerSupply) หรือเมนบอร์ดมีปญั หา (Beep Beep Beep Beep Beep) เสียงบ๊บี ยาวๆ 1 ครงั้ และสั้นๆ 1 คร้ัง เมนบอร์ดมปี ญั หา (Beep… Beep) เสียงบ๊บี ยาวๆ 1 คร้ัง และสน้ั ๆ 3 คร้งั การด์ จอเสียบไมแ่ นน่ หรือการ์ดจอเสีย (Beep… Beep Beep Beep) เสียงบ๊บี ยาวๆ หลายครง้ั อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง แรมเสียบไม่แนน่ หรอื หน้าสัมผัสสกปรก (Beep… Beep… Beep… Beep… Beep…) ไม่มีเสยี ง… BIOS ลม่ , power supply มีปัญหา, หรือเมนบอร์ดเสยี
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: