ยนิ ดนี ำเสนอ
คำในภำษำไทย
คำกริยำ ความหมายของคากริยา คำกริยำ คือ คำท่ีแสดงอำกำร กำรกระทำ และสภำพของนำมหรือสรรพนำม ชนิดของคานาม หลกั ภำษำไทยได้แบง่ คำกริยำออกเป็น ๔ ชนิด ดงั นี ้ ๑. อกรรมกริยำ ๒. สกรรมกริยำ ๓. วกิ ตรรถกริยำ ๔. กริยำนเุ ครำะห์ 5. กริยำสภำวมำลำ
๑. อกรรมกริยา คอื กริยำท่ีไมต่ ้องมีกรรมมำรับข้ำง ท้ำย เพรำะมีใจควำมสมบรู ณ์อยแู่ ล้ว เชน่ ดวงอำทิตย์กำลงั จะตกจำกฟ้ ำ (จำกฟ้ ำ ไมใ่ ชก่ รรมแตเ่ ป็นสว่ นขยำย) น้องร้องไห้อยนู่ ำน (อยนู่ ำน ไมใ่ ชก่ รรมแตเ่ ป็นสว่ นขยำย) ต้นไม้ใหญ่หลงั บ้ำนหกั (หกั เป็นอกรรมกริยำ) ๒. สกรรมกริยา คอื กริยำที่ต้องมีกรรมมำรับข้ำง ท้ำยจงึ จะได้ใจควำมสมบรู ณ์ เชน่ น้องกินข้ำวคำใหญ่ (ข้ำว เป็นกรรมท่ีมำรองรับ คำกริยำคำวำ่ กิน) คนงำนกำลงั ซอ่ มบ้ำนให้คณุ ป่ ู (บ้ำน เป็นกรรมท่ีมำ รองรับคำกริยำคำวำ่ ซอ่ ม)
๓. วกิ ตรรถกริยา คือ กริยำท่ีไมม่ ีเนือ้ ควำมใน ตนเอง ต้องมีคำนำม คำสรรพนำม หรือ คำวิเศษณ์มำ ทำหน้ำที่เป็นสว่ นเตมิ เตม็ ข้ำงท้ำยจงึ จะได้ใจควำม สมบรู ณ์ ได้แก่คำวำ่ เป็น เหมือน คล้ำย เท่ำ คือ ดจุ ประดจุ รำวกบั เพียงดงั เสมอื น เช่น คณุ พอ่ เป็นตำรวจ (ตำรวจ เป็นสว่ นเติมเต็มของ คำกริยำ เป็น) เดก็ ผ้หู ญิงคนนีค้ ล้ำยน้องเธอมำก (น้องเธอ เป็นสว่ น เตมิ เตม็ ของคำกริยำ คล้ำย) ๔. กริยานุเคราะห์ คอื กริยำที่ช่วยกริยำสำคญั ใน ประโยคให้ได้ใจควำมชดั เจนยง่ิ ขนึ ้ กริยำชนิดนีไ้ มม่ ีก็ได้ ประโยคยงั คงสือ่ ควำมหมำยได้เหมือนเดิม ได้แกค่ ำวำ่ คง เคย กำลงั ต้อง ควร จะ อำจ ถกู เช่น วนั นีฝ้ นน่ำจะตก แมก่ ำลงั ทำอำหำร ดำถกู รถชน
5. กริยาสภาวมาลา คอื กริยำทท่ี ำหน้ำทีเ่ ป็นคำนำม จะเป็น ประธำน กรรม หรือ บทขยำยของประโยคก็ได้ เชน่ นอนหลบั เป็นกำรพกั ผอ่ นทดี่ ี ( ประธำนของประโยค) ฉนั ชอบไป เท่ียวกบั เธอ ( เป็นบทกรรม ) ฉนั มำเพอื่ ดเู ขำ ( เป็นบทขยำย ) หน้าท่ขี องคากริยา ๑. กริยำทำหน้ำทเ่ี ป็นตวั แสดงของประธำน เชน่ พอ่ ครัวปรุง อำหำรจำนเดด็ ๒. กริยำทำหน้ำท่ีขยำยคำนำมท่ีอยขู่ ้ำงหน้ำ เชน่ ตำรวจห้ำมเลน่ ปื นฉีดนำ้ (ฉีดนำ้ ขยำยคำวำ่ ปื น) ๓. คำกริยำทำหน้ำทีไ่ ด้เหมือนคำนำม หมำยควำมวำ่ นำมทำ หน้ำทีเ่ ป็นประธำน คำกริยำก็ทำหน้ำทีเ่ ป็นประธำนได้ คำนำม ทำหน้ำท่ีเป็นกรรมคำกริยำบำงคำก็ทำหน้ำท่เี ป็นกรรมได้เหมือน คำนำม เชน่ ต่ืนนอนตอนเช้ำทำให้ร่ำงกำยสดชื่นแจม่ ใส (ต่ืนนอนตอนเช้ำ เป็นคำกริยำทท่ี ำหน้ำทเ่ี ป็นประธำน) เขำไมช่ อบออกกำลงั กำย (ออกกำลงั กำย เป็นคำกริยำที่ทำ หน้ำที่เป็นกรรมเพรำะถกู ไม่ชอบ)
คาวิเศษณ์
คาวเิ ศษณ์ ควำมหมำยของคำวเิ ศษณ์ คำวเิ ศษณ์ คือ คำที่ทำหน้ำที่ขยำยคำนำม คำสรรพ นำม คำกริยำ หรือคำวเิ ศษณ์เอง เพอ่ื ให้ได้ใจควำม ชดั เจนขนึ ้ คำวิเศษณ์มกั จะอยหู่ ลงั คำท่ีนำมำขยำย ชนิดของคาวเิ ศษณ์ หลกั ภำษำไทยได้แบง่ คำวิเศษณ์ออกเป็น ๑๐ ชนิด ดงั นี ้ ๑. ลกั ษณวิเศษณ์ ๘. ประติชญำวิเศษณ์ ๒. กำลวิเศษณ์ ๙. ประติเษธวิเศษณ์ ๓. สถำนวเิ ศษณ์ ๑๐. ประพนั ธวเิ ศษณ์ ๔. ประมำณวิเศษณ์ ๕. ปฤจฉำวิเศษณ์ ๖. นิยมวเิ ศษณ์ ๗. ๗. อนิยมวิเศษณ์
๑. ลักษณวิเศษณ์ คือ คำท่ีใช้ขยำยคำอ่ืนเพ่ือบอก ลกั ษณะของคำนนั้ ๆ อำจบอกชนดิ ขนำด สี เสียง กลิน่ รส สมั ผสั และอำกำร เชน่ ดอกมะลมิ ีกล่นิ หอม (บอกกล่นิ ) ปำกกำสีดำตกอยใู่ ต้โต๊ะ (บอกสี) ๒. กาลวเิ ศษณ์ คือ คำท่ีใช้ขยำยคำอ่ืนเพ่ือบอกเวลำ เช้ำ สำย บำ่ ย โบรำณ ปัจจบุ นั อดีต อนำคต เชน่ เมื่อคนื นีล้ มพดั แรงมำก เขำไปเรียนพเิ ศษทกุ วนั ๓. สถานวิเศษณ์ คอื คำที่ใช้ขยำยคำอ่ืนเพ่ือบอก สถำนท่ี ไกล ใกล้ บน ลำ่ ง เหนือ ใต้ เชน่ เขำเป็ นคนอีสำน โรงเรียนของฉนั อยไู่ กล ๔. ประมาณวเิ ศษณ์ คอื คำที่ใช้ขยำยคำอ่ืนเพ่ือบอก จำนวนนบั หนง่ึ สอง ที่หนง่ึ ท่ีสอง หรือบอกปริมำณ มำก น้อย จุ หมด อนั ลำ ทงั้ หมด บำง บ้ำง ตำ่ ง เชน่ เขำกินข้ำวจุ ฉนั สอบได้ที่หนง่ึ
๕. ปฤจฉาวเิ ศษณ์ คือ คำท่ีใช้ขยำยคำอนื่ เพ่อื แสดงควำมสงสยั หรือ เป็นคำถำมวำ่ ใคร ทำไม ที่ไหน เท่ำไร อะไร เช่น คนไหนเรียนเกง่ คณุ ชอบรับประทำนอำหำรประเภทใด ๖. นิยมวเิ ศษณ์ คือ คำท่ีใช้ขยำยคำอน่ื เพื่อบอกควำมแนน่ อน ควำมชดั เจนวำ่ เป็นสิง่ นี ้ ส่ิงนนั้ นี่ นนั้ เอง แนน่ อน เชน่ ฉนั เองท่ีทำแก้วแตก พรุ่งนีผ้ มจะไปหำคณุ แนน่ อน ข้อสงั เกตควรจำ คำวเิ ศษณ์บอกควำมแนน่ อนจะอยหู่ ลงั คำขยำย แตถ่ ้ำทำหน้ำท่ี เป็ นประธำนหรือกรรมในประโยค จดั เป็ นนิยมสรรพนำม เช่น แมน่ ีม้ ีบญุ คณุ อนั ใหญ่หลวง (นิยมวิเศษณ์) นี่คอื แมข่ องฉนั (นิยมสรรพนำม) ๗. อนิยมวิเศษณ์ คอื คำที่ใช้ขยำยคำอ่นื โดยไมบ่ อกกำหนด แนน่ อนลงไปวำ่ เม่ือไร ท่ีไหน อยำ่ งไร ทำไม เช่น เหตใุ ดเธอรีบกลบั บ้ำน ฉนั จำไมไ่ ด้วำ่ เขำชอบสอี ะไร ข้อสงั เกตควรจำ คำวิเศษณ์บอกควำมแนน่ อนจะอยหู่ ลงั คำขยำยเทำ่ นนั้ แตถ่ ้ำทำ หน้ำที่เป็นประธำนหรือกรรมในประโยค จดั เป็นอนิยมสรรพนำม เช่น ทำอะไรยอ่ มรู้อยแู่ ก่ไจ (อนิยมวิเศษณ์) อะไรฉนั ก็กินได้ (อนิยมสรรพนำม)
๘. ประตชิ ญาวเิ ศษณ์ คือ คำที่ใช้ขยำยคำอืน่ เพ่ือ แสดงอำกำรรับรอง โต้ตอบ ขำนรับ วำ่ จ๊ะ จ๋ำ คะ เออ พะยะคะ่ เชน่ ทำ่ นครับผมขอลำหยดุ ๑ วนั คณุ คะเชิญทำงนีค้ ะ่ ๙. ประตเิ ษธวเิ ศษณ์ คือ คำที่ใช้ขยำยคำอน่ื เพื่อ แสดงควำมไมย่ อมรับ ได้แก่คำวำ่ ไม่ ไมไ่ ด้ ไมใ่ ช่ หำ มไิ ด้ เช่น หนงั สือเลม่ นีไ้ มใ่ ช่ของฉนั ผมไมต่ ้องกำรไปเท่ียวกบั คณุ ๑๐. ประพันธวเิ ศษณ์ คอื คำท่ีใช้เช่ือมคำอ่ืน โดยมี คำวำ่ ที่ ซง่ึ อนั ดงั ท่ี เพื่อวำ่ อยำ่ งท่ี ชนิดที่ ท่ีวำ่ คอื เพอ่ื วำ่ เชน่ จงทำอยำ่ งที่ฉนั สง่ั เขำกินชนิดที่คนอ่ืนไมก่ ล้ำมอง
หน้าท่ขี องคาวิเศษณ์ ๑. คาวเิ ศษณ์ทาหน้าท่ขี ยายคานามท่อี ยู่ข้างหน้า เช่น บ้ำนสวยรำคำไม่แพง (สวย เป็นคำวเิ ศษณ์ขยำยคำนำม บ้ำน) ๒. คาวเิ ศษณ์ทาหน้าท่ขี ยายคาสรรพนามท่อี ยู่ ข้างหน้า เช่น ฉนั เองเป็นคนบอกควำมจริงแกเ่ ขำ (เอง เป็นวเิ ศษณ์ขยำย คำสรรพนำม ฉนั ) ๓. คาวิเศษณ์ทาหน้าท่ขี ยายคากริยา เชน่ คนตื่นเช้ำมกั ได้เปรียบคนอ่ืน (เช้ำ เป็นคำวิเศษณ์แสดง เวลำทำหน้ำท่ีขยำยคำกริยำ ตนื่ ) ๔. คาวเิ ศษณ์ทาหน้าท่ขี ยายคาวิเศษณ์ด้วยกนั เอง เชน่ นำงสำวไทยคนนีม้ ีหน้ำตำสวยมำก (มำก เป็นคำวิเศษณ์ บอกจำนวนท่ีทำหน้ำท่ีขยำยคำวเิ ศษณ์ สวย)
คำอทุ ำน
คาอุทาน ความหมายของคาอุทาน คำอทุ ำน หมำยถงึ คำที่เปลง่ ออกมำเพื่อแสดง อำรมณ์และควำมรู้สกึ ตำ่ ง ๆ ของผ้พู ดู ชนิดของคาอุทาน หลกั ภำษำไทยได้แบง่ คำอทุ ำนออกเป็น ๒ ชนิด ดงั นี ้ ๑. อทุ ำนบอกอำกำร ๒. อทุ ำนเสริมบท
๑. อุทานบอกอาการ คือ คำท่ีบอกอำรมณ์หรือควำมรู้สกึ ตำ่ ง ๆ ของผ้พู ดู คำอทุ ำนชนิดนีม้ กั อยหู่ น้ำประโยค และมีเคร่ืองหมำย อศั เจรีย์( ! ) กำกบั อยทู่ ้ำยคำอทุ ำน แบง่ เป็น ๑.๑ อำกำรร้องเรียกหรือบอกให้รู้ตวั เชน่ นี่แน่ะ ! เฮ้ย ! โว้ย ! ๑.๒ อำกำรโกรธเคือง เชน่ ดดู ู๋ ! ชะๆ ! ชิๆ ! ๑.๓ อำกำรประหลำดใจหรือตกใจ เช่น เอ๊ะ ! ว๊ำย ! แมเ่ จ้ำ โว้ย ! ๑.๔ อำกำรสงสำรหรือปลอบโยน เช่น อนิจจำ ! พธุ โธ่ ! ๑.๕ อำกำรเข้ำใจหรือรับรู้ เช่น เออ ! เออน่ะ ! อ้อ ! ๑.๖ อำกำรเจ็บปวด เช่น โอย ! โอ๊ย ! ๑.๗ อำกำรจำกสงิ่ ธรรมชำติ เช่น ตมู ! โครม ! เปรีย้ ง ! ๒. อุทานเสริมบท คอื คำท่ีนำมำเสริมเพ่ือให้เกิดควำมสละสลวยขนึ ้ ๒.๑ มกั เป็นคำคทู่ ่ีมีเสียงสมั ผสั คล้องจองกนั เช่น หนงั สอื หนงั หำ อำบนำ้ อำบทำ่ กินข้ำวกินปลำ ๒.๒ ไมน่ ิยมใสเ่ ครื่องหมำยอศั เจรีย์ ( ! ) กำกบั ๒.๓ คำสร้อยในบทร้อยกรองก็จดั เป็ นคำอทุ ำนเสริมบท ได้แกค่ ำวำ่ แฮ เอย เทอญ นำ ฤำ โอ้วำ่ แล เฮย เชน่ เสยี งรือเสียงเลำ่ อ้ำง อนั ใด พี่เอย
หน้าท่ขี องคาอุทาน ๑. ทำหน้ำที่แสดงควำมรู้สกึ ของผ้พู ดู เชน่ โธ่ ! เธอคงหนำวมำกนะ ๒. ทำหน้ำที่เพิ่มนำ้ หนกั ของคำ ซงึ่ ได้แก่คำอทุ ำนเสริม บท เชน่ เม่ือไรลกู จะไปอำบนำ้ อำบทำ่ เสียทีนะ ๓. ทำหน้ำท่ีประกอบข้อควำมในคำประพนั ธ์ เช่น กอ เอย๋ กอไก่
คำบุพบท
คาบุพบท ความหมายของคาบุพบท คำบพุ บท หมำยถงึ คำที่ใช้นำหน้ำคำนำม คำสรรพ นำม คำกริยำ หรือคำวเิ ศษณ์ ซง่ึ ทำหน้ำท่ีเช่ือมคำหรือ กลมุ่ คำนนั้ ให้ตอ่ เน่ืองสมั พนั ธ์กนั ชนิดของคาบุพบ หลกั ภำษำไทยได้แบง่ คำบพุ บทออกเป็น ๖ ชนิด ดงั นี ้ ๑. คำบพุ บทบอกสถำนท่ี ๒. คำบพุ บทบอกเวลำ ๓. คำบพุ บทบอกควำมเป็นเจ้ำของ ๔. คำบพุ บทบอกที่มำหรือสำเหตุ ๕. คำบพุ บทบอกฐำนะเป็นผ้รู ับ ๖. คำบพุ บทบอกฐำนะเคร่ืองใช้ หรือติดตอ่ กนั
๑. คาบุพบทบอกสถานท่ี ได้แกค่ ำวำ่ ใต้ บน ริม ชิด ใกล้ ไกล ที่ นอก ใน เช่น เสอื ้ สขี ำวอยใู่ นต้เู สอื ้ ผ้ำ เขำขำยส้มตำอยใู่ กล้สถำนีตำรวจ ๒. คาบุพบทบอกเวลา ได้แก่คำวำ่ แต่ ตงั้ แต่ ณ เม่ือ จน จนกระทงั่ เช่น เขำอำ่ นหนงั สอื จนดกึ คณุ พอ่ ไปทำงำนแตเ่ ช้ำ ๓. คาบุพบทบอกความเป็ นเจ้าของ ได้แก่คำวำ่ แหง่ ของ เชน่ เขำทำงำนอยวู่ ทิ ยกุ ระจำยเสียงแหง่ ประเทศไทย เงินของฉนั หำย ๔. คาบุพบทบอกท่มี าหรือสาเหตุ ได้แก่คำวำ่ แต่ จำก กวำ่ เหตุ ตงั้ แต่ เช่น คณุ แมซ่ ือ้ ผกั มำจำกตลำด ชำวนำเดนิ มำตงั้ แตท่ ี่นำถงึ บ้ำน ๕. คาบุพบทบอกฐานะเป็ นผู้รับ ได้แก่คำวำ่ เพ่ือ ตอ่ แก่ แด่ เฉพำะ สำหรับ เชน่ ฉนั ทำทกุ อยำ่ งเพื่อแม่ เขำถวำยปัจจยั แดพ่ ระสงฆ์ ๖. คาบุพบทบอกฐานะเคร่ืองใช้ หรือติดตอ่ กนั ได้แกค่ ำวำ่ โดย ด้วย อนั ตำม กบั เชน่ เขำเดินทำงโดยสวสั ดภิ ำพ เขำทำตำมคำสง่ั
หน้าท่ขี องคาบุพบท ๑. นาหน้าคานาม เช่น นกั เรียนอย่ใู นโรงเรียน = ใน เป็นคำบพุ บท นำหน้ำคำนำม โรงเรียน ๒. นาหน้าคาสรรพนาม เช่น ฉนั จะไปกบั เธอ = กบั เป็นคำบพุ บท นำหน้ำสรรพ นำม เธอ ๓. นาหน้าคากริยา เช่น เขำหยดุ พกั ทำงำนเพ่ือนอน = เพื่อ เป็นคำบพุ บท นำหน้ำ กริยำ นอน ๔. นาหน้าคาวเิ ศษณ์ เชน่ เธอต้องพดู ไปตำมจริง = ตำม เป็นคำบพุ บท นำหน้ำ วเิ ศษณ์ จริง ๕. นาหน้าประโยค เช่น ครูลบกระดำนเพ่ือลอกโจทย์ข้อใหม่ = เพ่ือ เป็นคำบพุ บท นำหน้ำประโยค ครูลอกโจทย์ข้อใหม่
ขอบคุณค่ะ/ครับ
จดั ทำโดย นาย สุกฤต คาปาแฝง นางสาว กุลนิษฐ์ กาถาวร นางสาว ณฐพรรณ ชานาญ นางสาว ปัณฑารีย์ ปิ นตาเรือน สาขาวชิ า ภาไทย นักศึกษาชัน้ ปี ๑
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: