Research published E-Book

นางเอื้อง สิทธปิ ระเสริฐ รหัส 61170465 สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลยั พะเยา วิทยาเขตเชียงราย

การเขยี นบทความวิชาการและบทความวิจัย เพอ่ื ตีพิมพ์ในวารสารระดบั ชาตแิ ละระดบั นานาชาติ สาหรับนิสิตระดบั บณั ฑิตศึกษา  โดย รองศาสตราจารย์ ดร.เสมอ ถาน้อย  วันที่ 31 สิงหาคม 2562  ณ อาคารเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร  มหาวิทยาลัยพะเยา

การเผยแพร่งานวิจยั สิง่ ท่คี วรเตรยี มพร้อมกอ่ นเขียนบทความ  กาหนดสมมติฐาน (บทนา)  วัตถุประสงค์ (บทนา)  ทบทวนวรรณกรรม (เอกสารอา้ งองิ )

ความหมายแต่ละองคป์ ระกอบ  บทนา : ทาไมถึงทา  วิธกี าร : ทาอย่างไร  ผล : คน้ พบอะไร  การอภิปรายผล : ท้ังหมดนีห้ มายถึงอะไร

11 ข้นั ตอนในการจัดเตรียมต้นฉบบั  1. การเตรยี มตวั เลขและตาราง  “ตัวเลข 1 ตัว มีค่า 1,000 คา” เพราะการใส่ตัวเลขและ ตารางเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแสดงผล แต่ ไมค่ วรมีมากเกินไป  2. การเขียนวธิ กี าร  เป็นการเขียนบอกวิธีการในการศึกษาปัญหา จึงควร อธิบายขอ้ มลู วิธีการใหล้ ะเอียด 3. การเขียนผลลพั ธ์  เป็นการตอบคาถามว่า “พบอะไร” ควรเขียนผลที่ได้จาก การศึกษาที่จาเป็นต้องใช้ในการอภปิ รายผล

11 ขนั้ ตอนในการจดั เตรียมต้นฉบบั  4. การเขียนอภิปรายผล เปน็ ส่วนทีเ่ ขียนง่ายที่สุดแตย่ ากทส่ี ดุ ในการเขียนให้ ถกู ต้อง เปน็ สว่ นทีส่ าคญั ที่สุดของบทความโดยต้องอภิปราย ผลให้สอดคลอ้ งกับผลลพั ธ์ อาจมีการเปรียบเทียบขอ้ มูลกับ ขอ้ มูลของคนอน่ื (ใช้ข้อมูลอา้ งองิ ในบทนา) และพยายามโน้ม นา้ วใหผ้ อู้ ่านเห็นว่าข้อมลู ของเราถูกตอ้ งและดีกวา่  5. การเขียนบทสรุปใหช้ ัดเจน สว่ นนแ้ี สดงให้เหน็ ถึงความก้าวหน้าของการเก็บ ขอ้ มูลภาคสนามจากความรู้ทีม่ ีอยู่ บางวารสารจะแยกสว่ นนี้ ไว้โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามส่วนนจ้ี ะเปน็ ยอ่ หน้าสุดทา้ ยของ การเขียนอภปิ รายผล บางกรณผี อู้ า่ นหาสว่ นนี้ไมพ่ บและยาก ที่จะตดั สนิ วา่ ควรนาไปลงในวารสารหรอื ไม่

11 ขั้นตอนในการจัดเตรียมตน้ ฉบบั  6. การเขียนบทนาให้น่าสนใจ เ ป็ น ก า ร บ อ ก ผู้ อ่ า น ว่ า ง า น ข อ ง คุ ณ มี ป ร ะ โ ย ช น์ อยา่ งไร บทนาทีด่ ีต้องสามารถตอบประเด็นตา่ ง ๆ ดงั นี้ ประเดน็ ปญั หาทีต่ ้องการแกไ้ ข มแี นวทางในการแกป้ ัญหาอย่างไร ส่งิ ไหนดีที่สดุ ข้อกาหนดหลักคืออะไร ความคาดหวงั จากการทางานคอื อะไร

11 ขนั้ ตอนในการจัดเตรียมตน้ ฉบับ  7. การเขียนบทคัดย่อ ควรเขียนบทคดั ยอ่ เปน็ ลาดบั สดุ ทา้ ย ถา้ บทคดั ยอ่ ดี จะส่งผลใหบ้ รรณาธกิ ารหรือผู้อ่าน อา่ นงานของคณุ ดงั น้ันจึง ตอ้ งเขียนใหก้ ระชบั ขอ้ มูลถกู ต้อง หลกี เลีย่ งคาทีไ่ มเ่ ปน็ ทางการ ทีส่ าคญั คือในบทคดั ย่อไมม่ ีการอ้างองิ 8. การเขียนชือ่ ที่กระชบั และมีความหมาย ชื่อเรือ่ งจะเปน็ การอธบิ ายงานของคุณและกระตนุ้ ใหผ้ ู้อา่ นสนใจงานของคณุ เพราะความประทบั ใจครัง้ แรกมี อทิ ธิพลมากตอ่ การตดั สนิ ใจของผอู้ ่านและผู้วิจารณ์งาน

11 ขน้ั ตอนในการจดั เตรียมต้นฉบับ  9. การเลอื กคาสาคัญในการจดั ทาดัชนี การกาหนดคาควรหลีกเล่ยี งคาที่มีความหมายกว้างและ คาทีป่ รากฏในชื่อเรือ่ ง คาย่อที่ใชต้ ้องเป็นคาที่รูจ้ กั โดยทว่ั ไป ไม่สามารถกาหนดเองได้ 10. การเขียนกิตติกรรมประกาศ เปน็ การเขียนขอบคณุ ผทู้ ีท่ ม่ี ีส่วนรว่ มในการทางาน ที่ สาคัญคือ การขอบคุณหนว่ ยงานท่สี นบั สนุนทนุ ในการ ปฏบิ ตั ิงาน หากเป็นโครงการของทางยโุ รปต้องระบุหมายเลข ทนุ และอา้ งอิงดว้ ย 11. การเขียนอ้างอิง ควรอ้างอิงสื่อสิง่ พมิ พ์ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใช้งานของ คณุ เปน็ ฐาน

วิธีการเลอื กวารสาร  ควรเลอื กวารสารท่เี หมาะสมกบั ประเภทของงาน ดงั น้ี - วารสารสาขาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี - วารสารสาขามนษุ ยศ์ าสตรแ์ ละสังคมศาสตร์  ควรเลือกฐานข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น WEB OF SCIENCE, SCOPUS, Google Scholar เปน็ ตน้  หมายเหตุ หากต้องใช้ขอผลงานทางวิชาการควรนางาน ลงในฐานขอ้ มูล WEB OF SCIENCE และ SCOPUS เทา่ นัน้