หน่วยการเรียนรู้ท่ี 10 การเสริมสรา้ งวนิ ยั อุตสาหกรรม
ใบความรู้ที่ 10 เร่ือง การเสริมสรา้ งวนิ ัยอตุ สาหกรรม 1. แนวคดิ และความหมายเก่ยี วกบั วนิ ัยอุตสาหกรรม สถานประกอบการที่ต้องการให้ธุรกิจมีความก้าวหน้าและมั่นคง จะต้องมีบุคลากรท่ีมีทัศนคติท่ีดีต่อการปฏิบัติงาน มีความซื่อสัตย์ มี คุณธรรม จริยธรรม ในการประกอบอาชีพ การเหน็ ประโยชน์ของส่วนรวม มากกว่าประโยชน์ของตน ซ่ึงสิ่งเหล่านี้จะเกิดได้ สถานประกอบการต้อง ให้ความรู้ความเข้าใจกับบุคลากรทุกคน เพื่อท่ีจะได้ปรับตัว ให้เข้ากับการ ปฏิบัติงาน และนาไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ท้ังตนเองและสถาน ประกอบการ วินัยอุตสาหกรรม คือ การปฏิบัติงานท่ีเกี่ยวกับกระบวนการผลิตท่ี ประกอบดว้ ย แรงงานเคร่ืองจักร เคร่ืองกล อปุ กรณ์ และการบรกิ าร ตาม ความต้องการของลูกคา้ โดยสถานประกอบการได้กาไรเปน็ ผลตอบแทน
2. เทคนิคการบริหารเวลาทางาน การบริหารเวลาทางาน คือ การที่จะจัดการกิจกรรมท่ีต้องทาให้ สาเร็จภายในเวลาที่มีอยู่ โดยท่ีใช้เวลาให้น้อยท่ีสุด และเกิดประสิทธิภาพ มากที่สุด หลกั การเบือ้ งตน้ ในการบริหารเวลาทางาน มีหลักการดังนี้ คอื 1. การเร่ิมต้นที่ดี ถือว่ามีความสาเร็จไปกว่าครึ่ง เพราะหาก วันไหนที่เร่ิมต้นทางานแล้วผลงานเป็นไปด้วยดีก็ถือว่างานท่ีปฏิบัติ สาเร็จไปกว่าครงึ่ แลว้ 2. ต้องเรียงลาดับของงานว่า งานชิ้นใดสาคัญท่ีสุด ก็ทางาน ชิ้นนน้ั ก่อน เม่ือเสรจ็ แล้วค่อยทางานชน้ิ ทส่ี าคัญรองลงมา 3. ควรมีการต้ังเป้าหมายในการทางาน และในเรื่องส่วนตัว โดยกาหนดวา่ ในแต่ละเดอื นจะทาอะไรบา้ ง 4. ควรมีการกาหนดเวลาในการทากิจกรรมแต่ละอย่าง เช่น พิมพ์จดหมาย 1 ฉบับ ท้ังนี้ต้องทากิจกรรมให้สาเร็จในเวลาที่ กาหนดไว้
5. มีการวางแผนประจาวันที่ต้องทาอะไร ที่ไหน และ เรียงลาดับความสาคัญของกจิ กรรมท่ีจะทาดว้ ย 6. ควรใช้ชีวิตอย่างสมดุล ต้องสมดุลทั้งเวลาทางาน เวลา นอน เวลาพักผ่อน เวลาท่องเที่ยว เพ่ือให้ชีวิตมีความสุข ไม่เครียด เกนิ ไป 7. ควรจัดความเร่งด่วนของงาน เช่น งานท่ีด่วนท่ีสุด ด่วน มาก ด่วนไม่มาก เป็นต้นและในแต่ละเรื่องต้องใช้เวลาดาเนินการ เท่าไหร่ 8. ควรทางานท่ีมีความยากให้สาเร็จก่อน เมื่อสาเร็จแล้วก็จะ มีกาลังใจทจ่ี ะทางานทย่ี ากน้อยลงไดส้ าเรจ็ เร็วขึน้ 9. ควรมีผู้ช่วยมาช่วยทางานในงานที่ไม่สาคัญมากนัก เพ่ือท่ี ผ้ปู ฏิบตั งิ านจะได้ทางานทมี่ คี วามสาคญั มากกวา่ 10. ควรทางานให้สาเร็จเป็นชิ้นๆ ไป เพื่อท่ีจะได้ทางานชิ้น อื่นๆ ไดอ้ ีก เทคนคิ ในการบริหารเวลาทางาน มเี ทคนิคดังนี้ 1. ควรไปถึงท่ีทางานต้ังแต่ตอนเช้า เพื่อที่จะได้มีเวลา เตรียมการทจี่ ะปฏิบตั งิ านไดด้ ีและมีเวลามากข้นึ ในการปฏิบัติงาน 2. ควรเขียนกิจกรรมที่ต้องทาในสมุดบันทึก และเรียง กิจกรรมที่สาคัญว่าจะทาอะไรก่อนหรือหลัง รวมทั้งเวลา และ สถานทท่ี ี่ตอ้ งทาดว้ ย เพือ่ ทีจ่ ะใชเ้ วลาไดค้ มุ้ ค่า 3. ควรนาหลักการ 5ส มาใช้ในการปฏิบัติงาน เพื่อความเป็น ระเบียบเรียบร้อยในการท่ีจะค้นหาเอกสาร และถูกสุขลักษณะ รวมทัง้ ความสวยงามในสถานทที่ างาน
4. ควรลดจานวนคร้ังในการประชุม ควรท่ีจะประชุมใน เฉพาะเร่อื ง สาคัญ ๆ ทต่ี ้องการตดั สนิ ใจ หรอื มกี ารกาหนดนโยบาย จากผู้บริหารระดับสูงให้ทราบหรือปฏิบัติ เพ่ือท่ีจะได้มีเวลาทางาน อยา่ งเต็มท่ี ไม่เสยี เวลาไปในการประชมุ ที่บางคร้งั ต้องใชเ้ วลานาน 5. ควรแบ่งงานออกเป็นส่วนๆ หากงานเปน็ ชิ้นใหญ่ ควรแบ่ง ออกเป็นส่วนย่อยๆ และแบ่งให้ผู้อื่นทาด้วย ก็จะทาให้งานนั้นมี ประสิทธภิ าพมากข้นึ 6. ต้องทาทันทีโดยให้เร็วท่ีสุด เพื่อจะทาให้งานสาเร็จลุล่วง ไปด้วยดี 7. ควรนาเทคโนโลยีมาช่วยในการปฏิบัติงาน เช่น คอมพิวเตอร์ เป็นต้น เพ่ือเป็นการช่วยประหยัดเวลาในการทางาน ใหใ้ ชเ้ วลานอ้ ยลง 8. ควรใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เช่น ต้องไปรอพบหมอ ก็ ทางานที่สามารถทาได้ไปด้วย เป็นต้น โดยไม่ปล่อยเวลาให้เปล่า ประโยชน์ 9. ควรมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เพราะจะได้รับความร่วมมือจาก บุคคลอื่นๆ ทาใหใ้ ชเ้ วลาในการทางานไดร้ วดเร็วขน้ึ 3. ทศั นคตทิ ี่ดีตอ่ งานและสังคม ทศั นคติ หมายถงึ ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึกของบุคคลท่ีมีต่อสิ่ง ใดท่ีเป็นผลมาจากประสบการณ์หรือส่ิงแวดล้อมต่อส่ิงนั้นท่ีให้บุคคลแสดง ปฏิกิริยา และกระทาต่อสิ่งนั้นๆ ในทางพึงพอใจหรือไม่พึงพอใจ ทัศนคติ เป็นสิ่งท่ีไมส่ ามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน การที่จะรูถ้ ึงทศั นคติของบุคคล
ใดบุคคลหนึ่งได้ต้องแปลความหมายของการแสดงออกของพฤติกรรมของ บคุ คลนัน้ ปจั จัยที่ทาให้เกิดทัศนคติ ไดแ้ ก่ 1. ด้านประสบการณ์ การท่ีบุคคลได้พบเหน็ หรือคุ้นเคยกับสิ่ง ใดสิ่งหนึ่ง และการท่ีได้ยิน ได้ฟัง ไดอ้ ่าน 2. ด้านค่านิยม ซึ่งแต่ละคนมีค่านิยมและการตัดสินด้าน ค่านิยมไม่เหมือนกันทั้งน้ีขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่แต่ละคนได้รับรู้ และสัมผัส ทั้งประสบการณ์และค่านิยมจะทาให้แต่ละคนมีทัศนคติ ต่อส่ิงหน่งึ ส่ิงใดท่แี ตกต่างกันไป ลักษณะของทัศนคติ แบ่งได้ 4 ประการ คือ 1. ทัศนคติเปน็ สภาวะก่อนท่ีพฤติกรรมโต้ตอบที่แสดงออกต่อ เหตุการณ์หรือสิ่งหนึ่งส่ิงใดโดยเฉพาะ หรือจะเรียกว่าสภาวะพร้อม ทจ่ี ะมีพฤติกรรมแสดงออกจริง 2. ทัศนคติจะมีความคงตัวอยู่ในช่วงระยะเวลาหน่ึง แต่ อาจจะมกี ารเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม 3. ทัศนคติเป็นตัวแปรท่ีนาไปสู่ความสอดคล้องระหว่าง พฤติกรรมท่ีจะแสดงออกกับความรู้สึกนึกคิด ไม่ว่าจะเป็นไปในรูป ของพฤติกรรมท่ีแสดงออกด้วยวาจาหรือการแสดงออกทาง ความรู้สึก ตลอดจนการที่จะต้องเผชิญหรือหลีกเล่ียงต่อเหตุการณ์ ใดเหตุการณห์ นึง่ 4. ทัศนคติมีคุณสมบัติของแรงจูงใจในอันที่จะทาให้บุคคล ประเมินผลและเลือกส่ิงหนึ่งสิ่งใดซ่ึงหมายความถึงการกาหนด ทิศทางของพฤติกรรมท่ีแสดงออกจริงดว้ ย
4. คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมในการทางาน คุณธรรม หมายถึง คุณงามความดที ีเ่ ป็นท่ยี อมรับจากสงั คม จรยิ ธรรม หมายถงึ ธรรมทเ่ี ปน็ ขอ้ ประพฤตปิ ฏิบัติ หรอื กฎศีลธรรม พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี 6) ได้ให้หลัก คุณธรรมและจรยิ ธรรมในการทางาน มีแนวทางในการปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ 1. มีความสามารถ คือ มีความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงานใน ดา้ นต่างๆ ให้สาเร็จไดด้ ีกว่าผูท้ มี่ ีโอกาสเท่ากัน 2. มีความเพียร คือ ไม่ย่อท้อต่อความลาบากในการทางาน และมคี วามบากบนั่ ที่จะทาให้ความขดั ขอ้ งในการทางานหมดไป 3. มีไหวพริบ คือ ตอ้ งรู้จักสังเกตโดยไม่ต้องมใี ครบอก เพอ่ื ให้ เกิดผลดตี อ่ กิจการที่ทา
4. มีความรู้เท่าถึงการณ์ คือ รู้ว่าควรจะทาอย่างไรให้ เหมาะสมกับเวลา และมผี ลท่เี กิดประโยชน์มากท่สี ดุ 5. มีความซื่อตรงต่อหน้าท่ี คือ ต้องมีความตั้งใจทางานที่ ไดร้ บั มอบหมายด้วยความซือ่ สตั ย์สจุ รติ 6. มีความซื่อตรงต่อคนท่ัวไป คือ ต้องรักษาตนให้เป็นคนที่ คนอนื่ ได้พบแล้วมีความเชือ่ ถือในตวั ของตน 7. มีความรู้จักนิสยั ของคน คือ ต้องรู้จักอปุ นิสัยของคนท่ีต้อง ติดต่อด้วย ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ เพื่อให้การปฏิบัติงานสาเร็จ ลลุ ว่ งไปด้วยดี 8. มีความรู้จักผ่อนผัน คือ ต้องรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว หรือมี ความยืดหยุ่นบ้าง แต่ต้องไม่ผิดต่อหลักเกณฑ์ หรือระเบียบที่ กาหนดไว้ 9. ควรมีหลักฐาน คือ มีบ้านอยู่อาศัย มีครอบครัวที่มั่นคง และควรต้ังตนไว้ในทีช่ อบที่ควร 10. ควรมีความจงรักภักดี คือ ต้องมีความเสียสละที่จะทา ประโยชน์ให้กบั ชาติบ้านเมือง และมีความจงรกั ภักดตี ่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์ 5. จรรยาบรรณในการทางาน สถานประกอบการควรมหี ลักในการบริหารเพ่ือให้การปฏบิ ัติเป็นไป ด้วยความเรยี บรอ้ ย คอื 1. ควรมีหลักนิติธรรม คอื การใชก้ ฎระเบยี บที่เป็นธรรม เป็น ที่ยอมรับได้ไม่ตามกระแสหรืออานาจตัวบุคคล ให้ความเสมอภาค กนั กับทุกคน
2. หลักคุณธรรม คือ การยึดมั่นในความถูกต้อง ดีงาม ประพฤติตนเป็นตัวอย่างท่ีดีแก่สังคมด้วยความซ่ือสัตย์ จริงใจ ขยัน อดทน 3. หลักความโปร่งใส คือ การทางานอย่างโปร่งใส เปิดเผย ข้อมูลข่าวสารท่ีเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และตรงไปตรงมา สามารถตรวจสอบได้ 4. หลักความมีส่วนร่วม คือ มีการเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วน รับรู้ และเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกบั การทางาน 5. หลักความรับผิดชอบ คือ ให้ทุกคนตระหนักในสิทธิหน้าท่ี มีความสานึกในความรับผิดชอบต่อส่วนรวม โดยมุ่งแก้ปัญหา และ ยอมรับผลท่เี กดิ จากการกระทาของตน 6. หลักความคุ้มค่า คือ มีการบริหารจัดการและการใช้ ทรพั ยากรอยา่ งประหยดั และใหเ้ กดิ ประโยชน์อย่างสูงสดุ 6. วฒั นธรรมองค์กร วัฒนธรรมองค์กร หมายถึง ความเชื่อ ค่านิยม ทัศนคติท่ีมี ร่วมกันในองค์กร ที่แสดงถึงความเป็นเอกภาพ และเอกลักษณ์ ที่มี อยู่ในองคก์ รลกั ษณะวัฒนธรรมองคก์ ร มดี ังน้ี 1. สังเกตเห็นพฤติกรรมได้อย่างสม่าเสมอ เช่น ภาษาในการ สอื่ สาร พธิ กี ารต่าง ๆ เปน็ ต้น 2. มีปทัสถาน เป็นมาตรฐานปฏิบัติร่วมกันว่าส่ิงใดต้องทา มากน้อยแค่ไหนในการปฏบิ ัติงาน
3. มีค่านิยมท่ีคนส่วนใหญ่ในองค์กรยอมรับปฏิบัติร่วมกัน เช่น คุณภาพของงาน และผลผลิตท่ีมีประสิทธภิ าพ เป็นตน้ 4. มีปรชั ญาองคก์ รเกี่ยวกับการปฏบิ ัตงิ าน และใหก้ ารบรกิ าร 5. มีกฎระเบียบ ข้อบังคับ เป็นแบบแผนเพ่ือต้องเรียนรู้ ประสทิ ธิภาพของกลมุ่
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: