ชดุ แบบฝึก เร่ือง คำราชาศพั ท์
ใบความรู้เร่อื ง คำราชาศพั ท์ หมายถึงคาราชาศพั ท์ คำศัพท์สำหรบั พระรำชำ เปน็ ภำษำทีก่ ำหนด และตกแต่งขึ้นใหส้ ุภำพ และเหมำะสม เพ่ือใชพ้ ดู ถึง หรือพดู กับพระมหำกษตั รยิ ์ และพระบรมวงศำนุวงศป์ ัจจบุ ันนี้หมำยถงึ คำสุภำพทใี่ ช้กบั บุคคลท่ีควรเคำรพ กำรรู้เรื่องคำรำชำศัพท์เปน็ กำรเรียนรู้ในกำรใชภ้ ำษำให้ถกู ต้องตำมกำลเทศะ และฐำนะของบคุ คล ภำษำไทย ไดก้ ำหนดคำรำชำศัพท์ขึ้นใช้ และมวี ิธกี ำรใช้ตำมระเบยี บแบบแผนของภำษำซ่ึงนบั วำ่ เป็นวัฒนธรรมอย่ำงหน่ึง ที่แสดงออกทำงดำ้ นภำษำ ตำมรปู ศัพท์แล้วคำรำชำศพั ท์ หมำยถงึ คำศัพทท์ ใ่ี ช้กับรำชำ แต่ในยคุ สมยั ที่เปลยี่ นไปนั้น มีกำรใชค้ ำ รำชำศัพทใ์ นวงทกี่ ว้ำงขน้ึ จึงตคี วำมหมำยของคำรำชำศัพท์ร่นุ ใหมเ่ อำไว้วำ่ “คำรำชำศัพท์ หมำยถงึ ถ้อยคำสภุ ำพ ไพเรำะทใี่ ช้ให้เหมำะกับฐำนะของบคุ คลในสภำพสังคมไทย” คาราชาศพั ท์ใชก้ ับใครบา้ ง? นอกจำกพระรำชำแลว้ เรำยงั ใชค้ ำรำชำศพั ทก์ บั บุคคลอ่นื ด้วย แล้วบคุ คลท่ีเรำควรจะใชค้ ำรำชำศัพท์ด้วย มีใครบ้ำงล่ะ? รำชบัณฑติ ยสภำ ไดก้ ำหนดเอำไว้วำ่ เรำจะต้องใช้คำรำชำศัพทก์ บั บุคคลเหล่ำนี้ คือ 1. พระมหำกษัตริย์ 2. พระบรมวงศำนุวงศ์ (พระญำตขิ องพระมหำกษตั ริย)์ 3. พระภกิ ษุ 4. ขุนนำงขำ้ รำชกำร 5. สุภำพชน
ทีม่ าของคาราชาศัพท์ ลกั ษณะของสังคมไทยเป็นสถำนทมี่ ีควำมผูกพันฉันพนี่ ้องนับถอื กันด้วยวยั วฒุ ิ คุณวุฒิ และชำติวุฒิ ลักษณะดังกลำ่ วจึงสะท้อนออกมำ และปรำกฏในภำษำไทย เช่น กำรใช้ภำษำที่สภุ ำพกับผทู้ ่มี ีวัยสงู กวำ่ กำรใช้ ภำษำกันเองกบั ผู้ทส่ี นิทสนมกันหรอื กำรใช้คำรำชำศพั ท์ กับพระมหำกษัตรยิ ์และพระรำชวงศ์ เปน็ ตน้ และใน สงั คมไทยสมัยก่อนเปน็ สังคมทย่ี กย่องผ้นู ำ ผู้ทม่ี ีบุญญำธิกำรผทู้ ่ีประพฤตดิ ี และผู้ทช่ี ว่ ยเหลอื ใหค้ วำมสุขแก่ รำษฎร จงึ ได้มีกำรใช้คำเพ่ือยกยอ่ งเทดิ ทูนพระมหำกษตั รยิ ์ บทความแนะนา: วันท่ีระลึกพระมหำจกั รีบรมรำชวงศ์ นอกจำกนี้ไทยไดร้ บั อิทธิพลของกำรนบั ถอื พระมหำกษตั รยิ ์ว่ำ เปน็ เทวรำชำจำกเขมร มีกำรใช้คำ เพ่ือ แสดงสถำนะของพระมหำกษัตรยิ ์ คำเหล่ำนั้นจึงได้พฒั นำมำเปน็ คำรำชำศัพท์ที่ใชอ้ ยูใ่ นปัจจบุ นั ที่มำของคำ รำชำศัพท์ นอกจำกจะมำจำกลกั ษณะของสงั คมไทย และควำมเกยี่ วขอ้ งกันทำงประวตั ิศำสตรก์ ับประเทศเขมร แล้วยังไดม้ ีกำรกำหนดตกแตง่ ภำษำขึน้ มำเฉพำะ เป็นคำรำชำศัพท์จำกคำไทยท่ีมอี ยู่แลว้ หรอื สรำ้ งคำขน้ึ ใหม่ หรอื อำจยมื มำจำกภำษำอ่นื คำรำชำศพั ท์ นนั้ มีทีม่ ำอยู่ 2 อย่ำง คือ 1. รับมำจำกภำษำอืน่ ภำษำเขมร เช่น โปรด เขนย เสวย เสดจ็ เป็นตน้ ภำษำบำลี-สันสกฤต เชน่ อำพำธ เนตร หตั ถ์ โอรส เป็นต้น 2. กำรสร้ำงคำข้นึ ใหม่ โดยกำรประสมคำ เชน่ ลกู หลวงซบั พระพักตร์ ต้ังเคร่ือง เปน็ ต้น
ตวั อยา่ งการใชค้ ำราชาศพั ท์ เรือ่ ง สมเดจ็ พระพนั วัสสาอยั ยิกาเจ้า ในปัจฉิมวัย เมอ่ื พระชนมำยไุ ด้ 75-76 พรรษำ มอี ำกำรประชวรมำกจดั ว่ำเป็นครง้ั ใหญ่สำคัญครงั้ หนงึ่ ครำวเสด็จประพำสเกำะชวำ แต่กลำงเดือนเมษำยน พ.ศ. 2481 เร่มิ ประชวร ซง่ึ รำว 10 วนั กห็ ำย ประชวร แตแ่ ลว้ ทรงประชวร ไข้หวัดใหญจ่ นมพี ระอำกำรหนกั เป็นทีน่ ่ำวิตก ไดจ้ ัดหำนำยแพทยช์ ำว ยุโรป ผชู้ ำนำญมำปรึกษำพร้อมด้วยนำยแพทยป์ ระจำพระองคร์ ะหว่ำงประทบั อย่ทู ีช่ วำ ครนั้ เสดจ็ กลับ กรงุ เทพฯ แลว้ ยงั ต้องถวำยกำรรักษำพยำบำลอยู่อกี 1 เดือนเศษ รวมเวลำประชวรคร้งั นรี้ ่วม 3 เดือน นำยแพทยป์ ระจำพระองค์ได้ลงควำมเห็นวำ่ ภำยหลังหำยประชวรคร้ังน้ีแล้ว ทรงเป็นปกติเรอื่ ยมำเปน็ เวลำตั้ง 12 ปี จึงมีพระอำกำรประชวรทจี่ ัดว่ำมำกอีกคร้ังหน่ึง เม่อื เดือนตลุ ำคม พ.ศ. 2493 ในขณะท่ี ทรงเจรญิ พระชนมำยุมำกถงึ 88 พรรษำแล้ว ดว้ ยเหตเุ พรำะพลำดจำกพระท่นี ่ังกระแทกกบั พ้ืนหอ้ ง ประทบั ทำให้พระอฐั ิคอต้น พระเพลำหัก เปน็ เหตุให้ทรงพระดำเนินไม่ได้ คร้นั ถงึ วันท่ี 20 ตุลำคม 2498 ประชวรไข้ นำยแพทยห์ มอ่ มหลวงเกษตรสนทิ วงศ์ ผู้ทำกำรแทนนำยแพทย์ประจำพระองค์ได้ ถวำยกำรรักษำทนั ที ปรำกฏวำ่ มกี ำรอักเสบท่ีพระปัปผำสะ แพทย์ได้ถวำยกำรรกั ษำอยำ่ งดีทีส่ ุด พระ อำกำรก็มแี ต่ทรงและทรดุ ลง ในระยะหลงั พระอำกำรทำงพระปปั ผำสะดีข้ึน แตก่ ลบั มีอำกำรทำงพระ หทัยออ่ น พระบำทสมเด็จพระเจำ้ อย่หู ัวภมู ิพลอดุลยเดช และสมเดจ็ พระนำงเจ้ำฯ พระบรมรำชนิ ีนำถ เปน็ พระรำชธรุ ะในอำกำรพระประชวรอยำ่ งย่ิง ทรงฟังรำยงำนหมอทกุ ระยะ เสด็จพระรำชดำเนินไม่ ขำด จนวนั ที่ 17 ธนั วำคม พ.ศ. 2498 อนั เป็นวนั ท่ีพระชนมำยไุ ด้ 93 พรรษำ 3 เดอื น 7 วัน ย่ำงเข้ำมำ หน้ำหอ้ งบรรทม สมเด็จ พระนำงเจำ้ ฯ พระบรมรำชินีนำถประทบั อยู่ นอกจำกน้ันก็มีพระเจำ้ บรมวงศเ์ ธอ พระองค์เจำ้ วำปี บุษบำกร หม่อมเจ้ำ หลำนๆ และข้ำหลวงหมอบ เฝำ้ เต็มไป เพรำะเปน็ ทท่ี รำบกนั แลว้ วำ่ พระอำกำรทรุดลงตั้งแต่ 5 ท่มุ จงึ มำคอยสง่ เสด็จกันพร้อมหน้ำ ในวำระสุดท้ำย สองยำมผ่ำนไป ตหี น่งึ ผ่ำนไป ตสี องผ่ำนไป ชำววังที่เฝำ้ อยูใ่ นทนี่ ้นั ทัง้ ปวงตำ่ งก็ไดย้ นิ เสยี งสวดมนต์เบำๆ ติดตอ่ กันโดยหำตวั ผูส้ วดไม่ได้ พอผำ่ นไปได้ 16 นำที สมเดจ็ ฯ กเ็ สด็จสู่สวรรคำลัย อย่ำงสงบ พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอย่หู วั ทรงหมอบกรำบถวำยบงั คมอยู่ปลำยพระบำทน้นั เอง สมเด็จพระศรีสวรินทิรำ บรมรำชเทวี พระพันวัสสำอัยยิกำเจ้ำ ทรงดำรงพระชนมำยุถึง 6 แผน่ ดิน นับจำกรัชกำลที่ 4 ถึงรัชกำลที่ 9 ในปัจจุบัน ทรงผ่ำนควำมทุกข์ ควำมโศก ควำมวิปโยค และควำม อำดูร มำเกือบจะตลอดพระชนมำยุของพระองค์อันนับได้ถึง 93 พรรษำเศษ แต่ก็ทรงประคับประคอง พระองค์ไว้ได้ตลอดด้วยพระขันติธรรม มิได้มีบกพร่องท้ังในฐำนะพระเจ้ำลูกเธอ พระเจ้ำน้องนำงเธอ สมเด็จพระนำงเจ้ำฯ พระรำชเทวี สมเดจ็ พระนำงเจำ้ ฯ พระบรมรำชเทวี สมเดจ็ พระมำตุจฉำเจ้ำฯ พระ บรมรำชเทวี สมเด็จพระศรีสวรินทิรำ บรมรำชเทวี พระพันวัสสำมำตุจฉำเจ้ำ และสมเด็จพระศรี- สว รินทิรำ บรมรำชเทวี พระพันวัสสำอัยยิกำเจ้ำ ทรงปฏิบัติพระรำชภำระด้วยดี ทรงดำรงพระรำชฐำนะ ทรงเปน็ กลุ เชษฐ์แหง่ รำชสกลุ วงศ์ ทม่ี า : http://www.somdej.or.th/index.php?option=com_content&view=section&id=1&Itemid=3
คำราชาศัพท์ หมวดร่างกาย พระนลาฏ พระเศยี ร พระขง,พระภมู พระเนตร,พระจกั ษุ พระกรรณ พระปราง พระพกั ตร์ พระโอษฐ์ พระนาสา,พระนาสกิ พระศอ พระอรุ ะ,พระทรวง พระอทยั ,พระกมล พระกปั ระ,พระกะโประ พระอทุ ร พระหตั ถ์ พระกร พระนาภี บั้นพระองค์ พระท่ีนั่ง พระอรู ุ,พระเพลา พระชานุ หลงั พระชงฆ์ พระชงฆ์ ข้อพระบาท ส้นพระบาท,พระปราษณี พระบาท
คำราชาศัพท์ หมวดเครอื่ งใช้ พระวสิ ูตร = ม่านหรอื ม้งุ พระสูตร = ม่านหรือมุ้ง พระเขนย = หมอน พระทวาร = ประตู พระบญั ชร = หน้าตา่ ง ฉลองพระหตั ถช์ อ้ น = ชอ้ น ฉลองพระหตั ถ์ส้อม = ส้อม ฉลองพระหตั ถต์ ะเกยี บ = ตะเกียบ แก้วนา้ เสวย = แกว้ น้า พระสาง = หวี พระแสงกรรบิด = มีดโกน ซับพระองค์ = ผ้าเช็ดตัว ซบั พระพักตร์ = ผ้าเชด็ หน้า ผา้ พันพระศอ = ผา้ พนั คอ พระภูษา = ผา้ นุ่ง นาฬกิ าขอ้ พระหตั ถ์ = นาฬิกาขอ้ มือ พระฉาย = กระจกส่อง ธารพระกร = ไมเ้ ทา้ พระแท่นบรรทม = เตยี งนอน โต๊ะทรงพระอักษร = โต๊ะเขียนหนังสือ ฉลองพระเนตร = จดหมาย พระท่นี ั่งเกา้ อี้ = แว่นตา พระเขนย = หมอนหนนุ เครอ่ื งพระสุคนธ์ = เคร่อื งหอม เช่น น้าหอม เครอ่ื งพระสาอาง = เครอื่ งประทินผิว อ่างสรง = อ่างอาบนา้ กระเปา๋ ทรง = กระเป๋าถือ พระแสงปนาค = กรรไกร
คำราชาศพั ท์ หมวดอาหาร เครื่องเสวย = ของกนิ ปลามัจฉะ = ปลาร้า เคร่อื งคาว เครื่องเคยี ง = ของคาว ลูกไม้ = ผลไม้ เคร่อื งว่าง เครอื่ งหวาน = ของเคยี ง กลว้ ยเปลือกบางหรอื กลว้ ยกระ = กล้วยไข่ พระกระยาหาร พระกระยาต้ม = ของว่าง ผลมูลละมง่ั = ลูกตะลิงปลิง ขนมเสน้ ผกั ร้นู อน = ของหวาน ผลอุลดิ = ลกู แตงโม ผักสามหาว ผักทอดยอด = ข้าว ผลอมั พวา = ผลมะม่วง ฟักเหลือง ถวั่ เพาะ = ขา้ วตม้ นารีจาศลี = กลว้ ยบวชชี พริกเม็ดเลก็ เหด็ ปลวก = ขนมจีน ขนมดอกเหลก็ หรอื ขนมทราย = ขนมขีห้ นู เย่ือเคย ปลาหาง = ผักกระเฉด ขนมสอดไส้ = ขนมใส่ไส้ ปลาใบไม้ ปลายาว = ผักตบ ขนมทองฟู = ขนมตาล = ผักบุง้ ขนมบวั สาว = ขนมเทยี น = ฟักทอง = ถว่ั งอก = พรกิ ขี้หนู = เหด็ โคน = กะปิ = ปลาช่อน = ปลาสลิด = ปลาไหล
คำราชาศพั ทห์ มวดเครอื ญาติ ราชตระกลู พระอัยกา = ปหู่ รอื ตา พระสณุ ิสา = ลูกสะใภ้ พระอยั ยิกา = ยา่ หรือยาย พระราชนัดดา = หลานชายหรอื หลานสาว พระปัยกา = ปูท่ วดหรือตาทวด พระภาคิไนย = หลานทเี่ ป็นลกู ของพ่สี าว หรอื นอ้ งสาว พระปยั ยิกา = ยา่ ทวดหรือยายทวด พระภาติยะ = หลานทีล่ กู ของพี่ชาย หรอื พระชนกหรอื พระราชบิดา = พอ่ น้องชาย พระชนนีหรอื พระราชมารดา = แม่ พระราชปนดั ดา = เหลน พระสสุระ = พ่อสามี พระสัสสุ = แม่สามี พระปิตุลา = ลุงหรืออาชาย พระปิตจุ ฉา = ปา้ หรอื อาหญงิ พระมาตลุ า = ลงุ หรือนา้ ชาย พระมาตุจฉา = ป้าหรอื น้าหญิง พระสวามหี รอื พระภสั ดา = สามี พระมเหสีหรอื พระชายา = ภรรยา พระเชษฐา = พช่ี าย พระเชษฐภคินี = พส่ี าว พระอนชุ า = นอ้ งชาย พระขนษิ ฐา = น้องสาว พระราชโอรสหรอื พระเจา้ ลกู ยาเธอ = ลกู ชาย พระราชธดิ า,พระเจา้ ลูกเธอ = ลูกสาว พระชามาดา = ลกู เขย
คำราชาศพั ทห์ มวดกรยิ า พระราชดารสั = คาพูด ถวายบงั คม = ไหว้ พดู ด้วย ตรัส = เดนิ ทางไปทีไ่ กล ๆ พระบรมราชวนิ ิจฉัย = ตดั สิน เดนิ ทางไปที่ใกล้ ๆ เสด็จพระราชดาเนนิ = แตง่ หนังสือ ทอดพระเนตร = ดู ไอ เสด็จลง = หวั เราะ พระราชทาน = ให้ ลงลายมอื ชื่อ ทรงพระราชนิพนธ์ = จบั มือ พระราชหตั ถเลขา = เขียนจดหมาย สขุ สบาย ทรงพระกาสะ = จาม ทรงเครือ่ ง = แต่งตวั คาสง่ั ทรงพระสรวล = คาส่ังสอน ทรงพระอกั ษร = เรียน เขยี น อา่ น ทักทาย ทรงพระปรมาภิไธย = อยากได้ ประทบั = นั่ง ลา้ งหน้า ทรงสัมผัสมือ = ล้างมือ ทรงยืน = ยนื ทกั ทายปราศรยั ทรงพระเกษมสาราญ = ไปเทีย่ ว บรรทม = นอน ถาม ทรงพระปินาสะ = พระราชโองการ = พระราโชวาท = พระราชปฏสิ นั ถาร = มพี ระราชประสงค์ = สรงพระพักตร์ = ชาระพระหตั ถ์ = พระราชปฏิสันถาร = เสดจ็ ประพาส = พระราชปจุ ฉา =
คำราชาศพั ทห์ มวดสรรพนาม คาทีใ่ ชแ้ ทน คาราชาศัพท์ ใช้กบั แทนชอ่ื ผ้พู ดู (บรุ ษุ ท่ี 1) ขา้ พระพทุ ธเจ้า พระมหากษตั ริย์ กระผม, ดฉิ นั ผใู้ หญ,่ พระสงฆ์ แทนช่ือที่พูดดว้ ย (บรุ ษุ ท่ี 2) ใต้ฝ่าละอองธรุ ีพระบาท พระมหากษัตรยิ ์ ใตฝ้ า่ ละอองพระบาท พระบรมราชินี พระบรมราชนนี พระบรมโอสรสาธริ าช พระบรมราชกมุ ารี แทนชอื่ ทพี่ ดู ดว้ ย ฝ่าพระบาท เจา้ นายชัน้ สงู แทนชื่อท่พี ูดดว้ ย พระคณุ เจา้ พระสงฆผ์ ู้ทรงสมณศกั ดิ์ แทนชอ่ื ที่พดู ด้วย พระคณุ ท่าน พระภกิ ษสุ งฆ์ทั่วไป แทนช่ือท่ีพูดด้วย พระเดชพระคุณ เจา้ นาย, หรือพระภิกษทุ ี่ นบั ถอื แทนผทู้ ่ีพูดถงึ (บุรุษท่ี 3) พระองค์ พระราชา, พระพุทธเจา้ , เทพผเู้ ปน็ ใหญ่ แทนผ้ทู พี่ ูดถงึ ทา่ น เจา้ นาย, ขุนนางผ้ใู หญ่, พระภิกษ,ุ ผ้ใู หญ่ท่นี ับถือ
คำราชาศพั ทห์ มวดพระสงฆ์ สรงนา้ = อาบน้า ไตรจีวร = เครื่องน่งุ ห่ม จงั หัน = ยารกั ษาโรค จาวัด = อาหาร คลิ านเภสัช = คนรู้จกั ฉัน = ลักษณนามสาหรบั พระภิกษุ นิมนต์ = นอน อบุ าสก,อบุ าสิกา = ลักษณนามสาหรัพระพุทธรปู อาพาธ = คาสอน(พระสงั ฆราช) อาสนะ = รับประทาน รูป = คาส่งั (พระสังฆราช) ลขิ ิต = ธรรมาสน(์ พระสังฆราช) ปจั จัย = เชิญ องค์ ปลงผม = จดหมาย(พระสังฆราช) กุฏิ = ปว่ ย พระโอวาท ห้องสรงน้า ประเคน = ทน่ี งั่ พระบัญชา เพล ถาน = จดหมาย พระแทน่ ภัตตาหาร ตาย = เงนิ พระสมณสาสน์ ใบปวารณา = โกนผม สลากภัต อังคาด = เรือนท่ีพกั ในวดั เสนาสนะ = หอ้ งอาบนา้ = ถวาย = เวลาฉันอาหารกลางวัน = เวจกฎุ ี ห้องสขุ า = อาหาร = มรณภาพ = คาแจ้งถวายจตุปจั จยั = อาหารถวายพระดว้ ยสลาก = เล้ียงพระ = สถานทีพ่ ระภกิ ษใุ ชอ้ าศัย
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: