Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 3 หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

3 หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

Published by rananglankampom, 2021-09-13 14:35:17

Description: 3 หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

ความหมายหลกั ธรรม หลกั หมายถงึ เสาท่ปี กั ไว้ ท่ผี ูก ท่มี นั่ เคร่อื งหมาย เคร่อื งยดึ เหน่ียว เคร่อื งจบั ยดึ สาระท่มี นั่ คงอนั เป็นท่ตี ง้ั (ทม่ี า ราชบณั ฑติ ยสถาน.2546 : 1271) ธรรม หมายถงึ ความจรงิ ความดี ความถกู ตอ้ ง ความประพฤติ ชอบ หลกั การ แบบแผน คาสงั่ สอนของพระพทุ ธเจา้ ซ่ึงแสดงให้ เปิ ดเผยปรากฏข้ ึน (ทม่ี า พระธรรมปิฎก. 2540 : 23)

ความหมายหลกั ธรรม จากความหมายของ “หลกั ” และ “ธรรม” ดงั กลา่ วแลว้ อาจสรปุ ไดว้ า่ หลกั ธรรม หมายถงึ หลกั คาสอนทางศาสนา ท่เี ป็นความจริง เป็นความดีงาม ความถกู ตอ้ ง เม่อื นาไปปฏบิ ตั แิ ลว้ ช่วยใหเ้ กดิ ความดี งามในชีวติ และสงั คมอยูร่ ว่ มกนั อยา่ งปกตสิ ขุ

หลกั ธรรม ของพระพทุ ธศาสนาน้ัน มมี าแต่ด้งั เดมิ ก่อนทพ่ี ระพทุ ธเจ้ารระสูติ พระพทุ ธองค์เร็ นเพยี งผู้ค้นพบหลกั ธรรม แล้วนามาสั่งสอนมวลมนุษย์เพ่ือให้เกดิ ความสงบสุขขนึ้ ในโลก

พระรัตนตรัย ความหมายของพระรัตนตรัย แรลว่า ๑. พระพทุ ธ หมายถึง องคส์ มเดจ็ พระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ แก้วอนั รระเสริฐ ผซู้ ่ึงทรงเป็นศาสดาของศาสนา ๓ ดวง ๒. พระธรรม หมายถึง ความจริงที่พระพทุ ธเจา้ ทรง คน้ พบ พระธรรมเป็นความจริงท่ีมีอยแู่ ลว้ พระองคม์ ิได้ ทรงคิดเอง ๓. พระสงฆ์ หมายถึง สาวกของพระพทุ ธเจา้ ผปู้ ฏบิ ตั ิ และเผยแผธ่ รรมแก่มวลมนษย์

พทุ ธะ หมายถึง บุคคลที่ตรัสรู้แลว้ ผรู้ ู้อริยสจั ๔อยา่ งลึกซ้ึงและกวา้ งาวาง มี ๓ ประเภท คือ ๑. สพั พญั ญูพทุ ธะ คือ พระพทุ ธเจา้ ผตู้ รัสรู้ชอบดว้ ยพระองคเ์ อง แลว้ สอนผอู้ ่ืนใหร้ ู้ตาม และปฏิบตั ิตาม จนมีพทุ ธบริษทั ๔ (ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อบุ าสิกา) ๒. ปัจเจกพทุ ธะ คือ ผตู้ รัสรู้ชอบดว้ ยตนเอง แต่ไม่สอนผอู้ น่ื ใหร้ ู้ตาม ปฏิบตั ิตาม ๓. อนุพทุ ธะ คือ ผตู้ รัสรู้ตามพระพทุ ธเจา้ หรือ สาวกพทุ ธะ

๑.๒ คุณค่าของพระพทุ ธ พระพทุ ธเจ้าทรงมพี ระคุณ โดยพศิ ดารมี ๙ รระการ เรียกว่า นวรหคุณ ๑. อรหํ (เป็ นพระอรหันต์) ๖. อนุตฺตโร ปรุ ิสทมฺมสารถิ ๒. สมฺมาสมฺพทุ ฺโธ (ตรัสรู้เองโดยชอบ) (เป็ นสารถฝี ึ กคนท่ฝี ึ กได้ไม่มีใครยิ่งกา่า) ๓. าชิ ฺชาจรณสมฺปนฺโน (ถงึ พร้อมด้ายาชิ ชาและจรณะ) ๗. สตฺถาเทามนุสฺสานํ ๔. สุคโต (เสดจ็ ไปดแี ล้า) (เป็ นศาสดาของเทาดาและมนุษย์ท้งั หลาย) ๕. โลกาทิ ู (เป็ นผู้รู้แจ้ง) ๘. พทุ ฺโธ (เป็ นผู้ต่ืนและเบกิ บานแล้า) ๙. ภคาา (เป็ นผู้มีโชค)

พทุ ธคณุ มี ๓ ดา้ น ๑. พระปญั ญาธิคุณ (พระคุณคอื พระปญั ญา) ๒. พระวสิ ทุ ธคิ ณุ ๓. พระกรุณาธคิ ุณ (พระคณุ คอื ความบรสิ ทุ ธ์)ิ (พระคณุ คอื พระมหากรณุ า)

๑. พระรัญญาธิคุณ หมายถึง พระพทุ ธองคท์ รงมีพระปัญญารอบรถู้ งึ ความจริง แห่งสิ่งทงั้ หลายทงั้ ปวง ความเป็นจริงของสิ่งเหล่านัน้ ว่าเป็น อย่างไร กท็ รงทราบชดั ถึงความจริงเหล่านัน้ และนาความจริง เหล่านัน้ มาเปิ ดเผยชี้แจงแสดงแก่โลก ตามพืน้ เพแห่งอธั ยาศยั ของบคุ คลเหล่านัน้ “ทุกอย่างมคี ู่กนั มีมืดกม็ สี ว่าง มีร้อนกม็ ีเยน็ ดงั น้ัน เม่ือมีทุกข์กต็ ้องมที างแก้ทุกข์”

๒. พระวสิ ุทธิคุณ พระองค์รราศจากกเิ ลศเคร่ืองเศร้าหมองท้งั รวง หมายถงึ ความบริสุทธ์ิ พระองคไ์ ม่ทรงกระทาชวั่ แมเ้ ลก็ นอ้ ย ท้งั กาย วาจา ใจ ไม่ รราศจากกเิ ลศ เครื่องเศร้าหมอง มีความชวั่ ปิ ดบงั ซ่อนเร้น ท้งั รวง โดยเฉพาะกเิ ลสท่ีสาคญั คือ โลภ โกรธ หลง ทรงทาได้ตามทส่ี อน หมายถึง สอนเขาอยา่ งใด พระองคท์ รงปฏิบตั ิไดอ้ ยา่ งน้นั ดว้ ย เพอ่ื ใหป้ ระชาชนเกิด ความเชื่อมนั่ ในคุณคา่ คาสอน ทรงบริสุทธ์ิพระทยั ในการสอน ไม่ทรงหวงั ประโยชน์ แก่เขาอยา่ งเดียว ไม่ทรงประสงคส์ ่ิงตอบแทน ทรงหวงั เพยี งใหผ้ ฟู้ ังธรรมเกิดความเขา้ ใจในธรรม

๓. พระกรุณาธิคุณ หมายถึง ความสงสารสัตว์โลกผู้ตกอยู่ในห้วงแห่งความ ทุกข์ และคิดช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ แผ่ไรยังหมู่มนุษย์มิได้ จากดั ชาติช้ันวรรณะ พระองค์ทรงโรรดคนทุกรระเภท ไม่เลือก ท่ีรักมักท่ีชัง พระกรุณาอันยิ่งใหญ่นี้ไม่ได้จากัดเฉพาะกับมนุษย์ เท่าน้ันยงั แผ่ไรถงึ สัตว์เดยี รัจฉานด้วย

ทบทวนความเขา้ ใจ ๑. หลกั ธรรม หมายถงึ พรอ้ มยกตวั อย่างหลกั ธรรม ๑ หลกั ธรรม ๒. พระรตั นตรยั หมายถงึ ประกอบดว้ ย ๓. พระคณุ ของพระพทุ ธเจา้ มกี ่ดี า้ น อะไรบา้ ง ๔. พระคณุ ของพระพทุ ธเจา้ ดา้ นใดท่นี กั เรยี นสามารถนาไปปรบั ใช้ ในชีวติ ประจาวนั ได้ (ตอบไดม้ ากกว่า ๑ ดา้ น)

อริยสัจ ๔ คือ ความจริงอนั รระเสริฐ หรือความจริงของอริยบุคคล รระกอบด้วยองค์ ๔ ดงั นี้ ทุกข์ สมุทยั นิโรธ มรรค รัญหา ต้งั สมมตฐิ าน ทดลอง สรุรผล

อรยิ สจั ๔ ทุกข์ สมุทยั นิโรธ มรรค ควรรู้ ควรละ ควรบรรลุ ควรเจริญ ขันธ์ ๕ 1. หลกั กรรม ภาวนา ๔ ๑. พระสัทธรรม ๓ ๒. รัญญาวุฒิธรรม ๔ - นิยาม ๕ ๓. พละ ๕ ๔. อุบาสกธรรม ๕ 2. วติ ก ๓ ๕. มงคล

๑. ทุกข์ (ธรรมทคี่ วรรู้) ทุกข์ คือ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ขันธ์ ๕ รูรธรรม รูร องคป์ ระกอบ นามธรรม เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณ ของชีวติ

๑. รูรขนั ธ์ คือ ส่วนท่ีเป็นร่างกายและ พฤติกรรมท้งั หมดของร่างกาย ๒. เวทนาขันธ์ คือ ความรู้สึกท่ีเกิดข้ึนต่อ สิ่งที่รับรู้น้นั ๓. สัญญาขนั ธ์ คือ กาหนดรู้ส่ิงใดส่ิงหน่ึง การแยกแยะวา่ อะไรเป็นอะไร ๔. สังขาร คือ สภาพปรุงแต่งจิตใหด้ ี (กศุ ล) ให้ ชวั่ (อกศุ ล) หรือเป็นกลางๆ (อพั ยากฤต) โดยมีเจตนา เป็นตวั นา ๕. วญิ ญาณขันธ์ คือ การรับรู้ผา่ นประสาทสมั ผสั ต่างๆ

๒. สมุทยั (ธรรมท่ีควรละ) คือ ความจริงด้วยเหตุแห่งทุกข์ หรือต้นตอของความทุกข์ท้งั หมด ๑. หลกั กรรม กรรม คือ การกระทา ในทางธรรมหมายถึง การกระทาทเ่ี จตนา จงใจ การกระทาทไ่ี ม่เจตนาไม่จดั เร็ นกรรม แต่จะเรียกว่า “กริยา” ไม่มผี ลทาง จริยธรรม หลกั ธรรมเกย่ี วกบั หลกั กรรม คือ “นิยาม ๕”

“นิยาม ๕” หมายถึง กฎธรรมชาติ ๕ ประการ ๑. อตุ ุนิยาม คือ กฎธรรมชาติเก่ียวกบั ลม ฟ้า ฤดูกาล ๒. พชี นิยาม คือ กฎธรรมชาติเกี่ยวกบั การสืบพนั ธุ์ ๓. จิตตนิยาม คือ กฎธรรมชาติเกี่ยวกบั การทางานของจิต ๔. กรรมนิยาม คือ กฎธรรมชาติเก่ียวกบั พฤติกรรมมนุษย์ ๕. ธรรมนิยาม คือ กฎธรรมชาติเก่ียวกบั ความเป็นเหตุเป็นผลของสิ่งท้งั ปวง

หลกั จูฬกมั มวภิ งั คสูตร ไดก้ าหนดสิ่งท่ีเป็นผลของกรรมเก่าไว้ ดงั น้ี ๑. ความประณีตสวยงามหรือไม่สวยงามของรูปร่างท่ีมีมาโดยกาเนิด ๒. การเกิดในตระกลู สูงหรือตระกลู ต่า ๓. ความร่ารวยหรือยากจน ๔. ความสามารถทางสติปัญญา หรือความโง่เขลาท่ีมีมาแต่เกิด ๕. ความสมบูรณ์หรือความอ่อนแอของร่างกาย ๖. ความยนื ยาวหรือส้นั ของอายุ

การให้ผลของกรรม สามารถพจิ ารณาได้ ๓ ระดบั ดงั นี้ ๑. ระดบั ภายในจติ ใจหรือคุณภาพจิต คิดทาความชวั่ ยอ่ มไดร้ ับผลชว่ั ทางจิตใจ คือ สภาพจิตใจตกต่า มวั หมอง คิดในทางท่ีดียอ่ มมีจิตใจสะอาด สร้างคุณภาพและสมรรถภาพ ท่ีดีใหแ้ ก่จิต

๒. ระดบั บุคลกิ ภาพและอรุ นิสัย กรรมท่ีกระทาจะปรุงแต่งลกั ษณะความประพฤติ การแสดงออก ท่าที บุคลิกภาพหรืออุปนิสยั คือ คุณภาพจิตใจสูงหรือต่า กแ็ สดงออก ทางบุคลิก ๓. ระดบั ภายนอกหรือผลทางสังคม ผลของการกระทาระดบั น้ี คือสิ่งที่มองเห็นในชีวติ ประจาวนั เช่น ลาภ ยศ สรรเสริญ ทุกข์ สุข ผลภายนอกน้ีทางพทุ ธศาสนาไม่ถือเป็นผล โดยตรงจากการทาชว่ั หากเป็นผลพลอยได้

๒. วติ ก ๓ หมายถงึ การคดิ การใคร่ครวญท่เี กดิ ข้ึนกบั จติ 1. กศุ ลวติ ก 2. อกศุ ลวติ ก

1. กศุ ลวติ ก หมายถงึ ความคดิ ท่ดี ี 3 ประการ 1. เนกขมั มวติ ก คอื ความคดิ ปลอดจากกาม 2. อพยาบาทวติ ก คอื ความคดิ มีเมตตา ไม่ม่งุ รา้ ยใคร 3. อวหิ งิ สาวติ ก คอื ไม่คดิ เบยี ดเบยี น ไม่คดิ ทาลายใคร

2. อกศุ ลวติ ก หมายถงึ ความคดิ ท่ไี ม่ดี 3 ประการ 1. กามวติ ก คอื ความคดิ ยดึ ตดิ ในกาม 2. พยาบาทวติ ก คอื ความคดิ มมี ่งุ รา้ ยใคร อาฆาต 3. วหิ งิ สาวติ ก คอื คดิ เบยี ดเบยี น คดิ ทารา้ ย ทาลาย

๓. นิโรธ (ธรรมทคี่ วรบรรลุ) คือ ความจริงว่าด้วยความดบั ทุกข์ เม่ือความทุกขเ์ กิดจากสาเหตุ ถา้ เรา ดบั สาเหตุเสีย ความทุกขย์ อ่ มดบั ไป ดว้ ย ปัญหากห็ มดเหลือแต่ความ สงบ

ภาวนา ๔ ภาวนา คือ การทาให้เกดิ ให้มขี นึ้ หรือทเี่ รียกว่า “พฒั นา” ๑. กายภาวนา คือ การพฒั นากายผทู้ ี่มีสุขภาพแขง็ แรง ๒. ศีลภาวนา คือ การพฒั นาศีล ทาตนเป็นผมู้ ีประพฤติดี

๓. จติ ภาวนา คือ การพฒั นาจิต คือคนท่ีมีคุณธรรมอนั ดีงาม “สังคหวตั ถุ ๔” (ทาน ปิ ยวาจา อตั ถจริยา สมานตั ตา) คือ ผทู้ ี่มีคุณภาพจิตสมบูรณ์ “อทิ ธิบาท ๔” (ฉนั ทะ วิริยะ จิตตะ วิมงั สา) คือ ผทู้ ่ีมีสมรรถภาพจิตสมบูรณ์ ๔. รัญญาภาวนา คือ การพฒั นาปัญญา

๔. มรรค มรรค คือ ความจริงวา่ ดว้ ยทางแห่งความดบั ทุกข์ มรรคจึงเป็นธรรมที่ควรเจริญ หมายถึง พฒั นา การทาใหเ้ กิดข้ึน ๑.) พระสทั ธรรม ๓ ๒.) ปัญญาวฒุ ิธรรม ๔ ๓.) พละ ๕ ๔.) อุบาสกธรรม ๕ ๕.) มงคล

พระสัทธรรม ๓ สัทธรรม หมายถึง ธรรมอนั ดี ธรรมท่ีแทห้ รือสจั ธรรม ธรรมของสตั บุรุษ

๑. รริยตั ิสัทธรรม คือ คาสงั่ สอนของพระพทุ ธเจา้ หรือ พระพทุ ธวจนะที่บนั ทึกไวใ้ นพระไตรปิ ฎกท้งั หมด ๒. รฏิบัติสัทธรรม คือ การปฏิบตั ิตามหลกั ทฤษฎีต่างๆ ที่ได้ เรียนรู้มา ซ่ึงถือวา่ สาคญั มาก ๓. รฏิเวธสัทธรรม คือ ผลอันพึงเขา้ ถึง หรือบรรลุด้วยการ ปฏิบตั ิตามหลกั อริยมรรคมีองค์ ๘

รัญญาวฒุ ิธรรม ๔ รัญญาวฒุ ธิ รรม หมายถึง ธรรมที่พาไปสู่ความเจริญปัญญา ๑. สัรรุริสสังเสวะ คือ คบหาสตั บุรุษและบณั ฑิต ๒. สัทธัมมัสสวนะ คือ เอาใจใส่เล่าเรียนหาความจริง ๓. โยนิโสมนสิการ คือ ใชเ้ หตุผลไตร่ตรอง ๔. ธัมมานุธัมมรฏิบัติ คือ ปฏิบตั ิตนตามคลองธรรม

พละ ๕ พละ หมายถึง พลงั หรือกาลงั ท่ีควรยดึ เป็นหลกั ในการปฏิบตั ิธรรมและ การดาเนินชีวติ ๑. ศรัทธา คือ ความเช่ือมน่ั ต่อหลกั คาสอนของพระพทุ ธองค์ ๒. วริ ิยะ คือ ความพยายามท่ีจะประกอบแต่ความดี ละเวน้ ความชว่ั

๓. สติ คือ ความระลึกได้ มีความจา ไม่เผลอ คือ มีความระวงั ต่ืนตวั อยเู่ สมอ ไดด้ ว้ ยการปฏิบตั ิธรรมสติ ๔. สมาธิ คือ ความต้งั จิตมน่ั สามารถบงั คบั จิตใหแ้ น่วแน่อยกู่ บั เร่ืองใด ๕. รัญญา คือ ความรู้ชดั เขา้ ใจส่ิงใดสิ่งหน่ึงอย่างถ่องแท้ รู้ซ้ึงความ จริงของชีวติ รู้วา่ กิเลศตณั หาเป็นสาเหตุแห่งความทุกข์

อุบาสกธรรม ๕ หมายถึง หลกั ธรรมประจาใจของผนู้ บั ถือและใกลช้ ิดพระพทุ ธศาสนา ๑. มีศรัทธา คือ มีความเชื่อปัญญาตรัสรู้ของพระพทุ ธเจา้ ๒. รักษาศีล คือ เป็นคนมีจิตใจเป็นปกติ ไม่ถูกครอบงาดว้ ยความโลภ โกรธ หลง ๓. ไม่เชื่อโชคลาง เชื่อหลกั ธรรม คือ เชื่อในกฎแห่งกรรม ทาอยา่ งไรไดผ้ ลอยา่ งน้นั ๔. ไม่แสวงหาเขตบุญนอกหลกั พระพทุ ธศาสนา ยดึ มน่ั ในหลกั ธรรม ๕. เอาใจใส่ทานุบารุงพระพทุ ธศาสนา มีส่วนร่วมในการปฏิบตั ิพิธีกรรมทางศาสนา หมน่ั รักษาศีล

มงคล ๓๘ มงคล หมายถึง ธรรมที่นามาซ่ึงความสุข ความเจริญ ๑. สงเคราะห์บุตร คือ คุณธรรมของบิดามารดาที่ตอ้ ง บารุงเล้ียงดูบุตรใหเ้ จริญท้งั ดา้ นร่างกายและจิตใจ ๒. สงเคราะห์ภรรยา (สาม)ี หมายถึง ผเู้ ป็นสามีกต็ อ้ งสงเคราะห์ภรรยาและผู้ เป็นภรรยากต็ อ้ งสงเคราะห์สามี ๓. สันโดษ คือ การรู้จกั ยบั ย้งั ความปรารถนาของตนใหอ้ ยใู่ นขอบเขตที่เหมาะสม ความยนิ ดีในส่ิงท่ีตนมีอยู่

การสงเคราะห์บุตร มงคลขอ้ ท่ี ๑๒ ตามหลกั พระพทุ ธศาสนา บุตรหรือลูก มี ๓ ประเภท คือ ๑. อภิชาตบุตร คือ ลกู ที่มีคุณธรรม คุณสมบตั ิอ่ืนๆดีกวา่ พอ่ แม่ ทาใหว้ งศต์ ระกลู มีชื่อเสียง ๒.อนุชาตบุตร คือ ลูกที่มีคุณธรรม คุณสมบตั ิอ่ืนๆเสมอเท่าเทียมพอ่ แม่ ๓. อวชาตบุตร คือ ลกู ท่ีมีคุณธรรม คุณสมบตั ิอ่ืนๆดอ้ ยกวา่ พอ่ แม่ ทาใหว้ งศต์ ระกลู เสื่อมเสียช่ือเสียง

สงเคราะห์ภรรยา (สาม)ี มงคลที่ ๑๓ หลกั ในการเลือกคู่ครอง (สมชีวติ าธรรม) รระกอบด้วย 1.สมสัทธา – มศี รัทธา/ความเช่ือเสมอเหมือนกนั 2.สมสีลา – มศี ีลหรือคุณธรรมเสมอเหมือนกนั 3.สมจาคา- มีความเสียสละ ความเอือ้ เฟื้ อเสมอเหมือนกนั 4.สมรัญญา-มรี ัญญาหรือความรู้เสมอเหมือนกนั

หลกั ธรรมสาหรับการครองเรือน ( ฆราวาสธรรม 4) รระกอบด้วย 1.สจั จะ -มีความซ่ือสตั ย์ 2.ทมะ -รู้จกั ขม่ ใจ ควบคุมจิตใจ 3.ขนั ติ -มีความอดทน 4.จาคะ -รู้จกั เสียสละ

สันโดษ มี 3 รระการ 1. ยถาลาภสันโดษ – ยนิ ดตี ามทตี่ นได้มา 2. ยถาพลสันโดษ - ยนิ ดตี ามกาลงั ของตน 3. ยถาสรุรรสันโดษ – ยนิ ดตี ามสมควรแก่สภาวะของตน /ความเร็ นอยู่ของตน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook