มาตรฐานที่ ๓.๓ มีความรู้ ความเข้าใจ ในการจดั การอาชพี อยา่ งมีคุณธรรม ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรทู้ คี่ าดหวัง มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถจดั ทำแผนงาน ๑. อธบิ ายความหมาย ความสำคัญของการจดั การ และโครงการธรุ กจิ เพ่ือพฒั นาอาชพี เขา้ ส่ตู ลาด อาชพี เพื่อพัฒนาอาชพี ได้ การแข่งขันตามแนวคดิ ปรชั ญาของเศรษฐกิจ ๒. ดำเนินการปรับปรุงแผนธุรกจิ ด้านการจดั การการ พอเพยี ง เพื่อสู่ความเข้มแข็ง ผลติ หรือการบรกิ าร และดา้ นการจดั การการตลาด ตามแนวคดิ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้ ๓. อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหว่างระบบการพัฒนา ธุรกิจกับการขับเคลอื่ นธรุ กิจอย่างมคี ุณธรรม ๔. ปฏิบตั กิ ารจดั ทำแผนและโครงการพัฒนาอาชีพ ได้ มาตรฐานท่ี ๓.๔ มีความรู้ ความเข้าใจ ในการพฒั นาอาชีพใหม้ ีความม่นั คง ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรูท้ ีค่ าดหวัง มคี วามรู้ ความเข้าใจในการพัฒนาอาชพี ให้มี ๑. อธบิ ายความหมาย ความสำคัญ ความจำเป็นใน ผลิตภัณฑห์ รอื งานบริการ สร้างรายได้พอเพียงตอ่ การพัฒนาอาชพี ใหม้ ีผลติ ภัณฑห์ รืองานบริการ สร้าง การดำรงชวี ติ และเหลือเงนิ ออมตามศักยภาพ รายไดพ้ อเพียงต่อการดำรงชวี ติ และเหลอื เงินออม ตามศักยภาพ ๒. วเิ คราะห์ศกั ยภาพธรุ กจิ การตลาด การผลติ หรอื การบรกิ าร แผนธรุ กิจเพ่ือสร้างธรุ กจิ ให้มีความ เขม้ แข็ง ๓. อธิบายการจดั ระบบ การพัฒนาอาชีพ สคู่ วาม เขม้ แข็งได้ ๔.ปฏบิ ัตกิ ารทำแผนและโครงการพัฒนาอาชีพใหม้ ี ความเขม็ แขง็ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 50
คำอธิบายรายวิชาบังคบั สาระการประกอบอาชีพ ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ มาตรฐานที่ รหสั รายวชิ า รายวิชา หนว่ ยกิต ๓.๑ ๒ อช๒๑๐๐๑ ชอ่ งทางการพฒั นาอาชพี ๓.๒ ๔ อช๒๑๐๐๒ ทักษะการพัฒนาอาชพี ๓.๓ อช๒๑๐๐๓ พัฒนาอาชีพใหม้ ีความเข้มแข็ง ๒ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 51
คำอธิบายรายวชิ า อช๒๑๐๐๑ ช่องทางการพฒั นาอาชีพ จำนวน ๒ หน่วยกิต ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น มาตรฐานการเรยี นร้รู ะดับ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และเจตคติท่ดี ีในงานอาชีพ วิเคราะห์ลักษณะงาน ขอบขา่ ยงานอาชีพในชุมชน สงั คม ประเทศ และโลกที่เหมาะสมกบั ศกั ยภาพของตน และสอดคลอ้ งกับชุมชนเพ่ือการพัฒนาอาชีพ ศกึ ษาและฝกึ ทักษะเกย่ี วกับช่องทางพฒั นาอาชีพ ดังนี้ คอื ความหมาย ความสำคัญและความจำเป็นของการพัฒนาอาชีพ วิเคราะห์ลักษณะขอบข่ายการงาน อาชีพ กระบวนการทำงาน การบริหารจัดการของอาชีพต่าง ๆ ในชุมชน สังคม ประเทศ และโลก เพื่อการ พฒั นาอาชีพ จากการงานอาชีพตา่ ง ๆ เชน่ งานบ้าน เป็นการวิเคราะห์เกี่ยวกับงานบ้านและชีวิตความเป็นอยู่ในบ้าน ผ้าและเครื่องแต่งกาย อาหารและโภชนาการ โดยเนน้ การแก้ปัญหาในการทำงาน มคี วามรบั ผดิ ชอบ สะอาด มรี ะเบียบ ประหยัด อด ออม อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การสร้างงานอาชีพที่เหมาะสมกับศักยภาพของตนและ สอดคล้องกับชมุ ชน สงั คม งานเกษตร เป็นการวิเคราะห์เกี่ยวกับการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และการประมง ตามกระบวนการผลิต และการจัดการผลผลิต มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเพิ่มผลผลิต ปลูกฝังความรับผิดชอบ การอนุรักษ์พลังงาน และสิ่งแวดล้อมเพ่อื นำไปสู่การสร้างงานอาชพี ที่เหมาะสมกับศักยภาพของตนและสอดคล้องกับชมุ ชน สังคม งานช่าง เป็นการวิเคราะห์เกี่ยวกับการทำงานตามกระบวนการของงานช่าง ซึ่งประกอบด้วยการ บำรุงรักษา การติดตั้ง ประกอบ การซ่อมและการผลิตเพื่อจะนำไปสู่การสร้างงานอาชีพที่เหมาะสมกับ ศกั ยภาพของตนและสอดคล้องกับชมุ ชน สังคม งานประดิษฐ์ เป็นการวิเคราะห์เกี่ยวกับการทำงานด้านการประดิษฐ์สิ่งของ เครื่องใช้ที่เน้นความคิด สร้างสรรค์ โดยเน้นความประณีต สวยงามตามกระบวนการงานประดิษฐ์และเทคโนโลยี และเน้นการอนุรักษ์ และสืบสานศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ตามภูมิปัญญาท้องถิ่นและสากล เพื่อนำไปสู่การ สร้างงานอาชพี ทเ่ี หมาะสมกบั ศักยภาพของตนและสอดคลอ้ งกบั ชมุ ชน สงั คม งานธุรกิจ เป็นการวิเคราะห์งานหรือกิจกรรมที่เป็นการนำเอาทรัพยากรต่างๆ มาใช้ร่วมกัน หรือ เปล่ียนสภาพเพอ่ื ที่จะก่อใหเ้ กิดคุณคา่ ทส่ี ูงกว่าเดมิ โดยที่ผู้ซง่ึ เปน็ เจา้ ของหรือผูจ้ ัดการหวังว่า ส่ิงท่ีตนทำนั้นจะ ยั่งยืน และเจริญก้าวหนา้ ต่อไปในอนาคต โดยในงานหรือกิจกรรมทางธรุ กิจจะกล่าวถึงงานการตลาด งานการ ผลิตหรอื บริการ งานการเงนิ และบัญชี และงานทรัพยากรมนุษย์ ความหมาย ความจำเป็นในการพัฒนาอาชีพในชุมชน สังคม ประเทศ และโลก ที่เหมาะสมกับตนเอง วิเคราะห์ความเป็นไปได้ตา่ ง ๆ ได้แก่ การลงทุน การตลาด กระบวนการผลิต การขนส่ง การบรรจุหีบห่อ การ แปรรูป และผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ความรู้ความสามารถของตนเองต่อสิ่งที่ต้องการพัฒนา การ ลำดับความสำคัญของการพัฒนาที่มีความเป็นไปได้ เพื่อนำข้อมูลที่วิเคราะห์ไว้นำไปปรึกษาผู้รู้ การตัดสินใจ เลือกพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง โดยวิเคราะห์ความพร้อมของตนเอง ความต้องการของตลาด เทคนิค ความรู้ ทกั ษะในอาชีพ และความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 52
การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ เน้นการสำรวจอาชีพในชุมชน สังคม ประเทศ และโลก และสิ่งที่ต้องการพัฒนาที่สอดคล้องกบั อาชีพ ของตนเอง แล้วนำมาวเิ คราะห์ รวมท้ังแลกเปลีย่ นเรียนรู้ซ่ึงกันและกัน สรุปเปน็ องคค์ วามร้สู ง่ิ ทตี่ ้องการพัฒนา การวดั และประเมินผล ประเมินจากสภาพจรงิ ผลงานปฏบิ ตั ิ สงั เกตความสนใจ ความร่วมมอื ในกระบวนการเรียนรู้ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 53
คำอธิบายรายวิชา อช๒๑๐๐๒ ทักษะการพัฒนาอาชีพ จำนวน ๔ หนว่ ยกติ ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ 1. มีความรู้ ความเข้าใจทักษะในการพัฒนาอาชีพที่ตัดสินใจเลือกบนพื้นฐานความรู้ กระบวนการ ผลิต กระบวนการตลาดท่ใี ชน้ วตกรรม เทคโนโลยที ี่เหมาะสม และประยกุ ต์ใช้ภูมปิ ญั ญา 2. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถจดั ทำแผนงานและโครงการธุรกจิ เพอื่ พัฒนาอาชีพเข้าสู่ตลาด การแขง่ ขนั ตามแนวคดิ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือสู่ความเขม้ แข็ง ศึกษาและฝึกทักษะเกย่ี วกบั ทักษะอาชีพทต่ี อ้ งการพฒั นาอาชีพ ดงั น้คี ือ ความจำเป็นในการฝึกทักษะเพื่อพัฒนาอาชีพ กระบวนการผลิต กระบวนการตลาด ที่ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี ความหมาย ความสำคัญของการจัดการเพื่อพัฒนาอาชีพ และระบบการจัดการเพื่อการ พัฒนาอาชีพ ที่ตัดสินใจเลือก แหล่งเรียนรู้ในการฝึก วิธีการฝึก การตัดสินใจเลือกแหล่ง และวิธีการฝึก การ บนั ทกึ รายงานการฝึกทกั ษะการพฒั นาอาชีพโดยประยุกต์ใช้ภมู ิปญั ญา ความหมาย ความสำคญั ของการจัดทำ และหรอื ปรบั ปรุงการจัดการอาชพี การทำแผนธุรกิจ แผนธุรกิจเป็นแผนแม่บทในการประกอบอาชีพของทุกคนในครอบครัว ชุมชน ซ่ึง เป็นกระบวนการในการระดมความคิดจากการวิเคราะหช์ ุมชนที่กำหนดด้วยวิสัยทศั น์ พันธกิจ รายได้ ค่านิยม ของชุมชน ตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสู่ความเข้มแข็งเป็นผลสำเร็จ โดยกำหนด เป้าหมายและกลยทุ ธ์ การดำเนนิ งานที่จะดำเนนิ การไปตามแผนธุรกจิ การจดั การความเสี่ยง เป็นการวเิ คราะห์ศักยภาพและจัดการเกี่ยวกบั ผลการดำเนินการในอดีตท่ีผ่าน มาในช่วงระยะเวลา ๒-๓ ปี จนถึงปัจจุบัน เน้นยอดขายของประเภทสินคา้ ค่าใช้จ่ายตา่ งๆ ผลกำไร วิเคราะห์ ค่แู ข่งขนั วิเคราะห์สว่ นครองตลาดสัมพันธ์ วิเคราะหส์ มรรถนะของธรุ กจิ วิเคราะห์สภาวะแวดล้อมภายในด้าน จุดแข็ง จุดอ่อน วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกด้านโอกาสและอุปสรรค ว่าประเด็นใดจะทำให้เกิดความ เสี่ยงในการประกอบอาชพี ตอ้ งจดั การแก้ปญั หาความเส่ียงนัน้ เพือ่ ความเขม้ แข็งในอาชพี การจัดการการผลิต หรอื การบริการ เป็นการจดั การเก่ียวกับ การควบคมุ คณุ ภาพใหไ้ ด้มาตรฐานตาม ความต้องการของตลาด การใช้นวตกรรม เทคโนโลยี การลดตน้ ทุนการผลติ หรอื การบริการ การจัดการการตลาด เป็นการนำผลผลิตเข้าสู่ตลาด ซึ่งดำเนินการโดยการโฆษณา การ ประชาสมั พันธ์ การวิจัยตลาด การสง่ เสรมิ การขาย การจดั ทำขอ้ มูลฐานลูกคา้ ความสามารถกระจายสินค้า ใหถ้ งึ ลกู ค้า ปฏิบตั ิการ จดั ทำแผนและโครงการพฒั นาธุรกจิ การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ สำรวจ วิเคราะห์ทักษะที่ต้องการพัฒนาอาชีพแหล่งฝึกและวิธีการฝึก กระบวนการผลิต กระบวนการตลาดที่ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี การถอดบทเรียนจากการฝึกทักษะเพื่อการพัฒนาอาชีพโดย ประยุกตใ์ ชภ้ ูมปิ ัญญา เป็นการศึกษาปฏิบัติจริงด้วยการทำแผนธุรกิจของชุมชน หรือของผู้เรียนตามแนวคิดปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง การจัดการความเสี่ยง การจัดการการผลิต การจัดการการตลาด อาจสร้างสถานการณ์ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 54
จำลองขึ้นมาหรือพาไปศึกษาของจริง เพื่อฝึกปฏิบัติและนำแผนปฏิบัติการต่างๆ เข้าสู่วิถีชีวิต หรือ ดำเนินการจริงตามวถิ ีชวี ติ เพ่ือผเู้ รียนจะเกิดความรู้ ความสามารถในการบริหารจัดการธรุ กจิ อยา่ งแท้จรงิ การวัดและประเมินผล ประเมินจากสภาพจริงจากผลงานการเรยี นรู้ และผลการเรียนรู้ การทำแผนงาน และโครงการพัฒนา อาชีพ โดยการนำภมู ิปญั ญาในชมุ ชนมาประยกุ ตใ์ ช้ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 55
คำอธบิ ายรายวิชา อช๒๑๐๐๓ พัฒนาอาชีพให้มีความเขม้ แข็ง จำนวน ๒ หน่วยกิต ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น มาตรฐานการเรียนรู้ระดบั มีความรู้ ความเข้าใจในการพัฒนาอาชีพ ให้มีผลิตภัณฑ์หรืองานบริการ สร้างรายได้พอเพียงต่อการ ดำรงชีวติ และเหลือเงนิ ออมตามศักยภาพ ศึกษา และฝึกทักษะเกย่ี วกับการพัฒนาอาชีพ เพื่อใหม้ คี วามเข้มแข็ง ดังนี้ คือ ความหมาย ความสำคญั ความจำเปน็ ในการพัฒนาอาชีพ ศักยภาพธุรกิจตนเอง ชุมชน ความจำเป็นและคุณค่าของการวิเคราะห์ศักยภาพธุรกิจ การวิเคราะห์ ตำแหน่งธุรกิจ (ระยะเริ่มต้น ระยะสร้างตัว ระยะทรงตัว ระยะตกต่ำหรือสูงขึ้น) การวิเคราะห์ศักยภาพ ธรุ กิจบนเส้นทางของเวลา การจัดทำแผนพัฒนาการตลาด การกำหนดทิศทางการตลาด กำหนดเป้าหมายการตลาด การ กำหนดกลยุทธ์สู่เป้าหมายบนพื้นฐานศักยภาพธุรกิจที่เป็นอยู่ การวิเคราะห์กลยุทธ์กำหนดกิจกรรมแผนการ พฒั นาการตลาด การจัดทำแผนพัฒนาการผลิตหรือการบริการ การกำหนดคุณภาพผลผลิตหรือการบริการ การ วิเคราะห์ทุนปัจจัยการผลิตหรือการบริการ การกำหนดเป้าหมายการผลิตหรือการบริการ การกำหนดแผน กิจกรรม พฒั นาระบบการผลิตหรือบรกิ าร การพัฒนาธุรกิจเชิงรุก ความจำเป็นและคุณค่าของธุรกิจเชิงรุก การแทรกความนิยมเข้าสู่ความ ตอ้ งการแท้จรงิ ของผ้บู ริโภค รปู ลกั ษณ์ คุณภาพใหม่ เพ่มิ ช่องทางเข้าถงึ ลูกคา้ ปฏบิ ัติการ จัดทำแผน และโครงการพัฒนาอาชพี ใหม้ คี วามเข้มแข็ง การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ เป็นการศึกษาปฏิบัติจริงด้วยการวิเคราะหศ์ ักยภาพธรุ กิจ การจัดทำแผนพัฒนาการตลาด การจัดทำ แผนพัฒนาการผลิตหรือการบริการ การพัฒนาธุรกิจเชิงรุก อาจสร้างสถานการณ์จำลองขึ้นมา หรือพาไป ศึกษาของจริงเพื่อฝึกปฏิบัติและนำแผนปฏิบัติการต่าง ๆ เข้าสู่วิถีชีวิต หรือดำเนินการจริงตามวิถีชีวิต เพ่ือ ผเู้ รยี นเกิดการเรยี นรู้สามารถพฒั นาอาชีพใหม้ ีความเข้มแขง็ (พออยู่ พอกนิ มีรายได้ มีการออม) การวดั และประเมินผล ประเมินจากสภาพจรงิ จากผลงานการเรียนรู้ และผลการเรียนรกู้ ารจัดทำแผน และโครงการพัฒนา อาชีพให้มคี วามเข้มแข็ง หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 56
คำอธบิ ายรายวิชาเลอื ก สาระทกั ษะการประกอบอาชีพ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น มาตรฐานที่ รหสั รายวชิ า รายวชิ า หน่วยกติ ๓.๒,๓.๓ ๒ อช 22006 คอมพิวเตอร์เบ้ืองตน้ 2 รวม หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 57
สาระทักษะการดำเนินชวี ิต เปา้ หมายการเรียนรู้ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น เศรษฐกิจพอเพียง 1. วเิ คราะห์กระบวนการปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงสู่การพฒั นาชีวิตในอย่ดู มี ีสขุ 2. จัดระบบความสมั พันธ์ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกบั การดำเนินชวี ติ 3. ปฏิบัติตนตามกระบวนการปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง สุขศกึ ษา พลศึกษา 4. วเิ คราะห์การมสี ขุ ภาพกาย สขุ ภาพจติ ที่ดีและการดำเนินชีวิตให้มคี วามปลอดภยั 5. จัดระบบการมีสุขภาพกาย สขุ ภาพจิต และการดำเนนิ ชีวติ ใหม้ ีความปลอดภัย 6. ปฏิบัติตนถูกต้องตามหลกั สขุ บญั ญัติ ศิลปศกึ ษา 7. วิเคราะห์วพิ ากษ์ วิจารณเ์ ก่ียวกบั ทศั นศลิ ป์ ดนตรี นาฏศิลปไ์ ทย 8. เข้าใจความสัมพันธ์ของศลิ ปะกบั การดำเนินชีวิต 9. แสดงความคดิ เห็นในศิลปะอย่างมสี นุ ทรีภาพและถูกต้อง มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดบั ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวงั มาตรฐานท่ี ๔.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ เจตคติที่ดเี ก่ียวกับปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถ ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดำเนนิ ชีวิตได้อย่างเหมาะสม มาตรฐานการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง รู้ เข้าใจ ยอมรบั เห็นคุณคา่ ปรัชญาของเศรษฐกจิ ๑. อธิบายแนวคดิ หลกั การ ความหมาย ความสำคญั พอเพียง และสามารถประยกุ ตใ์ ชใ้ นการประกอบ ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้ อาชีพและมีภมู ิคุ้มกันในการดำเนนิ ชวี ิตของตนเอง ๒. บอกแนวทางในการนำปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ครอบครวั และชุมชนอยา่ งมีความสขุ ไปประยุกตใ์ ช้ในการดำเนนิ ชีวิต ๓. เห็นคณุ คา่ และปฏิบตั ิตามหลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๔. แนะนำ ส่งเสริมสมาชกิ ในครอบครัวและชุมชนให้ เหน็ คณุ คา่ และนำไปปฏิบตั ใิ นการดำเนนิ ชวี ติ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 58
มาตรฐานท่ี ๔.๒ มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจคติทด่ี เี กี่ยวกบั การดแู ล ส่งเสริมสขุ ภาพพลานามยั และความปลอดภยั ในการดำเนนิ ชวี ติ มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวงั รู้ เข้าใจ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรมและเจตคติท่ดี ี มี ๑. อธิบายธรรมชาติการเจริญเตบิ โตและพฒั นาการ ทกั ษะในการดูแล และสร้างเสริมการมีพฤติกรรม ของมนุษยไ์ ดอ้ ยา่ งถกู ต้อง สขุ ภาพทีด่ ี ปฏิบตั ิจนเปน็ กิจนิสยั หลีกเลี่ยง ๒. บอกหลักการดูแลและสรา้ งเสริมพฤติกรรมสุขภาพ พฤติกรรมเสย่ี งต่อสขุ ภาพ ตลอดจนสง่ เสรมิ สขุ ภาพ ทด่ี ีของตนเองและครอบครวั พลานามัยและสภาพ แวดล้อมท่ดี ีในชมุ ชน ๓. ปอ้ งกนั และหลีกเลย่ี งพฤติกรรมเสยี่ งต่อสุขภาพ และความปลอดภยั ดว้ ยกระบวนการทักษะชวี ิต ๔. แนะนำการปฏบิ ตั ิตนเกย่ี วกับการดูแลและ หลกี เลยี่ งพฤติกรรมเสยี่ งต่อสุขภาพแก่ครอบครวั และ ผอู้ ื่น ๕. ปฏบิ ตั ิตนในการดแู ลสขุ อนามยั และสรา้ งเสริม พฤติกรรมสุขภาพทีด่ ขี องตนเอง รวมท้งั สภาพแวดลอ้ มในชมุ ชนจนเป็นกจิ นสิ ยั มาตรฐานท่ี ๔.๓ มีความรู้ ความเขา้ ใจ และเจตคติที่ดี เก่ียวกับศลิ ปะและสุนทรยี ภาพ มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวงั รู้ เขา้ ใจ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม ช่นื ชม เหน็ คณุ ค่า ๑. อธิบายความหมายของธรรมชาติ ความงามและ ความงาม ความไพเราะ ธรรมชาติ สิง่ แวดลอ้ มทาง ความไพเราะของทัศนศลิ ป์ ดนตรี และนาฏศลิ ป์ไทย ทัศนศลิ ป์ ดนตรี และนาฏศลิ ป์ไทย ๒. อธิบายความรู้พื้นฐานของทัศนศลิ ป์ ดนตรี และ นาฏศิลปไ์ ทย ๓. สรา้ งสรรคผ์ ลงานโดยใช้ความรพู้ น้ื ฐาน ด้าน ทัศนศลิ ป์ ดนตรี และนาฏศลิ ป์ไทย ๔. ชน่ื ชม เห็นคณุ คา่ ของทัศนศิลป์ ดนตรี และ นาฏศลิ ป์ไทย ๕. อนรุ ักษ์สืบทอดภูมปิ ัญญาด้านทัศนศิลป์ ดนตรี และนาฏศลิ ปไ์ ทย หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 59
คำอธบิ ายรายวชิ าบังคับ สาระทกั ษะการดำเนนิ ชีวติ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น มาตรฐานท่ี รหสั รายวชิ า รายวชิ า หน่วยกติ ๔.๑ ๑ ๔.๒ ทช๒๑๐๐๑ เศรษฐกิจพอเพยี ง ๒ ๔.๓ ๒ ทช๒๑๐๐๒ สขุ ศึกษา พลศึกษา ๕ ทช๒๑๐๐๓ ศิลปศกึ ษา รวม หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 60
คำอธิบายรายวชิ า ทช๒๑๐๐๑ เศรษฐกิจพอเพียง จำนวน ๑ หน่วยกิต ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดบั การ รู้ เข้าใจ ยอมรับ เห็นคุณค่า ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถประยุกต์ใช้ใน ประกอบอาชพี และมีภมู ิค้มุ กันในการดำเนนิ ชีวิตของตนเอง ครอบครวั และชุมชนอยา่ งมีความสุข ศึกษา ฝึกปฏบิ ัติ และประยกุ ต์ใช้ เกี่ยวกับเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดังนค้ี ือ ความเป็นมา ความหมาย หลักการ แนวคิด ตามปรัชญาของเศรษฐกิจเพื่อการประกอบอาชีพ การ วางแผนการประกอบอาชีพ การสร้างเครือข่ายเพื่อการดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง เพื่อให้เป็นคนมีเหตุผล พอประมาณ มีภูมิคุ้มกัน มีความรู้ และมีคุณธรรมจริยธรรมในการประกอบอาชีพ การดำเนินชีวิตของ ตนเอง ครอบครวั และชุมชนอย่างมคี วามสุข การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ ศึกษาข้อมูลตนเอง ขอ้ มูลวชิ าการ ข้อมลู สิง่ แวดล้อม วิเคราะห์ สังเคราะห์ เชือ่ มโยงเข้ากับความรู้และ ประสบการณ์ โดยศกึ ษาจากกรณตี ัวอย่าง สภาพจรงิ ส่ือทกุ ประเภท การอภปิ รายแลกเปลยี่ นเรียนรู้ ภมู ิ ปญั ญา การทดลอง ฝกึ ปฏบิ ตั ิ ประเมนิ ผลและวางแผนประยกุ ตใ์ นชวี ิต การวดั และประเมินผล ประเมินความรู้ ความเข้าใจ ความคดิ เหน็ ช้ินงาน ผลงาน โดยวธิ กี ารทดสอบ สงั เกต สัมภาษณ์ ตรวจสอบ ประเมนิ การปฏบิ ตั จิ รงิ และประเมินสภาพจรงิ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 61
คำอธบิ ายรายวิชา ทช ๒๑๐๐๒ สขุ ศึกษา พลศึกษา จำนวน ๒ หน่วยกติ ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดับ รู้ เขา้ ใจ มคี ุณธรรม จริยธรรมและเจตคติท่ดี ี มีทักษะในการดูแล และสร้างเสรมิ การมพี ฤตกิ รรม สุขภาพทดี่ ี ปฏบิ ัตจิ นเป็นกิจนิสยั หลกี เล่ียงพฤติกรรมเสีย่ งตอ่ สุขภาพ ตลอดจนส่งเสริมสุขภาพพลานามยั และ สภาพ แวดล้อมที่ดีในชมุ ชน ศึกษา ฝกึ ปฏิบัติ และประยกุ ตใ์ ช้ สขุ ศึกษา พลศึกษา ดงั นี้คอื สุขศึกษา พลศึกษา เกี่ยวกับเรื่องพัฒนาการของร่างกาย ความสัมพันธ์ในครอบครัวและชุมชน สุขภาพทางเพศ สารอาหาร สุขภาพกาย โรคระบาด ยาแผนโบราณ และสมุนไพร การป้องกันสารเสพติด อันตรายจากการประกอบอาชีพ ทักษะชีวิตเพื่อการสื่อสาร เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ มีเจตคติที่ดี และ สามารถดูแลสุขภาพ พลานามัย สร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่ดี มีสรรถภาพทางกายและทางจิต ป้องกันโรค ได้ ปฏิบัติเป็นกิจนิสัย ดำรงสุขภาพที่ดีและประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตของตนเอง ครอบครัว ชุมชนได้ อยา่ งเหมาะสม ปลอดภัย มคี วามสขุ มสี ว่ นร่วมในการส่งเสริมสขุ ภาพ พลานามัยและสงิ่ แวดล้อมท่ดี ใี นชมุ ชน การจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ ศกึ ษาเอกสาร สื่อทกุ ประเภท วเิ คราะห์ อภปิ รายแลกเปล่ียนเรยี นรู้ ศกึ ษาจากสภาพจริง สาธิต ทดลองฝึกปฏิบัติ ค้นคว้า สรุป บันทึก ตรวจสอบ การประเมินตนเอง จัดทำชิ้นงาน/ผลงาน จัดแสดง นิทรรศการ ศึกษาดูงาน กจิ กรรมคา่ ย ฯลฯ การวดั และประเมินผล ประเมินความรู้ ความเขา้ ใจ ตรวจสอบ ชิ้นงาน/ผลงานและประเมินการปฏิบตั จิ รงิ โดยวิธีการทดสอบ สงั เกต สัมภาษณ์ ประเมินสภาพจริง หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 62
คำอธบิ ายรายวิชา ทช๒๑๐๐๓ ศลิ ปศึกษา จำนวน ๒ หนว่ ยกิต ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั รู้ เข้าใจ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ชน่ื ชม เห็นคณุ คา่ ความงาม ความไพเราะ ธรรมชาติ สง่ิ แวดล้อมทาง ทศั นศิลป์ ดนตรี และนาฏศิลป์ไทย ศึกษา เรียนรู้ เกี่ยวกับศลิ ปศกึ ษา ดังนี้คือ ทัศนศิลป์ไทย ความสำคัญ ความเป็นมา คุณค่าและความงามของทัศนศิลป์ ที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่เป็นต้นกำเนิดของงานทัศนศิลป์ของไทย การอนุรักษ์ ภูมิปัญญา ด้านวัฒนธรรม ประเพณี โบราณสถานของไทย ดนตรีไทย ความสำคัญ ความเป็นมา วิวัฒนาการ รูปแบบเทคนิควิธีการ ของดนตรีประเภทต่างๆ คุณค่าความงาม ความไพเราะของดนตรไี ทย การอนุรักษ์ภมู ปิ ัญญา วฒั นธรรม ประเพณี ทางดา้ นดนตรไี ทย นาฏศิลป์ไทย ประวัติ ความเป็นมา วิวัฒนาการ รูปแบบเทคนิควิธีการ คุณค่า ความงามของ นาฏศิลป์พน้ื บ้าน นาฏศิลปไ์ ทย การอนรุ ักษ์ ภมู ปิ ญั ญา วัฒนธรรม ประเพณนี าฏศิลปไ์ ทย การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ ศึกษา จากเอกสาร จากธรรมชาติ สื่อ ทุกประเภท และแหล่งเรียนรู้ ฝึกจินตนาการ วิเคราะห์ สร้างสรรค์ ฝึกปฏิบัติ ทัศนศึกษา กิจกรรมค่าย ฯลฯ ให้เห็นคุณค่าและชื่นชมความงามของทัศนศิลป์ ดนตรี นาฏศิลป์ และการอนรุ ักษ์ ภูมปิ ัญญา วัฒนธรรม ประเพณี สิ่งแวดล้อม การวดั และประเมนิ ผล ประเมินความรู้ ความเขา้ ใจ ความคิดเหน็ ช้ินงาน ผลงาน โดย วธิ กี ารทดสอบ สังเกต สัมภาษณ์ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 63
คำอธบิ ายรายวิชาวิชาเลือก สาระทกั ษะการดำเนินชวี ิต มาตรฐานที่ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น ๔.๑ รหัสวชิ า รายวชิ า หนว่ ยกิต 3 ทช23021 คุ้มครองผ้บู ริโภค ๓ รวม หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 64
สาระการพฒั นาสังคม เปา้ หมายการเรยี นรู้ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ สงั คมศกึ ษา 1. วเิ คราะหค์ วามเชื่อมโยงของภูมิศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง ในการดำเนินชวี ิต 2. จัดระบบความเชื่อมโยงของภูมศิ าสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง ในการดำรงชวี ิต 3. จัดทำโครงงานความเชื่อมโยงของภมู ิศาสตร์ ประวตั ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง ในการดำเนนิ ชีวิต ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี 1. วิเคราะห์หลกั ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี เพ่ือการอยู่ร่วมกันอยา่ งสันตสิ ุข 2. จดั ระบบคุณคา่ เกยี่ วกบั ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี เพอ่ื การอยู่รว่ มกันอย่างสนั ตสิ ุข 3. ปฏบิ ัติตนตามหลัก ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี อย่างถูกตอ้ งเพื่อการอยู่รว่ มกันอย่างสนั ตสิ ขุ หน้าที่พลเมือง 1. วเิ คราะห์ ตดั สิน จัดระบบความเป็นพลเมืองดี ตามวิถปี ระชาธปิ ไตย 2. วิเคราะหล์ กั ษณะของคนมีจติ สาธารณะ เพ่ือความสงบสขุ ของสังคม 3. ปฏิบัติตนตามกฎ กติกาของสงั คม และกฎหมายอยา่ งถูกตอ้ ง การพัฒนาตนเอง 1. วิเคราะหห์ ลักการพฒั นาชุมชน สังคมและการสรา้ งครอบครวั อบอนุ่ 2. จดั ระบบของครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเขม้ แข็ง 3. เข้าร่วมกจิ กรรมประชาคมหมู่บา้ นอยา่ งถกู ต้องและเปน็ ผนู้ ำ ผู้ตามในการเข้าร่วมประชาพิจารณ์ ปัญหาของชุมชน 4. จดั ทำแผนชุมชนได้ถูกต้องตามข้นั ตอน มาตรฐานการเรียนรู้ระดับผลการเรยี นร้ทู ีค่ าดหวัง มาตรฐานท่ี ๕.๑ มีความรู้ ความเขา้ ใจ ตระหนักถึงความสำคญั เกี่ยวกบั ภมู ิศาสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื งการปกครอง สามารถนำมาปรับ ใช้ในการดำรงชวี ิต ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ท่คี าดหวงั มคี วามรู้ ความเขา้ ใจตระหนกั เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ๑.อธิบายขอ้ มลู เกี่ยวกับภมู ิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง ทีเ่ กี่ยวข้องกบั ปกครอง ในทวปี เอเชยี และนำมาปรับใชใ้ นการ ประเทศในทวปี เอเชยี ดำเนนิ ชีวติ เพ่อื ความมน่ั คงของชาติ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 65
๒.นำเสนอผลการเปรยี บเทยี บสภาพภูมศิ าสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง ของประเทศในทวีปเอเชีย ๓.ตระหนกั และวิเคราะหถ์ ึงการเปลยี่ นแปลงทีเ่ กิด ขึ้นกบั ประเทศในทวปี เอเชียที่มีผลกระทบต่อ ประเทศไทย มาตรฐานที่ ๕.๒ มคี วามรู้ ความเข้าใจ เหน็ คณุ ค่า และสืบทอดศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี เพือ่ การอยู่ รว่ มกนั อยา่ งสันติสุข ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น มาตรฐานการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวงั มีความรู้ ความเข้าใจ เห็นคุณคา่ และสืบทอด ๑.อธบิ าย ประวตั ิ ความสำคัญ หลกั คำสอน ศาสนา ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณีของประเทศในทวีป วัฒนธรรม ประเพณขี องประเทศในทวปี เอเชีย เอเชยี ๒.ยอมรบั และปฏบิ ัตติ นเพือ่ การอย่รู ่วมกนั อย่างสนั ติ สขุ ในสังคมท่มี ีความหลากหลายทางศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี มาตรฐานที่ ๕.๓ ปฏบิ ตั ติ นเปน็ พลเมืองดีตามวถิ ปี ระชาธิปไตย มจี ติ สาธารณะ เพื่อความสงบสขุ ของสังคม มาตรฐานการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวงั มคี วามรู้ ความเข้าใจดำเนินชีวิตตามวิถี ๑.อธิบายสาระสำคญั ของรัฐธรรมนูญ และการ ประชาธิปไตย กฎระเบียบของประเทศเพ่ือนบา้ น ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมุข ๒.ตระหนกั ในปญั หาการไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมาย ๓.มสี ่วนรว่ มสง่ เสริมและสนบั สนุน ทางการเมืองการ ปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มี พระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข มาตรฐานท่ี ๕.๔ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ เหน็ ความสำคญั ของหลกั การพัฒนา และสามารถพัฒนาตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน/สงั คม มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ทคี่ าดหวงั มีความรู้ ความเข้าใจ หลักการพัฒนาชมุ ชน สงั คม ๑.มคี วามรู้ ความเข้าใจหลกั การพฒั นาชุมชน สงั คม สามารถวิเคราะห์ข้อมูล และกำหนดแนวทางการ ๒.มีความรู้ ความเข้าใจและเห็นความสำคัญของ พฒั นาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สงั คม ให้ ขอ้ มูล ตนเอง ครอบครวั ชุมชน สังคม หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 66
สอดคลอ้ งกับสภาพการเปลีย่ นแปลงของเหตุการณ์ ๓.วเิ คราะหข์ อ้ มลู ตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน สังคม ปจั จุบัน เพื่อใชใ้ นการจัดทำแผนชีวติ และชุมชน สังคม ๔.เกิดความตระหนัก และมีสว่ นร่วมในการจดั ทำ ประชาคมของชุมชน ๕.นำผลที่ได้จากการประชาคมไปเพอ่ื ใชใ้ น ชีวิตประจำวันได้ ๖.สามารถพฒั นาการจดั การทำแผนชีวติ ชมุ ชน/สงั คม ให้สอดคล้องกบั สภาพการเปลยี่ นแปลงของชุมชน สงั คม หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 67
คำอธิบายรายวชิ าบังคบั สาระการพฒั นาสงั คม ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ มาตรฐานที่ รหสั รายวิชา รายวิชา หน่วยกติ ๕.๑ ๓ สค๒๑๐๐๑ สงั คมศึกษา ๒ ๕.๒ และ ๕.๓ ๑ ๕.๔ สค๒๑๐๐๒ ศาสนา และหน้าท่ีพลเมือง ๖ สค๒๑๐๐๓ การพฒั นาตนเองชุมชน สังคม รวม หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 68
คำอธบิ ายรายวชิ า สค๒๑๐๐๑ สังคมศึกษาจำนวน ๓ หนว่ ยกติ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ มคี วามรู้ ความเข้าใจตระหนกั เก่ยี วกบั ภูมิศาสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ เศรษฐศาสตรก์ ารเมอื ง การปกครอง ในทวปี เอเชีย และนำมาปรับใชใ้ นการดำเนนิ ชวี ิต เพ่อื ความม่นั คงของชาติ ศึกษาและฝึกทกั ษะเก่ยี วกับเร่อื งดังต่อไปนี้ 1. ลักษณะทางภูมศิ าสตรก์ ายภาพ การเปล่ยี นแปลงสภาพภมู ศิ าสตรก์ ายภาพ และความสมั พันธท์ าง ภูมิศาสตร์กายภาพ ที่ส่งผลกระทบถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชากร ตลอดจนการเกิด ทรพั ยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ มของประเทศตา่ งๆ ในทวปี เอเชยี 2. ความเปน็ มาของประวัติศาสตรป์ ระเทศตา่ งๆ ในทวีปเอเชยี 3. ความหมาย และความสำคัญของเศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และทรัพย์สินทางปัญญา ระบบ เศรษฐกิจ และกล่มุ ของเศรษฐกจิ ในทวปี เอเชยี 4. การเมือง การปกครอง และการเปรียบเทียบรูปแบบการเมือง การปกครองของประเทศตา่ งๆ ในทวปี เอเชีย การจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ 1. จัดให้มีการสำรวจสภาพภูมิศาสตร์กายภาพประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง ของชุมชน จัดกลุ่มอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สืบค้นข้อมูลทางกายภาพ จากแหล่งเรียนรู้ภูมิ ปญั ญา แผนท่ี Website ฯลฯ และสรุปผลการเรยี นรู้ นำเสนอในรปู แบบตา่ งๆ 2. จัดใหม้ ีการศึกษาจากสอ่ื การเรยี นรู้ เช่น เอกสาร ตำรา CD แหล่งการเรียนรู้ ภมู ปิ ัญญา สถานที่สำคญั 3. จดั ให้มีการสืบค้นรวบรวมขอ้ มลู โดยวธิ กี ารต่างๆ เชน่ การศึกษาดูงาน การเกบ็ ขอ้ มลู จากองค์กร ฟังการบรรยายจากผู้รู้ จัดกลุ่มอภปิ ราย การวิเคราะห์ เสนอแนวคดิ ทางเลอื ก 4. จดั กิจกรรมการศกึ ษาจากสภาพจริง การเลา่ ประสบการณ์ การแลกเปล่ียนเรยี นรู้ การค้นคว้าจาก ผู้รู้ แหล่งการเรียนรู้ สื่อเทคโนโลยี สื่อเอกสาร การจำลองเหตุการณ์ การอภิปราย การวิเคราะห์ สรปุ ผลการเรียนรู้ และนำเสนอ ในรปู แบบท่ีหลากหลาย การวดั และประเมนิ ผล ประเมินจากการทดสอบ การสังเกต การประเมินการมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมและการตรวจ ผลงาน ฯลฯ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 69
คำอธิบายรายวชิ า สค๒๑๐๐๒ ศาสนา และหนา้ ท่ีพลเมอื ง จำนวน ๒ หนว่ ยกติ ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น มาตรฐานการเรียนรู้ระดบั ๑. มคี วามรู้ ความเข้าใจ เหน็ คุณค่าและสบื ทอดศาสนา วัฒนธรรม ประเพณีของ ประเทศในทวปี เอเชีย ๒. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจดำเนินชีวติ ตามวิถีประชาธปิ ไตย กฎระเบยี บของประเทศเพอื่ นบ้าน ศึกษาและฝึกทกั ษะเก่ยี วกับเรอ่ื งดังต่อไปนี้ 1. ประวัตคิ วามเป็นมาของศาสนาในประเทศไทย และประเทศในทวีปเอเชยี 2. หลกั ธรรมสำคัญ ของการปฏบิ ตั ิตนใหอ้ ย่รู ว่ มกันอย่างสันติสุข 3. การบรหิ ารจติ ตามหลักศาสนา 4. การปฏบิ ัตติ นเป็นคนดีตามหลกั คำสอนของแตล่ ะศาสนา (พทุ ธ คริสต์ อิสลาม) 5. วัฒนธรรม ประเพณี ทส่ี ำคญั ของประเทศไทยและทวีปเอเชีย 6. การอนุรักษ์ สืบสาน วัฒนธรรม ประเพณี และค่านิยม จริยธรรมทางสังคม ที่พึงประสงค์ของ สงั คมไทย ๗. โครงสรา้ งและสาระสำคัญของรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย ท่เี กีย่ วข้องกับสิทธเิ สรีภาพ หนา้ ที่ของประชาชน ๘. การปฏิรปู การเมืองและจดุ เด่นของรัฐธรรมนญู ท่ีเกี่ยวข้องกบั สิทธิเสรีภาพหนา้ ที่ของประชาชน ๙. หลักการอยรู่ ่วมกนั ตามวิถีทางประชาธิปไตยบนพนื้ ฐานของคุณธรรมจริยธรรม ๑๐. สถานการณ์และ การมสี ว่ นร่วมทางการเมอื งการปกครองในสังคมไทย ๑๑. สทิ ธมิ นษุ ยชน พนื้ ฐาน การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ จัดให้มีการค้นคว้าหาความรู้ จากส่ือเอกสาร ตำรา สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ภูมิปัญญา สถาบันทางศาสนา การฝึกปฏิบัติ การทำโครงงาน การจัดกลุ่มอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การวิเคราะห์ สถานการณ์จำลอง การ สรปุ ผลการเรยี นรู้ และนำเสนอในรปู แบบตา่ งๆ การวดั และประเมนิ ผล ประเมนิ จากการทดสอบ การสงั เกต การประเมินการมสี ่วนรว่ มในการทำกิจกรรมและการตรวจผลงาน ฯลฯ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 70
คำอธิบายรายวิชา สค๒๑๐๐๓ การพัฒนาตนเองชมุ ชน สังคม จำนวน ๑ หนว่ ยกติ ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ หลักการพัฒนาชมุ ชน สงั คม สามารถวิเคราะห์ ข้อมูล และกำหนดแนวทางการ พัฒนาตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สังคม ใหส้ อดคล้องกบั สภาพการเปลีย่ นแปลงของเหตุการณ์ปจั จุบัน ศกึ ษาและฝึกทักษะเกีย่ วกับเร่อื งดงั ต่อไปน้ี 1. ความหมาย ความสำคัญ ของข้อมูล ประโยชน์ของขอ้ มลู ตนเอง ชมุ ชน สงั คม 2. เทคนิคและวิธกี ารจดั เก็บข้อมูล เชน่ การจัดเวทปี ระชาคม การสำรวจข้อมลู การ ประชาพิจารณ์ โดยใชแ้ บบสอบถาม การสบื ค้นข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ฯลฯ 3. การวเิ คราะห์ขอ้ มูลเพ่อื การจดั ทำแผนพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม 4. การจัดทำแผนพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สังคมและการนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั การจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ จัดให้ผู้เรียนฝึกทักษะจากการปฏิบัติจริงการเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การจัดทำแผนพัฒนา ตนเอง ชมุ ชน สังคม โดยการเขา้ ร่วมสงั เกตการณ์ สรา้ งสถานการณจ์ ำลอง จดั ทำเวทีประชาคม และการศึกษา ดูงาน เปรียบเทียบการจัดทำแผนพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม ระหว่างกลุม่ ระหว่างชมุ ชน การวดั และประเมินผล จากผลงาน และการมีสว่ นรว่ มในการจัดทำแผนพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สังคม หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 71
คำอธิบายรายวิชาวชิ าเลอื กบงั คบั สาระการพฒั นาสังคม มาตรฐานท่ี รหสั วิชา ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ หนว่ ยกติ สค๒๒๐๑๖ รายวชิ า ๓ ๕.๑ สค๒๒๐๑๙ ๓ ๕.๑ สค22020 การเงินเพื่อชีวิต ๒ 3 ๕.๑ การเรียนรู้สู้ภยั ธรรมชาติ ๒ ๖ ประวัตศิ าสตรช์ าตไิ ทย รวม หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 72
คำอธิบายรายวชิ า สค๒๒๐๑๖ การเงินเพือ่ ชวี ติ ๒ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ จำนวน ๓ หน่วยกิต (๑๒๐ ชว่ั โมง) มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครองในทวีปเอเชยี และนำมาปรบั ใชใ้ นการดำเนนิ ชวี ิต เพื่อความมั่นคงของชาติ ศกึ ษาและฝกึ ทกั ษะเกย่ี วกับเร่อื งดังต่อไปน้ี 1. ว่าด้วยเรื่องของเงนิ ความหมายและประโยชน์ ประเภทของเงิน เงินฝากและการประกันภัย การชำระเงิน ทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ โครงสรา้ งระบบสถาบนั การเงนิ ของประเทศไทย 2. การวางแผนทางการเงนิ การร้จู กั ฐานะการเงินของตนเอง บนั ทกึ รายรับ-รายจ่าย เปา้ หมายการเงินในชวี ิต การออม 3. สนิ เชือ่ ความหมายของสินเชื่อ ลักษณะของสินเชอื่ รายย่อย ประเภทและการคำนวณดอกเบ้ียเงินก้วู ิธีการ ป้องกันปญั หาหนี้ เครดติ บโู ร วธิ กี ารแกไ้ ขปัญหาหน้ี หน่วยงานท่ใี หค้ ำปรึกษาเร่ืองวิธแี ก้ไขปญั หาหน้ี 4. สทิ ธิและหนา้ ทขี่ องผ้ใู ชบ้ ริการทางการเงิน สิทธิของผู้ใช้บริการทางการเงิน ๔ ประการ หน้าที่ของผู้ใช้บริการทางการเงิน ๕ ประการ รู้จักศูนยค์ ุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) และหน่วยงานทีร่ ับที่รับเรื่องร้องเรียนอ่ืน ๆ การเขียนหนังสอื ร้องเรียนและข้นั ตอนท่ีเกีย่ วข้อง 5. ภยั ทางการเงิน ลกั ษณะ การปอ้ งกนั ตนเอง และการแกป้ ัญหาภยั ทางการเงิน การจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ ๑. จดั กลมุ่ อภิปรายในเน้ือหาทีเ่ ก่ยี วข้อง ๒. ศึกษาจากเอกสารและสื่อทุกประเภทที่เกี่ยวข้อง เว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย และเวบ็ ไซตข์ อง ศคง. ๓. จดั ทำโครงการนทิ รรศการฐานการเรียนรู้ ๔. เชญิ วทิ ยากรผูร้ มู้ าให้ความร้เู กยี่ วกับการก่อหนอี้ ย่างเหมาะสม และการวางแผนการเงินใน ชวี ติ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 73
การวดั และประเมินผล ๑. สังเกตพฤติกรรมระหวา่ งการเรยี นรู้ ๒. วัดความรู้จากการทำกจิ กรรมใบงาน ๓. การวดั ผลสัมฤทธ์ิปลายภาค หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 74
คำอธบิ ายรายวิชา สค๒๒๐๑๖ การเงนิ เพอ่ื ชวี ติ ๒ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น จำนวน ๓ หน่วยกิต (๑๒๐ ช่วั โมง) มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนกั เกยี่ วกับภมู ิศาสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมืองการ ปกครองในทวปี เอเชีย และนำมาปรบั ใช้ในการดำเนินชีวติ เพ่ือความม่ันคงของชาติ ที่ หวั เรือ่ ง ตวั ช้วี ดั เนอ้ื หา จำนวน ชั่วโมง ๑. วา่ ดว้ ยเร่ืองของเงิน ๒๔ ชม. ๑.๑ ความหมายและ ๑. อธิบายความหมาย และ ๑. ความหมายและประโยชน์ ประโยชน์ ประโยชนข์ องเงนิ ของเงิน ๒. บอกความหมายและความ ๒. ความหมาย ความแตกตา่ ง แตกต่างของการใหเ้ งินและการ ของการให้เงินและการใหย้ มื ให้ยมื เงิน เงนิ ๑.๒ ประเภทของเงิน 1. บอกประเภทและ ๑. เงินไทย ลกั ษณะของเงินไทย - ธนบตั ร ๒. อธิบายวธิ ีการตรวจสอบ - เหรยี ญกษาปณ์ ธนบตั ร ๓. บอกสกลุ เงินของประเทศใน ๒. เงนิ ตราตา่ งประเทศ ทวีปเอเชยี - สกลุ เงนิ ของประเทศใน ๔. คำนวณอัตราแลกเปล่ยี น ทวีปเอเชยี เงินตราต่างประเทศ - อัตราการแลกเปล่ียน ๕. บอกช่องทางการแลกเปลี่ยน และวธิ กี ารคำนวณอัตรา เงินตราต่างประเทศ แลกเปล่ียนเงินตรา ต่างประเทศ - ชอ่ งทางการแลกเปลี่ยน เงินตราตา่ งประเทศ ๑.๓ เงินฝาก และการ ๑. บอกลกั ษณะบัญชเี งินฝาก ๑. ประเภท ลกั ษณะ ประกนั ภัย แต่ละประเภท ประโยชน์ ข้อจำกดั ของการ ๒. บอกประโยชนแ์ ละข้อจำกัด ฝากเงิน การฝากเงนิ ประเภทตา่ ง ๆ - บัญชเี งนิ ฝากออมทรัพย์ - บัญชเี งินฝากประจำ - บัญชเี งินฝากประจำ รายเดอื นปลอดภาษี - สลากออมทรัพย์/สลาก ออมสิน หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 75
ท่ี หัวเรื่อง ตวั ชีว้ ดั เนอ้ื หา จำนวน ช่วั โมง ๓. บอกความหมายของ ๒. ความหมายและวธิ ีการ คำนวณดอกเบ้ยี เงนิ ฝาก ๓๕ ชม. ดอกเบยี้ เงินฝาก ๓. การคมุ้ ครองเงนิ ฝาก ๔. คำนวณดอกเบ้ยี เงินฝาก ๔. การประกนั ภัย อยา่ งงา่ ย ๑. ความหมาย และประโยชน์ ๕. บอกความหมายของการ ของการชำระเงินทาง อเิ ล็กทรอนกิ ส์ คมุ้ ครองเงินฝาก ๒. ลักษณะของบัตร ATM บตั รเดบติ บัตรเครดิต ๖. บอกประเภทของเงนิ ฝากที่ ๑. โครงสร้างระบบสถาบัน ได้รับการค้มุ ครอง การเงินของประเทศไทย ๒. สถาบนั การเงินและ ๗. อธิบายความหมายและ หนว่ ยงานอนื่ ภายใตก้ ารกำกับ ของธนาคารแหง่ ประเทศไทย ประโยชน์ของการประกันภัย - ประเภท ๘. บอกประเภท และลกั ษณะ - บทบาทหน้าที่ การประกันภัยแตล่ ะประเภท ๑. หลักการประเมินฐานะทาง การเงนิ ของตนเองโดยคำนวณ ๑.๔ การชำระเงนิ ทาง ๑. บอกความหมาย และ จำนวนและอัตราสว่ นดังน้ี อิเล็กทรอนกิ ส์ ประโยชนข์ องการชำระเงนิ ทาง - ความม่งั คง่ั สทุ ธิ - อตั ราส่วนภาระหนี้สินตอ่ อิเล็กทรอนกิ ส์ รายได้ (ต่อเดอื น) ๒. บอกลกั ษณะของบัตร ATM บตั รเดบิต บัตรเครดิต ๓. เปรียบเทยี บความแตกต่าง บตั ร ATM บัตรเดบิต บัตรเครดิต ๑.๕ โครงสรา้ งระบบ ๑. บอกโครงสรา้ งระบบสถาบัน สถาบันการเงนิ ของ การเงินของประเทศไทย ประเทศไทย ๒. บอกประเภทของสถาบัน การเงินและหน่วยงานอ่นื ภายใต้การกำกับของธนาคาร แห่งประเทศไทย ๓. อธบิ ายบทบาทหนา้ ท่ีของ สถาบนั การเงินและหน่วยงาน อ่นื ภายใต้การกำกับของ ธนาคารแห่งประเทศไทย ๒. การวางแผนการเงนิ ๒.๑ การรจู้ กั ฐานะ ๑. อธบิ ายหลักการประเมนิ การเงินของตนเอง ฐานะการเงิน ๒. คำนวณฐานะการเงินของ ตนเอง หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 76
ท่ี หัวเรอ่ื ง ตัวชี้วัด เนื้อหา จำนวน ชั่วโมง - จำนวนเงนิ ออมเผื่อ ฉุกเฉนิ - อตั ราส่วนเงนิ ออมต่อ รายได้ (ต่อเดือน) ๒. การมสี ขุ ภาพการเงนิ ทดี่ ี ๓. อธบิ ายลักษณะของการมี - ความหมาย สุขภาพการเงินท่ีดี - ลกั ษณะการมสี ุขภาพ ๔. ประเมินสุขภาพการเงนิ ของ การเงนิ ท่ดี ี ได้แก่ ตนเอง - มีภาระชำระหน้ไี มเ่ กนิ ๑ ใน ๓ ของรายได้ตอ่ เดือน - ออมอยา่ งน้อย ๑ ใน ๔ ของรายได้ต่อเดอื น - มเี งินออมเผ่ือฉุกเฉิน ประมาณ ๖ เท่าของรายจ่าย จำเปน็ ต่อเดือน ๒.๒ บันทกึ รายรบั - ๑. บอกความแตกตา่ งของ ๑. ความหมายของความ รายจา่ ย “ความจำเปน็ ” และ “ความ จำเปน็ และความตอ้ งการ ต้องการ” ๒. จัดลำดับความสำคญั ของ ๒. การจัดลำดับความสำคญั รายจ่าย ของรายจา่ ย ๓. บอกลักษณะของการบันทึก ๓. ลักษณะและประโยชน์ของ รายรับ-รายจา่ ย บันทึกรายรับ-รายจา่ ย ๔. บอกประโยชนข์ องการ บนั ทกึ รายรับ-รายจ่าย ๕. จดบนั ทึกรายรับ-รายจ่าย ๔. วิธบี นั ทกึ รายรบั -รายจา่ ย ๒.๓ เป้าหมายการเงิน ๑. บอกประโยชนข์ องการมี ๑. ประโยชน์ของการมี ในชวี ติ เปา้ หมายการเงินในชวี ิต เป้าหมายการเงินในชวี ติ ๒. บอกเปา้ หมายการเงินท่ีควร ๒. เป้าหมายการเงนิ ที่ควรมี มีในชีวติ ในชวี ิต ๓. อธบิ ายวธิ กี ารตงั้ เปา้ หมาย ๓. ประเภทของเปา้ หมาย การเงนิ ตามหลัก SMART การเงิน ๔. วางแผนการเงนิ ตาม - ระยะส้นั (ไมเ่ กิน ๑ ปี) เปา้ หมายท่ตี ัง้ ไว้ - ระยะกลาง (๑ – ๓ ปี) - ระยะยาว (มากกวา่ ๓ ปี) หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 77
ที่ หัวเรอื่ ง ตวั ช้ีวดั เนือ้ หา จำนวน ช่ัวโมง ๒.๔ การออม ๑. อธิบายความหมาย และ ๔. วธิ กี ารตั้งเปา้ หมายการเงนิ ประโยชนข์ องการออม ตามหลัก SMART ๒. ตั้งเป้าหมายการออม ๕. การวางแผนการเงนิ ให้ ๓. บอกหลกั การออมใหส้ ำเร็จ เปน็ ไปตามเป้าหมายท่ีตั้งไว้ ๔. อธิบายบทบาทหนา้ ท่แี ละ ๑. ความหมาย และประโยชน์ หลักการของกองทุนการออม ของการออม แห่งชาติ (กอช.) ๒. เปา้ หมายการออม ๓. หลักการออมใหส้ ำเรจ็ ๔. ความรู้เบ้อื งต้นเก่ียวกบั กองทนุ การออมแห่งชาติ (กอช.) ๓. สนิ เชอื่ ๑. บอกความหมายของ “หนี้ ๑. การประเมนิ ความ ๓๖ ชม. ดี” และ “หน้ีพงึ ระวัง” เหมาะสมกอ่ นตัดสนิ ใจก่อหน้ี ๒. ลักษณะของสินเชื่อราย ๒. บอกลกั ษณะของสนิ เชอ่ื ราย ย่อยและการคำนวณดอกเบีย้ ย่อย ๓. บอกประเภทดอกเบย้ี เงนิ กู้ ๔. คำนวณดอกเบ้ียเงินกู้ ๓. เครดิตบโู ร ๕. บอกความหมาย และ บทบาทหน้าที่ของเครดิตบโู ร ๖. บอกวธิ กี ารตรวจสอบขอ้ มูล เครดิตของตนเอง ๔. วธิ ีการปอ้ งกนั ปญั หาหน้ี ๗. บอกวิธีการป้องกันปญั หาหน้ี ๘. บอกวิธกี ารแก้ไขปญั หาหน้ี ๕. วิธกี ารแกไ้ ขปัญหาหน้ี ๙. บอกหน่วยงานที่ให้ ๖. หน่วยงานที่ให้คำปรกึ ษา คำปรกึ ษาเรอื่ งวิธีแก้ไขปัญหา เกย่ี วกบั การแก้ไขปญั หาหน้ี หนี้ ๔. สิทธิและหนา้ ทข่ี อง ๑. บอกสิทธขิ องผู้ใชบ้ ริการทาง ๑. สิทธขิ องผู้ใชบ้ ริการทาง ๑๐ ชม. ผู้ใช้บรกิ ารทางการเงิน การเงิน การเงิน - ไดร้ บั ขอ้ มูลทีถ่ ูกตอ้ ง - เลอื กใช้ผลติ ภณั ฑ์และ บริการได้อยา่ งอสิ ระ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 78
ที่ หวั เรอ่ื ง ตัวชีว้ ัด เน้อื หา จำนวน ชว่ั โมง ๕. ภยั ทางการเงนิ ๒. บอกหนา้ ท่ีของผ้ใู ชบ้ ริการ - รอ้ งเรียนเพื่อความเป็น ทางการเงนิ ธรรม ๑๕ ชม. ๓. บอกบทบาทหน้าทีข่ องศูนย์ - ไดร้ บั การพิจารณา คุ้มครองผใู้ ช้บรกิ ารทางการเงิน คา่ ชดเชยหากเกิดความ (ศคง.) และหน่วยงานที่รบั เรื่อง เสยี หาย รอ้ งเรียนอน่ื ๆ ๒. หน้าที่ของผใู้ ชบ้ รกิ ารทาง ๔. บอกขน้ั ตอนการร้องเรยี น การเงนิ ๕. บอกหลักการเขียนหนงั สอื ร้องเรยี น - วางแผนการเงนิ ๑. บอกประเภทและลักษณะ - ติดตามข้อมูลข่าวสารทาง ของภยั ทางการเงนิ การเงนิ อย่างสมำ่ เสมอ ๒. บอกวิธีการป้องกนั ตนเอง - เขา้ ใจรายละเอยี ด และ จากภยั ทางการเงนิ เปรยี บเทยี บข้อมูลก่อน ๓. บอกวธิ กี ารแกป้ ญั หาท่ีเกิด เลือกใช้ จากภัยทางการเงนิ - ตรวจทานความถูกต้องของ ธรุ กรรมทางการเงินทุกครั้ง - เมือ่ เป็นหน้ตี ้องชำระหนี้ ๓. บทบาทศูนยค์ ้มุ ครอง ผูใ้ ชบ้ ริการทางการเงิน (ศคง.) และหนว่ ยงานทร่ี ับเรื่อง ร้องเรยี นอนื่ ๆ ๔. ขั้นตอนการรอ้ งเรียนและ การเขยี นหนังสือร้องเรียน ๑. ประเภท ลกั ษณะ การ ป้องกนั ตนเอง และการแก้ไข ปัญหาของภยั ทางการเงนิ - หน้นี อกระบบ - แชร์ลูกโซ่ - ภยั ใกลต้ วั เช่น การ หลอกลวงใหจ้ า่ ยเบี้ยประกัน งวดสุดทา้ ย ตกทอง / ล็อตเตอรีป่ ลอม - แกง๊ คอลเซน็ เตอร์ - ภยั ออนไลน์ (ท่ีไม่ใช่ ธนาคารออนไลน)์ เชน่ ภัยทมี่ าทางส่ือสังคมออนไลน์ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 79
อธิบายรายวิชา สค๒๒๐๑๙ การเรียนรูส้ ภู้ ัยธรรมชาติ ๒ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น จำนวน ๓ หน่วยกิต (๑๒๐ ชั่วโมง) มาตรฐานการเรยี นรู้ ๕.๑ มคี วามรูค้ วามเข้าใจและตระหนกั เก่ยี วกับภมู ศิ าสตร์ ประวตั ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมืองการ ปกครองในโลก และนำมาปรับใช้ในการดำเนนิ ชวี ิตเพื่อความม่นั คงของชาติ มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดับ มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจและตระหนักเกีย่ วกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมืองการ ปกครองในทวีปเอเชยี และนำมาปรบั ใชใ้ นการดำเนินชวี ติ เพอื่ ความมั่นคงของชาติ ผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวัง ๑. อธิบายความหมายของภัยแล้ง วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถล่ม ไฟป่า หมอกควัน แผ่นดินไหว และสนึ ามิ ๒. บอกประเภทของวาตภัย และไฟปา่ ๓. บอกสาเหตุ และปัจจัยการเกิดภัยแล้ง วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถล่ม ไฟป่า หมอกควัน แผ่นดินไหว และสนึ ามิ ๔. บอกผลกระทบที่เกิดจากภัยแล้ง วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถล่ม ไฟป่า หมอกควัน แผ่นดินไหว และสนึ ามิ ๕. ตระหนักถึงภัยและผลกระทบท่ีเกิดจากภยั แล้ง วาตภยั อุทกภัย ดนิ โคลนถลม่ ไฟป่า หมอกควัน แผ่นดินไหว และสนึ ามิ ๖. บอกหว้ งเวลาการเกิดภัยแล้งในประเทศไทย ๗. บอกฤดกู าลการเกดิ ไฟปา่ ในแต่ละพน้ื ที่ของประเทศไทย ๘. บอกพื้นที่เสี่ยงภัยต่อการเกิดภัยแล้ง วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถล่ม แผ่นดินไหว และสึนามิใน ประเทศไทยและประเทศตา่ ง ๆ ในทวีปเอเชีย ๙. บอกสัญญาณบอกเหตุกอ่ นเกดิ อุทกภยั ดินโคลนถล่ม และสึนามิ ๑๐.บอกสถานการณ์ภยั แล้ง วาตภยั อุทกภัย ดินโคลนถลม่ ไฟป่า หมอกควัน แผ่นดินไหว และสึนามิ ในประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชยี ๑๑.นำเสนอผลการเปรียบเทียบสถิติการเกิดภัยแล้ง วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถล่ม ไฟป่า หมอก ควัน แผน่ ดนิ ไหว และสึนามิของประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในทวปี เอเชยี ๑๒.บอกวิธีการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์การเกิดภัยแลง้ วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถล่ม ไฟ ป่า หมอกควัน แผ่นดนิ ไหว และสึนามิ ๑๓.บอกวธิ กี ารปฏบิ ตั ิขณะเกิดภยั แล้ง วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถลม่ ไฟป่า หมอกควนั แผ่นดนิ ไหว และสึนามิ ๑๔.บอกวิธีการปฏิบัตหิ ลงั เกิดภัยแล้ง วาตภัย อทุ กภัย ดิน ไฟโคลนถลม่ ป่า หมอกควนั แผน่ ดินไหว และสึนามใิ นประเทศไทย ๑๕.ระบบุ ุคลากรท่ีเก่ยี วข้องกับการใหค้ วามช่วยเหลอื ผูป้ ระสบภัยธรรมชาติตา่ ง ๆ ๑๖.ระบหุ นว่ ยงานที่เกย่ี วข้องกับการใหค้ วามช่วยเหลอื ผ้ปู ระสบภยั ธรรมชาตติ ่าง ๆ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 80
ศึกษาและฝกึ ทกั ษะ ๑.สถานการณ์การเกิดภยั แล้ง วาตภยั อทุ กภยั ดนิ โคลนถลม่ ไฟป่า หมอกควัน แผน่ ดินไหว และสนึ า มิประเทศไทย ๒. การตรียมความพร้อมรบั มือกับภยั แลง้ วาตภัย อุทกภยั ดินโคลนถล่ม ไฟป่า หมอกควัน แผน่ ดินไหว และสึนามิ ๓. สญั ญาณบอกเหตุก่อนเกิดอุทกภยั และดินโคลนถลม่ และสนึ ามิ ๔. ผลกระทบจากการเกดิ ภยั แล้ง วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถล่ม ไฟปา่ หมอกควัน แผน่ ดนิ ไหว และสึ นามิ ๕. บุคลากรและหนว่ ยงานท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั การให้ความชว่ ยเหลือผู้ประสบภยั ธรรมชาติต่าง ๆ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ๑. ศึกษาจากชุดวิชาการเรียนรู้สู้ภัยธรรมชาติ ๒ และจากสื่อการเรียนรู้อื่น ๆ เช่น เอกสาร ส่ือ อิเลก็ ทรอนิกส์ แหล่งเรยี นรใู้ นระบบออนไลน์ ฯลฯ ๒. ศกึ ษาจากสภาพจริงและแหลง่ เรยี นรู้ ๓. ศึกษาจากผู้รู้ การเล่าประสบการณ์ การแลกเปลี่ยนเรียนร้จู ากผปู้ ระสบภัย สรปุ ผลการเรยี นรู้ และ นำเสนอในรปู แบบทห่ี ลากหลาย การวัดและการประเมิน ประเมนิ จากแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบกอ่ นเรียน การสังเกต การมสี ่วนรว่ ม การทำกิจกรรม การตรวจผลงาน หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 81
รายละเอียดคำอธิบายรายวิชา สค๒๒๐๑๙ การเรียนรสู้ ภู้ ยั ธรรมชาติ ๒ ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน ๓ หน่วยกิต (๑๒๐ ชวั่ โมง) มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดับ มีความรู้ความเขา้ ใจและตระหนกั เกีย่ วกับภมู ิศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมืองการ ปกครองในทวีปเอเชีย และนำมาปรับใชใ้ นการดำเนนิ ชีวติ เพื่อความมัน่ คงของชาติ ท่ี หวั เรอ่ื ง ตวั ชวี้ ดั เนื้อหา เวลา (ชว่ั โมง) ๑ ภัยแลง้ ๑.๑ ความหมายของภัยแล้ง ๑.๑.๑ ความหมายของภัยแล้ง ๑๕ ๑.๑.๒ ความหมายของฝนแล้ง ฝนทง้ิ ชว่ ง ๑. อธิบายความหมายของภยั แลง้ ๒. อธิบายความหมายของฝนแลง้ ๑.๒ ลักษณะการเกิดภยั แลง้ ฝนท้ิงช่วง ๑.๒.๑ สาเหตแุ ละปจั จัยการเกิดภยั แลง้ ๑.๒.๒ ผลกระทบที่เกดิ จากภัยแลง้ ๓. บอกสาเหตุ และปัจจยั การเกดิ ๑.๒.๓ หว้ งเวลาการเกดิ ภัยแลง้ และพ้ืนท่ี ภยั แล้ง เส่ียงภัยตอ่ การเกิดภยั แลง้ ในประเทศไทย ๔. บอกผลกระทบทเ่ี กิดจากภัยแล้ง และประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชีย ๕. ตระหนกั ถงึ ภยั และผลกระทบ ๖.๓ สถานการณ์ภยั แล้ง ที่เกิดจากภัยแล้ง ๖.๓.๑ สถานการณภ์ ยั แล้งในประเทศไทย ๖. บอกห้วงเวลาการเกดิ ภยั แล้ง และประเทศในทวปี เอเชีย และพ้ืนที่เสยี่ งภัยตอ่ การเกดิ ภัยแลง้ ๖.๓.๒ สถติ ิการเกดิ ภัยแลง้ ของประเทศ ในประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชยี ในทวปี เอเชยี ๑.๔ แนวทางการปอ้ งกนั และการแก้ไข ๗. บอกสถานการณ์ภยั แล้งในประเทศ ปญั หาผลกระทบท่ีเกิดจากภัยแล้ง ไทย และประเทศในทวปี เอเชีย ๑.๔.๑ การเตรียมความพรอ้ มรบั ๘. นำเสนอผลการเปรยี บเทียบ สถานการณ์การเกิดภัยแล้ง สถิตกิ ารเกิดภัยแลง้ ของประเทศใน ๑.๔.๒ การปฏบิ ัติขณะเกิดภยั แล้ง ทวีปเอเชีย ๑.๔.๓ การปฏิบตั ติ นหลังเกดิ ภยั แล้ง ๙. บอกวิธกี ารเตรียมความพร้อมรบั สถานการณ์การเกิดภัยแลง้ ๑๐. บอกวธิ ีการปฏิบัตขิ ณะเกิดภยั แล้ง หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 82
ที่ หัวเรอ่ื ง ตวั ชี้วัด เน้ือหา เวลา ๒ วาตภัย (ชั่วโมง) ๑๑. บอกวิธีการปฏบิ ตั ติ นหลงั เกิดภัย ๑๕ แล้ง ๒.๑ ความหมายของวาตภยั ๑. บอกความหมายของวาตภยั ๒.๑.๑ ความหมายของวาตภยั ๒. บอกประเภทของวาตภัย ๒.๑.๒ ประเภทของวาตภยั ๒.๒ ลกั ษณะการเกิดวาตภยั ๓. บอกสาเหตุ และปจั จัยการเกิด ๒.๒.๑ สาเหตแุ ละปัจจยั การเกิดวาตภัย วาตภยั ๒.๒.๒ ผลกระทบทีเ่ กิดจากวาตภัย ๔. บอกผลกระทบทีเ่ กดิ จากวาตภยั ๒.๒.๓ พนื้ ทเี่ สี่ยงภยั ตอ่ การเกิดวาตภยั ๕. ตระหนกั ถงึ ภยั และผลกระทบ ในประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในทวปี ทเี่ กดิ จากวาตภยั เอเชยี ๖. บอกพนื้ ท่ีเสย่ี งภยั ต่อการเกิดวาตภยั ในประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในทวปี เอเชยี ๒.๓ สถานการณ์วาตภยั ๗. บอกสถานการณ์วาตภัยในประเทศ ๒.๓.๑ สถานการณ์วาตภยั ในประเทศไทย ไทย และประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชยี และประเทศในทวีปเอเชยี ๘. นำเสนอผลการเปรยี บเทยี บสถติ ิ ๒.๓.๒ สถิตกิ ารเกิดวาตภัยในประเทศไทย การเกิดวาตภยั ของประเทศต่าง ๆ และประเทศตา่ ง ๆ ในทวปี เอเชีย ในทวปี เอเชีย ๒.๔ แนวทางการป้องกนั และการแกไ้ ข ปญั หาผลกระทบทีเ่ กดิ จากวาตภัย ๙. บอกวิธีการเตรียมความพร้อมรบั ๒.๔.๑ การเตรียมความพร้อมรับ สถานการณ์การเกิดวาตภยั สถานการณ์การเกิดวาตภยั ๑๐. บอกวิธีการปฏิบัตขิ ณะเกิดวาตภัย ๒.๔.๒ การปฏบิ ตั ขิ ณะเกิดวาตภยั ๑๑. บอกวธิ กี ารปฏิบัตติ นหลงั เกิดวาต ๒.๔.๓ การปฏบิ ัติตนหลงั เกดิ วาตภัย ภยั ๓ อทุ กภยั ๓.๑ ความหมายของอทุ กภยั และดนิ ๒๕ ดินโคลน โคลนถลม่ ถลม่ ๑. อธิบายความหมายของอทุ กภยั - ความหมายของอุทกภยั และดินโคลน และดินโคลนถล่ม ถลม่ ๓.๒ ลกั ษณะการเกดิ อุทกภัย และดิน ๒. บอกสาเหตุ และปัจจยั การเกดิ โคลนถลม่ อทุ กภยั และดนิ โคลนถลม่ ๓.๒.๑ สาเหตแุ ละปจั จัยการเกดิ อุทกภยั และดนิ โคลนถลม่ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 83
ท่ี หัวเร่อื ง ตัวช้วี ดั เนื้อหา เวลา ๔ ไฟป่า (ชว่ั โมง) ๓. บอกผลกระทบทเี่ กดิ จากอุทกภัย ๓.๒.๒ ผลกระทบทเี่ กดิ จากอุทกภัย และ ๑๕ และดนิ โคลนถล่ม ดินโคลนถล่ม ๔. ตระหนกั ถงึ ภัยและผลกระทบท่เี กดิ ๓.๒.๓ สัญญาณบอกเหตุก่อนเกดิ อุทกภยั จากอุทกภยั และดินโคลนถล่ม และดินโคลนถล่ม ๕. บอกสญั ญาณบอกเหตุก่อนเกิด ๓.๒.๔ พ้นื ทเ่ี สี่ยงภัยตอ่ การเกิดอทุ กภัย อทุ กภยั และดนิ โคลนถล่ม และดนิ โคลนถล่มในประเทศไทยและ ๖. บอกพน้ื ที่เสี่ยงภยั ประเทศต่าง ๆ ในทวปี เอเชีย ตอ่ การเกิดอทุ กภัย และดินโคลนถลม่ ในประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในทวปี เอเชยี ๓.๓ สถานการณ์อทุ กภยั และดนิ โคลน ถล่ม ๗. บอกสถานการณ์อุทกภยั และดิน ๓.๓.๑ สถานการณ์อทุ กภัย และดนิ โคลน โคลนถล่มในประเทศไทยและประเทศ ถลม่ ในประเทศไทย และประเทศตา่ ง ๆ ต่าง ๆ ในทวีปเอเชยี ในทวีปเอเชีย ๘. นำเสนอผลการเปรียบเทยี บ ๓.๓.๒ สถิติการเกดิ อทุ กภยั และดินโคลน สถติ ิการเกิดอุทกภยั และดนิ โคลนถลม่ ถล่มในประเทศไทย และประเทศต่าง ๆ ในประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชยี ในทวปี เอเชีย ๓.๔ แนวทางการปอ้ งกนั และการแกไ้ ข ปัญหาผลกระทบทเี่ กดิ จากอุทกภยั และ ดนิ โคลนถล่ม ๙. บอกวิธีการเตรยี มความพร้อมรบั ๓.๔.๑ การเตรียมความพร้อมรบั สถานการณ์การเกิดอทุ กภัย และดิน สถานการณ์การเกิดอทุ กภัย และดนิ โคลน โคลนถล่ม ถลม่ ๑๐. บอกวิธีการปฏบิ ัตขิ ณะเกดิ ๓.๔.๒ การปฏิบตั ิขณะเกดิ อุทกภัย และดนิ อุทกภัย และดนิ โคลนถลม่ โคลนถลม่ ๑๑. บอกวธิ กี ารปฏิบัติตนหลงั เกดิ ๓.๔.๓ การปฏบิ ตั ติ นหลังเกดิ อุทกภยั และ อทุ กภัย และดินโคลนถล่ม ดนิ โคลนถล่ม ๔.๑ ความหมายของไฟป่า ๑. บอกความหมายของไฟป่า - ความหมายของไฟป่า ๔.๒ ลกั ษณะการเกิดไฟป่า ๒. บอกสาเหตุ และปัจจยั การเกดิ ไฟ ๔.๒.๑ สาเหตุและปัจจยั การเกดิ ไฟปา่ ป่า ๔.๒.๒ ชนดิ ของไฟป่า ๓. บอกชนดิ ของไฟป่า ๔.๒.๓ ผลกระทบทเ่ี กิดจากไฟป่า ๔. บอกผลกระทบท่ีเกดิ จากไฟป่า หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 84
ที่ หัวเรอ่ื ง ตวั ชวี้ ดั เนอื้ หา เวลา (ช่วั โมง) ๕. ตระหนักถึงภยั และผลกระทบทีเ่ กดิ ๔.๒.๔ ฤดูกาลการเกดิ ไฟป่าในแตล่ ะพ้นื ท่ี จากไฟปา่ ของประเทศไทยและประเทศตา่ ง ๆ ใน ๖. บอกฤดูกาลการเกิดไฟปา่ ในแตล่ ะ ทวปี เอเชีย พ้ืนที่ของประเทศไทยและประเทศ ต่าง ๆ ในทวีปเอเชีย ๔.๓ สถานการณ์ไฟปา่ ๗. อธบิ ายสถานการณ์ไฟป่าในประเทศ ๔.๓.๑ สถานการณ์ไฟปา่ ในประเทศไทย ไทยและประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชีย และประเทศตา่ ง ๆ ในทวีปเอเชยี ๘. นำเสนอผลการเปรียบเทียบสถิติ ๔.๓.๒ สถิตกิ ารเกิดไฟป่าของประเทศต่าง การเกิดไฟป่าของประเทศไทยและ ๆ ในทวีปเอเชีย ประเทศต่าง ๆ ในทวปี เอเชีย ๔.๔ แนวทางการป้องกันและการแกไ้ ข ปญั หาผลกระทบทเ่ี กดิ จากไฟปา่ ๙. บอกวธิ กี ารเตรียมความพร้อมรบั ๔.๔.๑ การเตรยี มความพร้อมรับ สถานการณ์การเกิดไฟป่า สถานการณ์การเกิดไฟปา่ ๑๐. บอกวธิ กี ารปฏบิ ตั ิขณะเกดิ ไฟปา่ ๔.๔.๒ การปฏบิ ตั ิขณะเกิดไฟปา่ ๑๑. บอกวธิ ีการปฏิบตั ิตนหลังเกดิ ไฟ ๔.๔.๓ การปฏบิ ัตติ นหลงั เกิดไฟป่า ป่า ๕ หมวกควัน ๕.๑ ความหมายของหมอกควนั ๑๕ ๑. บอกความหมายของหมอกควนั - ความหมายของหมอกควัน ๕.๒ ลกั ษณะการเกิดหมอกควนั ๒. บอกสาเหตุ และปัจจยั การเกดิ ๕.๒.๑ สาเหตุและปจั จยั การเกดิ หมอกควัน หมอกควัน ๕.๒.๒ ผลกระทบที่เกดิ จากหมอกควนั ๓. บอกผลกระทบทเี่ กดิ จากหมอกควนั ๕.๒.๓ พืน้ ที่ท่ีไดร้ บั ผลกระทบจากหมอก ๔. ตระหนกั ถงึ ภัยและผลกระทบทเี่ กิด ควันในประเทศไทยและประเทศตา่ ง ๆ จากหมอกควนั ในทวปี เอเชยี ๕. บอกพื้นที่พนื้ ท่ีทไี่ ดร้ บั ผลกระทบ จากหมอกควนั ในประเทศไทยและ ประเทศต่าง ๆ ในทวปี เอเชยี ๕.๓ สถานการณห์ มอกควนั ๖. บอกสถานการณห์ มอกควันใน ๕.๓.๑ สถานการณ์แผน่ ดนิ ไหวในประเทศ ประเทศไทย และประเทศในทวีป ไทย และประเทศในทวปี เอเชีย เอเชีย หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 85
ที่ หัวเรอื่ ง ตวั ช้ีวัด เนื้อหา เวลา (ชวั่ โมง) ๗. นำเสนอผลการเปรียบเทยี บ ๕.๓.๒ สถิตกิ ารเกดิ หมอกควันในประเทศ สถติ ิการเกิดหมอกควันในประเทศไทย ไทยและประเทศตา่ ง ๆ ในทวีปเอเชีย และประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชีย ๕.๔ แนวทางการป้องกนั และการแกไ้ ข ๘. บอกวธิ กี ารเตรยี มความพร้อมรับ ปัญหาผลกระทบทเ่ี กิดจากหมอกควนั สถานการณ์การเกิดหมอกควัน ๕.๔.๑ การเตรียมความพร้อมรับ ๙. บอกวธิ ีการปฏบิ ัตขิ ณะเกดิ หมอก สถานการณ์การเกิดหมอกควัน ควัน ๕.๔.๒ การปฏบิ ัติขณะเกดิ หมอกควัน ๑๐. บอกวธิ ีการปฏบิ ตั ิตนหลังเกิด ๕.๔.๓ การปฏบิ ัตติ นหลงั เกิดหมอกควัน หมอกควัน ๖ แผ่นดนิ ไหว ๖.๑ ความหมายของแผน่ ดนิ ไหว ๑๕ ๑. อธบิ ายความหมายของแผ่นดินไหว - ความหมายของแผ่นดนิ ไหว ๖.๒ ลักษณะการเกดิ แผ่นดนิ ไหว ๒. บอกสาเหตุ และปจั จัยการเกดิ ๖.๒.๑ สาเหตแุ ละปัจจยั การเกดิ แผน่ ดนิ ไหว แผน่ ดินไหว ๓. บอกผลกระทบทเ่ี กดิ จาก ๖.๒.๒ ผลกระทบที่เกดิ จากแผน่ ดินไหว แผน่ ดนิ ไหว ๖.๒.๓ พืน้ ทเ่ี สยี่ งภัยต่อการเกิดแผ่นดินไหว ๔. ตระหนักถึงภัยและผลกระทบท่ีเกิด ในประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในทวปี จากแผ่นดินไหว เอเชยี ๕. บอกพื้นท่เี ส่ียงภัยต่อการเกดิ แผ่นดินไหวในประเทศไทยและ ประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชีย ๖. บอกสถานการณแ์ ผน่ ดินไหว ๖.๓ สถานการณ์แผน่ ดนิ ไหว ในประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ๖.๓.๑ สถานการณ์แผ่นดินไหวในประเทศ ในทวปี เอเชีย ไทยและประเทศตา่ ง ๆ ในทวีปเอเชีย ๗. นำเสนอผลการเปรียบเทยี บ ๖.๓.๒ สถิตกิ ารเกดิ แผ่นดนิ ไหวของ สถิตกิ ารเกิดแผ่นดินไหวของประเทศ ประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในทวปี ไทยและประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชยี เอเชีย ๘. บอกวธิ ีการเตรียมความพร้อมรับ ๖.๔ แนวทางการป้องกันและการแกไ้ ข สถานการณ์การเกิดแผ่นดินไหว ปญั หาผลกระทบท่ีเกดิ จากแผ่นดินไหว ๙. บอกวธิ ีการปฏิบตั ขิ ณะเกดิ ๖.๔.๑ การเตรยี มความพรอ้ มรับ แผ่นดนิ ไหว สถานการณ์การเกิดแผน่ ดินไหว หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 86
ท่ี หวั เรื่อง ตวั ชว้ี ดั เน้อื หา เวลา (ชัว่ โมง) ๖.๔.๒ การปฏิบัติขณะเกดิ แผ่นดนิ ไหว ๑๐. บอกวธิ ีการปฏบิ ตั ติ นหลงั เกิด ๖.๔.๓ การปฏิบตั ิตนหลงั เกดิ แผ่นดนิ ไหว แผน่ ดินไหว ๗ สึนามิ ๗.๑ ความหมายของสึนามิ ๑๕ ๓ ๑. บอกความหมายของสนึ ามิ - ความหมายของสึนามิ ๗.๒ ลักษณะการเกิดสนึ ามิ ๒. บอกสาเหตุ และปจั จยั การเกิด ๗.๒.๑ สาเหตุและปจั จยั การเกดิ สึนามิ สึนามิ ๗.๒.๒ สญั ญาณบอกเหตุก่อนเกิดสึนามิ ๓. บอกสญั ญาณบอกเหตุก่อนเกดิ ๗.๒.๓ ผลกระทบทีเ่ กิดจากสึนามิ สนึ ามิ ๗.๒.๔ พน้ื ที่เสีย่ งภยั ตอ่ การเกิดสึนามใิ น ๔. บอกผลกระทบทีเ่ กดิ จากสึนามิ ประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในทวีป ๕. ตระหนกั ถึงภัยและผลกระทบ เอเชยี ทีเ่ กิดจากสึนามิ ๖. บอกพน้ื ทเ่ี สีย่ งภยั ตอ่ การเกดิ สึนามิในประเทศไทยและ ประเทศตา่ ง ๆ ในทวีปเอเชยี ๗.๓ สถานการณส์ นึ ามิ ๗. บอกสถานการณส์ นึ ามิในประเทศ ๗.๓.๑ สถานการณส์ นึ ามิในประเทศไทย ไทย และประเทศในทวปี เอเชีย และประเทศตา่ ง ๆ ในทวีปเอเชีย ๘. นำเสนอผลการเปรียบเทยี บ ๗.๓.๒ สถติ กิ ารเกิดสนึ ามิของประเทศไทย สถติ กิ ารเกิดสนึ ามิของประเทศไทยและ และประเทศตา่ ง ๆ ในทวีปเอเชยี ประเทศในทวปี เอเชยี ๗.๔ แนวทางการปอ้ งกันและการแก้ไข ปญั หาผลกระทบทเี่ กดิ จากสึนามิ ๙. บอกวิธีการเตรยี มความพร้อมรบั ๗.๔.๑ การเตรยี มความพร้อมรบั สถานการณ์การเกิดสนึ ามิ สถานการณ์การเกิดสนึ ามิ ๑๐. บอกวธิ ีการปฏบิ ตั ิขณะเกิดสนึ ามิ ๗.๔.๒ การปฏบิ ัติขณะเกดิ สนึ ามิ ๑๑. บอกวธิ กี ารปฏิบัตติ นหลงั เกิด ๗.๔.๓ การปฏบิ ตั ิตนหลังเกดิ สึนามิ สึนามิ ๘ บคุ ลากร ๑๒. ระบบุ คุ ลากรทีเ่ กี่ยวข้องกับการให้ ๘.๑ บคุ ลากรที่เก่ียวข้องกับการใหค้ วาม และหน่วย ความชว่ ยเหลือผู้ประสบภยั ธรรมชาติ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติต่าง ๆ งานท่ีเกย่ี ว ต่าง ๆ ๘.๒ หน่วยงานทเี่ ก่ียวข้องกับการใหค้ วาม ขอ้ งกบั การ ๑๓. ระบหุ น่วยงานที่เกยี่ วขอ้ งกับการ ช่วยเหลอื ผู้ประสบภยั ธรรมชาติต่าง ๆ ให้ความ ใหค้ วามช่วยเหลอื ผปู้ ระสบภยั ช่วย เหลอื ธรรมชาติตา่ ง ๆ การประสบ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 87
ท่ี หวั เร่อื ง ตัวช้ีวดั เน้อื หา เวลา (ช่ัวโมง) ภัยธรรม ชาติ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 88
คำอธบิ ายรายวชิ า สค22020 ประวัตศิ าสตร์ชาติไทย จำนวน 3 หน่วยกติ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น มาตรฐานการเรียนร้รู ะดับ มีความรู้ความเข้าใจตระหนักเกี่ยวกับภมู ิศาสตร์ประวตั ิศาสตร์เศรษฐศาสตร์การเมืองการปกครองใน ทวีปเอเชีย และนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวติ เพื่อความมัน่ คงของชาติ การศึกษาและฝึกทกั ษะเกีย่ วกบั เรอ่ื งต่อไปน้ี ความภูมิใจในความเป็นไทยมรดกไทยสมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรีบทเรียนจากเหตุการณ์ทาง ประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรีและความสัมพันธ์กับต่างประเทศในสมัยกรุงศรีอยุธยาและ กรงุ ธนบุรี การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เน้นให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากการอภิปลายกลุ่มศึกษาจากใบความรู้เอกสารประกอบการเรียน การสอนและเอกสารที่เกี่ยวข้องศึกษาจากอินเทอร์เน็ตผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญสื่อวีดีทัศน์การทำใบงาน การทำ แบบทดสอบ เรยี นรู้ดว้ ยตนเองการรายงานการศึกษาแหล่งเรียนรูป้ ระสบการณต์ รงโดยใช้สถานการณ์จริงและ ฝึกปฏิบัตทิ ี่เก่ยี วกบั ประวัติศาสตร์ชาตไิ ทย การวดั และประเมินผล จากสภาพจรงิ จากการสงั เกต การอภิปราย การสมั ภาษณ์ผลการปฏบิ ัติงานการมสี ว่ นร่วมในกิจกรรม การเรียนรู้ความสนใจในกระบวนการเรียนรู้ ความรบั ผิดชอบในการปฏบิ ตั ิงานแบบทดสอบ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 89
รายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวิชา สค22020ประวตั ศิ าสตร์ชาติไทย จำนวน 3 หนว่ ยกิต ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น มาตรฐานการเรียนร้รู ะดบั มีความรคู้ วามเข้าใจตระหนักเกย่ี วกับภูมิศาสตร์ประวตั ิศาสตร์เศรษฐศาสตร์ การเมืองการปกครองใน ทวปี เอเชียและนามาปรับใชใ้ นการดำเนินชวี ิตเพื่อความมั่นคงของชาติ ที่ หวั เร่อื ง ตวั ชี้วดั เน้อื หา จำนวน 1. ความภูมใิ จใน (ชว่ั โมง) ความเป็นไทย 1. อธบิ ายความหมายของชาติ 1. สถาบันหลักของชาติ 60 2. อธบิ ายความเป็นมาของชน 1.1สถาบนั ชาติ ชาติไทย 1.1.1ความหมายของชาติ 3. บอกพระปรชี าสามารถของ 1.1.2 ความเปน็ มาของชนชาติ พระมหากษัตรยิ ์ไทยกบั การรวม ไทย ชาติ 1.1.3การรวมชาตไิ ทยเปน็ ปกึ แผน่ 4. อธิบายประวัติความเป็นมา 1.1.4 บทบาทของ ของศาสนาพุทธ คริสต์ และ พระมหากษัตริยไ์ ทยในการรวมชาติ อิสลาม 1.2 สถาบนั ศาสนา 5. อธิบายความสำคัญของ 1.2.1 ศาสนาพทุ ธ สถาบนั ศาสนา 1.2.2 ศาสนาครสิ ต์ 6. ระบุบทบาท และ 1.2.3 ศาสนาอสิ ลาม ความสำคัญของสถาบัน 1.3 สถาบนั พระมหากษัตริย์ พระมหากษัตรยิ ์ 1.3.1 บทบาทและความสำคัญ 7. อธิบายบญุ คณุ ของ ของสถาบันพระมหากษตั รยิ ์ พระมหากษัตรยิ ์ไทยในอดีต 1.3.2 พระปรชี าสามารถของ พระมหากษัตริยไ์ ทย 1.3.3สถาบนั พระมหากษตั ริย์คือ ศูนย์รวมใจของคนในชาติ 2.บญุ คุณของแผน่ ดิน 2.1บญุ คณุ ของพระมหากษัตริย์ ไทยต้ังแต่สมัยกรงุ สุโขทยั กรุงศรี อยุธยากรุงธนบรุ ี และกรุง รัตนโกสนิ ทร์60 หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 90
ท่ี หัวเรอื่ ง ตัวช้วี ัด เนื้อหา จำนวน (ชวั่ โมง) 8. บอกพระปรีชาสามารถ คุณ 2.2พระมหากษตั ริยไ์ ทยใน งามความดีและวรี กรรม ของ สมเด็จพระรามาธบิ ดีที่ 1 สมัยกรงุ ศรอี ยุธยาและกรงุ (สมเด็จพระเจา้ อู่ทอง)สมเดจ็ ธนบรุ ี พระบรมไตรโลกนาถ สมเดจ็ 2.2.1รายนามพระมหากษตั ริย์ พระนเรศวรมหาราช สมเดจ็ ในสมยั กรุงศรอี ยุธยา พระนารายณ์มหาราช สมเด็จ 2.2.2รายนามพระมหากษัตรยิ ์ พระเจ้าตากสนิ มหาราช ในสมยั กรุงธนบุรี 9. บอกคณุ งามความดขี อง 2.3วีรกษัตรยิ ไ์ ทยสมัยกรงุ ศรี สมเดจ็ พระสรุ โิ ยทยั พระสุพรรณ อยธุ ยา กัลยาขุนรองปลัดชูชาวบ้าน 2.3.1 สมเด็จพระรามาธิบดที ี่ บางระจนั และพระยาพชิ ัยดาบ หัก 1 (สมเด็จพระเจ้าอ่ทู อง) 2.3.2สมเดจ็ พระบรมไตร โลกนาถ 2.3.3สมเด็จพระนเรศวร มหาราช 2.3.4สมเดจ็ พระนารายณ์ มหาราช 2.4วีรกษัตริยไ์ ทยสมัยกรงุ ธนบรุ ี 2.4.1สมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราช 2.5วีรบุรุษและวรี สตรีไทยใน สมัยกรุงศรอี ยุธยาและกรุง ธนบุรี 2.5.1สมัยกรุงศรอี ยุธยา1) สมเด็จพระสุรโิ ยทยั 2)พระ สพุ รรณกัลยา3)ขนุ รองปลัด ช4ู )ชาวบา้ นบางระจนั 2.5.2สมยั กรงุ ธนบรุ ี1)พระยา พิชัยดาบหัก หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 91
ที่ หัวเรื่อง ตวั ชี้วดั เนื้อหา จำนวน 2. มรดกไทยสมัย (ชั่วโมง) กรงุ ศรีอยุธยา และกรงุ ธนบุรี 1. อธิบายความหมาย/นิยาม 1.ความหมาย/นยิ าม “มรดกไทย” 20 “มรดกไทย” 2. ประเพณไี ทย 2. อธิบายถงึ คณุ ค่าของ 2.1พระราชพิธีพยุหยาตราทาง ประเพณีไทย ชลมารค 3. บอกเลา่ วฒั นธรรมไทยสมัย 2.2พระราชพิธีจรดพระนงั คัลแรก กรงุ ศรีอยุธยา และกรุงธนบรุ ี นาขวัญ การแต่งกายการใช้ภาษาอาหาร 2.3ประเพณสี งกรานต์ ไทยและการละเล่นเป็นตน้ 2.4ประเพณีลงแขกทำนา 4.ยกตัวอย่างวรรณกรรมใน 2.5ประเพณีเดือน11การแข่งเรือ สมัยกรงุ ศรีอยธุ ยา และกรุง 2.6ประเพณเี ดือน 12 พธิ ี ธนบรุ ี จองเปรียงตามประทีป (ชกั โคม) 5. ระบุลักษณะเด่นของ 3. วฒั นธรรมไทย สถาปัตยกรรม ประติมากรรม 3.1 วฒั นธรรมการแตง่ กายในสมยั ไทยในสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยา และ กรุงศรีอยธุ ยา กรุงธนบุรี 3.2 ภาษาในสมยั กรุงศรอี ยธุ ยา 6. อธบิ ายความภาคภมู ใิ จใน 3.3 อาหารไทยสมยั กรุงศรอี ยธุ ยา มรดกไทย 3.4 การละเลน่ สมัยกรุงศรีอยุธยา 7.ยกตวั อย่างพฤติกรรมทแ่ี สดง และกรงุ ธนบรุ ี ถึงความภาคภูมิใจในมรดกไทย 4. ศลิ ปะไทย อยา่ งน้อย3ตวั อยา่ ง 4.1วรรณกรรมสมยั กรงุ ศรีอยุธยา 4.1.1ลลิ ติ โองการแชง่ นา้ หรือ ประกาศแชง่ น้าโคลงหา้ 4.1.2มหาชาติคำหลวง 4.1.3ลลิ ิตยวนพา่ ย 4.1.4ลลิ ติ พระลอ 4.1.5กาพยม์ หาชาติ 4.1.6หนังสือจนิ ดามณี 4.2 สถาปัตยกรร ม4.2.1สถาปตั ยกรรมสมัยกรุงศรี อยุธยา 4.2.2สถาปัตยกรรมสมยั กรุงธนบุรี 4.3ประตมิ ากรรม 4.3.1ประตมิ ากรรมสมยั กรุงศรี อยธุ ยา 5. การอนรุ ักษ์มรดกไทย หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 92
ที่ หวั เรอ่ื ง ตวั ชี้วดั เนื้อหา จำนวน (ช่ัวโมง) 3. บทเรยี นจาก 1.เล่าเหตุการณ์ทส่ี ำคัญทาง 1. สงครามชา้ งเผือก 30 เหตุการณท์ าง ประวัตศิ าสตร์ในสมัยกรงุ ศรี 2.การเสยี กรงุ ศรีอยธุ ยาครง้ั ท่ี1 ประวัติศาสตร์ อยธุ ยา และกรุงธนบรุ ี 3. สงครามยทุ ธหัตถขี องสมเด็จ ในสมัยกรุงศรี 2. เลือกแนวทางในการนำ พระนเรศวรมหาราช อยธุ ยาและกรุง บทเรยี นจากเหตุการณท์ าง 4.การเสียกรุงศรอี ยธุ ยาครง้ั ที่2 ธนบุรี ประวตั ศิ าสตร์ ทีไ่ ด้มาปรับใช้ใน 5.การกอบกูเ้ อกราชของสมเด็จ การดำเนนิ ชีวิต พระเจ้าตากสินมหาราช 4. ความสมั พนั ธ์ 1.อธบิ ายความสมั พนั ธ์กบั 1.ความสัมพันธ์กับตา่ งประเทศใน 10 กับต่างประเทศ ต่างประเทศในสมัยกรุงศรี สมยั กรุงศรีอยุธยา ในสมัยกรงุ ศรี อยุธยา และสมัยกรงุ ธนบุรี 1.1ความสมั พนั ธก์ บั รัฐเพื่อนบา้ น อยุธยาและกรุง 2. วิเคราะห์ความสัมพนั ธก์ ับ 1.2ความสัมพันธ์กบั ประเทศใน ธนบรุ ี ตา่ งประเทศในทวปี เอเชียและ ทวปี เอเชยี ทวปี ยุโรปที่สง่ ผลต่อความม่นั คง 1.3ความสัมพนั ธ์กับประเทศใน ของประเทศ ทวปี ยโุ รป (ชนชาตติ ะวนั ตก) 1)ดา้ นเศรษฐกจิ การค้า 2.ความสัมพนั ธก์ ับต่างประเทศใน 2) ดา้ นการเมืองการปกครอง สมยั กรุงธนบุรี 3) ด้านการทูต 2.1 ความสมั พนั ธก์ บั รัฐเพ่ือนบา้ น 4) ดา้ นศาสนา และวัฒนธรรม 2.2ความสัมพันธ์กับประเทศใน 5) ด้านการศึกษา ทวีปยโุ รป หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 93
วิธีการจัดการเรียนรู้ การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานมีวิธีการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อให้ ผู้เรียนได้เลือกวิธีการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับความต้องการ สอดคล้องกับวิถีชีวิต และการทำงานของผู้เรียน ได้แก่ ๑. การเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนกำหนดแผนการเรียนรู้ของ ตนเอง ตามรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียนโดยมีผู้สอนเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำในการศึกษาหาความรู้ด้วย ตนเองจากภมู ปิ ญั ญา ผรู้ ู้ และสือ่ ต่าง ๆ ๒. การเรียนรู้แบบพบกลุ่ม เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่กำหนดให้ผู้เรียนมาพบกันโดยมี ผสู้ อนเป็นผูด้ ำเนนิ การใหเ้ กิดกระบวนการกลุ่มเพื่อใหม้ ีการอภปิ ราย แลกเปลยี่ นเรยี นรแู้ ละหาข้อสรปุ ร่วมกนั ๓. การเรียนรู้แบบทางไกล เป็นวิธีการจัดการเรยี นรู้จากสือ่ ต่าง ๆ โดยที่ผู้เรยี น และผู้สอน จะส่อื สารกนั ทางอเิ ล็กทรอนกิ สเ์ ปน็ สว่ นใหญ่ ๔. การเรียนรู้แบบชั้นเรียน เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่สถานศึกษากำหนดรายวิชา เวลา เรยี น และสถานที่ทช่ี ัดเจน ซง่ึ วิธีการจัดการเรยี นร้นู เ้ี หมาะสำหรับผเู้ รียนทีม่ ีเวลามาเขา้ ช้ันเรียน ๕. การเรียนรู้ตามอัธยาศัย เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตามความ ต้องการ และความสนใจ จากส่ือเอกสาร สือ่ อเิ ล็กทรอนิกส์ หรอื จากการฝกึ ปฏบิ ตั ิตามแหล่งเรยี นรู้ต่าง ๆ แล้ว นำความรู้และประสบการณ์มาเทียบโอนเข้าสู่หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ๖. การเรยี นรจู้ ากการทำโครงงาน เปน็ วิธกี ารจัดการเรียนรทู้ ่ีผู้เรียนกำหนดเรื่องโดยสมัคร ใจตามความสนใจ ความต้องการ หรอื สภาพปัญหา ทีจ่ ะนำไปสู่การศึกษาค้นคว้า ทดลองและลงมอื ปฏบิ ัตจิ ริง โดยมผี ู้สอนเป็นผ้ใู หค้ ำปรึกษา แนะนำ อำนวยความสะดวกในการเรยี นรู้ และกระตุ้นเสรมิ แรงให้เกิดการ แลกเปล่ียนเรยี นรรู้ ่วมกัน ๗. การเรียนรู้รูปแบบอื่น ๆ สถานศึกษาสามารถออกแบบวิธีการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบ อ่ืน ๆ ได้ตามความต้องการของผเู้ รียน วิธีการจัดการเรียนรู้ดังกล่าวข้างต้นสถานศึกษา และผ้เู รียนรว่ มกันกำหนดวธิ ีเรียน โดยเลือก เรียนวิธีใดวิธีหนึ่ง หรือหลายวิธีได้ตามความต้องการ ซึ่งขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเนื้อหา และสอดคล้องกับ วิถีชีวิต และการทำงานของผู้เรียน แต่ทั้งนี้ ให้เป็นการเรียนรู้แบบชั้นเรียน เพื่อเติมเต็มความรู้ให้บรรลุตาม มาตรฐานการเรยี นรู้ การจดั กระบวนการเรยี นรู้ การจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนมีความสามารถในการเรียนรู้ ตามปรัชญาพื้นฐานของการศึกษา นอก โรงเรียน “คิดเป็น” โดยเน้นพัฒนาทักษะการแสวงหาความรู้ ประยุกต์ใช้ความรู้ และสร้างองค์ความรู้สำหรับ ตนเอง และชุมชน สังคม จึงกำหนดรูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ กศน.หรือ ONIE MODEL ซึ่งเป็น กระบวนการจัดการเรียนรู้ท่จี ัดข้ึนอย่างเปน็ ระบบตามปรชั ญา “คิดเปน็ ” ประกอบดว้ ย ๔ ขน้ั ตอน ดังนี้ ซ่ึง กำหนดรปู แบบการจดั กระบวนการเรยี นรู้ ดังนี้ 1. ขัน้ กำหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 94
2. ขน้ั แสวงหาขอ้ มลู และจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of Leaning) 3. ขัน้ ปฏิบัติและนำไปประยุกต์ใช้ (I : Implementation) 4. ขั้นประเมินผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) ข้ันที่ ๑ กำหนดสภาพปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) เปน็ การเรียนร้จู ากสภาพ ปัญหา หรือความต้องการของผ้เู รียน และชมุ ชน สังคม โดยให้ เชื่อมโยงกบั ประสบการณ์เดิม และสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ของหลกั สูตร ขัน้ ตอนการเรียนรู้ ๑. ครูและผเู้ รียนรว่ มกันกำหนดสภาพปญั หา ความต้องการในการเรยี นรู้ ซง่ึ อาจจะได้จาก สถานการณ์ในขณะน้นั หรอื เปน็ เร่อื งท่เี กิดข้ึนในชีวติ จรงิ หรอื เปน็ ประเด็นที่กำลังขัดแยง้ และกำลงั อยู่ใน ความสนใจของชุมชน ซงึ่ จะช่วยกระต้นุ ใหผ้ ูเ้ รยี นกระตอื รือร้นที่คดิ จะแสวงหาทางออกของปัญหา หรือความ ต้องการนัน้ ๆ ๒. ทำความเขา้ ใจสภาพ ปัญหา ความต้องการในส่งิ ทต่ี ้องการเรยี นรู้ โดยดงึ ความรู้และ ประสบการณ์เดมิ ของผเู้ รยี น เนน้ การมีส่วนรว่ ม มีการแลกเปลยี่ นเรียนรสู้ ะท้อนความคิดและอภปิ ราย โดยให้ เช่อื มโยงกับความรู้ใหม่ ๓. วางแผนการเรยี นรู้ทีเหมาะสม โดยกจิ กรรมการเรยี นรู้ท่กี ำหนดสามารถเห็นแนวทางใน การค้นพบความรหู้ รือคำตอบไดด้ ว้ ยตนเอง ข้นั ที่ ๒ ขั้นแสวงหาข้อมูลและจดั การเรียนรู้ (N : New ways of Leaning) การแสวงหาข้อมลู และจัดการเรียนรู้ โดยศกึ ษา ค้นควา้ หาความรู้ และรวบรวมข้อมูลของ ตนเอง ข้อมูลของชมุ ชน สงั คม และข้อมลู ทางวิชาการ จากสือ่ และแหลง่ ความรู้ทห่ี ลากหลายมีการระดมความ คิดเหน็ วิเคราะห์ สังเคราะห์ขอ้ มลู และสรปุ เปน็ ความรู้ ข้นั ตอนการเรียนรู้ ๑. ผู้เรยี นแสวงหาความรตู้ ามแผนการเรยี นรู้ท่ีกำหนดไว้ โดยการเรียนรูด้ ้วยตนเอง การ เรยี นรผู้ ่านประสบการณ์ กระบวนการกลุ่ม ศึกษาจากผู้รู้/ภมู ปิ ัญญาท้องถ่ิน และวธิ ีอืน่ ๆ ทเ่ี หมาะสม ๒. ครูและผเู้ รยี นร่วมกันแลกเปลีย่ นเรียนรู้ และสรุปความร้เู บ้ืองต้น โดยใช้คำถามปลายเปดิ ในการชวนคดิ ชวนคุย เป็นเครอ่ื งมือ ด้วยกระบวนการระดมสมอง สะทอ้ นความคิดและอภิปราย ซงึ่ จะได้ ความรใู้ หม่ ๆ เพื่อใช้ปฏิบัติและนำไปประยุกต์ใช้ ๓. ผู้เรยี นนำความรู้ท่ีไดไ้ ปตรวจสอบความถกู ตอ้ ง เพ่ือประเมนิ ความเปน็ ไปได้โดยวธิ ีตา่ ง ๆ เช่น การทดลอง การทดสอบ การตรวจสอบกบั ผูร้ ู้ และสังคม ขั้นท่ี ๓ การปฏิบตั แิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ (I : Implementation) การนำไปใช้ นำความรู้ที่ได้ไปปฏบิ ัติ และประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เหมาะสมกบั วัฒนธรรม ข้นั ตอนการเรยี นรู้ ๑. ผู้เรียนนำความรู้ไปปฏบิ ตั ิใหส้ อดคล้องกับวิถีชีวิตโดยสงั เกตปรากฏการณ์ จดบันทกึ ผล ๒. ปฏบิ ัติการแก้ไขขอ้ บกพรอ่ ง สรปุ จดั ทำรายงานและรวบรวมไวใ้ นแฟ้มสะสมผลงาน หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 95
ข้ันที่ ๔ การประเมินผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) ประเมิน ทบทวน แก้ไขข้อบกพร่อง ผลจากการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้แลว้ สรุปเป็นความรู้ ใหมพ่ ร้อมกับเผยแพรผ่ ลงาน ข้ันตอนการเรยี นรู้ ๑. ครู และผเู้ รียนนำแฟ้มสะสมงาน และผลงานที่ได้จากการปฏิบตั มิ า สรุปเปน็ องคค์ วามรู้ ใช้ เปน็ สารสนเทศ เพ่ือนำเสนอต่อสาธารณชน โดยประเมินคุณภาพการเรยี นรู้ ได้แก่ ประเมินผลการเรยี นรู้ กระบวนการปฏิบตั งิ าน แหล่งเรียนรู้ และสารสนเทศท่นี ำมาใช้ ๒. ครูและผูเ้ รยี นร่วมกนั สรา้ งเกณฑ์การประเมนิ คุณภาพการเรยี นรู้ ๓. ครู ผู้เรยี น และผ้เู ก่ียวข้องร่วมกนั ประเมิน พัฒนาการเรียนรใู้ ห้เป็นไปตามเกณฑ์คุณภาพ การเรยี นรู้ ทัง้ ๔ ขั้นตอนดงั กล่าวขา้ งต้น เป็นวงจรของกระบวนการเรียนรู้ ตามปรชั ญาคดิ เป็น ซึ่ง สถานศึกษาสามารถนำหลกั การ การจดั กระบวนการเรียนรู้ทั้ง ๔ ขน้ั ตอน ใช้เป็นหลกั ในการจัดแผนการเรียนรู้ โดยปรบั ใชข้ ้ันตอนการเรยี นรู้ได้อย่างเหมาะสมตามสภาพรายวชิ า หรอื เงอ่ื นไขอ่นื ๆ ตามความต้องการของ ผู้เรยี น สือ่ การเรยี นรู้ ในการจัดการเรียนรู้เนน้ ให้ผู้เรยี นแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง โดยการใชส้ ื่อการเรียนรู้ ที่ หลากหลาย ไดแ้ ก่ สอ่ื สงิ่ พิมพ์ ส่ืออเิ ล็กทรอนิคส์ สือ่ บุคคล ภมู ิปัญญา แหลง่ เรียนรู้ที่มีอยู่ในท้องถิ่น ชุมชน และ แหล่งเรียนร้อู ื่น ๆ ผู้เรยี น และผสู้ อน สามารถพฒั นาส่อื การเรียนรู้ข้ึนเอง หรอื นำส่ือตา่ ง ๆ ท่มี ีอย่ใู กลต้ ัว และ ข้อมลู สารสนเทศท่ีเกยี่ วข้อง มาใชใ้ นการเรียนรู้ โดยใชว้ จิ ารณญาณในการเลือกใชส้ ือ่ ตา่ ง ๆ ซงึ่ จะชว่ ยส่งเสริม ใหก้ ารเรยี นรู้เป็นไปอยา่ งมีคุณค่า นา่ สนใจ ชวนคิด ชวนตดิ ตาม เข้าใจงา่ ย เปน็ การกระตนุ้ ใหผ้ ู้เรยี นรจู้ กั วิธีการ แสวงหาความรู้ เกดิ การเรยี นรู้อยา่ งกว้างขวาง ลึกซึง้ และต่อเนื่องตลอดเวลา การเทียบโอนผลการเรียน การเทียบโอนผลการเรียน เป็นการนำผลการเรียนซึ่งเป็นความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ของ ผู้เรียนที่เกิดจากการศกึ ษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มาประเมินเป็นส่วนหนง่ึ ของผลการเรียนตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยกำหนด วธิ กี ารเทยี บโอน ดังน้ี การเทียบโอนผลการเรยี นมี ๒ วธิ ี คือ วิธที ่ี ๑ การพจิ ารณาจากหลกั ฐานการศึกษา 1.1 การพิจารณาหลักฐานการศึกษาจากหลักสตู รท่ีจัดเป็นระดับการศึกษา เป็นการ ตรวจสอบหลักฐานผลการเรียนในรายละเอียดเกี่ยวกับระดับหรือชั้นปีที่เรียนจบมา รายวิชาที่เรียน ผลการเรียน ความถูกต้องของหลักฐาน โดยหลักฐานการศึกษาที่นำมาเทียบโอนผลการเรียนต้องเป็นหลักฐานที่ออกโดย สถานศกึ ษาของรัฐหรือเอกชนท่ีได้รับการรับรองมาตรฐานหรือวิทยฐานะทางการศึกษา หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 96
1.2 การพิจารณาหลักฐานจากการศึกษาต่อเนื่อง เป็นการตรวจสอบรายละเอียด เกี่ยวกับหลักสูตร เนื้อหาวิชาที่ศึกษา จำนวนชั่วโมง หน่วยงานที่จัด เพื่อพิจารณาเทียบโอนให้สอดคล้องกับ รายวิชาตามหลกั สูตร ต้องได้รบั ความเห็นชอบจากคณะกรรมการเทียบโอนผลการเรยี น วธิ ที ี่ ๒ การประเมินความรู้และประสบการณ์ เป็นการวัดและตรวจสอบผลการเรียนรู้และ ประสบการณข์ องผู้เรียนท่ีเกิดจากการประกอบอาชีพ การทำงาน จากการเรยี นรูต้ ามอัธยาศัย โดยใชเ้ ครื่องมือ ประเมินท่หี ลากหลาย เชน่ แบบทดสอบ แบบสัมภาษณ์ การปฏิบตั ิจริง เป็นต้น การวัดและประเมนิ ผลผูเ้ รยี น เปน็ การประเมินเพ่ือทราบความก้าวหนา้ ท้ังด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ อนั เป็นผลมาจาก การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของสถานศึกษาในแต่ละรายวิชา ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การสังเกต การ สัมภาษณ์ ประเมินจากแฟ้มสะสมงาน ประเมินการปฏิบัติ (Performance Evaluation) ประเมินการปฏิบัติ จริง (Authentic Assessment) ทดสอบย่อย (Quiz) ประเมินจากกิจกรรม โครงงาน หรือแบบฝึกหัด เป็นตน้ โดยเลือกให้สอดคล้องและเหมาะสมกับธรรมชาติของรายวชิ า ควบคู่ไปกับกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน การ วัดและประเมินผลมี ๒ ระดับ คอื ๑. การประเมินผลในระดบั สถานศกึ ษา ซึง่ สถานศึกษาต้องดำเนินการวดั และประเมินผู้เรียน ในเร่อื งตอ่ ไปน้ี ๑.๑ การวัดและประเมนิ ผลเป็นรายวิชา ประกอบดว้ ย 1) การวัดและประเมนิ ผลกอ่ นเรียน 2) การวดั และประเมินผลระหวา่ งภาคเรยี น 3) การวดั และประเมนิ ผลปลายภาคเรียน การกำหนดคะแนนระหว่างภาคเรยี นและปลายภาคเรียนให้เป็นไปตามเกณฑท์ ี่สำนักงาน กศน. กำหนด โดยการวัดผลระหว่างภาคเรียนสถานศึกษาเป็นผู้ดำเนินการ สำหรับการวัดผลปลายภาคเรียน ให้เปน็ ไปตามที่สำนกั งาน กศน. กำหนด ๑.๒การประเมินกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.) ผู้เรียนทุกคนต้องทำกิจกรรม พัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสังคม จำนวนไม่น้อยกว่า ๑๐๐ ชั่วโมง ตาม เกณฑ์การประเมินท่ีสถานศึกษากำหนด โดยประเมินจากโครงการ หรือกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต และให้ ผเู้ กี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการประเมิน ๑.๓ การประเมินคุณธรรมเบื้องต้น ผู้เรียนทุกคนต้องได้รับการประเมินตามเกณฑ์ที่ สถานศึกษากำหนด จงึ จะไดร้ ับการพจิ ารณาใหจ้ บหลักสตู รในแต่ละระดบั การศึกษา โดยคณะกรรมการการวัด และประเมินผลของสถานศึกษาพิจารณาคุณธรรมเบื้องต้นที่สำนักงาน กศน. กำหนด ทั้งนี้ สถานศึกษา สามารถกำหนดเพิ่มเติมได้ โดยเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา และประกาศให้ ผูเ้ กย่ี วขอ้ งรบั ทราบในการประเมนิ ๒. การประเมินคณุ ภาพการศึกษานอกระบบระดบั ชาติ สถานศกึ ษาจะตอ้ งใหผ้ ู้เรยี นทุกคนที่ เรียนในภาคเรียนสุดท้ายของทุกระดับการศึกษา ได้เข้ารับการประเมินคุณภาพการศึกษานอกระบบระดับชาติ ตามท่สี ำนักงาน กศน. กำหนด โดยไมม่ ีผลต่อการได้หรือตกของผูเ้ รียน หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 97
สถานศึกษาต้องจัดทำระเบียบการวัดและประเมินผลการเรียนของสถานศึกษา สำหรับให้ ผู้เกี่ยวข้องรับรู้และถือปฏิบัติเป็นแนวเดียวกัน เพื่อให้การประเมินผลการเรียนของสถานศึกษามีความถูกต้อง ยตุ ธิ รรม และมีผลการดำเนนิ งานทีน่ ่าเชือ่ ถือ เปน็ ทย่ี อมรบั ของสังคม สถานศึกษาจะต้องจัดทำรายงานการประเมินผลการเรียนของผู้เรียน เป็นรายบุคคล ราย กลุ่ม เพื่อให้ผู้เรียนทราบความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของตนเอง ผู้สอนใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงและ พัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สถานศึกษาและผู้เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการบริหารจัดการศึกษาของ สถานศกึ ษา ใหเ้ ปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธิภาพและเกดิ ประสทิ ธิผลตามจดุ หมายของหลักสตู ร สถานศึกษาต้องจัดให้มีการพฒั นาผเู้ รียนที่ไมผ่ า่ นการประเมนิ รายวิชา โดยวิธกี ารที่เหมาะสม เชน่ การสอนเสรมิ มอบหมายใหท้ ำรายงานเพิ่มเตมิ การเขา้ รว่ มกจิ กรรม หรอื อืน่ ๆ แลว้ จัดใหผ้ ู้เรยี นเข้ารับการ สอบซอ่ มตามที่สถานศึกษากำหนด การกำกบั ตดิ ตาม และประเมนิ ผลการเรียน สถานศึกษาจะต้องมีการวางแผน กำกับ ติดตามและตรวจสอบการดำเนนิ การประเมินผลการ เรียน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถปรับปรงุ แก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นได้ทัน เหตุการณ์ โดยใหม้ ผี ู้รบั ผดิ ชอบดำเนินการกำกบั ตดิ ตามในเรอ่ื งต่าง ๆ เช่น 1. มกี ารประเมินผลการเรียนให้สอดคล้องกับผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวังในแตล่ ะรายวิชา 2. มกี ารประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และบันทกึ ผล หลงั การเรยี นที่จบเนอ้ื หาในแตล่ ะเรื่องทุกครั้ง แลว้ นำผลการประเมินมาปรับปรงุ พฒั นาผู้เรียนใหเ้ ปน็ ปัจจุบนั 3. มกี ารตรวจผลงานผู้เรียน พร้อมใหข้ ้อเสนอแนะ เพื่อการปรับปรงุ ผลงานผ้เู รยี น การจบหลักสตู ร ผู้เรียนทั้งระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มี เกณฑ์การจบหลกั สูตรในแต่ละระดับการศกึ ษา ดงั นี้ ๑. ผ่านเกณฑ์การประเมินการเรียนรู้รายวิชาในแต่ละระดับการศึกษาตามโครงสร้าง หลกั สตู ร คอื ๑.๑ ระดับประถมศึกษา ไมน่ อ้ ยกว่า ๔๘ หนว่ ยกิต แบง่ เปน็ วชิ าบังคับ ๓๖ หน่วยกิต และวิชาเลือกไมน่ ้อยกวา่ ๑๒ หน่วยกิต ๑.๒ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ไม่น้อยกว่า ๕๖ หน่วยกิต แบ่งเป็นวิชาบังคับ ๔๐ หน่วยกิต และวิชาเลือกไมน่ ้อยกวา่ ๑๖ หนว่ ยกิต ๑.๓ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไม่น้อยกว่า ๗๖ หน่วยกิต แบ่งเป็นวิชาบังคับ ๔๔ หน่วยกิต และวชิ าเลือกไมน่ ้อยกวา่ ๓๒ หนว่ ยกติ ๒. ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวติ (กพช.) ไมน่ ้อยกวา่ ๒๐๐ ช่วั โมง ๓. ผา่ นการประเมนิ คณุ ธรรม ในระดับพอใช้ขน้ึ ไป ๔. เขา้ รับการประเมินคณุ ภาพการศึกษานอกระบบระดับชาติ หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 98
การจัดทำเอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา สถานศึกษาจะต้องจัดทำเอกสารแสดงข้อมูลและสถานสภาพทางการศึกษาของผู้เรียน เพ่ือ ใช้สำหรับตรวจสอบ สื่อสาร สง่ ตอ่ และรับรองผลการเรียนของผ้เู รียน หลักฐานการศึกษาท่สี ถานศึกษาจะต้อง จัดทำ แบ่งเป็น ๒ ลกั ษณะ คอื 1. เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาควบคมุ และบงั คับแบบ ประกอบดว้ ย 1.1ระเบยี นแสดงผลการเรยี น (กศน.๑) 1.2ประกาศนยี บตั ร (กศน.๒) 1.3แบบรายงานผู้สำเรจ็ การศึกษา (กศน.๓) 1.4แบบบนั ทกึ ผลการพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียน (กศน.๔) ๒. เอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษาดำเนินการเอง เช่น แบบอนุมัติผลการจบ หลกั สตู รแบบรายงานสรุปผลการเรยี น (กศน.๕) แบบรายงานแสดงผลการเรียนเฉลยี่ GPA การบริหารหลักสูตรเป็นขั้นตอนการดำเนินงานของสถานศึกษา โดยสถานศึกษาและ ผู้เกี่ยวข้องต้องวางแผน และกำหนดรายละเอียดในแต่ละกิจกรรมตั้งแต่การวางแผนทางด้านบุคลากร งบประมาณ เอกสาร ส่ือ และอืน่ ๆ ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง การพฒั นาบุคลากร การประชาสมั พนั ธ์ การประสานความ ร่วมมือกับเครือข่าย การรับสมัครผู้เรียน การแนะแนวการเรียน การเทียบโอน การวางแผนการเรียน การ ลงทะเบียนเรียน การดำเนินการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียน และการจบหลักสูตร ซึ่งใน แตล่ ะขั้นตอนมรี ายละเอียดเฉพาะ ดังนั้นสถานศกึ ษาจะต้องศึกษาเอกสารตา่ ง ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้อง ได้แก่ สาระและ มาตรฐานการเรียนรู้ทั้ง ๕ สาระ แนวทางการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา แนวทางการวัดและประเมินผล แนวทางการเทียบโอน แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต แนวทางการ ประเมินคณุ ธรรม และคมู่ ือการดำเนินงาน หลกั สูตรสถานศึกษา กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 99
Search