สั ตว์ป่าที่ควรจะคุ้มครอง
คำนำ หนังสือเล่มนี้ได้จัดทำขึ้นมาเพี่อให้ ผู้อ่านได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับราย ละเอียดสัตว์ป่าที่คุ้มครอง ข้อมูล ต่างๆของสัตว์นั้นๆ ผู้จัดทำหวังว่า ผู้อ่านจะได้รับประโยชน์จาก หนังสือเล่มนี้ไม่มากก็น้อย หากมี ข้อมูลอะไรผิดพลาดผู้จัดทำก็ ขออภัยใน ณ ที่นี้ด้วย ดนตรีคีตะกร พรศิวกุลวงศ์ ผู้จัดทำ
สารบัญ สัตว์ป่ าคุ้มครองคืออะไร จุดประสงค์ของการเกิดสัตว์ป่ าคุ้มครอง ตัวอย่างรายละเอียดของสัตว์ป่ าคุ้มครอง วิธีการในการปกป้ องสัตว์ป่า แหล่งอ้างอิง
สัตว์ป่าคุ้มครองคืออะไร สัตว์ป่าคุ้มครอง หมายถึง สัตว์ป่าเพื่อการ อนุรักษ์ ตามบัญชีแนบท้าย กฎกระทรวง กำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิด เป็นสัตว์ป่า คุ้มครอง พ.ศ. 2546 ตามพระราชบัญญัติ สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
ข้อห้ามข้อบังคับบางประการจากพระ ราชบัญญัติฉบับนี้ที่ควรทราบมีดังนี้ สัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นสัตว์ป่าที่ห้ามล่า พยายามล่า ห้ามค้า ห้ามนำเข้าหรือส่งออก เว้นแต่จะได้รับอนุญาต ผู้ฝ่าฝืนมี โทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าไม่ว่าชนิดใด ห้ามล่าสัตว์ เก็บรัง ครอบครอง ที่ดิน แผ้วถาง หรือเปลี่ยนแปลงแหล่งน้ำ ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน เจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ห้ามครอบครองสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่จะได้รับอนุญาต ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ ในกรณีที่สัตว์ที่ครอบครองเป็นสัตว์ที่มาจากการเพาะพันธุ์ที่ไม่ถูก ต้อง จะต้องโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้ง จำทั้งปรับ ห้ามเพาะพันธุ์สัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่จะได้รับ อนุญาต ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสาม หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่การล่าเป็นการล่าเพื่อปกป้องตนเองหรือผู้อื่นหรือทรัพย์สิน หรือเหตุอื่นที่เห็นว่าเป็นการกระทำที่ควรแก่เหตุ ไม่ต้องรับโทษ
การห้ามการครอบครองและห้ามค้า มีผลไปถึงไข่และซากของสัตว์เหล่า นั้นด้วย ห้ามเก็บหรือทำอันตรายรังของสัตว์ ยกเว้นรังนกอีแอ่น (นกแอ่นกิน รัง) ซึ่งต้องได้รับอนุญาตเช่นกัน จุดประสงค์ของการสร้าง สัตว์ป่าคุ้มครอง มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสถานภาพของสัตว์ป่า ใช้เป็นแนวทางในการอนุรักษ์ คุ้มครองถิ่นที่อยู่ อาศัยตามธรรมชาติ คุ้มครองสัตว์ป่าที่ใกล้สูญ พันธุ์ควบคุมการนำเข้าส่งออก ส่งเสริมการขยาย พันธุ์สัตว์ป่าบางชนิดเพื่อช่วยเพิ่มประชากร อนุรักษ์พันธุ์ และลดการกดดันที่เกิดจากการล่า
ตัวอย่างสัตว์ป่า คุ้มครอง
กระจงควาย (Tragulus napu) กระจงควาย หรือ กระจงใหญ่ (อังกฤษ: Greater mouse-deer, Napu) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับสัตว์กีบคู่ชนิดหนึ่ง มีชื่อ วิทยาศาสตร์ว่า Tragulus napu อยู่ในวงศ์ Tragulidae มีขาเล็กเรียว ซึ่งมีนิ้วเท้าข้างละ 4 นิ้ว ทั้งตัวผู้และตัวเมียไม่มีเขา แต่ตัวผู้จะมีเขี้ยวบนยาวเลยริมฝีปากบนลงมา เมื่อโตเต็มวัยมีน้ำ หนักตัวประมาณ 5 กิโลกรัม ขนบนตัวสีน้ำตาลออกเทา มีจุดสีเข้ม กว่ากระจายอยู่ทั่วไป ที่ใต้คอและบนหน้ าอกมีลายพาดตามยาวสี ขาว 5 ลาย ด้านใต้ท้องสีขาว หางค่อนข้างสั้นสีน้ำตาลอ่อนด้านบน และสีขาวด้านล่าง พบกระจายพันธุ์ตั้งแต่ตอนใต้ของประเทศพม่า, เทือกเขาตะนาวศรี ไปจนถึงแหลมมลายู, เกาะสุมาตรา และเกาะบอร์เนียว นอกจากนี้ แล้วยังพบได้ที่ภาคตะวันออกของไทยไปจนถึงตอนใต้ของกัมพูชา และเวียดนาม จัดเป็นกระจงอีกชนิดหนึ่ง ที่สามารถพบได้ใน ประเทศไทยนอกจาก กระจงเล็ก (T. kanchil) ที่มีขนาดตัวเล็กกว่า โดยมักอาศัยอยู่ในป่าดิบชื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ บางครั้งยังอาจพบ ได้ที่พื้นที่ชุ่มน้ำ เช่น ป่าพรุหรือป่าชายเลนได้อีกด้วย
ไก่ฟ้ าพญาลอ (Lophura diardi ) ไก่ฟ้ าพญาลอเป็นไก่ฟ้ าที่มีความสวยงามที่สุดชนิดหนึ่งของ ประเทศไทย เป็นไก่ขนาดกลาง ยาวประมาณ 80 ซม. ตัวผู้มีหน้ ากาก สีแดงสด บนหัวมีเส้นขนแตกพุ่มตรงปลายสีดำเหลือบน้ำเงินยาวโค้ง ไปด้านหลัง ปากสีเหลืองขุ่น รอบคางใต้หน้ ากากลงมามีขนสีดำ ลำตัว ด้านบน อก คอ และปีกมีสีเทา ลักษณะเด่นคือ ขนตอนท้ายของลำตัว ใกล้โคนหางจะมีสีเหลืองแกมสีทองเห็นได้ชัดเจนขณะกระพือปี กขน คลุมโคนหางมีสีดำเหลือบน้ำเงินขอบสีแดงอิฐซ้อนกันหลายชั้น หางมี สีดำเหลือบเขียวยาวและโค้งลง ขนคลุมปีกมีลายสีดำขอบขาว ท้องสี ดำ แข้งสีแดงมีเดือย ตัวเมียหน้ าสีแดง บริเวณหน้ าอก คอ หลังมีสี น้ำตาลแกมแดง ท้องมีลายเกล็ดน้ำตาลแดงขอบสีขาว ปีกมีสีดำสลับ ด้วยลายสีขาวตามแนวขวาง หางคู่บนสีดำสลับขาวส่วนคู่ล่างถัดลงมา สีน้ำตาลแกมแดง แข้งสีแดงไม่มีเดือย
กิ้งก่าแก้ว ชื่อไทย : กิ้งก่าแก้ว ชื่อชื่ออังกฤษ : Forest crested lizard ชื่อวิทยาศาสตร์ : Calotes emma ลักษณะ : ลำตัวมีสีได้หลายสี มีสีน้ำตาลออกเขียว น้ำตาลคล้ำ หรือ บางครั้งสีน้ำตาลออกแดง ขนาดวัดจากปลายปากถึงก้น 85 – 98 มม.หางยาว 240 – 243 มม.ขนาดกลาง ลำตัวยาว หางยาวมากกว่า สองเท่าของความยาวหัวกับลำตัว บนหัวมีเกล็ดขนาดใหญ่ เรียงกัน อย่างไม่เป็ นระเบียบเกล็ดลำตัวมีปลายชี้ไปทางด้านหลังและด้านบน สันหลังมี เกล็ดเป็นหนามแหลมพาดยาวตลอดไปจนถึงโคนหาง ขา และนิ้วค่อนข้างยาว โดยเฉพาะ ขาคู่หลังจะยาวกว่าขาคู่หน้ ามาก
กระทิง มีขนยาว ตัวสีดำหรือดำแกมน้ำตาล เว้นแต่ที่ตรงหน้ าผากและครึ่ง ล่างของขาทั้ง 4 เป็นสีขาวเทา ๆ หรือเหลืองอย่างสีทอง เรียกว่า \"หน้ าโพ\" ขาทั้ง 4 ข้างตั้งแต่เหนือเข่าลงไปถึงกีบเท้ามีสีขาวเทาหรือ เหลืองทอง ทำให้มองดูเหมือนสวมถุงเท้า สีขนของกระทิงบริเวณ หน้ าผากและถุงเท้าเกิดจากคราบน้ำมันในเหงื่อซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ ของสัตว์ชนิดนี้ คอสั้น และมีพืม (เหนียงคอ) ห้อยยาวลงมาจากใต้คอ เขามีสีเขียวเข้ม ปลายเขามีสีสดบริเวณโคนเขามีรอยย่นซึ่งรอยนี้จะมี มากขึ้นเมื่อสูงวัยขึ้น กระทิงตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย ลูกที่เกิดขึ้นจะมีสีน้ำตาลแกมแดง เหมือนสีขนของเก้ง มีเส้นสีดำพาดกลางหลัง ลูกกระทิงขนาดเล็กจะ ยังไม่มีถุงเท้าเหมือนกระทิงตัวโต มีความยาวลำตัวและหัว 250–300 เซนติเมตร หาง 70–105 เซนติเมตร ความสูงจากพื้นถึงหัวไหล่ 170–185 เซนติเมตร น้ำหนัก 650–900 กิโลกรัม โดยตัวผู้มีน้ำหนัก มากกว่าตัวเมีย มีการกระจายพันธุ์ในภาคใต้ของจีน, อินเดีย, ภูฏาน, เนปาล, พม่า, ไทย, ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม, มาเลเซีย
วิธีการปกป้องสัตว์ คุ้มครอง 1..เราควรจะต้องรณรงค์ให้มีการ ปกป้องสัตว์ 2.ลดการตัดไม้ทำลายป่าเพี่อให้สัตว์มีที่ อยู่อาศัย 3.จัดตั้งอุทยานแห่งชาติเพี่อคุ้มครองสัตว์ 4.ลดการล่าสัตว์ เป็นต้น
แหล่งอ้างอิง https://www.worldanimalprotecti on.or.th/why-protect-animals http://www.verdantplanet.org/pro tect/protectedanimal.php
ขอบคุณครับ
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: