หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จัดทำโดย นางสาวเปรมสิรี สุขแล้ว โรงเรียนบ้านปากดง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
แบบทดสอบก่ อนเรียน 1. ข้อใดไม่ใช่วัดความเจริญเติบโตของร่างกาย 4. ถ้าเราไม่กินอาหารที่มีไขมันเลย จะทำให้ร่างกายดูดซึม มนุษย์ วิตามินข้อใดไม่ได้ ก. ส่วนสูง ข. มวล ก. วิตามิน A ข. วิตามิน B1 ค. วิตามิน B2 ง. วิตามิน C ค. ความยาวนิ้ว ง. ความยาวแขน 2. วัยในข้อใดที่ร่างกายหยุดการเจริญเติบโต 5. อาหารในข้อใดต่อไปนี้ให้สารอาหารเหมือนกัน ก. วัยทารก ข. วัยรุ่น ก. ถั่วลิสง นมสด ข. น้ำตาลทราย ไข่ดาว ค. วัยเด็ก ง. วัยผู้ใหญ่ ค. ข้าวเหนียว ไก่ทอด ง. ไข่ต้ม ขนมปัง 3. อาหารประเภทถั่ว สามารถกินทดแทนอาหารประเภทใด ก. ผลไม้ ข. ไขมันสัตว์ ค. เนื้อสัตว์ ง. แป้ง
แบบทดสอบก่ อนเรียน 6. เมื่อนักเรียนรับประทาน ข้างเหนียวหมูปิ้งเข้าไป จะเกิดการ 8. ข้อใดเป็นสารผสม ดูดซึมสารอาหารที่ได้จากข้าวเหนียวหมูปิ้งมากที่สุดบริเวณใด ก. น้ำกะทิ. ข. น้ำเปล่า ก. ปาก ข. กระเพาะอาหาร ค. ลำไส้เล็ก ง. ลำไส้ใหญ่ ค. น้ำมันมะพร้าว ง. น้ำตาลทราย 9. สารผสมข้อใดสามารถแยกได้โดยการตกตะกอน 7. ใครเป็นผู้ดูแลรักษาอวัยวะในระบบย่อยอาหารได้ดีที่สุด ก. ถั่วลิสง นมสด ข. น้ำตาลทราย ไข่ดาว ค. ข้าวเหนียว ไก่ทอด ง. ไข่ต้ม ขนมปัง ก. ชาลีมักทานอาหารรสจัดเป็นประจำ ข. ปวีณาชอบกินเนื้อสัตว์ติดมัน 10. สารผสมข้อใดแยกออกจากกันได้โดยวิธีหยิบ ค. นารีชอบกินอาหารที่มีกากใยสูง ออกก. น้ำผสมน้ำมัน ง. ประชาดื่มน้ำวันละ 3 แก้ว ข. พริกป่นผสมน้ำตาลทราย ค. ข้าวสารผสมกรวดทราย ง. เกลือผสมแป้งมันสำปะหลัง
แบบทดสอบก่ อนเรียน 11. การร่อนเป็นวิธีการที่สามารถใช้แยกสารในข้อใดออกจากกัน 14. ข้อใดเป็นเกณฑ์ที่ใช้จำแนกประเภทของหินอัคนี ก. ทรายกับกรวด ข. แป้งมันกับผงชอล์ก หินตะกอน และหินแปร ค. เกลือกับน้ำตาล ง. ผงตะไบเหล็กกับทราย ก. สีของหิน ข. รูปร่างของหิน ค. ลักษณะการเกิดหิน ง. การใช้ประโยชน์ 12. ถ้าต้องการแยกลูกเหม็นออกจากทราย จะใช้วิธีการใน 15. หินในข้อใดจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ข้อใดจึงจะเหมาะสมที่สุด ก. หินไนส์ หินทราย หินยิปซัม ข. หินแกรนิต หินดินดาน หินปูน ก. การกรอง ข. การระเหิด ค. หินบะซอลต์ หินพัมมิซ หินอ่อน ง. หินชนวน หินควอร์ตไซต์ หินไนส์ ค. การตกตะกอน ง. การระเหยแห้ง 13. มานะช่วยแม่แยกกากมะพร้าวออกจากน้ำกะทิ มานะ 16. ข้อใดคือหินที่มีรูพรุนมากคล้ายฟองน้ำ ควรยกโดยวิธีใด มีคุณสมบัติสามารถลอยน้ำได้ ก. การร่อน ข. การกรอง ก. หินพัมมิซ ข. หินทราย ค. การหยิบออก ง. การตกตะกอน ค. หินบะซอลต์ ง. หินอ่อน
แบบทดสอบก่ อนเรียน 17. หินในข้อใดเกิดจากการเย็นตัวลงของแมกมา 20.นักเรียนสำรวจหินบริเวณน้ำตกแห่งหนึ่ง พบหินที่มี เหลี่ยมมุมหลากหลายขนาด เมื่อเดินสำรวจต่อไป ก. หินอัคนี ข. หินตะกอน เรื่อยๆ ตามลำธารที่ไหลจากน้ำตกมายังหมู่บ้าน พบ ว่าหินมีลักษณะกลมมนและมีขนาดเล็ก ซึ่งเป็นผล. ค. หินแปร ง. หินปูน จากการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ จากสถานการณ์ กระบวนการณ์ใดที่ทำให้รูปร่าง 18. ซากดึกดำบรรพ์ที่พบส่วนใหญ่จัดเป็นหินประเภทใด และขนาดของหินที่พบในลำธารเกิดการเปลี่ยนแปลง ก. การร่อน ข. การกรอง ค. การหยิบออก ง. การตกตะกอน 19. ถ้าพบซากดึกดำบรรพ์ปะการังในหินที่สวนสาธารณะ ก. การผุพังของหินจากฝนกรด อยากทราบว่าในอดีตบริเวณสวนสาธารณะเคยเป็น ข. การหดตัวของหินเมื่อได้รับความเย็น สถานที่ใด ค. การแตกของหินจากแรงดันของรากต้นไม้ ง. การกร่อนของหินจากการพัดพาของกระแสน้ำ ก. บึง ข. คลอง ค. ทะเล ง. สระน้ำ
บทที่ 1 อาหาร และระบบย่อยอาหาร (food and digestive system)
จุดประสงค์การเรียนรู้ อธิบายการเจริญเติบโตของ บอกประโยชน์ของสารอาหาร อธิบายการย่อยอาหารและ ร่างกายในช่วงวัยต่างๆ ได้ แต่ละประเภทจากอาหารที่ การดูดซึมอาหารของอวัยวะ ตนเองรับประทานได้ ในระย่อยอาหาร
อาหาร และ สารอาหาร food nutrient อาหาร ( food ) คือ สิ่งที่บริโภคเข้าไปแล้วให้ประโยชน์แก่ร่างกาย สารอาหาร (nutrients ) คือ สารที่มีอยู่ในอาหาร และมีประโยชน์ต่อร่างกาย สารอาหารมี 6 ประเภท คาร์โบไฮเดรต (carbohydrate) โปรตีน (protein) ไขมัน ( lipid ) วิตามิน(vitamin) แร่ธาตุ (mineral) และน้ำ (water)
สารอาหาร nutrient โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต เป็นแหล่งพลังงาน เป็นแหล่งพลังงานและสร้างความ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย อบอุ่นให้แก่ร่างกาย เป็นแหล่งพลังงาน สร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยในการดูดซึมวิตามินบางชนิด วิตามิน A D E K
สารอาหาร nutrient วิตามิน เกลือแร่ น้ำ ช่วยให้การทำงานของอวัยวะเป็นปกติ ป้องกันโรคและลดอาการผิดปกติ เป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อ ช่วยในการทำงานของระบบต่าง ช่วยป้องกันโรค ช่วยควบคุมสมดุลน้ำในร่างกาย ๆ ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย วิตามินที่จำเป็น ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี A = ตา B1 = เหน็บชา D=กระดูก B2 ปากนกกระจอก B12=เลือดจาง E = หมัน C = ฟัน K=เลือดจาง
ระบบย่อยอาหาร digestive system ระบบย่อยอาหาร คือ ระบบที่ทำหน้าที่ย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารเข้าสู่หลอดเลือด เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ องค์ประกอบของระบบย่อยอาหาร ปาก ตับอ่อน > สร้างน้ำย่อย หลอดอาหาร ตับ > สร้างน้ำดี กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก
ระบบย่อยอาหาร digestive system การย่อยอาหารมี 2 ประเภท 1. การย่อยเชิงกล (Mechanical Digestion) อาหารที่ถูกฟันบดเคี้ยวทาให้มีขนาดเล็กลงและบีบตัว ของกล้ามเนื้อทางเดินอาหาร 2. การย่อยทางเคมี (Chemical Digestion) การย่อยให้เป็นโมเลกุลให้เล็กลงไปโดยเอนไซม์ใน น้าลาย กระเพาะ ลาไส้เล็ก ตับ ตับอ่อน
ระบบย่อยอาหาร digestive system ปาก หลอดอาหาร กระเพาะ อาหาร มีฟันและลิ้น น้ำลายช่วยคลุกเคล้า บีบและคลาย เพื่อดันก้อนอาหาร ย่อยโปรตีนโดยใช้เอนไซม์ อาหารให้ถูกบดตัดได้ง่ายขึ้น ให้เคลื่อนลงสู่กระเพาะอาหาร และกรดเกลือ มีเอนไซม์ย่อยคาร์โบไฮเดรต
ระบบย่อยอาหาร digestive system ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก ย่อยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ดูดซึมเกลือแร่ และน้ำ โดยเอนไซม์จากที่สร้างจาก บีบตัวส่งกากอาหารไปยังทวารหนัก ดูดซึมเกลือแร่ และน้ำ บีบตัวส่งกากอาหารไปสู่ ลำไส้เล็กและตับอ่อน ทวารหนัก มีน้ำดีจากตับ ช่วยย่อยไขมันให้มี ขนาดเล็กลง
กิจกรรมท้ายบท อาหาร และระบบย่อยอาหาร 1.สารอาหารมีทั้งหมดกี่ประเภท อะไรบ้าง 2. สารอาหารประเภทใดบ้างที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย 3. วิตามินที่สามารถละลายในไขมันได้คือวิตามินชนิดใด 4. ระบบย่อยอาหารประกอบด้วยอวัยวะอะไรบ้าง 5. การย่อยในระบบย่อยอาหารเกิดขึ้นที่อวัยวะใด
บทที่ 2 การแยกสารผสมอย่ างง่ าย (Seperation Of Substance)
จุดประสงค์การเรียนรู้ อธิบายการเปรียบเทียบการ นำวิธีการแยกสารผสมไปใช้ใน สำรวจและนำเสนอสารผสม ที่พบเห็นได้อย่างถูกต้อง แยกสารผสมได้ ชีวิตประจำวันได้
การแยกสารผสม Seperation Of Substance สารเนื้อเดียว (Homogeneous Substance) หมายถึง สารที่มีเนื้อสารเหมือนกันทุกส่วน ท าให้สารมีสมบัติเหมือนกันตลอดทุกส่วน เช่น แอลกอฮอล์ ,ทองคำ (Au), โลหะ, บัดกรี,นำ้เกลือ ,ซีอิ๊วขาว ,น้ำอัดลม เป็นต้น สารเนื้อผสม (Heterogeneous Substance) หมายถึง สารที่มีเนื้อสารแตกต่างกันในแต่ละส่วน จะทำให้สารนั้นมีสมบัติไม่เหมือนกันตลอดทุกส่วน เช่น น้ำอบไทย, น้ำคลอง, น้ำโคลน, พริกเกลือ, ดิน เป็นต้น
การแยกสารผสม Seperation Of Substance หลักการแยกสารเนื้อผสม ต้องวิเคราะห์สมบัติทางกายภาพของเนื้อสาร ดังนี้ ของแข็งปนกับของแข็ง ของแข็งปนกับของเหลว ของแข็งที่เป็นสารแม่เหล็ก ปนกับสารอื่น การหยิบออก : ของแข็งปนกับ การกรอง : ของแข็ง(ไม่ละลายใน ของแข็งที่มีสีและรูปร่างแตก ของเหลว)ปนกับของเหลว การใช้แม่เหล็ กดึงดูด : ต่างกัน การตกตะกอน : ของแข็งปนกับ ของแข็งที่เป็นสารแม่เหล็กกับ การร่อน : ของแข็งปนกับ ของเหลว(ลักษณะขุ่น) ของแข็งที่ไม่ใช่สารแม่เหล็ก ของแข็งที่มีขนาดแตกต่างกัน มาก การระเหยแห้งของแข็ง(ละลายใน ของแข็งปนกับของเหลว ของเหลว) เป็นเนื้อเดียวกัน กรวย: แยกสารผสมที่เป็น การระเหิด : เปลี่ยนของแข็งเป็นไอ ของเหลว 2 ชนิด ซึ่งไม่รวม เป็นเนื้อเดียวกัน
การแยกสารผสม Seperation Of Substance การร่อน การหยิบออก เป็นการแยกสารที่เป็นของแข็งขนาดใหญ่ เป็นการแยกของแข็งซึ่งมีขนาด รูปร่าง หรือสีที่แตกต่างกัน แยกออกจากสารที่เป็นของแข็งขนาดเล็กโดยใช้ตะแกรง อย่างชัดเจน อีกทั้งมีขนาดใหญ่พอที่จะหยิบได้และมีปริมาณ ของแข็งขนาดใหญ่จะติดอยู่บนตะแกรงและของแข็งขนาด ที่ไม่มากเกินไป เล็กจะผ่านรูตะแกรง เช่น ก้อนหินกับเศษไม้ ข้าวสารกับข้าวเปลือก เช่น หินทราย กรวดทราย การร่อนแป้ง
การแยกสารผสม Seperation Of Substance การตกตะกอน การกรอง เป็นการแยกสารผสมที่เป็นของแข็งแขวนลอยในของเหลว เป็นการแยกของเหลวกับของแข็งที่ไม่ละลายในของเหลว หลักการที่สำคัญ คือการตั้งสารผสมทิ้งไว้ โดยของแข็งจะติดอยู่ที่กระดาษกรองและของเหลวไหลผ่านรู อนุภาคของแข็งที่แฝงอยู่นั้นมีน้ำหนัก จึงตกตะกอนอยู่ที่ ของกระดาษกรองลงสู่ภาชนะด้านล่าง ก้นภาชนะ เช่น กากกาแฟกับน้ำกาแฟ มะพร้าวกับน้ำกะทิ \" สารส้มเร่งการตกตะกอนได้ \" เช่น แยกตะกอนออกจากน้้ำคลอง
การแยกสารผสม Seperation Of Substance การระเหย การระเหิด การแยกสารละลายที่ประกอบด้วยตัวละลายที่เป็น เป็นการแยกของแข็งที่ระเหิดไม่ได้กับของแข็งที่ระเหิดได้ ของแข็งละลายอยู่ในตัวทำละลายที่เป็นของเหลวโดยการ การระเหิดเป็นการเปลี่ยนสถานะจากของแข็ง เป็น แก๊ส ให้ความร้อนเพื่อทำให้ตัวทำ ละลายที่มีจุดเดือดต่ำระเหย เป็นไอแยกออกไปจนหมดและเหลือเพียงตัวละลาย เช่น พิมเสนกับทราย การบูรกับเกลือ ลูกเหม็นกับน้ำตาล การบูรกับผงชอล์ก เช่น น้ำทะเล น้ำเชื่อม น้ำเกลือ น้ำด่างทับทิม น้ำเชื่อม ได้รับความร้อน ผลึกน้ำตาล
การแยกสารผสม Seperation Of Substance การแยกด้วยแม่เหล็ก การแยกด้วยกรวย สารที่ต้องการแยกออกจากสารผสมจะต้องมีสมบัติเป็น เป็นการแยกสารผสมที่เป็นของเหลว 2 ชนิด ซึ่งไม่รวมเป็นเนื้อ สารแม่เหล็ก เช่น ผงตะไบเหล็ก เหล็ก นิกเกิล โคบอลต์ เดียวกัน โดยอาศัยความแตกต่างของความหนาแน่นของ ซึ่งการแยกทำได้โดยใช้แม่เหล็กดูดแยกสารแม่เหล็ก ของเหลวแต่ละชนิดที่ไม่เท่ากัน ของเหลวที่มีความ หนาแน่นน้อยกว่าจะแยกชั้นอยู่ด้านบนของกรวยแยก ออกจากสารผสม ส่วนของเหลวที่มีความหนาแน่นมากกว่าจะแยกชั้นอยู่ด้านล่าง เช่น ผงตะไบเหล็กกับทราย ผงเหล็กกับ ผงกำมะถัน เช่น น้ำกับน้ำมัน
กิจกรรมท้ายบท การแยกสารผสมอย่างง่าย ให้นักเรียนเติมวิธีการแยกสารผสมต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. น้ำกับน้ำมัน 2. ลูกปัดกับข้าวสาร 3. ผงกาแฟในน้ำ 4. ลูกเหม็น 5. น้ำเกลือ
บทที่ 3 หิ นและซากดึกดำบรรพ์ (Rock and Fossil)
จุดประสงค์การเรียนรู้ อธิบายลักษณะและจำแนก เปรียบเทียบกระบวนการเกิด นำกระบวนการเกิดหินอัคนี ประเภทของหินได้ หินอัคนี หินตะกอน และ หินตะกอน และหินแปรไปใช้ หินแปรได้อย่างถูกต้อง ในชีวิตประจำวันได้
หินและซากดึกดำบรรพ์ Rock and Fossil หิน คือ มวลของแข็งที่ประกอบขึ้นด้วยแร่ชนิดเดียวกัน หรือหลายชนิดรวม ตัวกันอยู่ตามธรรมชาติ จำแนกตามลักษณะการเกิดเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. หินอัคนี 2. หินตะกอน 3. หินแปร
หินและซากดึกดำบรรพ์ Rock and Fossil หินอัคนี : Igneous Rocks แบ่งออกเป็น 2 ประเภท หินอัคนีแทรกซอน (Intrusive Igneous Rock) หินอัคนีพุหรือหินภูเขาไฟ (Extrusive Igneous Rock)
หินและซากดึกดำบรรพ์ Rock and Fossil หินอัคนีแทรกซ้อน หินอัคนีพุ (Intrusive igneous rock) (Extrusive igneous rock) เกิดจากการเย็นตัวและตกผลึกจากแมกมาใต้ผิวโลก เกิดจากการเย็นตัวและตกผลึกจากลาวาบนผิวโลก อุณหภูมิของแมกมาที่ค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ อุณหภูมิของลาวาที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลึกมี ทำให้เกิด ผลึกแร่มีขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก เกิดประกอบกันเป็นหินที่มีเนื้อหยาบ ประกอบกันเป็นหินที่มีเนื้อละเอียด แต่ถ้าอุณหภูมิลดลงอย่างทันทีทันใด หินจะเป็นเนื้อแก้ว บางชนิดมีรูพรุนในเนื้อหิน เกิดจากแก๊สลาวาได้ดันตัว ออกมาขณะที่ลาวากำลังเย็นและตกผลึกอย่างรวดเร็ว
หินและซากดึกดำบรรพ์ Rock and Fossil หินอัคนีแทรกซ้อน หินอัคนีพุ (Intrusive igneous rock) (Extrusive igneous rock) หินแกรนิต หินไดออไรต์ หินบะซอลต์ หินพัมมิซ (หินลอยน้ำ) หินแกบโบร หินออบซิเดียน (เนื้อแก้ว)
หินและซากดึกดำบรรพ์ Rock and Fossil หินตะกอน : sedimentary Rocks เกิดจาก 1. เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนและการเชื่อมประสานตะกอนในแอ่ง สะสมตะกอน 2. เกิดการตกผลึกหรือตกตะกอนของสารบางชนิด อาจค้นพบ ซากดึกดำบรรพ์
หินและซากดึกดำบรรพ์ Rock and Fossil หินตะกอน : sedimentary Rocks ที่เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนและการเชื่อมประสานตะกอนในแอ่งสะสมตะกอน เนื้อหินมีลักษณะเป็นเม็ดตะกอน มีทั้งเนื้อหยาบและละเอียด เกิดการสะสมจากการพาของน้ำ ลม ธารน้ำแข็ง บางครั้งมีลักษณะเป็นชั้นๆ เกิดจากการสะสมของตะกอนขนาดต่างๆ เรียก \"หินชั้น\" หินทราย หินกรวดมน หินดินดาน
หินและซากดึกดำบรรพ์ Rock and Fossil หินตะกอน : sedimentary Rocks เกิดจากการตกผลึกหรือตกตะกอนของสารบางชนิด สารบางชนิดจากน้ำทะเล เช่น ตะกอนคาร์บอเนต สารละลายซิลิกา เนื้อหินมีลักษณะเป็นเนื้อผลึกที่มีขนาดผลึกเล็ก หรือละเอียด หินปูน หินเชิร์ต ถ่านหิน ตะกอนคาร์บอเนตในทะเล การตกผลึกของซิลิกา การทับถมของซากพืชซากสัตว์
หินและซากดึกดำบรรพ์ Rock and Fossil หินแปร : Metamorphic Rocks เกิดจากการแปรสภาพของหินทุกประเภท ทั้งหินอัคนี หินตะกอน และหินแปร ที่อยู่ใต้ผิวโลก ด้วยปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ความร้อน ความดัน และปฏิกิริยาเคมี การแปรสภาพทำให้หินมีลักษณะต่างกัน มีผลึกแร่ที่มีการเรียงตัวขนานกันเป็นแถบ สามารถแซะออกเป็นแผ่นได้ เนื้อผลึกมีความแข็งมาก
หินและซากดึกดำบรรพ์ Rock and Fossil หินแปร : Metamorphic Rocks หินปูน (หินตะกอน) หินอ่อน (หินแปร) หินดินดาน (หินตะกอน) หินชนวน (หินแปร) หินแกรนิต (หินอัคนี) หินไนส์ (หินแปร) หินชนวน (หินแปร) หินชีตส์ (หินแปร)
หินและซากดึกดำบรรพ์ Rock and Fossil ซากดึกดำบรรพ์ (FOssil) เป็นโครงร่าง หรือ ร่องรอย ของสิ่งมีชีวิตในอดีตที่พบใน หินตะกอน ซึ่งซากดึกดำบรรพ์นี้มันเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการเกิดหินตะกอน ปัจจัยที่ทำให้เกิดซากดึกดำบรรพ์ องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต อุณหภูมิ ระยะเวลาการทับถม
หินและซากดึกดำบรรพ์ Rock and Fossil ซากดึกดำบรรพ์ (FOssil) กระบวนการเกิดซากดึกดำบรรพ์ 1.กระบวนการแทรกซึมของแร่ธาตุ (Permineralization) ซากสิ่งมีชีวิตถูกทับถมภายใต้ดินตะกอนเป็นเวลานาน ทำให้แร่ธาตุในตะกอนเหล่านี้ แทรกซึมเข้าไปภายในช่องว่างของร่างกาย 2. กระบวนการกลายเป็นหิน (Petrification) สารอินทรีย์ภายในซากของสิ่งมีชีวิตถูกแทนที่ด้วยสารละลายซิลิกา (Silica) หรือ สารละลายแคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) ซึ่งยับยั้งการเจริญเติบโตของ แบคทีเรีย ชะลอการย่อยสลายทางธรรมชาติ ทำให้สามารถคงสภาพของโครงร่างสิ่งมี ชีวิตไว้ได้ โดยไม่เกิดการสูญสลาย
หินและซากดึกดำบรรพ์ Rock and Fossil ซากดึกดำบรรพ์ (FOssil) ภาพจำลองกระบวนการเกิดซากดึกดำบรรพ์ 1. สิ่งมีชีวิตตายลง 5. ปรากฏซากดึกดำบรรพ์ 4.เกิดการผุพังของหินและ กร่อนออกไป 2. ตะกอนชุดใหม่มาปิดทับ 3. ตะกอนทับถมจนเกิดเป็น หินตะกอน
หินและซากดึกดำบรรพ์ Rock and Fossil ซากดึกดำบรรพ์ (FOssil) ซากดึกดำบรรพ์ แบ่งเป็น 3 ประเภท ซากดึกดำบรรพ์สัตว์ ซากดึกดำบรรพ์พืช ซากดึึกดำบรรพ์ร่องรอย
หินและซากดึกดำบรรพ์ Rock and Fossil ซากดึกดำบรรพ์ (FOssil) ประโยชน์ของซากดึกดำบรรพ์ ใช้ในการศึกษาลำดับชั้นหินจากซากดึกดำบรรพ์ ใช้ในการระบุอายุของหิน ใช้ศึกษาสภาพแวดล้อมในอดีตของบริเวณที่พบซากดึกดำบรรพ์ ใช้ศึกษาวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตจากซากดึกดำบรรพ์
กิจกรรมท้ายบท หินและซากดึกดำบรรพ์ ตอนที่ 1 ให้นักเรียนเติมคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. เกิดจากการเย็นตัวของลาวา ก. หินอ่อน 2. เกิดจากการเย็นตัวของแมกม่า ข. หินพัมมิซ 3.มีรูพรุน มีคุณสมบัติลอยน้ำได้ ค. หินอัคนีแทรกซ้อน 4. แปรสภาพจากหินปูน ง. หินอัคนีพุ 5. เกิดจากการทับถมของตะกอน จ. หินตะกอน
กิจกรรมท้ายบท หินและซากดึกดำบรรพ์ ตอนที่ 2 จงพิจารณาข้อความต่อไปนี้ว่าถูกหรือผิด 1. ซากดึกดำบรรพ์มักพบในหินตะกอน 2. ซากดึกดำบรรพ์ช่วยในการบอกอุณหภูมิของอากาศได้ 3.หากพบซากดึกดำบรรพ์พืช สามารถสันนิษฐานว่าบริเวณนั้นเคยเป็นป่า 4.ซากดึกดำบรรพ์ คือ ร่องรอยของสิ่งมีชีวิตในอดีต 5.ซากดึกดำบรรพ์จะเกิดพร้อมๆ กับกระบวนการเกิดหินอัคนี
แบบทดสอบหลังเรียน 1. วัยในข้อใดที่ร่างกายหยุดการเจริญเติบโต 4. ถ้าเราไม่กินอาหารที่มีไขมันเลย จะทำให้ร่างกายดูดซึม วิตามินข้อใดไม่ได้ ก. วัยทารก ข. วัยรุ่น ค. วัยเด็ก ง. วัยผู้ใหญ่ ก. วิตามิน A ข. วิตามิน B1 ค. วิตามิน B2 ง. วิตามิน C 2. ข้อใดไม่ใช่วัดความเจริญเติบโตของร่างกาย 5. อาหารประเภทถั่ว สามารถกินทดแทนอาหารประเภทใด มนุษย์ ก. ส่วนสูง ข. มวล ก. ผลไม้ ข. ไขมันสัตว์ ค. เนื้อสัตว์ ง. แป้ง ค. ความยาวนิ้ว ง. ความยาวแขน 3. อาหารในข้อใดต่อไปนี้ให้สารอาหารเหมือนกัน ก. ถั่วลิสง นมสด ข. น้ำตาลทราย ไข่ดาว ค. ข้าวเหนียว ไก่ทอด ง. ไข่ต้ม ขนมปัง
แบบทดสอบหลังเรียน 6. ใครเป็นผู้ดูแลรักษาอวัยวะในระบบย่อยอาหารได้ดีที่สุด 8. สารผสมข้อใดสามารถแยกได้โดยการตกตะกอน ก. ชาลีมักทานอาหารรสจัดเป็นประจำ ก. ถั่วลิสง นมสด ข. น้ำตาลทราย ไข่ดาว ข. ปวีณาชอบกินเนื้อสัตว์ติดมัน ค. ข้าวเหนียว ไก่ทอด ง. ไข่ต้ม ขนมปัง ค. นารีชอบกินอาหารที่มีกากใยสูง ง. ประชาดื่มน้ำวันละ 3 แก้ว 9. ข้อใดเป็นสารผสม 7. เมื่อนักเรียนรับประทาน ข้างเหนียวหมูปิ้งเข้าไป จะเกิดการ ก. น้ำกะทิ. ข. น้ำเปล่า ดูดซึมสารอาหารที่ได้จากข้าวเหนียวหมูปิ้งมากที่สุดบริเวณใด ค. น้ำมันมะพร้าว ง. น้ำตาลทราย ก. ปาก ข. กระเพาะอาหาร ค. ลำไส้เล็ก ง. ลำไส้ใหญ่ 10. ถ้าต้องการแยกลูกเหม็นออกจากทราย จะใช้วิธี การในข้อใดจึงจะเหมาะสมที่สุด ก. การกรอง ข. การระเหิด ค. การตกตะกอน ง. การระเหยแห้ง
แบบทดสอบหลังเรียน 11. การร่อนเป็นวิธีการที่สามารถใช้แยกสารในข้อใดออกจากกัน 14. หินในข้อใดจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ก. หินไนส์ หินทราย หินยิปซัม ก. ทรายกับกรวด ข. แป้งมันกับผงชอล์ก ข. หินแกรนิต หินดินดาน หินปูน ค. เกลือกับน้ำตาล ง. ผงตะไบเหล็กกับทราย ค. หินบะซอลต์ หินพัมมิซ หินอ่อน ง. หินชนวน หินควอร์ตไซต์ หินไนส์ 12. สารผสมข้อใดแยกออกจากกันได้โดยวิธีหยิบออก ก. น้ำผสมน้ำมัน 15. ข้อใดเป็นเกณฑ์ที่ใช้จำแนกประเภทของหินอัคนี ข. พริกป่นผสมน้ำตาลทราย หินตะกอน และหินแปร ค. ข้าวสารผสมกรวดทราย ง. เกลือผสมแป้งมันสำปะหลัง ก. สีของหิน ข. รูปร่างของหิน ค. ลักษณะการเกิดหิน ง. การใช้ประโยชน์ 13. มานะช่วยแม่แยกกากมะพร้าวออกจากน้ำกะทิ มานะ 16. ข้อใดคือหินที่มีรูพรุนมากคล้ายฟองน้ำ ควรยกโดยวิธีใด มีคุณสมบัติสามารถลอยน้ำได้ ก. การร่อน ข. การกรอง ก. หินพัมมิซ ข. หินทราย ค. การหยิบออก ง. การตกตะกอน ค. หินบะซอลต์ ง. หินอ่อน
แบบทดสอบหลังเรียน 17.นักเรียนสำรวจหินบริเวณน้ำตกแห่งหนึ่ง พบหินที่มี 18. หินในข้อใดเกิดจากการเย็นตัวลงของแมกมา เหลี่ยมมุมหลากหลายขนาด เมื่อเดินสำรวจต่อไป เรื่อยๆ ตามลำธารที่ไหลจากน้ำตกมายังหมู่บ้าน พบ ก. หินอัคนี ข. หินตะกอน ว่าหินมีลักษณะกลมมนและมีขนาดเล็ก ซึ่งเป็นผล. จากการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ค. หินแปร ง. หินปูน จากสถานการณ์ กระบวนการณ์ใดที่ทำให้รูปร่าง และขนาดของหินที่พบในลำธารเกิดการเปลี่ยนแปลง 19. ซากดึกดำบรรพ์ที่พบส่วนใหญ่จัดเป็นหินประเภทใด ก. การผุพังของหินจากฝนกรด ก. การร่อน ข. การกรอง ข. การหดตัวของหินเมื่อได้รับความเย็น ค. การหยิบออก ง. การตกตะกอน ค. การแตกของหินจากแรงดันของรากต้นไม้ ง. การกร่อนของหินจากการพัดพาของกระแสน้ำ 20. ถ้าพบซากดึกดำบรรพ์ปะการังในหินที่สวนสาธารณะ อยากทราบว่าในอดีตบริเวณสวนสาธารณะเคยเป็น สถานที่ใด ก. บึง ข. คลอง ค. ทะเล ง. สระน้ำ
Search
Read the Text Version
- 1 - 46
Pages: