Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 1 แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับเทอร์โมไดนามิคส์

บทที่ 1 แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับเทอร์โมไดนามิคส์

Published by sommaiytrd, 2021-09-11 08:50:35

Description: บทที่ 1 แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับเทอร์โมไดนามิคส์

Search

Read the Text Version

เทอร์โมไดนามกิ ส์ (Thermodynamics)

บทที่ 1 แนวคิดพ้ืนฐานเกย่ี วกับเทอรโมไดนามิคส 1.1 เทอรโ์ มไดนามิคสแ์ ละพลงั งาน การศกึ ษาวชิ าเทอรโ์ มไดนามิกส์ เป็นส่ิงท่ีน่าสนใจและ จาํ เป็นอยา่ งย่ิงสาํ หรบั วิศวกรรมแทบทกุ สาขาวิชา ดงั นี้ วศิ กรรมโยธา : เป็นพืน้ ฐานในการศกึ ษาวิชาไฮดรอลกิ ส์ (hydraulics) วศิ วกรรมอุตสาหการ : เป็นพืน้ ฐานในการออกแบบและ บาํ รุงรกั ษาอปุ กรณท์ ่ีเก่ียวขอ้ งกบั การใชพ้ ลงั งานในโรงงาน อตุ สาหกรรม

•วศิ วกรรมสิ่งแวดล้อม : เป็นพืน้ ฐานในการออกแบบระบบทอ่ บาํ บดั นา้ํ เสีย รวมทงั้ การวิเคราะหก์ ารเผาไหมแ้ ละไอเสียตา่ ง ๆ ในอากาศ •วศิ วกรรมไฟฟ้าและวศิ วกรรมคอมพวิ เตอร์ : ใชใ้ นการ ออกแบบระบบระบายความรอ้ นในอปุ กรณไ์ ฟฟา้ และอปุ กรณ์ คอมพิวเตอรต์ า่ ง ๆ •วศิ วกรรมเคร่ืองกล : เป็นหน่งึ ในสองศาสตรพ์ ืน้ ฐานท่ีสาํ คญั สงู สดุ รว่ มกบั วชิ ากลศาสตรว์ ิศวกรรม เป็นรากฐานของการศกึ ษา วชิ ากลศาสตรข์ องไหล และการถา่ ยเทความรอ้ น

Some application areas of thermodynamics.

เทอรโ มไดนามิกส คอื อะไร เปนวิทยาศาสตรป ระยกุ ต สาขาหนง่ึ ทว่ี า ดว ยเรอื่ งของพลงั งาน เปน หลัก โดยจะมีเนอ้ื หาครอบคลุม ถงึ เรอ่ื งของพลงั งานในรปู ตา ง ๆ การเปลย่ี นรูปของพลังงาน การถา ย โอนพลงั งาน รวมทัง้ สมบัตติ า ง ๆ ของสสารท่ใี ชเ ปน ตวั กลางในการ เปลยี่ นแปลงนนั้ ๆ

พลงั งาน (Energy) พลงั งาน คอื ความสามารถทาํ งาน ไดส้ ามารถเปล่ียนรูปจากรูปหนง่ึ ไปเป็น อกี รูปหน่งึ และสามารถถา่ ยโอนจาก บรเิ วณหนง่ึ ไปสอู่ ีกบรเิ วณหน่งึ ได้ โดย การเปล่ียนรูปหรอื ถ่ายโอนพลงั งาน จะตอ้ งเป็นไปตามกฎการอนรุ กั ษ์ พลงั งาน (Conservation energy principle)

กฎการอนุรักษพ ลังงาน (Conservation Energy Principle) พลงั งานสามารถเปล่ียนรูป หรอื ถ่ายโอนได้ แตไ่ มส่ ามารถ สรา้ งขนึ้ มาใหมห่ รอื สญู หายได้ ดงั นนั้ พลงั งานรวมของระบบ (System) กบั ส่งิ แวดลอ้ ม (Surrounding) จงึ มีคา่ คงท่ี

1.2 มติ ิและหนว ย มติ หิ ลกั และหนว ย

คาํ อุปสรรค (PREFIXES)

หนว ยวัดทส่ี าํ คัญ • มวล (mass : m) หมายถงึ สภาพตานการเคลือ่ นทีข่ องวตั ถุ มหี นวย เปน (kg) • น้าํ หนกั (weight : W) คอื แรงดงึ ดูดทีโ่ ลกดงึ ดูดวตั ถุไว ดว ย ความเรงเนือ่ งจากแรงโนมถวงของโลก (g) ซ่งึ สามารถคํานวณได จากสมการ

• ปริมาตร (volume : V) คือ คาผลคณู กาํ ลังสามของความยาว นิยม วดั เปน หนวยลูกบาศกเมตร (m3), ลูกบาศกเซนตเิ มตร (cm3) หรอื ซซี ี, ลิตร (liter) ซงึ่ มีความสัมพันธก ันดงั น้ี • แรง (Force : F) จากกฏการเคล่อื นท่ขี อ ทส่ี องของนิวตนั กลา ววา “เมอ่ื มีแรงลพั ธในขนาดที่ไมเทา กบั ศนู ยมากระทําตอ วัตถุ วตั ถุจะเกดิ การเคล่อื นทดี่ ว ยความเรงในทศิ ทางเดยี วกับแรงที่กระทาํ ” โดยมี ความสัมพนั ธเ ปนไปตามสมการ

• งาน (work : W) คือ แรงคูณระยะทางตามแนวแรง ในหนว ย SI งานทกุ ประเภทมีหนว ยเปน นิวตนั – เมตร (N.m) หรือ จูล ( joule: j) โดยทง่ี าน 1 จูล หมายถงึ การออกแรง 1 นวิ ตัน ทาํ ใหวตั ถุ เคลื่อนทีไ่ ปในทิศทางเดียวกบั แรงเปนระยะทาง 1 เมตร สามารถ คาํ นวณไดจ ากสมการ

• พลังงาน (energy : E) หนวยของพลังงานในระบบ SI มีการกาํ หนด มาตรฐานของพลงั งานในรูปของงาน • กาํ ลงั งาน (power) คอื งานหรือพลงั งานตอหนว ยเวลา มีหนวยเปน จลู ตอวนิ าที หรือ วตั ต (watt) หรอื สามารถวัดไดในหนว ยของแรงมา (Horsepower : HP) ซ่งึ เปนหนว ยทีไ่ ดรับความนิยมมากอกี หนวยหนึ่ง ดงั นี้

1-3 ระบบ และปริมาตรควบคมุ •ระบบ (system) คือ บรเิ วณหรอื สสารปรมิ าณหนงึ่ ที่ตอ งการ จะทําการศึกษา •ส่ิงแวดลอม (surrounding) คอื สิ่งทอ่ี ยูภ ายนอกระบบท้ังหมด •ขอบเขตของระบบ (boundary) คอื เสนแบงระหวางระบบกบั สงิ่ แวดลอ ม

ขอบเขตของระบบมี 2 ลกั ษณะคือ ขอบเขตทอี่ ยูกับที่และขอบเขตทเี่ คล่ือนท่ไี ด

ระบบ ขอบเขตของระบบและสิง่ แวดลอ ม ระบบทางเทอรโ มไดนามกิ ส แบง ออกไดเปน 3 ประเภท ดังน้ี 1. ระบบปด (closed system) หมายถึง ระบบทไ่ี มมีการถา ยเทมวล ผานขอบเขตของระบบ จะมเี ฉพาะพลังงาน (งานและความรอ น) เทานน้ั ท่ีสามารถถา ยโอนผา นขอบเขตได นิยมเรียกอกี ชอื่ หนึ่งวา “มวลควบคุม (control mass) ”



2. ระบบเปิด (open system) หมายถงึ ระบบท่ีมีการถา่ ยเททงั้ มวลและพลงั งานผา่ นขอบเขตของระบบ เรยี กอกี ช่ือหน่งึ วา่ “ปรมิ าตรควบคมุ (control volume)”

3. ระบบโดยเด่ียว (isolated system) หมายถงึ ระบบท่ีถกู แยก ออกจากส่งิ แวดลอ้ มอยา่ งสนิ้ เชิง โดยไมม่ ีการถา่ ยเทมวลและ พลงั งานผา่ นขอบเขตของระบบ เช่น ภาชนะบรรจกุ ๊าซเฉ่ือยท่ีถกู เช่ือมปิดสนิทและมีฉนวนหมุ้ เป็นตน้ Isolated System Boundary Heat = 0 Work Surr 4 Work = 0 System Mass = 0 Mass Across Isolated Surr 3 Boundary Surr 1 Mass Heat Surr 2

1.4 สมบตั ิของระบบ คณุ สมบัติ คือ ลักษณะใด ๆ ท่สี ามารถวดั หรอื คํานวณได มี 2 แบบ คอื 1. คณุ สมบตั ิท่ีไมข นึ้ อยูกบั มวลของระบบ (intensive properties) เชน ความดัน (P) อุณหภมู ิ (T) ความหนาแนน (ρ) เปน ตน 2. คณุ สมบตั ทิ ข่ี ้ึนอยกู ับมวลของระบบ (extensive properties) เชน น้ําหนกั (W) ปริมาตร (V) เอนทาลป (enthalpy : H) และพลงั งาน ภายใน (internal energy : U) เปน ตน

วธิ กี ารระบุวา คุณสมบตั ใิ ดเปน คุณสมบตั อิ นิ เทนซฟี หรือ เอก็ ซเ ทนซีฟ นนั้ สามารถทําไดโ ดยการแบง ระบบเพื่อใหม วล เปลย่ี นแปลงหากคุณสมบตั ใิ ดมคี าเทา เดิมถือวาคณุ สมบตั ินัน้ เปนแบบ อินเทนซีฟ แตถา คุณสมบตั ิในแตละสวนมคี า เปลย่ี นแปลงไปถอื วา เปนแบบ เอ็กซเ ทนซีฟ

ถานาํ คณุ สมบัตทิ ข่ี ้ึนอยกู ับมวลของระบบมาหารดว ยมวลของ ระบบน้นั ๆ จะทาํ ใหไ ดคุณสมบตั จิ าํ เพาะ (specific properties) ซึ่ง จัดเปน คุณสมบตั ทิ ไี่ มข ึ้นอยูกับมวลของระบบ เชน • V / m = ปริมาตรจําเพาะ (specific volume : v) หนวย (m3/ kg) • U / m = พลังงานภายในจําเพาะ (specific internal energy : u) หนว ย (kJ/kg) • H / m = เอนทาลปจ าํ เพาะ (specific enthalpy : h) หนวย (kJ/kg)



1.5 ความหนาแนน และความถวงจําเพาะ • ความหนาแนน (Density : ρ) คอื อัตราสวนของมวลตอ ปริมาตรสาร น้ัน มหี นวยเปน (kg/m3) ซึง่ สามารถคาํ นวณไดจากสมการ • ปรมิ าตรจําเพาะ (specific volume : v) คือ ปรมิ าตรตอหนวย นาํ้ หนกั มหี นวยเปน (m3/kg) ซึง่ ปริมาตรจําเพาะกค็ อื สวนกลบั ของความหนาแนน นนั่ เอง

• ความถว งจําเพาะ (Specific Gravity : SG) คอื อัตราสวนของความ หนาแนนของสารนนั้ ๆเทยี บกบั ความหนาแนนของนาํ้ ท่อี ณุ หภมู ิ 4 oC ตวั อยา งคา SG ของสารตาง ๆ • น้าํ = 1 • เลือด = 1.05 • น้ํามันเบนซิน = 0.7 • นํา้ แข็ง = 0.92

1.6 สภาวะ และสมดลุ สภาวะ (STATE) • สภาวะ (state) หมายถงึ สภาพของระบบท่ถี ูกกาํ หนดโดย ชุด คณุ สมบตั ิ (set of properties) เชน อุณหภมู ิ ความดัน เปน ตน • ในสภาวะหน่งึ ๆ คณุ สมบตั ิของระบบจะตองมีคาคงท่ี หากมีการ เปลีย่ นแปลงคุณสมบตั เิ พยี งอยางใดอยา งหนึ่ง จะถอื วา ระบบมีการ เปลยี่ นแปลงไปสูสภาวะใหมทนั ที



สภาวะสมดุล (EQUILIBRIUM STATE) สภาวะสมดุล (equilibrium state) หมายถึง สภาวะท่ี ปราศจากการเปลีย่ นแปลงใด ๆ ในระบบ ซง่ึ ถาอยูในสภาพสมดลุ อยางสมบูรณแ ลวระบบตองอยูภายใตเ งื่อนไขของการสมดลุ ทง้ั 4 ลักษณะ คือ 1. สมดลุ ทางความรอ น (thermal equilibrium) หมายถงึ สภาวะทอ่ี ุณหภมู ภิ าย ในระบบเทา กนั ทัว่ ท้งั ระบบ

2. สมดุลทางกล (mechanical equilibrium) หมายถึง สภาวะทภ่ี ายในระบบมคี วามดันที่เทา กนั ทั่วท้งั ระบบ และไมเกดิ การเปล่ยี นแปลงความดนั

3. สมดลุ เฟส (phase equilibrium) หมายถึง สถาวะที่ไมม ีการเปลยี่ นแปลงระหวา งเฟส ซง่ึ ทาํ ให สมบตั ใิ นแตละเฟสมีคาคงที่ 4. สมดลุ ทางเคมี (chemical equilibrium) หมายถึง สภาวะทีไ่ มเกดิ การเปลีย่ นแปลงองคป ระกอบทางเคมี ภายในระบบ

1.7 กระบวนการและวัฏจกั ร • กระบวนการ (processes) คือ การเปลย่ี นแปลงสภาวะของระบบ จากสภาวะสมดุลหนึ่งไปยงั อกี สภาวะสมดลุ หน่งึ เชน ของเหลว ไดร ับความรอ นจนระเหยเปนไอ เปนตน • ถามกี ารเปลยี่ นแปลงสมบัตขิ องระบบเพยี ง 1 อยา งขึ้นไป จะถือ วา เปนการเปลีย่ นแปลงสภาวะหรือมกี ระบวนการเกดิ ข้ึน • สาํ หรบั การแสดงสภาวะอยางตอเน่อื งในระหวางกระบวนการ เรยี กวา เสน ทางของกระบวนการ (process path)



กระบวนการและวัฏจักร • ในกระบวนการหากมีการดาํ เนนิ การอยา งรวดเรว็ ทําใหส ภาวะในแต ละสวนภายในระบบมีคา ท่ไี มเหมือนกัน เราเรยี กกระบวนการทีเ่ กิดข้นึ ในลกั ษณะน้วี า กระบวนการแบบไมส มดลุ ควอไซ (non-quasi- equilibrium process) เชน การอัดกาซในชุดกระบอกสูบอยาง รวดเร็ว จะทาํ ใหค วามหนาแนนของโมเลกลุ กา ซบริเวณใกลลกู สบู มีคา มากกวาบรเิ วณอน่ื สง ผลใหความดนั ท่บี รเิ วณดงั กลา วสงู กวา บรเิ วณ อื่น เปนตน

• การเกิดกระบวนการไมส มดลุ ค วอไซน้ี ทาํ ใหไ มส ามารถระบุ เสน ทางของกระบวนการ ได จะทาํ ไดเ พยี งการกําหนดสภาวะ เรม่ิ ตน (initial state) กบั สภาวะ สุดทาย (final state) เทา น้นั

• สาํ หรับระบบทมี่ ีการดําเนินกระบวนการอยางชา ๆ เชน การกด กาซในชุดกระบอกสูบอยางชา ๆ โดยเพม่ิ แรงกดทีละนอ ย จะทําให ภายในระบบมกี ารเปลี่ยนแปลงทลี ะนอย สงผลใหค ุณสมบัตภิ ายใน ระบบยงั คงเหมือนกันทวั่ ทั้งระบบ ดังนน้ั จงึ สามารถวัดคณุ สมบัติท่ี สภาวะตาง ๆ ในขณะดาํ เนินกระบวนการได กระบวนการลกั ษณะน้ี เรียกวา กระบวนการสมดุลควอไซ (quasi-equilibrium process) หรอื กระบวนการเสมอื นสมดุล

กระบวนการสมดุลควอไซ เปน เพยี งกระบวนการในทางอดุ มคติ (ideal process) ที่ถูกกาํ หนด ข้นึ ในทางทฤฎเี ทา น้นั

กระบวนการและวฎั จักร วัฏจักร (cycles) หมายถึง การเกดิ กระบวนการจากสภาวะเร่ิมตน โดย ระบบดําเนนิ การผา นสภาวะตา ง ๆ แลว สามารถกลบั สสู ภาวะเร่มิ ตนได อีก โดยเมื่อระบบกลบั สูส ภาวะเร่มิ ตน คณุ สมบัตขิ องระบบจะตอง เหมือนกับคณุ สมบตั เิ รม่ิ ตนเดมิ ทกุ ประการ ดงั รปู

1.8 กฎขอทีศ่ ูนยข องเทอรโ มไดนามกิ ส (The Zeroth Law of Thermodynamics) เม่อื วัตถุสองชิน้ อยูในสมดลุ ความรอ นกบั วตั ถุชนิ้ ที่สาม แสดงวา วัตถทุ ั้งสองชิ้นอยูใ นสมดลุ ความรอ นตอ กนั ดวย แมวัตถทุ ั้งสองจะ ไมไ ดส มั ผสั กันและกนั ถา C = A และ C = B แลว ดงั นั้น A = B

สเกลอุณหภูมิ T (K) = T (oC) + 273.15 Lord Kelvin T (R) = T (oF) + 459.67 William Rankine T (oF) = 1.8 T (oC) + 32 G.Fahrenheit A. Celsius

สเกลอุณหภมู ิ

1.9 ความดัน (Pressure : P) •ความดนั หมายถงึ แรงท่ีกระทาํ ตอ่ หน่วยพืน้ ท่ี •สาํ หรบั ของไหลท่ีอยนู่ ่ิง ความดนั จะเทา่ กนั ทกุ ทิศทาง โดยคา่ ความดนั จะขนึ้ อยกู่ บั ความลกึ หรอื ความสงู ของ ๆ ไหลซง่ึ เป็นผลจาก นา้ํ หนกั ของ ๆ ไหล กลา่ วคอื ของไหลท่ีอยดู่ า้ นลา่ งจะมีความดนั มากกวา่ ของไหลท่ีอยดู่ า้ นบน ดงั รูป



•ในกรณีทส่ี ารทาํ งานเปน กา ซ สามารถสรปุ ไดวาความดนั ของดัน ของกาซจะเทากนั ในทกุ ๆ จุด โดยไมมีผลของความสูงหรอื ความลกึ มาเกย่ี วขอ ง

ความดนั นิยมใชห้ นว่ ย Pa แตส่ าํ หรบั งานทางวิศวกรรมโดยท่วั ๆ ไป หน่วยท่ีนิยมใชย้ งั คงมีอกี หลายหนว่ ย ดงั นี้ • หนว่ ย SI : Pa ( 1 Pa = 1 N/m2 ) • หน่วยบาร์ : bar (1 bar = 105 Pa = 0.1 MPa = 100 kPa) • หนว่ ยองั กฤษ : psi หรอื ปอนดต์ อ่ ตารางนิว้ ( 1 psi = 1 lb/in2 ) • หนว่ ยบรรยากาศมาตรฐาน : atm ( Standard Atmospheric Pressure) ( 1 atm = 1.01325 bar = 101,325 Pa = 14.696 psi = 760 mmHg )

ความดันสัมบูรณ (Absolute Pressure : P) ความดันสัมบูรณ (Pabs) หมายถงึ ความดันทวี่ ดั เทียบกบั ความดัน ศนู ย โดยสามารถคาํ นวณจากความดนั ประเภทตา ง ๆ ดงั นี้ • ความดนั บรรยากาศ (Atmospheric pressure : Patm) • ความดันเกจและความดันสญู ญากาศ (Gauge pressure and Vacuum presure : Pg , Pv) คอื ความดนั ท่ีอานไดจากเครือ่ งมือวดั น่ันเอง ซง่ึ อาจจะอา นไดส งู หรอื ตํ่ากวา ความดนั บรรยากาศก็ได

• ความดนั เกจและความดนั สญู ญากาศ 1. กรณีอา่ นได้ สงู กวา่ ความดนั บรรยากศเรยี กวา่ ความดนั เกจ 2. กรณีอา่ นได้ ต่าํ กวา่ ความดนั บรรยากาศเรยี กวา่ ความดนั สญู ญากาศ

การคํานวณหา ความดนั สมั บูรณ ของระบบ สามารถแบง ออกเปนสองกรณีดังนี้ 1. กรณคี วามดนั ของระบบ สงู กวา ความดันบรรยากาศ Pabs = Patm + Pgage 2. กรณคี วามดนั ของระบบ ต่ํากวา ความดันบรรยากาศ Pabs = Patm - Pvac

• Pabs = Patm + Pgage • Pabs = Patm - Pvac



1.11 เครือ่ งมอื วดั ความดนั (Pressure Apparatus) เครอ่ื งมือวดั ความดนั ท่ีนิยมใชโ้ ดยท่วั ไปแบง่ ออกเป็น 2 ชนิด คอื 1. มาโนมเิ ตอร์ (Manometer) เป็นเครอ่ื งมือวดั ความดนั ของ ของเหลวและแก๊ซ มีลกั ษณะเป็นหลอดรูปตวั ยู ภายในบรรจุ ของเหลว เชน่ ปรอท นา้ํ ดงั รูป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook