แบบทดสอบปลายภาค6

แบบทดสอบปลายภาคเรียนที่ 1/2564 โรงเรียนบา้ นเกษตรสมบรู ณ์ วชิ า วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.6 คาสง่ั ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบที่ถูกตอ้ ง 1 ขอ้ ใดเป็นการยอ่ ยเชิงกลอนั ดบั แรกของระบบการยอ่ ยอาหาร ก ในปาก ข หลอดอาหาร ค กระเพาะ ง ลาไส้ใหญ่ 2 การเปล่ียนแป้ งเป็นน้าตาลเป็นการยอ่ ยแบบใด ก การยอ่ ยเชิงกล ข การยอ่ ยทางเคมี ค การยอ่ ยแบบบดเค้ียว ง การยอ่ ยแบบผสม 3 ในกระเพาะอาหารน้ายอ่ ยมีสภาวะเป็นอยา่ งไร ก เบส ข กลาง ค ด่าง ง กรด 4 การยอ่ ยอาหารส่วนมากเกิดข้ึนที่ใด ก ปาก ข กระเพาะ ค ลาไส้เล็ก ง หลอดอาหาร 5 รอยต่อระหวา่ งลาไส้ใหญก่ บั ลาไส้เล็กมีอวยั วะใดติดอยู่ ก วลิ ลสั ข ไส้ติ่ง ค ถุงน้าดี ง หวั ใจ 6 น้ายอ่ ยที่อยใู่ นช่องปากมีชื่อเรียกวา่ อะไร ก อะไมเลส ง เปบซิน ค มอลโตส ง ฟรุกโตส 7 น้ายอ่ ยท่ีอยใู่ นช่องปากทาหนา้ ที่ใด ก เปลี่ยนน้าตาลโมเลกุลใหญ่เป็นเล็ก ข เปล่ียนแป้ งเป็นน้าตาล ค เปลี่ยนไขมนั เป็นกรดไขมนั ง เปลี่ยนอาหารแขง็ ใหน้ ุ่ม 8 ตอ่ มน้าลายคนเรามีท้งั หมดก่ีคู่ ก 1 คู่ ข 2 คู่ ค 3 คู่ ง 4 คู่

9 วลิ ลสั ในระบบยอ่ ยอาหารทาหนา้ ท่ีใด ก เพ่ิมพ้นื ท่ีระบบการดูดซึมสารอาหาร ข เพิม่ ระบบการกาจดั ของเสีย ค เพิ่มระบบการหายใจ ง เพิ่มระบบการเผาผลาญอาหาร 10 หนา้ ท่ีของน้าดีคือขอ้ ใด ก ยอ่ ยโปรตีน ข ยอ่ ยไขมนั ค ยอ่ ยคาร์โบไฮเดรต ง ยอ่ ยผกั 11 สารอาหารท่ีไม่ใหพ้ ลงั งานคือ ก โปรตีน ข ไขมนั ค คาร์โบไฮเดรต ง วติ ามิน 12 หากนกั เรียนเกิดบาดแผลตอ้ งกินอาหารหม่ใู ด ก หมู่ 7 ข หมู่ 8 ค โปรตีน ง ไขมนั 13 อาหารน้าหนกั 1 กรัม อาหารหมู่ใดท่ีใหพ้ ลงั งานสูงสุด ก โปรตีน ข ไขมนั ค คาร์โบไฮเดรต ง วติ ามิน 14 พชื และสัตวส์ ิ่งใดท่ีใหโ้ ปรตีนมากกวา่ ก สตั ว์ ข พชื ค เท่ากนั ง ไมส่ ามารถระบุได้ 15 เกลือแร่ วติ ามินและน้า จดั เป็นสารอาหารประเภทใด ก สารอาหารท่ีไมใ่ หพ้ ลงั งาน ข สารอาหารท่ีไม่มีประโยชน์ ค สารอาหารท่ีมีคุณคา่ สูง ง สารอาหารที่มีเฉพาะในผกั เทา่ น้นั 16 วติ ามินใดท่ีละลายในไขมนั ก วติ ามินบี 12 ข วติ ามินซี ข วติ ามินเอ ง ทุกวติ ามิน 17 นกั เรียนด่ืมนมทุกวนั ไปเสริมสร้างส่วนใด ก บารุงกลา้ มเน้ือ ข บารุงหวั ใจ ค บารุงสายตา ง บารุงกระดูก

18 นกั เรียนประสบภาวะเลือดจางจะตอ้ งรับประทานสิ่งใด ก ไขมนั สตั ว์ ข ตบั หวั ใจ ค เน้ือสตั ว์ ง ผกั ตา่ งๆ 19 วติ ามินขอ้ ใดท่ีละลายในน้า ก วติ ามินเอ ข วติ ามินดี ค วติ ามินเค ง วติ ามินซี 20 การกรองเป็นเทคนิคท่ีสามารถใชแ้ ยกสารใดออกจากกนั ได้ ก. น้ากลนั่ ข. น้าคลอง ค. น้าเกลือ ง. น้าหวานสีแดง 21 สารชนิดใดสามารถแยกออกจากกนั ไดด้ ว้ ยการกรอง ก. สารเน้ือผสม ข. สารเน้ือเดียว ค. สารละลาย ง. ของแขง็ 22 น้ากบั น้ามนั สามารถแยกออกจากกนั ไดโ้ ดยใชว้ ธิ ีใด ก การกรอง ข กรวยแยก ค ใชแ้ มเ่ หลก็ ง การระเหิด 23 ผงตะไบเหล็กกบั เมล็ดงาสามารถแยกออกจากกนั ไดโ้ ดยใชว้ ธิ ีใด ก การกรอง ข ใชม้ ือหยบิ ออก ค ใชแ้ มเ่ หล็ก ง การระเหิด 24 แนพทาลีน (ลูกเหมน็ ) ต้งั ทิง้ ไวก้ นั แมลงสาบภายในหอ้ งไมก่ ่ีวนั ปรากฏวา่ เหลือแต่ถว้ ยเปล่าสรุปไดว้ า่ ก แมลงสาบมากินหมด ข ลูกเหมน็ ระเหยไปหมด ค ลูกเหมน็ ระเหิดไปหมด ง สรุปไม่ไดข้ อ้ มูลไมเ่ พยี งพอ 25 น้าท่ีมีตะกอนเราใชส้ ารส้มไปกวนในน้าเพอ่ื เหตุผลใด ก ใหน้ ้ามีรสชาติดีข้ึน ข สารละลายไปจบั ตะกอน ค ฆ่าเช้ือโรคในน้า ง ถูกทุกขอ้ 26 การแยกน้าทะเลโดยวธิ ีระเหยแหง้ สุดทา้ ยแลว้ จะไดส้ ิ่งใด ก น้าตาล ข แป้ ง ค เกลือ ง ทราย

27 ผา้ ขาวบาง เป็นอุปกรณ์ที่ใชแ้ ยกสารโดยวธิ ีใด ก การระเหย ข การกลนั่ ค การกรอง ง การร่อน 28 สารใดที่ไม่ละลายน้า ก เกลือ ข น้ามนั พืช ค น้าตาล ง ผงซกั ฟอก 29 สารขอ้ ใดท่ีใส่ลงไปในน้าแลว้ ละลายเป็นเน้ือเดียวกนั กบั น้า ก ดิน ข น้ามนั พืช ค ข้ีเถา้ ง น้าตาลทราย 30 ในชนบทตอ้ งใชน้ ้าจากลาคลองใชส้ ิ่งใดทาใหส้ ารแขวนลอยในน้าตกตะกอน ก กอ้ นหิน ข ใชม้ ือหยบิ ออก ค กิ่งไมแ้ หง้ ง สารส้ม 31 ขอ้ ใดท่ีเหมาะกบั การใชก้ รวยแยกสาร ก น้าเช่ือม ข น้ากบั น้ามนั พืช ค น้าคลองกบั น้าเกลือ ง ถูกทุกขอ้ 32 เกลือที่ไดจ้ ากน้าทะเลตกผลึกเราเรียกวา่ ก เกลือน้า ข เกลือทะเล ค เกลือสินเธาว์ ง เกลือสมุทร 33 เกลือที่ไดจ้ ากน้าในช้นั ดินท่ีเคม็ นามาตกผลึกเราเรียกวา่ ก เกลือน้า ข เกลือทะเล ค เกลือสินเธาว์ ง เกลือสมุทร 34 น้า + น้าตาล = น้าเชื่อม ตวั ใดคือตวั ทาละลาย ก น้าตาล ข น้า ค น้าเช่ือม ง ระบุไม่ได้ 35 การเปล่ียนแปลงขอ้ ใดที่เกิดสารใหม่ ก เทียนไขท่ีหลอมเหลว ข กระดาษท่ีฉีกขาด ค ไมท้ ี่ถูกเผา ง น้าท่ีแขง็ ตวั

36 ปูนขาว ไดจ้ ากหินชนิดใด ก หินปูน ข หินอ่อน ค หินศิลาแลง ง หินแกรนิต 37 รูพรุนในหินเกิดจากอะไร ก ซากแมลง ข การจดั ตวั ของแร่ ค การสลายตวั ของหิน ง ฟองกา๊ ซในหินหลอมเหลว 38 หินงอก หินยอ้ ย เกิดปฏิกิริยากบั ส่ิงใด ก แร่ในหิน ข ฝนกรด ค อากาศ ง ซากแมลง 39 การแบ่งประเภทของหิน เป็นหินอคั นี หินตะกอนและหินแปร ใชเ้ กณฑใ์ ดในการจาแนก ก สีของหิน ข ขนาดเน้ือหิน ค ลกั ษณะการเกิดของหิน ง แร่ประกอบในหิน 40 หินชนิดใดที่จะพบร่องรอยของฟอสซิล ก หินอคั นี ข หินออ่ น ค หินแปร ง หินตะกอน 41 การผพุ งั ของหินขอ้ ใดท่ีเกิดจากขบวนการทางเคมี ก รากไมช้ อนลงไปในเน้ือหิน ข น้าในรอยหินกลายเป็นน้าแขง็ ค แรงโนม้ ถ่วงทาใหห้ ินถล่ม ง ฝนกรดตกมาในแหล่งหินปนู 42 ประโยชนข์ องดินท่ีมีตอ่ มนุษยม์ ากที่สุดคือขอ้ ใด ก สร้างบา้ น ข เพาะปลูก ค ทาเครื่องประดบั ง ป้ันสิ่งของ 43 หินท่ีนิยมนามาก่อสร้างถนนคือหินในขอ้ ใด ก หินแกรนิต ข หินดินดาน ค หินชนวน ง หินปูน 44 ถา้ นกั เรียนนาหินชนิดหน่ึงไปแช่น้าแลว้ ดมไดก้ ลิ่นของโคลนเปี ยกๆน่าจะเป็นหินชนิดใด ก หินดินดาน ข หินชนวน ค หินอ่อน ง หินพมั มิส

45 หินในขอ้ ใดท่ีเกิดจากการทบั ถมตะกอนสารตา่ งๆโดยมีสารทาหนา้ ท่ีประสานเชื่อมติดกนั ก หินอคั นี ข หินชนวน ค หินแปร ง หินช้นั 46 หินชนิดใดท่ีนามาทาอาวธุ ของคนสมยั ยคุ หิน ก หินออบซิเดียน ข หินมีด ค หินแกรนิต ง หินชนวน 47 หินชนิดใดท่ีนามาทาอาวธุ ของคนสมยั ยคุ หิน ก หินออบซิเดียน ข หินมีด ค หินแกรนิต ง หินชนวน 48 ขอ้ ใดเป็นสารอนินทรียใ์ นดิน ก ซากแมลง ข เศษใบไม้ ค แร่ธาตุ ง อากาศ 49 ดินขอ้ ใดท่ีเหมาะแก่การปลูกพืชมากท่ีสุด ก ดินร่วน ข ดินเหนียว ค ดินทราย ง ดินโคลน 50 ถา้ พชื ชอบน้ามากควรปลูกในดินชนิดใด ก ดินร่วน ข ดินเหนียว ค ดินทราย ง ดินโคลน