Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ข้สอบ อ. โบว์

ข้สอบ อ. โบว์

Published by katedonreefishing, 2021-09-30 04:24:15

Description: ข้สอบ อ. โบว์

Search

Read the Text Version

2. โมเดลเซกิ แผนภาพ เป็นการรวบรวมความรู้ของคนในองค์กร ระหว่างความรู้ทฝี่ งั ลกึ อยใู่ นตวั คน ซงึ่ เปน็ ความรูท้ ี่เกิดจากการฝกึ ฝน ปฏบิ ตั ิงานจนเกิดทกั ษะและกลายเป็นความชำนาญ รวมเขา้ กบั ความรชู้ ดั แจง้ ซงึ่ เปน็ ความรทู้ ่ไี ดม้ าจากการเรียนในหอ้ งเรียน การศกึ ษาคน้ ควา้ ด้วยตนเอง โดยขั้นตอนตอนจะเร่ิมจาก เริม่ จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Socialization) การสกดั ความรอู้ อกจากตัวคน (Externalization) การควบรวมความรู้ (Combination) และการผนึกฝังความรู้ (Internalization) และวนกลบั มาเริม่ ตน้ ทำซำ้ ที่กระบวนการแรก เพอ่ื พฒั นาการจัดการความรู้ใหเ้ ปน็ งานประจำทีย่ งั่ ยนื 1. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Socialization) เป็นการแบง่ ปันประสบการณ์ โดยการเลา่ ประสบการณ์ ของแตล่ ะบุคคล เฉพาะเรอ่ื ง ที่มิใชเ่ ป็นการอา่ นหนงั สอื โดยนำมาเล่าแลกเปลยี่ นกันฟัง 2. การสกดั ความรอู้ อกจากตัวคน (Externalization) การสรา้ งและแบง่ ปันความรจู้ ากสิ่งทม่ี ี และ เผยแพร่ออกมาเปน็ ลายลักษณ์อกั ษร อาจเป็น เอกสารทีส่ นบั สนุนใหเ้ กดิ การส่อื สารระหวา่ งผ้เู รยี นรู้ด้วยกันที่ เข้าใจได้ง่าย ซึง่ ความรฝู้ งั ลึกจะถกู นำไปสูก่ ารแบง่ ปัน เปลีย่ นเปน็ ฐานความรู้ใหม่ทีถ่ ูกนำไปใช้สรา้ งผลติ ภณั ฑ์ ใหมใ่ นกระบวนการใหม่ 3. การควบรวมความรู้ (Combination) เปน็ การรวบรวมความรปู้ ระเภทชัดแจ้งทีเ่ รียนรมู้ าสรา้ งเป็น ความรู้ประเภท ใหมๆ่ เชน่ นำความรไู้ ปสรา้ งต้นแบบใหม่ ไปสร้างสรรคง์ านใหม่ ได้ความรใู้ หม่ โดยความรู้ชดั แจ้งได้จากการรวบรวมความรภู้ ายในหรือภายนอกองคก์ ร แล้วนำมารวมกัน ปรบั ปรงุ หรอื ผา่ นกระบวนการท่ี ทำใหเ้ กิดความรูใ้ หม่ แลว้ ความร้ใู หมจ่ ะถกู เผยแพร่แกส่ มาชิกในองค์กร 4. การผนกึ ฝงั ความรู้ (Internalization) เป็นการแปลง ความรู้ชดั แจ้ง มาเปน็ ความรฝู้ งั ลึก เปน็ การนำความรู้ทีเ่ รียนรู้มาไปปฏบิ ัติ กลา่ วคือ คนอนื่ ๆ ศกึ ษาเทคนิคการสอนหรอื การเปน็ วทิ ยากรจากตำรา หรอื หนงั สือท่ีมีอยู่ แลว้ นำไปปรับใช้ในการทำงานของ ตนเอง จนทำให้เกิดทกั ษะและความชำนาญจนกลายเป็น ความร้ฝู ังลกึ ของตนเองในทส่ี ุด และเมื่อเกิดความรู้ แลว้ กเ็ กิดการแลกเปลี่ยนกบั คนอ่นื ๆ ต่อไปกจ็ ะเกดิ กระบวนการทเี่ รียกว่า Socialization ข้นึ เอง เปน็ กระบวนการทห่ี มุนเวียนไปเรอ่ื ยๆ ตว้ อย่าง เกตไดเ้ ขา้ มาขายของออนไลนเ์ ป็นคร้งั แรกและไดเ้ รยี นรเู้ ทคนิคการขายของจากแมท่ มี ทปี่ ระสบผลสำเรจ็ ใน การขาย โดยจากการพดู คยุ กนั เกตไดร้ บั ความรจู้ ากแมท่ ีมและนำมาใช้พฒั นาเทคนิคในการขายของตนเองเกต หลงั จากไดเ้ รียนรู้เทคนคิ ต่างๆ แลว้ นำมาเขียนเป็นหนงั สอื เผยแพรใ่ ห้กับผสู้ นใจท่ัวไป จากนน้ั เกตไดศ้ กึ ษา เพมิ่ เตมิ ถงึ เทคนิคการขายของออนไลนจ์ ากหลายๆ แหง่ แลว้ สรุปและเผยแพรเ่ ปน็ เทคนคิ การสอนรปู แบบใหม่ ซึง่ เกิดจากการรวบรวมความรจู้ ากแหลง่ ต่างๆ และความรูข้ องตนเอง เกตไดน้ ำไปปรบั ใชใ้ นการทำงานของ

ตนเอง จนทำใหเ้ กิดทกั ษะและความชำนาญจนกลายเปน็ tacit knowledge ของตนเองในทสี่ ดุ และเมื่อเกิด ความร้แู ลว้ กเ็ กิดการแลกเปล่ยี นกบั คนอืน่ ๆ อา้ งองิ http://welcome2km.blogspot.com/p/seci-model-nonaka-takeuchi1995- tacit.html https://maynur8095.blogspot.com/p/s.html 3. การรวบรวมองค์ความรทู้ ีม่ อี ยู่ในองค์กร ทม่ี ีอยู่ในตวั บคุ คลหรือเอกสาร มาพฒั นาใหเ้ ป็นระบบ เพอื่ ใหท้ กุ คน ในองคก์ รสามารถเขา้ ถึงความรู้ และพฒั นาตนเองใหเ้ ปน็ ผู้รู้ รวมท้งั ปฏิบตั งิ านไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ อันจะ สง่ ผลให้องค์กรมคี วามสามารถในเชงิ แข่งขันสงู สุด โดยทคี่ วามร้มู ี 2 ประเภท คอื 1) ความรทู้ ีฝ่ งั อยู่ในคน 2) ความรูท้ ่ชี ดั แจง้ การจัดการความรเู้ ปน็ การดำเนนิ การอยา่ งนอ้ ย 6 ประการตอ่ ความรู้ ได้แก่ 1) การกำหนดความรหู้ ลกั ทจ่ี ำเป็นต่อองคก์ ร 2) การเสาะหาความรทู้ ่ีต้องการ 3) การปรับปรงุ ดดั แปลง หรือสร้างความร้บู างส่วน ใหเ้ หมาะตอ่ การใช้งานของตน 4) การประยุกตใ์ ชค้ วามรใู้ นกจิ การงานของตน 5) การนำประสบการณ์จากการทำงาน และการประยุกตใ์ ช้ความรมู้ าแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ และสกัด “ขมุ ความรู้” ออกมาบันทกึ ไว้ 6) การจดบนั ทึก “ขุมความร”ู้ และ “แกน่ ความร”ู้ สำหรบั ไวใ้ ช้งาน และปรับปรงุ เป็นชุดความรทู้ ่คี รบถ้วน ล่มุ ลกึ และเชือ่ มโยงมากขน้ึ เหมาะต่อการใช้งานมากยง่ิ ขน้ึ โดยท่ีการดำเนินการ 6 ประการนี้ บรู ณาการเป็นเนือ้ เดยี วกนั ความรู้ทีเ่ กีย่ วขอ้ งเปน็ ทงั้ ความรทู้ ่ชี ดั แจ้ง อยู่ในรปู ของตัวหนังสอื หรอื รหัสอยา่ งอนื่ ทเ่ี ข้าใจไดท้ ว่ั ไป องคก์ ร ภายในองคก์ รจะมบี ุคคลเกง่ และมีความรู้มากมาย แตเ่ ม่อื บคุ คลนน้ั เกษียณทำให้องคก์ รต้อง สญู เสียความรู้ไปพรอ้ มๆ กนั ดว้ ย บริษทั ยกั ษใ์ หญห่ ลายแห่งแขง่ ขันกันหาวิธบี รหิ ารจดั การความรทู้ ี่เหมาะสม กับตนเองเพอ่ื ใหอ้ ยใู่ นโลกของการแขง่ ขนั และหาวธิ ใี นการดงึ ความร้อู อกมาจากตัวบคุ คล และการกระตุน้ ให้ บคุ ลากรถา่ ยทอดความรใู้ หเ้ พ่ือนร่วมงาน ชุมชน เครือขา่ ยความสัมพันธท์ ่ไี มเ่ ปน็ ทางการ เกดิ จากความใกลช้ ดิ ความพอใจ และพื้นฐานที่ ใกล้เคยี งกนั ลักษณะทีไ่ มเ่ ป็นทางการจะเออื้ ตอ่ การเรียนรู้ และการสร้างความรู้ใหมๆ่ มากกวา่ โครงสร้างทเี่ ปน็ ทางการ คำว่า ปฏิบตั ิ หรอื practice ใน CoP ชจี้ ดุ เน้นท่ี การเรียนรซู้ งึ่ ไดร้ บั จากการทำงาน เป็นหลกั เป็น

แงม่ ุมเชงิ ปฏบิ ัติ ปญั หาประจำวนั เครือ่ งมือใหมๆ่ พัฒนาการในเรอื่ งงาน วิธกี ารทำงานทีไ่ ดผ้ ล และไม่ไดผ้ ล การมปี ฏิสัมพนั ธร์ ะหวา่ งบุคคล ทำใหเ้ กดิ การถา่ ยทอดแลกเปลี่ยนความรฝู้ ังลึก สรา้ งความรู้ และความเข้าใจได้ มากกว่าการเรยี นรู้ จากหนงั สอื หรอื การฝึกอบรมตามปกติ เครือขา่ ยทีไ่ มเ่ ปน็ ทางการ ซง่ึ มสี มาชกิ จากตา่ ง หนว่ ยงาน ช่วยใหอ้ งคก์ รประสบความสำเรจ็ ได้ดกี ว่า การสอ่ื สารตามโครงสร้างทเ่ี ปน็ ทางการ ขอ้ คิดเหน็ เกย่ี วกับชุมชนนกั ปฏิบัติ อ้างองิ http://ks.rmutsv.ac.th/th/whatiskm 4. 1. ดเู ป้าหมายของสาขาวา่ มีจดุ ประสงค์และความตอ้ งารอะไร 2. สำรวจบุคคลท่ีมปี ระสบการณ์ และชำญาณในความรทู้ ี่ตอ้ งการ 3. รวามรวามความรู้ทไี่ ดจ้ าก นำมาประยุตก์ใหเ้ ข้ากับสาขาของเรา 4. นำความรู้นั้นมาทดลองปรบั ใช้ 5. นำขอ้ ผดิ พลาดจาการทกลองมาปรบั ปรุงแก้ไขและทำการบันทดใหค้ รบถว้ น 6 .จัดทำเปน็ สอ่ื ความรู้ และนำเสนอตอ่ คนในสาขาเพือ่ ใหเ้ กดิ ความเข้าใจง่าย และสามารถนำไปใช้ งานได้อย่างเหมาะสมถกู ต้อง

1. ความรู้ เกดิ จาก ส่งิ ที่เราสะสมจากการศึกษาเลา่ เรียนการคน้ ควา้ หรือประสบการณ์ รวมทง้ั ความสามารถ เชงิ ปฏบิ ัติและทักษะความเขา้ ใจของเราเองหรือสิง่ ทเี่ ราได้รบั มาจากประสบการณ์ชวี ิตจริงของเราสงิ่ ทีไ่ ดร้ บั มา จากการได้ยนิ ได้ฟัง การคิดหรือการปฏิบตั อิ งคว์ ิชาในแตล่ ะสาขา ความรู้ที่เกิดข้ึนน้ันกม็ ีอยู่ 2 ชนิด คอื 1. ความรทู้ ฝี่ งั อยูใ่ นสมอง ( Tacit Knowledge ) อาจเรียกง่ายๆ ว่า ความรู้ในตวั คน ไดแ้ ก่ ความรทู้ ี่ เปน็ ทกั ษะ ประสบการณ์ ความคดิ รเิ ร่มิ พรสวรรค์ หรอื สัญชาตญิ าณของบคุ คลในการทำความเข้าใจสิง่ ตา่ งๆ บางครงั้ เรียกว่าความรแู้ บบนามธรรม 2. ความรทู้ ่ชี ดั แจง้ ( Explicit Knowledge ) อาจเรียกวา่ ความรนู้ อกตวั คนเปน็ ความรู้ทสี่ ามารถรวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธตี ่างๆ เชน่ การบนั ทึกเป็นลายลักษณอ์ กั ษร เปน็ หนังสือ ตำราเอกสาร กฎระเบยี บ วธิ ี ปฏิบัตงิ าน เป็นตน้ บางครงั้ เรยี กวา่ เป็นความรู้แบบรูปธรรม ตวั อย่าง เชน่ การตอบแชทลกู คา้ ให้ลกู ค้าซื้อขายของออนไลนข์ องเรา แตเ่ ราไมร่ วู้ า่ ควรเริ่มแบบไหน เลยไปปรกึ ษาหาขอ้ มลู จากปา้ ทเ่ี ป็นแม่ค้าออนไลนเ์ หมอื นกนั และมปี ระสบการณใ์ นดา้ นนี้ เมื่อไปปรกึ ษาได้ ความรแู้ ลว้ กเ็ อามาทดลองใช้จรงิ และให้ข้อมลู จากแหลง่ ตา่ งๆเพม่ิ เตมิ โดยเอามาปรบั ใชใ้ หต้ รงตามความ ตอ้ งการกับสไตล์ของเรา และนำไปฝกึ ฝนใช้งานจรงิ ๆ และสามารถให้คำปรึกษาคนอื่นๆต่อได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook