Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานคำเเสลงในภาษาไทย

โครงงานคำเเสลงในภาษาไทย

Published by nn.nitinan, 2021-08-16 03:16:18

Description: โครงงานคำเเสลงในภาษาไทย

Search

Read the Text Version

โครงงานภาษาไทย เร่ือง คาํ เเสลงในภาษาไทย ช่ือนางสาว นิธินั นท์ ผูจ้ ัดทาํ เลข ลุกเซน็ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี 3/7 ท่ี 14 ครูท่ีปรึกษา นาย กิตตน์อิชณน์ พนมรั ตน์ เอกสารฉบับน้ีเป็นสว่ นหน่ึงของรายวชิ าโครงงานภาษาไทย ท23201 โรงเรียนสภาราชินี จังหวัดตรั ง สาํ นั กงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 13 ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศกึ ษา 2563



โครงงานภาษาไทย เร่ือง คาํ เเสลงในภาษาไทย ช่ือนางสาว นิธินนั ท์ ผจู้ ดั ทาํ ลกุ เซ็น ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3/7 เลขท่ี 14 ครูท่ีปรึกษา นาย กิตตน์อิชณน์ พนมรัตน์ เอกสารฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวชิ าโครงงานภาษาไทย ท23201 โรงเรียนสภาราชินี จงั หวดั ตรัง สาํ นกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 13 ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2563

กิตติกรรมประกาศ โครงงานน้ีสําเร็จลลุ ว่ งไดด้ ว้ ยความกรุณาจากครูกติ ตนอ์ ิชณน์ พนมรตั น์ เป็นครูท่ปี รึกษาทไี่ ดใ้ ห้คาํ เสนอแนะ แนวคดิ วธิ ีทาํ ตลอดจนแกไ้ ขขอ้ บกพร่องตา่ งๆมาโดยตลอด จนโครงงานน้ีเสร็จสมบูรณ์ ขอบคุณพอ่ แมแ่ ละผูป้ กครองทใ่ี ห้คาํ ปรึกษาเรื่องตา่ งๆ รวมท้งั เป็นกกลงั ใจที่ดเี สมอมา ขอบคุณเพ่อื นๆที่ล่วยแนะนาํ ในดา้ นตา่ งๆเกย่ี วกบั โครงงานชิน้ น้ี จนทาํ ให้โครงงานสาํ เร็จลลุ ว่ งไปได้ ทา้ ยสุดน้ีผจู้ ดั ทาํ หวงั เป็นอยา่ งยงิ่ ว่าโครงงานน้ีจะเป็นประโยชน์ตอ่ ผทู้ ม่ี ีความสนใจไม่มากกน็ อ้ ยและหาก มขี อ้ ผิดพลาดประการใด ผจู้ ดั ทาํ ก็ขออภยั มา ณ ท่ีน้ี นิธินนั ท์ ลุกเซ็น ผจู้ ดั ทาํ

หวั ขอ้ โครงงาน : คาแสลงในภาษาไทย ประเภทของโครงงาน : โครงงานท่ีเป็นการสารวจมรวบรวมขอ้ มลู ผูเ้ สนอโครงงาน : น.ส.นิธินนั ท์ ลุกเซ็น ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3/7 เลขท่ี 14 ครูทปี่ รึกษาโครงงาน : คุณครู กิตตน์อิชณน์ พนมรตั น์ ปี การศึกษา : 2563 บทคดั ยอ่ การจดั ทาโครงงานในคร้งั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พือ่ ใหค้ นทวั่ ไปรู้จกั คาแสลงในภาษาไทยมากข้ึน รวมถงึ การ นาไปประยุกตใ์ ชอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม ผลการศกึ ษาและจดั ทาโครงงานพบว่า คาแสลงหมายถงึ คาแสลงหรือคาคะนอง (Slang) เป็นถอ้ ยคา สานวนหรือภาษาพดู ที่ใชส้ รา้ งความเขา้ ใจเฉพาะกลุ่มซ่ึงส่วนใหญ่อยใู่ นวยั รุ่น เป็นภาษาทสี่ ร้างข้ึนเพื่อกลีก เล่ียงการใชภ้ าษาไทยสุภาพ เป็นภาษาไมเ่ ป็นแบบแผน แต่ไมเ่ ป็นคาหยาบ คาแสลงใมรี ะยะในการใชไ้ ม่นาน ก็จะสูญหายไปเพราะหมดความนิยม โดยคาแสลงมี 3 ประเภทไดแ้ ก่ - คาแสลงแท้ - คาแสลงเทยี ม - คาแสลงลกั ษณประสม จากการทาโครงงานภาษาไทยเร่ืองคาแสลงในภาษาไทยไดป้ ระโยชน์ดงั น้ี 1. มีความเขา้ ใจเร่ืองความสาคญั และที่มา 2. นาความรู้ไปใชด้ อ้ ย่างเหมาะสม 3. ไดค้ วามรูใ้ หม่ 4. ใชเ้ วลาว่างให้เกิดประโยชน์ 5. เสริมสรา้ งทกั ษะการวางแผน

สารบัญ กติ ตกิ รรมประกาศ บทคดั ย่อ บทท่ี 1 บทนา -ความเป็ นมาของปัญหา -จดุ ม่งุ หมายของโครงงาน -ความสาคญั ของโครงงาน -ขอบเขตของการศึกษา บทท่ี 2 เอกสารท่เี ก่ยี วขอ้ ง -ความหมายของคาแสลง -ประเภทของคาแสลง -ตวั อย่างคาแสลงท่ีฮติ ในแตล่ ะปี บทท่ี 3 วธิ ีการดาเนินงาน บทท่ี 4 ผลการศึกษาคน้ ควา้ บทที่ 5 สรุปผล อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรม ขอ้ มูลผจู้ ดั ทา

บทท่ี 1 บทนํา ความเป็นมาของปั ญหา ปั จจุบันมีศัพทว์ ัยรุ่น (คาํ แสลงในภาษาไทย) เกิดข้ึนใหมเ่ ร่ือยๆ ทาํ ให้หลายๆคน ไมร่ ู้ความหมายของคาํ นั น้ ๆและนําไปใชใ้ นทางท่ีผิด จุดมุง่ หมายของโครงงาน อยากให้ทุกๆคนรู้ความหมายท่ีแทจ้ ริงของคาํ แสลงนั น้ ๆและนําไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งถูก ตอ้ งและเป็นประโยชน์ไมว่ า่ จะดา้ นใดกต็ าม ความสาํ คัญของโครงงาน สังคมปั จจุบันเปล่ียนแปลงไปมากและสง่ ผลตอ่ การใชช้ ีวติ ประจาํ วันและดา้ นตา่ งๆ และยังสง่ ผลถึงวัยรุ่นในยุคน้ีท่ีนําภาษาพูดมาปะปนกับภาษาทางการ จากสาเหตุ ดังกลา่ วผูว้ จิ ัยจึงมีแนวคดิ ท่ีจะรวบรวมคาํ ศัพทว์ ัยรุ่นไทยในปั จจุบันซ่ึงจะทาํ มา เผยแพร่แกบุคคลทั่วไปให้ทราบถึงความหมายท่ีแทจ้ ริงของคาํ แสลงพวกน้ี ขอบเขตของการศกึ ษา ระยะเวลาท่ีใชใ้ นการศกึ ษาครั ง้ น้ีดาํ เนินการโดยมีระยะเวลา 1 ภาคเรียน ท่ีโรงเรียนสภาราชินี จังหวัดตรั ง นิยามศัพทเ์ ฉพาะ คาํ แสลงในภาษาไทย คาํ แสลง = คาํ สแลง หมายถึง ภาษาสแลง คาํ สแลง หรือคาํ คะนอง (Slang)​คือ ถอ้ ยคาํ สาํ นวน หรือภาษาพูดท่ีใชส้ ร้างความเขา้ ใจเฉพาะกลุม่ ซ่ึงสว่ นใหญอ่ ยูใ่ น วัยหนุ่มสาว เป็นภาษาท่ีสร้างข้ึนเพ่ือหลีกเล่ียงการใช้ ภาษาไมส่ ุภาพ เป็นภาษาไม่ เป็นแบบแผน แตไ่ มใ่ ชค่ าํ หยาบหรือ คาํ ตา่ํ แตเ่ ป็นคาํ พิเศษท่ีสร้างข้ึนเพ่ือให้เกิด คาํ แปลกผิดไปจากปรกติทัง้ ดา้ นเสยี ง รูป คาํ และความหมายเป็นภาษาท่ีไม่ ปรากฏในพจนานุกรม หรือปรากฏในพจนานุกรมแตร่ ะบุ วา่ เป็นภาษาปาก คาํ สแลงมีระยะเวลาการใชไ้ มน่ านกจ็ ะสูญหาย ไปเพราะหมดความนิยม สมมติฐานของโครงงาน สามารถเรียนรู้ความหมายของคาํ แสลงนั น้ ๆและนําไปใชใ้ นทางท่ีถูกตอ้ ง ด.ญ.นิธินั นท์ ลุกเซน็ ม.3/7 เลขท่ี 14

บทท่ี 2 เอกสารท่ีเก่ียวขอ้ ง (เร่ือง คาํ แสลงในภาษาไทย) คาํ สแลงของวัยรุ่นไทยในปั จจุบัน คาํ สแลง หมายถึง ภาษาสแลง คาํ สแลง หรือคาํ คะนอง (Slang)คือถอ้ ยคาํ สาํ นวน หรือภาษาพูดท่ีใชส้ ร้างความเขา้ ใจเฉพาะกลุม่ ซ่ึงสว่ นใหญอ่ ยูใ่ นวัยหนุ่ม สาว เป็นภาษาท่ีสร้างข้ึนเพ่ือหลีกเล่ียงการใช้ ภาษาไมส่ ุภาพ เป็นภาษาไมเ่ ป็น แบบแผน แตไ่ มใ่ ชค่ าํ หยาบหรือ คาํ ตา่ํ แตเ่ ป็นคาํ พิเศษท่ีสร้างข้ึนเพ่ือให้เกิดคาํ แปลกผิดไปจากปรกติทัง้ ดา้ นเสยี ง รูป คาํ และความหมายเป็นภาษาท่ีไมป่ รากฏ ในพจนานุกรม หรือปรากฏในพจนานุกรมแตร่ ะบุ วา่ เป็นภาษาปาก คาํ สแลงมี ระยะเวลาการใชไ้ มน่ านกจ็ ะสูญหาย ไปเพราะหมดความนิยม ยกตัวอยา่ งคาํ แสลง - เดก็ แวน้ หมายถึง วัยรุ่นผูช้ ายท่ีชอบเร่งเคร่ืองมอเตอร์ไซคใ์ ห้มีเสยี งดัง แวน้ ๆ - สก๊อย หมายถึง วัยรุ่นผูห้ ญงิ ท่ีซอ้ นทา้ ยมอเตอร์ไซคข์ องเดก็ แวน้ ใน ลักษณะกอดรั ด มักนุ่งกางเกงยีนสข์ าสัน้ มาก ๆ - เดก็ ซิ่ล หรือ เดก็ ซิ่ว หมายถึง ผูท้ ่ีเคยสอบเขา้ มหาวทิ ยาลัยไดแ้ ลว้ เปล่ียน ไปสอบเขา้ ภาควชิ าอ่ืน คณะอ่ืน หรือมหาวทิ ยาลัยอ่ืน มาจากคาํ วา่ ฟอสซิล [1] - เดก็ นาซา่ หมายถึง เดก็ เกรียนท่ีวันๆทาํ งานเป็นอยูอ่ ยา่ งเดียว - เกรียน บุคคลท่ีมีพฤติกรรมกอ่ กวน กา้ วร้าว สว่ นมากมักเป็นวัยรุ่น และมัก ใชใ้ นสังคมออนไลน์ - กาก บุคคลท่ีไร้ความสามารถ ไมค่ อ่ ยเกง่ ออ่ นหัด ทาํ ไมเ่ ป็น มือใหม่ ออ่ นหัด มักใชใ้ นวงการเกม - ติง่ หมายถึง วัยรุ่นผูห้ ญงิ ท่ีช่ืนชอบศลิ ปินเกาหลี หรือ เคปอ๊ ป อยา่ งมาก - ลาํ ไย หมายถึง ราํ คาญ เป็นคาํ ศัพทท์ ่ีไดร้ ั บความนิยมมากท่ีสุดในหมูว่ ัยรุ่น เม่ือปี พ.ศ. 2560 ไดร้ ั บความนิยมถึงร้อยละ 39.44[2] - จุงเบย หมายถึง จังเลย ในภาษาวัยรุ่น 1. ประเภทของคาํ สแลง

คาํ สแลงสามารถจาํ แนกได้ 3 ประเภท คือ คาํ สแลงแท้ คาํ สแลงเทียม และคาํ สแลงลักษณะประสม คาํ สแลงแตล่ ะประเภทมีลักษณะแตกตา่ งกัน กลา่ วคือ 1.1.1 คาํ สแลงแท้ หมายถึง คาํ สแลงท่ีถูกกาํ หนดเสยี งและความหมาย ข้ึน ใหม่ อาจมีเคา้ ของเสยี งและความหมายจากคาํ ท่ีมีอยูเ่ ดิมกไ็ ด้ เชน่ ซา้ ว เป็นคาํ สแลงท่ีกาํ หนดเสยี งใหมโ่ ดยเปล่ียนเสยี ง พยัญชนะตน้ และ เสยี งวรรณยุกตจ์ ากคาํ เดิม “สาว” ซ่ึงมีเคา้ ของเสยี งเดิมแตม่ ี ความหมายตา่ งจาก เดิมคือ หมายถึงผูช้ ายกะเทยท่ีมีพฤติกรรมแสดงตนวา่ เป็นหญงิ ไมใ่ ชช่ าย ดัง ตัวอยา่ งประโยค “สมศักดิเ์ ป็นซา้ วนะ” 1.1.2 คาํ สแลงเทียม หมายถึง คาํ สแลงท่ีนําคาํ ซ่ึงมีอยูใ่ นภาษามาใชใ้ น ความ หมายใหม่ อาจเป็นความหมายเชิงอุปมา หรือความหมายตา่ งจากเดิมโดยสน้ิ เชิง หรือใชใ้ นหน้าท่ีซ่ึงกาํ หนดข้ึนใหม่ เชน่ แหนม เป็นคาํ สแลงท่ีนําคาํ ซ่ึงมีอยูใ่ นภาษามาใชใ้ น ความหมายเชิงอุปมา โดยนําลักษณะแหนมท่ีมัดเป็นเปลาะอว้ นกลมเป็นปลอ้ ง ใชใ้ น เชิงความเปรียบ ลักษณะรูปร่างคนอว้ นเต้ีย ดังตัวอยา่ งประโยค“ยายแหนมเดินมา นั่นแลว้ ” 1.1.3 คาํ สแลงลักษณะประสม หมายถึง คาํ สแลงท่ีตัดพยางคห์ รือประสมคาํ ระหวา่ งคาํ สแลงแทก้ ับคาํ สแลงเทียม เชน่ กะ๊ เป็นคาํ สแลงท่ีตัดคาํ จากคาํ เดิม “กะเทย” เปล่ียน เสยี งวรรณยุกตเ์ พ่ือ ส่อื ความหมายทางอารมณ์ ดังตัวอยา่ งประโยค “โอย ! นั งหนุ่มเป็นกะ๊ เหมือนเรา” 2. การจาํ แนกชนิดของคาํ สแลง คาํ สแลงแตล่ ะประเภทคือ คาํ สแลงแท้ คาํ สแลงเทียม และคาํ สแลงลักษณะ ประสม ดัง ท่ีกลา่ วมานั น้ แตล่ ะประเภทสามารถจาํ แนกออกเป็นชนิดยอ่ ย ๆ ตาม หน้าท่ีของคาํ ไดด้ ังตอ่ ไปน้ี 1.2.1 ชนิดของคาํ สแลงแท้ จาํ แนกตามหน้าท่ีของคาํ และการปรากฏใน ตาํ แหน่งประโยค ดังน้ี 1. คาํ สแลงแทท้ ่ีเป็นคาํ นาม เชน่ ซา้ ว ป๊อพ เกก็ ชง ช้ิงฉ่อง ตะแน็ว มู เตรู 2. คาํ สแลงแทท้ ่ีเป็นคาํ สรรพนาม จากขอ้ มูลพบเพียง 1 คาํ คือ แมง่

3. คาํ สแลงแทท้ ่ีเป็นคาํ กริยา เชน่ มิว่ ติงนั ง เหวอเขอ่ เวอ่ อิปเปะ๊ อิบ ปั๋ ง 4. คาํ สแลงแทท้ ่ีเป็นคาํ วเิ ศษณ์ เชน่ อ๋ึม สะแดว่ สะป้ ุยตุย่ 5. คาํ สแลงแทท้ ่ีเป็นคาํ อุทาน จากขอ้ มูลมี 2 คาํ คือ แมง่ เอย๊ แมง่ โวย้ 1.2.2 ชนิดของคาํ สแลงเทียม จาํ แนกตามหน้าท่ีของคาํ และการปรากฏใน ตาํ แหน่งประโยค ดังน้ี 1. คาํ สแลงเทียมท่ีเป็นคาํ นาม เชน่ แหนม มา่ มา่ ทูอินวัน หัวเหด็ 2. คาํ สแลงเทียมท่ีเป็นคาํ สรรพนาม เชน่ (อี) เหด็ สด (อี) กระซู่ 3. คาํ สแลงเทียมท่ีเป็นคาํ กริยา เชน่ ตุย๋ ขอเบียร์ ลอยกระทง หนีบโจ๊ะ 4. คาํ สแลงเทียมท่ีเป็นคาํ วเิ ศษณ์ เชน่ ตูม้ บูริน สวงิ ก้ิง ประมาณนั น้ 5. คาํ สแลงเทียมท่ีเป็นคาํ สันธาน จากขอ้ มูลท่ีเกบ็ รวบรวมไดม้ ี 2 คาํ คือ แบบวา่ ประมาณวา่ 6. คาํ สแลงเทียมท่ีเป็นคาํ อุทาน จากขอ้ มูลท่ีเกบ็ รวบรวมไดม้ ี 2 คาํ คือ ให้ตายเถอะโรบน้ิ และ อกอีแป้ นแลน่ ลึกเขา้ ตึกแขก 1.2.3 ชนิดของคาํ สแลงลักษณะประสม จาํ แนกตามหน้าท่ีของคาํ และการปรากฏ ในตาํ แหน่งประโยค ดังน้ี 1. คาํ สแลงลักษณะประสมท่ีเป็นคาํ นาม เชน่ โบ หยามโฮ โมต่ าลา สะมะนะแฮป 2.คาํ สแลงลักษณะประสมท่ีเป็นคาํ สรรพนามและคาํ อุทาน จากขอ้ มูลท่ี เกบ็ รวบรวมไดม้ ี 1 คาํ คือ อีแควด 3. คาํ สแลงลักษณะประสมท่ีเป็นคาํ กริยา จากขอ้ มูลท่ีเกบ็ รวบรวมไดม้ ี 5 คาํ คือ แดะ็ แชท บวิ ท์ เฟิร์ม มีพาว 4. คาํ สแลงลักษณะประสมท่ีเป็นคาํ วเิ ศษณ์ จากขอ้ มูลท่ีเกบ็ รวบรวมไดม้ ี 6 คาํ คือ กอ็ บ เจิด แจม่ เซวส์ เซอร์ ลาํ้ นอกจากการวเิ คราะหค์ าํ สแลงประเภทและชนิดตา่ งๆ แลว้ ผูเ้ ขียนยัง วเิ คราะห์ การสร้างคาํ สแลงลักษณะคาํ ประสม เชน่ กะเทยควาย หอยมด นางฟ้ าออ น

ไลน์ ฯลฯ การสร้างคาํ สแลงลักษณะคาํ ซาํ้ เชน่ เดก็ ๆ ซิ่วๆ ฯลฯ การ สร้างคาํ สแลงลักษณะวลี เชน่ นิ่งหลับขยับแดก สายเด่ียวเค้ียว หมาก ฯลฯ และการสร้างคาํ สแลงลักษณะท่ีเป็นประโยค เชน่ กระเป๋ ารั่ว หมา ร้องไห้ ไข่ ดาวถูกตะหลิวตบ เตา่ เรียกแม่ เมด็ แมงลักไมพ่ องนํา้ สมองไม่ มีรอยหยัก ฯลฯ สุดทา้ ยคือการวเิ คราะหท์ ่ีมาและความหมาย การศกึ ษาคาํ สแลงนอกจากจะให้ความรู้เชิงภาษาดังกลา่ วขา้ งตน้ แลว้ คาํ สแลงยังให้ความรู้เก่ียวกับสภาพสังคม ความเจริญทางเทคโนโลยี และวัฒนธรรม ประเพณีในสังคมชว่ งปี พ.ศ.2540 – 2545 ดังตอ่ ไปน้ี 1. สภาพสังคม คาํ สแลงท่ีเกิดข้ึนในชว่ งปี พ.ศ.2540 – 2545 ไดแ้ สดง ให้เหน็ สภาพสังคมไทยในชว่ งนั น้ หลายประการเชน่ 1.1) สังคมไทยเป็นสังคมเปิดมากข้ึน ยอมรั บสทิ ธิสว่ นบุคคลมาก ข้ึน โดยเฉพาะเร่ืองเพศ เหน็ ไดจ้ ากการสร้างคาํ สแลงใชส้ ่อื เฉพาะกลุม่ ผูม้ ี พฤติกรรมเบ่ียงเบนทางเพศ และการสร้างคาํ สแลงเพ่ือหลีกเล่ียงคาํ ตอ้ งห้ามเก่ียว กับเพศมีมากข้ึน เชน่ ตะแน็ว ตุด๊ ทีบี ทูอินวัน ทีพี น้องจุง น้อง ตุม้ เสอื ไบ หยามโฮ กระดุย้ เกก็ ชง ซองจู เดอ้ สวงิ เดง้ หนีบ โจะ๊ แอบ๊ ลืมหลัง กระ เทยความ ติงนั ง บ๊วบ น้อง อ๊ึบ กีฬาใน ร่ม เป็นตน้ 1.2) สังคมกรุงเทพฯเป็นสังคมสมัยใหมม่ ากข้ึน ซ่ึงเหน็ ไดจ้ าก คาํ สแลงท่ีมีใชเ้ ฉพาะกรุงเทพฯเทา่ นั น้ เชน่ หยามโฮ ผีมะขาม ผี ขนุน ปอ๊ พ เป็ นตน้ 1.3) เหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนในสังคม คาํ สแลงบางคาํ เกิดข้ึนเพราะ เกิด เหตุการณ์ในสังคมชว่ งนั น้ เชน่ ตุย๋ สวงิ ก้ิง โมต่ าลา น้อง ตุม้ เป็นตน้ 1.4) การติดตอ่ สัมพันธก์ ับตา่ งประเทศมีมากข้ึน ซ่ึงเหน็ ไดจ้ าก อิทธิพลภาษาตา่ งประเทศท่ีนํามาสร้างคาํ สแลงลักษณะคาํ ประสมระหวา่ งคาํ ไทย กับคาํ ตา่ งประเทศ หรือทับศัพท์ เชน่ เพ่ือนเทค เยเย่ มีพาว เป็นตน้ 2. ความเจริญทางเทคโนโลยี คาํ สแลงท่ีเกิดจากภาษาท่ีใชใ้ นคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์ ซ่ึงเป็นเทคโนโลยีในสังคมยุคขอ้ มูลขา่ วสารไร้ พรมแดน เชน่ ดาํ ดอทคอม แชท นางฟ้ าออนไลน์ เป็นตน้ ไดแ้ สดงให้เหน็ ถึงความเจริญทาง เทคโนโลยีในชว่ งเวลาท่ีศกึ ษา

3. การเปล่ียนแปลงทางวัฒนธรรมประเพณี คาํ สแลงบางคาํ ทาํ ให้เหน็ ความ เปล่ียนแปลงวัฒนธรรมประเพณี เชน่ สายเด่ียวเค้ียวหมาก หมายถึง ผูห้ ญงิ ท่ีมี อายุแตแ่ ตง่ ตัวแบบวัยรุ่น คือ สวมเส้อื สายเด่ียวท่ีเปิดเผยเน้ือหนั ง การ แตง่ กาย เชน่ น้ีไมเ่ หมาะสมกับผูม้ ีอายุ เม่ือผูม้ ีอายุแตง่ กายเชน่ น้ีกจ็ ะ ถูกลอ้ เลียนดว้ ยคาํ สแลงวา่ “สายเด่ียวเค้ียวหมาก” คาํ สแลงท่ีเกิดข้ึนและใชอ้ ยูใ่ นชว่ งปี พ.ศ.2540 – 2545 ดังท่ีรวบรวม มาไดจ้ ากการศกึ ษาครั ง้ น้ีนั บเป็นปรากฎการณ์ทางภาษาท่ีสอดคลอ้ งกับสภาพ สังคม และวัฒนธรรมในเวลานั น้ ในชว่ งเวลาตอ่ ไปสภาพสังคมและวัฒนธรรมก็ จะเปล่ียน แปลงไปอีกและคาํ สแลงกจ็ ะเกิดข้ึนใหมอ่ ีก จึงควรมีการศกึ ษารวบรวม ปรากฏการณ์ ทางภาษาลักษณะน้ีไว้ เพ่ือเป็นหลักฐานท่ีมีประโยชน์ตอ่ การศกึ ษา ภาษาและ พัฒนาการทางสังคม ในปี ชว่ งระยะเวลาน้ีจะพบวา่ เกิดคาํ สแลงใหม่ หลายคาํ อาทิ เดก็ สก็ อย เดก็ แวน็ ส์ ฯลฯ คาํ สแลงท่ีพบในท่ีผูเ้ ขียนศกึ ษา บางคาํ กห็ ายไป เชน่ คาํ วา่ นุย ตะแน็ว เป็นตน้ และคาํ สแลงบางคาํ กย็ ังคง อยู่ เชน่ อ๊ึบ กะเทยควาย ไดห้ น้าลืมหลัง เป็นตน้ คาํ สแลง(ภาค 1) ท่ีผูเ้ ขียนรวบรวมในปี พ.ศ.2540 – 2545 ผูเ้ ขียน รวบรวมได้ ทัง้ หมด374 คาํ และไดน้ ําคาํ สแลงทุกคาํ มาวเิ คราะหป์ ระเภท ชนิด การสร้างคาํ และ ความหมายของคาํ สแลงไวใ้ นหนั งสอื เร่ือง “คาํ สแลง” ท่ีพิมพ์ เป็นรูปเลม่ และมอบ ให้ห้องสมุดตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ หอสมุดแหง่ ชาติ หอสมุด มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวิ โรฒ ศูนยว์ ทิ ยบริการ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย หอสมุดกลางมหาวทิ ยาลัย ศลิ ปากร วังทา่ พระ เป็นตน้ หากทา่ นใดสนใจอา่ น ฉบับเตม็ กส็ ามารถหาอา่ นได้ ท่ีหอสมุดขา้ งตน้ คาํ แสลงไทยท่ีใชใ้ นอังกฤษ 1. กาก “กาก” คาํ น้ีถา้ แปลตรงตัวจะหมายถึง “ของเหลือ” ในภาษาอังกฤษจะใช้ คาํ วา่ “scum” ท่ีแปลวา่ คราบ และถา้ จะใชเ้ ป็นคาํ แสลงในการตอ่ วา่ ผูอ้ ่ืนวา่ เป็น คนไมด่ ี เราจะพูดวา่ You’re a scum bag. หรือ You’re a dirtbag. เป็น คาํ พูดท่ีไมเ่ พราะเทา่ ไหร่ และถา้ จะหมายถึงคาํ วา่ “กาก” คาํ แสลงท่ีวัยรุ่นนิยมใช้ กันในปั จจุบันท่ีหมายถึง ของไมด่ ี, คุณภาพตา่ํ เชน่ เราซ้ือโน้ตบุคมาเคร่ืองหน่ึง

แตใ่ ชไ้ ปแลว้ ไมค่ อ่ ยดี เสยี บอ่ ย อยากจะบอกวา่ โน้ตบุคเคร่ืองน้ีกากมาก เราจะใช้ คาํ วา่ sucky หรือ ghetto ท่ีแปลวา่ สลัม แตใ่ ชเ้ ป็นคาํ คุณศัพทไ์ ด้ เชน่ This new notebook that I just bought is so ghetto. คาํ อ่ืนๆ ท่ีหมายถึง \"กาก\" ไดอ้ ีกเชน่ crappy, crummy และ lousy ซ่ึงกไ็ มไ่ ดถ้ ือวา่ เป็นคาํ หยาบมาก สามารถนําไปใชก้ ับเพ่ือนสนิทได้ หรือคาํ วา่ \"subpar\" ท่ีแปลวา่ ไมถ่ ึงมาตรฐาน, ตา่ํ กวา่ มาตรฐาน เชน่ ทีวีเคร่ืองเกา่ ท่ีบา้ น เริ่มใชก้ ารไมไ่ ดแ้ ลว้ …It’s subpar., It’s ghetto., It’s crappy., It’s crummy., It’s lousy. เป็นตน้ ซ่ึงทัง้ หมดน้ีสามารถใชแ้ ทนคาํ ศัพทแ์ สลงท่ี แปลวา่ กากได้ 2. เกรียน คาํ ฮิตติดปากวัยรุ่นไทยอยา่ งคาํ วา่ “เกรียน” ในภาษาอังกฤษจะใชค้ าํ วา่ “troll” ท่ีเป็นไดท้ ัง้ คาํ นามและคาํ กริยา เชน่ ถา้ เราไปเจอคนมาเกรียนในเฟสบุค ของเรา จะพูดวา่ “This guy was trolling on my Facebook page.” หรือ “This guy is a troll” ผูช้ ายคนน้ีเป็นเดก็ เกรียน หรือ Go away troll!!! ไปไกลๆ เลยเดก็ เกรียน นั่นเอง 3. ทาํ เนียน แหมๆๆๆ ทาํ เป็นเนียน…คาํ ท่ีเรามักไดย้ นิ บอ่ ยๆ คาํ ไทย “เนียน” ท่ีหมาย ถึง “ทาํ ตัวกลมกลืนไปกับเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ตา่ งๆ” จะมีคาํ ศัพทห์ รือ ประโยคท่ีพูดในภาษาอังกฤษโดยจะใชค้ าํ วา่ “blend in” เชน่ She’s trying to blend in with those people. หลอ่ นพยายามทาํ เนียนไปกับคนพวก นั น้ . 4. แถ, พูดไปเร่ือย “แถ” ท่ีหมายถึงการพูดไปเร่ือย โตเ้ ถียงอยา่ งไร้เหตุผล คาํ ศัพทใ์ นภาษา อังกฤษจะใชค้ าํ วา่ “Aimlessly” เชน่ Talk aimlessly แปลวา่ พูดอยา่ ง

ไมม่ ีจุดหมาย พูดไปเร่ือย แถ นั่นเอง หรือคาํ วา่ “Ramble” ท่ีแปลวา่ พูดไป เร่ือย เชน่ กัน และถา้ จะบอกวา่ “เลิกแถ” ไดแ้ ลว้ จะพูดวา่ Quit your rambling! หรือCould your quit rambling, plese? 5. ติงต๊อง, บ๊อง เรามักวา่ เพ่ือนสนิทหรือคนใกลช้ ิดวา่ “เธอหนะติงตอ๊ งจริงๆ!!!” หยกิ แกม หยอกกันในเชิงความหมายน่ารั กๆ และในภาษาอังกฤษคาํ ท่ีมีความหมายใกล้ เคียงกับคาํ วา่ “ติงต๊อง” กม็ ีอยูด่ ว้ ยกันหลายคาํ เชน่ goofy ท่ีหมายถึงตัวการ์ตูน แตส่ ามารถเอามาใชเ้ ป็นคาํ แสลงไดเ้ ชน่ You’re goofy. หรือ You’re a goof. อีกคาํ ท่ีมีความหมายคลา้ ยกันกค็ ือ “dork” เชน่ You’re a dork. หรือ You’re so dorky. ซ่ึงทัง้ สองคาํ น้ีแนะนําให้ใชก้ ับเพ่ือนสนิทเทา่ นั น้ อีกคาํ ท่ีมีความหมายใกลเ้ คียงกับติงต๊องนั่นกค็ ือ “บอ๊ ง” ซ่ึงกม็ ีความหมาย ในภาษาอังกฤษอีกเชน่ กัน คือคาํ วา่ “wacky” และ “crazy” เชน่ You are being so wacky. หรือ You’re acting so crazy. เธอทาํ ตัวบา้ บอๆ บ๊องๆ นั่นเอง. 6. เจง๋ เจง๋ หวะ…ท่ีวัยรุ่นไทยมักพูดบอ่ ย มีคาํ แสลงท่ีเป็นภาษาอังกฤษหลายคาํ มาก อยา่ งคาํ แรกท่ีเราใชบ้ อ่ ยนั่นกค็ ือ “Cool” (คูโอล็ ) ซ่ึงความหมายท่ีแทจ้ ริง จะแปลวา่ “เยน็ ” แตส่ ามารถใชเ้ ป็นคาํ แสลงวา่ “เจง๋ หรือ เท”่ ได้ เชน่ That is a cool bicycle. จักรยานคันนั น้ เจง๋ มาก และอีกหน่ึงคาํ ท่ีแปลวา่ “เจง๋ ” ได้ เหมือนกันนั่นกค็ ือคาํ วา่ “sweet” มีความหมายวา่ “หวาน” แตท่ ุกวันน้ีเริ่มมี การใชค้ าํ วา่ Sweet มาเป็นคาํ สแลงท่ีแปลวา่ “เจง๋ , เท”่ เชน่ That movie was sweet! หนั งเร่ืองนั น้ เจง๋ มากเลย หรืออีกหน่ึงคาํ ท่ีวัยรุ่นสมัยใหมน่ ิยมใชก้ ันแทนคาํ วา่ “cool\" นั่นกค็ ือคาํ วา่ “sick” ท่ีแปลวา่ “ป่ วย” แตใ่ นความหมายของคาํ สแลงกแ็ ปลวา่ เจง๋ ไดเ้ ชน่ กัน เชน่ That is a sick hair do. แปลวา่ ทรงผมนั น้ เจง๋ มากเลย อีกคาํ หน่ึง

ท่ีใชบ้ อ่ ยมากเลยนั่นกค็ ือ “awesome” (ออซัม) ท่ีแปลวา่ “ยอดเย่ียม” เชน่ That vacation was so awesome! การไปเท่ียวครั ง้ นั น้ ยอดเย่ียมมาก 7. เชค็ เรตต้ิง คาํ น้ีในภาษาอังกฤษถา้ แปลตรงตัวกจ็ ะใชว้ า่ “Check rating” แตถ่ า้ จะ บอกวา่ “ฉั นจะไปเชค็ เรตต้ิง” จะไมใ่ ชป้ ระโยควา่ “I’m going to go check my rating” ฝรั่งอาจจะงง ดังนั น้ คาํ วา่ ฉั นจะไปเชค็ เรตต้ิง ท่ีถูกตอ้ งกค็ ือ “I’m going to check to see how popular I am” 8. แรงอะ่ (แรงส)์ “แรงส”์ คาํ น้ีหมายถึงเวลาท่ีเราจะพูดเหน็บแนมใครบางคนโดยใชค้ าํ วา่ “ แรงส”์ ท่ีหมายถึงคาํ อุทาน ในภาษาอังกฤษจะใชค้ าํ วา่ “harsh” (ฮอเออรช) ถา้ เราจะพูดวา่ สงิ่ ท่ีคุณพูดเม่ือสักครู่น้ี มันแรง จะใชว้ า่ It’s was so harsh! หรือ That was harsh! และถา้ เป็นคาํ พูดท่ีแรงมากๆ เสยี ดสมี าก ทาํ ให้อีกฝ่ าย หน่ึงเจบ็ มากๆ เราจะใชค้ าํ วา่ “brutal” เชน่ That was so brutal., You shouldn’t have said that. มันแรงสม์ ากนะ คุณไมค่ วรพูดแบบนั น้ . 9. ฟิน…มากมาก คาํ วา่ “ฟิน” ถูกใชแ้ พร่หลายมากในกลุม่ วัยรุ่น รวมถึงในรายการทีวี ละคร และ Social Network ในท่ีน้ีความหมายของคาํ วา่ ฟิน (FIN) สามารถแปลได้ 2 ความหมายคือ “ฟิน” ท่ีมาจากภาษาอังกฤษท่ีแปลวา่ “finish” เสร็จ สมบูรณ์ หรืออาจเพ้ียนมาจากคาํ วา่ “เสร็จ” ท่ีมาจากการมีเพศสัมพันธไ์ ดอ้ ีกดว้ ย เชน่ หลัง จากมีเพศสัมพันธเ์ สร็จแลว้ มีอารมณ์สุดยอด อีกความหมายหน่ึงคือ “ฟิน” ท่ีมา จากศัพทภ์ าษาอังกฤษวา่ “finale” แปลวา่ การจบของการแสดง, ตอนสุดทา้ ย, ฉากจบ หมายถึงวา่ มีความสุข มันสุดยอดมาก เชน่ I’m finished no more for me. I’m good.

10. ขโมยซีน, แยง่ ซีน ถา้ แปลตรงตัวจะใชป้ ระโยควา่ “Steal the scene” จะใชใ้ นความ หมายของการแสดงท่ีมีนั กแสดงท่ีโดดเดน่ มาก การแสดงของเขาสุดยอด ดึงดูด ความสนใจจากคนอ่ืนๆ บนเวที จะใชว้ า่ She stole the scene in the play. แตถ่ า้ เป็นขโมยซีน หรือ แยง่ ซีน ในความหมายเหน็บแนมนิดๆ กับคนท่ี ทาํ ตัวให้โดดเดน่ กวา่ คนอ่ืน กรณีน้ีจะใชค้ าํ วา่ “steal somebody’s thunder (ฟ้ าร้อง)” เชน่ Don’t steal my thunder. Quit trying to steal my thunder. หรือจะใชค้ าํ วา่ “spotlight” แทนความหมายของการ ขโมยซีนไดเ้ ชน่ กัน “to steal the spotlight” ยกตัวอยา่ งคาํ แสลงท่ีฮิตในแตล่ ะปี 2014 บอ่ งตง = บอกตรง ๆ

ถา่ มตง = ถามตรง ๆ ตอ่ มตง = ตอบตรง ๆ เตง = ตัวเอง หยั่มมา = อยา่ มา ไรแว๊ = อะไรวะ น่ามคาน = น่าราํ คาญ อัลไล = อะไร น่าร็อคอะ่ = น่ารั กอะ่ ไรหรา = อะไรเหรอ ชะ่ = ใชป่ ่ ะ จุงเบย = จังเลย ฝุด ๆ = สุด ๆ ชิมิ = ใชม่ ัย้ มะรุ = ไมร่ ู้ มะเปง = ไมเ่ ป็น 2015 ปั งมาก = เกิดสุด ๆ อลังการ เลิศ บางครั ง้ ใชส้ ่อื ถึงความถูกใจจนตบโต๊ะดังปั ง ลั่นเลย = หัวเราะดังลั่นเลย สวดยวด = สุดยอด เวอ่ ร์วัง = เวอ่ ร์ ครั ช = ครั บ ตัล้ ลา้ ก = น่ารั ก ขา่ = คะ่ , คา่ 2016 เผือก = ยุง่ เร่ืองชาวบา้ น หลัว = สามี นาจา = นะจะ๊ สายเปย์ = ชอบจา่ ยให้ มองบน = ระอาใจ ไมพ่ อใจ งานดี หรือ งานละเอียด = ดีมาก คือร่ะ = คืออะไร 2017

ไดอ้ ีก = เชน่ งงไดอ้ ีก, บา้ ไดอ้ ีก หมายถึง ยังงงไดม้ ากกวา่ น้ี ยังบา้ ไดม้ ากกวา่ ท่ี เป็นอยูน่ ้ีเวนิ่ เวอ้ = การทาํ อะไรท่ีมากเกินไป วุน่ วาย คลา้ ย ๆ จะแผลงมาจากคาํ วา่ \"เยนิ่ เยอ้ \"เนียน, เนียน ๆ = คือการทาํ ตัวกลมกลืนกับคนอ่ืน ๆ แมว้ า่ จะไมไ่ ดม้ ี ความเก่ียวขอ้ งอะไรกับเคา้ ดว้ ยกต็ ามนอย = มาจากคาํ วา่ \"พารานอย\" (paranoid) ในภาษาอังกฤษ ใชเ้ ม่ือรู้สกึ กลัว หริอกังวงจนเกินเหตุโอ = มาจาก คาํ วา่ \"โอเค\" ในภาษาอังกฤษ ความหมายกต็ รงตัวเลยคะ่ 2018 แกสบ้ี = แก่ เคอร่ี = กระหร่ี เงาะ = งง เงบิ = หงายเงบิ , หน้าแตก เงือก = หน้าตาไมด่ ี, ดูไมไ่ ด,้ ไมห่ ลอ่ ไมส่ วย, หน้ามัน จขกท = คาํ ยอ่ ของคาํ วา่ “เจา้ ของกระทู”้ จอบอ : จบ จ้ิน = จินตนาการ (imagine) หรือ มโน สว่ นใหญจ่ ะใชใ้ นเชิงจับคูค่ นสองคน เฉียบ = เจง๋ , เดด็ , สุดยอด, เฉียบขาด, โดนใจ, สมบูรณ์แบบ, อัจฉริยะ, ลาํ้ เลิศ 2019 ไฟไหม้ = แปลวา่ ทาํ อยา่ งเร่งรีบเพ่ือให้ทันเวลา แอ๊บแมน = เป็นคาํ สแลงของกระเทย แปลวา่ คนท่ีเป็นเกยแ์ ตพ่ รางตัวเองไมใ่ ห้รู้ วา่ เป็น บง้ = พัง,ไมร่ อด จุบ๊ = ขโมย,แยง่ ชิง ตม้ ,โดนตม้ = โดนหลอก 2020 ดีเอม็ = DM - Direct Message หรือการสง่ ขอ้ ความแบบสว่ นตัว เจา = จะเอา ใสใ่ จ = เผือก,ตามสอ่ ง,อยากรู้อยากเหน็ เอง็ ลู = เอน็ ดู แกง = โดนหลอก,แกลง้ เชน่ โดนอาจารยแ์ กงอะไหนบอกวา่ คาบน้ีจะวา่ ง ไห้อา่ = ร้องไห้,เสยี ใจ เพนงอง = เป็นงง แปลวา่ งง,ไมเ่ ขา้ ใจ

กุมใจ,ใจพร่ี,ใจบาง = แพท้ าง อาร์คเรียล = Ask real ถามจริง?? แน้ว = แลว้ (เขียนให้ดูน่ารั กข้ึน) ปั ๊ วะ = ปั งมาก,ดีมาก ......เกง่ = เป็นคาํ สร้อยจะใชก้ ับอะไรกไ็ ดเ้ ชน่ ตอแห-เกง่ ลอกเกง่ หยอดเกง่ ฯลฯ มีความหมายวา่ ทาํ สงิ่ นั น้ บอ่ ยๆ,ทาํ เยอะ,ทาํ ประจาํ ตาํ = ตาม (ตามรีววิ ตา่ งๆ) เกินเบอร์ = เกินไปมากๆ วาร์ป = ลิงก์ ท่ีอยูเ่ พิม่ เติม หรืออีกความกมายนึงคือหายไปอยา่ งรวดเร็ว พน. = พรุ่งน้ี วน. วันน้ี มปร. = ไมเ่ ป็นไร ขก. = ข้ีเกียจ ของมันตอ้ งมี = อยากไดส้ งิ่ นั น้ มากๆ จนตอ้ งมี ตอ้ งตามไปซ้ือ นอกจากน้ี ยังมีภาษาใหมอ่ ีกดว้ ย ยกตัวอยา่ งเชน่ ภาษาลู ภาษาลู เป็นภาษาท่ีดัดแปลงมาจากภาษาไทยโดยวัยรุ่น (เครดิตจากวัยรุ่นไทย ) ประวัติท่ีมาไมแ่ น่นอน บา้ งกว็ า่ - มาจากคนในคุกพูดกันเพ่ือไมใ่ ห้ผูค้ ุมรู้วา่ ไปทาํ อะไรมา - คนสมัยรุ่นพ่ีของพวกเราๆ อยากแนวเลยเอามาพูดกัน - เป็นภาษาของกระเทย ไวยากรณ์ “ภาษาลู” ภาษาไทย 1 พยางค์ จะไดภ้ าษาลู 2 พยางคเ์ สมอ แบง่ หลัก ๆ ได้ 4 กรณี คาํ ท่ีเป็นปรกติ คาํ ท่ีมีพยัญชนะ ร, ล คาํ ท่ีมีสระ อุ, อู คาํ ท่ีมีทัง้ พยัญชนะ ร, ล และมีสระ อุ, อู กรณีท่ี 1 คาํ ท่ีเป็นปรกติ 1.1 คาํ ท่ีมีสระเสยี งยาว (ใช้ “ลู”) 1 นําคาํ วา่ “ลู” มาตอ่ หลังคาํ ตัวอยา่ ง : สาม + ลู 2 สลับอักษรทัง้ 2 คาํ

นําวรรณยุกตแ์ ละตัวสะกดมาดว้ ย พยางคท์ ่ี 1 และพยางคท์ ่ี 2 เสยี งวรรณยุกต์ และตัวสะกด จะเหมือนกัน แปลงไดเ้ ป็น : หลาม + สูม ตัวสะกด คือ ม มา้ และเสยี งวรรณยุกต์ คือ จัตวา 1.2 คาํ ท่ีมีสระเสยี งสัน้ (ใช้ “ลุ”) 1 นําคาํ วา่ “ลุ” มาตอ่ หลังคาํ ตัวอยา่ ง : กิน + ลุ 2 สลับอักษรทัง้ 2 คาํ นําวรรณยุกตแ์ ละตัวสะกดมาดว้ ย พยางคท์ ่ี 1 และพยางคท์ ่ี 2 เสยี งวรรณยุกต์ และตัวสะกด จะเหมือนกัน แปลงไดเ้ ป็น : ลิน + กุน ตัวสะกด คือ น หนู และเสยี งวรรณยุกต์ คือ สามัญ กรณีท่ี 2 คาํ ท่ีมีพยัญชนะ ร, ล 2.1 คาํ ท่ีมีอักษร ร, ล ใช้ “ซู” (กรณี : คาํ ท่ีมีสระเสยี งยาว) นําคาํ วา่ “ซู” มาตอ่ หลังคาํ ตัวอยา่ ง : ลาก + ซู 2 สลับอักษรทัง้ 2 คาํ นําวรรณยุกตแ์ ละตัวสะกดมาดว้ ย พยางคท์ ่ี 1 และพยางคท์ ่ี 2 เสยี งวรรณยุกต์ และตัวสะกด จะเหมือนกัน แปลงไดเ้ ป็น : ซาก + ลูก ตัวสะกด คือ ก ไก่ และเสยี งวรรณยุกต์ คือ โท 2.2 คาํ ท่ีมีอักษร ร, ล ใช้ “ซุ” (กรณี : คาํ ท่ีมีสระเสยี งสัน้ ) 1 นําคาํ วา่ “ซุ” มาตอ่ หลังคาํ ตัวอยา่ ง : รั ก + ซุ 2 สลับอักษรทัง้ 2 คาํ นําวรรณยุกตแ์ ละตัวสะกดมาดว้ ย พยางคท์ ่ี 1 และพยางคท์ ่ี 2 เสยี งวรรณยุกต์ และตัวสะกด จะเหมือนกัน แปลงไดเ้ ป็น : ซัก + รุก ตัวสะกด คือ ก ไก่ และเสยี งวรรณยุกต์ คือ ตรี กรณีท่ี 3 คาํ ท่ีมีสระ อุ, อู 3.1 คาํ ท่ีมีสระอู ใช้ “ลี” (กรณี : คาํ ท่ีมีสระเสยี งยาว)

1 นําคาํ วา่ “ลี” มาตอ่ หลังคาํ ตัวอยา่ ง : ขูด + ลี 2 สลับอักษรทัง้ 2 คาํ นําวรรณยุกตแ์ ละตัวสะกดมาดว้ ย พยางคท์ ่ี 1 และพยางคท์ ่ี 2 เสยี งวรรณยุกต์ และตัวสะกด จะเหมือนกัน แปลงไดเ้ ป็น : หลูด + ขีด ตัวสะกด คือ กด เดก็ และเสยี งวรรณยุกต์ คือ เอก 3.2 คาํ ท่ีมีสระอุ ใช้ “ลิ” (กรณี : คาํ ท่ีมีสระเสยี งสัน้ ) 1 นําคาํ วา่ “ลิ” มาตอ่ หลังคาํ ตัวอยา่ ง : มุก + ลิ 2 สลับอักษรทัง้ 2 คาํ นําวรรณยุกตแ์ ละตัวสะกดมาดว้ ย พยางคท์ ่ี 1 และพยางคท์ ่ี 2 เสยี งวรรณยุกต์ และตัวสะกด จะเหมือนกัน แปลงไดเ้ ป็น : ลุก + มิก ตัวสะกด คือ ก ไก่ และเสยี งวรรณยุกต์ คือ ตรี กรณีท่ี 4 คาํ ท่ีมีทัง้ พยัญชนะ ร, ล และมีสระ อุ, อู 4.1 คาํ ท่ีมีทัง้ ร, ล และสระอู ใช้ “ซี” (กรณี : สระเสยี งยาว) 1 นําคาํ วา่ “ซี” มาตอ่ หลังคาํ ตัวอยา่ ง : รู้ + ซี 2 สลับอักษรทัง้ 2 คาํ นําวรรณยุกตแ์ ละตัวสะกดมาดว้ ย พยางคท์ ่ี 1 และพยางคท์ ่ี 2 เสยี งวรรณยุกต์ และตัวสะกด จะเหมือนกัน แปลงไดเ้ ป็น : ซู้ + ร้ี ตัวสะกด คือ - และเสยี งวรรณยุกต์ คือ ตรี 4.2 คาํ ท่ีมีทัง้ ร, ล และสระอุ ใช้ “ซิ” (กรณี : สระเสยี งสัน้ ) 1 นําคาํ วา่ “ซิ” มาตอ่ หลังคาํ ตัวอยา่ ง : รุม + ซิ 2 สลับอักษรทัง้ 2 คาํ นําวรรณยุกตแ์ ละตัวสะกดมาดว้ ย พยางคท์ ่ี 1 และพยางคท์ ่ี 2 เสยี งวรรณยุกต์ และตัวสะกด จะเหมือนกัน แปลงไดเ้ ป็น : ซุม + ริม ตัวสะกด คือ ม มา้ และเสยี งวรรณยุกต์ คือ สามัญารั ก

ตัวอยา่ งภาษาลู น่ารั ก = ลา่ นู่ลักซุก (น่ารั ก = ลา่ นู่ซักลุก) แลว้ แตค่ นถนั ด อยา่ ลืมทาํ รายงาน = หลา่ อยูล่ ืมซุมลาํ ทุมรายซุยลานงูน เชน่ หวัดดี = หลัดหวุดลีดู กลับ = หลับกุบ เกม = เลมกูม แป้ ง = แลงป้ ู นํา้ = ลาํ นู้ ดอกไม้ = ลอกดูไลมู้ เป็ นตน้ ด.ญ.นิธินั นท์ ลุกเซน็ ม.3/7 เลขท่ี 14

บทท่ี 3 วธิ ีการดาํ เนินงาน ผูจ้ ัดทาํ ไดก้ าํ หนดขัน้ ตอนการดาํ เนินงานดังน้ี 1.เคร่ืองมือท่ีใช้ -เคร่ืองเขียนตา่ งๆ -สมุดบั นทึก -โทรศัพทม์ ือถือ 2.แหลง่ ศกึ ษาคน้ ควา้ -โรงเรียนสภาราชินี จังหวัดตรั ง -เวบ็ ไซตต์ า่ งๆ 3.วธิ ีการศกึ ษาคน้ ควา้ -เลือกหัวบอ้ โครงงาน -เสนอโครงงานตอ่ ครูท่ีปรึกษา -วเิ คราะหเ์ น้ือหา -จัดทาํ และเรียบเรียง -นําเสนองาน

บทท่ี 4 ผลการศกึ ษาคน้ ควา้ การจัดทาํ โครงงานเร่ืองคาํ แสลงในภาษาไทยน้ีมีวัตถุประสงคเ์ พ่ือให้คนทั่วไป รู้จักคาํ แสลงในภาษาไทย(ศัพทว์ ัยรุ่น)มากข้ึน รวมถึงการนําไปประยุกตใ์ ชอ้ ยา่ ง ถูกทาง โดยผูจ้ ัดทาํ ไดค้ น้ ควา้ หาขอ้ มูลมาจากแหลง่ ขอ้ มูลตา่ งๆ ดังน้ี คาํ สแลง หมายถึง ภาษาสแลง คาํ สแลง หรือคาํ คะนอง (Slang)​คือถอ้ ยคาํ สาํ นวน หรือภาษาพูดท่ีใชส้ ร้างความเขา้ ใจเฉพาะกลุม่ ซ่ึงสว่ นใหญอ่ ยูใ่ นวัยหนุ่มสาว เป็น ภาษาท่ีสร้างข้ึนเพ่ือหลีกเล่ียงการใช้ ภาษาไมส่ ุภาพ เป็นภาษาไมเ่ ป็นแบบแผน แตไ่ มใ่ ชค่ าํ หยาบหรือ คาํ ตา่ํ แตเ่ ป็นคาํ พิเศษท่ีสร้างข้ึนเพ่ือให้เกิดคาํ แปลกผิดไป จากปรกติทัง้ ดา้ นเสยี ง รูป คาํ และความหมายเป็นภาษาท่ีไมป่ รากฏใน พจนานุกรม หรือปรากฏในพจนานุกรมแตร่ ะบุ วา่ เป็นภาษาปาก คาํ สแลงมีระยะ เวลาการใชไ้ มน่ านกจ็ ะสูญหาย ไปเพราะหมดความนิยม โดยคาํ แสลงมีทัง้ หมด 3 ประเภท -คาํ แสลงแท้ -คาํ แสลงเทียม -คาํ แสลงลักษณะประสม

บทท่ี 5 สรุปผล อภิปรายผลและขอ้ เสนอแนะ สรุปผลการศกึ ษาคน้ ควา้ การจัดทาํ โครงงานเร่ืองคาํ แสลงในภาษาไทยน้ีมีวัตถุประสงคเ์ พ่ือให้คนทั่วไป รู้จักคาํ แสลงในภาษาไทย(ศัพทว์ ัยรุ่น)มากข้ึน รวมถึงการนําไปประยุกตใ์ ชอ้ ยา่ ง ถูกทาง สามารถรั บรู้ถึงความหายโดยตรงและโดยนั ยของคาํ นั น้ ๆได้ อภิปรายผล จากการศกึ ษาคน้ ควา้ มาจากแหลง่ ขอ้ มูลตา่ งๆ คาํ สแลง หมายถึง ภาษาสแลง คาํ สแลง หรือคาํ คะนอง (Slang)คือถอ้ ยคาํ สาํ นวน หรือภาษาพูดท่ีใชส้ ร้างความเขา้ ใจเฉพาะกลุม่ ซ่ึงสว่ นใหญอ่ ยูใ่ นวัยหนุ่ม สาว เป็นภาษาท่ีสร้างข้ึนเพ่ือหลีกเล่ียงการใช้ ภาษาไมส่ ุภาพ เป็นภาษาไมเ่ ป็น แบบแผน แตไ่ มใ่ ชค่ าํ หยาบหรือ คาํ ตา่ํ แตเ่ ป็นคาํ พิเศษท่ีสร้างข้ึนเพ่ือให้เกิดคาํ แปลกผิดไปจากปรกติทัง้ ดา้ นเสยี ง รูป คาํ และความหมายเป็นภาษาท่ีไมป่ รากฏ ในพจนานุกรม หรือปรากฏในพจนานุกรมแตร่ ะบุ วา่ เป็นภาษาปาก คาํ สแลงมี ระยะเวลาการใชไ้ มน่ านกจ็ ะสูญหาย ไปเพราะหมดความนิยม โดยคาํ แสลงมี ทัง้ หมด 3 ประเภท -คาํ แสลงแท้ -คาํ แสลงเทียม -คาํ แสลงลักษณะประสม ขอ้ เสนอแนะ -นําผลจากการศกึ ษาไปเผยแพร่ในรูปแบบตา่ งๆ

บรรณานกุ รม https://sites.google.com/site/thaivibut/kha-slaeng-khxng-way-run-thiy-ni-paccuban https://hilight.kapook.com/view/43111 https://sistacafe.com/summaries/66982

ข้อมลู ผู้จดั ทำ ช่ือ น.ส.นิธินนั ท์ ลุกเซ็น ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3/7 เลขท่ี 14 อายุ 15 ปี ท่อี ยู่ 21/4 ถ.เพลินพิทกั ษ์ ต.ทบั เท่ยี ง อ.เมอื ง จ.ตรงั 92000 เบอร์โทรศพั ท์ 090-986-2936


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook