ประวตั ิศาสตร์เศรษฐกิจจีนคลา้ ยรัสเซีย เป็นประวตั ิศาสตร์ของประเทศที่ปกครองสืบมา รัสเซียและจีนดาเนินไปภายใตร้ ะบบเศรษฐกิจแบบโซเวียตแทนท่ีจะเป็ นระบบทุนนิยม การ ดว้ ยระบบเผด็จการเขม้ งวดภายใตร้ ะบอบกษตั ริย์ หลงั จากท่ีฝ่ ายกระฎุมพีในประเทศ เปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ เกษตรกรรมแบบด้งั เดิมสู่เศรษฐกิจอุตสาหกรรมใหม่ในจีนจึงเป็น อ่อนแอถูกกลืนเป็นฝ่ ายราชการศกั ดินา หรือฝ่ ายนายทุนต่างชาติ ไม่สามารถเปล่ียนระบบ กระบวนการที่ต่างจากของญี่ป่ ุน ขณะที่ญ่ีป่ ุนเป็นกระบวนการที่มีสันติภาพ ชนช้นั นาเดิมคือ ซามูไรนาการเปลี่ยนแปลงเป็ นการเปลี่ยนแปลงจากเบ้ืองบน ในจีนชนช้นั นาเดิมคือราชวงศ์ ศักดินาเป็ นระบบทุนนิยมสมบูรณ์ได้ ไม่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และขนุ นางถูกโค่น เจา้ ของท่ีดินขนาดใหญ่ถูกฆ่า การเปล่ียนแปลงมาจากเบ้ืองล่างจากชาวนา จากกรรมกร และจากปัญญาชนปฏิวตั ิการเปล่ียนแปลงที่มีความรุนแรงถึงข้นั เป็ นสงคราม ได้ ในช่วงเวลาที่ยืดเย้ือน้ีเองก็เกิดการปฏิวตั ิของพวกกรรมกรและชาวนานาโดย กลางเมือง มีการล้มสถาบนั แทบทุกชนิด ดังน้ันใน ท่ีน้ีจะขอกล่าวถึงระบบเศรษฐกิจจีน ปัญญาชนขา้ มช้นั จากศกั ดินาสู่ระบบสังคมนิยมแบบโซเวียต แต่ในจีนการกา้ วกระโดด คอมมิวนิสต์ (ค.ศ. 1949-ปัจจุบนั ) ดงั มีรายละเอียดดงั น้ี เช่นน้ียงั ไม่สาเร็จสมบูรณ์ ก็มีการเปลี่ยนแปลงในระบบกรรมสิทธ์ิหลงั การพฒั นาหลงั เศรษฐกิจจีนก่อน ค.ศ. 1949 ประกอบดว้ ยสาขาเกษตรกรรม มีผลผลิตคิดเป็น 65 เปอร์เซ็นต์ การผลิตจากเกษตรสู่อุตสาหกรรม จีนจึงคลา้ ยรัสเซียในแง่ที่ว่าเป็ นระบบท่ีมีการบงั คบั ของผลิตภณั ฑ์มวลรวมแห่งชาติ ประชากร 75 เปอร์เซ็นต์อาศยั อยู่ในชนบท ในปี ค.ศ. เขม้ งวดทาให้ชนช้นั กระฎุมพีทาลายพนั ธนาการศกั ดินาเดิมไม่สาเร็จเป็ นการเปิ ดโอกาส ใหช้ นช้นั กรรมาชีพและชาวนาทาหนา้ ที่น้ีแทนทาใหก้ ารพฒั นาอตุ สาหกรรมท้งั ใน 1938 ประชากรที่อาศยั อยู่ในเมืองมีประมาณ 27.3 ลา้ นคน ในจานวนประชากรท้งั สิ้น 500 ลา้ นคน หรือ 5 - 6 เปอร์เซ็นต์ของประชากรท้งั หมด เมืองใหญ่ที่สุดของจีนคือ เซ่ียงไฮ้ (Shanghai) ปักก่ิง (Peking) เทียนสิน (Tientsin) นานกิง (Nanking) และฮ่านโคว (Hankow) ในปี ค.ศ. 1933 ผลิตภณั ฑ์มวลรวมแห่งชาติจากสาขาเศรษฐกิจสมยั ใหม่คือ จากโรงงาน เหมือง การก่อสร้าง การคา้ และการขนส่งสมยั ใหม่ ธุรกิจการเงิน คิดเป็น 12.6 เปอร์เซ็นตข์ อง ผลิตภณั ฑม์ วลรวมแห่งชาติ ท้งั หมด ท่ีเหลืออีก 87.4 เปอร์เซ็นต์มาจากสาขาเกษตรกรรม หัตถกรรม และการคา้ แบบโบราณในกิจการส่ิงทอ 46.1 เปอร์เซ็นต์ยงั คงมาจากหัตถกรรม ครัวเรื อน และในกิจการผลิตอุตสาหกรรมอาหาร 90 เปอร์เซ็นต์มาจากอุตสาหกรรม ครัวเรือน การลงทุนคิดเป็นเพียง 5 เปอร์เซ็นตข์ อง ผลิตภณั ฑม์ วลรวมแห่งชาติ ในช่วงปี ค.ศ. 1911-1949 พรรคกว๋อหมินตง๋ั ไม่สามารถทาลายพนั ธนาการศกั ดินาลง ได้ อีกท้งั ไม่ประสบผลสาเร็จในการขจดั อิทธิพลของจกั รวรรดินิยม เพราะพรรคเป็นตวั แทน ของขนุ ศึก นายทุนนายหนา้ และนายทุนขนุ นางมากกวา่ ท่ีจะเป็นตวั แทนของชนช้นั กระฎุมพีท่ี อิสระ ความล้มเหลวของพรรคคือการปิ ดฉากพฒั นาการภายใต้ระบบกระฎุมพี ในจีน พนั ธนาการศกั ดินายดื เย้อื ต่อเน่ืองมาจนถูกทาลายดว้ ยการปฏิวตั ิของชาวนาภายใตก้ ารนาของ
พรรคคอมมิวนิสตข์ บวนการคอมมิวนิสตเ์ ริ่มจากการเผยแพร่ลทั ธิโดยปัญญาชนใมหาวทิ ยาลยั ที่ยากจนแมไ้ ม่ไดเ้ ป็ นเจา้ ของที่ดินก็ไม่มีเครื่องมือทากิน ประกอบกบั พรรคคอมมิวนิสต์ได้ ปักกิ่ง ต้งั แต่เป็นพรรคเม่ือ ค.ศ. 1921 แรกเริ่มพรรคร่วมกบั พรรคกว๋อหมินตงั๋ ปราบพวกขนุ ศึก เรียกร้องให้มีการร่วมมือกนั ระหว่างชาวนาแต่ละแห่งให้มากข้ึน จึงมีการต้งั สหกรณ์และ แต่หลงั จาก ค.ศ. 1927 พรรคท้งั สองแตกกนั เจียงไคเช็ค (Chiang Kai Shek) ปราบศูนยก์ ลาง หลงั จากน้ันต้งั ระบบนารวม (Collective Farm)ข้ึน ซ่ึงในทางกฎหมายแลว้ เป็ นการรวมโดย พรรคคอมมิวนิสต์ในเมืองลงได้ แต่พรรคคอมมิวนิสต์ภายใตก้ ารนาของเหมาเจ๋อตุงก็ต่อสู้ สมัครใจ แต่แท้ท่ีจริงในทางปฏิบัติเป็ นการบังคบั ให้เข้ามารวม เมื่อปลายปี ค.ศ. 1956 อย่างเด็ดเด่ียวแหวกวงลอ้ มของฝ่ ายกว๋อ หมินตงั๋ เดินทางไกลถึง 8,000 ไมลห์ นีไปต้งั มน่ั ใน ครอบครัวชาวจีนส่วนใหญ่ 96.3 เปอร์เซ็นตไ์ ดเ้ ขา้ มาอยใู่ นนารวม ฐานชนบท ณ มณฑลส่านสี และต่อสู้กับพรรคกว๋อหมินต๋ังโดยสงครามกองโจร พรรค คอมมิวนิสต์ใช้ชาวนาเป็ นกองทพั พรรคไดร้ ับการสนับสนุนในชนบทอย่างมาก ภายหลงั ในการเข้านารวมสมาชิกจะต้องยกที่ดินและเคร่ืองมือสาคญั ท่ีใช้ในการเพาะปลูกให้ สงครามจีน-ญ่ีป่ ุน ฝ่ ายกว๋อหมินตงั๋ ยึดไดเ้ มือง ขณะที่ฝ่ ายคอมมิวนิสตย์ ึดไดช้ นบท การสู้รบ คณะกรรมการนารวม ซ่ึงจะเป็ นผูใ้ ชป้ ัจจยั ในการผลิตเพ่ือผลประโยชน์ส่วนรวม อยา่ งไรก็ ดาเนินไปอีก 4 ปี (ค.ศ. 1945-1949) พรรคคอมมิวนิสตไ์ ดร้ ับชยั ชนะอยา่ งเดด็ ขาดจึงสถาปนา ตามสมาชิกกอ็ าจมีท่ีนาเลก็ แบบสวนครัวเป็นของตนเองได้ ไวป้ ลูกผกั ต่างๆ แต่เน้ือท่ีสวนครัว สาธารณรัฐประชาชนจีนข้ึนมา ท้งั หมดรวมกนั ตอ้ งไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นตข์ องที่ดินของนารวม หลงั จากไดผ้ ลผลิตแลว้ จะแบ่ง ผลผลิตส่วนหน่ึงเป็นภาษีใหแ้ ก่รัฐ ส่วนท่ีเหลือเกบ็ เป็นรายจ่ายปี ต่อปี เมื่อเปรียบเทียบกบั กรณี การทาลายพนั ธนาการศักดินาและการขจัดอิทธิพลของจักรวรรดินิยมสาเร็จภายใต้ สหภาพโซเวียต การรวมนาของจีนเป็ นไปดว้ ยความสงบเรียบร้อยมากกว่า ไม่มีการฆ่าและ เนรเทศชนช้นั ชาวนารวยจานวนมากเช่นในสหภาพโซเวยี ต การรวมนาทาทีละข้นั รวมเฉพาะ ปฏิบตั ิการของพรรคคอมมิวนิสตใ์ นปี ค.ศ. 1950 รัฐออกกฎหมายปฏิรูปที่ดินให้ริบท่ีดินของ แรงงานก่อน ต่อมารวมปัจจยั การผลิตเพื่อการผลิต แต่ยงั จ่ายค่าตอบแทนตามกรรมสิทธ์ิใน เจ้าของที่ดินรายใหญ่และแจกจ่ายให้กับประชาชน มีการลอบสังหารเจ้าของที่ดินราย ปัจจยั ท่ีเอามารวมน้นั สุดทา้ ยจึงจ่ายค่าตอบแทนตามแรงงานไม่มีการกาจดั ชนช้นั ชาวนารวย ใหญ่ ต่อมามีการจดั รวมที่ดินท่ีแจกจ่ายไปเขา้ ในนารวม ส่วนกิจการของชาวต่างประเทศน้นั โดยการฆ่าหรือเนรเทศ อาจใชม้ าตรการอ่ืน อาทิ ไม่ใหส้ ินเช่ือ ไม่ใหช้ ่องทางซ้ือปัจจยั ไม่เปิ ด ถา้ เป็ นของชาวญี่ป่ ุนก็ถูกริบ ถา้ เป็ นของชาติอ่ืนก็ถูกเก็บภาษีอย่างแรง บริษทั ต่างประเทศ ช่องให้ขายผลผลิต การถ่ายเทผลผลิตจากสาขาเกษตรไปสู่อุตสาหกรรมโดยวิธีบงั คบั ดว้ ย จานวนมากต้องเลิกกิจการไป มีการจัดต้ังรัฐวิสาหกิจข้ึนในกิจการพาณิชยกรรมและ กลไกรัฐกไ็ ม่มากเท่ากบั ในโซเวียตสาหรับการผลิตอตุ สาหกรรมรัฐไดเ้ ขา้ มาเป็นเจา้ ของกิจการ อุตสาหกรรม รัฐดาเนินการโอนกิจการธนาคารเป็นของรัฐ และยกเลิกตลาดหุน้ ท่ีเซี่ยงไฮ้ เป็น ผลิตอุตสาหกรรมมากข้ึนโดยรัฐยอมให้บริษทั เอกชนดาเนินการต่อไปได้หลงั การปฏิวตั ิ การลม้ เลิกสถาบนั นายทุนเอกชน และต่อจากน้นั ธนาคารของรัฐจะเป็ นแหล่งของเงินลงทุน เพราะรัฐคอมมิวนิสตย์ งั คงตอ้ งพ่ึง การจดั การและความรู้ เทคนิคของเจา้ ของและผทู้ างานแต่ แหล่งเดียว ทางดา้ นเกษตรกรรมรัฐไดอ้ อกกฎหมายการปฏิรูปที่ดินในปี ค.ศ. 1950 (The เดิมต่อไปอีก ถึงแมว้ ่าบุคคลเหล่าน้ีอาจถูกกล่าวหาวา่ เป็ นนายทุนหรือชนช้นั กลางก็ตาม แต่ Agarian Reform Law of 1950)ใหร้ ิบที่ดินของเจา้ ของท่ีดินรายใหญ่ (Landlord)และแจกจ่าย การท่ีรัฐประกาศปิ ดตลาดหุ้นที่เซ่ียงไฮน้ ้นั ทาให้บริษทั เหล่าน้ีหาเงินมาขยายกิจการไม่ได้ จึง ใหก้ บั ราษฎรในตาบลที่ท่ีดินน้นั ต้งั อยู่ กล่าวคือ เป็นการริบแลว้ แจกใหป้ ระชาชนไม่ใช่ริบเป็น หวงั พ่ึงการสั่งซ้ือของรัฐ ทาให้อานาจการควบคุมจากรัฐเพิ่มข้ึนในปี ค.ศ. 1949 รัฐเป็ นผูซ้ ้ือ ของรัฐ ยงั คงมีชาวนาที่ร่ารวยอยแู่ ละเป็นเจา้ ของที่ดินไดไ้ ม่ถูกริบ เฉพาะเจา้ ของท่ีดินรายใหญ่ เพียง 12 เปอร์เซ็นตข์ องผลิตผลอุตสาหกรรมจากบริษทั เอกชน แต่ใน ค.ศ. 1955 เพิ่มเป็ น 82 เท่าน้นั ที่ถูกริบมีการต้งั ศาลของประชาชนในทอ้ งถ่ินพิจารณาคดีเจา้ ของท่ีดินรายใหญ่และได้ เปอร์เซ็นต์ ในระหวา่ งน้นั รัฐกเ็ ร่ิมมีมาตรการจากดั การดาเนินงานของบริษทั เอกชนโดยการ ประหารเจา้ ของที่ดินรายใหญ่จานวนมากแต่ปัญหาท่ีตามมาหลงั จากแจกจ่ายท่ีดิน คือ ชาวนา
เขา้ แทรกแซงต่างๆ โดยให้รายงานแผนการผลิตการขายอย่างละเอียดต่อรัฐ รวมท้งั การเงิน ราคาต่ากวา่ ราคาสมดุลแลว้ ใชว้ ิธีแบ่งปัน (Ration System) สินคา้ ท่ีไม่จาเป็นรัฐก็ต้งั ราคาไวส้ ูง ดว้ ย ต่อมาในปี ค.ศ. 1952 ไดม้ ีนโยบายปฏิปักษ์ 5 ประการออกมา คือ เป็นปฏิปักษ์ต่อนายทุน ส่วนในทางเกษตรกรรมมีการกาหนดเป้าหมาย การผลิตในนารวมหน่ึงๆ ให้ส่งให้รัฐในรูป เจา้ ของกิจการ สิ่งที่ประชาชนจีนตอ้ งเป็ นปฏิปักษค์ ือ การให้สินบนเจา้ หน้าท่ี การหลีกเล่ียง ภาษี แต่ที่เหลืออาจขายไดใ้ นตลาดชนบท ซ่ึงมีข้ึนเป็ นคร้ังคราวในปี หน่ึงๆ อย่างไรก็ตาม ภาษี ขโมยทรัพยส์ ินของรัฐ การโกงในการทาสัญญากบั รัฐ และการขโมยข่าวเศรษฐกิจ พฒั นาการอุตสาหกรรมของจีนมีลกั ษณะประนีประนอมกวา่ ของ รัสเซีย เน่ืองจากการปฏิวตั ิ ทางการจากรัฐ ในการปฏิบตั ินโยบายน้ีรัฐจบั บริษทั เอกชนหนีภาษีได้ 340,000 บริษทั ใน จีนอาศยั พลงั มวลชนทวั่ ประเทศ โดยเฉพาะอาศยั การปลุกระดมชาวนาในชนบทมิไดอ้ าศยั การสารวจบริษทั อุตสาหกรรมใหญ่ๆ 450,000 แห่ง รัฐไดป้ รับให้บริษทั หลายบริษทั ตอ้ งเลิก พลงั กองทหารในเมืองเช่นในรัสเซีย ดงั น้นั พรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงตอ้ งประนีประนอมกบั ลม้ กิจการ รัฐกต็ ้งั กิจการวสิ าหกิจของตนข้ึนมาแทน มวลชนมากกว่าในรัสเซีย อีกประการหน่ึงการปฏิวตั ิจีนเป็ นการรวมพลงั ชาวจีนต่อสู้กบั จกั รวรรดินิยมอยดู่ ว้ ย ความสามคั คีระหวา่ งพลงั ชาตินิยมภายในจีนมีความสาคญั มาก พรรค ในปลายปี ค.ศ. 1955 รัฐไดใ้ ชน้ โยบายการเป็ นเจา้ ของร่วมรัฐ-เอกชน (Joint State-Private จึงไม่อาจบีบบงั คบั ให้เกิดการพฒั นาอุตสาหกรรมโดยรวดเร็ว และไม่อาจทาลายชนช้ัน กระฎุมพีนอ้ ยและกระฎุมพีแห่งชาติได้ พรรคคอมมิวนิสตจ์ ีนรับนโยบายแนวร่วม 4 ชนช้นั Ownership)ก่อให้เกิดธุรกิจร่ วม (A Joint State-Private Enterprise) โดยจะมีการตีราคา คือ ชาวนา กรรมาชีพ กระฎุมพีน้อย และกระฎุมพีแห่งชาติ ระยะแรกการปกครองไม่ได้ สิ นทรัพย์ของบริ ษัทเอกชนและรัฐเข้าเป็ นเจ้าของสิ นทรัพย์น้ีแต่จะให้ดอกเบ้ีย 5 บงั คบั ให้เป็ นแนวทางกรรมาชีพโดยเด็ดขาด ดังน้ันการพฒั นาอุตสาหกรรมจึงมีลกั ษณะ เปอร์เซ็นต์ อนั เป็ นอตั ราตายตวั และในทุกปี จากปี ค.ศ. 1956-1965 ดอกเบ้ียน้ีจะให้แก่ ประนีประนอมไม่บงั คบั ขดู รีดส่วนเกินจากชาวนาเหมือนอยา่ งในรัสเซีย ขณะเดียวกนั การคง นายทุนเจา้ ของเดิม หลงั จากปี ค.ศ. 1965 กิจการยอ่ มเป็ นของรัฐโดยสมบูรณ์ ซ่ึงหมายถึงรัฐ ชนช้นั กระฎุมพบี างส่วนไวก้ ห็ มายความวา่ ยงั มีการใชส้ ่วนเกินในการบริโภคแบบกระฎุมพีอยู่ เขา้ ซ้ือกิจการของนายทุนเอกชนนนั่ เอง โดยใหค้ ่าตอบแทนในรูปอตั ราดอกเบ้ีย ในการจดั การ ไดบ้ า้ ง การพฒั นาอุตสาหกรรมของจีนจึงเป็นไปในอตั ราท่ีชา้ กวา่ ของรัสเซียภายใตร้ ะบบโซ กิจการอตุ สาหกรรมน้ี นายทุนเจา้ ของเดิม มีส่วนร่วมแต่ตวั แทนรัฐประจากิจการมีอานาจเหนือ เวียตในช่วงปี ค.ศ. 1953 - 1957 จีนอยู่ภายใตแ้ ผนเศรษฐกิจ 5 ปี แผนแรกในช่วงน้ี รายได้ แ ล ะ ใ น ข้ัน สุ ด ท้า ย รั ฐ ก็ เ ป็ น ผู้ตัด สิ น ใ จ ท้ัง น โ ย บ า ย แ ล ะ ก า ร จัด ก า ร วิ ส า ห กิ จ น้ี ประชาชาติเพ่ิมโดยเฉล่ียปี ละ 8.9 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ประชากรเพ่ิมโดยเฉลี่ยปี ละ 2.4 ในกิจการคา้ ยอ่ ย รัฐก็ไดเ้ ขา้ ควบคุมโดยจดั ให้ร้านคา้ ย่อยรวมเขา้ ดว้ ยกนั เป็ นกลุ่มเขา้ ร่วมกบั เปอร์เซ็นต์ หมายความวา่ ผลิตภณั ฑเ์ ฉล่ียต่อหวั เพิ่มข้ึนปี ละ 6.5 เปอร์เซ็นต์ ซ่ึงเป็นอตั ราที่เร็ว สหกรณ์ผขู้ าย และหตั ถกรรมขนาดยอ่ มรัฐกจ็ ดั ใหเ้ ขา้ รวมอยใู่ นสหกรณ์ผผู้ ลิต มากสาหรับประเทศจีน เพราะในช่วงแรกของศตวรรษท่ี 20 ผลิตภณั ฑม์ วลรวมของจีนเพิ่มข้ึน เฉล่ียต่อปี เพียงในอตั ราเดียวกบั ประชากร ในปี ค.ศ. 1957 อายขุ ยั โดยเฉล่ียเพิ่มจาก 36 ปี เป็ น ดงั น้ันเศรษฐกิจประเทศจีนคอมมิวนิสต์เป็ นระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมบงั คบั กล่าวคือ 57 ปี การลงทุนเพิ่มจากอตั รา 5 เปอร์เซ็นตข์ องรายไดป้ ระชาชาติสมยั ก่อนสงครามเป็ น 20 กรรมสิทธ์ิในปัจจยั การผลิตเป็ นของรัฐและการแจกจ่ายทรัพยากรการผลิตโดยคาส่ังบงั คบั เปอร์เซ็นต์กว่าคร่ึงของการลงทุนเป็ นการลงทุนในกิจการอุตสาหกรรม และ 90 เปอร์เซ็นต์ องคก์ รวางแผนส่วนกลาง (State Planning Committee) ใชว้ ิธีการสมดุล คือ การ สมดุลระหว่าง รายไดแ้ ละรายจ่ายของรัฐ ทางอุตสาหกรรมไดใ้ ชว้ ิธีกาหนดการผลิตและการ ของการลงทุนใน อุตสาหกรรมเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมหนกั อาทิ อุตสาหกรรมโลหะ เคร่ืองจกั รไฟฟ้า ถ่านหิน น้ามนั และเคมี กล่าวไดว้ า่ ในแผนเศรษฐกิจ 5 ปี แผนแรกน้ีจีน แจกจ่ายผลผลิตโดยวธิ ี ความสมดุลของวตั ถุดิบ (Material Balance) อาทิ ในสหภาพ โซเวยี ต ส่วนสาหรับสินคา้ อุปโภคบริโภครัฐกาหนดราคาไวต้ ่างกนั ไป เป็ นราคาท่ีรัฐกาหนด ไม่ใช่ดีมานดแ์ ละซพั พลายในตลาดกาหนดส่ิงที่จาเป็น อาทิ อาหารและเส้ือผา้ รัฐจะกาหนด
ดาเนินตามรอยของโซเวยี ตในช่วงปี ค.ศ. 1930 คือ ลงทุนในกิจการอตุ สาหกรรมขนาดใหญ่ใช้ การเกษตรมีการระดมแรงงานมาสร้างทานบเขื่อนต่างๆ ในทางอุตสาหกรรมก็มีการระดม ทุนเขม้ ขน้ (Capital Intensive) ในช่วงของแผนเศรษฐกิจผลผลิตอุตสาหกรรมของจีนเพิ่มข้ึน แรงงานสร้างโรงงานถลุงเหล็กเล็กๆ แบบส่วนตวั ท้งั น้ีเพราะจีนมีแรงงานเหลืออยู่มาก ดว้ ย 130 เปอร์เซ็นต์ การผลิตเครื่องจกั รเพิ่มเป็ นมากกว่า 3 เท่า ขณะท่ีผลผลิตสินคา้ อุปโภค การระดมใช้แรงงานอย่างเต็มที่จีน หวงั ว่าจะพฒั นาการเกษตรและอุตสาหกรรมไดอ้ ย่าง บริโภคเพิ่มข้ึนเพียง 83 เปอร์เซ็นต์ อุตสาหกรรมส่ิงทอฝ้ายเพิ่มข้ึนนอ้ ยกวา่ 1 ส่วนใน 3 ส่วน รวดเร็วพร้อมๆ กนั ในช่วงการใช้นโยบายกระโดดไปขา้ งหน้าไดม้ ีการกระจายอานาจจาก โครงสร้างอุตสาหกรรมของจีนเปล่ียนแปลงไปในช่วงแผน 5 ปี แผนแรก เม่ือเริ่มแผน ระบบรัฐไปให้หน่วยงานพรรคระดับล่าง ยา้ ยอานาจจากผูเ้ ชี่ยวชาญทางเทคนิคไปให้ผู้ เศรษฐกิจเครื่องจกั รคิดเป็ น 1 ส่วนใน 3 ส่วนของผลผลิตอุตสาหกรรมท้งั หมด แต่เมื่อสิ้นสุด กระตือรือร้นทางการเมือง ในช่วงน้ีความสัมพนั ธ์ระหวา่ งจีนกบั โซเวียตเร่ิมไม่ดี จีนมองโซ แผนเศรษฐกิจอตั ราส่วนเปล่ียนไปเป็น 1 ส่วนใน 2 ส่วน รัฐไดห้ นั ไปลงทุนอตุ สาหกรรมไปสู่ เวียตในระบบรัฐมากเกินไป ทา้ ยที่สุดโซเวียตได้ระงบั การให้ความช่วยเหลือจีนใน ค.ศ. แหล่งท่ีเจริญน้อยภายในประเทศ รวมท้งั ได้ใช้เงินช่วยเหลือจากสหภาพโซเวียตกระจาย อุตสาหกรรมหนักให้จีนในช่วงแผน 5 ปี แผนแรกน้ี 94 โรงงานเป็ นโรงงานเหล็ก และ 1960 ในปี ค.ศ. 1958 จีนได้มีการจัดต้ังระบบคอมมูน (Commune) บงั คบั ให้ชาวนาและ เหล็กกลา้ 7 โรง โรงไฟฟ้า 24 โรง และ โรงงานผลิตเคร่ืองจกั ร 24 โรงท่ีสาคญั เช่นโรงงาน กรรมกรเขา้ อยใู่ นคอมมูน โดยเฉพาะชาวนาในการผลิตเกษตรกรรม เหตุผลในการ จดั ต้งั คอม เหล็กกล้าที่วู่ห่ัน (Wuhan) มณฑลฮูเป (Hupeh) ทีเปาโด (Paotou) มองโกเลียใน (Inner มูน คือ นารวมน้นั เลก็ เกินไปท่ีจะมีทุนและแรงงานท่ีจะดาเนินกิจการใหญ่ได้ คอมมูนหน่ึงๆ Mongolia) และที่อานชาน (Anshan) ในแมนจูเรีย โรงงานรถยนต์ที่ชางชุน (Changchun)ใน รวมนารวมประมาณ 30 แห่งเขา้ ดว้ ยกนั มีสมาชิกประมาณ 25,000 คน หน้าท่ีของคอมมูน แมนจูเรีย โรงงานรถแทรกเตอร์และลูกปื น ลอ้ เลื่อนที่โล่หยาง (Loyang) มณฑลเหอหนาน กวา้ งขวางกว่านารวมเป็ นอนั มากขณะที่นารวมมีหน้าท่ีเฉพาะการผลิตทางเกษตร คอมมูน ร ว ม กิ จ ก า ร ห ล า ย ๆ อ ย่ า ง ไ ว้ด้ ว ย กั น ท้ั ง เ ก ษ ต ร แ ล ะ กิ จ ก า ร อื่ น อ า ทิ ก า ร (Honan) และที่ฮาร์บิน (Harbin) ในแมนจูเรีย โรงกลนั่ น้ามนั ที่ลานโจว (Lanchou) มณฑล อุตสาหกรรม การคา้ การศึกษา วฒั นธรรม และการปกครอง คอมมูนเป็ นท้งั หน่วยการ กานสู (Kansu) นอกจากน้ันโซเวียตยงั ส่งผูเ้ ชี่ยวชาญ มาช่วยในการต้งั โรงงานและฝึ กงาน ปกครองของรัฐบาลและหน่วยผลิตดว้ ย การที่คอมมูนมีบทบาททางการเมืองและกิจการสังคม คนงาน รับคนงานจีนไปฝึกงานในสหภาพโซเวียตดว้ ย รวมท้งั ถ่ายทอดเทคโนโลยใี หม่ล่าสุด น้ีทาใหบ้ ทบาทของคอมมูนมีมากครอบงาชีวติ ของสมาชิกแทบทุกอยา่ งบทบาทของครอบครัว ใหก้ บั จีน และในขณะน้นั จีนถูกตดั ขาดจากความสัมพนั ธ์ทางเทคโนโลยกี บั ทางตะวนั ตกดว้ ย ลดความสาคญั ลงเพราะคอมมูนรับผิดชอบการทาอาหาร การพยาบาลเวลาเจบ็ ป่ วย การเล้ียง ในช่วงระยะแผนเศรษฐกิจ 5 ปี แผนแรก สาขาเกษตรของจีนมีอตั ราเพิ่มโดยเฉล่ียต่อปี 4.5 เด็ก การซักรีด คอมมูนมีท่ีรับประทานอาหารร่วมกนั มีท่ีเล้ียงเด็กร่วมกัน และมีที่ศึกษา เปอร์เซ็นต์ ซ่ึงต่ากวา่ การคาดหมาย อีกท้งั การรวมนากไ็ ม่ไดช้ ่วยทาใหผ้ ลผลิตการเกษตรเพ่ิม ทางการเมืองร่วมกนั สมาชิกคอมมูนจึงเหลือแต่หนา้ ท่ีทางานของตวั หนา้ ท่ีงานในคอมมูนจึงมี เร็ว ทาให้เกิดการขาดแคลนธัญพืชที่จะมาใช้เล้ียงเมือง และขาดฝ้ายดิบที่จะมาป้อน ลกั ษณะแบ่งแยกอย่างเด็ดขาด หน่วยคอมมูนกลบั กลายเป็ นหน่วย พ้ืนฐานทางสังคมแทน โรงงาน สิ่งทอ เม่ือปลายระยะของแผนไดม้ ีการใชย้ ทุ ธศาสตร์ทางเศรษฐกิจตามรูปแบบของ ครอบครัว หนา้ ท่ีของสมาชิกในครอบครัวต่อกนั มีนอ้ ยลงเพราะคอมมูนรับไปทา ในระบบ โซเวียต มีการลงทุนเนน้ อตุ สาหกรรมหนกั ต่อมาในช่วง ค.ศ. 1958-1962 ซ่ึงเป็นแผนระยะ 5 คอมมูนกรรมสิ ทธ์ิมิใช่กรรมสิ ทธ์ิร่ วมกับของนารวม (Collective Ownership) แต่จะ ปี ฉบบั ที่ 2 จีนใชน้ โยบายกระโดดไปข้างหน้า (Great Leap Forward) ซ่ึงใชอ้ ยรู่ ะหวา่ ง ค.ศ. เปลี่ยนเป็นกรรมสิทธ์ิของประชาชนส่วนรวม (Ownership By The People as a Whole) 1958 - 1959 ตามนโยบายน้ี การลงทุนยงั เนน้ หนกั ทางอุตสาหกรรมหนกั อยา่ งเดิม แต่ในทาง
ความแตกต่างก็คือ ในระบบนารวมกรรมสิทธ์ิยงั บอกไดว้ ่านารวม ก. เป็ นเจา้ ของที่ดินของ หากพิจารณาผลิตผลต่อบุคคลแลว้ จีนก็เจริญเท่าๆ กบั เกาหลีในทศวรรษ 1960 แต่แรงงาน ส่วนใหญ่ของจีนกย็ งั ทาการเกษตรและประชากรส่วนใหญ่ยงั อาศยั ในชนบท ข. แต่ในระบบคอมมูนเจา้ ของที่ดิน ข คือ ประชาชนจีนทุกคน เม่ือเร่ิมต้งั ระบบคอมมูนใหม่ๆ รัฐริบที่ดินส่วนสวนครัวดว้ ย แต่แลว้ ใน ค.ศ. 1959 ก็ตอ้ งคืนท่ีดินส่วนสวนครัวกลบั ไป การ นโยบายเศรษฐกจิ จีนในปัจจุบัน แจกจ่ายรายไดใ้ นระบบคอมมูนน้นั ใชร้ ะบบผสมคือ ให้ท้งั ค่าจา้ งแรงงานและให้บริการแทน เศรษฐกิจจีนยงั ขยายตวั อย่างต่อเนื่องภายใตน้ โยบายการแปรรูปและการเปิ ดประเทศท่ี ดว้ ย ซ่ึงแตกต่างอย่างมากจากระบบนารวม เพราะการให้เป็ นค่าจา้ งทาให้เห็นชดั มากกว่า ดาเนินมาต้งั แต่ปี ค.ศ. 1978 รัฐบาลจีนมีเป้าหมายที่จะเน้นผลผลิตทางการเกษตรโดยใช้ เทคโนโลยีระดบั สูง ต่อมาในปี ค.ศ. 2001 จีนไดเ้ ขา้ เป็ นสมาชิกขององคก์ ารคา้ โลก (World ชาวนากลายเป็ นกรรมกรไปแล้ว รายได้ไม่ได้ข้ึนกับผลผลิ ตแต่มีอัตราค่าจ้าง Trade Organization : WTO) และไดต้ ้งั เป้าหมายวา่ เมื่อถึงปี ค.ศ. 2005 การคา้ ต่างประเทศจะมี แทน นอกจากน้นั ระบบการใชบ้ ริการ เช่น อาหารทุกม้ือ ซกั รีด การพยาบาล การศึกษา การ มูลค่า 6 แสนลา้ นเหรียญสหรัฐฯ โดยจีนยงั เป็นฝ่ ายไดเ้ ปรียบดุลการคา้ รายไดเ้ ฉล่ียต่อหวั จะ พกั ผ่อนหย่อนใจ เป็ นตน้ เป็ นการให้หลกั ประกนั ข้นั ต่าเสมอทุกคน ต่อมาในปี ค.ศ. 1960 เพ่ิมข้ึนเป็ น 1,130 เหรียญสหรัฐฯ และในปี ค.ศ. 2010 จะเพ่ิมข้ึนเป็ น 1,600 เหรียญสหรัฐฯ นโยบายกระโดดไปขา้ งหนา้ ของจีนประสบความลม้ เหลว ผลผลิตธญั พืชรวมทว่ั ประเทศได้ จาก 860 เหรียญสหรัฐฯ ในปัจจุบนั (ค.ศ. 2001) นโยบายสาคญั ด้านเศรษฐกิจของจีนมี 143.5 ล้านตนั น้อยกว่า ค.ศ. 1957 ถึง 26 ลา้ นตัน และมีปริมาณต่าสุดต้งั แต่ ค.ศ. 1950 รายละเอียด ดงั น้ี นบั เป็ นช่วงขา้ วยากหมากแพงคร้ังใหญ่ของจีนในศตวรรษท่ี 20 และในช่วงปี ค.ศ. 1958 - 1. ยดึ มน่ั การกระตุน้ อปุ สงคข์ องตลาดภายในประเทศต่อไป 1965 รายไดป้ ระชาชาติของจีนเพิ่มข้ึนเฉลี่ยเพียงปี ละ 3.2 เปอร์เซ็นต์ เปรียบเทียบกบั 8.9 2. ดาเนินนโยบายการคลงั ในเชิงรุกอยา่ งต่อเนื่อง เพ่ือยดึ เป็นยทุ ธศาสตร์ระยะยาวของประเทศ เปอร์เซ็นตใ์ นช่วงแผน 5 ปี แผนแรกหลงั จากการเสียชีวติ ของเหมาใน ค.ศ. 1976 ไดม้ ีการปรับ รวมท้งั รักษาเสถียรภาพของค่าเงินหยวน 3. เร่งปรับโครงสร้างดา้ นการเกษตร การปฏิรูปชนบท และการเพิ่มรายไดใ้ ห้แก่เกษตรกร การบริหารเศรษฐกิจ จีนหันมาสนใจส่ังเทคโนโลยีเขา้ จากต่างประเทศ ยกเลิกการปฏิวตั ิ 4. เร่งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจในเชิงยุทธศาสตร์ โดยเน้นการพฒั นาดา้ นเทคโนโลยีแก่ วฒั นธรรม นาระบบโบนัสมาใช้ใหม่เพ่ิมราคาผลผลิตทางเกษตรและเพิ่มค่าจ้างแรงงาน วสิ าหกิจจีน ยกระดบั มาตรฐานเทคโนโลยกี ารผลิต พฒั นาการศึกษา เพ่ือเพิ่มโอกาสที่จีนเขา้ อย่างไรก็ตาม การเน้นลงทุนในอุตสาหกรรมเหล็ก เหล็กกลา้ และพลงั งาน ซ่ึงเป็ นนโยบาย เป็นสมาชิกของ WTO ขยายการติดต่อและร่วมมือกบั ต่างประเทศมากข้ึน ต่อเน่ืองของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน (จีนคอมมิวนิสต)์ กไ็ ม่เปล่ียนแปลงตลอด 5. ปรับเปลี่ยนการบริหารงานดา้ นเศรษฐกิจภาครัฐ เพ่ือความเป็ นเอกภาพของนโยบายและ ความโปร่งใส ซ่ึงจะยกระดบั การทางานให้สอดคลอ้ งกบั หลกั สากล รวมท้งั กฎหมายและ มา สิ่งที่เปลี่ยนแปลงสาคญั คือ จีนมองออกสู่โลกภายนอก มากข้ึน มีความสมั พนั ธ์กบั อเมริกา เศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ และโลกตะวนั ตก ขยายการส่งออก กูเ้ งินต่างประเทศ และยอมรับการลงทุนจากต่างประเทศ 6. พฒั นาภาคตะวนั ตก เพ่ือลดความเหลื่อมล้าระหว่างการพฒั นาและมาตรฐานความเป็ นอยู่ ของประชาชนทางภาคตะวนั ออกและตะวนั ตก โดยตรงในผืนแผน่ ดินใหญ่จีน ทางดา้ นการเกษตรมีการยกเลิกระบบคอมมูนและสหกรณ์ ใช้ ระบบนาส่วนตัวของครอบครัวแทนและใช้กลไกตลาดในทางการเกษตร ในทาง อุตสาหกรรมมีการเร่ิมใชก้ ลไกตลาดบา้ ง แต่ส่วนใหญ่ยงั เป็ นระบบวางแผนอยใู่ นช่วงหลงั ปี ค.ศ. 1982 ผลผลิตท้งั ทางเกษตรและอุตสาหกรรมเพ่ิมข้ึนในอตั ราสูง จากปี ค.ศ. 1977 - 1987 ผลิตภณั ฑร์ วมแห่งชาติสุทธิ (Net National Product) ของจีนเพ่ิมปี ละ 8 เปอร์เซ็นต์ และ
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: