สามัคคี วิชาพระพุทธศาสนา อาจารย์ ปรเมษฐ์ เหมอื นจันทร์
คํานาํ รายงานฉบับนี้เปนรายงานทางวิชาการเร่ือง พุทธศาสนสุภาษิต หมวดสามัคคี จัดทําข้ึนเพ่ือ ประกอบการเรยี นรูวชิ า พระพุทธศาสนา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 3/1 ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2564 โรงเรยี นสาธติ มหาวิทยาลยั ราชภฏั เทพสตรี สาขาวดั พระพทุ ธบาท ราชวรมหาวิหาร รายงานเรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต หมวดสามัคคี มีประโยชนอยางยิ่งสําหรับผูที่ตองการศึกษา สุภาษิตพรอมคําแปล คําอธิบาย เพราะมีรายละเอียดและเน้ือหาที่สมบูรณ สามารถรวบรวมเปน ขอ มลู ประกอบการศกึ ษาเรียนรไู ดเ ปนอยา งดยี ิ่ง ขอขอบคณุ อาจารย ปรเมษฐ เหมือนจันทร ท่ีใหคําแนะนําที่มีประโยชนและสนับสนุนในการ จดั ทาํ รายงานเลม น้สี าํ เร็จตามวัตถุประสงค ผูเขียนขอขอบพระคุณไว ณ โอกาสนี้ คณะผูจัดทํา
สพเฺ พสํ สงฺฆภูตานํ สามคฺคี วฑุ ฺฒสิ าธิกา “ความพรอ้ มเพรียงของปวงชนผูเ้ ป็นหมู่ ยงั ความเจริญใหส้ าํ เร็จ” คําวา “สามัคคี” หมายถึง ความพรอมเพรียงกัน ความเปนอันหน่ึงอันเดียวกัน ความรวม แรงรว มใจกนั ความมนี ํ้าหนงึ่ ใจเดียวกนั เพราะการอยูรวมกันหลายๆคน เปนกลุมเปนกอน นนั้ จาํ เปนอยา งยงิ่ ทจ่ี ะตองมีความเปนนํ้าหน่ึงใจเดียวกัน ชวยเหลือเกื้อกูลกันในการทํากิจ ตางๆ ไมเชนนน้ั งานของกลุมคนน้ันๆ กจ็ ะไมสามารถสาํ เรจ็ ได เพราะถา ตา งคนตางแยกกัน ไมมีใครชวยเหลือกัน ตางคนตางอยู เม่ือมีกิจที่จําเปนตองใชคนชวยกันเชนน้ี งานน้ันก็ สําเร็จไมไดมาก แตถาทุกคนในสังคมเดียวกันหรือในกลุมเดียวกันตางรวมมือรวมใจกัน ชวยเหลือกัน งานใหญก็จะกลายเปนงานเล็ก งานยากก็กลายเปนงานงาย เพราะทุกคน ชวยเหลอื กัน แลว ความสขุ ความเจริญกจ็ ะตามมาอยางแนน อน
สมคคฺ านํ ตโป สุโข “ความเพียรของผูพ้ รอ้ มเพรียงกนั ยงั ความสุขใหเ้ กิดข้ึน” ในกลุม คนทงั้ หลายท่อี ยูรวมกนั เปนหมคู ณะ ไมวาจะเปนสังคมขนาดเล็กหรือขนาดใหญ จะ เปนครอบครัวเดยี วกนั หมบู า นเดียวกัน ตําบลเดียวกนั หรอื ทาํ งานรวมกันในบริษัทเดียวกัน เปน ตน ลวนตอ งมคี วามสามัคคเี ปนท่ีตั้ง ความสามัคคีหรือความเปนอันหนึ่งอันเดียวกันน้ัน จะทาํ ใหคนทง้ั หลายที่อยรู วมกันสามารถทํากิจการงานตาง ๆ ใหสําเร็จลุลวงไดโดยเร็วและ สัมฤทธผิ์ ล ไมวางานน้ันจะเล็กหรือใหญ จะงายหรือยาก ถาทุกคนสามัคคีกันและชวยกันลง มือลงแรงเสยี แลว ยอมจะสาํ เร็จไดด ว ยดี ดงั นนั้ ความสามัคคี จึงถือวาเปนคุณธรรมที่สําคัญ มากสาํ หรับหมชู นท่ีอยรู วมกนั เปนหมคู ณะ ถา ขาดความสามัคคีเสียแลว จะทําใหอยูดวยกัน ลาํ บาก ตา งคนตางอยู ไมม ใี ครชว ยเหลอื ใคร เชน น้ีความเดอื ดรอ นยอมจะเกดิ ขึ้นเปนแนแ ท
สุขา สงฺฆสสฺ สามคฺคี “ความพรอ้ มเพรียงของหมูค่ ณะทาํ ใหเ้ กิดสุข” ถาคนในกลมุ เดียวกันหรอื สงั คมเดยี วกนั ไมวาจะเปน สงั คมขนาดเล็กหรือขนาดใหญก็ตาม ขาดความสามัคคี คือแตกคอกนั เสยี แลว การอยรู วมกนั ของคนเหลานน้ั ยอมไมกอความสุข มีแตจะทะเลาะเบาะแวงกัน ชิงดีชิงเดน หรือทํารายกัน แตหากคนในสังคมน้ันมีนํ้าจิต น้ําใจเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน งานเล็กงานใหญก็ชวยเหลือกัน ชวยกันทํา ชวยกันสราง ชวยกนั ดแู ลรกั ษา แบงปน นาํ้ ใจไมตรีใหแ กกันและกัน ถาเปนดังน้ีสังคมน้ันๆ ยอมจะมีแต ความสขุ ความเจริญ อันเปน ผลมาจากความสามัคคขี องหมคู ณะน่ันเอง
สมคคฺ า สขลิ า โหถ “จงสามคั คีมีนํ้าใจตอ่ กนั ” จงเปน ผูสามัคคีปรองดองกัน รจู ักประนีประนอมตกลงกนั ดว ยความปรารถนาดี มีไมตรจี ิตตอกนั หนกั นิดเบาหนอ ยกอ็ ภยั ใหแ กกัน ไมถอื โทษผูกโกรธกนั ดวยจิต เมตตากรณุ าตอกัน
สูกเรหิ สมคฺเคหิ พยฺ คฺโฆ เอกายเน หโต “สุกรทง้ั หลายพรอ้ มเพรียงกนั ยงั ฆา่ เส้ือโคร่งได้ เพราะใจรวมเป็นอนั เดียว” เม่ือพวกเรามีความสามัคคี รวมแรงรวมใจกันเปนหนึ่งเดียว ถาคิดจะทําสิ่งใดท่ีมัน ยากเกินความสามารถหรือส่ิงที่เราคิดวาจะทํามันไมได เมื่อเราสามัคคีกันมันก็ยอม ทจ่ี ะสาํ เร็จได
วิวาทํ ภยโต ทสิ ฺวา อววิ าทฺจ เขมโต สมคคฺ า สขิลา โหถ เอสา พุทฺธานุสาสนี “ทา่ นทงั้ หลายจงเห็นความวิวาทโดยความเป็นภยั และ ความไมว่ ิวาทโดย ความปลอดภยั แลว้ เป็นผูพ้ รอ้ มเพรียง มีความประนีประนอมกนั เถิด น้ีเป็น พระพุทธานุศาสนี” คนที่เห็นการทะเลาะวิวาท การตบตีกันเปนสิ่งที่ไมดี ไมปลอดภัย ยอมเปนคนท่ีมี จิตใจเปนอันหนง่ึ อันเดียว มีนํ้าใจซึ่งกันและกัน มีความเมตตา ประนีประนอม ทุก อยา งนี้เปนคาํ สง่ั สอนของพระพทุ ธเจา
เอโส หิ อตุ ฺตรติ โร ภาราวโห ธรุ นธฺ โร โย ปเรสาธปิ นฺนานํ สยํ สนธฺ าตมุ รหติ “ผูใ้ ดเม่ือคนอ่ืนลว่ งเกินกนั อยู่ ตนเองกลบั หาทางเช่ือมเขาใหค้ ืนดีกนั ได้ ผูน้ ั้นแล ช่ือวา่ เป็นคนเอาภาระ เป็นผูจ้ ดั ธุระท่ีดียอดเย่ียม” เม่ือเวลามีคนอ่ืนกําลังทะเลาะกันอยูหรือไมเขาใจกัน แลวเราสามารถทําใหพวกเขา เขา ใจกัน สามัคคีกันเหมอื นเดิม คนๆน้นั ถอื วาเปน คนทีใ่ จเย็น จัดการความบาดหมางได
สเจป สนฺโต วิวทนตฺ ิ ขปิ ฺป สนฺธียเร ปนุ พาลา ปตฺตาว ภชิ ฺชนฺติ น เต สมถมชฌฺ คู “ถา้ แมน้ สตั บุรุษวิวาทกนั ก็กลบั เช่ือมกนั ไดส้ นิทโดยเร็ว สว่ นคนพาลทง้ั หลาย ยอ่ มแตกกนั เหมือนชนะดิน เขายอ่ มไมไ่ ดค้ วามสงบเวรกนั เลย” ถาคนดีมีคณุ ธรรมประพฤตติ นอยูใ นศีลในธรรมน้ันทะเลาะกันก็จะกลบั มาคนื ดีกนั ได โดยเรว็ ตา งกับคนเลวคนเกเรเมื่อตอนทะเลาะกนั ก็จะขาดความสามัคคี แตกแยก ไม มีความสงบสขุ
สมาชิก 1. เด็กชายจมุ พล พรมณี ม.3/1 เลขท่ี 4 2. เดก็ ชายธรี ว รา เพ็ชรโทน ม.3/1 เลขท่ี 8 3. เด็กหญิงวณชิ ยา แมนบตุ ร ม.3/1 เลขที่ 34 4. เดก็ หญิงสายน้ําผึง้ ประดบั ทอง ม.3/1 เลขที่ 35
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: