เศรษฐกิจชมุ ชน
สำรบญั รำยงำนเลม่ นีจ้ ดั ทำขนึ ้ เพ่ือเป็นสว่ นหนงึ่ ของวิชำ เศรษฐศำสตร์ ชนั ้ มัธยมศกึ ษำ4/7 เพื่อให้ได้ศกึ ษำหำ ควำมร้ใู นเรื่อง เศรษฐศำสตร์และหน่วยเศรษฐกิจ และได้ ศกึ ษำอยำ่ งเข้ำใจเพ่ือเป็นประโยชน์กบั กำรเรียน ผู้จดั ทำหวงั วำ่ รำยงำนเลม่ นีจ้ ะเป็นประโยชน์กับผ้อู ำ่ น หรือนักเรียน นักศกึ ษำท่ีกำลงั หำข้อมูลเรื่องนีอ้ ย่หู ำกมี ข้อแนะนำหรือข้อผิดพลำดประกำรใด ผู้จดั ทำขอน้อมรับไว้ และขออภยั มำณ ท่ีนี ้ ผ้จู ดั ทำและคณะ 27 มกรำคม 2564
ความหมาย เศรษฐกจิ ชุมชนมลี ักษณะสำคญั คอื ครอบครัวเป็น หนว่ ยกำรผลิต แรงงำนของสมำชกิ ในครอบครัว เศรษฐกจิ ชุมชน หมำยถึง กิจกรรมทำงเศรษฐกิจ ตำ่ งๆ ไม่วำ่ จะเป็นกำรผลิตกำรบริโภค เป็นปัจจยั ทส่ี ำคญั ท่ีสุด เป็นปัจจยั ที่สำคญั ตอ่ กำร กำรจำหน่ำยจำ่ ยแจกทีค่ นในท้องถ่นิ ชุมชนได้มี อยู่รอดของครอบครัวตอ่ ควำมพอเพยี ง และตอ่ ส่วนร่วมคดิ ร่วมทำร่วมรับประโยชน์ของประชำชน ควำมสำมำรถในกำรพง่ึ ตนเอง ตำมแนวคดิ และร่วมกนั เป็นเจ้ำของ เศรษฐกิจชมุ ชนมรี ำกฐำน มำจำกศกั ยภำพของชมุ ชน ภมู ิปัญญำของชุมชน เศรษฐกจิ ชมุ ชน ชุมชนเป็นตวั ของตวั เอง มพี ลวตั หรือทุนในชมุ ชน อำทิวฒั นธรรม ประเพณี สภำพ และสำมำรถท่จี ะอยรู่ อดด้วยตวั เองได้ พัฒนำเคยี ง ภูมปิ ระเทศ ควำมหลำกหลำยทำงทรัพยำกรท่ีมี อยู่ คไู่ ปกับพฒั นำกำรของระบบทุนนิยม
พฒั นาการของแนวคิด แตช่ ุมชนหมู่บ้ำนกย็ ังคงดำรงเอกลักษณ์ วฒั นธรรมของตน และยังมีศกั ยภำพในกำร แนวคดิ เศรษฐกิจชุมชนเกดิ จำกกำรพฒั นำกำร เศรษฐกิจของโลกตำมแนวทำงทนุ นยิ ม ได้ พัฒนำตนเอง เชน่ กำรศกึ ษำชุมชนในลำตนิ อเมริกำของโฮเซ คำลอส มำเรียเตกี กำรศกึ ษำ กอ่ ให้เกิดปัญหำและผลเสียหลำยประกำรแก่ ชมุ ชนในประเทศอินเดยี ของมหำตมะคำนธี และ ประเทศทกี่ ำลงั พัฒนำ และในขณะเดยี วกัน กำรศกึ ษำค้นคว้ำเศรษฐกิจชมุ ชนในหลำย งำนศกึ ษำเศรษฐกิจชมุ ชนไทยของฉตั รทพิ ย์ นำถ สภุ ำ และคณะ เป็นต้น ประเทศทำให้มีหลักฐำนในเชิงประจกั ษ์ว่ำ แม้ สังคมเศรษฐกจิ จะได้ผ่ำนพัฒนำกำรมำแล้วหลำย ขนั้ ตอน นับแตช่ มุ ชนบพุ กำลผ่ำนยคุ เจ้ำขนุ มูล นำย ยคุ กำรล่ำอำณำนคิ ม และกำรเตบิ โตของ ระบบทนุ นิยม
แนวคดิ เศรษฐกิจชุมชนในลาติน และให้ออกไปนอกประเทศ เขำได้ไปอยู่ในยโุ รป อเมริกา ของโฮเช่ คาลอน มาเรียเตกี และใช้เวลำศกึ ษำงำนของนกั สงั คมนยิ มหลำยคน มำเรียเตกี (ค.ศ.1890 - 1930) เป็นชำวเปรูมำจำก โดยเฉพำะมำร์กซ์ และจอร์จส์ ซอเรล เม่อื เขำ ครอบครัวคอ่ นข้ำงยำกจน ได้รับกำรศกึ ษำเพยี งชนั้ กลบั มำเปรูอีกครัง้ ก็ได้นำควำมคดิ ของมำร์กซ์มำ ประถม ต้องออกจำกโรงเรียนไปรับจ้ำงทำงำนใน เผยแพร่ โดยปรับให้เข้ำกับสภำวะของลำตนิ โรงพมิ พ์ เขำศกึ ษำด้วยตนเองจนกลำยเป็น นกั เขียนและบรรณำธิกำรวำรสำร มคี วำมคดิ เชงิ อเมริกำ สังคมนยิ ม วจิ ำรณ์กำรเมอื งและสังคมจนรัฐบำล ไมพ่ อใจ
แนวคดิ ของมำเรียเตกี สรุปได้เป็น 2.กำรให้ควำมสำคญั แก่ชำวนำและองคก์ รชุมชน 3 ประกำร คอื ของชำวนำ ลกั ษณะทำงเศรษฐกิจของเปรู ปัญหำ 1.พลังเจตจำนงของมวลชนและของพรรค เชือ่ ว่ำ อันเกดิ จำกระบบฟิวดลั และระบบทนุ นยิ ม มีชมุ ชน เฉพำะชนชนั้ กรรมำชพี ชำวนำและพรรคพวก ของชำวนำซง่ึ เป็นคนอนิ เดยี นดำรงอยู่ตลอดมำ เทำ่ นนั้ จึงจะมพี ลงั แห่งเจตจำนง พลงั แห่งควำม รวมทงั้ ประเมนิ ศกั ยภำพของสถำบนั ชุมชนดงั้ เดมิ เชือ่ และพลังแหง่ อำรมณท์ ี่สำมำรถเปลยี่ น โครงสร้ำงเศรษฐกิจสงั คมได้ ดงั นนั้ เขำจงึ เศรษฐกจิ ของเปรูดงั้ เดมิ ตงั้ แตส่ มัยก่อนเป็นระบบ ผสมผสำนควำมคดิ ปฏวิ ตั ขิ องยโุ รปเข้ำกับกำรให้ สงั คมนิยมเกษตรกรรม มีชุมชนเป็นองค์กรพนื้ ฐำน คณุ คำ่ แก่วฒั นธรรมของชุมชนอนิ เดยี น ซงึ่ เป็นชน เผำ่ พนื้ เมืองในเปรู และเหน็ วำ่ พลังแห่งควำมเช่ือ เป็นองคก์ รเครือญำตคิ รอบครองทีด่ นิ ร่วมกนั และ ในลัทธสิ งั คมนิยมแบบกรรมำชีพ บวกเข้ำกับพลัง มวี ิถีชวี ติ แบบรวมหมู่ กำรรุกรำนของสเปนทำให้มี แห่งวฒั นธรรมชุมชนของชำวอินเดยี นแบบชำวนำ กำรนำเอำระบบฟิวดลั มำใช้ แตต่ อ่ มำหลังกำร ประกำศเอกรำช นำยทนุ เชอื้ ชำตอิ งั กฤษและ อเมริกำได้เข้ำลงทนุ ในอุตสำหกรรมเหมอื งแร่
นำ้ ตำล และควบคมุ เศรษฐกจิ ของชำติ มำเรียเตกี ท่ีวำ่ ระบบเสรีนิยมทเ่ี กดิ ขนึ้ หลังจำกทเ่ี ปรูได้รับ ลงควำมเห็นวำ่ ปัญหำของชำวอินเดยี นคอื ปัญหำ เอกรำชแล้ว แตร่ ะบบฟิวดลั กย็ งั ไมส่ นิ้ สดุ ลง ธุรกิจ กำรขำดท่ีดนิ และกำรแก้ปัญหำคอื กำรจดั ระบบ สำคญั อย่ใู นมือนำยทุนตำ่ งชำติ เจ้ำของท่ดี นิ ทด่ี นิ ใหม่ ซงึ่ จะเป็นกำรทำลำยระบบฟิวดลั ขนำดใหญม่ ีอำนำจมำก ถงึ กระนนั้ “ชมุ ชน” ของ จำกนนั้ มีทำงเลอื ก 2 ทำง คอื แนวทำงทนุ นิยม ใช้ ชำวอินเดยี นก็ยังคงแสดงศกั ยภำพที่จะพฒั นำ ระบบกรรมสทิ ธส์ิ ว่ นตวั ส่วนอกี แนวทำงหนง่ึ คอื สังคมนิยม ซงึ่ ใช้ระบบกรรมสทิ ธร์ิ ่วมกนั ซง่ึ มำเรีย ชุมชนยงั คงรักษำสำระแหง่ กำรร่วมมือกันและกำร ชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั กำรทำงำนอยใู่ น เตกเี ห็นวำ่ ควรใช้แนวทำงท่ี 2 เน่ืองจำกเปรูมี ควำมเป็น “ชุมชน” เหลืออยู่ มำเรียเตกีได้อ้ำง บรรยำกำศทผ่ี ่อนคลำย และนำ่ พึงพอใจด้วยกำร แนวคดิ จำกหนังสือ ชุมชนพนื้ เมอื งของเรำ ของฮิล แข่งขันฉันท์มิตร นอกจำกนนั้ ชมุ ชนยงั สำมำรถ ปรับตวั รับเทคโนโลยใี หมไ่ ด้ด้วย เดอร์ แบนโด คลำสโด โปโซ
3.ชำตนิ ยิ มและอนิ เดยี นนยิ ม ระบบสังคมนยิ มใน ดงั นนั้ ชำวอินเดยี นจะต้องมบี ทบำทสำคญั ใน เปรูจะต้องเป็นสงั คมนยิ มที่เป็นชำตนิ ยิ ม และเป็น กระบวนกำรปฏวิ ตั ลิ ้มลำงระบบฟิวดลั เขำให้ อินเดยี นนิยมพร้อม ๆ กนั ไป ซง่ึ กำรเปล่ียนแปลง ควำมสำคญั แก่ศกั ยภำพของชมุ ชน และพลงั ของ ไปสู่ระบบสงั คมนิยมของเปรูตำ่ งไปจำกยโุ รป วฒั นธรรมชมุ ชนด้วย เพรำะในยุโรปทีค่ รอบงำเป็นทุนชำตเิ ดยี วกนั แต่ กับเปรูทนุ ทีค่ รอบงำเป็นทุนตำ่ งชำติ ดงั นนั้ กำร ตอ่ ส้ใู นเปรูจงึ เป็นทงั้ กำรตอ่ ส้ขู องชนชนั้ และกำร ตอ่ สู้ของเชอื้ ชำติ ชำวอินเดยี นส่วนใหญ่ของทงั้ ประเทศเป็นชำวนำ ในขณะทเ่ี จ้ำของท่ดี นิ คอื ชำว สเปน หรือเชอื้ สำย และปัญหำสำคญั ท่จี ะต้อง แก้ไขคอื ปัญหำทีด่ นิ
แนวคิดเศรษฐกิจชมุ ชนหม่บู ้านของ จะใช้วธิ ีอืน่ ไม่ได้ แนวคดิ นไี้ ด้มำจำกหลกั พนื้ ฐำน ในคมั ภีร์ภควัทดตี ำของศำสนำฮินดทู ่ีวำ่ ให้กระทำ มหาตมะคานธี กำรโดยปรำศจำกควำมเห็นแก่ตวั ให้ทำตำม ควำมพเิ ศษของแนวคดิ ของคำนธคี อื อ้ำงอิงกบั หน้ำท่ี ไม่ต้องคำนงึ ถึงผล ถือวำ่ กำรกระทำทุก ควำมเชื่อ และปรัชญำศำสนำของชำวอินเดยี เป็น อย่ำงเป็นกำรทำให้พระเจ้ำ คำนธีเหน็ วำ่ กำรไมใ่ ช้ แนวคดิ ที่ไม่แยกระหว่ำงอภปิ รัชญำ จริยธรรมกับ เศรษฐกจิ และกำรเมอื ง ไมแ่ ยกระหวำ่ งทำงโลก ควำมรุนแรงเป็นหลักทวั่ ไปท่เี ป็นพนื้ ฐำน กับทำงธรรมไมแ่ ยกระหวำ่ งวัฒนธรรม ควำมเชอื่ ควำมสัมพันธ์ของมนุษย์ ควรปฏิบตั กิ ันในทกุ มิติ เดมิ กบั อุดมกำรณ์เศรษฐกจิ กำรเมอื งสมัยใหม่ ของควำมสัมพนั ธ์ของผู้คนตงั้ แตภ่ ำยในครอบครัว แนวคดิ หลักของคำนธกี ็คอื คำนธเี ห็นวำ่ เป้ำ จนถึงสังคมใหญ่ กิจกรรมทำงเศรษฐกจิ ของ หมำยหลักของชวี ิตคอื เข้ำให้ถึงพระเจ้ำ ซงึ่ กค็ อื มนษุ ย์ต้องมงุ่ เพื่อจุดหมำยของชวี ิตคอื ยกระดบั เข้ำให้ถึงควำมจริง และกำรเข้ำถึงควำมจริงได้ต้อง ไมใ่ ช้ควำมรุนแรง จติ ใจให้เข้ำใกล้พระเจ้ำเศรษฐกจิ ต้องถูกกำกับ ด้วยจริยธรรม
เศรษฐศำสตร์ต้องเป็นเร่ืองเดยี วกับศำสนำหรือ แนวคดิ ทำงเศรษฐกิจของคำนธี จติ วญิ ญำณ และเม่อื เป็นเชน่ นแี้ ล้วกจ็ ะไมม่ ีกำร ประกอบด้วยแนวคดิ หลกั 6 ประกำร ขูดรีดใด ๆ ดงั ตอ่ ไปนี ้ 1. ระบบเศรษฐกจิ จะต้องมีคณุ ธรรมกำกับ ระบบเศรษฐกจิ จะต้องมคี ณุ ธรรมกากบั คำนธี เชือ่ ว่ำหลักเศรษฐศำสตร์ที่จะนำมำเป็นหลกั ใน กำรพัฒนำสังคมและกำรกำหนดนโยบำยพฒั นำ ประเทศ จะต้องมีหลักกำรพนื้ ฐำนทำงจริยธรรม เป็นตวั กำกบั ระบบอำณำนิคมและกำรขยำยตวั ของทนุ นยิ มเป็นตวั ทำลำยระบบเศรษฐกิจดงั้ เดมิ ของประเทศอนิ เดยี โดยกำรดดู กลืนทรัพยำกรจำก ชนบทไปสูเ่ มอื งใหญ่ ๆ
ในอนิ เดยี และสู่ประเทศอังกฤษ ระบบอุตสำหกรรม 2. แนวคดิ เร่ืองกำรจำกัดควำมต้องกำร ขนำดใหญ่ในเมอื งเป็นตวั ทำลำยหตั ถกรรมและ แนวคดิ เร่ืองการจากดั ความต้องการ หลักคดิ อตุ สำหกรรมรำยยอ่ ยของคนพนื้ เมอื ง ทำให้คน ทำงเศรษฐศำสตร์ของคำนธี มขี ้อแตกตำ่ งไปจำก เหลำ่ นตี้ ้องถอยร่นกลับสชู่ นบทกลำยเป็นตวั ซำ้ เตมิ หลกั เศรษฐศำสตร์ทัว่ ไปคอื คำนธเี ชือ่ ว่ำ ปัญหำกำรว่ำงงำนในชนบทท่มี ำกอยูแ่ ล้วให้ พฤตกิ รรมทำงเศรษฐกิจของมนุษย์จะต้องควบคไู่ ป กบั พฤตกิ รรมทำงศลี ธรรม ดงั นนั้ เม่ือกล่ำวถงึ เลวร้ ำยลงไปอีก ควำมพึงพอใจ ของมนษุ ย์ คำนธีจงึ มิได้มองในแง่ ของควำมพึงพอใจโดดๆ แตเ่ น้นยำ้ ว่ำ ควำมพึง พอใจของมนษุ ย์จะต้องผ่ำนกระบวนกำรกล่อม เกลำด้ำนควำมรู้ ประสบกำรณแ์ ละกำกับโดยหลกั จริยธรรม
อำจกลำ่ วได้ว่ำ แนวคดิ ตอ่ ควำมพึงพอใจของ 3. แนวคดิ เรื่องกำรใช้แรงงำนเพอื่ อำหำร มนษุ ย์ในควำมคดิ ของคำนธี เป็นแนวคดิ ใน ในควำมเห็นของคำนธี แรงจงู ใจให้คนทำงำนควร เป็นกำรเห็นคณุ คำ่ ทำงจริยธรรม ศลี ธรรมและจิต ลกั ษณะเชงิ อุดมคติ หรือมองในลักษณะ “ส่ิงท่คี วร จะเป็น” หรือควำมพงึ พอใจที่มีฐำนทำงคณุ ธรรม วิญญำณของงำนนนั้ คอื กำรยกระดบั จิต และแนวคดิ นเี้องท่เี ป็นหวั ใจของหลกั เศรษฐศำสตร์ วิญญำณของผ้ทู ำงำน เป็นกำรทำงำนเพอื่ บริกำร ผู้อ่ืน ในสงั คมทค่ี ำนธเี สนอ ผ้คู นจะชอบกำร ของคำนธี ทำงำน พำกันผลิตส่งิ ของที่ทำให้เกิดควำมสขุ ใจ และยกระดบั จิตวิญญำณ น่นั คอื ผลิตสงิ่ ของทม่ี ี “คณุ คำ่ ในกำรใช้สอย” เป็นกำรผลติ โดยสมคั รใจ และไมม่ ีคำ่ ตอบแทน เช่น กำรทำครัวดแู ลสวน เลีย้ งลกู เป็นต้น สมำชิกในสงั คมจะทำงำนเพ่ือ เลยี้ งชีพโดยใช้เวลำสว่ นหนึง่ เวลำส่วนทเี่ หลือเป็น กำรทำงำนเพอ่ื ให้บริกำรแกเ่ พ่ือนมนษุ ย์
4. แนวคดิ เรื่องกำรกระจำยผลผลิตและเทคโนโลยี เศรษฐกจิ ไปจนถึงกำรผูกขำดอำนำจทำง เศรษฐกิจและกำรเมอื งไว้ในมือของคนกลมุ่ เดยี ว ในบรรดำควำมคดิ ทำงเศรษฐศำสตร์ของคำนธี แนวคดิ ทคี่ ดั ค้ำนกำรพัฒนำอตุ สำหกรรมและ ขณะทป่ี ระชำชนสว่ นใหญจ่ ะถกู เอำเปรียบและ คดั ค้ำนกำรใช้เคร่ืองจักรกลดจู ะเป็นที่รับรู้กันมำก ปรำศจำกอำนำจ ซง่ึ เป็นสิ่งท่ีตรงกันข้ำมกบั ควำม ที่สุด แตโ่ ดยแท้จริงแล้ว คำนธีมไิ ด้คดั ค้ำน ปรำรถนำของคำนธี ท่ีอำนำจในสังคมจะอยู่ในตวั อุตสำหกรรมเคร่ืองจกั รกลและเทคโนโลยี โดยตวั ของมันเอง เขำเห็นวำ่ โดยสภำพพนื้ ฐำนของสงั คม ประชำชนคนธรรมดำและชมุ ชนหม่บู ้ำน คำนธี อนิ เดยี ทเ่ี ป็นสงั คมกสกิ รรม มีประชำกรทม่ี ีกำร เสนอทำงออกด้วยกำรกระจำยกำรผลิตลงไปที่ ว่ำงงำนและกำรว่ำงงำนแอบแฝงจำนวนมำก แต่ กลับจะยิง่ ซำ้ เตมิ ภำวะกำรว่ำงงำนให้เลวร้ำยลง ประชำชนและหมบู่ ้ำน โดยเน้นกำรพฒั นำ ไปอกี เพรำะเครื่องจกั รจะเข้ำมำทดแทนแรงงำน อุตสำหกรรมขนำดยอ่ ม เกษตรกรรม และปศสุ ัตว์ มนษุ ย์ อีกทงั้ จะทำให้เกดิ กำรรวมศนู ย์อำนำจทำง สำหรับอตุ สำหกรรมหลกั ที่จะสนับสนนุ กำรพฒั นำ อตุ สำหกรรมขนำดย่อม เช่นไฟฟ้ำ ถำ่ นหนิ เหลก็ กล้ำ รถไฟ กำรผลติ เครื่องจักรตำ่ งๆ
กใ็ ห้อยูใ่ นกำรควบคมุ ของรัฐ คำนธีได้ให้ข้อเสนอ 5. แนวคดิ เรื่องชุมชนและสงั คมพง่ึ ตนเอง ทน่ี ่ำสนใจว่ำ กำรกระจำยรำยได้จะเป็นจริงก็ ควำมคดิ เรื่องชุมชนและสังคมพ่ึงตนเอง นบั หัวใจ หลกั ของแนวคดิ ทำงเศรษฐกิจของคำนธี แนวคดิ ตอ่ เมอ่ื มีกำรกระจำยกำรผลิต กำรกระจำยรำยได้ และกำรกระจำยผลผลติ จะต้องกระทำไปด้วยกนั และหลักกำรตำ่ งๆ ทีไ่ ด้กล่ำวมำข้ำงต้น ได้แก่ และอย่ใู นท้องถิน่ เดยี วกัน แนวคดิ เรื่องกำรกำจัดควำมต้องกำร กฎกำรใช้ แรงงำนเพือ่ อำหำร รวมทงั้ กำรกระจำยกำรผลติ และเทคโนโลยี กล็ ้วนเป็นแนวคดิ ทป่ี ทู ำงไปสูเ่ รื่อง กำรพึ่งตนเองของสงั คมและชุมชน แนวคดิ ชมุ ชน ของคำนธคี อื แนวคดิ กำรปกครองตวั เอง ซง่ึ กำร ปกครองตนเองนนั้ จะเป็นไปได้กต็ อ่ เมอ่ื มกี ำร ควบคมุ ตนเองได้ มกี ำรข่มใจจำกดั ตวั เองให้พอดี เหมำะสม
ซงึ่ จะทำได้กต็ อ่ เมอ่ื บคุ คลจะต้องมจี ริยธรรม จึง 6. แนวคดิ เรื่องทรัสตชี พิ ต้องยึดถอื ควำมสตั ย์จริง และไม่ใช้ควำมรุนแรง หลักกำรทรัสตชี พิ คอื กำรผนวกข้อดขี องกิจกำร เอกชนเข้ำกับกำรเป็นเจ้ำของโดยสังคม คำนธีเน้น คำนธเี ห็นว่ำ สังคมอนิ เดยี ควรประกอบไปด้วย ชมุ ชนหมบู่ ้ำนท่ตี ำ่ งก็ปกครองตนเองเป็นอสิ ระตอ่ ทก่ี ำรเปล่ยี นระบบคณุ คำ่ ทชี่ ักใยอยเู่ บอื้ งหลังกำร กนั แตช่ ว่ ยเหลอื ซง่ึ กันและกนั เขำตอ่ ต้ำนกำรรวม ดำเนินกิจกรรมทำงเศรษฐกจิ และเป็นตวั กำหนด สถำบนั ตำ่ งๆ ในสังคม ในชว่ งแรกๆ ของกำรเสนอ ศนู ย์ โดยเหน็ วำ่ กำรรวมศนู ย์เข้ำกันไมไ่ ด้กบั โครงสร้ำงสงั คมท่ีไมใ่ ช้ควำมรุนแรง กำรทคี่ ำนธี แนวคดิ นี้คำนธีจะพยำยำมอธบิ ำยถึงคณุ คำ่ และ มมุ มองใหม่ และเรียกร้องตอ่ คนรวยว่ำ คนรวย เชื่อในกำรปกครองตนเองของหมบู่ ้ำนเป็นเพรำะ เขำเชื่อและเห็นควำมสำคญั ในศกั ยภำพของ มใิ ช่เจ้ำของทรัพย์สมบตั ิ ทรัพย์สมบตั จิ ริงๆ ล้วน ชำวบ้ำนธรรมดำ แนวควำมคดิ ของเขำถกู จัดเป็น เป็นของสังคม คนรวยจะต้อง แนวคดิ อนำธิปัตย์นิยม คอื สงั คมทีป่ รำศจำกรัฐ และหมู่บ้ำนจะเป็นหม่บู ้ำนทปี่ กครองตนได้ก็ ตอ่ เมือ่ หมูบ่ ้ำนพึ่งตนเองได้
มองตนเองเป็นเพียงผ้ดู แู ล ทรัพย์สินเหล่ำนนั้ และ ทฤษฎีใหม่ ใช้ทรัพย์สินนนั้ เพอ่ื สง่ิ จำเป็นในชีวติ เทำ่ นนั้ สว่ นท่ี หลกั สำคญั ของ “ทฤษฎใี หม่” มี 3 ขนั้ ตอน เหลอื จะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สว่ นรวมของ คอื สงั คม เขำอธบิ ำยว่ำ ข้อเสนอของเขำตรงข้ำมกบั ขนั้ ที่ 1 (พอเพยี งในระดบั ครอบครัว) : ให้ แนวคดิ สังคมนยิ ม ซง่ึ ต้องกำรจะจัดกำรเกบ็ ทรัพย์ เกษตรกรมคี วำมพอเพยี ง โดยเลยี้ งตวั เองได้ระดบั สมบตั ทิ ่ีเจ้ำของทีด่ นิ และเจ้ำนำยผู้ปกครองทไ่ี ด้ ยดึ ถือไว้ ข้อเสนอของเขำเพยี งแคต่ ้องกำรให้พวก ชีวิตที่ประหยดั ก่อนผลิต เพื่อให้บริโภคใน ครัวเรือน ทงั้ นตี้ ้องมคี วำมสำมัคคใี นท้องถ่ิน ชนชนั้ เหลำ่ นกี้ ้ำวพ้นจำกควำมโลภและควำมรู้สึก เป็นเจ้ำของ ขนั้ ที่ 2 (พอเพียงในระดบั ชมุ ชน) : ให้ เกษตรกรรวมพลงั กันในรูปกลมุ่ หรือสหกรณ์ ร่วม แรงในกำรผลิต กำรตลำด ควำมเป็นอยู่ สวสั ดกิ ำร กำรศกึ ษำ และศำสนำ
ขนั้ ที่ 3 (พอเพียงในระดบั ประเทศ) : ตดิ ตอ่ ฐานคดิ ร่วมมือกับองค์กรธุรกิจ เช่น แหล่งเงนิ (ธนำคำร) 1. เน้นกำรพฒั นำอยำ่ งบรู ณำกำร มคี นเป็น และแหลง่ พลงั งำน (บริษทั นำ้ มนั ) เป็นต้น ในกำร ศนู ย์กลำงของกำรพัฒนำ และยดึ พนื้ ทเ่ี ป็นหลัก ทำธุรกิจ และกำรพัฒนำคณุ ภำพชีวิต ทงั้ นที้ งั้ เพอ่ื ให้กำรพัฒนำตอบสนองควำมต้องกำรของคน ฝ่ำยเกษตรกรและฝ่ำยธนำคำรกบั บริษัทจะได้รับ ในชมุ ชน และสอดคล้องกับศกั ยภำพของท้องถนิ่ ประโยชน์ 2. สร้ำงภำคแี ละเครือขำ่ ยควำมร่วมมือ ใน ทมี่ ำ : พระรำชดำรัส : คมู่ ือกำรดำเนินชวี ิต ลกั ษณะ “พหภุ ำค”ี เพอื่ ประสำน “พลัง สำหรับประชำชน ปี 2541 และทฤษฎใี หม่ สร้ำงสรรค”์ ทงั้ จำกภำครัฐ ภำคเอกชน ภำค ประชำชน โดยมีองคก์ รชุมชนเป็นแกนกลำง สว่ น ภำคอี นื่ ๆ ทำหน้ำทีช่ ว่ ยกระต้นุ อำนวยควำม สะดวก สง่ เสริม และสนบั สนุนกำรพัฒนำ
3. เร่ิมกำรพฒั นำจำกชุมชนท้องถ่นิ ไปสู่ แนวทางปฏบิ ตั ิ 1. สร้ำงเวทีกำรเรียนรู้ ระดบั ชำติ และให้องค์กรชุมชนเป็นจักรกลสำคญั 2. วเิ ครำะห์ศกั ยภำพของท้องถ่นิ ในกำรดำเนินกำร 3. วำงแผนพฒั นำ 4. ส่งเสริมกำรรวมกล่มุ ชำวบ้ำนและกำร 4. ส่งเสริมกำรรวมกลุ่ม สร้ำงเครือขำ่ ยองค์กรชุมชน เพ่อื ให้คนในชมุ ชนมี สว่ นร่วมในกำรพฒั นำ และสร้ำงกระบวนกำร 5. พฒั นำเทคโนโลยีกำรผลิต เรียนรู้ร่วมกนั 6. พฒั นำระบบตลำด 5. ใช้กจิ กรรมเศรษฐกิจสร้ำงกำรเรียนรู้และ 7. พฒั นำกิจกรรมทำงด้ำนกำรศกึ ษำ สร้ำงอำชีพทห่ี ลำกหลำย 8. วิจัยเพื่อสนบั สนุน 6. ยดึ ปรัชญำกำรพฒั นำเศรษฐกิจชุมชน ตำมแนวพระรำชดำรัส “กำรพฒั นำเศรษฐกจิ แบบ 9. สร้ำงศนู ย์กำรเรียนรู้ พอเพียง” ตำมขนั้ ตอนของ “ทฤษฎใี หม่” 10. สร้ำงหลักสูตร 11. พัฒนำระบบข้อมลู ข่ำวสำร 12. เผยแพร่ข้อมลู ข่ำวสำรกำรพฒั นำ
สรุป เอกสำรอ้ำงอิง กำรพฒั นำเศรษฐกิจชมุ ชนให้ควำมสำคญั บญุ เพรำะ แสงเทยี น. (2558). กฏหมำยธรุ กจิ เพ่ือ ตอ่ กำรสร้ำงกระบวนกำรเรียนรู้ให้แก่คนในชมุ ชน กำรจดั กำร.พมิ พ์ครัง้ ท่ี 2. กรุงเทพฯ : บริษทั ท้องถิ่น จงึ เป็นกำรพฒั นำ ทเ่ี น้นกระบวนกำร วิทยพัฒน์ จำกัด. มำกกวำ่ รูปแบบ และต้องกำรควำมตอ่ เนื่องใน บญุ เพรำะ แสงเทียน. (2560). กฏหมำยธุรกิจเพ่ือ กำรจัดกำร. พมิ พ์ครัง้ ท่ี 3. กรุงเทพฯ : บริษทั กำรปฏบิ ตั ริ วมทงั้ ให้ควำมสำคญั ตอ่ กำรพัฒนำท่ี วทิ ยพฒั น์ จำกัด. พนติ นำถ เยน็ ทรัพย์. (2558). เริ่มจำก ฐำนทรัพยำกรในท้องถิ่น (ทนุ ในชมุ ชน) กฎหมำยธุรกิจ. พิมพ์ครัง้ ที่ 2. กรุงเทพฯ : ทริป เปิล้ เอ็ดดเู คชั่น. ตลอดจนกำรมสี ่วนร่วมของพหุภำคี ได้แก่ ภำครัฐ ภูมชิ ยั สวุ รรณดมี ำนติ ย์ จมุ ปำ ชติ ำพร พศิ ลยบตุ ร ภำคธุรกิจ องคก์ รพัฒนำเอกชน นักวิชำกำร โต๊ะวเิ ศษกลุ . (2549). ควำมรู้เบอื้ งต้น สอื่ มวลชน ฯลฯ เพือ่ นำไปสูก่ ำรพฒั นำชมุ ชน ท้องถิ่นอยำ่ งบรู ณำกำร ซง่ึ เป็นรำกฐำนทส่ี ำคญั ของกำรพัฒนำประเทศอยำ่ งย่ังยืน
สมำชิกชนั้ มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 4/7 เตขทัต วฒุ ยิ ำลยั เลขที่ 15 สหรัฐ โกศล เลขที่ 17 วรวุฒิ โมลี เลขท่ี 18 จกั รชยั ดเู บ เลขท1่ี 9
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: