Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 6619_1611922870882_กฏหมายเบื้องต้น

6619_1611922870882_กฏหมายเบื้องต้น

Published by ขุนแผน ตะโพนไทย, 2021-02-02 07:11:02

Description: 6619_1611922870882_กฏหมายเบื้องต้น

Search

Read the Text Version

กฎหมายเบอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั กฎหมาย

คำนำ สำรบญั รายงานเล่มน้จี ดั ทาขน้ึ เพ่อื เป็นส่วนหน่ึงของ เรอ่ื ง วชิ าเศรษฐศาสตรช์ นั้ มธั ยมศกึ ษา4/7เพอ่ื ให้ได้ ศกึ ษาหาความรใู้ นเรอ่ื งเศรษฐศาสตรแ์ ละหน่วย หน้า เศรษฐกจิ และได้ศกึ ษาอย่างเขา้ ใจเพอ่ื เป็นประโยชน์ กบั การเรยี น ความหมายของกฎหมาย 1-2 ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานเลม่ น้จี ะเป็นประโยชน์กบั ความสาคญั ของกฎหมาย 4 ผอู้ า่ นหรอื นักเรยี นนักศกึ ษาทก่ี าลังหาข้อมูลเรอ่ื งน้ี อยู่หากมขี ้อแนะนาหรอื ข้อผดิ พลาดประการใด ท่มี าหรอื บอ่ เกิดกฎหมาย 5-6 ผจู้ ดั ทาขอน้อมรบั ไว้และขออภยั มา ณ ทน่ี ี้้ ประเภทของกฎหมาย 7-8 ผจู้ ดั ทาและคณะ ลาดบั ชนั้ ของกฎหมาย 9-11 20 มกราคม 2564 ประมวลกฎหมายเพ่งและพาณิชย์ 12-18 ความแตกตา่ งระวงั ความผิดทางอาญา และความผดิ ทางเพ่ง 19-25 บทสรปุ 26-32 เอกสารอา้ งอิง 33 บรรณานุกรม 34

ควำมหมำยของกฎหมำย ลกั ษณะสาคญั ของกฎหมาย คาว่า กฎหมาย ตามพจนานุกรมฉบบั สามารถจาแนกลกั ษณะสาคญั ของกฎหมาย ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542 นนั้ หมายถงึ กฎที่ ได้ 5 ประการ คอื สถาบนั หรอื ผู้มอี านาจสูงสุดในรฐั ตราข้นึ หรอื ที่ เกดิ ข้นึ จากจารตี ประเพณีอนั เป็นทย่ี อมรบั นับถอื 1.กฎหมายตอ้ งเป็นคาสงั่ หรอื ข้อบงั คบั ทอี่ อกใช้ เพอื่ ใชใ้ นการ บรหิ ารประเทศ เพอื่ ใช้บงั คบั บคุ คล บงั คบั แก่ประชาชนในบา้ นเมอื งใดบา้ นเมอื ง ใหป้ ฏบิ ตั ติ ามหรอื เพอ่ื กาหนดระเบยี บแหง่ หนง่ึ ความสมั พนั ธ์ระหว่างบคุ คลหรอื ระหวา่ งบคุ คล 2.กฎหมายต้องเป็นคาสงั่ หรอื ข้อบงั คบั ทมี่ าจาก กบั รฐั รฏั ฐาธปิ ัตยผ์ ู้มอี านาจสูงสุดในการปกครอง บา้ นเมอื งนนั้ 3.กฎหมายตอ้ งเป็นคาสงั่ หรอื ขอ้ บงั คบั ทใ่ี ช้ บงั คบั แกค่ นทวั่ ไป มใิ ช่บงั คบั แกบ่ คุ คลใดหรอื กลุ่มใด โดยเฉพาะ

4.กฎหมายนนั้ เมอ่ื มกี ารบงั คบั ใชแ้ ล้วย่อมมผี ล ความสาคญั ของกฎหมาย บงั คบั ตลอดไปจนกวา่ จะมกี ารแก้ไข กฎหมายเป็นบรรทดั ฐานทางสงั คมอยา่ งหนง่ึ ซง่ึ เปลยี่ นแปลงหรอื ยกเลกิ เป็นกฎเกณฑท์ ใ่ี ช้บงั คบั ความประพฤตขิ อง 5. กฎหมายตอ้ งมสี ภาพบงั คบั ซง่ึ อาจมสี ภาพ สมาชกิ ในสงั คมใหเป็นไปในทานองเดยี วกนั ทา บงั คบั ในทางอาญา เช่น จาคกุ หรอื ปรบั ในทาง ใหสงั คมมรี ะเบยี บวนิ ัยและสงบเรยี บรอ้ ย หากไม่ แพง่ เชน่ ใหช้ ดใช้คา่ เสยี หาน หรอื ยดึ ทรพั ย์ หรอื มกี ฎหมายมนุษย์ซง่ึ มกั จะชอบทาอะไรตามใจ ทางใดอนื่ ใด เชน่ ให้การกระทานนั้ ไรผ้ ล หรอื ใช้ ตนเองถา้ ตางตนตางทาตามใจและการกระทานนั้ บงั คบั มาได้ เป็นต้น (บญุ เพราะ แสงเทยี น. 2560) ทาใหผู้อน่ื ไดร้ บั ความเสยี หายกจ็ ะเกดิ ปัญหา ความขดั แยง้ มกี ารลา้ งแคน้ ไดโ้ ตต้ อบกนั ไป โตต้ อบกนั มาไมมที สี่ ้นิ สุดเพราะไมม่ กี ฎหมายเขา ไปจดั การใหความเปนธรรมในทส่ี ุดสงั คมนนั้ ประเทศนนั้ กจ็ ะลม่ สลายไม่สามารถ ดารงอยูได้

ทม่ี าหรอื บอ่ เกดิ ของกฎหมาย 2.กฎหมายไมเ่ ป็นลายลกั ษณ์อกั ษรเป็นกฎ คาวา่ ทมี่ าหรอื บอ่ เกดิ ของกฎหมาย นกั วชิ าการ หมายทไี่ มม่ ผี ้ใู ดบญั ญตั ขิ ้นึ เมอ่ื พจิ ารณาประ มวลกฎหมายแพง่ และพานชิ ย์ซงึ่ เป็นกฎหมาย ดา้ นกฎหมายหลายท่านให้ความ พ2.้นื1กฐาฎนหมายจารตี ประเพณี หมายไว้แตกตา่ งกนั บางทา่ นหมายถงึ แหลง่ ทม่ี า หรอื บอ่ เกดิ ของกฎหมายบางทา่ นหมายความถงึ 2.2หลกั กฎหมายทวั่ ไป แหล่งทจ่ี ะคน้ พบกฎหมายหรอื บางท่านอาจ หมายความถงึ ศาลหรอื ผ้ทู จ่ี ะนากฎหมายไปปรบั ใ1ช.ก้กฎบั หคมดทาี ยเ่ี กทดิ เี่ ปข็้นนึ ลายลกั ษณ์อกั ษร หมายถงึ กฎหมายทรี่ ฐั ตราขน้ึ ไว้เป็นข้อบงั คบั กาหนด ความประพฤตขิ องบคุ คลและประกาศให้ราษฎร ทราบ

ประเภทของกฎหมาย (1) กฎหมายมหาชนคอื กฎหมายทก่ี าหนด ความสมั พนั ธ์ระหว่างรฐั กบั พลเมอื งของรฐั ในฐานะ เกณฑ์การแบง่ ประเภทของกฎหมายมอี ยู่ 2 วธิ ี หลกั ๆ คอื แบง่ ตามลกั ษณะความสมั พนั ธ์ ทร่ี ฐั มอี านาจเหนอื พลเมอื ง ระหวา่ งคกู่ รณี และแบง่ ตามลกั ษณะของการใช้ (2) กฎหมายเอกชน กฎหมายเอกชนเป็น กฎหมาย กฎหมายซง่ึ รฐั ไดบ้ ญั ญตั ขิ ้นึ เพอ่ื กาหนด 1.การแบง่ ประเภทของกฎหมายตามลกั ษณะ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งเอกชนตอ่ เอกชนดว้ ยกนั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคกู่ รณีวา่ เป็นกฎหมายวา่ (3) กฎหมายระหว่างประเทศ คอื หลกั กฎหมาย ดว้ ย ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งใครกบั ใคร หรอื ข้อตกลงรว่ มกนั ทก่ี าหนดความสมั พนั ธ์ การแบง่ ประเภทของกฎหมายตามหลกั เกณฑน์ ้มี ี ระหว่างรฐั ตอ่ รฐั ดว้ ยกนั หรอื ระหว่างรฐั ตอ่ 3 ประเภท คอื องคก์ ารระหว่างประเทศ เช่น องคก์ าร สหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศ แบง่ ออกเป็น 3 สาขา

ลาดบั ชนั้ ของกฎหมาย 2. พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญ เป็น กฎหมายทอี่ ธบิ ายขยายความเพอ่ื ประกอบ กฎหมายลายลกั ษณ์อกั ษรทใ่ี ช้บงั คบั อยมู่ หี ลาย ประเภท และมชี อื่ เรยี กแตกตา่ งกนั การจดั ลาดบั เน้อื ความในรฐั ธรรมนูญให้สมบรู ณ์ละเอยี ดชดั ชนั้ ของกฎหมายจงึ มคี วามสาคญั ต่อกระบวน 3เจ.นพระตราามชทบร่ีญั ฐั ธญรตัรม/ิ พนรูญะกราาชหกนาดหนด/ประมวล วธิ กี ารตา่ งๆ ทางกฎหมาย ไมว่ ่าจะเป็นการใช้ กฎหมาย พระราชบญั ญตั ิ เป็นกฎหมายลาดบั ชนั้ การตคี วาม และการยกเลกิ กฎหมาย ซง่ึ เกณฑ์ที่ รองลงมาจากรฐั ธรรมนูญ เพราะพระราชบญั ญตั ิ ใช้ในการกาหนดลาดบั ชนั้ ของกฎหมายนนั้ จะ ออกมาเป็นกฎหมายโดยอาศยั อานาจรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาจากองคก์ รที่มอี านาจในการออก โดยตรง ก1.ฎรหฐั ธมรารยมนลูญาดเบัปช็นนั้กขฎอหงมกาฎยหสมูงาสยุดเทปก็่ีนาดหงั นน้ดี รปู แบบการปกครองและระเบยี บบรหิ ารราชการ 4. พระราชกฤษฎกี า เป็นกฎหมายทกี่ าหนดราย ละเอยี ดซง่ึ เป็นหลกั การยอ่ ยๆ แผ่นดนิ ตลอดจนสทิ ธติ า่ ง ๆ

5. กฎกระทรวง/ประกาศกระทรวง กฎกระทรวง ประมวลกฎหมายแพง่ เป็นกฎหมายทอ่ี อกโดยฝ่ายบรหิ ารและไม่ต้อง และ ผา่ นการพจิ ารณาเหน็ ชอบจากรฐั สภา ซงึ่ มี ลกั ษณะคล้ายกบั พระราชกฤษฎกี า แต่มศี กั ดขิ์ อง พาณชิ ย์ กฎหมายทต่ี ่ากวา่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ (ป.พ.พ.)เป็น 6. ขอ้ บญั ญตั ทิ อ้ งถนิ่ เป็นข้อบญั ญตั ทิ กี่ ฎหมาย ประมวลกฎหมายแพง่ อนั เป็นกฎหมายสาร ใหอ้ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ มอี านาจบญั ญตั ิ บญั ญตั ิ แห่งประเทศไทย เรมิ่ รา่ งครงั้ แรกใน ร.ศ. 127 ตรงกบั พ.ศ. 2451 ใน รชั กาลพระบาทสมเดจ็ ข้นึ ใชบ้ งั คบั คอื มอี านาจในการออกข้อบญั ญตั ไิ ด้ พระปรมนิ ทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจลุ จอมเกล้า ดว้ ยตนเอง ซง่ึ อานาจในการทอ่ี งคก์ รปกครอง เจ้าอยู่หวั ภายหลงั การ ประกาศใช้กฎหมาย สว่ น ท้องถน่ิ ใชใ้ นการตรากฎหมายเพอื่ ใช้บงั คบั ลกั ษณะอาญาเมอื่ ปีเดยี วกนั เพอื่ รเิ รม่ิ ขอยกเลกิ ในท้องถนิ่ ในรปู แบบของข้อบญั ญตั ทิ อ้ งถนิ่ นนั้ บรรดาสนธสิ ญั ญาทร่ี าชอาณาจกั ร สยามทาไว้กบั ตา่ งประเทศอนั มผี ลให้สยามตอ้ งเสยี เปรยี บในดา้ น

โครงสรา้ งของประมวลกฎหมายแพง่ และ ลกั ษณะ 3 ทรพั ย์ ลกั ษณะ พาณชิ ย์ ประกอบดว้ ยบทบญั ญตั ิ 6 บรรพซงึ่ เป็น 4 นติ กิ รรม ลกั ษณะ การจดั หมวดหมู่อย่างประมวลกฎหมายแพ่ง 5 ระยะเวลา ลกั ษณะ เยอรมนั ทม่ี ี5 บรรพแตไ่ ทยไดแ้ ยกเอาเรอ่ื งหน้ี 6 อายุความ ลกั ษณะ บรรพ 2 หน้ี ประกอบดว้ ยบทบญั ญตั ิ เฉพาะ จากบรรพ 2 หน้ี มาไว้เป็นบรรพ 3 5 ลกั ษณะ ดงั น้ี ลกั ษณะ เอกเทศสญั ญา อกี บรรพหนึ่ง โดยบรรพทงั้ หก 1 บทเบด็ เสรจ็ ทวั่ ไป ลกั ษณะ ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยม์ ดี งั น้ี 2 สญั ญา ลกั ษณะ บรรพ 1 หลกั ทวั่ ไป ประกอบดว้ ยบทบญั ญตั ิ 6 3 จดั การงานนอกสงั่ ลกั ษณะ ลกั ษณะ ดงั น้ี ลกั ษณะ 4 ลาภมคิ วรได้ ลกั ษณะ 1 บทเบด็ เสรจ็ ทวั่ ไป ลกั ษณะ 5 ละเมดิ บรรพ 2 บคุ คล ลกั ษณะ 3 เอกเทศสญั ญา ประกอบดว้ ยบทบญั ญตั ิ 23 ลกั ษณ

ลกั ษณะ 1 ซ้อื ขาย ลกั ษณะ 15 ตวั แทน ลกั ษณะ 2 แลกเปลยี่ น ลกั ษณะ 16 นายหน้า ลกั ษณะ 3 ให้ ลกั ษณะ 17 ประนีประนอมยอมความ ลกั ษณะ ลกั ษณะ 4 เช่าทรพั ย์ 18 การพนันและขนั ตอ่ ลกั ษณะ 5 เช่าซอ้ื ลกั ษณะ 19 บญั ชเี ดนิ สะพดั ลกั ษณะ 6 จ้างแรงงาน ลกั ษณะ 7 จา้ งทาของ ลกั ษณะ 20 ประกนั ภยั ลกั ษณะ 8 รบั ขน ลกั ษณะ 21 ตวั๋ เงนิ ลกั ษณะ 9 ยมื ลกั ษณะ 22 ห้นุ ส่วนและบรษิ ัท ลกั ษณะ 10 ฝากทรพั ย์ ลกั ษณะ 23 สมาคม ลกั ษณะ 11 คา้ ประกนั ลกั ษณะ 12 จานอง ลกั ษณะ 13 จานา

บรรพ 4 ทรพั ยส์ นิ ประกอบดว้ ย บรรพ 5 ครอบครวั ประกอบดว้ ย บทบญั ญตั ิ 8 ลกั ษณะ ดงั น้ี บทบญั ญตั ิ ลกั ษณะ 1 บทเบด็ เสรจ็ ทวั่ ไป ลกั ษณะ 2 กรรมสทิ ธิ์ 3 ลกั ษณะ ดงั น้ี ลกั ษณะ 3 ครอบครอง ลกั ษณะ 4 ภาระจายอม ลกั ษณะ 1 การสมรส ลกั ษณะ 5 อาศยั ลกั ษณะ 2 บดิ ามารดากบั บตุ ร ลกั ษณะ 6 สทิ ธเิ หนือพ้นื ดนิ ลกั ษณะ 3 คา่ อุปการะเล้ยี งดู ลกั ษณะ 7 สทิ ธเิ กบ็ กนิ ลกั ษณะ 8 ภาระตดิ พนั ในอสงั หารมิ ทรพั ย์ บรรพ 6 มรดก ประกอบดว้ ยบทบญั ญตั ิ 6 ลกั ษณะ ดงั น้ี ลกั ษณะ 1 บทเบด็ เสรจ็ ทวั่ ไป ลกั ษณะ 2 สทิ ธโิ ดยธรรมในการรบั มรดก ลกั ษณะ 3 พนิ ยั กรรม

ความแตกต่างระหวา่ งความผดิ 2.กฎหมายอาญานนั้ มวี ตั ถปุ ระสงคท์ จี่ ะลงโทษ ผูก้ ระทาความผดิ ฉะนนั้ หากผู้ทาผดิ ตายลง การ ทางอาญาและความผดิ ทางแพง่ สบื สวนสอบสวน การฟ้องรอ้ ง หรอื การลงโทษก็ เนอ่ื งจากกฎหมายอาญามคี วามประสงคท์ จี่ ะ เป็นอนั ระงบั ลงไป ส่วนความผดิ ทางแพง่ เป็น คมุ้ ครองความปลอดภยั ของชุมชนแต่กฎหมาย เรอ่ื ง การชดใช้คา่ สนิ ไหมทดแทนความเสยี หาย แพง่ มคี วามประสงคท์ จี่ ะคมุ้ ครองสทิ ธขิ องเอกชน ซงึ่ เป็นเรอ่ื งเกยี่ วกบั ทรพั ย์สนิ ของบคุ คล ดงั นนั้ จ1ง.ึ คมวขี า้อมแผตดิ กทตา่างงอทาสี่ญาาคเญัป็นดกงั นา้รี กระทาทก่ี ่อใหเ้ กดิ ผล เมอ่ื ผูก้ ระทาผดิ หรอื ผลู้ ะเมดิ ตายลง ผู้เสยี หาย เสยี หายหรอื เกดิ ความหวาดหวนั่ ครา้ มแก่บคุ คล ยอ่ มฟ้องรอ้ งเรยี กคา่ เสยี หายตา่ งๆจากกอง มรดกของผู้กระทาผดิ หรอื ผู้ ละเมดิ ไดเ้ ว้นแตจ่ ะ ทวั่ ไป ความผดิ ทางอาญาส่วนใหญจ่ งึ ถอื วา่ เป็น เป็นหน้เี ฉพาะตวั เช่น แดงจ้างดาวาดรปู ตอ่ มาดา ความผดิ ต่อแผน่ ดนิ หรอื ประขาชนทวั่ ไปส่วน ตายลงถอื ว่าหน้รี ะงบั ลง ความผดิ ทางแพง่ เป็นเรอ่ื งระหวา่ งเอกชนต่อเอก ชนดว้ ยกนั ไมม่ ผี ลเสยี หายตอ่ สงั คมแต่อยา่ งใด

3.ความรบั ผดิ ทางอาญาถอื เจตนาเป็นใหญใ่ นการ 4. กฎหมายอาญาต้องตคี วามโดยเครง่ ครดั ถ้า กาหนดโทษ เน่ืองจากการกระทาผดิ ดงั ท่ี ไม่มกี ฎหมายย่อมไมม่ คี วามผดิ และไมม่ โี ทษ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 บญั ญตั วิ ่า เพราะกฎหมายอาญามโี ทษรนุ แรง แต่กฎหมาย “บคุ คลจะตอ้ งรบั ผดิ ทางอาญากต็ ่อเมอ่ื ไดก้ ระทา แพ่งหลกั เรอ่ื งตคี วามโดยเครง่ ครดั ไมม่ กี ฎหมาย โดย เจตนา เวน้ แต่จะไดก้ ระทาโดยประมาท ใน แพ่งต้อง ตคี วามตามตวั อกั ษรหรอื ตาม กรณีทก่ี ฎหมายบญั ญตั ใิ ห้ตอ้ งรบั ผดิ เมอ่ื ได้ เจตนารมณ์ของบทบญั ญตั แิ ห่งกฎหมายนนั้ ๆ กระทาโดย ประมาท หรอื เว้นแต่ในกรณที ่ี ดงั นนั้ การทจี่ ะเป็นความผดิ ทางแพ่งนัน้ ศาล กฎหมายบญั ญตั ไิ วโ้ ดยแจ้งชดั ให้ตอ้ งรบั ผดิ แมไ้ ด้ อาจตคี วามขยายได้ กระทาโดยไม่มเี จตนา...” สว่ นความรบั ผดิ ทาง 5. ความรบั ผดิ ทางอาญานนั้ โทษทจี่ ะลงแก่ตวั แพง่ นนั้ ไมว่ ่ากระทาโดยเจตนาหรอื ประมาท ผกู้ ระทาผดิ ถงึ โทษประหารชวี ติ จาคกุ กกั ขงั ผ้กู ระทากต็ ้องรบั ผดิ ทงั้ นนั้ ปรบั รบิ ทรพั ยส์ นิ สว่ นทางกฎหมายแพ่งนัน้ ไม่มี โทษ เป็นเพยี งถูกบงั คบั ให้ชาระหน้หี รอื ชดใช้คา่

6.ความผดิ ทางอาญาสว่ นใหญไ่ ม่อาจยอมความ 7. ความผดิ ในทางอาญา บคุ คลทรี่ ว่ มกระทาผดิ ไดเ้ ว้นแตค่ วามผดิ ต่อส่วนตวั หรอื ทก่ี ฎหมาย อาจมคี วามรบั ผดิ มากน้อยต่างกนั ตามลกั ษณะ อาญาบญั ญตั ไิ ว้ความผดิ อนั ยอมความไดเ้ ชน่ ของการเข้ารว่ ม เช่น ถา้ เป็นผลู้ งมอื กระทาผดิ ก็ ความผดิ ฐานหมน่ิ ประมาท ความผดิ ฐานยกั ยอก ถอื เป็นตวั การถ้าเพยี งแต่ยุยงหรอื ช่วยเหลอื ก็ เป็นต้น เหตผุ ลกค็ อื ความผดิ ทางอาญาถอื วา่ ทา อาจผดิ เพยี งฐานะผู้สนบั สนุน ส่วนความผดิ ทาง ความเสยี หายใหแ้ ก่มหาชนทาลายความสงบสุข แพง่ ผ้ทู รี่ ว่ มกนั ก่อหน้รี ว่ มกนั ทาผดิ สญั ญาหรอื ของบา้ นเมอื ง ผเู้ สยี หายจงึ ไม่อาจยกเว้นความ รว่ มกนั ทาละเมดิ ตลอดทงั้ ยยุ งหรอื ชว่ ยเหลอื รบั ผดิ ใหไ้ ดส้ ่วนความผดิ ทางแพ่ง ผู้เสยี หายอาจ จะตอ้ งรว่ มกบั รบั ผดิ ต่อเจา้ หน้หี รอื ผู้ไดร้ บั ความ ยกเวน้ ความรบั ผดิ ให้ได้ โดยไมน่ าคดขี ้นึ เสยี หายเหมอื นกนั หมด ฟ้องรอ้ งตอ่ ศาล หรอื เรยี กรอ้ งหน้สี นิ แต่อยา่ งใด เลย

8. ความรบั ผดิ ทางอาญา การลงโทษผกู้ ระทา บทสรปุ ผดิ กเ็ พอ่ื ทจ่ี ะบาบดั ความเสยี หายทเี่ กดิ ข้นึ แต่ กฎหมาย คอื คาสงั่ หรอื คาบงั คบั ของรฐั หรอื ของ ชมุ ชนเป็นส่วนรวม เพอ่ื ให้ผ้กู ระทาผดิ เกดิ ความ ประเทศทตี่ ราขน้ึ เพอื่ ใช้บงั คบั ความประพฤติ หลาบจาและกลบั ตวั กลบั ใจเป็นคนดี อกี ทงั้ เพอ่ื ป้องกนั ผู้อน่ื มใิ หเ้ อาเยย่ี งอย่างสว่ นความรบั ผดิ ของบคุ คลอนั เกย่ี วดว้ ยความสมั พนั ธร์ ะหว่างกนั ทางแพ่ง กฎหมายมวี ตั ถุประสงคท์ จ่ี ะบาบดั ความ หากผใู้ ดฝ่าฝืนไมป่ ฏบิ ตั ติ ามกจ็ ะตอ้ งมคี วามผดิ เสยี หายท่ีเกดิ ขน้ึ แกเ่ อกชนคนหนึ่งคนใด และถูก ลงโทษความสาคญั ของกฎหมายคอื โดยเฉพาะ ซง่ึ อาจไดร้ บั ความเสยี หายแกช่ วี ติ กฎหมายเป็นบรรทดั ฐานทางสงั คมอยางหน่งึ รา่ งกาย จติ ใจ เสรภี าพ ชอ่ื เสยี ง ทรพั ย์สนิ ความ ซง่ึ เปนกฎเกณฑทใี่ ช้ บงั คบั ความประพฤตขิ อง เสยี หายไดเ้ กดิ ข้นึ อยา่ งใด กฎหมายกต็ อ้ งการท่ี สมาชกิ ในสงั คมใหเปนไปในทานองเดยี วกนั ทา จะให้เขาไดร้ บั การชดใช้ในความ เสยี หายอย่าง ใหสงั คมมรี ะเบยี บวนิ ยั และสงบ เรยี บรอ้ ย การรู นนั้ ถา้ ทาให้คนื สภาพเดมิ ไมไ่ ดก้ พ็ ยายามจะให้ กฎหมายจงึ จาเป็นอยางยง่ิ เพราะเปนประโยชน์ ใกล้เคยี งมากทสี่ ุด แกประชาชนทุกคนทจ่ี ะไดท้ ราบถงึ ขอบเขต ของสทิ ธแิ ละหน้าที่ ของตน ตลอดจนข้อปฏบิ ตั ิ

ตามทก่ี ฎหมายกาหนดในทางกฎหมายมี คอื แบง่ ตามลกั ษณะความสมั พนั ธ์ระหว่าง หลกั เกณฑส์ าคญั ประการหนง่ึ วา “ความไม่รู้ คกู่ รณี และแบง่ ตาม ลกั ษณะของการใชก้ ฎหมาย กฎหมายไม่เป็นขอแกต้ วั ” เพราะถ้าหากวาให้มี โดยการแบง่ ประเภทของกฎหมายตามลกั ษณะ การกล่าวอ้างแกตวั ไดท้ กุ คนกจ็ ะแก้ตวั ว่าไม่รู้ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคกู่ รณี จะประกอบดว้ ย กฎหมายกนั หมด เพอ่ื ให้ตนหลดุ พ้นจากความรบั กฎหมายมหาชนคอื กฎหมายทก่ี าหนด ผดิ ในทสี่ ุดกฎหมายก็จะขาดความศกั ดสิ์ ทิ ธแิ์ ละ ความสมั พนั ธ์ระหว่างรฐั กบั พลเมอื งของรฐั ใน บงั คบั ใชก้ บั ใครไม่ไดอ้ กี ต่อไป สว่ นทมี่ าของ ฐานะทรี่ ฐั มอี านาจเหนือพลเมอื งกฎหมายเอกชน กฎหมาย หมายถงึ แหล่งที่ กอ่ ใหเ้ กดิ กฎหมาย กฎหมายเอกชนเป็นกฎหมายซง่ึ รฐั ไดบ้ ญั ญตั ขิ ้นึ โดยพจิ ารณาถงึ ทมี่ าตามระบบกฏหมายซง่ึ ระบบ เพอ่ื กาหนดความสมั พนั ธ์ระหว่างเอกชนต่อ กฎหมายทสี่ าคญั มี2 ระบบ ไดแ้ ก่ ระบบกฎหมาย เอกชนดว้ ยกนั และกฎหมายระหวา่ งประเทศ คอื ลายลกั ษณ์อกั ษร และระบบกฎหมายไม่เป็นลาย หลกั กฎหมาย หรอื ขอ้ ตกลงรว่ มกนั ทก่ี าหนด ลกั ษณ์อกั ษร สาหรบั เกณฑ์การแบง่ ประเภทของ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างรฐั ต่อรฐั ดว้ ยกนั หรอื กฎหมายมอี ยู่2 วธิ หี ลกั ๆ ระหวา่ งรฐั ตอ่ องคก์ ารระหวา่ งประเทศ

ส่วนการแบง่ ประเภทของกฎหมายตามลกั ษณะ พระราชบญั ญตั /ิ พระราช กาหนด/ประมวล ของการใชก้ ฎหมาย สามารถแบง่ กฎหมาย กฎหมาย พระราชกฤษฎกี า กฎกระทรวง/ ออกเป็น 2 ประเภท คอื กฎหมายสารบญั ญตั ิคอื ประกาศกระทรวง ขอ้ บญั ญตั ทิ ้องถนิ่ เมอื่ กฎหมายทมี่ ลี กั ษณะเป็นเน้อื แทข้ องกฎหมาย กฎหมายไดผ้ า่ นกระบวนการนติ บิ ญั ญตั เิ สรจ็ สน้ิ กาหนดสทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องบคุ คลไว้ และ แล้ว การจะนากฎหมายนนั้ มาใช้บงั คบั นัน้ มหี ลกั กฎหมายวธิ สี บญั ญตั ิคอื กฎหมายทม่ี ลี กั ษณะ พจิ ารณาอยู่ 3 ประการ คอื การใชก้ ฎหมาย กาหนดวธิ กี าร ดาเนินการทที่ าให้ข้อหา้ ม เกยี่ วกบั เวลา การใช้กฎหมายเกย่ี วกบั สถานท่ี ขอ้ บงั คบั ทบี่ ญั ญตั ไิ ว้ในกฎหมายดาเนนิ ไปดว้ ย การใช้ กฎหมายเกย่ี วกบั บคุ คล ในสว่ นของการ ความเรยี บรอ้ ย ส่วนเกณฑท์ ใ่ี ช้ ในการกาหนด ตคี วามกฎหมายหมายถงึ การคน้ หาความหมาย ศกั ดขิ์ องกฎหมายนนั้ จะพจิ ารณาจากองคก์ รทมี่ ี ของกฎหมายท่ีมถี อ้ ยคาไมช่ ดั เจนแน่นอน คอื อานาจในการออกกฎหมายศกั ดขิ์ อง กฎหมาย กากวมหรอื มคี วามหมายไดห้ ลายทางซง่ึ ต้อง ประกอบดว้ ย รฐั ธรรมนูญ พระราชบญั ญตั ิ พจิ ารณาประกอบกนั ไป 2 ดา้ น ประกอบรฐั ธรรมนูญ

คอื พเิ คราะห์ตวั อกั ษร และพเิ คราะห์ความมงุ่ ลกั ษณ์อกั ษรบญั ญตั ไิ ว้ จะมเี ครอ่ื งมอื ทนี่ ามา หมายของกฎหมาย (เจตนารมณ์ของกฎหมาย) ใช้ในการอดุ ช่องวา่ งของกฎหมาย ตามลาดบั คอื ทงั้ น้ี การตคี วามกฎหมายจะมหี ลกั เกณฑ์ ประการ แรกจารตี ประเพณี ในกรณีทไี่ ม่มี แตกตา่ งไปตามลกั ษณะของกฎหมายโดยแยก กฏหมายลายลกั ษณ์อกั ษรบญั ญตั ไิ ว้ในการอุด พจิ ารณาเป็น 2 ลกั ษณะ คอื การตคี วามกฎหมาย ชอ่ งว่างของกฎหมายจะ ใชจ้ ารตี ประเพณี ทวั่ ไป ตอ้ งใช้ทงั้ การตคี วามตามตวั อกั ษร ประการทส่ี องบทกฎหมายใกลเ้ คยี งอยา่ งยง่ิ ใน ประกอบกบั การตคี วามตาม เจตนารมณ์และการ กรณีทไี่ ม่มกี ฎหมายลายลกั ษณ์อกั ษรบญั ญตั ไิ ว้ ตคี วามกฎหมายพเิ ศษ ซง่ึ ในทนี่ ้ี กฎหมายพเิ ศษ และไมม่ จี ารตี ประเพณีทจ่ี ะใช้ปรบั ข้อเทจ็ จรงิ ที่ หมายถงึ กฎหมายทม่ี โี ทษอาญา สาหรบั ชอ่ งว่าง เกดิ ขน้ึ จะต้องใชบ้ ทกฎหมายใกล้เคยี งอยา่ งยงิ่ ของกฎหมาย หมายถงึ กรณีทไี่ มม่ กี ฎหมายลาย และประการทสี่ ามหลกั กฎหมายทวั่ ไป ในกรณีท่ี ลกั ษณ์อกั ษร หรอื กฎหมายจารตี ประเพณที จี่ ะ ไม่มกี ฎหมายลายลกั ษณ์อกั ษรบญั ญตั ไิ วแ้ ละไมม่ ี นาไปใช้ปรบั แกข่ ้อเทจ็ จรงิ ได้ โดยการอดุ ช่องวา่ ง จารตี ประเพณีทจ่ี ะใช้ปรบั ขอ้ เทจ็ จรงิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ของกฎหมายนนั้ เมอ่ื ไม่มกี ฎหมายลาย รวมทงั้ ไม่สามารถเทยี บเคยี งหาบทกฎหมาย

เอกสารอา้ งองิ บรรณานุกรม บญุ เพราะ แสงเทยี น. (2558). กฏหมายธรุ กจิ เพอ่ื -กฎหมายหมายถงึ อะไร//21มกราคม 2564// การจดั การ.พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั จาก วทิ ยพฒั น์ จากดั . บญุ เพราะ แสงเทยี น. (2560). กฏหมายธุรกจิ เพอื่ https://dictionary.sanook.com/ การจดั การ. พมิ พ์ครงั้ ที่ 3. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัท วทิ ยพฒั น์ จากดั . พนติ นาถ เยน็ ทรพั ย.์ (2558). -ลาดบั ชนั้ ของกฎหมาย//21มกราคม2564// กฎหมายธุรกจิ . พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2. กรงุ เทพฯ : ทรปิ จาก เป้ิล เอด็ ดเู คชนั่ . ภูมชิ ยั สวุ รรณดมี านติ ย์ จมุ ปา ชติ าพร พศิ ลย https://sites.google.com/ บตุ ร โตะ๊ วเิ ศษกุล. (2549). ความรเู้ บอ้ื งต้น

สมาชกิ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 4/7 นางสาว ภทั รยี า ดพี าชู เลขท่ี 28 นางสาว สุกฤตา พูลสวสั ดิ์ เลขท่ี 29 นางสาว นวรตั น์ พนั โนลติ ร เลขท่ี 26 นางสาว ฐานิดา ช่วยชู เลขที่ 25


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook