คำนำ บันทึก “เรื่องเล่า” ฉบับน้ี จัดทำข้ึนด้วยความตั้งใจของข้าพเจ้า เพ่ือเป็นความทรงจำที่ดี ที่ทุกๆท่านได้มีโอกาสหยิบ“เรื่องเล่า” ของข้าพเจ้าอ่านจนจบเล่ม ข้าพเจ้าไม่ได้คาดหวังใน เรื่องคุณงามความดีให้ทุกๆท่านต้องจดจำเป็นเพียงแค่บันทึกความทรงจำดีๆ ในช่วงวัยเยาว์ถุง ปัจจุบัน ข้าพเจ้าได้ผ่านและพบเจอเร่ืองราวท่ีประทับใจและผูกพันจะได้เป็นความทรงจำในวันท่ี ข้าพเจ้าหลงลืม สมุดบันทึกเล่มนี้เปรียบเสมือน สมุดชีวิตของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าหวังเป็นอย่าง ยิง่ วา่ ทกุ ทา่ นจะมเี รอื่ งราวบนั ทกึ ไว้เปน็ ของท่านเองนะคับ จ.ส.ต.สรุ พงค์ ฉมิ พนั ธ์
เร่อื งเล่า ต้นตระกูลของข้าพเจ้าสืบได้จากการเล่าสู่ลูกหลานต่อๆกันมา เชื้อสายของเต่ียอินซ่ึง เป็นนามที่ทุกคนท่ัวไปเรียกว่าพ่อมีสายเลือดของชาวจีน โดยเร่ิมจากอากงพ้ง เดินทางอพยพ จากจีนแผ่นดินใหญ่มาทางเรือด้วยความยากจนและเต็มไปด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาติ ผู้ชายซ่ึง เป็นเสาหลักของครอบครัว จึงตัดสินใจท้ิงแผ่นดินไปแสวงหาโชคในประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะ แผนดินสยาม คือเป้าหมายสำคัญและเป็นอันดับ 1 ในการอพยพของชาวจีนในสมัยนั้นอาชีพที่ คนจีนนิยม คือ กุลีแบกหาม ด้วยความขยัน อดทน ประหยัด และค้าขายหาบเร่ รุ่งเรืองถึง ขีดสุด เพราะคนไทยส่วนใหญ่นิยมงานรับราชการอากงพบรักกับอาม่าวอนเป็นคนไทยเชื้อสาย เขมรท่ีถูกทัพทหารไทยต้อนไว้เป็นเชลยศึก ที่บ้านบึง ตำบลตล่ิงชัน อำเภอเมือง จังหวัด สุพรรณบุรี ส่วนสายของแม่ เรียกว่าพ่อคุณจู อพยพมาจากเมืองจีนมาทางเส้นทาง เดินเรือเช่นกันพ่อคุณมีความรู้ทางด้านการรักษาผู้ป่วยเบื้องต้นด้วยสมุนไพรยาจีนจึงมีอาชีพ เป็นหมอรักษาตามบ้านในสมัยการแพทย์ยังไม่สามารถเข้าถึงหมู่บ้านได้เช่นสมัยน้ี ได้พบรักกับ แม่คุณเจียมเป็นคนไทยเชื้อสายเขมรเช่นเดียวกับอาม่าวอนท้ังนี้จากการสอบถามข้อมูลเชิงลึก ผมมีความรู้สึกว่าผมเปน็ ลกู ครง่ึ จีน+เขมร และมีเชือ้ สายคนไทยบ้างหรือเปล่า 5555 ข้าพเจ้าเกิดเม่ือวันท่ี 28 กันยายน 2513 ณ บ้านเลขที่ 16/2 หมู่ 7 ตำบลตล่ิงชัน อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี มีพี่น้องทั้งหมด 8 คน ชาย 5 คน หญิง 3 คน ข้าพเจ้าเป็น คนสุดท้อง ในวัยเยาว์จำได้ประมาณ 5 ขวบ ได้ไปบ้านอาม่า ซ่ึงเป็นแม่ของเต่ียประจำ เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นลูกคนเล็กหรือคนสุดท้อง อาม่าวอนก็จะพาไปเท่ียวเล่นกับพ่ีซ่ึงเป็นลูก ของลุงต๋ีและอาเจ็กทองท่ีอยู่บ้านไม้หลังใหญ่เก่ามากๆ โทรมอีกต่างหาก ข้าพเจ้ามองด้วย ความหดหู่แต่เต่ียมักจะพูดกับผมจนติดหูอยู่เสมอว่า ทุกๆเสาทุกต้นจะมีเงินเก็บไว้เต็มไปหมด นะ เพราะลุงเป็นคนเก็บตังคิดว่าน่าจะเป็นโกฏิสมัยนั้นเท่ากับ 10 ล้าน ซึ่งประชาชนทุกคน นิยมเก็บเงินไว้กับบ้าน เพราะธนาคารยังมีไม่มาก จังหวัดมีเพียงแห่งเดียวเท่าน้ัน ส่วนการเทียบโกฏิ ข้าพเจ้าเรียนทันในสมัยเรียน ชั้น ป.1 หลังจากน้ันก็ยกเลิกหลักโกฏิ เหลือเพียงหลักล้าน ในวัยเรียนข้าพเจ้าได้เข้าเรียนท่ี ร.ร.วัดสระประทุม(โรงเรียนวัด หนองบัว)การเรียนการสอนในสมัยน้ันครู 1 คนสอนทุกวิชา คุณครูท่ีผมกลัวมากท่ีสุดในยุคน้ัน
คือ ครูสมาน ชาวลุ่มบัว ส่วนมากชาวบ้านจะเรียกช่ือท่านว่า ครูเซียน ท่านเป็นคนเสียงดัง มากตีก็เจ็บสุดๆ และชอบให้ท่องแม่สูตรคูณเพราะท่านสอนคณิตศาสตร์ แต่ท่านก็โดดเด่นใน การร้องขับเสภาเร่ืองรามเกียรติ์พร้อมให้นักเรียนร้องตามสนุกมากในวิชาภาษาไทย ท่าน สอนบรรยายให้ชวนชอบในภาษาสุดยอดนักเล่าเรื่องตัวจริง เม่ือถึงวิชาคณิตศาสตร์ท่านก็เป็น ครูที่ดุร้ายมาก นักเรียนทุกคนต้องท่องแม่สูตรคูณทุกวันและสอบก่อนกลับบ้านหากเดินไปรอบๆ ห้องเสียงใครไม่ดังอ่อมๆ แอ่มๆ แสดงว่าท่องไม่ได้ท่านก็จะเรียกมาท่องเดี่ยวจนได้ หาก ไม่ได้ จะไม่ปล่อยกลับบ้านซ่ึงนักเรียนทุกคนจะตื่นเต้นทุกคร้ังเม่ือเรียนกับคุณครูเซียน...ถึง เวลาเย็นโรงเรียนก็จะส่ันกระด่ิงหรือเคาะกระดิ่งในเวลา 4 โมงเย็น นักเรียนทุกชั้น ป.1-ป.6 ก็จะมาเข้าแถวพร้อมปล่อยแถวกลับบ้าน ข้าพเจ้าในขณะน้ันไม่มีรถจักรยานเช่นคน อ่ืนเขาก็ต้องเดินเท้าเปล่าๆรองเท้าไม่สวมกลับบ้านในระยะทาง ประมาณ 2 กิโลเมตร กลับถึงบ้านข้าพเจ้าก็จะเห็นครูเซียนนั่งด่ืมเหล้าขาวกับเต่ียเป็นประจำเพราะเตี่ยเป็นคนชอบ การดื่มสุราก่อนทานข้าวเย็น ครูเกษียณจึงเปรียบเสมือนคนที่รู้ใจเต่ีย ก่อนอาหารเย็น ขา้ พเจ้าจะไดย้ นิ สองผยู้ ิ่งใหญม่ เี รอ่ื งพูดคุยส่งเสยี งดงั ทว่ั ตลาดเป็นอย่างนป้ี ระจำ ต่อมาข้าพเจ้าจำได้ว่าช่วงประถม 4 (ป.4) คุณครูท่ีย้ายมาใหม่มีนามว่า คุณครูนิวัฒน์ มุกสิกภูมิ เป็นครูที่ชอบกีฬา โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอล และกรีฑา (นักว่ิง) คุณครูจะสอบถาม ประวัตินักกีฬาคนสำคัญท่ีจบไปแล้วก่อน ว่ามีลูก มีน้องหรือญาติเพ่ือสืบสายเลือดตามหลัก วิชาการก่อน แล้วข้าพเจ้าเป็นหน่ึงในการถูกคัดเลือกในการสืบสายเลือดนักกีฬาโดยมีพี่สาว เป็นนักกรีฑาของโรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา (คุณประมวลศรีสัมพันธ์) นักกรีฑาเหรียญ ทองหลายรายการซ่ึงในสมัยเด็กๆข้าพเจ้ายังได้นำเหรียญท่ีพ่ีประมวลรับรางวัลมาเก็บไว้ใน กระป๋องจนเต็ม มาคล้องคอเล่นกับเพื่อนๆ จากวันที่ครูนิวัฒน์คัดเลือกพร้อมทำการฝึกฝน ถ่ายทอดเทคนิคต่างๆในการเป็นนักกรีฑาทุกๆเย็นก่อนกลับบ้าน การแข่งขันกรีฑาจะแบ่งความ สูงเป็นระดับ ดังนี้ นักกรีฑารุ่นจิ๋ว นักกรีฑารุ่นกลาง นักกรีฑารุ่นใหญ่ เปรียบเทียบจาก ความสูงหากใครสูงเกิน เช่น นักกรีฑารุ่นจิ๋วชายสูงเกินมาก็จะอยู่ในรุ่นกลางทำให้ เสียเปรียบซ่ึงหากอยู่ในรุ่นจ๋ิวก็จะมีสิทธิ์ได้เหรียญ แต่ถ้าถูกดันไปอีกรุ่นก็อาจจะไม่ได้รับ เหรียญเลยจึงต้องมีการขย่มตัวให้เตี้ยลงเพ่ือจะได้อยู่ในรุ่นท่ีต้องการอเช่นเดียวกับการชั่ง
นำหนักของนักมวย ดังนั้น ในการแข่งขันคร้ังน้ีของข้าพเจ้าความสูงเป็นอุปสรรค์เกินรุ่นจึงทำ การให้คนข่ีคอแล้ววิ่งขย่มตัวให้ความสูงตำลงมา 2 ซม. ช่วงนั้นข้าพเจ้ายอมรับว่าวิ่งไปด้วย แบกคนอื่นขี่คอไปด้วย มันทรมานมากๆ และแล้วการวัดตัววันนั้นก็จบลงด้วยดีของ คณะกรรมการเพื่อลงรุ่นของนักกรีฑา ข้าพเจ้าตรวจสอบนักกรีฑาทุกรุ่นมีข้าพเจ้าคนเดียวที่อยู่ ป.4 นอกนน้ั เป็นนกั กรฑี า ป.5 และป.6 นับจากการคัดเลือกจนมาถึงวันแข่งขันจริงซ่ึงเป็นวันเด็กแห่งชาติ ข้าพเจ้าลงแข่งขัน ในนามตัวแทนของสี ข้าพเจ้าต่ืนเต้นมากแบบสุดๆ ตัวก็เล็กมองสีของคนอื่นๆ ตัวสูงใหญ่ท้ังน้ัน พี่ป.5 พ่ีป.6 เพ่ือนๆ ในสีต่างส่งเสียงดังให้กำลังใจโดยเฉพาะครูนิวัฒน์ จะส่งสัญญาณกัดฟัน ตาโตเพื่อส่งกำลังใจและเชื่อม่ันว่าข้าพเจ้าทำได้ เมื่อกรรมการเรียกนักกรีฑาประจำลู่วิ่ง แข่งขัน 80 เมตร จะส่งนักกรีฑาสีละ 2 คน รวม 10 คน เมื่อกรรมการเรียกนักกรีฑา พร้อมเพื่อปล่อยตัวทุกคนก็ฟังเสียงสัญญาณนกหวีดเป่า จากกรรมการการส่ังนักกรีฑา เข้าที่ ระวัง พร้อมกับเป่าเสียงนกหวีด ปล่อยตัวนักกรีฑา ข้าพเจ้าพร้อมกับนักกรีฑาทุกคนวิ่งออก ตัวอย่างแรงจนถึงเส้นชัย ข้าพเจ้าเข้าในอันดับที่ 3 ครูนิวัฒน์ ว่ิงเข้ามาสวมกอดข้าพเจ้า แสดงด้วยความดีใจมากสุดๆ บอกประโยคว่าครูดูคนไม่ผิดเธอทำสำเร็จแล้ว นับจากวันนั้น ข้าพเจ้าก็ถูกครูนิวัฒน์ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งข้ันในกลุ่มโรงเรียน ซึ่งมหี ลายโรงเรยี น เชน่ 1. โรงเรยี นเมอื ง 2. โรงเรยี นหนองขาม 3.โรงเรยี นวัดสกณุ ปกั ษี 4. วัดสวุ รรณนาคี 5. โรงเรียนวดั สระประทุม 6. โรงเรียนวดั หนองโสน 7. โรงเรียนวัดสามทอง รวมท้ัง 7 โรงเรียน ซ่ึงโรงเรียนเมือง(หนองพันกง)จะมีนักกีฬามากและนักกีฬาเก่งๆ มากมายเนื่องจากเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่นักเรียนเยอะ การแข่งขันกีฬาครั้งนี้ข้าพเจ้า
ได้เป็นตัวแทนนักกรีฑาร่วมกับรุ่นพี่ ไปแข่งขัน นับได้ว่าเป็นการแข่งขันกรีฑาคร้ังแรกในชีวิต ของข้าพเจ้าต่ืนเต้นและพร้อมมากๆกับการแข่งขันรายการเดียววิ่งผลัด 4x80 เมตร ชายรุ่น จิ๋วรองชนะเลิศอันดับท่ี 2 เหรียญเงิน นับจากวันนั้นข้าพเจ้าก็ซ้อมหนักทุกวันหลังเลิกเรียน เพ่ือเป็นตัวแทนนักกรีฑาในปีต่อไปและปีนี้ข้าพเจ้าได้วิ่งรุ่นท่ีสูงขึ้น คือ รุ่นชายกลาง ว่ิง 2 รายการ ว่ิง 80 เมตร และว่ิงผลัด 4x80 เมตร ข้าพเจ้านำชัยชนะให้กับโรงเรียน 2 เหรียญทอง หลังจากวันน้ันครูนิวัฒน์ผู้ฝึกสอนก็มาบอกการพูดคุยของกลุ่มโรงเรียนในการ แข่งขันกรีฑาปีหน้าโรงเรียนเราเป็นที่น่าจับตามองกลุ่มการแข่งขันเน่ืองจากมีนักกรีฑาดาวรุ่ง ยังเรียนอยู่ ซ่ึงครูนิวัฒน์ก็บอกกับข้าพเจ้าว่า สุรพงค์ ครูทุกโรงเรียนเขาจำช่ือเธอได้ ปีหน้า โรงเรียนทุกโรงเรียนต้องซ้อมกรีฑาหนักเธอต้องเตรียมตัวให้พร้อมนะ ครูนิวัฒน์กล่าวด้วย ความภาคภูมิใจและข้าพเจ้าก็รู้สึกได้จากสายตาและ การทุ่มเทของคุณครู ข้าพเจ้ารับปากว่า จะฝึกซ้อมและอยู่ในวินัยอย่างดี ในปีสุดท้ายการแข่งขัน กรีฑาชั้นประถม 6 ข้าพเจ้าลงทำ การแข่งขัน ทุกประเภท ทุกรายการ เช่น วิ่ง 80 เมตร วิ่ง 100 เมตร ว่ิงผลัด 4x80 เมตร และวิ่งผลัด 4x100 เมตร โรงเรียนข้าพเจ้าชนะเลิศทุกรายการรวมไปถึงข้าพเจ้า ได้รับรางวัลนักกรีฑายอดเย่ียม ซึ่งไม่เคยมีนักกรีฑาคนใดได้รับมาก่อน ปีนี้เป็นปีแรกจากการ ประชุมของคณะครูทุกโรงเรยี นทำใหโ้ รงเรียนวดั สระประทุมประกาศชนะเลิศทง้ั วัน เมื่อการแข่งขันกรีฑาจบ เช้าวันใหม่ท่ีหน้าเสาธงครูใหญ่ นายทวีป เกิดเอ่ียม ได้กล่าวสรุปผลการแข่งขันกีฬากลุ่มของโรงเรียนให้กับนักเรียนประถมทุกช้ันเรียนว่า โรงเรียนวัดสระประทุมได้สร้างผลงานการแข่งขันกรีฑาชนะเลิศทุกรายการ สร้างผลงาน ให้กับโรงเรียนเราและช่ืนชมครูนิวัฒน์ พร้อมนักกีฬาทุกคนที่ได้นำช่ือเสียงมาให้กับโรงเรียน สุดท้ายครูนิวัฒน์ก็พูดบรรยายการแข่งขันให้นักเรียนทุกคนฟัง แล้วก็พูดชื่นชมข้าพเจ้าว่า คณะกรรมการจากทุกโรงเรียนยินดีมอบรางวัลนักกรีฑายอดเยี่ยมให้กับข้าพเจ้าโดยมอบลูก ฟุตบอลพร้อมกับเงิน 200 บาท จากวันน้ันข้าพเจ้าก็ถูกคัดเลือก ให้เป็นตัวแทนไปแข่งใน ระดับอำเภอ ซึ่งต้องทำการฝึกซ้อมอยู่ที่โรงเรียนวัดป่าเลไลย ในนาม อำเภอเมือง แข่งขัน ในสนามกีฬาจังหวัด ข้าพเจ้าจำภาพการแข่งขันได้ดีว่าการแต่งกายสวมเส้ือกล้ามสีแดง กางเกงฟุตบอล ไม่สวมรองเท้าว่ิงเท้าเปล่า การแข่งขันครั้งน้ี ข้าพเจ้าได้แข่งขัน
2 รายการ คือ วิ่งผลัด 4x80 เมตร และวิ่งผลัด 4x100 เมตร รางวัลรองชนะเลิศ 2 เหรียญทอง ได้รับรางวัลเหรียญทองจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี นายจรินทร์ กาญจโนมัย หลังจากน้ัน ได้ศึกษาต่อช้ันมัธยมต้นที่ โรงเรียนตลิ่งชันวิทยา รุ่นท่ี 4 เนื่องจาก โรงเรียนก่อต้ังเพียงแค่ 4 ปี การกีฬา โรงเรียนขนาดเล็กคงยังไม่พร้อมสนับสนุนนักกีฬา เพราะโรงเรียนยังคงต้องพัฒนาในรูปแบบการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ ข้าพเจ้าจึงต้องหยุดเล่น กีฬาโดยปริยาย ทุกๆวันพุธจะมีกิจกรรมปลูกต้นไม้ ในโครงการเกษตร ของอาจารย์ดำรงค์ สุภาษิตสายโหด อาจารย์ฝ่ายปกครอง เมื่อจบมัธยมศึกษาตอนต้น ม.3 จึงได้ศึกษาต่อ ม.ปลายท่ีโรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี โอกาสนี้ก็ได้ ไปคัดตัวนักกรีฑาโดยการทดสอบจับเวลาและทดสอบกับนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงโด่งดังของ โรงเรียนในนามดาวดังของโรงเรียน วิ่ง 100 เมตร ด้วยเวลา 12.20 วินาที ทำให้นัก ฟุตบอลเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ข้าพเจ้ามีความรู้สึกได้แต่เราก็เรียนห้องเดียวกัน เพราะเป็นห้องนักเรียนกีฬาก็ว่าได้หลังจากนั้นชีวิตข้าพเจ้าก็เปลี่ยน เมื่ออาจารย์ชนะ ยอดปรางค์ เรียกนักกีฬาทุกคนต้องเก็บตัวเพ่ือฝึกซ้อมในโรงเรียนค่ายนักกีฬาฟุตบอลชายและนัก ฟุตบอลหญิง ซึ่งทีมนักฟุตบอลหญิงส่วนมากจะติดทีมชาติเป็นส่วนมาก ซึ่งเป็นชุดแรกๆของทีมชาติ หญิงส่วนตัวข้าพเจ้าเพียงคนเดียวท่ีเป็นนักกรีฑา ซ้อมว่ิงแบบหดหู่อยู่คนเดียว ซ้อมแบบเซ็งๆ ส่วนนักกีฬาฟุตบอลก็จะซ้อมตามแผนการฝึกสอน แต่ละตำแหน่ง ช่ัวโมงสุดท้ายจะมีการแข่งขันเต็ม รูปแบบท้ังชายและหญิงส่วนข้าพเจ้าซ้อมวิ่งรอบสนามทุกวันพร้อมจับเวลาให้ได้ดีกว่า 12.00 วินาที ข้าพเจ้ารู้ตัวดีว่าทำเวลาได้เท่านี้ เน่ืองจากข้าพเจ้าหยุดพักการใช้กล้ามเนื้อที่ กำลังขยายอย่างเต็มท่ีแต่ข้าพเจ้าหยุดใช้กล้ามเน้ือท่ีกำลังขยายนานถึง 3 ปี จึงมีปัญหา ในการ เป็นนักกรีฑาเม่ือถึงวันแข่งขันกรีฑาจังหวัดมาถึงนักกรีฑาต่างๆก็มารายงานตัว ข้าพเจ้าก็พบกับ เพื่อนหลายคนต่างก็มีสีหน้ากระหายการแข่งขันรวมถึงสายตาที่ดูแล้วทุกคนม่ันใจวันนั้นเมื่อการ แข่งขันจบข้าพเจ้าก็ฝ่ายแพ้ให้กับเพื่อนของข้าพเจ้าที่เคยชนะมาตลอด เขาทำเวลาได้ 11.00 วินาที ทำเวลาได้ดีมากจนทำลายสถิติของจังหวัดหลังจากการแข่งขันจบ ข้าพเจ้าก็ยังคงซ้อมกีฬา คนเดียวเช่นเดิม จนมาถึงวันหนึ่งข้าพเจ้ารู้ดีว่าข้าพเจ้าคงพอแล้วสำหรับนักกรีฑาพร้อมขอลาออก จากนั้นเพื่อนๆนักฟุตบอลก็ชวนให้ช่วยเก็บลูกบอลและคอยโยนลูกบอลให้กับผู้รักษาประตูในการฝึก ท่าเบสิค พื้นฐานต่างๆ แล้ววันหนึ่งมีการแข่งขันฟุตบอลหมู่บ้านซึ่งนับว่าเป็นที่แรกที่ข้าพเจ้าได้
สัมผัสการแข่งขันในสนามกีฬาเป็นที่แรกในการเล่นฟุตบอลเน่ืองจากผู้รักษาประตูไม่มา รุ่นพี่มีชื่อ ว่าพ่ีต้นจึงบอกให้ข้าพเจ้าช่วยลงเล่นเป็นผู้รักษาประตูให้หน่อย จากความเห็นของทีมคือตำแหน่งท่ี ง่ายท่ีสุดไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรมาก เมื่อเร่ิมการแข่งขันก็โดนยิงประตูในนาทีแรก ก็คือ เพื่อนข้าพเจ้าเป็นนักกรีฑาของจังหวัดชุมพลศรีนคริน นักเตะจาก โรงเรียนสวนกุหลาบ ผู้ชมเฮ กันล่ันสนาม และก็ตามไปด้วย 2 และ 3 ก็ตามมา รอบประตูจบการแข่งขัน 7 ประตูต่อ 0 และ สถานการณ์เช่นนี้ทำให้พี่ต้น ซ่ึงเป็นหัวหน้าทีมเข้ามาจับมือและแสดงสีหน้าด้วยความดีใจ และ กล่าวเสียงดังกับลูกทีมว่าทีมเราได้ประตูมือกาวคนใหม่แล้ว ทุกคนในทีมฟุตบอลส่งเสียงต้อนรับ อย่างสนุกสนาน แทนที่จะเสียใจทุกคนกลับดีใจท่ีค้นพบ นายทวาร ที่ทุกคนกำลังค้นหา พ่ีต้น(นายสุ พจน์ หาญพุฒ)ลูกชายผู้ใหญ่บ้านบอกกับ ทุกคนว่าทีมเรารู้อยู่แล้วว่าทีมเราเป็นรองทีมคู่แข่งมาก โอกาสชนะยากมาก แต่ทีมเราก็สามารถต่อต้านการทำประตูของทีมคู่แข่งได้หลายลูกแพ้น้อยกว่า ที่คิด พี่ต้นบอกกับทีมว่าทั้งสนามเชียรทีมเราว่าเล่นสามัคคีกันดีมาก และช่ืนชนผู้รักษาประตูมีทักษะ ที่ดีรอประสบการณ์อีกหน่อย รับรองแจ่ม นับจากวันนั้นชีวิตนักกีฬาของข้าพเจ้าก็เริ่มเปล่ียนไปทีละ น้อย เริ่มมีทีมฟุตบอลจากทีมต่างๆ ท่ีขาดผู้รักษาประตูมาทาบทามให้ช่วยเล่น ข้าพเจ้าก็มักจะ ปฏิเสธว่าข้าพเจ้ายังมือใหม่แต่ถ้าวัดดวงก็เล่นได้ เม่ือข้าพเจ้ามีโอกาสได้รับเกียรติให้เล่นใน ตำแหน่งผู้รักษาประตูหลายๆสนามแข่งขันก็เริ่มชินตา ในตำแหน่งของข้าพเจ้าจากผู้ที่มาเชียร์ทีมที่ ข้าเจ้าสังกัดอยู่ ทำให้ความรู้สึกข้าพเจ้าก็เคล้ิมจินตนาการในตำแหน่งที่ทีมสนับสนุน ข้าพเจ้าจึง ต้องเร่ิมฝึกทักษะตำแหน่งนายทวารแบบมืออาชีพชนิดแบบจริงจัง จากเพื่อนสนิทของข้าพเจ้าฉายา นักเตะร้อยเมตร ผู้ซึ่งมีทักษะในการเตะลูกฟุตบอลได้แรงและน่ากลัวสำหรับผู้รักษาประตู ในการ ยิ่งประตูมากกว่าครึ่งสนามเสียบสามเหล่ียมสนามเกือบทุกคร้ัง ทักษะกองหน้าดีมากๆ เร็วแรง เช่นเดียวกับเพื่อนข้าพเจ้าอีกรายคือนักเตะฉายา จรวจทางเรียบ นายสุนัย กฤษณชาญดี หากมี การแข่งขันในจังหวัดสุพรรณบุรี มีนักเตะ 2 นายน้ีเล่นทีมเดียวกัน รับรองผู้รักษาประตู ปวดหัว มาก ชีวิตในวัยน้ันการกีฬาของข้าเจ้าโดยเฉพาะนักฟุตบอลในตำแหน่งผู้รักษาประตูราบรื่นเป็น อย่างดี สังกัดทีม “สองพี่น้องฟาร์ม” ซ่ึงเป็นทีมฟุตบอลที่รวมดาวดังมาสังกัดไว้ในทีม(ผู้จัดการทีม เป็นเจ้าของฟาร์มกุ้ง)สนับสนุนส่งนักกีฬาฟุตบอลเข้าแข่งขันทุกสนามในจังหวัดสุพรรณบุรีและ ประสบความสำเร็จชนะเลิศเกือบทุกรายการมีบ้างท่ีชิงกับสโมสรดังๆ เช่น สโมสรทหารอากาศ สโมสรท่าเรือ สโมสรสารประชา และเยาวชนทีมชาติ ท่ีสนใจตะมาโชว์ฝีเท้าในช่วงเทศกาลวัน สำคัญ เช่นวันสงกรานต์ วันออกพรรษา วันลอยกระทง หรืองานที่หมู่บ้านจัดข้ึนเพื่อชิงรางวัล
เงินสดจะมีสนามดังๆ เช่น สนามการแข่งขันบ้านบึง สนามการแข่งขันบ้านหนองบัว สนามการ แข่งขันบ้านจิกรากข่า และสนามการแข่งขันบ้านสามทอง ซึ่งเป็นสนามฟุตบอลท่ีประชาชนให้ความ สนใจเชียร์ฟุตบอลจำนวนมากในยุคสมัยน้ันประมาณปี 2525 นักพากย์ฟุตบอลท่ีมีช่ือเสียงโด่งดังที่ ข้าพเจ้าพอจำได้มีนามว่า อาจารย์ราชัน บุรุษ หมายเลข 9 ซึ่งเป็นนักพากย์สนามแข่งขันฟุตบอล ที่สนกุ มากเสียงไพเราะและดุดันจำนกั เตะได้ทกุ คนรวมถึงประวัตสิ ่วนตัวของนกั เตะและทีมโค้ช นักพากย์มีส่วนสำคัญในการเชียร์ฟุตบอลเป็นอย่าย่ิงพร้อมตั้งฉายาให้นักเตะท่ีมีฝีเท้าโดด เด่นสำหรับผู้ชมจะได้จดจำนักเตะคู่ไปกับฉายาในสนามการแข่งขันนับว่านักพากย์มีส่วนสำคัญ ที่ปลุกอารมณ์ทั้งผู้ชมและนักกรีฑา เช่น นักพากย์จะประกาศรายนามดารานักเตะฉายาปีกซ้าย เท้าชา้ งผชู้ มทงั้ สนามก็จะทราบว่าเขาคอื ประเสริฐ ช้างมลู ศนู ย์หนา้ จรวจทางเรียบ สุนยั กฤษณ ชาญดี ศูนย์หน้า 100 เมตร ชุมพล ศรีนำเงิน จอมเตะไขว้ขา เปรมชัย เปรมบำรุง กองกลาง อจั ฉรยิ ะ อมร ยืนยง นักเตะรอ้ ยขา มนตรี ศรีสมั พนั ธ์ นกั เตะอารมณด์ ี สมรฐั หาญพฒุ นายทวาร จอมบินทะลุดิน ชาญศิลป์ ศักดิ์ดามาศ ประตูมือกาว สุรพงค์ ฉิมพันธ์ พร้อมดารารับเชิญ เจษฏา ปิ่นวิเศษ อำนาจ เดชทองคำ ซ่ึงรายนามดังกล่าวนักพากย์จะประกาศเสียงดังท่ัวสนามพร้อม เครื่องเสียง อย่างดีทำให้บรรยากาศชวนแข่งขันยิ่งนักรายนามนักเตะท่ีพากย์ประกาศถือได้ว่า เป็นดารานักเตะที่โด่งดังในจังหวัดสุพรรณบุรี ในยุคที่กีฬาฟุตบอลเฟื่องฟูสุดๆในปี 2532 ข้าพเจ้า ก็ได้มีส่วนร่วมในการก่อต้ังทีมฟุตบอลเป็นทีมชื่อหมู่บ้านของเราเองคือทีม หนองบัว FC หากย้อน เวลากลับไปในยุคสมัย น้ัน หากมีการแข่งขันจะมีกองเชียร์ท้ังหมู่บ้านและบ้านข้างเคียงตามไป เชียร์ติดขอบสนามเป็นร้อยเมื่อผ่านไปถึงคู่ชิงชนะเลิศจะมีส่วนล่วงหน้ากลับมาเพื่อเตรียมอาหาร ฉลองถ้วยภาพบรรยากาศแบบนั้น ข้าพเจ้ายังจดจำด้วยความประทับใจของผู้นำชุมชนทุกท่านใน บ้านหนองบัวมิรู้ลืม ปลื้มทุกคร้ัง ที่คิดถึงบรรยากาศ หนองบัว FC นักฟุตบอล ท่ีสร้างช่ือเสียงโด่ง ดัง และรับรางวัลชนะเลิศหลายสนามจะมีรายนามนักเตะยุคนั้น ดังน้ี เปรมชัย เปรมบำรุง ตำแหน่งกัปตันทีม มนตรี ศรีสัมพันธ์ ณรงค์ เจริญจันทร์, สุจินต์ เจริญจันทร์, สุพจน์ หาญพุฒ, สมรัฐ หาญพุฒ,พี่ประกอบ ศรีสัมพันธ์ สุพจน์ จันทชัย (พี่ไหล), สุพจน์ ศรีสัมพันธ์(เสือใหญ่) ชุดนักเตะดังกล่าว ถือว่าเป็นนักเตะ ในตำนานท่ีมีแฟนบอลในหมู่บ้านหนองบัว FC และเขตตำบล ใกล้เคียงติดตามกองเชียร์ ให้กำลังใจทุกสนามในการแข่งขันหากเป็นการแข่งขันนัดสำคัญกอง เชียร์ก็จะหยุดการทำงาน พืชการเกษตรเพื่อไปเชียร์ให้กำลังใจเรียกได้ว่าปิดหมู่บ้านก็ว่าได้ หากจะใช้คำว่า FC ให้ตรงกับยุคสมัยนี้ก็คงใช้ได้กับหนองบัว FC เพราะมีแฟนบอลตามไปเชียร์
เป็นร้อย รถเมย์สายดอนเจดีย์-สุพรรณ เสี่ยตี๋ ยินดีบริการรับ-ส่ง ฟรีตลอดทุกรายการแข่งขัน ขบวนรถติดตามเชียร์ อีกเป็นสิบคัน เป็นภาพที่ทุกท่านที่อยู่ในเหตุการณ์ยุคนั้น ไม่สามารถ บันทึกภาพอดีตให้กับชนรุ่นหลัง ได้เห็นบรรยากาศอันอบอุ่นแสดงถึงความสามัคคีแสดงออกมาใน รูปแบบของการแข่งขันกีฬาซึ่งตัวของข้าพเจ้าเอง จึงถ่ายทอดเหตุการณ์ผ่านเป็นบันทึกเร่ืองเล่า ให้ชนรุ่นหลงั ทราบพอสงั เขป แล้วความสุขในวัยรุ่นก็ต้องจบลงในสนามการแข่งขันกีฬาฟุตบอล เน่ืองจากทุกคนอยู่ ในช่วงวัยกำลังศึกษา ทุกคนมีหน้าท่ีเดินตามความมุ่งหวังของตนเองและครอบครัว ทีมฟุตบอล ก็จะมีรุ่นน้องๆท่ีขึ้นมาทดแทนต่อไป ข้าพเจ้านับจากน้ันได้เดินทางเพื่อไปศึกษาต่อท่ี กรุงเทพมหานครในมหาลัยรามคำแหง ในปี พ.ศ.2532 ในคณะรัฐศาสตร์ พักอยู่หอชาย รามคำแหง 2 (บางนา) กิจกรรมนอกจากเรียนก็ยังคงเล่นฟุตบอลข้าพเจ้าจึงลงสมัครชมรมกีฬา ฟุตบอลและได้คัดตัวเป็นนักกีฬาฟุตบอลของมหาลัยรามคำแหงในตำแหน่งผู้รักษาประตูช่วงขณะนั้น ข้าพเจ้ายังมีปัญหาเวลาซ้อม ไม่สามารถลงซ้อมตามเวลาประกอบกับขาดซ้อมเป็นประจำจึงต้อง ตัดสินใจขอลาออกจากทีมมหาลัยรามคำแหง หลังจากลาออก ข้าพเจ้ามีความคิดที่จะศึกษาต่อใน ระดับ ปวส.ในมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ ในสาขาช่างยนต์เขตหนองแขม ในหลักสูตร 3 ปี หากเรียนจบมาสายอาชีพ ปวช. จะเรียนหลักสูตรเพียง 2 ปี ข้าพเจ้าซึ่งเรียนจบ ม.6 สายสามัญจึงเรียนหลักสูตร 3 ปี ในช่วงน้ัน มีสถาบันแห่งนี้แห่งเดียวในประเทศไทย ที่ให้สาย สามัญ ม.6 ปรับมาสายอาชีพได้แต่ต้องเรียนพ้ืนฐาน 1 ปีก่อนรวม 3 ปี รับวุฒิ ปวส.ครับ ใน ระหว่างเรียน ข้าพเจ้าก็ได้ลงสมัครกิจกรรม ชมรมฟุตบอล อีกตามความถนัด เปิดภาคเรียนได้ ประมาณ 3 เดือน มหาลัยก็จัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลของแต่ละคณะเพ่ือเชื่อมความสามัคคี ทุกคณะจะพบกันหมด เช่น คณะบริหาร คณะวิศวกรรม ช่างไฟ ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างโยธา ช่างยนต์ ข้าพเจ้ายังคงรักษาตำแหน่งผู้รักษาประตูให้กับทีมช่างยนต์ และโอกาสน้ี ข้าพเจ้าได้ แจ้งเกิดในตำแหน่งผู้รักษาประตูได้อย่างเต็มตัว สถิติ ไม่เคยเสียประตูให้กับทีมใด และไม่เคย ยิงประตูทีมใดได้ ในระหว่างการแข่งขันทุกทีม รวมคะแนนทีมข้าพเจ้าได้ที่ 1 จากเหตุการณ์ รอบๆสนามในการแข่งขันจะมีแฟนฟุตบอลจากคณะอื่นๆมาร่วมเชียร์ทีมของข้าพเจ้าโดยมารอลุ้น ขอบสนาม จุดท่ีข้าพเจ้าทำหน้าที่ คอยให้กำลังใจว่าจะมีทีมใด ยิงประตูได้หรือเปล่า ลุ้นกันสนุก มากนับว่าเป็นปรากฏการณ์คร้ังใหม่ กองเชียร์หันมาเชียร์ ผู้รักษาประตูแทนกองหน้า ซึ่งทุกๆคณะ เมื่อมีการแข่งขันจะพูดออกมาให้ข้าพเจ้าได้ยินว่าวันนี้มีแข่งช่างยนต์กับคณะบริหาร เราไปเชียร์
ประตูช่างยนต์กันนะสนุกดี ซึ่งนักศึกษาที่พูดก็เรียนอยู่คณะบริหาร ในขณะทานข้าวในโรงอาหารที่มี จำนวนคนหนาแน่นไม่สามารถจำกันได้หันหลังให้กันอีกต่างหากและก็จะได้ยินหลายเหตุการณ์บ่อยๆ ข้ึนทำให้ข้าพเจ้าอิ่มใจ ข้าพเจ้ามีเพ่ือนร่วมทีมช่ือสมิง งาชาวใต้ ข้าพเจ้าจำเพื่อนร่วมทีมคนน้ีได้ แม่นยำเป็นคนที่มีบุคลิกท่ีดีมากๆ สูงประมาณ 180 เล่นดีในตำแหน่งกองกลาง ข้าพเจ้ายังแอบ อิจฉาและชื่นชมบุคลิกของเพ่ือนสมิงคนน้ีว่าหุ่นดีจริงๆ สมิงจะพูดหยอกว่ากองเชียร์ประตู ไม่ได้มา เชียร์ทีมเรา ซ่ึงก็เป็นคำพูดท่ีนัดชิงที่ข้าพเจ้าบาดเจ็บไม่สามารถลงแข่งขันได้ทุกคนในทีมก็รู้ดีโค้ช อ.ผู้ฝึกสอนก็บอกทำใจได้ รองแชมป์ก็พอแล้วแต่ด้วยความหลงตัวเองของข้าพเจ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้ หากข้าพเจ้าไม่ลงทีมจะแบ่งแบบไหน ก็แค่ลงไปเล่นให้หมดเวลาไม่ให้เขายิงประตูได้เสมอก็ได้ แชมป์ชนะเลิศแล้วสรุปข้าพเจ้าก็ฟ้ืนสภาพตัวเองลงแข่งขันผลเสมอกันแชมป์เป็นของทีมช่างยนต์ หลังจากน้ันข้าพเจ้าก็ถูกทาบทามจากเพื่อนรวมทีม แข่งฟุตบอลตามโรงงานในเขต บางบอน บางแค บางขุนเทียนเป็นประจำ นับว่ารายได้ดีพอสมควรในวันหยุดย้อนกลับไปในช่วงน้ันข้าพเจ้า ก็มี FC ในตำแหน่งนายทวาร จอมทักษะ เช่นกันนะครับ เมื่อถึงเทศกาลกีฬามหาลัยข้าพเจ้าก็ถูก เรียกตัวฝึกซ้อมเป็นนักกีฬาฟุตบอลในตำแหน่งผู้รักษาประตูสำรอง ในขณะเดียวกันช่วงน้ันข้าพเจ้า ออกจากหอพักชายราม 2 มาอาศัยวัด เป็นท่ีพักอาศัยโดยการชักชวนของคุณณรงค์ เจริญจันทร์ และคุณสุจินต์ เจริญจันทร์ เป็นผู้ให้คำแนะนำในการเปลี่ยนแปลงทาง ความคิด แล้วข้าพเจ้าก็ พร้อม ถวายตัวเป็นลูกศิษย์วัด ในเวลาน้ัน และขอลาออกจากทีมฟุตบอล มหาลัยเอเชียร์อาคเนย์ จากน้นั เป็นต้นมา จากเด็กหอ ม.ราม สู่ร้ัว วัดโพธ์ิ (วัดโพธินิมิตรสถิตมหาสีมาราม) ตลาดพลู แขวงบางย่ี เรือ เขตธนบุรี ในช่วงปี 2533 ในคณะกลาง ซึ่งมีท่านเจ้าคุณโพธิสังวรเถระ เป็นเจ้าอาวาส และเป็นเจ้าคณะแขวงบางยี่เรือ ในขณะนั้น ท่านหลวงพ่อเป็นชาวสุพรรณบุรี เช่นเดียวกับ ข้าพเจ้าจากการได้กราบท่านแล้วจึงมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ในการดูแลของหลวงพ่ีจง ตำแหน่ง เลขานุการเจ้าคณะแขวงบางยี่เรือและ ผู้ช่วยเจ้าอาวาวัดโพธินิมิตขณะน้ัน ช่วงนี้เองเพื่อนสุจินต์ เจริญจันทร์ และพ่ีแก่ซ่ึงเป็นศิษย์รุ่นพี่ท่ีมาจากบ้านหนองบัว จ.สุพรรณบุรี ก็มาแนะนำการใช้ชีวิต ในเขตอภัยทานหรืออีกนาม เรียกขาน “อารามบอย” แปลตรงๆเด็กวัดดีๆน้ีเองไม่ต้องใช้ศัพท์ สูงคนฟังจะเวียนหัวครับ ซึงภารกิจในความรับผิดชอบเบ้ืองต้นจะต้องแบ่งเบาภาระงานต่างๆของ ทางวัดรวมไปถึงการทำหน้าท่ีออกบิณฑบาตถือย่ามพร้อมปิ่นโตเดินตามหลังหลวงพี่ เม่ือมาถึง วัดจะมีลูกศิษย์อีกชุดคอยคัดแยกจัดสำรับอาหารคาว-หวาน-ผลไม้รวมถึงนำดื่มพร้อมถวายและ
คัดแยกอาหารเพ่ือถวายอาหารช่วงฉันเพลอีกชุด เม่ือหลวงพี่ฉันเช้าเรียบร้อยอาหารท่ีอยู่บนโต๊ะ จะเป็นของลูกศิษย์ทุกคนร่วมรับประทานอาหารอิ่มกันถ้วนหน้า หลังจากน้ันก็จะร่วมกันนำปิ่นโต บาตรไปล้างทำความสะอาดเช็ดให้แห้งพร้อม ในการบิณฑบาตวันต่อไป ภาพวันแรกท่ีข้าพเจ้า จำเหตุการณ์ที่ก้าวเข้ามาสู่สมาคมศิษย์วัดโพธิ์ในนามศิษย์ศาลาร่วมใจเป็นภาพผู้ชายท่ีใช้ เครื่องพิมพ์ดีดอย่างคล่องแคล้วว่องไวพิมพ์เอกสารให้กับหลวงพ่ีจงพิมพ์ไปด้วยพูดกับข้าพเจ้าใน คราวเดียวกันเสียงดังฟังชัดเจนมากน่ันก็คือพี่แก่ ซึ่งเป็นศิษย์รุ่นแรกพี่แก่จะถูกหลวงพ่ีจงเรียกมา พิมพ์เอกสารเป็นประจำเพราะฝีมือการพิมพ์เอกสารไร้เทียมทานมากครับหลังจากน้ันประมาณ 1 ปี พ่ีแก่ก็หายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ทราบภายหลังว่าไปมีครอบครัวต่างจังหวัด คงเหลือ ศิษย์จินต์ กับข้าพเจ้าเพื่อนจินต์เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับข้าพเจ้า เพื่อจินต์เป็นคนหัวดีระดับต้นๆของ ห้องสมัยเรียนจบ ม.3 ก็สอบนักเรียนช่างฝีมือทหารเรือติดนับว่าเป็น ดาวรุ่งของรุ่นข้าพเจ้าก็ว่า ได้เพ่ือนจินต์มีจุดเด่นมากในการวิเคราะห์นักฟุตบอลทั้งไทยและต่างประเทศ นิตยสารกีฬาเร่ือง ฟุตบอล สยามกีฬา หนังสือพิมพ์ส่ือสารต่างๆเพื่อนจินต์จะหามาอ่านจนเต็มห้อง รู้จริงรู้ลึกทุกข้อมูล รวมถึงประวัติของนักเตะดาวดังเพ่ือนจินต์ก็เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครเปรียบเทียบเสมือน ย.โย่ง 2 ผู้ประกาศข่าวกีฬาผู้โด่งดังประมาณน้ันจะกล่าวถึงศิษย์อีกท่าน รุ่นแรกๆคือพ่ียุทธหรือ เรียกนามพี่ท่านว่าจ่ายุทธ ป้ันโอ, พี่นพ พันตำรวจตรีนพดล ศรีคำแหง ,พี่ตึ๋ง พันตำรวจเอก อดิเรก พันธ์ใย ศิษย์พ่ีที่กล่าวถึงเป็นศิษย์รุ่นแรกๆท่ีศิษย์ทุกคนถือเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตนให้ ประสบความสำเร็จในชีวิตซ่ึงหลวงพี่จงท่านจะกล่าวพูดกับโยมท่ีมากราบท่านถึงลูกศิษย์ทุกคนท่ี เรียนจบไปทำงานมียศถาบรรดาศักด์ิ ด้วยสายตาท่านมีความสุขและท่านก็จะถูกท่านเจ้าคุณชมกับ พระคณะต่างๆ ให้ดูแลลูกศิษย์ให้ได้อย่างลูกศิษย์หลวงพี่จงศาลาร่วมใจ ทำให้ข้าพเจ้าซ่ึงเป็นลูก ศิษย์คอยปรนนิบัติใกล้ชิดสะดุ้งทุกครั้งเมื่อมีญาติโยมช่ืนชมลูกศิษย์รุ่นแรกๆจิตใจข้าพเจ้าบอกว่า ข้าพเจ้าต้องเดนิ แนวทางทร่ี ุ่นพ่ๆี เปน็ ตัวอยา่ งใหไ้ ด้ หลังจากน้ัน 2 ปีต่อมา สมาชิกศิษย์วัดโพธ์ิอีกคนก็ตามขึ้นมาเรียนต่อคือ นายณรงค์ เจริญจันทร์ ซึ่งณรงค์ ก็เป็นคนพาข้าพเจ้ามาฝากให้อยู่กับเพ่ือนจินต์ ตอนนั้นณรงค์ยังเรียนไม่จบ มัธยมแต่ก็จะขึ้นมาเท่ียววัดโพธิ์เป็นประจำจึงได้ชักชวนให้ข้าพเจ้ามาอยู่วัดครั้งน้ันซึ่งเปรียบ กัลยาณมิตร ข้าพเจ้านึกคุณอันน้ันได้ดีณรงค์เรียนต่อ ป.ตรี วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จ ในสมัยน้ัน สาขาศิลปะณรงค์เป็นคนที่มีฝีมือทางด้านงานศิลปะมีระเบียบวินัย มีหลักการขยันหารายได้สามารถ
ขายงานศิลปะส่งตัวเองเรียนช่วยทางบ้านแบ่งเบาภาระทุกอย่าง ฉายาเพ่ือนๆตั้งให้ อาจารยร์ งค์ ด้วยอุปนิสัยของณรงค์เป็นคนที่โอบอ้อมอารีย์ต่อเพื่อนๆจึงได้ชักชวนสุวิทย์ เถ่ือนน้อย ให้มา อยู่ด้วยกันซ่ึงมหาลัยของสุวิทย์อยู่ใกล้กับวัดเพียงข้ามเรือสี่พระยาก็จะถึงมหาลัยของสุวิทย์คือมหา ลัยจุฬาซึ่งสุวิทย์เรียนอยู่คณะวิทยาศาสตร์ปีต่อมาสุวิทย์ก็ได้สอบใหม่ในคณะวิศวะโยธาตามใบสั่ง ของคุณพ่อ สุวิทย์ เป็นวิศวะหนุ่มเน้ือหอมของกลุ่มเด็กวัดรุ่นใหม่ต่อจากศิษย์รุ่นพี่ ข้าพเจ้าจำภาพท่ี ประทับใจมิรู้ลืมในวันที่นายสุวิทย์ เถื่อนน้อย ปัจจุบันตำแหน่งนายช่างโยธา จังหวัดอุทัยธานี ก้าว เข้ามาวันแรกณรงค์ซึ่งติดเรียนข้าพเจ้ากำลังถูพื้นทำความสะอาดศาลสมเด็จรอรับสุวิทย์แล้ว ข้าพเจ้าก็พบกับสุวิทย์อยู่ในชุดนักศึกษาไม่ผูกเนคไทพร้อมกระเป๋าบวชนาคเจมบอลข้าพเจ้ามอง แล้วอุทานออกมาว่าน่ีมันบุญชูนี่หว่าซ่ึงมันเป็นภาพความประทับใจที่จำได้วันนั้นนายสุวิทย์นายแน่มาก และช่วงที่วิทย์ กับรงค์อยู่วัดร่วมกันเราสามหนุ่มก็จะแบ่งงานกันทำอย่างเป็นระบบต่ืนเช้าข้าพเจ้า จะเตรียมอปุ กรณ์ เช่น บาตร ย่าม 3-4 ใบ พร้อมป่ินโต รอรบั หลวงพตี่ อนตี 5 6 โมง ออกเดนิ บิณฑบาตกับหลวงพ่ีจงเส้นทางการบิณฑบาตหน้าวัดโพธ์ิ-ซอยมัสยิดสวนพลู ทางรถไฟ วิทย์เม่ือถึง เวลาประมาณการก็จะเดินไปรับถุงย่ามข้าพเจ้ากลางเส้นทางที่รู้กันแล้วกับวัดไปเพ่ือเตรียม อาหารถวายหลวงพี่ตอนเช้า โดยมีณรงค์เตรียมอุปกรณ์ ชาม ช้อน พร้อมแกะอาหารถุงจากโยม แยกอาหาร ขนมหวานและผลไม้ หมายเหตุปัจจัยด้วยซองทุกซองหลวงพี่จะบอกว่าถือว่าใช้จ่ายใน การศึกษาทุกคนเม่ือข้าพเจ้ากับหลวงพี่มาถึงวัด วิทย์กับรงค์จะรับบาตรพร้อมถวายหลวงพี่และแยก ไว้เป็นอาหารถวายเพลเม่ือหลวงพี่ฉันเช้าเสร็จเรียบร้อยก็จะเป็นหน้าท่ีของพวกเราท่ีจะต้อง รับประทานอาหารและแยกย้ายกันไปเรียนส่วนข้าพเจ้ารับผิดชอบหลังจากน้ันจนถึงถวายเพล เพราะข้าพเจ้าเรียนบ่าย จะมาพบกันอีกครั้งตอนช่วงเย็นกลับจากมหาลัย อาหารเย็นก็จะคัด อาหารที่อยู่ได้นาน หากวันไหนไม่สามารถเก็บได้ก็จะดูไป ถ้ามาม่าปลากระป๋องท่ีหลวงพี่รับ บิณฑบาตมาและให้ไว้กินกันแต่ก็มีแม่ค้าหน้าวัด ผัดไทย ข้าวผัด หอยทอดคอยดูแลเพราะเห็นว่า เด็กวัดนิสัยดีและเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่ีท่ีแม่ค้าเคารพนับถือหรือหากหลวงพ่ีติดนิมนต์ ก็จะบอกให้ ข้าพเจ้าบอกบ้านโยมประจำว่าหลงพ่ีติดนิมนต์ โยมก็จะใส่ถุงให้ลูกศิษย์กินก่อนไปเรียน ข้าพเจ้า จำภาพที่โยมบอกว่าเอาไปกินกันนะอยู่ก่ีคนหลวงพ่ีเขารักพวกเธอมากนะ และพวกหลวงพี่ก็ชื่นชม พวกเธอมากท่ีช่วยงานวัดและทำตัวดีไม่สร้างปัญหาทุกรุ่นได้ดีกันไปแล้วก็มีในใจตอนน้ันเรายังว่าง เปล่าอยู่เลยหลวงพ่ีก็จะพูดถึงพ่ีตึ่ง พ่ีนพ ตลอดเวลาท่ีมีการพูดถึงลูกศิษย์ท่ีท่านภาคภูมิใจในข้าวก้น
บาตรต่อมาก็มีศิษย์สายสุพรรณติดตามมาร่วมอีก 2 รายคือ นายสมรัฐ หาญพุฒ (โต้ง) ปัจจุบัน เส่ียโต้งและนายมนตรี ศรีสัมพันธ์(แปะ) ปัจจุบันผู้กองแปะ นายทหารใหญ่ท่ีมาพร้อมกันและเรียน พาณิชยการสีลมในนามนักฟุตบอลของโรงเรียนพาณิชการสีลมดังมากในขณะนั้นแปะจะพักอยู่ที่ศาลา ร่วมใจส่วนโต้งจะพักอยู่กับหลวงพี่วิเชียรซึ่งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสอีกองค์ที่เป็นท่ีเคารพของพระ คณะกลาง โต้งก็เป็นผู้หน่ึงท่ีเป็นศิษย์เอกของมหาวิเชียร ท่านมักจะเม่นกับข้าพเจ้าอยู่ตลอดว่าไม่ รู้มันไปโรงเรียนหรือเปล่า กลับไม่ตรงเวลา ไม่เคยเห็นดูหนังสือเรียนชอบไปแต่ศาลาร่วมใจมัน ไปทำอะไร ด้วยอารมณ์ไม่พอใจในขณะท่ีข้าพเจ้ากำลังนวดขาให้ท่านด้วยแอร์ที่เย็นฉำจึงถามท่าน ว่าหลวงพ่ีต้องจัดการนะครับปล่อยไว้ไม่ได้เกรงว่าจะทำความเส่ือมเสียให้กับหลวงพี่ครับ หลวงพ่ี มหาวิเชียรในช่วงนั้นหลับๆต่ืนๆด้วยมือสลายเส้นเอ็นของข้าพเจ้าตอบด้วยเสียงแหบแห้งว่าเอง เป็นลูกพี่มันก็จัดการให้หน่อยสิ ตกลงให้ข้าพเจ้าจัดการให้นะครับ สรุปพระมหาวิเชียรท่านน้อยใจ ที่ศิษย์โต้งมักชอบให้ความสำคัญกับศิษย์ศาลาร่วมใจมากก็เท่าน้ันเองบ่นคำเดิมๆกับผมตลอดจนโต้ง เรียนจบสุดท้ายท่านก็มองด้วยความภูมิใจในตัวของโต้ง สมรัฐ (ยังมีเร่ืองสนุกๆของโต้งอีกมาก) ส่วนหมวดแปะเป็นคนนิ่งๆสมกับเป็นซุปเปอร์ดารานักเตะเท้าทองเป็นหน่วยสนับสนุนในกิจการทำ ความสะอาดศาลสมเด็จทุกๆเย็นหลังเลิกเรียนและนายเจ๊ียบลูกศิษย์คณะกลางท่ีเข้ามาร่วมเป็น สมาชิกศาลาร่วมใจอีกคนบ้านอยู่ดอนเจดีย์เรียนพาณิชย์ เช่นเดียวกับโต้งและหมวดแปะขณะนั้น อ.ณรงค์ ก็แนะนำรุ่นน้องที่เรียนวิทยาลัยบ้านสมเด็จเด็กศิลปะมาพักอยู่ที่วัดโพธ์ิด้วยกัน คือ เดียร์หรือมัย ทั้งน้ีกลุ่มเด็กวัดทุกคนจะไม่มีใครลืมเด็กวัดเจ้าถิ่น 2 ท่านนี้ได้เลยคือ 1 พี่ดำ สท. สาธิต มาตรแก พนักงานธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซ่ึงพ่ีดำจะเป็นคนคุยโขมงทุกเร่ือง โม้บ้างจริง น้อย กริยาท่าทางนักเลงโตแต่เป็นคนรักพ่ีรักน้องใครเดือดร้อนตกงานพี่ดำจะติดต่องานให้เสมอ และก็ได้งานอย่างท่ีพี่ดำคุยฝากไว้จริงๆข้อเสียท่ีมีอยู่คู่กับตัวพี่ดำคือ 1. นิสัยชอบยืมเงินแล้วลืม 2. ด้วยเป็นคนเสียงดัง ยืดอกยกไหล่ในเวลาพูดมักจะมีปัญหากับวัยรุ่นกลุ่มต่างๆและจะดึง ข้าพเจ้าไปเกี่ยวข้องในฐานะน้องชายของพี่ดำตามท่ีเข้าอ้างกับทุกคนท่ีรู้จัก คนที่ 2 เป็นคนบุคลิก เล้าใจวัยรุ่นมีนามว่าลูกอ๊อดรูปร่างผมบางทรงผมส้ัน เป็นศิษย์หลวงพี่ไสวคณะกลางโด่งดังเร่ือง อบนำมนต์ สะเดาะเคราะห์ ต่อชะตาก็มักมาร่วมเป็น สมาชิกร่วมใจอีกเช่นกันประหน่ึงคนบ้าน เดียวกันและอีกหลายท่านที่เคยเข้ามาเป็นส่วนหน่ึงในศาลาร่วมใจศิษย์วัดโพธิ์ 1.พ่ีวุธ เกิดเอ่ียม 2.เปรมชัย เปรมบำรุง 3.ชัยวตั น์ คงพนั ธ์
ในระหว่างทีทุกคนกำลังเรียนหนังสือก็จะมีรุ่นพี่ท่ีจบและสมัครงานสอบข้าราชการได้ก็จะ ลาออกจากการเป็นลูกศิษย์วัดไปพักอาศัยท่ีอยู่ใกล้กับที่ทำงานแต่ศิษย์ศาลาร่วมใจข้าพเจ้าถือว่า เป็นคนอยู่วัดท่ียาวนานที่สุดของรุ่นคือประมาณ 12 ปี หลวงพี่มหาวิเชียรจึงยกประธานรุ่นลูกศิษย์ วัดโพธ์ิให้กับข้าพเจ้า ทำการแต่งต้ังเป็นที่เรียบร้อยให้ดูแลประสานคณะลูกศิษย์ทุกคณะเช่นคณะ กลางคณะใต้ในการชว่ ยงานวัด เช่น เกบ็ ค่าจอดรถ คา่ เช่าศาลา การจา้ งเหมาอาหารเครือ่ งด่มื การบริการ เด็กเสริฟ การบริจาคเก็บทำความสะอาด การรับจัดงานฝีมือ เช่นงานจัดดอกไม้ งานเกะสลัก รวมถึงการเคล่ือนย้ายศพก่อนเผา สรุปรายได้พอส่งตัวเองเรียนได้แบบคุณหนูเลย นะครับ เมื่อทุกคนเรียนจบต่างก็ไปประกอบอาชีพเป็นของตัวเองที่วาดฝันไว้ รุ่นต่อรุ่นข้าพเจ้า ก็ยังคงอยู่ท่ีเดิมอยู่ดูแลหลวงพ่ีจง และอสังหาริมทรัพย์ วันหน่ึงหลวงพี่เรียกข้าพเจ้าเข้าไปคุยว่า เอกเองจะอยู่แบบนี้ไปอีกนานไหมด้วยความเป็นห่วงข้าพเจ้าจึงฝากงานให้กับข้าพเจ้าไปทำเพ่ือ อนาคตท่านเห็นว่าเป็นงานราชการหยุดเสาร์-อาทิตย์ ด้วยความเป็นห่วงข้าพเจ้ามักมีคนพูดว่าผม เกาะวัดกินแต่ความเป็นจริงแล้วข้าพเจ้าซุ่มแอบดูหนังสืออยู่ศาลาพักศพทุกวันหลังปรนนิบัติถวาย เพลเรียบร้อยแล้วและได้เข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานลูกจ้างจดทะเบียนการค้า ทุกเช้าผมจะ บิณฑบาตเดินตามหลวงพี่เรียบร้อยก็จะไปทำงานที่ทำงานกระทรวงพานิชแต่เช้า 07:00 น. ทุกวันและช่วยทำความสะอาดโต๊ะผู้บริหารทั้ง 2 ช้ัน ทุกวัน หัวหน้างานเห็นจนชินตาในระหว่าง ข้าพเจ้าทำงานมักถูกเรียกมอบรางวัลประจำหลังจากกลับจากท่ีทำงานข้าพเจ้าก็จะเก็บตัวดู หนังสือทุกวันด้วยความกดดันก็เป็นไปได้เน่ืองจากข้าพเจ้ามีความตั้งใจสอบข้าราชการตำรวจด้วย หลังจากผิดหวังจากการสอบตำรวจปีที่ผ่านมาข้าพเจ้าสอบติดตัวสำรองอันดับที่ 3 แต่ไม่มีการ เรียกตัวสำรองในจังหวัดนครปฐมและปีนี้ก็เช่นกันข้าพเจ้าเตรียมตัวเป็นอย่างดีสมองเต็มอิ่มและ ข้าพเจ้าก็พร้อมที่จะสอบในสนามนครบาลท่ีข้าพเจ้ากลัวแต่ปีนี้ข้าพเจ้าพร้อมและไม่เสียงานประจำ ของข้าพเจ้าด้วยและแล้ววันนี้ที่ข้าพเจ้ารอคอยก็มาถึงผลประกาศในหนังสือพิมพ์หนังสือพิมพ์วัฏจักร การประกาศรายชื่อนักเรียนพลตำรวจนครบาล ประจำปี 39 มีชื่อข้าพเจ้าติดอยู่ด้วยแต่ก็ยังปิดไม่ บอกใครเช่นเดียวกับผลสอบปี 38 ให้แน่ใจท่ีสุดว่าสอบผ่าน ทุกข้ันตอนจึงแจ้งทุกคนโดยเฉพาะ ครอบครัวระหว่างน้ันข้าพเจ้าก็ยังทำงานที่สำนักงานกระทรวงพานิชปกติต่อไปและแล้วหัวหน้ากอง ก็เรียกเข้าพบสอบถามการทำงานรวมไปถึงพักอยู่ที่ไหนเป็นอะไรกับท่านเจ้าคุณหลวงพ่ีจงและก็ แนะนำให้ข้าพเจ้าสมัครสอบบรรจุเป็นข้าราชการภายในแล้วข้าพเจ้าก็สอบได้อันดับท่ี 2
ในจำนวน 3 รายทุกคนพร้อมด้วยหัวหน้าเข้ามาแสดงความดีใจ ไปกับข้าพเจ้า ซ่ึงทำให้ข้าพเจ้า กังวลใจเป็นอย่างมาก ปีน้ีมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตข้าพเจ้ามันช่างโชคดีจนข้าพเจ้าหนักใจและแล้ว ข้าพเจ้าก็ขอเข้าพบท่านหัวหน้าว่าข้าพเจ้าขอสละสิทธิในการสอบคร้ังน้ีเน่ืองจากข้าพเจ้าสอบ นักเรียนพลตำรวจติดและท่านกับบอกว่าคนท่ีจะมีโอกาสสอบเลื่อนเป็นข้าราชการภายในต้องมี คุณสมบัติ 10 ปี แต่ข้าพเจ้าทำงานได้แค่ปีกว่า หัวหน้าบอกว่าข้าพเจ้ามีคุณสมบัติพิเศษท่ีคนอ่ืนไม่มี และคนเก่าหลายๆคนขาดคุณสมบัติท่ีข้าพเจ้ามีเป็นอันสำคัญทำให้ข้าพเจ้านี่ลอยไปขณะหนึ่งเมื่อตั้ง สติได้ก็เริ่มอธิบายถึงอุดมการณ์อย่างแรงกล้าของลูกผู้ชายชุดเคร่ืองแต่งกายคือความใฝ่ฝันอัน สูงสุดเม่ือเป็นไปตามเจตนารมของข้าพเจ้า ท่านหัวหน้าก็ไม่ขัดข้องพร้อมท้ังมีของมาให้ข้าพเจ้า เลือก 2 ช้ิน ช้ินแรกคือเงิน 5,000 บาท ชิ้นที่ 2 คือพระคำข้าวฤาษีลิงดำ รุ่นคำข้าวข้าพเจ้า จำได้ราคาพระอยู่ท่ี 5,000 บาท เช่นกันท่านให้เลือกข้าพเจ้าจึงเลือกพระ ท่านบอกทำไม ไม่ เลือกเงิน ข้าพเจ้าก็ตอบเงินก็สำคัญครับแต่พระมีค่าทางจิตใจมากกว่าครับ แล้วท่านก็มอบเงินให้ เพมิ่ อกี เพ่อื เป็นการลองใจขา้ พเจา้ นับวา่ เปน็ ส้ินสดุ การเป็นพนกั งานกระทรวงพานชิ ในขณะนั้น เตรียมความพร้อมในการรายงานตัวเป็นนักเรียนพลตำรวจนครบาลกองร้อยที่ 4 รุ่นที่ 69 แบ่งเป็น 3 หมวด หมวดละ 50 นาย รวม 150 นาย ข้าพเจา้ อย่หู มวดท่ี 3 เร่มิ ฝึกอบรม ตงั้ แต่ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 ถึง 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2540 รวมระยะการฝึก 1 ปี ซ่ึงใน ระหว่างการฝึกอบรมนักเรียนพลตำรวจ ได้รับคัดเลือกให้เป็นรองประธานรุ่น ในการประสาน ความร่วมมือแต่ละกองร้อย รวมถึงการทำกิจกรรมต่างๆในเร่ืองของรุ่นหลังจากการฝึกอบรม จนถงึ จบหลกั สตู รไปปฏบิ ัติหน้าท่ตี ามสถานที่ต่างๆ เมอื่ ครบจำนวนการฝกึ อบรมในวนั ท่ี 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2540 นักเรียนพลตำรวจทุกนายต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปแต่ละสถานีท่ีตนเลือกตามลำดับ คะแนนที่สุงได้เลือกก่อนส่วนข้าพเจ้าได้มีหนังสือคำส่ังให้ช่วยราชการกองการศึกษาในตำแหน่ง ครูฝึกอบรมทำหน้าที่ ฝึกอบรมนักเรียนพลตำรวจนครบาลกองร้อยท่ี 4 ในระหว่างการฝึกอบรม นักเรียน พลตำรวจข้าพเจ้าก็ได้ เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร กระโดดร่วม ปี 2540 จากค่าย พระราม 6 กองบังคับการตำรวจตระเวรชายแดน ซึ่งเป็นหลักสูตรท่ี ตำรวจทุกนายใฝ่ฝันที่จะที ปีกร่มมาประดับเคร่ืองหมายหากเป็นตำรวจ ตชด. แล้วต้องทำงานร่วมกับทหารปีกร่มไม่มีทหารก็ จะดูถูกเหยียดหยาม ปีกร่มถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งซ่ึงเป็นสัญญาลักษณ์ ของขีด ความสามารถของผทู้ ตี่ ิดเครอื่ งหมาย
คราวหนึ่งข้าพเจ้าได้ส่งหนังสือที่ตึกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีนายตำรวจยศพันตำรวจ เอก ตำแหน่ง ผู้กำกับตำรวจสันติบาลเรียกสอบถามอย่างดุดันว่าติดเครื่องหมายร่ม ได้อย่างไร อบรมที่ไหน ใครเป็นผู้ฝึกสอน มีใบประกาศถูกต้องหรือไม่ ท่าทางท่านไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย ในช่วงนั้น เมื่อผมตั้งสติค่อยๆ ตอบท่านจนเสร็จเรียบร้อย ท่านยื่นมือขอแสดงความยินดีกับนักรบ ตำรวจด้วยนะน้องชาย ท่านจับมืออย่างแน่นพร้อมตบไหล่ แล้วท่านก็ขึ้นลิฟท์ไปท้ิงให้ข้าพเจ้ายืนงง ภาพเหตุการณ์ช่วงฝึกอบรมก็เข้ามาในขนะน้ัน “ทุกท่านคือนักรบตำรวจ เรามีความภูมิใจเป็นของ เราเอง” ข้าพเจ้าเข้าใจในทันทีว่าหลักสูตรท่ีข้าพเจ้าอบรมมามันมีความภาคภูมิใจ และมี ความหมายกับผู้ท่ีผ่านหลักสูตรนี้มาจะเข้าใจ ถึงความยากลำบาก หลังจากพักฟ้ืนร่างกาย และจบ จากหลักสูตรได้มาทำหน้าที่ครูฝึกตำรวจนักเรียนพลตำรวจระหว่างมีคำสั่งช่วยราชการตรวจคน เข้าเมือง (ตม.) จังหวัดกาญจนบุรี สมัยท่านพลตำรวจเอกวงกต มณีรินทร์ เป็นผู้บังคับบัญชา การสอบสวนกลางได้ 2 ปี หลังจากน้ันทำเร่ืองโอนย้ายเข้านครบาลกองกำกับการสวัสดิการภาพ เด็กและเยาวชนชุดปราบปราม สถานบันเทิง ท่าน ประชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทย ติดตามดูแลท่านผู้กำกับสุรัฐ อุดมรัตน์ อดีตนายทหารคนสนิทท่านนายก ชาติชาย ชุณหะวัณ ทั้งน้ีข้าพเจ้าได้มีเพ่ือนคู่กาย ในการทำงานทุกครั้งเปรียบเสมือน คู่แฝดผิดฝา ฉายาท่ีนักขา่ วท่านตั้งให้ คอื จา่ สิบตำรวจนรทิ ร์ ศรีมรกต มงคล ยศในขณะน้นั จากน้ันได้มีหนังสือเชิญชวนข้าราชการที่มีร่างกายพร้อมที่จะเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร ต่อต้านการก่อการร้ายสากล ซึ่งเป็นหลักสูตร 10 ปี ต่อหน่ึงรุ่น ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ใช้งบประมาณ มากสมัยเม่ือ 20 ปีท่ีแล้ว 1 คนต้องใช้งบประมาณ 2 แสนบาท ซึ่งรัฐบาลต้องจัดงบประมาณให้ เน่ืองจากจะมีการประชุมผู้นำกลุ่มเอแปด ในปี 46 ในการรักษาความปลอดภัยผู้นำข้าพเจ้าจึงได้ สมคั รทดสอบรา่ งกายและตรวจสอบสติ และอารมณ์ จนผา่ นเข้ารับการฝกึ อบรม 4 เดือน 1 เดือนแรกจะฝกึ อยทู่ ศ่ี นู ยห์ น่วย 191 ยุทธวธิ ีตา่ งๆรวมถึงการโรยตัว เดอื นท่ี 2 ค่ายพระราม 6 กองบญั ชาการตำรวจตระเวนชายแดน เดอื นท่ี 3 หน่วยบัญชาการสงครามพเิ ศษ (พลร่มปา่ หวาย) เดอื นท่ี 4 หนว่ ยบัญชาการนาวกิ โยธิน (SEAL) กองทัพอากาศเม่ืออบรมครบทุกหน่วยรบพิเศษกลับมายังศูนย์ฝึกอบรม เพ่ือทบทวนนำมาประยุคใช้ ให้มีความคล่องตัวในการปฏิบัติงานจริงในเมืองใหญ่เพิ่มเติมในส่วนต่างๆรวมไปถึงความถนัดใน แต่ละบุคคลจำลองเหตุการณ์เสมือนจริงจนทุกนายมีทักษะและความแม่นยำในการเข้าทำงานใน
การรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญในโอกาสช่วงน้ันได้ฝึกเสมือนจริงการเข้าช่วยเหลือตัวประกัน ณ วังปารุส บชน. ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ทอดพระเนตร นับว่าเป็นเกียรติ อย่างสูงยิง่ ภารกิจแรกหลังจากฝึกอบรมเรียบร้อยทำหน้าท่ีรักษาบุคคลสำคัญในการประชุมผู้นำเอแปด ติดตามและคุ้มกันผู้นำทุกประเทศภารกิจเรียบร้อยดี หลังจากนั้น ได้ต้อนรับทีมฟุตบอลรวมดารา นักเตะ ทีมรีลมารีด หรือ ราชันชุดขาว นักเตะดัง เช่น โรแบร์โต้ คาร์ลอส ,ซีเนดิน ซีดาน , ราอูล กอนซาเลซ ,โรนัลโด้ ,หลุยส์ฟีโก้ ,เดวิด แบ็คแฮม ,อิเกร์ กาซิยาส ถือว่าเป็นนักเตะ ระดับโลกในตำนาน ข้าพเจ้าพร้อมทีมได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่พักและพักอยู่ในช้ันเดียวกัน กับนักเตะ ข้าพเจ้าจำภาพเหตุการณ์วันนั้นได้ประชาชนมาคอยต้อนรับนักเตะเนืองแน่นสุดๆ การจราจรติดตามยาวเป็น 10 กิโลเมตร มีความรักษาความปลัดภัยหลายชั้นระดมกำลังตำรวจ ทั่วนครบาลชุดสายสืบนอกเคร่ืองแบบชุดกองปราบพร้อมในการรักษาความปลอดภัย ณ จุดน้ัน ทีมของข้าพเจ้านับเป็นทีมท่ี นักข่าวจับตามองในการรักษาความปลอดภัยเพราะจะอยู่ใกล้ชิดกับนัก ฟุตบอลดารา เป็นทีมคุ้มกันท่ีเจ้าหน้าที่ทุกนายมองด้วยกันด้วยความช่ืนชมในความสามารถ เม่ือเห็นชุดชายสวมใส่แว่นสีดำหัวเกรียน เดินนำทางออกมาก็จะมีนักเตะเดินตามหลัง เพ่ือนๆ ตำรวจที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย อีกชั้นก็แสดงความช่ืนชมส่งสัญญาณให้กับข้าพเจ้า ซึ่งเป็น ตัวแทนของกองร้อยท่ีได้ร่วมฝึกอบรมจากรอยย้ิมและสีหน้า เมื่อนักเตะพักค้างคืน รุ่งขึ้นก็มีการ ซ้อมกับทีมไทยท่ีสนามราชมังคลา พร้อมสั่งกลับประเทศในวันเดียวกันซึ่งเป็นความประทับใจใน เหตุการณ์น้ัน 1. ได้จับมือกับนักเตะระดับโลกทุกคน 2. ได้ลายเซ็นในป้ายบัตรคล้องคอ ซ่ึงมี การซ้ือขายกันในหลักหม่ืนในขณะนั้น สิ่งท่ีเสียใจท่ีสุดคือมีกฏไม่ให้ถ่ายภาพในขณะรักษาความ ปลอดภัย หากเป็นสมัยนี้คงได้ภาพเพียบ สมัยนั้นหากล้องไม่มี ก็เป็นแค่เพียงบอกเล่าถึงตำนาน เท่าน้นั ครบั ภารกิจต่อมาก็ทำหน้าท่ีรักษาความปลอดภัยผู้นำขณะนั้นท่านนายกทักษิณ ชินวัตร เป็นนายก ภารกิจหลักๆติดตามคุ้มกันทุกพ้ืนที่ในการออกตรวจเย่ียมลงพ้ืนท่ีต่างจังหวัด หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็มี คำส่ังให้มาช่วยงานชุดของ ผู้กำกับสด ในการปฏิบัติราชการในกระแสสังคมกับยาเสพติดสถาน บันเทิงทั่วนครบาลชุดเฉพาะกิจของผู้กำกับสุริตน์ อุดมรัตน์ ซึ่งนักข่าวจับตาในการทำงานถึงลูกถึง คนของท่านซ่ึงข้าพเจ้าและจ่าบ๊วย(จ่านรินทร์) เป็นเสมือนขุนพลข้างกายให้กับท่านในยามขับขัน ฉุกเฉินทำหน้าท่ีคุ้มกันให้ปลอดภัยทุกสถานการณ์และด้วยเหตุผลหน้าท่ีการงานกับสภาวะทางด้าน
ครอบครัวข้าพเจ้าจะใช้ชีวิตผูกพันกับงานและที่ทำงานเพราะพักอาศัยอยู่กับสำนักงานเป็นส่วนใหญ่ เมื่อถึงเวลาข้าพเจ้าจึงขออนุญาตลาทำเรื่องโอนย้ายเพื่อไปปฏิบัติงานในพ้ืนที่ใกล้บ้านข้าพเจ้า และก็ถึงเวลาแล้วที่ข้าพเจ้าจะมีเวลาให้กับครอบครัว เม่ือทำเรื่องโอนย้าย ข้าพเจ้าก็ได้ท่านผู้ กำกับดำเนินเรื่องให้ทุกอย่างประสานกำลังพลนครบาลช่วงขณะนั้นถือว่าย้ายห้ามโอนย้ายกำลังพล สาเหตุเกิดจากมีการชุมชนคนเสื้อแดงแต่ด้วยหลังของท่านผู้กำกับข้าพเจ้าจึงมีคำส่ังพิเศษให้ไป ดำรงตำแหน่งผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ในโอกาสนั้น ผู้กำกับศรีเทพ สอบถาม วันไปรายงานตัว เส้นใครมาถ้าไม่ใหญ่จริงคำสั่งพิเศษจะไม่ออกตามมา จากวันนั้นก็ทำหน้าท่ีเป็นสิบเวรผู้ต้องหาวันแรกห้องขังผู้ต้องหาไม่มี ตกเย็นโรงพักทั้งโรงพักมีสิบ เวรกับพนักงานวิทยุ จะทานข้าวตรงไหน อาบนำยัง ข้าพเจ้าเคยทำงานที่เดิมเจ้าหน้าที่เป็นร้อย พลุกพล่านท้ังคืน แต่ท่ี สภ.แห่งนี้ไม่มีเจ้าหน้าท่ี หากข้าพเจ้าไปทานข้าวมีประชาชนมาแจ้งเหตุไม่ พบเจ้าหน้าที่ ข้าพเจ้าจะถูกตำหนิหรือโดนลงโทษวินัยได้ แต่ถ้ามีคนไม่หวังดีมาเผาโรงพักตาม ข่าวจะทำไงดี พนักงานวิทยุก็ปิดห้องรับวิทยุอย่างเดียวไม่เห็นแน่ สุดท้ายโทรหาภรรยามาส่งข้าว จากวิเชียรบุรี-ศรีเทพร่วม 100 กิโลเมตร สุดท้ายข้าพเจ้าก็เร่ิมปรับตัวผูกขาดร้านอาหารมาส่ง ทำหน้าที่สบิ เวรอยู่ 6 เดอื น ชอ่ื ข้าพเจ้าก็เร่มิ มีคนรู้จกั ในฉายาตำรวจกรุงเทพจากผหู้ มวด มกั จะ พูดประจำว่าถ้าเข้าร้อยเวรตรงกับสิบเวรตำรวจกรุงเทพ ผมสบายทำหน้าท่ี 100% ไม่ยอมหลับ นอน เช้ามาทำความสะอาด โรงพักก่อนออกเวรปีเดียวกันข้าพเจ้าก็ได้รับรางวัลตำรวจต้นแบบ ประจำเดือนคนแรกเพ่ือเป็นขวัญกำลังใจต่อการปฏิบัติงาน เม่ือปฏิบัติงานเป็นท่ีรู้จักกับตำรวจทุก นายใน สภ.ศรีเทพเรยี บร้อย ขณะนั้นปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดได้ลุกลามทุกพ้ืนที่ เป็นเหตุให้กำลังใจเจ้าหน้าท่ี ชุดสืบมีกำลังใจไม่เพียงพอ ข้าพเจ้ามีความมุ่งมั่นท่ีจะช่วยงานชุดสืบตามท่ีตั้งใจ สุดท้ายหัวหน้าชุด สืบตอบปฏิเสธคุณสมบัติข้าพเจ้าไม่เหมาะสม บุคลิกภาพบุคคลภายนอกมองออก ซ่ึงข้าพเจ้าก็ไม่รู้ จะอธิบายอย่างไร เพราะทราบยศ ตำแหน่ง จึงไม่อยากร่วมงานกับข้าพเจ้าเป็นแน่แท้ จริงๆ แล้วชุดสืบของสภ.ศรีเทพ และสภ.วิเชียรบุรี โงดังมากข้าพเจ้าหาข้อมูลก่อนหน้า และสภ.ศรี เทพ ดาบเอก อดีตตำรวจ ตชด.เต่า และดาบศักดิ์ สภ.วิเชียรบุรี สายสืบในตำนานหากด้วยบุญ วาสนาข้าพเจ้ากับดาบเอก หัวหน้าชุดสืบ สภ.ศรีเทพถูกมีคำส่ังห้ามเข้าเขตพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ หลายปีจนวันหน่ึงท่านก็กลับมาในวัยเกษียณจึงไม่ได้ร่วมงานกัน เม่ืออุดมการณ์สวนทางกับบุคลากร ในการทำงาน ข้าพเจ้าก็ปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายต่างๆท่ีควรปฏิบัติงานเช่นสายตรวจ
รถยนต์ สายตรวจประจำตำบลที่ร้องขอกำลัง เหตุการณ์ วันหนึ่งข้าพเจ้าจำได้วิทยุแจ้งการ เปลี่ยนกำลัง ให้ข้าพเจ้าไปประจำสายตรวจบ้านตะกรุด พร้อมด้วยเสียงคนตระโกนดังๆว่า “มันอยู่ไม่ได้หรอก” ข้าพเจ้าทราบภายหลังเป็นนายดาบที่ถูกย้ายแล้วจัดข้าพเจ้าไปแทนดาบท่านก็ ระบายออกมาเสียงดัง พ้ืนที่มันมีแต่คนดื้อๆ ชอบนำขวดเหล้ามาขว้างปาสายตรวจต่างๆนาๆ วันรุ่งข้ึนข้าพเจ้าก็ไปปฏิบัติงานที่พักสายตรวจบ้านนาตะกรุด ซ่ึงเป็นบ้านพักครู โรงเรียนบ้านนา ตะกรุด เพื่อทำเป็นที่พักสายตรวจช่ัวคราว มองสภาพแล้วโทรมมากๆมีขวดเหล้าแตกเต็มไปหมด เป็นจริงตามที่นายดาบท่านพูดไว้ ข้าพเจ้านึกในใจเราจะพักอย่างไรนี่ กลางคืนไม่ได้คิดว่าจะมี ใครจะมาคว้างปา ฉลองตำรวจใหม่หรอกนะมองไกลไปถึงผีเยอะไหม เพราะตรงข้ามคือวัด เพียงช่ัวขณะน้องตำรวจรูปหล่อขับรถตามมาบอกว่ามีคำสั่งให้มาช่วยงานพ่ีท่านคือ สิบตำรวจตรี ธีรวัฒน์ หวดขุนทด ตำรวจที่มาดเท่รูปหล่อจัดแถวต้นๆ ของสภ.ศรีเทพ ขณะน้ันหลังจากน้ันก็มีจ่า สิบตำรวจจำรัส บัณกิจ เป็นหัวหน้าชุดสายตรวจบ้านนาตะกรุดร่วมกันกับชาวบ้านสร้างสายตรวจ ข้ึนใหม่ซึ่งชาวบ้านได้อุทิศพื้นที่เป็นสายตรวจที่ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ร่วมมือกันดูแลชาวบ้านอย่าง สงบและเป็นสายตรวจดีเด่นต่อมาซึ่งเป็นส่ิงที่ข้าพเจ้าประทับใจเจ้าหน้าที่ตำรวจท่ีร่วมปฏิบัติงาน เหตุการณท์ ที่ รงคณุ คา่ ทกุ ครั้งยามนกึ ถึง หลังจากน้ันในปี พ.ศ.2552 ข้าพเจ้ามีความพร้อมที่จะโอนย้ายมาสังกัดองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น หลังจากพลัดผ่อนมาเกือบ 3 ปี เน่ืองจาก ยังคงรักในอาชีพข้าราชการตำรวจ ข้าพเจ้าพร้อมท่ีจะรับการโอนย้าย ในขณะทำเร่ืองโอนย้าย เป็นส่ิงที่ยุ่งยากไปทุกข้ันตอน เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นข้าราชการตำรวจคนแรกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ทำเรื่องโอนย้าย จะต้องทำเรื่องตั้งแต่ผู้กำกับ ผู้การจังหวัด ผู้บังคับบัญชาการภาค และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวิกฤตช่วงทำเรื่องโอนย้าย ข้าพเจ้าต้องใช้กำลังภายในอย่างเต็มที่ ด้วยคุณงามความดีที่ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติงานให้กับผู้บังคับบัญชาอย่างดีจึงส่งผลดีให้กับข้าพเจ้านับว่าเป็นเรื่องบุญส่งเสริม นายเวรผู้บัญชาการภาค เป็นนายตำรวจท่ีข้าพเจ้าเคยดูแลสมัยมาดำรงตำแหน่ง ร.ต.ต. ใน ซอยราชภูมิตระกูลชุนวรรณ ซึ่งท่านนายเวรก็ให้ความเป็นกันเองกับข้าพเจ้ามประสานผู้กำกับ กำลังพลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงทำให้การโอนย้ายของข้าพเจ้าเป็นไปแบบราบร่ืน ด้วยคุณ งามความดีและบุญที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสได้ไปปฏิบัติงานร่วมกับทุกๆท่านสมัยมารับตำแหน่ง ร.ต.ต. จากโรงเรียนนายร้อยสามพราน 4 ท่าน ขณะนี้ ทุกท่านเป็นผู้กำกับและผู้การในสาย ผบู้ ังคับบญั ชาชัน้ สงู อยา่ งมีเกียรติ
ภายในปี ข้าพเจ้ามีคำส่ังให้ถูกตัดขาดจากราชการตำรวจโดยให้โอนย้ายไปสังกัด องค์การบริหารส่วนท้องถ่ินในตำแหน่งเจ้าพนักงานป้องกันฯ อบต.โคกปรง และสอบเลื่อนระดับ ในตำแหน่งหัวหน้าสำนักปลัด พร้อมท้ังได้รับตำแหน่งรักษาการในตำแหน่งท่ีมิมีผู้ใดมาดำรง ตำแหน่ง เช่น รักษาการผู้อำนวยการกองช่าง รักษาการผู้อำนวยการกองคลัง รักษาการ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุข จนถึงปัจจุบัน ได้มีโอกาสช่วยราชการสถานที่ตำรวจนครบาลเทียน ทะเล ในการเป็นผู้ช่วยครูฝึกในการฝึกท่าบุคคลมือเปล่า การจัดระเบียบแถว การทำการเคารพ ท่าแถวหยุด เพ่ือทำการแข่งขัน ท่าฝึกบุคคลมือเปล่า ตำรวจนครบาลท้ังหมด 83 สถานี ในระหว่างการฝึก ข้าพเจ้าเป็นผู้ช่วยครูฝึก ครูเอ็นวิท กลีบกลาง เป็นหัวหน้าครูฝึก ขณะน้ัน ทำหน้าท่ีฝึกแบบเข้มงวด เช่น นักเรียนพลตำรวจซ่ึงผลการประกวดการฝึกท้ังนครบาล 83 สถานี สถานีตำรวจนครบาลเทียนทะเลได้รางวัลชนะเลิศการประกวดท่าฝึก ทำให้ผู้กำกับดีใจมากท่ี ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ และเป็นสิ่งท่ีข้าพเจ้าและครูเอ็นวิท กลีบกลาง ประทับใจในผลงานท่ี ต้ังใจทุ่มเท…
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: