Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ฉบับปรับปรุงปีการศึกษา 2565

หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ฉบับปรับปรุงปีการศึกษา 2565

Published by Kussaras Muangprasert, 2022-09-13 02:58:59

Description: หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ฉบับปรับปรุงปีการศึกษา 2565
โรงเรียนอนุบาลศรีอรัญโญทัย

Keywords: หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนอนบุ าลศรอี รญั โญทยั พุทธศกั ราช ๒๕๖5 ๖๖ ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ต้ม น่ึง ผิด ทอด หรือการรับประทานสด เด็กจะได้รับประสบการณ์จากการ สงั เกตการเปล่ียนแปลงของอาหาร การรับรู้รสชาตแิ ละกลิน่ ของอาหารด้วยการใชป้ ระสาทสมั ผัส และ การทำงานรว่ มกัน เชน่ การทำอาหารจากไข่ ๒.๖ การเพาะปลูก เปน็ กิจกรรมที่เน้นกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละคณิตศาสตร์ ซ่ึง เด็กจะได้เรียนรู้การบูรณาการ จะทำให้เด็กได้รับประสบการณ์โดยทำความเข้าใจความต้องการของ ส่ิงมีชีวิตในโลก และช่วยให้เด็กเข้าใจความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่รอบตัว โดยการสังเกต เปรยี บเทียบ และการคิดอย่างมเี หตผุ ล ๒.๗ การศึกษานอกสถานท่ี เปน็ การจัดกิจกรรมทัศนศกึ ษาที่ให้เด็กได้เรยี นรู้สภาพความ เป็นจริงนอกห้องเรียน จากแหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษาหรือแหล่งเรยี นรู้ในชุมชน เช่น ห้องสมุด สวน สมนุ ไพร วดั ไปรษณยี ์ พิพธิ ภัณฑ์ เพ่อื เปน็ การเพิม่ พูนประสบการณแ์ กเ่ ดก็ โดยผูส้ อนและเด็กรว่ มกัน วางแผนศึกษาสิ่งท่ีต้องการเรียนรู้ การเดินทาง และสรุปผลการเรียนรู้ท่ีได้จากการไปศึกษานอก สถานที่ ๒.๘ การเล่นบทบาทสมมติ เป็นกิจกรรมให้เด็กสมมติตนเองเป็นตัวละคร และแสดง บทบาทต่าง ๆ ตามเนื้อเรื่องในนิทาน เร่ืองราว หรือสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ความรู้สึกของเด็กใน การแสดง เพื่อให้เด็กเข้าใจเรื่องราว ความรู้สึก และพฤติกรรมของตนเองและผู้อ่ืน ควรใช้ส่ือ ประกอบการเล่นสมมติ เช่น หุ่นสวมศรี ษะ ที่คาดศีรษะรูปคนและสัตวร์ ูปแบบต่าง ๆ เครื่องแต่งกาย และอุปกรณข์ องจริงชนิดต่าง ๆ ๒.๙ การร้องเพลง ท่องคำคล้องจอง เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับภาษา จังหวะ และการแสดงท่าทางให้สัมพันธ์กับเนื้อหาของเพลงหรือคำคล้องจอง ผู้สอนควรเลือกเพลง หรือคำคล้องจองให้เหมาะกบั วัยของเดก็ ๒.๑๐ การเลน่ ใชเ้ กม เปน็ กจิ กรรมทน่ี ำเกมการเรยี นรูเ้ พ่อื ฝึกทกั ษะการคดิ การแก้ปญั หา และการทำงานเป็นกลมุ่ เกมที่นำมาเลน่ ไมค่ วรเนน้ การแขง่ ขัน ๒.๑๑ การแสดงละคร เป็นกิจกรรมที่เด็กจะได้เรียนรู้เก่ียวกับการลำดับเรื่องราว การ เรียงลำดับเหตุการณ์หรือเรื่องราวจากนิทาน การใช้ภาษาในการส่ือสารของตัวละคร เพื่อให้เด็กได้ เรียนรู้และทำความเข้าใจบุคลิกลักษณะของตัวละครที่เด็กสวมบทบาท สื่อท่ีใช้ เช่น ชุดการแสดงที่ สอดคล้องกบั บทบาทท่ไี ด้รบั บทสนทนาท่ีเดก็ ใช้ฝึกสนทนาประกอบการแสดง ๒.๑๒ การใช้สถานการณ์จำลอง เป็นกิจกรรมที่เด็กได้เรียนรู้แนวทางการปฏบิ ัติตนเมื่อ อยู่ในสถานการณ์ที่ผู้สอนกำหนด เพ่ือให้เด็กได้ฝึกการแก้ปัญหา เช่น น้ำท่วม โรคระบาด พบคน แปลกหน้า ส่อื กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ ๑. ส่ือของจริงท่ีอยู่ใกล้ตัว และสื่อจากธรรมชาติหรือวัสดุท้องถ่ิน เช่น ต้นไม้ ใบไม้ เปลือกหอย เสื้อผ้า

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนอนบุ าลศรอี รญั โญทัย พทุ ธศักราช ๒๕๖5 ๖๗ ๒. สื่อทีจ่ ำลองข้ึน เช่น ตน้ ไม้ ตกุ๊ ตาสตั ว์ ๓. ส่ือประเภทภาพ เชน่ ภาพพลิก ภาพโปสเตอร์ หนังสือภาพ ๔. สื่อเทคโนโลยี เช่น เคร่ืองบันทึกเสียง เครื่องขยายเสียง โทรศัพท์ แม่เหล็ก แว่นขยาย เครอ่ื งชั่ง กล้องถา่ ยรูปดจิ ติ อล ๕. สื่อแหล่งเรียนรู้ เช่น แหล่งเรียนรู้ภายในและภายนอกสถานศึกษา เช่น แปลงเกษตร สวนผักสมุนไพร ร้านคา้ สวนสัตว์ แหล่งประกอบการในท้องถิน่ ขอ้ เสนอแนะ ๑. การจัดกิจกรรมควรยึดหลักการจัดกิจกรรมที่เน้นให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง ใชป้ ระสาทสมั ผสั ท้ังหา้ และมโี อกาสค้นพบดว้ ยตนเองใหม้ ากท่ีสดุ ๒. ผู้สอนควรยอมรับความคิดเห็นท่ีหลากหลายของเดก็ แบะให้โอกาสเด็กได้ฝึกคิด แสดงความคดิ เหน็ ฝกึ ตั้งคำถาม ๓. อาจเชิญวิทยากร เช่น พ่อแม่ ตำรวจ หมอ ฯลฯ มาให้ความรู้แทนผู้สอน เพ่ือ ชว่ ยใหเ้ ดก็ สนใจและสนุกสนานมากขน้ึ ๔. ในขณะท่ีเด็กทำกิจกรรมหรือหลังจากทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ผู้สอนควรใช้คำถาม ปลายเปดิ ท่ีชวนให้เด็กคดิ หลีกเลีย่ งการใช้คำถามที่มคี ำตอบ “ใช่” “ไม่ใช่” หรอื มคี ำตอบให้เด็กเลือก และผ้สู อนควรใหเ้ วลาเด็กคดิ คำตอบ ๕. ช่วงระยะเวลาที่จัดกิจกรรมสามารถยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึง ความสนใจของเด็กและความเหมาะสมของกิจกรรมน้ัน ๆ เช่น กิจกรรมการศึกษานอกสถานท่ี การ ประกอบอาหาร การเพาะปลูก อาจใช้เวลานานกว่าทกี่ ำหนด ๓. ข้ันสรุปบทเรียน เป็นการสรุปสิ่งต่าง ๆ ท่ีเรียนไปทั้งหมดให้เด็กได้เข้าใจดียิ่งขึ้น ซึ่ง ผู้สอนอาจใชค้ ำถาม เพลง คำคล้องจอง เกม ฯลฯ ในการสรุปเร่ืองราว ๓. กิจกรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งพัฒนากระบวนการคิดสร้างสรรค์ การรับรู้ เกี่ยวกับความงาม และส่งเสริมกระตุ้นให้เด็กแสดงออกทางอารมณ์ตามความรู้สึก ความคิดริเริ่ม สรา้ งสรรค์และจินตนาการ โดยใช้ศิลปะ เช่น การวาดภาพ ระบายสี การปั้น การพิมพ์ภาพ การพับ ตัด ฉีก ปะ ฯลฯ จุดประสงค์ ๑. เพือ่ พฒั นากลา้ มเนอ้ื มือและตาใหป้ ระสานสมั พันธ์กัน ๒. เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเพลดิ เพลิน ช่นื ชมในสงิ่ ที่สวยงาม ๓. เพอ่ื สง่ เสรมิ การปรบั ตวั ในการทำงานรว่ มกบั ผ้อู ืน่ ๔. เพื่อส่งเสรมิ การแสดงออกและมีความมน่ั ใจในตนเอง ๕. เพ่ือส่งเสริมคุณธรรม จรยิ ธรรม และทักษะทางสงั คม ๖. เพอ่ื ส่งเสริมทกั ษะทางภาษา อธิบายผลงานของตนได้ ๗. เพือ่ ฝึกทักษะการสงั เกต การคิดและการแกป้ ัญหา ๘. เพอ่ื ส่งเสริมความคิดรเิ ริม่ สรา้ งสรรคแ์ ละจนิ ตนาการ ขอบข่าย/เน้อื หา/กิจกรรม

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นอนบุ าลศรอี รญั โญทยั พุทธศกั ราช ๒๕๖5 ๖๘ ๑. การวาดภาพและระบายสี เช่น การวาดภาพดว้ ยสเี ทยี น สีไม้ สนี ้ำ ๒. การเลน่ กับสนี ้ำ เชน่ การเปา่ สี การหยดสี การพบั สี การเทสี การละเลงสดี ว้ ยน้ิวมอื ๓. การพมิ พ์ภาพ เช่น การพิมพภ์ าพด้วยพืช การพิมพ์ภาพดว้ ยวสั ดตุ า่ งๆ ๔. การปนั้ เชน่ การปั้นดนิ เหนยี ว การป้นั แป้งปั้น การปนั้ ดินน้ำมัน การป้ันแป้งขนมปงั ๕. การพบั ฉีก ตดั ปะ เข่น การฉีกกระดาษเส้น การตัดภาพต่างๆ การปะติดวสั ดุ ๖. การประดษิ ฐ์ เช่น ประดิษฐ์เศษวัสดุ ๗. การรอ้ ย เชน่ การร้อยลูกปัด การรอ้ ยหลอดกาแฟ การรอ้ ยหลอดด้าย ๘. การสาน เชน่ การสานกระดาษ การสานใบตอง การสานใบมะพร้าว แนวการจดั กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ ๑. เตรียมจัดโต๊ะและอุปกรณ์ให้พร้อมและเพียงพอก่อนทำกิจกรรม อย่างน้อย ๒ กิจกรรม โดยจดั ไว้หลาย ๆ กิจกรรม และอย่างน้อย ๓ - ๕ กิจกรรม เพื่อให้เด็กมีอสิ ระในการเลอื กทำกิจกรรม ทสี่ นใจ ๒. ควรสร้างขอ้ ตกลงในการทำกจิ กรรม เพือ่ ฝกึ ให้เดก็ มีวินยั ในการอยู่รว่ มกัน ๓. การเปล่ียนและหมุนเวียนทำกิจกรรม ต้องสร้างข้อตกลงกับเด็กให้ชัดเจน เช่น หาก กิจกรรมใดมีเพ่ือนครบจำนวนที่กำหนดแล้ว ให้คอยจนกว่าจะมีท่ีวา่ ง หรือใหท้ ำกิจกรรมอื่นกอ่ น ๔. กิจกรรมใดเป็นกิจกรรมใหม่ หรือการใช้วัสดุอุปกรณ์ใหม่ ครูจะต้องอธิบายวิธ๊การทำ วธิ กี ารใช้ วิธีการทำความสะอาด และการเกบ็ ของเข้าท่ี ๕. เมื่อทำงานเสร็จหรือหมดเวลา ควรเตือนให้เด็กเก็บวัสดุอุปกรณ์ เคร่ืองมือเคร่ืองใชเ้ ข้าท่ี และช่วยกันดูแลห้องให้สะอาด ส่ือกิจกรรมศิลปะสรา้ งสรรค์ ๑. การวาดภาพและระบายสี ๑.๑ สีเทยี นแทง่ ใหญ่ สีไม้ สชี อล์ก สนี ำ้ ๑.๒ พกู่ นั ขนาดใหญ่ (ประมาณเบอร์ ๑๒) ๑.๓ กระดาษ ๑.๔ เสือ้ คลมุ หรือผ้ากันเปือ้ น ๒. การเลน่ กบั สีน้ำ ๒.๑ การเป่าสี มกี ระดาษ หลอดกาแฟ สนี ำ้ ๒.๒ การหยดสี มีกระดาษ หลอดกาแฟ สีนำ้ พกู่ นั ๒.๓ การพับสี มกี ระดาษ สีน้ำ พกู่ ัน ๒.๔ การละเลงสีดว้ ยนิ้วมือ มีกระดาษ สีนำ้ แปง้ เปยี ก ๓. การพิมพภ์ าพ ๓.๑ แมพ่ ิมพต์ ่าง ๆ จากของจริง เชน่ น้วิ มือ ใบไม้ ก้านกล้วย ๓.๒ แม่พมิ พ์จากวสั ดุอืน่ ๆ เช่น เชือก เส้นด้าย ตรายาง ๓.๓ กระดาษ ผ้าเชด็ มอื สีโปสเตอร์ หรอื สีน้ำ หรอื สฝี ุ่น

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นอนบุ าลศรอี รัญโญทัย พุทธศักราช ๒๕๖5 ๖๙ ๔. การป้ัน เช่น ดนิ นำ้ มนั ดินเหนยี ว แป้งโดว์ แผ่นรองปน้ั แมพ่ ิมพ์รปู ตา่ ง ๆ ไม้นวดแปง้ ๕. การพับ ฉีก ตัด ปะ เช่น กระดาษ หรือวัสดุอ่ืนๆ ท่ีจะใช้พับ ฉีก ตัด ปะ กรรไกรขนาด เล็กปลายมน กาวนำ้ หรอื แป้งเปียก ผา้ เชด็ มือ ๖. การประดิษฐ์ เช่น เศษวัสดุต่าง ๆ มีกล่องกระดาษ แกนกระดาษ เศษผ้า เศษไหม กาว กรรไกร สี ผ้าเช็ดมือ ๗. การร้อย เชน่ ลกู ปดั หลอดกาแฟ หลอดดา้ ย ๘. การสาน เชน่ กระดาษ ใบตอง ใบมะพร้าว ข้อเสนอแนะ ๑. ควรสร้างบรรยากาศในการทำกจิ กรรมให้มคี วามสดชน่ื แจม่ ใส แตค่ วรมีระเบยี บวินยั ๒. การจดั เตรยี มวสั ดอุ ปุ กรณ์ ควรพยายามหาวสั ดทุ ้องถ่ินมาใช้ก่อนเป็นอนั ดับแรก ๓. ก่อนให้เด็กทำกจิ กรรม ตอ้ งอธิบายวิธีใช้วัสดุทถ่ี ูกต้องให้เด็กทราบ พร้อมท้งั สาธิตให้ดูจน เข้าใจ เช่น การใช้พู่กันหรือกาว จะตอ้ งปาดพู่กนั หรอื กาวน้ันกบั ขอบภาชนะที่ใส่ เพื่อไมใ่ ห้กาวหรอื สี ไหลเลอะเทอะ ๔. ควรให้เด็กทำศิลปะสร้างสรรค์ประเภทใดประเภทหนึ่งร่วมกันในกลุ่มย่อย เพ่ือฝึก การวางแผนและการทำงานร่วมกันกับผอู้ ื่น ๕. ควรแสดงความสนใจและช่ืนชมผลงานของเด็กทุกคน และนำผลงานของเด็กทุกคน หมุนเวียนจดั แสดงท่ปี ้ายนิเทศ ๖. หากพบว่าเด็กคนใดคนหนึ่งสนใจทำกิจกรรมเดียวทุกคร้ัง ควรซักชวนให้เด็กเปลี่ยนทำ กิจกรรมอน่ื บา้ ง เพราะกิจกรรมศิลปะสรา้ งสรรค์แต่ละประเภทพัฒนาเด็กแต่ละด้านแตกต่างกนั และ เมอื่ เดก็ ทำตามทแี่ นะนำได้ ควรใหแ้ รงเสรมิ ทางบวกทุกครงั้ ๗. เมื่อเด็กทำงานเสร็จ ควรให้เล่าเร่ืองเก่ียวกับสิ่งที่ทำหรือภาพที่วาด โดยครูหรือผู้สอน บันทึกเรื่องราวทเ่ี ดก็ เล่า และวันที่ที่ทำ เพื่อให้ทราบความกา้ วหน้าและระดับพัฒนาการของเด็ก โดย เขียนด้วยตวั บรรจง และให้เดก็ เห็นลลี ามือในการเขยี นทถี่ กู ต้อง และมโี อกาสคุน้ เคยกับตวั หนังสือ ๘. เก็บผลงานช้ินท่ีแสดงความก้าวหน้าของเด็กเป็นรายบุคคล เพ่ือเป็นข้อมูลสังเกต พัฒนาการของเด็ก และเมื่อถึงวันสุดสัปดาห์หรือสองสัปดาห์หรือส้ินเดือน ผู้สอนควรฝากผลงาน กระดาษไปใหพ้ ่อแม่ ผปู้ กครองดูบ้าง เพื่อทราบพัฒนาการของเด็ก ๔. กิจกรรมการเลน่ ตามมมุ กิจกรรมการเล่นตามมุม เป็นกิจกรรมท่ีเปิดโอกาสให้เด็กได้เล่นกับส่ือและเคร่ืองเล่นอย่าง อิสระตามมุมเล่น/มุมประสบการณ์ ซึ่งพ้ืนท่ีหรือมุมต่าง ๆ เหล่าน้ี เด็กมีโอกาสเลือกเล่นได้อย่างเสรี ตามความสนใจและความต้องการของเด็ก ท้ังเป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่มย่อย อนึ่ง การเล่นตามมุม

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนอนบุ าลศรอี รัญโญทยั พทุ ธศักราช ๒๕๖5 ๗๐ อาจให้เด็กเลือกทำกิจกรรมท่ีครูจัดเสริมขึ้น เช่น เกมการศึกษา เคร่ืองเล่นสัมผัส กิจกรรมศิลปะ สรา้ งสรรคป์ ระเภทต่าง ๆ จดุ ประสงค์ ๑. เพ่อื ส่งเสริมให้รจู้ ักปรับตวั อยู่รว่ มกบั ผู้อนื่ มีวินัยเชิงบวก รู้จักการรอคอย เอ้ือเฟ้อื เผ่ือแผ่ เสยี สละ และให้อภัย ๒. เพอ่ื ส่งเสรมิ พัฒนาการทางด้านภาษา คือ การฟงั การพดู ๓. เพ่อื สง่ เสริมให้เด็กมโี อกาสปฏิสมั พันธก์ ับเพือ่ น ครู และสิ่งแวดล้อม ๔. เพอื่ สง่ เสริมใหเ้ ดก็ เกดิ การเรียนรู้ด้วยตนเองจากการสำรวจ การสังเกต และการทดลอง ๕. เพอ่ื สง่ เสริมการคิดแกป้ ัญหา การคดิ อย่างมเี หตุผลเหมาะสมกบั วัย ๖. เพอ่ื ส่งเสริมให้เดก็ ฝึกคดิ วางแผน และตัดสินในการทำกิจกรรม ๗. เพื่อส่งเสริมให้มีทักษะพ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ๘. เพอื่ ส่งเสริมให้เด็กพฒั นาความคิดสร้างสรรคแ์ ละจนิ ตนาการ ขอบข่าย/เนื้อหา/กจิ กรรม ๑. การจัดมุมเล่นหรือมุมประสบการณ์ อาจจัดได้หลายลักษณะ เช่น จัดกิจกรรมศิลปะ สรา้ งสรรค์และการเล่ยตามมมุ เลน่ ในชว่ งเวลาเดยี วกันอยา่ งอสิ ระ ๒. มุมบทบาทสมมติ จัดเพื่อให้เด็กได้เล่นในสิ่งที่ชอบ เช่น เล่นเก่ียวกับบทบาทของแต่ละ อาชพี หรือแต่ละหนา้ ทที่ ่ีเดก็ ๆ เลียนแบบบทบาท ๓. มมุ บล็อก เปน็ มมุ ท่ีเด็กเรยี นร้เู กยี่ วกับมิติสัมพันธผ์ ่านการสรา้ ง ๔. มุมหนงั สอื เปน็ มุมที่เด็กเรียนรู้เก่ยี วกับภาษา จากการฟัง การพูด การอ่าน การเล่าเร่ือง หรอื การยมื - คนื หนังสอื ๕. มุมวิทยาศาสตร์หรือมุมธรรมชาติศึกษา เป็นมุมท่ีเด็กได้เรียนรู้ธรรมชาติรอบตัว ผ่าน การเลน่ ทดลองอยา่ งง่าย ได้ศกึ ษาหาความร้ดู ว้ ยการสังเกต เปรยี บเทียบ จัดจำแนก จดั หมวดหมู่ ๖. มุมเคร่ืองเล่นสัมผัส เป็นมุมที่เด็กจะได้ฝึกการประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา การสรา้ งสรรค์ เช่น การร้อย การสาน การต่อเข้า การถอดออก แนวการจัดกจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ ๑. แนะนำมุมเล่นใหม่ เสนอแนะวิธใี ช้ การเลน่ ของเลน่ บางชนดิ ๒. เด็กและครูรว่ มกนั สร้างข้อตกลงเก่ยี วกบั การเลน่ ๓. ครเู ปดิ โอกาสให้เด็กคิด วางแผน ตัดสินใจเลือกเล่นอย่างอิสระ เลือกทำกิจกรรมที่จัดข้ึน ตามความสนใจของเด็กแต่ละคน ๔. ขณะเดก็ เล่น/ทำงาน ครูอาจชแี้ นะ หรอื มสี ว่ นร่วมในการเลน่ กับเดก็ ได้ ๕. เดก็ ต้องการความช่วยเหลอื และคอยสงั เกตพฤตกิ รรมการเลน่ ของเด็ก พร้อมทงั้ จดบันทึก พฤติกรรมที่นา่ สนใจ ๖. เตือนให้เดก็ ทราบล่วงหน้าก่อนหมดเวลา ประมาณ ๓ - ๕ นาที ๗. ใหเ้ ดก็ เกบ็ ของเล่นเข้าท่ีให้เรยี บรอ้ ยทุกครั้งเม่อื เสร็จส้นิ กิจกรรม

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนอนุบาลศรอี รญั โญทยั พุทธศักราช ๒๕๖5 ๗๑ ส่ือกิจกรรมการเลน่ ตามมุม ๑. มุมบทบาทสมมติ อาจจดั เปน็ มุมเล่นต่าง ๆ เช่น ๑.๑ มมุ บ้าน ๑) ของเล่นเครื่องครัว เครื่องใช้ในบ้าน เช่น เตา กระทะ ครก กาน้ำ เขียง มีด พลาสตกิ หมอ้ จาน ช้อน ถ้วย ชาม กะละมงั ๒) เคร่ืองเลน่ ตกุ๊ ตา เชน่ เส้ือผา้ ตุ๊กตา เตียง เปลเด็ก ตกุ๊ ตา ๓) เครือ่ งแตง่ บ้านจำลอง เช่น ชุดรับแขก โต๊ะเคร่ืองแปง้ หมอนอิง หวี ตลับแป้ง กระจกขนาดเหน็ เตม็ ตวั ๔) เครื่องแต่งกายบุคคลต่าง ๆ ที่ใช้แล้ว เช่น ชุดเคร่ืองแบบทหาร ตำรวจ ชุด เครือ่ งแบบทหาร ตำรวจ ชุดเสือ้ ผ้าผใู้ หญ่ชายและหญงิ รองเทา้ กระเป๋าทไี่ ม่ใชแ้ ล้ว ๕) โทรศัพท์ เตารดี จำลอง ท่ีรดี ผา้ จำลอง ๑.๒ มมุ หมอ ๑) เคร่ืองเล่นจำลองแบบเคร่ืองมือแพทย์และอปุ กรณ์การรกั ษาผู้ป่วย เช่น หูฟัง เสอ้ื คลมุ หมอ ๒) อุปกรณส์ ำหรับเลียนแบบการบันทกึ ขอ้ มูลผปู้ ่วย เชน่ กระดาษ ดินสอ ฯลฯ ๓) เคร่อื งชั่งนำ้ หนกั วดั สว่ นสูง ๑.๓ มมุ ร้านคา้ ๑) กล่องและขวกผลติ ภัณฑ์ตา่ ง ๆ ทใ่ี ช้แลว้ ๒) ผลไม้ ผกั จำลอง ๓) อปุ กรณ์ประกอบการเล่น เช่น เครอื่ งคดิ เลข ลกู คิด ธนบตั รจำลอง ฯลฯ ๔) ป้ายชือ่ รา้ น ๕) ปา้ ยชอื่ ผลไม้ ผกั จำลอง ๒. มุมบลอ็ ก ๒.๑ ไม้บล็อกหรือแท่งไม้ทม่ี ีขนาดและรูปทรงตา่ ง ๆ กนั เชน่ บล็อกต้น บลอ็ กโต๊ะ จำนวนตง้ั แต่ ๕๐ ชิน้ ขน้ึ ไป ๒.๒ ของเล่นจำลอง เช่น รถยนต์ เครื่องบนิ รถไฟ คน สตั ว์ ต้นไม้ ๒.๓ ภาพถ่ายตา่ ง ๆ ๒.๔ ที่จัดเก็บไม้บล็อกหรือแท่งไม้ อาจเป็นช้ันลังไม้หรือพลาสติดแยกตาม รปู ทรง ขนาด ๓. มุมหนังสือ ๓.๑ หนงั สอื ภาพนิทาน หนังสือภาพทีม่ คี ำและประโยคสน้ั ๆ พรอ้ มภาพ ๓.๒ ช้นั หรือท่ีวางหนงั สอื ๓.๓ อุปกรณ์ตา่ ง ๆ ท่ีใช้ในการสร้างบรรยากาศการอ่าน เชน่ เสือ่ พรม หมอน 3.4 อปุ กรณ์สำหรบั เขยี น ๔. มุมวิทยาศาสตร์หรือมุมธรรมชาติ

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นอนบุ าลศรีอรญั โญทยั พุทธศักราช ๒๕๖5 ๗๒ ๔.๑ วสั ดุต่าง ๆ จากธรรมชาติ เช่น เมลด็ พชื ตา่ ง ๆ เปลือกหอย ดนิ หนิ แร่ ฯลฯ ๔.๒ เครื่องมือเครื่องใช้ในการสำรวจ สังเกต ทดลอง เช่น แว่นขยาย แม่เหล็ก เขม็ ทศิ เครอื่ งชั่ง ขอ้ เสนอแนะ ๑. ขณะเด็กเล่น ผู้สอนต้องสังเกตความสนใจในการเล่นของเด็ก หากพบว่ามุมใด เด็กส่วน ใหญ่ ไม่สนใจที่จะเล่น ควรเปลี่ยนหรือจัดสื่อในมุมเล่นใหม่ เช่น มุมบ้าน อาจดัดแปลงหรือเพิ่มเติม หรอื เปล่ียนเป็นมมุ ร้านคา้ มุมเสรมิ สวย มมุ หมอ ฯลฯ ๒. หากมุมใดมีจำนวนเด็กในมุมมากเกินไป ควรเปิดโอกาสให้เด็กคิดแก้ปัญหา สร้าง ข้อตกลงร่วมกัน หรอื ชักชวนเลือกเลน่ มมุ ใหม่ ๓. หากเด็กเลือกมุมเล่นมุมเดียวเป็นระยะเวลานาน ควรชักชวนให้เด็กเลือกมุมอื่น ๆ ด้วย เพ่ือใหเ้ ดก็ มปี ระสบการณ์การเรยี นร้ใู นด้านอ่ืน ๆ ด้วย ๔. การจัดส่ือหรือเครื่องเล่นในแต่ละมุม ควรมีการทำความสะอาด และสับเปลี่ยนหรือ เพ่ิมเติมเป็นระยะ โดยคำนึงถึงลำดับขั้นการเรียนรู้ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เช่น เก็บ หนงั สือนทิ านบางเล่มทีเ่ ด็กหมดความสนใจ และแนะนำนิทานใหมม่ าวางแทน ๕. กจิ กรรมการเล่นกลางแจ้ง กจิ กรรมการเล่นกลางแจง้ เป็นกิจกรรมทจ่ี ัดให้เด็กได้ออกไปนอกห้องเรียนไปสู่สนามเด็กเล่น ท้ังที่บริเวณกลางแจ้งและในร่ม เพ่ือเปิดโอกาสให้เด็กเคลื่อนไหวร่างกาย ออกกำลัง และแสดงออก อยา่ งอิสระ โดยยึดความสนใจและความสามารถของเด็กแต่ละคนเป็นหลกั จุดประสงค์ ๑. เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ให้สามารถเคล่ือนไหวไดอ้ ย่างคลอ่ งแคล่ว และกล้ามเนื้อเล็กใน การประสานสัมพันธ์ของอวัยวะตา่ ง ๆ ๒. เพ่ือสง่ เสรมิ ให้รา่ งกายแขง็ แรง สขุ ภาพดี ๓. เพื่อสง่ เสริมให้เกิดความสนกุ สนาน ผอ่ นคลายความเครยี ด ๔. เพอ่ื ส่งเสริมการปรับตัวในการเล่นและทำงานร่วมกบั ผ้อู ่ืน ๕. เพื่อเรียนร้กู ารระมดั ระวังรักษาความปลอดภัยทงั้ ของตนเองและผอู้ น่ื ๖. เพื่อฝึกการคิดตัดสินใจและแก้ปัญหา ๗. เพอ่ื ส่งเสรมิ ใหม้ ีความอยากรู้อยากเหน็ สิ่งต่างๆ ทแี่ วดล้อมรอบตวั ๘. เพอ่ื พฒั นาทักษะการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น การสงั เกต การเปรียบเทยี บ การจำแนก ฯลฯ ขอบขา่ ย/เน้อื หา/กจิ กรรม ๑. เครือ่ งเล่นสนาม เคร่ืองเล่นสนาม หมายถึง เคร่ืองเล่นที่เดก็ อาจปีนป่าย หมนุ โยก ซง่ึ ทำออกมาในรปู แบบ ตา่ ง ๆ เชน่ ๑. เครอ่ื งเลน่ สนามสำหรบั ปนี ป่าย เชน่ ตาข่ายสำหรับปีน ต้นไม้แหง้ วางนอน

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นอนุบาลศรอี รญั โญทยั พุทธศักราช ๒๕๖5 ๗๓ ๒. เคร่ืองเลน่ สำหรบั โยกหรอื ไกว เช่น ม้าไม้ ชงิ ชา้ มา้ นั่งโยก ไม้กระดก ๓. เครื่องเล่นสำหรบั หมุน เชน่ ม้าหมนุ พวงมาลัยรถสำหรับหมนุ เล่น ๔. ราวโหนขนาดเล็กสำหรับเดก็ ๕. ต้นไม้สำหรบั เดนิ ทรงตวั หรือไมก้ ระดานแผ่นเดียว ๖. เครือ่ งเลน่ ประเภทล้อเลื่อน เช่น รถสามล้อ รถลากจูง ๒. บอ่ ทราย ทรายเป็นสิ่งท่ีเด็กๆ ชอบเล่น ท้ังทรายแห้งพ ทรายเปียก นำมาก่อเป็นรูปต่างๆ ได้ และ สามารถนำวัสดุอ่นื มาประกอบการเล่นตกแตง่ ได้ เช่น กิ่งไม้ ดอกไม้ เปลอื กหอย พิมพ์ขนม ท่ตี กั ทราย ปกติบอ่ ทรายจะอยู่กลางแจง้ โดยอาจจัดให้อยู่ใต้ร่มเงาของตน้ ไมห้ รอื สรา้ งหลังคา ทำขอบก้ัน เพอ่ื ให้ ทรายกระจดั กระจาย บางโอกาสอาจพรมน้ำใหช้ ้นื เพือ่ เด็กจะได้กอ่ เลน่ นอกจากน้ี ควรมวี ิธีการปดิ ก้ัน มใิ ห้สตั วเ์ ลย้ี งลงไปทำความสกปรกในบ่อทรายได้ ๓. ทีเ่ ล่นน้ำ เดก็ ทั่วไปชอบเลน่ น้ำมาก การเล่นน้ำนอกจากสร้างความพอใจและคลายความเครยี ดให้ เดก็ แล้ว ยังทำใหเ้ ด็กเกิดการเรียนรู้อีกด้วย เช่น เรียนรู้ทักษะการสงั เกต จำแนก เปรยี บเทียบปริมาตร อปุ กรณ์ที่ใส่น้ำอาจเป็นถังท่ีสร้างข้ึนโดยเฉพาะ หรืออ่างน้ำวางบนขาตง้ั ที่มั่นคง ความสูงพอที่เด็กจะ ยืนไดพ้ อดแี ละควรมผี า้ พลาสติกกนั เส้ือผ้าเปียกให้เดก็ ใชค้ ลุมระหวา่ งเลน่ ๔. บา้ นตุ๊กตาหรอื บา้ นจำลอง เป็นบ้านจำลองสำหรับให้เด็กเล่น จำลองแบบจากบ้านจริง ๆ อาจทำด้วยเศษวัสดุ ประเภทผ้าใบ กระสอบป่าน ของจริงท่ีไม่ใช้แล้ว เช่น หม้อ เตา ชาม อ่าง เตารีด เครื่องครัว ตุ๊กตา สมมติเป็นบุคคลในครอบครัว เส้ือผ้าผู้ใหญ่ที่ไม่ใช้แล้วสำหรับผลัดเปลี่ยน มีการตกแต่งบริเวณ ใกล้เคียงให้เหมือนบ้านจริง ๆ บางครั้งอาจจัดเป็นรา้ นขายของ สถานที่ทำการต่าง ๆ เพ่ือให้เด็กเล่น สมมตติ ามจนิ ตนาการของตนเอง ๕. มมุ ช่างไม้ เด็กต้องการออกแรงเคาะ ตอก กิจกรรมการเล่นในมุมช่างไม้นี้จะช่วยในการพัฒนา กล้ามเน้ือให้แขง็ แรง ช่วยฝึกการใช้มือและการประสานสัมพันธ์ระหว่างมอื กับตา นอกจากนี้ยังฝึกให้ รักงานและส่งเสริมความคดิ สรา้ งสรรค์ ๖. เกมการละเลน่ กิจกรรมการเล่นเกมการละเล่นท่ีจัดให้เด็กเล่น เช่น เกมการละเล่นของไทย เกม การละเล่นของท้องถิ่น เช่น มอญซ่อนผ้า รีรีข้าวสาร แม่งู โพงพาง ฯลฯ การละเล่นเหล่านี้ต้องใช้ บริเวณท่ีกว้าง การเล่นอาจเล่นเป็นกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ก็ได้ ก่อนเล่นครูอธิบายและสาธิตให้เด็ก เขา้ ใจ ไม่ควรนำเกมการละเล่นทีม่ ีกติกายงุ่ ยากและเน้นการแขง่ ขันแพ้ชนะมาจดั กจิ กรรมให้กับเดก็ วัย น้ี เพราะเดก็ จะเกิดความเครยี ด สร้างความรสู้ ึกที่ไมด่ ตี ่อตนเอง แนวการจดั กจิ กรรมการเลน่ กลางแจ้ง

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นอนบุ าลศรอี รัญโญทยั พทุ ธศักราช ๒๕๖5 ๗๔ ๑. เด็กและครรู ่วมกันสรา้ งข้อตกลง ๒. จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ประกอบการเล่นให้พร้อม การติดตั้งเครื่องเล่น ควรติดตั้งบนพ้ืน สนามหญ้า เพ่ือว่าจะไดป้ ลอดภัย และควรตดิ ตัง้ ให้ห่างกันพอสมควร เมือ่ เกิดการพลดั ตกหกลม้ จะได้ ไม่ฟาดถูกคนอ่ืน หรือเครอื่ งเล่นอื่น ๓. สาธติ การเลน่ เครอ่ื งเล่นสนามบางชนดิ ๔. ใหเ้ ดก็ เลือกเล่นอสิ ระตามความสนใจและใหเ้ วลาเล่นนานพอควร ๕. ครูควรจัดกจิ กรรมให้เหมาะสมกับวยั (ไมค่ วรจัดกิจกรรมพลศึกษา) เช่น การเล่นน้ำ เล่น ทราย เล่นบา้ นตุ๊กตา เลน่ ในมุมช่างไม้ เล่นบล็อกกลวง เครื่องเล่นสนาม เกมการละเลน่ เล่นอุปกรณ์ กฬี าสำหรับเด็ก เลน่ เครอ่ื งเล่นประเภทลอ้ เลือ่ น เลน่ ของเล่นพื้นบ้าน (เดินกะลา ฯลฯ) ๖. ขณะเด็กเล่นครูต้องคอยดแู ลความปลอดภัยและสงั เกตพฤติกรรมการเลน่ การอย่รู ่วมกัน กบั เพ่ือนของเดก็ ๗. เมือ่ หมดเวลาควรใหเ้ ด็กเก็บของใชห้ รือของเล่นให้เรยี บร้อย ๘. ใหเ้ ด็กทำความสะอาดรา่ งกายและดแู ลเครอ่ื งแตง่ กายใหเ้ รียบร้อยหลังเล่น สอื่ กจิ กรรมการเล่นกลางแจ้ง ๑. เครอื่ งเล่นสนาม เช่น เคร่ืองเล่นสำหรบั ปนี ป่าย เคร่ืองเล่นประเภทล้อเลื่อน ๒. ทเี่ ลน่ ทราย มที รายละเอยี ด เคร่อื งเลน่ ทราย เครอ่ื งตวง ๓. ที่เล่นน้ำ มีภาชนะใส่น้ำ หรืออ่างน้ำวางบนขาตง้ั ท่ีม่นั คง ความสูงที่เดก็ จะยืนได้พอดีเสื้อ คลุม อุปกรณ์เล่นนำ้ เช่น ถ้วยตวง ขวดตา่ ง ๆ ขอ้ เสนอแนะ ๑. หมั่นตรวจตราเครื่องเล่นสนามและอุปกรณ์ประกอบให้อยู่ในสภาพท่ีปลอดภัย และใช้การไดด้ ี ๒. ใหโ้ อกาสเด็กเลือกเลน่ กลางแจ้งอย่างอิสระทุกวัน อย่างนอ้ ยวนั ละ ๓๐ นาที ๓. ขณะเด็กเล่นกลางแจ้ง ครูควรต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเพ่ือระมัดระวังความปลอดภัยใน การเลน่ หากพบว่าเดก็ แสดงอาการเหนือ่ ย ออ่ นล้า ควรให้เด็กหยุดพกั ๔. ไม่ควรนำกิจกรรมพลศึกษาสำหรับเด็กประถมศกึ ษามาใช้สอนกับเด็กปฐมวัย เพราะยังไม่ เหมาะสมกับวัย ๕. หลังจากเลิกกิจกรรมกลางแจง้ ควรให้เดก็ ได้พกั ผ่อนหรือนั่งพกั ไม่ควรให้เดก็ รับประทาน อาหารกลางวนั หรือดื่มนมทนั ที เพราะอาจทำให้เดก็ อาเจียน เกิดอาการจุกแนน่ ได้ ๖. เกมการศึกษา เกมการศึกษา (Didactic Games) เป็นเกมการเล่นที่ช่วยพัฒนาสติปัญญา ช่วย ส่งเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้เป็นพ้ืนฐานการศึกษา รู้จักสังเกต คิดหาเหตุผล และเกิดความคิดรวบ ยอด เก่ียวกับสี รปู รา่ ง จำนวน ประเภท และความสัมพันธ์เกี่ยวกับพื้นที่ ระยะ มีกฎเกณฑก์ ติกาง่าย ๆ เดก็ สามารถเล่นคนเดียวหรอื เลน่ เป็นกลมุ่ ได้ จุดประสงค์

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นอนุบาลศรีอรัญโญทยั พทุ ธศักราช ๒๕๖5 ๗๕ ๑. เพ่ือฝึกทักษะการสังเกต จำแนก และเปรียบเทียบ ๒. เพอ่ื ฝึกการแยกประเภท การจดั หมวดหมู่ ๓. เพ่ือส่งเสรมิ การคิดหาเหตผุ ล และตดั สนิ ใจในการแก้ปญั หา ๔. เพ่ือส่งเสริมให้เด็กเกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับส่ิงท่ีได้เรียนรู้ หรือทบทวนเน้ือหาที่ได้ เรยี นรู้ ๕. เพอ่ื ส่งเสริมการประสานสัมพันธร์ ะหว่างมือกับตา ๖. เพอื่ ปลกู ฝงั คณุ ธรรมและจริยธรรมต่าง ๆ เชน่ ความรบั ผิดชอบ ความเอื้อเฟื้อเผ่อื แผ่ ขอบข่าย/เนือ้ หา/กิจกรรม ๑. การจับคู่ สามารถแบ่งเป็นหลายชนดิ คือ เกมจับคู่ท่ีเหมือนกันหรอื สิ่งเดยี วกัน เชน่ จับคู่ ภาพท่ีเหมือนกันทุกประการ จับคู่ภาพกับเงาของส่ิงเดียวกัน จับคู่ภาพกับโครงร่างของสิ่งเดียวกัน จบั คู่ภาพท่ีซ่อนอยู่ในภาพหลัก เกมจับคภู่ าพท่ีเป็นประเภทเดียวกัน เกมจับคู่ภาพสง่ิ ทม่ี ีความสัมพันธ์ กัน เกมจับคู่ภาพสัมพันธ์แบบตรงกันข้าม เกมจับคู่ภาพส่วนเต็มกับภาพแยกส่วน เกมจับคู่ภาพ ช้ินส่วนท่ีหายไป เกมจับคู่ภาพท่ีซ้อนกัน เกมจับคู่ภาพที่สมมาตรกัน เกมจับคู่แบบอุปมาอุปไมย เกมคแู่ บบอนุกรม ๒. การต่อภาพให้สมบูรณ์ หรือภาพตัดต่อเพื่อให้เด็กฝึกสังเกต รายละเอียดของภาพท่ี เหมอื นกนั หรอื ต่างกัน เก่ียวกบั สี รูปรา่ ง ขนาด ลวดลาย ๓. การวางภาพต่อปลาย (โดมิโน) เชน่ โดมโิ นภาพเหมอื น โดมิโนภาพสัมพนั ธ์ โดนโิ นผสม ๔. การเรียงลำดับ เช่น เรียงลำดับเหตุการณต์ ่อเน่ืองในกิจวัตรประจำวนั วงจรชีวติ สตั ว์ เกม เรียงลำดับตามขนาด ความยาว ปรมิ าณ ปรมิ าตร จำนวน ๕. การจัดหมวดหมู่ เช่น จัดหมวดหมู่ตามสี รูปทรง ขนาด ปริมาณ จำนวน ประเภท จัด หมวดหมู่กบั สญั ลกั ษณ์ การจดั หมู่ภาพซอ้ น ๖. การศึกษารายละเอยี ดของภาพ (ลอตโต้) ๗. การจบั คู่แบบตารางสมั พันธ์ (เมตรดิ เกม) ๘. พืน้ ฐานการบวก ๙. การหาความสมั พนั ธต์ ามลำดับท่กี ำหนด แนวการจัดกิจกรรมเกมการศึกษา ๑. การสอนเกมการศึกษาชุดใหม่ ควรสอนจากเกมง่าย ๆ จำนวนน้อยช้ิน วิธีการเล่นไม่ ยงุ่ ยากก่อน ๒. สาธิต/อธิบายวธิ เี ลน่ เกมอยา่ งเปน็ ขน้ั ตอนตามประเภทของเกม ๓. ใหเ้ ด็กหมุนเวยี นเขา้ มาเล่นเป็นกลมุ่ หรือรายบคุ คล ๔. ขณะทเี่ ด็กเลน่ เกม ครูเป็นเพียงผูแ้ นะนำ ๕. เมื่อเด็กเล่นเกมแต่ละชุดเสร็จเรียบร้อย ควรให้เด็กตรวจสอบความถูกต้องด้วยตนเอง หรอื รว่ มกันตรวจกับเพอื่ น หรือครเู ป็นผู้ชว่ ยตรวจ ๖. ให้เดก็ นำเกมทเี่ ลน่ แลว้ เก็บใสก่ ลอ่ ง เข้าท่ใี ห้เรียบร้อยทกุ ครงั้ กอ่ นเล่นเกมชุดอ่นื

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นอนบุ าลศรอี รญั โญทัย พทุ ธศักราช ๒๕๖5 ๗๖ ๗. ก่อนหมดเวลา ๗ - ๑๐ นาที ผู้สอนเตือนให้เด็กเก็บของเข้าท่ี ซ่ึงนอกจากจะบอกเป็น คำพูดธรรมดาแล้วอาจร้องเพลงท่ีมีความหมายเตอื นใหเ้ กบ็ ของเข้าที่ สอ่ื กิจกรรมเกมการศึกษา ๑. เกมจบั คู่ เพ่ือให้เด็กได้ฝึกสังเกตส่ิงที่เหมือนกันหรือต่างกัน ซึ่งอาจเป็นการเปรียบเทียบภาพ ตา่ งๆ แลว้ จัดเป็นคู่ ๆ ตามจดุ มุ่งหมายของเกมแตล่ ะชุด ๑.๑ จับคู่ท่ีเหมอื นกันหรือจับค่สู งิ่ ของเดียวกัน ๑.๒ จบั คู่ภาพส่งิ ท่มี คี วามสมั พันธ์กัน ๑.๓ จบั ค่ภู าพที่สมมาตรกนั ๑.๔ จับคู่ภาพแบบอนุกรม ๒. เกมภาพตัดตอ่ ๒.๑ ภาพตัดต่อทสี่ ัมพนั ธก์ บั หนว่ ยการเรยี นต่าง ๆ เช่น ผลไม้ ผัก ๒.๒ ภาพตดั ตอ่ แบบมิตสิ มั พันธ์ ๓. เกมภาพตดั ตอ่ ๓.๑ โดมโิ นภาพเหมอื น ๓.๒ โดมิโนภาพสมั พันธ์ ๔. เกมเรียงลำดบั ๔.๑ เรยี งลำดบั ภาพเหตุการณ์ตอ่ เนือ่ ง ๔.๒ เรียงลำดับขนาด ๕. เกมจัดหมวดหมู่ ๕.๑ ภาพสิง่ ต่าง ๆ ท่นี ำมาจดั เปน็ พวก ๆ ๕.๒ ภาพเกี่ยวกบั ประเภทของใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ๕.๓ ภาพจัดหมวดหมูต่ ามรูปร่าง สี ขนาด รปู ทรงเรขาคณติ ๖. เกมการศกึ ษารายละเอียดของภาพ (ลอตโต) ๗. เกมจบั คแู่ บบดาราสัมพันธ์ (เมตริกเกม) ๘. เกมพืน้ ฐานการบวก ข้อเสนอแนะ ๑. การจดั ประสบการณ์เกมการศึกษาในระยะแรก ควรเร่มิ สอนโดยใช้ของจรงิ เชน่ การจับคู่ กระปอ๋ งแปง้ ท่เี หมือนกัน หรอื การเรียงลำดบั กระป๋องแป้งตามลำดบั สงู - ตำ่ ๒. การเลน่ เกมในแตล่ ะวนั อาจจดั ให้เลน่ ท้ังเกมชุดใหมแ่ ละเกมชุดเก่า ๓. ครูอาจใหเ้ ดก็ หมนุ เวียนเข้ามาเลน่ เกมกับครูทีละกลุ่ม หรอื สอนท้ังชน้ั ตามความเหมาะสม ๔. ครอู าจให้เดก็ ทีเ่ ล่นไดแ้ ลว้ มาชว่ ยแนะนำกตกิ าการเล่นในบางโอกาสได้

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนอนุบาลศรอี รญั โญทัย พุทธศักราช ๒๕๖5 ๗๗ ๕. การเล่นเกมการศึกษา นอกจากใช้เวลาในชว่ งกิจกรรมเกมการศึกษาตามตารางกจิ กรรม ประจำวนั แลว้ อาจให้เด็กเลอื กเลน่ อสิ ระในชว่ งเวลากจิ กรรมการเลน่ ตามมุมได้ ๖. การเก็บเกมท่ีเล่นแล้ว อาจเก็บใส่กล่องเล็ก ๆ หรือใส่ถุงพลาสตกิ หรือใช้ยางรัดแยกแต่ ละเกม แล้วจัดใสก่ ล่องใหญร่ วมไวเ้ ปน็ ชุด

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนอนุบาลศรอี รญั โญทัย พุทธศกั ราช ๒๕๖5 ๗๘ การจดั สภาพแวดล้อม สื่อและแหลง่ เรียนรู้ การจัดสภาพแวดล้อม และแหลง่ เรียนรสู้ ำหรับการจัดการศกึ ษาระดับปฐมวัย มีความสำคัญ ต่อเด็กเน่ืองจากธรรมชาติของเด็กในวัยน้ีสนใจท่ีจะเรียนรู้ ค้นคว้า ทดลองและต้องการสัมผัสกับ สงิ่ แวดลอ้ มรอบๆ ตัว อีกท้ังสภาพแวดล้อม สื่อ และแหล่งเรียนรู้ เป็นตัวกลางนำความรู้จากผู้สอนสู่ เด็ก ทำให้เดก็ เกดิ การเรียนรตู้ ามจุดประสงค์ทีว่ างไว้ ช่วยใหเ้ ดก็ ได้รับประสบการณต์ รง ทำใหส้ ่ิงที่เป็น นามธรรมเข้าใจยาก เปล่ียนเป็นรูปธรรมท่ีเด็กเข้าใจง่าย เรียนรู้ได้ง่าน รวดเร็ว เพลิดเพลิน เด็กสามารถเรียนรู้จากการเล่นที่เป็นประสบการณ์ตรงที่เกิดจากการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า เกิดการเรียนรู้และค้นพบด้วยตนเอง ดังน้ัน การจัดสภาพแวดล้อม ส่ือและแหล่งเรียนรู้ตาม ความตอ้ งการของเดก็ จึงมีความสำคัญทีเ่ กีย่ วข้องกบั พฤติกรรมและกระบวนการเรียนร้ขู องเดก็ ท้ังใน ห้องเรียนและนอกห้องเรียนของสถานศึกษา ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของหลักสูตรสถานศึกษา ปฐมวัยตามบริบทของสถานศึกษาและท้องถ่ินอย่างเหมาะสม เพื่อส่งผลให้บรรลุจุดหมายใน การพฒั นาเด็กปฐมวัยต่อไป การจดั สภาพแวดล้อม การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจะเป็นไปอย่างราบรนื่ และมีประสิทธิภาพ ถ้าหากเด็กอยู่ ในสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสม มีการสนับสนุน อำนวยความสะดวกจากผู้ใหญ่ ภายใต้บรรยากาศท่ีมี ความสขุ ไม่เครง่ เครียดด้วยกฎระเบยี บท่เี ครง่ ครดั หรอื ยากต่อการปฏิบตั ิ การจดั สภาพแวดล้อม จึงจัด แบ่งเปน็ ๓ ด้าน ดังนี้ ๑. การจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพ เป็นการจดั การสภาพแวดล้อมตามแนวคิดเร่ืองการตอบสนองความตอ้ งการพ้ืนฐานและ การเรียนรู้ โดยการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม การจัดการจึงมีเป้าหมายให้เด็กอยู่ร่วมกันอย่าง มสี ุขอนามัยที่ดี มีพื้นท่ีในการตอบสนองการทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างคล่องตัว และตอบสนองการทำ กิจกรรมที่หลากหลาย ลักษณะการจัดการจึงเน้นในเร่ืองของความสะอาด ความปลอดภัย ความสะดวกท่ีจะทำให้รู้สึกคล่องตัว สดใส กระฉับกระเฉง ความพร้อมของหอ้ งเรียนในสถานศึกษาที่ มลี ักษณะกายภาพที่ดี คือ มีการถ่ายเทอากาศที่ดี มีอุณหภูมิท่ีเหมาะสม มีแสงสว่างพอเพียง มีความ สงบที่จะทำกิจกรรมอย่างสบายและมีสมาธิ มีท่ีให้เก็บวัสดุของใช้และผลงาน มีท่ีจัดแสดงเพื่อการ ส่ือสารข้อมูล แต่ละจุดของพื้นท่ีจะต้องสะดวกในการเข้า – ออก ผู้สอนสามารถเข้าไปดูแลได้อย่าง ท่ัวถงึ ในทกุ พน้ื ที่ สภาพแวดล้อมในห้องเรียน หลักการสำคัญในการจัดต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ความ สะอาด เป้าหมายการพัฒนาเด็ก ความเป็นระเบียบ ความเป็นตัวของเด็กเอง ให้เด็กเกิดความรู้สึก อบอุน่ มน่ั ใจ และมคี วามสขุ โดยคำนึงถึงเรือ่ งตอ่ ไปนี้ ๑. การจัดวางวัสดุอุปกรณ์ สื่อ เคร่ืองเล่น ครุภัณฑ์ ควรจัดให้เหมาะสม สอดคล้องกับวัย และพัฒนาการ เพ่ือให้เด็กสามารถใช้หรือทำกิจกรรมได้สะดวกด้วยตนเอง หากวสั ดุอปุ กรณ์ สอื่ และ เคร่อื งเลน่ ชำรดุ ต้องรีบซอ่ มแซมโดยเร็ว ๒. วัสดอุ ุปกรณ์ สือ่ เคร่อื งเล่น ครภุ ัณฑ์ ควรใหม้ ีขนาดเหมาะสมกบั เดก็ ปฐมวยั

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนอนุบาลศรีอรัญโญทัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖5 ๗๙ ๓. การจัดพื้นท่ีในห้องเรียนควรจัดให้เหมาะสม เลือกที่ต้ังครุภัณฑ์ อุปกรณ์ต่าง ๆ และมุม ประสบการณ์ โดยคำนึงถึงทิศทางลม แสงสว่างเพียงพอต่อการทำกิจกรรม ไม่มีแสงแดดส่องรบกวน สายตาเด็กขณะปฏิบัติกิจกรรม ทุกจุดของห้องสามารถมองเห็นได้โดยรอบ การจัดวางครุภัณฑ์และ อปุ กรณ์ สะดวกต่อการปฏิบัติกิจกรรม มีการกำหนดขอบเขตของมุมประสบการณ/์ มุมเล่นตา่ ง ๆ โดย ใช้ครุภัณฑ/์ ชนั้ วางทใี่ ห้เหน็ ขอบเขต ๔. สภาพแวดลอ้ มในห้องควรมีความสะอาดและปลอดภัยจากสตั ว์ แมลง พืช และสารเคมีท่ี มีพษิ ครุภณั ฑ์ โตะ๊ เก้าอ้ี ไมค่ วรมีมมุ แหลมท่ีเปน็ อันตราย ๕. การแบง่ พืน้ ทีห่ อ้ งเรียนให้เหมาะสมกับการประกอบกจิ กรรมตามหลักสตู ร ดงั น้ี ๕.๑ พืน้ ท่อี ำนวยความสะดวกเพ่ือเด็กและผู้สอน เช่น ๑) ทแ่ี สดงผลงานของเด็ก อาจจดั ทำเปน็ แผ่นปา้ ยหรอื ทแ่ี ขวนผลงาน ๒) ที่เกบ็ แฟม้ ผลงานของเด็ก อาจจดั ทำเป็นกลอ่ งหรอื จัดใสแ่ ฟม้ รายบุคคล ๓) ที่เกบ็ เครื่องใช้ส่วนตัวของเด็ก อาจจัดทำเปน็ ช่องครบตามจำนวนเดก็ ๔) ท่เี กบ็ เคร่อื งใช้ของผู้สอน เช่น อุปกรณ์การสอน ของใชส้ ว่ นตัวผ้สู อน ฯลฯ ๕) ป้ายนเิ ทศตามหน่วยการจัดประสบการณ์หรอื สงิ่ ท่เี ด็กสนใจ ๕.๒ พ้ืนทป่ี ฏิบัติกิจกรรมและการเคล่ือนไหว ต้องกำหนดให้ชัดเจน ควรมีพื้นท่ีที่เด็ก สามารถจะทำงานได้ด้วยตนเอง และทำกิจกรรมด้วยกันในกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ เด็กสามารถ เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ จากกจิ กรรมหนึง่ ไปยังกิจกรรมหน่ึงโดยไม่รบกวนผูอ้ ื่น ๕.๓ พ้ืนที่จัดมุมเล่นหรือมุมประสบการณ์ สามารถจัดได้ตามความเหมาะสม ข้ึนอยู่ กบั สภาพของห้องเรียน จดั แยกส่วนท่ีใช้เสียงดังและเงียบออกจากกัน เช่น มุมหนังสืออยหู่ ่างจากมุม บล็อก มุมบทบาทสมมติอยู่ติดกับมุมบล็อก มุมวิทยาศาสตร์อยู่ใกล้มุมศิลปะสร้างสรรค์ ท่ีสำคัญ จะต้องมีของเล่น วัสดุอุปกรณ์ในมุมอย่างเพียงพอต่อการเรียนรู้ของเด็ก การเล่นในมุมเล่นตามมุม ประสบการณ์มกั ถูกกำหนดไว้ในตารางกจิ กรรมประจำวนั เพือ่ ให้โอกาสเดก็ ไดเ้ ล่นอย่างเสรี ประมาณ ๑ ช่ัวโมง การจดั มุมเลน่ ตา่ ง ๆ ผู้สอนควรคำนงึ ถงึ ส่ิงต่อไปน้ี ๑) ในหอ้ งเรียนควรมีมุมเลน่ อย่างน้อย ๓ - ๕ มมุ ท้งั นี้ ขึน้ อยูก่ ับพืน้ ท่แี ละขนาดของห้อง ๒) ควรมีการผลัดเปลี่ยนส่ือของเล่นตามมุม เช่น จัดของเล่นตามหน่วยการจัด ประสบการณแ์ ละตามความสนใจของเดก็ ๓) ควรจัดให้มีประสบการณ์ที่เด็กได้เรียนรู้ไปแล้ว จัดวางอยู่ในมุมเล่นตามมุม เช่น เดก็ เรียนรู้ เร่อื ง การเปล่ียนแปลงของสี ผูส้ อนอาจจดั เตรยี มวสั ดอุ ุปกรณ์ใหเ้ ดก็ ไดเ้ ลน่ ทดลอง ๔) ควรเปิดโอกาสให้เด็กมีสว่ นรว่ มในการจัดมุมเล่นตามมุม เพื่อจูงใจให้เด็กรู้สึกเป็น เจา้ ของ อยากเรียนรู้ อยากเข้าเล่น ๕) ควรเสริมสร้างวินัยเชิงบวกให้กับเด็ก เช่น สร้างข้อตกลงร่วมกันว่า เมื่อเล่นเสร็จ แล้วจะต้องจดั เก็บอปุ กรณท์ ุกอยา่ งเขา้ ทใ่ี ห้เรียบรอ้ ย มุมเลน่ หรอื มุมประสบการณ์ท่ีจดั มีดงั น้ี มุมบล็อก

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นอนุบาลศรอี รญั โญทัย พุทธศกั ราช ๒๕๖5 ๘๐ มมุ บลอ็ ก เป็นมมุ ทีจ่ ดั เกบ็ บล็อกไม้ที่มีขนาดและรูปทรงตา่ ง ๆ กัน เด็กสามารถนำมาเล่นต่อ กนั ประกอบกันเป็นสิ่งต่าง ๆ ตามจินตนาการหรือความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง นอกจากนย้ี ังมีส่ือ อื่น ๆ เพ่อื ประกอบการเลน่ เช่น ยานพาหนะ สัตว์จำลอง ฯลฯ การจัด มมุ บลอ็ ก เป็นมุมที่ควรจดั ใหอ้ ยหู่ า่ งจากมุมท่ตี ้องการความสงบ เชน่ มุมหนังสอื ทงั้ น้ี เพราะ เสียงจากการเล่นก่อไม้บล็อกอาจรบกวนสมาธิเด็กท่ีอยู่ในมุมหนังสือได้ นอกจากน้ี ควรอยู่ห่างจาก ทางเดินผ่าน หรือทางเข้า – ออกของห้อง เพื่อไม่ให้กีดขวางทางเดินหรือเกิดอันตรายจากการเดิน สะดุดไม้บล็อก ถา้ กรณีเด็กยังเล่นไม่เสร็จ ผสู้ อนและเด็กร่วมกันกำหนดพ้ืนที่ โดยใช้สญั ลักษณส์ ีหรือ เคร่ืองหมายการจราจรมาก้ันไว้ เพอื่ ให้เดก็ กลับมาเลน่ ตอ่ ได้ การจดั เก็บไมบ้ ล็อกเหล่าน้ี ควรจัดวางไวใ้ นระดับที่เด็กสามารถหยบิ มาเล่น หรือนำเก็บด้วย ตนเองได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และควรฝึกใหเ้ ด็กหัดจัดเกบ็ เป็นหมวดหมู่เพอื่ ความเป็นระเบยี บ และ สะดวกต่อการหยบิ ใชแ้ ละเก็บคนื โดยทำสัญลักษณร์ ปู รา่ งของไม้บล็อกคดิ ไวท้ ี่ช่องเก็บ มุมหนงั สือ ในห้องเรียนควรมีบริเวณท่ีเงียบสำหรับให้เด็กได้ดูรูปภาพ อ่านหนังสือนิทาน ฟังนิทาน ผู้สอนควรจัดมุมหนังสือให้เด็กได้คุ้นเคยกับตัวหนังสือ และได้ทำกิจกรรมตามลำพังหรือเป็นกลุ่ม เล็ก ๆ การจดั มุมหนังสือ เป็นมุมที่ต้องการความสงบ ควรจัดห่างจากมุมที่มีเสียง เช่น มุมบล็อก มุม บทบาทสมมติ ฯลฯ และควรจัดบรรยากาศจูงใจให้เด็กได้เข้าไปใช้เพื่อให้เด็กเกิดความคุ้นเคยกับ หนังสือและปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน ควรมจี ำนวนหนังสือเพียงพอและเหมาะสมกับวัยของเดก็ ควรมี การหมนุ เวียนเปลีย่ นหนังสอื ตามโอกาส และเลอื กหนังสอื ส่งเสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมใหก้ ับเดก็ ดว้ ย มุมบทบาทสมมติ มมุ บทบาทสมมติ เป็นมุมที่จัดขึ้นให้เด็กมีโอกาสได้นำเอาประสบการณ์ท่ีได้รับจากบ้านหรือ ชมุ ชนมาเล่นแสดงบทบาทสมมติ เลียนแบบบุคคลต่าง ๆ ตามจินตนาการของตน เช่น เป็นพ่อแม่ใน มุมบ้าน เปน็ หมอในมมุ หมอ เป็นพอ่ ค้าแม่คา้ ในมมุ รา้ นคา้ ฯลฯ การเลน่ ดังกล่าวเป็นการปลูกฝงั ความ สำนกึ ถึงบทบาททางสงั คมทเ่ี ดก็ ไดพ้ บเหน็ ในชีวติ จริง การจดั มุมบทบาทสมมติ ควรอยู่ใกล้มุมบล็อกและอาจจัดให้เป็นสถานที่ต่าง ๆ นอกเหนือจากการ จัดเป็นบ้าน โดยสังเกตการเล่นและความสนใจของเด็กว่ามีการเปลี่ยนแปลงบทบาทการเล่นจาก บทบาทสมมติไปสู่รูปแบบการเล่นอ่ืนหรือไม่ อุปกรณ์ท่ีนำมาจัดควรเปลี่ยนไปตามความสนใจ ของเด็กเช่นกัน ดังนั้น มุมบทบาทสมมติอาจจัดเป็นบ้าน ร้านอาหาร ร้านขายของ ร้านเสริมสวย โรงพยาบาล ฯลฯ ในขณะเดียวกันอปุ กรณ์ท่นี ำมาจัดให้เดก็ ต้องไม่เป็นอันตราย มีความเหมาะสมกับ สภาพท้องถิ่น ควรหมั่นดแู ลและทำความสะอาด มุมวิทยาศาสตรห์ รือมมุ ธรรมชาติ

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นอนุบาลศรีอรญั โญทยั พทุ ธศักราช ๒๕๖5 ๘๑ มมุ วิทยาศาสตร์หรอื มุมธรรมชาติ เป็นมุมเล่นที่ผสู้ อนจัดรวบรวมส่ิงของต่าง ๆ หรือสงิ่ ท่ีมีใน ธรรมชาติมาให้เด็กได้สำรวจ สังเกต ทดลอง ค้นพบด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการช่วยพัฒนาทักษะ กระบวนการคดิ รวบยอด การคดิ เชิงเหตผุ ล การตัดสนิ ใจ และแกป้ ญั หาให้กับเด็ก การจัด มุมวิทยาศาสตร์หรือมุมธรรมชาติ เป็นมุมท่ีต้องการความสงบคล้ายมุมหนังสือ จึงอาจจัดไว้ ใกล้กันได้ สิ่งของที่จัดวางต้องคำนึงถึงความน่าสนใจ ความเร้าให้สนใจอยากนำมาศึกษาทดลอง จึง ควรอย่รู ะดับทเี่ ดก็ หยิบ จบั ดู วสั ดอุ ุปกรณเ์ หล่าน้นั ไดโ้ ดยสะดวก ควรมีการปรับเปลยี่ นสิ่งของท่นี ำมา จัดแสดง อาจจดั ให้มีการทดลองอย่างง่ายเพื่อใหเ้ ดก็ ได้เรียนรู้ สภาพแวดลอ้ มนอกห้องเรียน คือ การจดั สภาพแวดล้อมภายในบริเวณรอบ ๆ สถานศึกษา หรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย รวมทั้งจัดสนามเด็กเล่น พร้อมเคร่ืองเล่นสนาม จัดให้มีการระวังรกั ษา ความปลอดภัยภายในสถานศึกษา ดูแลรักษาความสะอาด ปลูกต้นไม้ให้ความร่มร่ืนรอบ ๆ บริเวณ สถานศกึ ษา ส่ิงตา่ ง ๆ เหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งทีส่ ่งผลตอ่ การเรยี นรูแ้ ละพัฒนาการของเดก็ สภาพแวดล้อมนอกห้องเรียน ประกอบด้วย ๑. สนามเดก็ เล่น ควรมพี ้ืนผิวหลายประเภท เชน่ ดนิ ทราย หญ้า พ้นื ทีส่ ำหรับเล่นของ เลน่ ที่มลี ้อรวมทั้งท่รี ่ม ที่โลง่ แจ้ง พื้นดนิ สำหรบั ชุด ท่ีเลน่ นำ้ บ่อทราย พร้อมอุปกรณ์ประกอบการเล่น เคร่ืองเล่นสนามสำหรับปีนป่าย การทรงตัว ฯลฯ ท้ังนี้ ต้องไม่ติดกับบริเวณท่ีมีอันตราย หรือวาง ติดกันเกินไปจนเกิดอันตรายเวลาเด็กเล่นและเดินผ่าน ต้องหมั่นตรวจตราเครื่องเล่นให้อยู่ในสภาพ แข็งแรง ปลอดภยั อยู่เสมอ และหมัน่ ดแู ลเร่อื งความสะอาด ๒. ท่ีน่ังเล่นพักผ่อน จัดที่น่ังไว้ใต้ต้นไม้มีร่มเงา อาจใช้ทำกิจกรรมกลุ่มย่อย ๆ หรือ กจิ กรรมทต่ี ้องการความสงบ หรืออาจจดั เปน็ พ้ืนที่ให้ความรู้ ประชาสมั พันธ์ ป้ายนิเทศ เพื่อให้ความรู้ แกเ่ ดก็ และผ้ปู กครอง ๓. บริเวณธรรมชาติ ปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ แปลงปลูกพืชผักสวนครัว หากบริเวณ สถานศกึ ษามไี ม่มากนัก อาจปลกู พชื ในกระบะ หรือกระถาง หรือเศษวสั ดใุ นทอ้ งถ่นิ ๔. ห้องปฏิบัติการและอาคารประกอบต่าง ๆ เช่น โรงอาหาร เรือนเพาะชำ ห้องสมุด ห้องปฏิบัติการต่าง ๆ ควรจัดให้มีพ้ืนที่สำหรับให้เด็กทำกิจกรรมและเรียนรู้ ท่ีสะอาดและปลอดภัย สำหรับเด็ก ๒. การจัดสภาพแวดล้อมทางจติ ภาพ เป็นการจัดการสภาพแวดล้อมตามแนวคิดเร่ืองการเรียนรู้อย่างมีความสุข การจัดการ สภาพแวดล้อมด้านจิตภาพจึงเป็นการจัดเพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการอยู่ร่วมกัน ซึ่ งจะเกิด

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนอนุบาลศรอี รัญโญทัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖5 ๘๒ ความสะดวก ปลอดภยั ราบรน่ื จากการทำกิจกรรมในหอ้ งท่ีมลี ักษณะทางกายภาพท่ีเหมาะสม และมี การปฏิบัติต่อกันที่เหมาะสมของผู้ท่ีอยู่ในสภาพแวดล้อมทั้งเด็กและผู้สอน นอกจากนี้ยังรวมถึง ข้อตกลงท่ีทุกคนสามารถปฏิบัติร่วมกันได้และเกิดความสุขในการอยู่ร่วมกัน การจัดสภาพแวดล้อม ด้านจติ ภาพจึงมีเป้าหมายเพื่อให้เดก็ เรียนร้กู ารอยูร่ ว่ มกันในสภาพแวดล้อมแห่งความสุข ผู้สอนมีท่าที ทอี่ บอุ่น ใหค้ วามมั่นใจแกเ่ ด็ก สนับสนนุ ใหเ้ ดก็ ไดป้ ระสบความสำเร็จในกิจกรรมต่าง ๆ มีสถานทีท่ เี่ ด็ก สามารถมีความเป็นส่วนตัว หรือเมื่อต้องการอยู่ลำพัง ต้องการความสงบ ให้อิสระเด็กในการสื่อสาร เคลื่อนไหว ทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมท้ังข้อตกลงต่าง ๆ สามารถยืดหยุ่นได้เมื่อจำเป็น การจัด สภาพแวดล้อมดา้ นจติ ภาพ มีรายละเอียดดงั น้ี บุคลกิ ภาพผู้สอน บุคลิกภาพผู้สอนช่วยเสริมบรรยากาศในการเรียนรู้ให้เกิดข้ึนในห้องได้เป็นอย่างดี ย้ิมแย้ม แจ่มใส มีกริยามารยาทแบบไทย แตง่ กายเหมาะสมกบั วฒั นธรรมท้องถ่ิน ใช้ภาษาถูกต้องชัดเจน เต็ม ใจตอบคำถามของเด็ก พูดกับเด็กด้วยเสียงนุ่มนวลเป็นมิตร และพูดชี้แจงเหตุผลแก่เด็กด้วยน้ำเสียง ปกติ การจัดการชน้ั เรียนของผูส้ อน ผู้สอนควรใส่ใจดูแลให้เด็กอยู่ร่วมกันในห้องเรียนอย่างมีความสุข พร้อมทั้งเรียนรู้สิทธิและ หน้าท่ีของตน มีการสร้างข้อตกลงในการปฏิบัติตนร่วมกันระหว่างผสู้ อนกับเด็ก และเด็กกับเด็ก การ แบง่ หน้าท่ีความรับผิดชอบ มีแนวทางปฏบิ ตั ิเม่อื เดก็ ไมท่ ำตามข้อตกลง และแก้ปัญหาเม่ือมขี ้อขดั แย้ง เกดิ ขึ้น การสร้างความสัมพันธ์ระหวา่ งผสู้ อนกบั เดก็ ความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้สอนกับเด็ก ช่วยเสริมสร้างให้เด็กรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย สร้าง ความม่ันใจในตนเอง และเกิดความร้สู ึกที่ดีต่อตนเอง ผู้สอนควรสร้างความสัมพันธ์กับเด็กด้วยท่าทาง เช่น ย้ิม สัมผัส ทักทายและพูดคุยกับเด็ก ดูแลเด็กท่ีมีปัญหาสุขภาพ ไม่สบาย หรือต้องการกำลังใจ รับฟังเมื่อเด็กพูดด้วย ให้โอกาสเด็กที่ต้องการพูดคุยกับผู้สอน ตอบเมื่อเด็กถาม และยอมรับการ ชว่ ยเหลอื ของเดก็ การสร้างความสมั พนั ธ์ระหวา่ งเดก็ กบั เดก็ ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กกับเด็กในสถานศึกษา จะทำให้เด็กอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างเด็กกับเด็ก ผู้สอนควรจัดให้มีกิจกรรมที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ท่ีดี ระหว่างเดก็ กบั เด็ก โดยการจัดกิจกรรมท่ีสง่ เสริมการช่วยเหลือซ่ึงกันและกนั สร้างความรับผิดชอบใน การทำงาน ให้เดก็ ไดร้ ่วมคดิ รว่ มทำ และร่วมแกป้ ัญหา เชน่ การจดั ของเล่นการดแู ลความสะอาดการ ทำงานกลุ่มเป็นต้น การสรา้ งความสมั พันธ์ระหว่างผู้ปกครองและสถานศกึ ษา ผู้สอนมีบทบาทสำคัญย่ิงในการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครอง กับสถานศึกษา ผู้สอนจึงควรสร้างความสัมพันธ์กับผู้ปกครองด้วยการจัดทําป้ายนิเทศซึ่งมีสาระ เกี่ยวกับเด็ก ผ้ปู กครอง ชุมชน และโรงเรียน จัดทำจดหมายข่าวถึงผู้ปกครอง หรอื การส่ือสารผ่านส่ือ

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นอนบุ าลศรีอรญั โญทยั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖5 ๘๓ และเทคโนโลยี กระตนุ้ ให้ผปู้ กครองแลกเปล่ยี นเรยี นรกู้ บั ทางโรงเรียน สนบั สนุนให้ผู้ปกครองเยยี่ มช้ัน เรียนของเด็กจัดประชมุ พบปะระหว่างผู้ปกครองและผู้สอน รวมท้ังเปิดโอกาสให้ผปู้ กครองได้ทำงาน อาสาสมัครรว่ มกบั ทางโรงเรยี น ๓. การจัดสภาพแวดลอ้ มดา้ นสงั คม เป็นการจัดสภาพแวดล้อมท่ีเกิดจากแนวคิดเรื่องการเรียนรู้ทางสังคมของเด็กปฐมวัยท่ี เรียนรู้ทางสังคมจากการเล่น การทำกิจกรรมและการทำงานร่วมกับผู้อื่นทั้งเด็กและผู้ใหญ่ การจัด สภาพแวดล้อมด้านสังคมจงึ เปน็ การจัดการทใ่ี ห้เดก็ รว่ มกับผู้อนื่ ได้อย่างมีความสุข สนบั สนุนให้ปฏิบตั ิ ตนในลักษณะที่สังคมยอมรับและเกิดทักษะทางสังคม มีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้สนับสนุนให้เกิด การแบ่งปันกันทั้งในด้านความคิด ความรู้สึก พ้ืนที่และอุปกรณ์ต่างๆ จัดให้มีบรรยากาศแบบ ประชาธิปไตย เด็กได้แสดงความเห็นและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจต่างๆ เช่น การกำหนดข้อตกลง กติกา กฎ ระเบียบต่างๆ การแบ่งหน้าที่ การฝกึ การมีวนิ ัยในตนเอง การเรียนรู้ของเด็กท่ีได้ปฏิสัมพันธ์สิ่งแวดล้อมทั้งด้านวัตถุและบุคคล ผู้สอนจะต้อง พยายามจัดสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับธรรมชาติของเด็ก ให้เด็กทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น กับ สิ่งของและกระบวนการต่างๆรวมถึงให้เด็กได้ปฏิสัมพันธ์กับประสบการณ์ต่างๆ และผู้สอนจะต้องมี การวางแผนการจัดกิจกรรมประจำวันให้เด็กได้พัฒนาทางร่างกายและสงั คม โดยการเตรยี มสื่อ วัสดุ ที่ เหมาะสม เพื่อกระตุ้นให้เด็กได้เกดิ กระบวนการคิด ให้เด็กได้เห็นความสัมพันธข์ องส่งิ ต่างๆ โดยจัด สภาพแวดล้อมให้เด็กได้ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนและกระบวนการต่างๆ อย่างกว้างขวาง การที่เด็กอยู่ใน สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เด็กจะพัฒนาความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง เกิดความเช่ือม่ันในตนเองและ มีความคดิ สร้างสรรค์ ส่ือ สื่อเพื่อส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก เป็นตัวกลางกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ ตามจุดมุ่งหมายท่ีกำหนดการเรียนรู้ ของเด็กอายุ ๔-๖ ปีจำเป็นต้องผ่านการลงมือปฏิบัติจริงหรือ เกิดการค้นพบด้วยตนเองเป็นประสบการณ์ตรง ซึ่งเด็กจะเรียนรู้จากส่ิงท่ีเป็นรูปประธรรมหรือ มองเห็น จับต้องได้ไปสู่ส่ิงที่เป็นนามธรรม เพื่อเข้าสู่อายุที่สูงขึ้น การเรียนรู้ของเด็กวัยนี้จึงขึ้นอยกู่ ับ ของจริงทีพ่ บเห็น ของเล่นที่เลียนแบบของจรงิ นทิ านและเพลงดงั นี้ ๑. ของเล่น ของเล่นเป็นส่ิงที่ประกอบการเล่นของเด็ก ของเล่นช่วยกระตุ้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้และเกิดความ มั่นใจในการเล่น ของเล่นอาจจัดทําข้ึนเองจากวัสดุ สิ่งของ เศษวัสดุเหลือใช้รอบตัวชีวิต ประจำวัน หรือเป็นการเลือกซ้ือของเล่นท่ีมีขายในท้องตลาด ซึ่งมีการจัดหาของเล่นให้เด็กต้องคำนึงถึงความ ปลอดภัยและเหมาะสมกับวัยของเด็ก ๑.๑ ลักษณะของเล่นเด็ก ของเล่นเก่ยี วขอ้ งกับการเล่นของเดก็ แบ่งเปน็ 1.1.1 ของจรงิ เปน็ ของเล่นท่เี ปน็ สิง่ ของหรือเครื่องใชใ้ นชีวิตจรงิ ของจริงที่ เดก็ เล่นได้ เช่น ช้อน ถว้ ย พลาสตกิ หมอ้ จาน

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนอนุบาลศรีอรญั โญทัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖5 ๘๔ ๑.๑.๒ ของเล่นเลียนแบบของจริง เปน็ ของเล่นที่ทําขึ้นให้มรี ูปแบบเหมือนของ จริงที่มีอยู่ในชีวิตประจำวนั ทำจากวัสดุประเภทไม้ พลาสติก โลหะ กระดาษ กไ็ ด้ เช่น ตุ๊กตาสตั ว์ขน นุ่ม ต๊กุ ตาคน ลกู บอลเด็กเลน่ รถเด็กเลน่ ของเลน่ เครอ่ื งครัว/เครือ่ งใชใ้ นบา้ น ๑.๑.๓ ของเล่นสร้างสรรค์ เป็นของเล่นท่ีทําข้ึนไม่มีรปู แบบท่ีแน่นอนตายตัว สามารถประกอบเข้าด้วยกันให้เป็นอะไรก็ได้ตามความต้องการหรอื จินตนาการของผู้เล่น เช่น ตัวต่อ พลาสตกิ พลาสติกสรา้ งสรรค์ บลอ็ กพลาสตกิ /ไม้ วสั ดุท่ีใช้ในการวาดภาพ/การป้ัน/การประดิษฐ์ ๑.๑.๔ ของเล่นเพื่อการศึกษา เป็นของเล่นที่ทําขึ้น มีรูปแบบช่วยพัฒนา ทักษะการสังเกต ทักษะกล้ามเน้ือมือ ประสานสัมพันธ์กับตา ทักษะการคิด เช่น ไม้บล็อก เกมภาพ ตดั ตอ่ เกมโดมโิ น่ ๑.๑.๕ ของเล่นพ้ืนบ้าน เป็นของเล่นท่ีทำจากวัสดุตามธรรมชาติหรือวัสดุที่มี อยู่ในท้องถิน่ ด้วยเช่น โมบายปลาตะเพียน ตะกร้อใบลาน ตุ๊กตาสัตว์ทำจากฟาง กังหันลมใบตาล ล้อ กลิ้งไม้ไผ่ นก/ต๊ักแตนสานใบมะพร้าว กะลารองเท้า ปี่ใบมะพร้าว และป้ันดินเหนียวรูปสัตว์ ๑.๒ ประเภทของเล่นเด็ก ของเล่นเด็กมีหลากหลายรูปแบบ ขึน้ อยู่กบั วัตถุประสงค์ ของการใชเ้ ล่นแบง่ เป็น ๑.๒.๑ ของเล่นฝกึ ประสาทสัมผัส เปน็ ของเล่นท่ดี ึงดูดความสนใจของเด็กใน การมองเห็น ได้ยินและสัมผัส เช่น ของเล่นท่ีมีผิวสัมผัสเรียบ- ขรุขระ ของเล่น หยิบจับไว้ในมือได้ เสียงเพลง ๑.๒.๒ ของเล่นฝกึ การเคล่อื นไหว เป็นของเล่นที่เคล่ือนท่ีไปมาได้ กระตุ้นให้ เด็กใชก้ ล้ามเนือ้ แขน ขา เชน่ ลกู บอล ของเล่นลากจูงได้ ของเล่นไขลาน ของเล่นมีล้อเล่ือน ๑.๒.๓ ของเลน่ ฝกึ ความสัมพันธม์ ือตา เป็นของเล่นที่ฝึกให้เด็กได้พัฒนาการ ประสานสัมพันธ์ระหว่างการใช้กล้ามเน้ือมือและตาอย่างมีจุดหมาย เช่น กระดานค้อนตอก กล่อง หยอดรูปทรง ของเลน่ รอ้ ยลกู ปัดเมด็ โต ของเลน่ รอ้ ยเชือกตามรู ของเล่นผูกเชือก/รดู ซปิ /ตดิ กระดุม ๑.๒.๔ ของเล่นฝึกภาษา เป็นของเล่นที่ช่วยในการฟัง การส่ือสารทางด้าน การฟงั การพดู เล่าเร่ือง เช่น หนังสือภาพนทิ าน เทป เพลงเดก็ เคร่ืองดนตรี หุน่ มอื ๑.๒.๕ ของเล่นฝึกการสังเกต เป็นของเล่นฝึกทักษะการเปรียบเทียบ การ จำแนก หรอื จดั กล่มุ ของ เช่น ของเลน่ รูปทรงเรขาคณิต แผ่นภาพจับคู่ บลอ็ กตา่ งสีตา่ งขนาด ๑.๒.๖ ของเล่นฝึกการคิด เปน็ ของเล่นสอนให้เด็กมสี มาธิและรู้จักแก้ปัญหา คิดใชเ้ หตุผล เชน่ ภาพตัดตอ่ ตวั ต่อภาพ ปรศิ นา บลอ็ กไม้ ๑.๒.๗ ของเล่นฝึกความคิดสร้างสรรค์ เป็นของเล่นที่ส่งเสริมให้เด็กสร้าง จนิ ตนาการตามความนึกคิดหรือแสดงบทบาทสมมตุ ิ เชน่ บล็อกไม้ ตัวต่อ ของเล่นเครือ่ งครวั ของเล่น รา้ นค้า ของเล่นเครือ่ งมอื แพทย์ ๑.๓ การเลอื กของเล่นเด็ก หลกั เกณฑท์ ่คี วรคำนงึ ถงึ มีดังนี้ ๑.๓.๑ ความปลอดภัยในการเล่น ของเล่นสำหรับเด็ก อาจทำด้วยไม้ ผ้า พลาสติก หรือโลหะ ที่ไม่มีอันตรายเกี่ยวกับผิวสัมผัสที่แหลมคม หรือมีชิ้นส่วนที่หลุดหรือแตกหักได้

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นอนบุ าลศรีอรัญโญทยั พุทธศักราช ๒๕๖5 ๘๕ ตลอดจนทำให้วัสดุท่ีไม่มีพิษมีภัยต่อเด็กในสีท่ีทา หรือสว่ นผสมในการผลติ มีขนาดไมเ่ ล็กเกนิ ไปจนทำ ให้เด็กกลืนหรอื หยบิ ใสร่ ูจมกู หรอื เขา้ ปากได้ รวมท้ังมีน้ำหนกั พอเหมาะท่ีเดก็ สามารถหยบิ เล่นเองได้ ๑.๓.๒ ประโยชน์ในการเล่น ของเล่นที่ดีควรช่วยเร้าความสนใจของเด็กให้ อยากรู้อยากเห็น มีสีสันสวยงามสะดุดตาเด็ก มีการออกแบบที่ส่งเสริมให้เด็กใช้ความคิดและ จินตนาการที่จะเล่นอย่างริเร่ิมสร้างสรรค์หรือแก้ปัญหาช่วยในการพัฒนากล้ามเน้ือ การเคลื่อนไหว และการใช้มอื ได้อย่างคล่องแคลว่ ทัง้ ยงั เสริมสรา้ งการพัฒนาประสาทมอื และตาให้สมั พันธ์กัน ๑.๓.๓ ประสิทธิภาพในการใช้เล่น ของเล่นที่เหมาะในการเล่นควรมีความ ยากง่ายกับอายุและความสามารถตามพฒั นาการของเด็ก ของเล่นที่ยากเกินไปจะบั่นทอนความสนใจ ในการเล่นของเด็กและทำให้เด็กรู้สึกท้อถอยได้ง่าย ส่วนของเล่นที่ง่ายเกินไปก็ทำให้เด็กเบื่อไม่อยาก เล่นได้ นอกจากนี้ของเล่นควรทำให้เด็กได้ใช้ประสบการณ์ตรงและเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีความแขง็ แรงทนทานและปรบั เปล่ียนแปลงใช้ประโยชนไ์ ด้หลายโอกาส หลายรูปแบบเล่นได้หลายคน ๑.๓.๔ ความประหยัดทรัพยากร ของเล่นท่ีดีไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงหรือ ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีตราเคร่ืองหมายผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่มีช่ือเสียงเป็นท่ีนิยมท่ัวไป หากแต่เป็นวัสดุของหรือของเล่นที่สามารถจัดหาง่าย ๆ มีราคายอ่ มเยา และมีอยู่ในท้องถิน่ นน้ั โดยหา ซอื้ ได้งา่ ยหรือทำขึน้ เองได้จากภูมปิ ัญญาพน้ื บา้ นหรือวัฒนธรรมทอ้ งถ่นิ ตารางเกณฑ์พจิ ารณาการเลอื กซือ้ ของเล่นใหเ้ ดก็ ใช่ ไม่ใช่ ประเด็นการพจิ ารณา

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนอนุบาลศรอี รัญโญทัย พุทธศักราช ๒๕๖5 ๘๖ ๑. ของเล่นท่ีมีลักษณะปลอดภัยสำหรับเด็กตามวัย สีที่ใช้ เป็นสีที่ปลอดภัย ไม่มี ชิ้นส่วนแหลมคมหรอื แตกหักง่าย ๒. ของเลน่ เหมาะกับวัยของเด็กไมย่ ากหรือง่ายเกินไปที่เด็กจะเลน่ ได้เอง ๓. ของเล่นดึงดูดความสนใจการเลน่ ท้าทายความสามารถของเดก็ ๔. ของเล่นมีการออกแบบอยา่ งพิถีพิถัน มองดูเหมาะกบั ธรรมชาติของเดก็ ๕. ของเล่นสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้หลากหลาย ใช้เล่นได้หลายแบบ หลาย วธิ ีตามความตอ้ งการของผู้เล่น ๖. ของเลน่ มีความคงทนใช้เล่นไดน้ าน ไมบ่ บุ สลายง่าย ๗. ของเล่นช่วยส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็ก ทำให้เด็กเรียนรู้หลายๆด้าน เกีย่ วกับส่งิ แวดลอ้ มรอบตวั ๘. ของเล่นช่วยขยายความคิดสร้างสรรค์ของเด็กทำให้เด็กใช้จนิ ตนาการ การคิด ทำส่ิงใหม่ ๆ ๙. ของเลน่ ทำให้เด็กมีสมาธิ ใจจดจ่ออยู่กับการเลน่ เป็นเวลานานพอควรตามช่วง ความสนใจของวยั ๑๐. ของเล่นทำความสะอาดไดง้ ่าย หรอื นำกลบั มาเลน่ ใหม่ได้ ๑๑. ของเล่นทำใหเ้ ดก็ เกดิ ความรู้สกึ ดตี ่อตนเองและค้นพบความสำเรจ็ ๑๒. ของเล่นมีราคาไม่แพงจนเกินไป เม่ือเปรียบเทียบกับคุณภาพของวัสดุและ การใชป้ ระโยชน์ เกณฑ์การตัดสินใจซื้อของเล่น ถา้ คำตอบ “ใช”่ เกิน ๑๐ ข้อ ๒. นทิ าน นิทานเป็นสื่อ เครื่องมือและวิธีการที่สำคัญในการพัฒนาเด็ก การอ่านหนังสือให้เด็กฟัง จะช่วยสร้างความคุ้นเคยระหว่างเด็กกับหนังสือ ถือเป็นการบ่มเพาะนิสยั รักการอ่านหนังสือในเดก็ ได้ อยา่ งแยบยล ๒.๑ ประโยชนข์ องนทิ าน นิทานมบี ทบาทสำคญั ต่อการเสรมิ สรา้ งพฒั นาการเด็กดังน้ี ๒.๑.๑ ด้านร่างกาย การอ่านหนังสือให้เด็กฟัง เด็กจะได้บริหารร่างกายตาม เรื่องราวของนทิ าน ทำให้อวยั วะสว่ นต่างๆของรา่ งกายแข็งแรง ๒.๑.๒ ด้านอารมณ์ จิตใจ การอ่านหนังสอื ให้เดก็ ฟังเด็กจะรูส้ ึกสนุกสนานมีความสุข ท่ีได้ฟังเรื่องราวหรือท่องบทกลอนและแสดงท่าทางอย่างอิสระตามความต้องการ เด็กจะมีอารมณ์ดี ย้มิ แยม้ แจม่ ใส ๒.๑.๓ ดา้ นสงั คม สร้างความสัมพนั ธใ์ นครอบครวั และสังคมรอบด้าน ๒.๑.๔ ด้านสติปัญญา การอ่านหนังสือจะช่วยให้เด็กสามารถจดจำถ้อยคำ จำ ประโยคและเรื่องราวในหนังสือได้ รู้จักเรียนแบบคำพูด เข้าใจความหมายของเร่ืองท่ีจะอ่าน รู้จักคิด และรจู้ กั จินตนาการ ๒.๒ วิธกี ารเล่านิทานและเร่ืองราวสำหรับเด็ก เมื่อเลือกนิทานเร่ืองราวที่เหมาะสมกับวัยของเด็กได้แล้ว วิธีการเล่านิทาน หรือ

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นอนุบาลศรีอรัญโญทยั พุทธศกั ราช ๒๕๖5 ๘๗ เร่ืองราวเพอ่ื ใหเ้ ด็กเกดิ ความสนใจตดิ ตามฟงั เน้ือเรอื่ งจนจบ จึงจำเปน็ ต้องทำใหเ้ หมาะสมกบั เร่ืองทจี่ ะ เลา่ ด้วย ในการเลา่ เรอ่ื งนิทานที่นิยมใช้มี ๒ วิธีดังน้ี ๒.๒.๑ การเล่าเร่อื งโดยไม่มอี ุปกรณ์ เป็นการเลา่ นิทานเร่ืองการบอกเล่าด้วยน้ำเสยี ง และลีลาของผู้เล่า ซง่ึ มรี ายละเอียดดังนี้ ๑) การขึ้นต้นเร่ืองที่จะเล่าควรดึงดูดความสนใจเด็ก โดยค่อย ๆ เริ่มเล่า ดว้ ยเสยี งพูดท่ีชัดเจน ลีลา่ ของการเล่าชา้ ช้า และเร่ิมเรว็ ขน้ึ จนเป็นการเล่าดว้ ยจังหวะปกติ ๒) ระดับเสียงท่ีใช้ควรดัง และประโยคท่ีเล่าควรแบ่งเป็นประโยคส้ัน ๆ แต่ได้ใจความ การเล่าควรดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรจังหวะการเลา่ ให้นานและจะทำให้เด็กเบื่อ อกี ท้งั ไม่ควรมีคำถามหรอื คำพดู อื่น ๆ ที่เป็นการขดั จังหวะทำใหเ้ ด็กหมดสนุก ๓) การใช้น้ำเสียง สีหน้า ทา่ ทาง ควรแสดงให้สอดคล้องกับลักษณะของตัว ละคร ไมค่ วรพดู เนื่อย ๆ เร่ือย ๆ เพราะขาดใหค้ วามต่ืนเตน้ ๔) การนั่งเล่าเรือ่ ง ควรจัดหาเก้าอีน้ งั่ ให้เหมาะกบั ระดับสายตาเด็ก ควรเว้น ระยะหา่ งของการน่ังเผชิญหนา้ เดก็ พอประมาณที่จะสามารถสบตาเดก็ ขณะเลา่ เรื่องไดท้ ัว่ ถึง ๕) การใช้เวลาไม่ควรเกิน ๒๐ นาที โดยสังเกตจากท่าทางการแสดงออก ของเดก็ ซึ่งไมไ่ ด้ให้ความสนใจจดจอ่ กบั เรอื่ งที่เล่า ๖) การเปดิ โอกาสใหเ้ ด็กได้คดิ และวจิ ารณ์เร่ืองทเ่ี ลา่ ควรใช้คำถามสอบถาม ความคิดของเดก็ เกย่ี วกบั เรอื่ งราวทไ่ี ด้ฟัง ให้เด็กมโี อกาสแสดงความคิดเหน็ ภายหลังท่ีเรื่องเล่าจบลง ๒.๒.๒ การเล่าเรื่องโดยมีอุปกรณ์ช่วย อุปกรณ์ที่ช่วยในการเล่าเรื่องมีหลาย ประเภท ไดแ้ ก่ ๑) สง่ิ แวดล้อมรอบตัวเดก็ ซึ่งสามารถนำมาเล่าเร่ืองราวประสบการณ์ได้แก่ เด็กได้ อุปกรณ์ท่ีเป็นสิ่งแวดล้อมได้แก่สัตว์ พืช บุคคลสำคัญ สถานที่สำคัญ ข่าวและเหตุการณ์ ตลอดจนส่ิงท่มี อี ยตู่ ามธรรมชาติ ๒) วัสดุเหลือใช้ ส่ิงของท่ีไม่เป็นที่ตอ้ งการ แต่ยังมีประโยชน์ เช่น ภาพจาก หนงั สอื นติ ยสาร ก่ิงไม้ ของกระดาษ ส่งิ เหล่าน้ีอาจนำมาใชป้ ระโยชน์ในการเลา่ เรอ่ื งได้ ๓) ภาพ ใช้รูปภาพที่มีเร่ืองราวเล่าได้ เช่น ภาพท่ีมีเรื่องราวรวมอยู่ในแผ่น เดยี วหรอื ทำเป็นแผ่นภาพพลิกหลายๆแผ่น ขนาดใหญพ่ อควรและมีเนื้อเรอื่ งเขยี นไวด้ ้านหลงั ๔) หุ่นจำลอง ใช้หุ่นท่ีทำด้วยผ้าหรือกระดาษทำเป็นละครหุ่นมือ หนุ่ เชดิ หุ่นชกั ๕) สไลด์ประกอบการเล่าเร่ือง ใช้ภาพถ่ายเป็นสไลด์เเผ่นฉายใช้ทีละภาพ ๖) หน้ากาก ทำเป็นรูปตัวละคร ใช้วัสดุทำเป็นหน้ากากรูปตัวละครต่าง ๆ ๗) เทปนิทานหรือเรื่องราว ใชก้ ารเปิดเทปท่มี ีเสียงเล่าเรื่องราว ๘) นว้ิ มือประกอบการเลา่ เร่ือง ใช้นวิ้ มือเคลอ่ื นไหวเปน็ ตัวละครตา่ ง ๆ ๒.๓. การอ่านนทิ าน การสร้างนิสัยรักการอ่านให้เด็กเป็นหน้าท่ีสำคัญประการหนึ่งของผู้สอน เพราะ หนังสือคืออาหารสมองและอาหารใจ หนังสือคือความสุข หนังสือคือเพ่ือน หนังสือคือแหล่งเรียนรู้

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนอนุบาลศรีอรญั โญทัย พทุ ธศักราช ๒๕๖5 ๘๘ ของเด็กไปตลอดชีวิต การสร้างนิสัยรักการอ่านให้เด็ก จึงเป็นการสร้างพ้ืนฐานสำคัญของชีวิตให้เด็ก เด็กจะรักหนังสือได้จากการท่ีผู้สอนอ่านหนังสือท่ีเด็กชอบให้ฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่าเท่าที่เด็กเรียกร้อง ตอ้ งการ เด็กจะรู้สกึ พอใจและมีความสุขมากในขณะทผ่ี ู้ใหญ่อา่ นหนงั สอื ให้ฟัง และจะตืน่ โตข้ึนมาเป็น คนรักหนงั สอื และรักการอ่านหนังสือ การอ่านนิทานให้เด็กฟัง คือ การอ่านหนังสือที่ไม่ปล่อยให้เด็กเดินทางไปคนเดียว หรือเป็นผู้รับฟังเพียงอย่างเดยี ว แต่ผสู้ อนตอ้ งมีส่วนร่วมไปกับเด็กด้วย นิทานเป็นส่อื สำหรบั ผู้สอนใน การสร้างปฏิสัมพันธ์ท่ีดี เด็กที่เติบโตมาด้วยการหล่อหลอมให้ฟังนิทาน มักจะเป็นเด็กที่ใช้ภาษาได้ดี มากกวา่ เดก็ ในวยั เดียวกนั ที่ไม่ไดถ้ ูกหล่อหลอมมาด้วยหนังสือหรือนิทาน อีกทง้ั เด็กทม่ี ีนิสัยรกั การอ่าน จะพัฒนาในดา้ นอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็วตามมา เชน่ สมอง พฤตกิ รรม และอารมณท์ ดี่ ี การพัฒนาสือ่ การพัฒนาสื่อเพ่ือใช้ประกอบการจดั กิจกรรมในระดับปฐมวัยนั้น ก่อนอ่ืนควรได้สำรวจ ข้อมูล สภาพปัญหาต่างๆของสื่อทุกประเภทท่ีใช้อยู่ว่ามีอะไรบ้างที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข เพื่อจะได้ ปรบั เปลี่ยนให้เหมาะสมกบั ความต้องการ แนวทางการพัฒนาสื่อ ควรมีลกั ษณะเฉพาะ ดังน้ี ๑. ปรบั ปรงุ สอื่ ใหท้ นั สมัยเข้ากับเหตกุ ารณ์ ใชไ้ ด้สะดวก ไมซ่ ับซ้อนเกินไป เหมาะสม กบั วยั ของเด็ก ๒. รักษาความสะอาดของส่ือ ถ้าเป็นวัสดุท่ีล้างน้ำได้ เม่ือใช้แล้วควรได้ล้างเช็ด หรือ ปัดฝ่นุ ให้สะอาด เก็บไว้เป็นหมวดหมู่ วางเปน็ ระเบียบหยบิ ใช้ง่าย ๓. ถ้าเป็นสื่อที่ผู้สอนผลิตข้ึนมาใช้เองและผ่านการทดลองใช้มาแล้ว ควรเขียนคู่มือ ประกอบการใช้สื่อนน้ั โดยบอกช่ือสื่อ ประโยชน์และวิธีใช้สือ่ รวมท้ังจำนวนชิ้นส่วนของส่ือในชุดน้ัน และเกบ็ คมู่ ือไวใ้ นซองหรอื ถุง พรอ้ มสื่อท่ผี ลติ ๔. พัฒนาสอื่ ท่ีสร้างสรรค์ ใชไ้ ด้เอนกประสงค์ คือ เป็นไดท้ ้ังสือ่ เสริมพัฒนาการและ เปน็ ของเลน่ สนกุ สนานเพลิดเพลิน แหลง่ เรียนรู้ แหล่งเรียนรู้มีความสำคัญ คือ เป็นแหล่งการศึกษาตามความสนใจและความต้องการตาม อธั ยาศัย ปลูกฝงั นสิ ยั รักการอา่ น การสืบเสาะหาความรู้ การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง การสรา้ งเสริม ประสบการณ์ด้วยประสบการณ์ตรง เพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต สภาพแวดล้อมที่เป็นแหล่ง เรียนรสู้ ำหรับเด็กปฐมวยั ขอเสนอแหล่งเรียนร้ทู ี่เปน็ ตัวอย่างแหล่งวิทยาการการเรียนรู้ในชุมชน และ กจิ กรรมการเรียนรู้ทจ่ี ดั ในชุมชนและธรรมชาติ ดังนี้

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นอนบุ าลศรีอรญั โญทัย พุทธศกั ราช ๒๕๖5 ๘๙ โรงเรียนอนุบาลศรีอรัญโญทยั ได้แบง่ ประเภทของแหล่งเรยี นรู้ ไดด้ งั นี้ ๑. แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคล ได้แก่ วิทยากรหรือผู้เช่ียวชาญเฉพาะด้าน ที่จัดหามา เพื่อใหค้ วามรู้ ความเขา้ ใจอย่างกระจ่างแก่เด็กโดยสอดคล้องกับเนื้อหาสาระการเรยี นร้ตู า่ งๆ ไดแ้ ก่ - เจา้ หนา้ ท่ีทหาร/ตำรวจ - เจ้าหนา้ ทส่ี าธารณสุข - พระสงฆ์ - พ่อค้า – แม่ค้า - ผู้ปกครอง - ชา่ งตดั ผม / ชา่ งเสรมิ สวย - ครู - ภารโรง - พยาบาล - เจา้ หนา้ ท่ีดบั เพลงิ ฯลฯ ๒. แหล่งเรียนรู้ภายในชุมชน ได้แก่ แหล่งข้อมูลหรือแหล่งวิทยาการต่างๆ ที่อยู่ในชุมชน มีความสัมพันธก์ ับเอกลักษณ์ทางวฒั นธรรมและประเพณีช่วยให้เด็กสามารถเชื่อมโยงโลกภายในและ โลกภายนอกได้ และสอดคลอ้ งกับวิถกี ารดำเนินชวี ิตของเด็กปฐมวยั ไดแ้ ก่ - ห้องสมดุ โรงเรียนอนุบาลศรีอรัญโญทยั - ห้องวทิ ยาศาสตร์ - วัดหลวงอรัญญ์ - ปราสาทสดก๊ กอ๊ กธม - ปราสาทเขานอ้ ยสชี มพู - ปราสาทเขานอ้ ยอนบุ รรพต - ตลาดเทศบาลอรัญประเทศ - สถานีตำรวจ - ตลาดโรงเกลอื - สถานรี ถไฟอรัญประเทศ - องค์การโทรศพั ท์อรัญประเทศ - โรงพยาบาลอรัญประเทศ - การประปาส่วนภูมภิ าคอรญั ประเทศ - ร้านตัดผมชาย-หญงิ ฯลฯ ๓. สถานท่สี ำคัญต่างๆ ได้แก่ แหล่งความรู้สำคัญต่างๆ ทเ่ี ด็กให้ความสนใจ ได้แก่ - ศนู ยว์ ิทยาศาสตรส์ ระแก้ว การประเมินพัฒนาการ การประเมินพัฒนาการเด็กอายุ 3 - ๖ ปี เป็นการประเมินพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาของเดก็ ถือเป็นส่วนหนงึ่ ของการจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้และ การปฏบิ ัติกิจวตั รประจำวนั เปน็ ความรับผดิ ชอบของผูส้ อนทต่ี อ้ งดำเนินการต่อเนอื่ ง โดยเปดิ โอกาสให้

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นอนุบาลศรอี รญั โญทยั พุทธศกั ราช ๒๕๖5 ๙๐ ผู้เก่ียวข้องมีส่วนร่วมวิธีการประเมินที่เหมาะสม ได้แก่ การสังเกต การบันทึกพฤติกรรม การ สนทนาหรือสมั ภาษณ์ การวิเคราะห์ขอ้ มูลจากผลงานเด็กและสรปุ ผลการประเมนิ เพ่ือให้ได้ขอ้ มูลว่า เด็กบรรลุตามสภาพที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ และมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์หรือไม่เพียงใด ผู้สอนควรวางแผนและพัฒนาการจดั ประสบการณอ์ ย่างไรต่อไป โดยมีการประเมินพัฒนาการเดก็ ปฐมวัยควรยึดหลกั การ ดังนี้ ๑. วางแผนการประเมินพฒั นาการอยา่ งเปน็ ระบบ การวางแผนการประเมินพัฒนาการอย่าง เป็นระบบ เปน็ ภารกจิ หนง่ึ ของผู้สอนโดยเร่มิ ต้นจาก ๑.๑ นำหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยไปสู่การปฏิบัติด้วยการออกแบบและ จัดทำหนว่ ยการเรยี นรู้และแผนการจัดการประสบการณ์เรยี นรู้ ๑.๒ กำหนดวัตถปุ ระสงค์การประเมนิ วิธกี ารและเครอ่ื งมอื ที่ใชใ้ นการประเมนิ ๑.๓ เก็บรวบรวมขอ้ มูล ซ่ึงผู้สอนจะต้องวางแผนและออกแบบว่าในแต่ละวัน แต่ ละกจิ กรรมจะสงั เกตพฤติกรรมใด สงั เกตเดก็ คนใดบ้าง และนำข้อมูลท่ีได้ไปส่กู ารวเิ คราะห์ขอ้ มูลและ การแปลผลต่อไป ๒. ประเมินพัฒนาการเดก็ ครบทุกดา้ น การประเมินพฒั นาการเด็กครบทุกด้านตามหลักการ น้ี คือ การประเมินพัฒนาการเดก็ ด้านร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสติปัญญา ซ่ึงต้องสอดคล้อง และครอบคลมุ มาตรฐานคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ และสภาพที่พึงประสงค์แต่ละวัยท่ีกำหนด ไว้ในหลกั สตู รสถานศึกษา และสอดคลอ้ งกบั วิสัยทัศน์ของหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั ที่มงุ่ เน้นพัฒนา เด็กทุกคนให้ได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาอย่างมีคุณภาพและ ต่อเนื่องนนั่ เอง ๓. ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นรายบคุ คลอย่างสมำ่ เสมอต่อเนอ่ื งตลอดปี จุดมงุ่ หมายของการ ประเมินพัฒนาการเด็ก เพื่อพัฒนาความก้าวหน้าของเด็กเป็นรายบุ คคลให้เต็มตามศักยภาพ ทั้งน้ี ความนา่ เชือ่ ถือของผลการประเมินจึงเป็นสิ่งสำคญั ผู้สอนตอ้ งสงั เกตพฤตกิ รรมหรอื การปฏิบัติ ตนของเด็กเป็นระยะๆ ตลอดปกี ารศกึ ษา มจี ำนวนคร้ังในการสังเกตพฤติกรรมอย่างเหมาะสมและ เพยี งพอก่อนจะสรปุ หรือให้ระดบั คุณภาพของพฤติกรรมตามสภาพท่พี งึ ประสงคใ์ นแต่ละวยั ๔. ประเมินพัฒนาการตามสภาพจริงจากกิจกรรมประจำวันด้วยเคร่ืองมือและวิธีการท่ี หลากหลาย ไมค่ วรใช้แบบทดสอบ เน่ืองจากแนวคิดการจดั การศึกษาปฐมวัยให้ความสำคัญกับตัวเด็ก ทั้งการพัฒนาเด็กโดยองค์รวมและการปฏิบัติท่ีเหมาะสมกับพัฒนาการ การอบรมเล้ียงดูและให้ การศึกษา การเล่นและการเรียนรู้ของเด็กภายใต้บริบทสังคมและวัฒนธรรมท่ีเด็กอาศัยอยู่ ดังนั้น การประเมินพัฒนาการตามสภาพจริงจากการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ หรือการปฏิบัติกิจวัตร ประจำวัน ด้วยวิธกี ารสังเกต การบันทกึ พฤติกรรม การสนทนา การสมั ภาษณ์ การวเิ คราะห์ข้อมูล จากผลงานเด็ก จึงเป็นวิธีการประเมินที่เหมาะสมและสอดคล้องกับเด็กวัยนี้ ผู้สอนจึงไม่ควรใช้ แบบทดสอบที่ใชก้ ระดาษและดนิ สอในการเขยี นตอบ เพือ่ ประเมนิ พัฒนาเด็กวยั น้ี ๕. สรุปผลการประเมิน จัดทำข้อมูลและนำผลการประเมินไปใช้พัฒนาเด็ก ข้อมูลท่ีได้จาก การสังเกตพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนตามสภาพที่พึงประสงค์ รวบรวมได้จากการจัดประสบการณ์ การเรียนรู้ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้และการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน ผู้สอนต้องนำไปเทียบเกณฑ์

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนอนบุ าลศรอี รัญโญทัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖5 ๙๑ การให้ระดับคุณภาพใจ แต่ละสภาพที่พึงประสงค์ ตัวบ่งช้ีและมาตรฐานคุณลักษณ์ท่ีพึงประสงค์ พร้อมจัดทำเป็นข้อมูลสารสนเทศในระดับห้องเรียนว่า เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการใดบ้างเป็นจุดเด่น หรือควรได้รับการส่งเสริม และนำไปใช้ในการพัฒนาเด็กเป็นรายบุคคลและใช้เป็นข้อมูลส่ือสารกับ ผู้ปกครองในการเสริมศกั ยภาพเดก็ เปน็ รายบคุ คลตอ่ ไป แนวทางการประเมนิ พฒั นาการตามหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย โรงเรียนอนุบาลศรีอรัญโญทัย พุทธศักราช ๒๕๖5 กำหนด เปา้ หมายคุณภาพของเดก็ ปฐมวยั โดยยึดพฒั นาการเดก็ ปฐมวัยด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และ สติปัญญา ดังนี้ ๑) พัฒนาการด้านร่างกาย เป็นการเปลี่ยนแปลงความสามารถของร่างกายในการ เคลอื่ นไหวสุขภาพอนามยั ท่ีดีรวมถึงการใช้มือกับตาที่ประสานสัมพันธ์กันในการทำกิจกรรม ต่าง ๆการประเมนิ พัฒนาการด้านร่างกาย ประกอบด้วย การประเมินน้ำหนักและส่วนสงู ตามเกณฑ์ สขุ ภาพอนามยั สุขนิสัยที่ดี การรจู้ ักความปลอดภยั การเคลื่อนไหวและการทรงตัว การเล่นและการ ออกกำลงั กายและการใชก้ ลา้ มเนอื้ เล็กอยา่ งประสานสัมพันธ์กนั ๒) พัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ เป็นความสามารถในการแสดงอารมณ์และความรู้สึก โดยที่เด็กรู้จักควบคุมอารมณ์และแสดงออกอย่างเหมาะสมกับวัยและสถานการณ์ เพื่อเผชิญกับ เหตกุ ารณ์ตา่ งๆ ตลอดจนการรู้สึกทดี่ ตี อ่ ตนเองและผอู้ ืน่ การประเมินพัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ ประกอบด้วย การประเมินความสามารถในการ แสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสมกับวัยและสถานการณ์ ความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อ่ืน มีความเห็นอกเห็นใจ ความสนใจ ความสามารถ และมีความสุขในการทำงานศิลปะ ดนตรี และ การเคล่ือนไหวความรับผิดชอบในการทำงาน ความซ่ือสัตย์สุจริตและรู้สึกถูกผิด ความเมตตากรุณา มีน้ำใจและช่วยเหลอื แบง่ ปันตลอดจนการประหยดั อดออม และพอเพียง ๓) พัฒนาการด้านสังคม เป็นความสามารถในการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อ่ืน ปรับตัวใน การเล่นและอยู่ร่วมกับผู้อื่น สามารถทำหน้าท่ีตามบทบาทของตน ทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความ รบั ผิดชอบ ร้กู าลเทศะ สามารถช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน เรยี นรู้การปรับตัวให้เข้ากับเด็ก อ่ืน รู้จักรวมมือในการเล่นกับกลุ่มเพื่อน ปฏิบัติตามข้อตกลงในการเล่น รู้จักรอคอยตามลำดับ กอ่ น-หลัง การประเมินพัฒนาการด้านสังคม ประกอบด้วย การประเมินความมีวินัยในตนเอง การชว่ ยเหลอื ตนเองในการปฏบิ ัติกิจวตั รประจำวัน การระวังภายจากคนแปลกหน้าและสถานการณ์ที่ เส่ียงอันตราย การดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การมีสัมมาคาระและมารยาทตามวัฒนธรรม ไทย รักความเป็นไทย การยอมรับความเหมือนความแตกต่างระหว่างบุคคล การมีปฏิสัมพันธ์ท่ีดี กับผู้อ่ืน การปฏิบัติตนเบ้ืองต้นในการเป็นสมาชิกท่ีดีของสังคมในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมขุ ๔) พัฒนาการด้านสติปัญญา เป็นการเปลี่ยนแปลงความสามารถทางสมองท่ีเกิดข้ึนจาก การเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ รอบตัว และความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและส่ิงแวดล้อม ด้วยการรับรู้ สังเกต

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นอนุบาลศรีอรญั โญทัย พุทธศกั ราช ๒๕๖5 ๙๒ จดจำ วิเคราะห์ รู้คิด รู้เหตุผล และแก้ปัญหา ทำให้สามารถปรับตัวและเพิ่มทักษะใหม่ ซึ่ง แสดงออกด้วยการใช้ภาษา สอ่ื ความหมายและการกระทำ เด็กวัยน้ีสามารถโตตอบหรอื มีปฏสิ ัมพันธ์ กบั วัตถแุ ละสิ่งของที่อยู่รอบตัวได้ สามารถจำสิ่งต่าง ๆ ที่ได้กระทำซ้ำกนั บ่อย ๆ ได้ดี เรยี นรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดีข้ึนแต่ยังอาศัยการรับรู้เป็นส่วนใหญ่แก้ปัญหาการลองผิดลองถูกจากการับรู้มากกว่าการใช้ เหตุผล ความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสงิ่ ต่างๆ ที่อยู่รอบตัวพัฒนาอย่างรวดเรว็ ตามอายุที่เพิ่มข้ึนในส่วน ของพัฒนาการทางภาษาของเด็กวัยน้ี เป็นระยะพัฒนาภาษาอย่างรวดเร็ว โดยมีโอกาสใช้ภาษาจาก การทำกิจกรรมต่าง ๆ ในรปู ของการสนทนา ตอบคำถาม เลา่ เรื่องนิทานและทำกิจกรรมตา่ ง ๆ การประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญา ประกอบด้วย การประเมินความสามารถใน การสนทนาโต้ตอบและเล่าเร่ืองให้ผู้อ่ืนเข้าใจ ความสามารถในการอ่าน เขียนภาพ และสัญลักษณ์ ความสามารถในการคิดรวบยอม การคิดเชิงเหตุผล การคิดแก้ปัญหาและตัดสินใจ การทำงานศิลปะ การแสดงท่าทาง/เคลื่อนไหวตามจินตนาการและความสร้างสรรค์ การมีเจตคตทิ ่ีดีต่อการเรียนรู้และ ความสามารถในการแสดงหาความรู้ สำหรับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบับสถานศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖5) ได้ กำหนดมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่ต้องการให้เกิดข้ึนในตัวเด็ก เพื่อให้สถานศึกษาและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยใช้เป็นจุดหมายในการ พฒั นาและการประเมินเด็กใหบ้ รรลุคุณภาพตามมาตรฐานคณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ จำนวน ๑๒ ข้อ ดงั นี้ ๑. พฒั นาการดา้ นร่างกาย ประกอบด้วย ๒ มาตรฐาน คอื มาตรฐานที่ ๑ ร่างการเจริญเติบโตตามวัยและมสี ขุ นสิ ยั ทด่ี ี มาตรฐานท่ี ๒ กล้ามเน้ือใหญ่และกล้ามเนอ้ื เล็กแข็งแรง ใช้ได้อย่างคลอ่ งแคล่วและ ประสานสมั พนั ธ์กนั ๒. พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จติ ใจ ประกอบด้วย ๓ มาตรฐาน คือ มาตรฐานที่ ๓ มสี ขุ ภาพจติ ดแี ละมคี วามสุข มาตรฐานท่ี ๔ ช่ืนชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลอื่ นไหว มาตรฐานที่ ๕ มคี ุณธรรม จริยธรรม และมีจติ ใจท่ดี งี าม ๓. พฒั นาการด้านสังคม ประกอบด้วย ๓ มาตรฐาน คือ มาตรฐานที่ ๖ มที กั ษะชีวติ และปฏบิ ตั ติ นตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มาตรฐานที่ ๗ รกั ธรรมชาติ ส่งิ แวดล้อม วัฒนธรรมและความเปน็ ไทย มาตรฐานท่ี ๘ อยูร่ ว่ มกับผู้อน่ื ได้อยา่ งมีความสขุ และปฏิบตั ติ นเปน็ สมาชิกท่ดี ขี องสงั คม ในระบอบประชาธิปไตย อนั มพี ระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข ๔. พฒั นาการดา้ นสติปัญญา ประกอบดว้ ย ๔ มาตรฐาน คือ มาตรฐานท่ี ๙ ใชภ้ าษาส่ือสารได้เหมาะสมกบั วัย มาตรฐานท่ี ๑๐ มีความสามารถในการคดิ ท่ีเปน็ พน้ื ฐานในการเรยี นรู้ มาตรฐานที่ ๑๑ มีจนิ ตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นอนบุ าลศรีอรญั โญทัย พทุ ธศักราช ๒๕๖5 ๙๓ มาตรฐานท่ี ๑๒ มเี จตคตทิ ี่ดตี อ่ การเรียนรู้และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ ไดเ้ หมาะสมกับวัย

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นอนบุ าลศรีอรญั โญทัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖5 ๙๔ แผนภาพแสดงความเชื่อมโยงของหลักสตู รสถานศึกษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ (ฉบบั สถานศกึ ษา ปีการศึกษา ๒๕๖5) กับการประเมินพฒั นาการ หลักสตู รสถานศึกษา กจิ วตั รประจำวัน การประเมินพฒั นาการ ปฐมวัย การจดั ประสบการณ์ มาตรฐาน หนว่ ยการจัด ๑. การวิเคราะห์มาตรฐาน ตวั คณุ ลกั ษณะ ประสบการณ์ บ่งช้ี สภาพทพ่ี ึงประสงคแ์ ละ ทพี่ งึ ประสงค์ กำหนดการประเมนิ แผนการจดั ตวั บง่ ช้ี ประสบการณ์ ๒. การกำหนดวธิ ีการและ เครอื่ งมอื ท่ใี ชป้ ระเมนิ สภาพท่ีพงึ ประสงค์ - จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - สาระการเรียนรู้ ๓. การกำหนดเกณฑก์ ารประเมนิ สาระการเรยี นรู้ - กจิ กรรมการเรียนรู้ และระดับคุณภาพ - ประสบการณ์สำคญั - ส่อื - สาระทคี่ วรเรยี นรู้ - การประเมนิ ผล ๔. การดำเนินการเกบ็ รวบรวม - บันทึกหลังการจัด ขอ้ มลู ประสบการณ์ ๕. การสรุปผลการประเมนิ พฒั นาการ ๖. การรายงานผลการประเมนิ และการนำขอ้ มูลไปใช้

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนอนบุ าลศรีอรัญโญทัย พทุ ธศักราช ๒๕๖5 ๙๕ ข้นั ตอนการประเมนิ พัฒนาการ การประเมินพัฒนาการตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยท่ีมีคุณภาพและประสิทธิภาพน้ัน เกิดขึ้นในห้องเรียนขณะจัดประสบการณ์การเรียนรู้และการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของเด็ก มีข้ันตอนดงั น้ี ๑. การวิเคราะหม์ าตรฐาน ตวั บง่ ชี้ สภาพทพี่ งึ ประสงค์ และการกำหนดประเด็นการประเมนิ ผ้สู อนต้องวิเคราะห์มาตรฐาน ตวั บ่งช้ี สภาพท่ีพึงประสงค์ และกำหนดสิ่งทจ่ี ะประเมิน จากการจัดประสบการณ์การเรียนรู้และการปฏิบัติกิจกวัตรประจำวัน เพื่อวางแผนการประเมิน พัฒนาการและการตรวจสอบทบทวนความถูกต้อง ความครอบคลุมและความเชื่อมโยง อันจะเป็น ประโยชน์ในการดำเนนิ งานประเมินพฒั นาการเด็กปฐมวยั อย่างเป็นระบบ ดงั นี้ ๑.๑ การวิเคราะห์มาตรฐาน ตัวบ่งช้ี สภาพท่ีพึงประสงค์ การนำหลักสูตร สถานศึกษาไปสู่การจัดประสบการณ์ ได้มีวิเคราะห์สาระการเรียนรู้รายปีท่ีสอดคล้องของมาตรฐาน ตวั บ่งช้ี สภาพที่พึงประสงค์ และสาระการเรียนรูเ้ พ่ือกำหนดหนว่ ยการเรยี นรู้ โดยการนำสภาพทพี่ ึง ประสงค์ได้จากการวิเคราะห์มากำหนดเป็นจุดประสงค์การเรียนรู้ของหน่วยการเรียนรู้น้ันๆ และ กำหนดกิจกรรมหนัก ๖ กจิ กรรม หรือใช้รปู แบบการจัดประสบการณ์ตามท่ีสถานศึกษากำหนดใน การพัฒนาเด็กปฐมวัยให้บรรลุตามจุดประสงค์การเรียนรู้ ดังน้ัน ผู้สอนต้องวางแผนการประเมิน พฒั นาการใหเ้ หมาะสมและสอดคลอ้ งกับมาตรฐาน ตวั บ่งช้ีและสภาพทพี่ งึ ประสงค์ ๑.๒ การกำหนดประเด็นการประเมิน เป็นการกำหนดพัฒนาการท่ีต้องการประเมิน คือ สภาพที่พึงประสงค์ทนี่ ำมากำหนดเป็นจุดประสงค์การเรียนรู้ของหน่วยการเรียนรู้ซ่ึงครอบคลุม พัฒนาการท้ัง ๔ ด้านในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ และเช่ือมโยงไปยังจุดประสงค์ของแผนการจัด ประสบการณ์ในแตล่ ะวัน ดังนน้ั ประเด็นการประเมินจึงประกอบไปด้วยจุดประสงค์ของแผนการจัด ประสบการณ์ท่สี อดคลอ้ งกับจุดประสงค์การเรียนรูข้ องหนว่ ยการเรียนรู้นัน้ ๆ เม่ือกำหนดประเด็นการประเมินได้แล้วให้พิจารณาว่า ในแต่ละจุดประสงค์การเรียนรู้ของ หน่วยการเรียนรู้สามารถเก็บข้อมูลการประเมินได้จากการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ และจาก กิจวัตรประจำวันโดยการตรวจสอบข้อมูลท่ีเกิดจากจัดกจิ กรรมในแต่ละแผนการจดั ประสบการณ์และ การปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน เนื่องจากกิจวัตรประจำวันของเด็กเป็นส่ิงที่ปฏิบัติเป็นประจำซ้ำๆ จน เกดิ เปน็ ทักษะและมีการพัฒนาจนเปน็ ลักษณะนสิ ยั ๒. การกำหนดวิธีการและเครื่องมือทใ่ี ช้ในการประเมินพฒั นาการ เมื่อผู้สอนกำหนดประเด็กการประเมินพัฒนาได้ชัดเจนแล้ว ข้ันตอนต่อไป คือ การกำหนด วธิ ีการและเครื่องมอื ที่ใช้ในการประเมินพัฒนาการ ครูผสู้ อนต้องวางแผนและกำหนดวิธีการประเมิน ให้เหมาะสมกับกิจกรรม เช่น ใช้การสังเกตพฤติกรรม การประเมินผลงาน/ช้ินงาน การพูดคุยหรือ สัมภาษณ์เด็ก ฯลฯ วิธีการท่ีครูผู้สอนเลือกใช้ต้องมากกว่า ๒ วิธีการ หรือใช้วิธีการหลากหลาย ซึ่ง วิธกี ารที่เหมาะสมและนิยมใช้ในการประเมนิ เด็กปฐมวัย มีดงั ตอ่ ไปน้ี ๒.๑ การสังเกตและการบันทึก แบ่งออกเป็น ๒ แบบ ได้แก่ ๑) การสังเกตแบบเป็น ทางการ คือ การสงั เกตอย่างมีจุดมุ่งหมายที่แนน่ อนตามแผนที่วางไว้ และ ๒) การสังเกตแบบไมเ่ ป็น

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนอนุบาลศรีอรญั โญทยั พุทธศักราช ๒๕๖5 ๙๖ ทางการ คือ การสงั เกตในขณะที่เด็กทำกจิ กรรมประจำวนั และเกิดพฤติกรรมทีไ่ ม่คาดคิดว่าจะเกิดข้ึน ครูผู้สอนต้องจดบันทึกส่ิงท่ีรวบรวมได้จากการสังเกตอย่างเหมาะสม ท้ังนี้การบันทึกพฤติกรรม ความสำคัญอย่างย่ิงทีต่ ้องทำอยา่ งชัดเจนและสม่ำเสมอ เน่ืองจากเดก็ เจริญเติบโตและมเี ปลี่ยนแปลง อยา่ งรวดเร็ว การสงั เกตและบนั ทึกพัฒนาการเดก็ ปฐมวยั สามารถใช้แบบง่ายๆ ดังน้ี ๑) แบบบนั ทึกพฤตกิ รรมแบบเปน็ ทางการ โดยกำหนดประเดน็ หรอื พฒั นาการที่ ต้องการสังเกต (สอดคล้องกับสภาพท่ีพึงประสงค์หรือจุดประสงค์การเรียนรู้ของหน่วยการเรียนรู้) ระบุชื่อ นามสกุลเด็ก วัน เดือน ปี เกิด ไว้ล่วงหน้า รวมทั้งชื่อผู้ทำการสังเกต ดำเนินการสังเกต โดยบรรยายพฤตกิ รรมเด็กทีส่ ังเกตไวต้ ามประเดน็ ผูส้ งั เกตตอ้ งบนั ทึกวัน เดอื น ปที ่ีทำการสังเกตแต่ ละครั้ง ข้อมูลการสังเกตท่ีครูผู้สอนบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติกรรมนี้จะช่วยให้ครูผู้สอนเข้าใจ พฤติกรรมเดก็ ไดด้ ีขึ้น และทราบวา่ เด็กแต่ละคนมจี ุดเด่น มีความต้องการ มคี วามสนใจ หรือตอ้ งการ ความช่วยเหลอื ในเรือ่ งใดบา้ ง ๒) แบบบันทึกพฤติกรรมแบบไม่เป็นทางการ เป็นการบันทึกพฤติกรรม เหตกุ ารณ์ หรอื จากการจัดประสบการณ์ท่ีเกิดข้ึนในชั้นเรยี นทุกวัน โดยระบุช่อื นามสกุล วัน เดือน ปีเกิดเด็ก ผู้สังเกต วัน เดือน ปีที่บันทึก อาจบันทึกโดยใช้การบรรยาย ใคร ทำอะไร ท่ีไหน ทำอย่างไร ซ่ึงจะเน้นเฉพาะเด็กรายกรณีท่ีต้องการศึกษา ควรมีรายละเอียดและข้อมูลท่ีชัดเจน ครูผู้สอนควรบรรยายสิ่งท่ีเด็กทำได้มากกวา่ ส่ิงที่เด็กทำไม่ได้ และวิเคราะห์ประเด็นการประเมินตาม สภาพท่ีพึงประสงค์อย่างเป็นระบบ ข้อมูลในการบันทึกต้องเป็นตามความเป็นจรงิ ซ่ึงข้อดีของการ บันทึกรายวัน คอื การชี้ใหเ้ ห็นความสามารถเฉพาะอย่างของเดก็ จะช่วยครูผู้สอนไดพ้ จิ ารณาปญั หา ของเด็กเป็นรายบุคคล รวมท้ังช่วยใหผ้ ู้เชย่ี วชาญมขี ้อมูลสำหรบั วนิ ิจฉัยเด็กได้ชัดเจนขนึ้ ว่าสมควรจะ ได้รับคำปรึกษาเพื่อลดปัญหา หรือส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างถูกต้องและเป็นข้อมูลในการ พิจารณาปรับปรงุ แกไ้ ขหรือพฒั นาการจัดกจิ กรรมและประสบการณ์ของครูใหด้ ียงิ่ ขน้ึ ๓) แบบสำรวจรายการ โดยกำหนดประเด็กหรือพัฒนาการท่ีต้องการสำรวจ (สอดคล้องกับสภาพท่ีพึงประสงค์หรือจุดประสงค์การเรียนรู้ของหน่วยการเรียนรู)้ ระบุชื่อ นามสกุล เด็ก วัน เดือน ปี เกิด ล่วงหน้า มีการกำหนดรายการพฤติกรรมที่ต้องการสำรวจละเอียดขึ้น และ กำหนดเกณฑ์ในการสำรวจพฤติกรรม เช่น ปฏิบัติ-ไม่ปฏิบัติ ทำได้-ทำไม่ได้ เป็นต้น ช่วยให้ครู สามารถบันทกึ ได้สะดวกขนึ้ ควรมีการสำรวจพฤติกรรมในเร่อื งเดียวกันอยา่ งน้อย ๓ คร้งั เพื่อยืนยัน ว่าเดก็ ทำได้จริง ข้อพงึ ระวงั ในการสงั เกตพฤติกรรมของเด็ก ระหว่างการสังเกต ไม่ควรแปลความพฤติกรรมของเด็ก ให้สังเกตการแสดงออกของเด็กที่เด็กใช้ ประสาทสัมผัสทั้ง ๕ คอื ตา หู จมูก ลิน้ และร่างกายหรือสัมผัส การแปลความจะดำเนินการหลังเสร็จสิ้น การสังเกตในส่วนของการบนั ทึก ครูอาจบันทึกย่อหรือทำสัญลกั ษณไ์ ว้และบันทกึ เป็นหลักฐานทนั ทีเม่ือมเี วลา ๒.๒ การบันทึกการสนทนา เป็นการบันทึกการสนทนาทั้งแบบเป็นกลุ่มหรือราย บุคคล เพื่ อป ระ เมิ น คว าม ส าม ารถใน การแ สด ง ค วาม คิด เห็ น แล ะพั ฒ น าการ ด้าน ก ารใช้ ภ าษ าขอ ง เด็ ก ความสามารถในการคิดรวบยอด การแก้ปัญหา รวมถึงพัฒนาการด้านสังคม อารมณ์ จิตใจ และ บันทกึ ผลการสนทนาลงในแบบบันทึกพฤติกรรมหรอื บันทึกรายวัน โดยระบุ ชื่อ นามสกลุ อายุเด็ก

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นอนุบาลศรีอรัญโญทัย พทุ ธศักราช ๒๕๖5 ๙๗ ภาคเรียนที่ และกิจกรรมที่ใช้สนทนา ชอ่ งทใ่ี ชใ้ นการบันทึกในแบบสนทนาให้ระบุ วนั เดือน ปี / คำพูดของเด็ก/ความคดิ เห็นของครูผู้สอนท่สี ะท้อนพฤติกรรมทแ่ี สดงออกของเด็กสอดคล้องกบั สภาพ ที่พึงประสงค์หรือจุดประสงค์การเรียนรู้ของหน่วยการเรียน ซ่ึงข้อมูลเหล่านนี้จะเป็นส่วนหน่ึงใน การพจิ ารณาการผา่ นสภาพทีพ่ งึ ประสงคท์ ีเ่ กี่ยวข้องในแต่ละเรือ่ ง ๒.๓ การสัมภาษณ์ เป็นวธิ ีการพูดคุยกบั เด็กเปน็ รายบคุ คลและควรจัดในสภาวะแวดล้อมท่ี เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดความเครียดและวิตกกังวล ครูผู้สอนควรใช้คำถามที่เหมาะสมเปิดโอกาสให้ เด็กได้คิดและตอบอย่างอิสระจะทำให้ครูผสู้ อนสามารถประเมินความสามารถทางสติปัญญาของเด็ก และค้นพบศกั ยภาพในตัวเดก็ ไดโ้ ดยบันทกึ ขอ้ มลู ลงในแบบสัมภาษณ์ ครูผู้สอนควรปฏิบตั ิ ดังน้ี การเตรียมการก่อนการสัมภาษณ์ โดยกำหนดวัตถุประสงค์ของการสัมภาษณ์ กำหนดคำพดู /คำถามท่ีจะพูดกับเด็ก ควรเปน็ คำถามท่เี ดก็ สามารถตอบโต้หลากหลายไม่มผี ดิ /ถูก การปฏิบัติขณะสัมภาษณ์ ครูผู้สอนควรสร้างความคุ้นเคยเป็นกันเอง สร้าง สภาพแวดล้อม ทอ่ี บอุ่นไม่เคร่งเครียด ใช้คำถามท่ีกำหนดไว้ถามเด็กท่ีละคำถาม ใหเ้ ด็กมีโอกาสคิด และมเี วลาในการตอบคำถามอย่างอสิ ระ ใชร้ ะยะเวลาสมั ภาษณไ์ ม่ควรเกิน ๑๐ นาที หลังการสัมภาษณ์ บันทึกในแบบสัมภาษณ์ ให้บันทึกคำพูดของเด็กตามความเป็น จรงิ หลงั เสร็จการสัมภาษณค์ รผู ู้สอนค่อยพิจารณาขอ้ มูลจากคำพดู เด็กและลงความคิดเห็นท่ีสะท้อน พฤตกิ รรมท่ีแสดงออกของเด็ก สอดคลอ้ งกับสภาพทีพ่ ึงประสงค์หรอื จุดประสงค์การเรยี นรู้ของหน่วย การเรียนรู้ที่กำหนดไว้ซึ่งข้อมูลเหล่าน้ีจะเป็นส่วนหน่ึงในการพิจารณาการผ่านสภาพท่ีพึงประสงค์ท่ี เก่ยี วข้องในแตล่ ะเร่อื ง ๒.๔ สารนิทัศนส์ ำหรับเด็กปฐมวยั เพ่ือการประเมินพฒั นาการ การจัดทำสารนิทัศน์ (Documentation) เป็นการจัดทำข้อมูลที่เป็นหลักฐานหรือแสดงให้เห็น ร่องรอยของการเจริญเติบโต พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจากการทำกิจกรรมทั้ง รายบุคคลและรายกลุ่ม ซึ่งหลักฐานและข้อมูลที่บันทึกเป็นระยะ ๆ จะเป็นข้อมูลอธิบายภาพเด็ก สามารถบ่งบอกถึงพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา สาร นิทศั น์จงึ เปน็ การประมวลผลที่แสดงใหเ้ หน็ ถึงกระบวนการจดั ประสบการณ์ของครแู ละรอ่ งรอยผลงาน ของเด็ก จากการทำกิจกรรมท่ีสะท้อนถึงพัฒนาการในด้านต่าง ๆ การจัดทำสารนิทัศน์จึงเป็นส่วน หนง่ึ ของกระบวนการวดั และประเมินพฒั นากรเดก็ ปฐมวยั ซ่ึงมีหลายรปู แบบ ไดแ้ ก่ ๑) พอร์ตโฟลิโอสำหรับเดก็ เป็นรายบุคคล เช่น การเกบ็ ชิ้นงานหรือภาพถ่ายเด็ก ขณะทำกิจกรรมมีการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ในการบันทึกเสียง บันทึกภาพที่แสดงให้เห็นถึง ความก้าวหน้าในงานที่เดก็ ทำ เปน็ ต้น ๒) การบรรยายเกี่ยวกับเรอ่ื งราวหรอื ประสบการณ์ทเ่ี ดก็ ได้รบั เชน่ การสอนแบบ โครงการ (Project Approach) สามารถให้สารนิทัศน์เก่ียวกับพัฒ นาการเด็กทุกด้าน ท้ั ง ประสบการณ์การเรียนรู้ของเด็กและการสะท้อนตนเองของครู เด็กกับเด็ก การบันทึกของครู การบรรยายของพอ่ แม่ผ้ปู กครองในรปู แบบหนงั สือหรือจดหมาย แม้กระท่ังการจัดแสดงบรรยายสรุป ใหเ้ หน็ ภาพการเรียนรู้ทง้ั หมด ๓) การสงั เกตและบนั ทึกพฒั นาการเด็ก เชน่ ใช้แบบสังเกตพัฒนาการ การบันทึกส้ัน

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนอนบุ าลศรอี รัญโญทัย พทุ ธศักราช ๒๕๖5 ๙๘ ๔) การสะท้อนตนเองของเด็ก เป็นคำพูดหรือข้อความท่ีสะท้อนความรู้ ความ เข้าใจ ความรู้สึกจาการสนทนา การอภิปรายแสดงความคิดเห็นของเด็กขณะทำกิจกรรม ซ่ึงอาจ บนั ทึกดว้ ยเทคโนโลยบี ันทกึ เสียง หรือบนั ทกึ ภาพ ๕) ผลงานรายบุคคลและรายกลุ่ม ที่แสดงให้เห็นถึงการเรียนรู้ ความสามารถ ทักษะ จิตนินัยของเด็ก ครูสามารถนำผลงานของเด็กมาใช้พิจารณาพัฒนาการและกระบวนการ ทำงานของเด็ก ครูส่วนใหญ่มักจะเก็บผลงานการเขียนและผลงานศิลปะ อย่างไรก็ตามครูควรเก็บ ผลงานหลากหลายประเภทของเด็ก เช่น ภาพเขียน การร่วมระดมความคิดเห็นและเขียนออกมาใน ลักษณะใยแมงมุม การแสดงออกทางดนตรี การก่อสร้างในรูปแบบต่างๆ ตัวอย่างคำพูด เป็นต้น ซ่ึงจะเปน็ ประโยชน์ในการเก็บข้อมูลหลกั ฐานเพื่อประเมนิ การเรียนรู้และประเมนิ พัฒนาการของเด็ก วัยข้างตน้ ➢ การจัดทำสารนิทัศน์ที่หลากหลายจะช่วยครูในแง่ของการตรวจสอบคุณภาพของ การศึกษาที่ดี เน่อื งจากการศกึ ษาในปจั จบุ นั เน้นการประเมินเพ่ือตรวจสอบความเข้มแขง็ ของการศึกษา ซึ่งสง่ ผล ให้สถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยและหนว่ ยงานท่ีจดั การศกึ ษาปฐมวยั ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพของ การจัดการศึกษาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้บางหน่วยงานนำแบบทดสอบมาตรฐานซึ่งไม่เหมาะสมมาประเมินเด็ก ปฐมวัย ➢ ผู้สอนท่ีจัดทำสารนิทัศน์อย่างสม่ำเสมอ จะจัดประสบการณ์ให้กับเด็กได้สอดคล้องปัญหาและ พัฒนาการเด็ก ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาสมองอย่างชัดเจน สารนิทัศน์สามารถช่วยครูให้จัดประสบการณ์ได้ตรง ประเด็น เน่ืองจากงานวิจัยเกี่ยวกับสมอง พบว่า เด็กจะเกิดการเรียนรู้ได้ดี หากเข้าไปมีส่วนร่วมและลงมือ ปฏิบัติ กระบวนการเรียนรทู้ ่ีสัมพันธ์กับความรู้สึกและอาวรณ์มีความสำคัญอยา่ งย่ิงตอ่ การเรียนรู้ของเด็ก เช่น เด็กรสู้ ึกต่อการอ่านอย่างไร? เด็กตอ้ งการเรียนอ่านหรือไม่? ความรู้สึกน้ีจะมีผลกระทบตอ่ การอ่านของเด็กใน ระยะวาว ดังนั้นการทดสอบด้วยขอ้ สอบมาตรฐานไม่ช่วยเด็กเลยในดา้ นจติ ใจและความสามารถ ซ่ึงต่างจากการ ใช้สารนทิ ัศนใ์ นการประเมิน จากผลการวจิ บั พบว่า สมองจะทำงานตอ่ เนื่อง ไมแ่ ยกส่วนเปน็ วิชาหรอื เปน็ เร่ือง ดังน้ัน การใช้แบบทดสอบประเมินเป็นการแยกส่วนของสมอง ซ่ึงจะไมบ่ อกถึงความสามารถในการบูรณาการ ความรขู้ องเด็กทีแ่ ทจ้ ริง แต่การรวบรวมผลงานของเดก็ จะบอกใหค้ รูรูว้ ่า เด็กคิดและบูรณาการความคิดของตน อย่างไร การจดั ทำสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวยั เพอื่ การประเมนิ ๑) กำหนดประเด็นการประเมิน เป็นการกำหนดพัฒนาการท่ีต้องการประเมิน ได้แก่ สภาพที่พึง ประสงค์ในแต่ละพัฒนาการ ซง่ึ ครอบคลมุ พัฒนาการทง้ั ๔ ดา้ น ๒) เตรยี มสื่อ วสั ดอุ ุปกรณท์ ี่จำเป็นตอ้ งใชใ้ หเ้ หมาะกับขอ้ มูลทีต่ ้องการเก็บ วางแผนการเลอื กและ การ จัดการกับวัสดุ ส่ือท่ีเหมาะสมกบั ข้อมูลท่ีจะเก็บต้ังแต่ต้นปีการศึกษา ได้แก่ ข้อมูลท่ีต้องได้จากการสังเกต เช่น กระดาษ การ์ดขนาดเลก็ ดนิ สอ ปากกา กลอ้ งบนั ทึกภาพหรอื โทรศพั ทม์ ือถือ เครื่องบันทึกเสียง เป็นต้น ๓) ศึกษามาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ และสภาพที่พึงประสงค์ ซึ่งเป็นเป้าหมาย การพัฒนาเด็ก ซ่ึงจะชว่ ยให้ผู้สอนทราบว่าควรเก็บข้อมลู ประเภทใด ลักษณะใด จึงจะทำให้เห็นพัฒนาการและ การเรยี นรขู้ องเด็กอยา่ งชดั เจนและเป็นรูปธรรม ๔) วางแผนการจัดทำ เลือกวิธีการเก็บข้อมูล เช่น บันทึกสั้น ภาพถ่าย แบบ สังเกต บันทึกเสียง การเขยี นไดอะแกรมในรูปแบบของใยแมงมุม การทำบนั ทึกแสดงความคิดเห็นหรือความรู้สกึ ของเดก็ ผสู้ อนหรือ ผู้ปกครอง เป็นตน้

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นอนบุ าลศรีอรัญโญทยั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖5 ๙๙ ๒.๕ การประเมินการเจริญเติบโตของเด็ก เป็นการประเมินการเจริญเติบโต ด้านร่างกาย ของเด็ก ซึ่งการพิจารณาการเจริญเติบโตในเด็กท่ีใช้ท่ัว ๆ ไปอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ น้ำหนัก ส่วนสูง เสน้ รอบศีรษะ ฟัน และการเจริญเตบิ โตของกระดูก สำหรับแนวทางประเมินการเจริญเตบิ โต มดี ังนี้ ๒.๕.๑ การประเมินการเจริญเติบโต โดยการชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูงเด็กแล้ว นำไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์ปกติในการแสดงน้ำหนักตามเกณฑ์อายขุ องกระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงใช้ สำหรับตดิ ตามการเจรญิ เติบโตโดยรวม ขอ้ ควรคำนึงในการประเมินการเจริญเตบิ โตของเดก็ ๑) เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันในด้านการเจริญเติบโต บางคนรูปร่างอ้วนบางคนผอม บางคน รา่ งใหญ่ บางคนรา่ งเลก็ ๒) ภาวะโภชนาการเป็นตวั สำคัญท่ีเกีย่ วข้องกบั ขนาดของรปู ร่าง แตไ่ ม่ใชส่ าเหตเุ ดยี ว ๓) กรรมพันธุ์ เด็กอาจมีรูปร่างเหมือนพ่อหรือแม่คนใดคนหน่ึง ถ้าพ่อหรือแม่เต้ีย ลูกอาจเตี้ย และกรณนี อ้ี าจมนี ำ้ หนกั ต่ำกวา่ เกณฑเ์ ฉลีย่ ไดแ้ ละมักจะเป็นเด็กท่ีทานอาหารได้นอ้ ย ๔) ช่วงครงึ่ หลังของขวบปแี รก น้ำหนกั เด็กจะขึ้นชา้ เนื่องจากห่วงเล่นมากขึ้นและความอยากอาหารลดลง ๒.๕.๒ การตรวจสุขภาพอนามัย เปน็ การตรวจสอบที่แสดงคุณภาพชีวติ ของเด็ก โดยพิจารณาความสะอาด ส่ิงผิดปกติของร่างกายที่จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและการเจริญเติบโต ของเดก็ ๓. การกำหนดเกณฑก์ ารประเมินและระดับคุณภาพ การกำหนดเกณฑ์การประเมินและการให้ระดับคุณภาพ ผลการประเมินพัฒนาการของเด็ก ทงั้ ๔ ดา้ น ในแต่ละสภาพท่ีพึงประสงค์ เพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การผา่ นตวั บ่งชแี้ ละมาตรฐานคุณลักษณะที่ พงึ ประสงค์ ดังน้ัน ในระดับช้ันเรียนและระดบั สถานศกึ ษาควรกำหนดในลกั ษณะเดยี วกัน สถานศกึ ษา สามารถกำหนดเกณฑ์การประเมินและการให้ระดับคุณภาพผลการประเมินพัฒนาการของเด็กที่ สะทอ้ นมาตรฐานคณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งช้ี สภาพที่พึงประสงค์หรือพฤตกิ รรมท่ีจะประเมิน

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนอนบุ าลศรีอรญั โญทยั พุทธศกั ราช ๒๕๖5 ๑๐๐ เป็นระบบตวั เลข เช่น ๓, ๒, ๑ หรือ เป็นระบบทใ่ี ช้คำสำคญั เช่น ดี, พอใช้, ควรส่งเสรมิ ตามท่ี สถานศึกษากำหนด การกำหนดเกณฑ์การประเมินและการให้ระดบั คณุ ภาพ ระบบ ระบบท่ีใชค้ ำ ความหมาย ตวั เลข สำคัญ ๓ ดี ปรากฏพฤติกรรมตามชว่ งอายุ เป็นไปตามสภาพท่ีพึงประสงค์ ๒ พอใช้ ปรากฏพฤติกรรมตามช่วงอายุ เป็นไปตามสภาพท่ีพึงประสงค์ โดยมกี ารกระตนุ้ ๑ ควรสง่ เสรมิ ไมป่ รากฏพฤตกิ รรมตามชว่ งอายทุ ่เี ป็นไปตามสภาพที่พึงประสงค์ ทั้งนี้ เพ่ือนำไปสู่การกำหนดเกณฑ์การประเมินตามสภาพที่พึงประสงค์ที่กำหนดไว้ตาม หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖0 (ฉบบั สถานศึกษา พุทธศักราช 2565) สถานศึกษา อาจกำหนดคำอธบิ ายคณุ ภาพตามระดับคณุ ภาพของสภาพท่พี ึงประสงคข์ องพัฒนาการแตล่ ะดา้ นเป็น ๓ ระดับ ดงั นี้ ดา้ นรา่ งกาย : กระโดดขาเดยี วไปขา้ งหน้าได้อย่างตอ่ เนอ่ื งโดยไม่เสียการทรงตัว ระดับคณุ ภาพ คำอธิบายคุณภาพ ๓ หรอื ดี กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องโดยไม่เสียการทรงตัวได้อย่าง คลอ่ งแคล่ว ๒ หรือ พอใช้ กระโดดขาเดียวไปขา่ งหน้าอยา่ งต่อเนือ่ งโดยไมเ่ สียการทรงตัวเป็นบางคร้งั ๑ หรือ ควรสง่ เสริม กระโดดขาเดยี วไปข้าหน้าอยา่ งตอ่ เน่อื งไมไ่ ด้ ดา้ นอารมณ์ จติ ใจ : สนใจ มคี วามสุข และแสดงออกผ่านงานศลิ ปะ ระดับคุณภาพ คำอธิบายคณุ ภาพ ๓ หรอื ดี แสดงสีหน้า ท่าทางสนใจ และมคี วามสขุ ขณะทำงานทกุ ช่วงกจิ กรรม ๒ หรอื พอใช้ แสดงสหี นา้ ทา่ ทางสนใจ และมีความสุขขณะทำงานบางช่วงกจิ กรรม ๑ หรือ ควรส่งเสริม ไมแ่ สดงสีหน้า ท่าทางสนใจ ขณะทำงานชว่ งกิจกรรมศิลปะ ด้านสงั คม : ใชส้ ่งิ ของเครอื่ งใชอ้ ยา่ งประหยดั และเพียงพอดว้ ยตนเอง ระดับคณุ ภาพ คำอธบิ ายคุณภาพ ๓ หรือ ดี ใช้สง่ิ ของเครอื่ งใชอ้ ยา่ งประหยัดและเพียงพอตามความจำเปน็ ทุกครัง้

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นอนบุ าลศรีอรัญโญทัย พุทธศกั ราช ๒๕๖5 ๑๐๑ ๒ หรือ พอใช้ ใช้สิ่งของเคร่ืองใช้อย่างประหยัดและเพียงพอตามความจำเป็น เป็น บางครง้ั ๑ หรือ ควรสง่ เสริม ใช้สงิ่ ของเครือ่ งใช้เกนิ ความจำเปน็ ดา้ นสตปิ ัญญา : เขียนชือ่ ของตนเองตามแบบ เขยี นขอ้ ความดว้ ยวธิ ที ค่ี ิดข้ึนเอง ระดบั คุณภาพ คำอธบิ ายคุณภาพ ๓ หรอื ดี เขียนชื่อตนเองตามแบบได้ ตัวอักษรไม่กลับหัว ไม่กลับด้าน ไม่สลับที่ และเขยี นขอ้ ความด้วยวิธีทค่ี ิดขึ้นเองได้ ๒ หรอื พอใช้ เขียนช่ือตนเองตามแบบได้ มีอักษรตามตัวกลับหัว กลับด้านหรือสลับที่มี ความพยายามท่ีจะเขียนขอ้ ความที่คดิ ขึน้ เอง ๑ หรือ ควรส่งเสริม เขียนช่ือตนเองไมไ่ ด้ หรอื เขยี นเปน็ สัญลกั ษณท์ ่ีไม่เปน็ ตัวอักษร ๔. การดำเนนิ การเกบ็ รวบรวมข้อมูล เม่ือผู้สอนวางแผนการประเมินพัฒนาการแล้วควรทำการสังเกตพฤติกรรมของเด็กเป็น รายบุคคลหรือรายกลุ่ม ด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย เช่น การพูดคุย หรือสัมภาษณ์เด็ก หรือ การประเมินผลงาน/ช้ินงานของเด็กอย่างเป็นระบบ เพ่ือรวบรวมข้อมูลพัฒนาการของเด็ กให้ ครอบคลมุ เดก็ ทุกคนแล้วสรปุ ลงในแบบบนั ทกึ ผลการประเมินสภาพท่พี ึงประสงค์ ในการเก็บรวบรวมข้อมูลผลการประเมินพัฒนาการเด็กตามสภาพที่พึงประสงค์ ผู้สอน ควรเก็บรวบรวมข้อมูลเปน็ รายบุคคล โดยสภาพท่ีพงึ ประสงค์ ๑ ตัว ควรได้รบั การประเมนิ พัฒนาการ อย่างน้อย ๒ คร้ังต่อ ๑ ภาคเรียน ระยะแรกควรเป็นประเมินเพื่อความก้าวหน้าไม่ควรเป็น การประเมินเพ่ือตัดสินพัฒนาการของเดก็ ดังน้ัน การเก็บรวบรวมข้อมูลการประเมินพัฒนาการตาม สภาพที่พึงประสงค์ จึงเป็นการสะสมเพื่อยืนยันว่าเด็กเกิดพัฒนาการตามสภาพท่ีพึงประสงค์นั้น ๆ ชัดเจนและมีความน่าเช่ือถือ ๕. การสรุปผลการประเมนิ พัฒนาการเด็ก หลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ กำหนดเวลาเรียนสำหรับเด็กปฐมวัยต่อ ปีการศึกษา ไม่น้อยกว่า ๑๘๐ วัน สถานศึกษาจงึ ควรบริหารจัดการเวลาเรียนใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุด ต่อการพัฒนาเด็กอย่างรอบด้านและสมดุล ผู้สอนต้องเก็บรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมที่แสดงถึง พัฒนาการของเด็กอย่างตอ่ เน่ือง มีการประเมินซ้ำของพฤติกรรมน้ันๆ เพื่อยืนยนั ความเช่ือมั่นของ ผลการประเมิน สรุปผลการประเมินพัฒนาการเด็กตามสภาพที่พึงประสงค์ให้ครบทุกสภาพท่ีพึง ประสงค์ ซ่ึงจะเชื่อมโยงไปสู่การสรุปผลการประเมินพัฒนาการเด็กรายตัวบ่งชี้ รายมาตรฐาน คุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์และในภาพรวมพฒั นาการรายด้านของเดก็ แต่ละคนตามลำดับ สถานศึกษาควรสรุปผลการประเมินพัฒนาการเด็กรายตัวบง่ ช้ี รายมาตรฐานคุณลักษณะ ท่ีพึงประสงค์ และในภาพรวมของพัฒนาการรายด้าน ภาคเรียนละ ๑ คร้ัง สำหรับแนวทางการ

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนอนุบาลศรอี รญั โญทัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖5 ๑๐๒ สรุปผลการประเมนิ พฒั นาการเดก็ ตามสภาพทพี่ งึ ประสงค์ในแตล่ ะตัวบง่ ช้คี วรใช้ฐานนิยม (Mode) ไม่ ควรนำค่าระดบั คุณภาพของสภาพท่ีพงึ ประสงคม์ าหาคา่ เฉล่ยี ในกรณมี ีฐานนยิ มมากกวา่ ๑ ฐานนิยม คอื มีระดบั คุณภาพซ้ำมากกว่า ๑ ระดับคุณภาพ การสรุปผลการประเมินพัฒนาการเด็กในแต่ละตัว บ่งชี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา โดยคำนึงถึงปรัชญาการศึกษา และหลักการของหลักสูตร การศึกษาปฐมวัย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ รวมทง้ั การนำข้อมลู ผลการประเมนิ ไปใชเ้ พือ่ พฒั นาเด็กต่อไป ๖. การรายงานผลการประเมินพัฒนาการและการนำข้อมลู ไปใช้ การรายงานผลการประเมินพฒั นาการเป็นการส่ือสารให้พอ่ แม่ ผู้ปกครองและผู้เก่ยี วขอ้ ง ได้ทราบความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของเด็ก ซ่ึงสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินพัฒนาการและ จดั ทำเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะๆ หรืออยา่ งนอ้ ยภาคเรียนละ ๑ ครง้ั การรายงาน ผลการประเมินพัฒนาการสามารถรายงานเป็นระดับคณุ ภาพตามพฤติกรรมทแ่ี สดงออกถึงพัฒนาการ แต่ละด้านทส่ี ะทอ้ นมาตรฐานคุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงคท์ ้งั ๑๒ ขอ้ ตามหลกั สตู รศกึ ษาปฐมวยั ๖.๑ จุดมงุ่ หมายการรายงานผลการประเมินพฒั นาการ ๑) เพื่อให้พ่อ แม่ ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไข ส่งเสรมิ และพัฒนาเด็กให้มคี ณุ ภาพตามมาตรฐานคุณลักษณะทพ่ี ึงประสงคใ์ นหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั ๒) เพื่อให้ผู้สอนใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้มี ประสทิ ธิภาพย่ิงขึน้ ๓) เพ่อื เป็นข้อมลู สำหรบั สถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษาและหนว่ ยงานต้นสังกัดใช้ ประกอบในการกำหนดนโยบายวางแผนพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา ๖.๒ ขอ้ มูลในการรายงานผลการประเมนิ พัฒนาการ ๖.๒.๑ ข้อมูลระดับช้ันเรียน ประกอบด้วย เวลามาเรียน บันทึกผลการประเมิน พัฒนาการตามหน่วยการเรียนรู้ บันทึกผลการประเมินพัฒนาการประจำช้ัน และบันทึกผลการ พฒั นาการรายบคุ คล และจดั ทำสารนทัศน์ทีส่ ะท้อนการเรียนรู้ของเด็ก เป็นข้อมูลสำหรบั รายงานให้ ผมู้ ีส่วนเก่ยี วข้อง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ได้รับทราบความก้าวหน้า ความสำเร็จในการเรยี นรูข้ องเด็กเพือ่ นำไปใช้ในการวางแผนกำหนดเป้าหมายและวิธีการในการพฒั นา เดก็ ๖.๒.๒ ข้อมูลระดับสถานศึกษา ประกอบด้วย ผลการประเมิ นมาตรฐาน คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ทั้ง ๑๒ ข้อ ตามหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย เพ่ือใชเ้ ป็นข้อมูลและสารสนเทศ ในการพัฒนาการจัดประสบการณ์และคุณภาพของเด็ก ให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึง ประสงค์ รวมทั้งแจ้งให้ผู้ปกครองและผู้เก่ียวขอ้ งได้รบั ทราบข้อมูล โดยผู้มหี น้าท่ีรับผิดชอบแต่ละฝา่ ย

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นอนุบาลศรีอรัญโญทยั พทุ ธศักราช ๒๕๖5 ๑๐๓ นำไปใช้ปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาเด็กให้เกิดพัฒนาการอย่างถูกต้อง เหมาะสม รวมท้ังนำไปจัดนำ เอกสารหลกั ฐานแสดงพัฒนาการของผเู้ รียน ๖.๒.๓ ข้อมูลระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา ได้แก่ ผลการป ระเมินมาตรฐาน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ทั้ง ๑๒ ข้อ ตามหลักสูตรเป็นรายสถานศึกษา เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับ ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารการศึกษา ผู้เก่ียวข้องใช้วางแผนและดำเนินการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ปฐมวัยของสถานศึกษาในเขตพ้ืนที่การศึกษา ในการยกระดับคุณภาพเด็กปฐมวัยและมาตรฐาน การศกึ ษาปฐมวัยของสถานศึกษา ๖.๓ ลกั ษณะข้อมูลสำหรบั การรายงานผลการประเมินพัฒนาการ การรายงานผลการประเมินพัฒนาการ สถานศึกษาสามารถเลือกลักษณะข้อมูล สำหรับการรายงานได้หลายรูปแบบให้เหมาะสมกับวิธีการรายงานและสอดคล้องกับการให้ระดับผล การประเมินพัฒนาการ โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพของการรายงานและการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ ของผรู้ ับรายงานแตล่ ะฝ่ายลกั ษณะข้อมูลมรี ูปแบบ ดังน้ี ๖.๓.๑ รายงานเป็นตัวเลขหรือคำท่ีเป็นตัวแทนระดับคุณภาพการพัฒนาการของ เด็กที่เกดิ จากการประมวลผล สรุปตดั สินข้อมูลผลการประเมินพฒั นาการของเด็ก ไดแ้ ก่ - ระดับผลการประเมนิ พฒั นาการมี ๓ ระดบั คือ ๓, ๒ , ๑ - ผลการประเมนิ คณุ ภาพ “ดี” “พอใช”้ และ “ควรส่งเสริม” ๖.๓.๒ รายงานโดยใช้สถิติ เป็นการรายงานจากข้อมูลที่เป็นตัวเลข หรือข้อความ ให้เป็นภาพแผนภูมิหรือเส้นพัฒนาการ ซ่ึงจะแสดงให้เห็นพัฒนาการความก้าวหน้าของเด็กว่าดีข้ึน หรอื ควรไดร้ ับการพัฒนาอย่างไร เมอื่ เวลาเปล่ยี นแปลงไป ๖.๓.๓ รายงานเป็นข้อความ เป็นการบรรยายพฤติกรรมหรือคุณภาพที่ครูผู้สอน สังเกตพบ เพื่อรายงานให้ทราบว่า พ่อ แม่ ผู้ปกครองและผู้เก่ียวข้องทราบว่าเด็กมีความสามารถ มพี ฤติกรรมตามคณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ของหลักสูตรอย่างไร ๖.๔ เป้าหมายของการรายงาน การดำเนินการจัดการศึกษาปฐมวัย ประกอบด้วย บุคลากรหลายฝ่ายมาร่วมมือ ประสานงานกันพัฒนาเด็กท้ังทางตรงและทางอ้อม ให้มีพัฒนาการทักษะ ความสามารถ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์โดยผู้มีส่วนเก่ียวข้องควรได้รับ การรายงานผล การ ประเมินพัฒนาการของเด็กเพื่อใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลในการดำเนินงาน ดังตารางต่อไปน้ี กลมุ่ เปา้ หมาย การใช้ขอ้ มลู ผู้สอน - วางแผนและดำเนนิ การปรบั ปรงุ แก้ไขและพฒั นาเดก็ - ปรบั ปรงุ แกไ้ ขและพัฒนาการจดั ประสบการณ์ ผูบ้ ริหารสถานศึกษา - สง่ เสรมิ และพฒั นากระบวนการจัดการจัดประสบการณเ์ รยี นรู้ ระดับปฐมวัยของสถานศึกษา พ่อ แม่ และผู้ปกครอง - รบั ทราบผลการประเมนิ พัฒนาการของเด็ก - ปรบั ปรงุ แกไ้ ขและพัฒนาการเรียนรขู้ องเดก็ รวมทั้งการดแู ล

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนอนุบาลศรีอรัญโญทัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖5 ๑๐๔ คณะกรรมการสถานศึกษา สขุ ภาพอนามัย ร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คมและพฤติกรรมตา่ ง ขน้ั พ้ืนฐาน ๆ ของเดก็ - พฒั นาแนวทางการจัดการศกึ ษาปฐมวยั ของสถานศกึ ษา สำนักงานเขตพนื้ ที่ การศกึ ษา/หนว่ ยงานต้น - ยกระดบั และพฒั นาคุณภาพการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษาใน สังกัด เขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษา - นเิ ทศ กำกบั ติดตาม ประเมนิ ผลและให้ความชว่ ยเหลอื การพฒั นา คณุ ภาพการศึกษาปฐมวัยของสถานศกึ ษาในสังกดั ๖.๕ วิธีการรายงานผลการประเมินพัฒนาการ การรายงานผลการประเมินพัฒนาการให้ผู้เกี่ยวขอ้ งรับทราบ โดยบันทึกข้อมูลใน แบบ รายงานตา่ ง ๆ สามารถใช้อา้ งอิง ตรวจสอบ และรับรองผลพัฒนาการของเดก็ เช่น แบบบนั ทึกผลการ ประเมินพัฒนาการประจำชั้น สมุดรายงานประจำตัวเด็ก แฟ้มสะสมงานของเด็กรายบุคคล นอกจากนี้ การรายงานคณุ ภาพการศกึ ษาปฐมวัยให้ผู้เกย่ี วขอ้ งทราบในระดบั หนว่ ยงานอาจใช้รายงาน การพัฒนาคุณภาพการศึกษาปฐมวัยประจำปี จุลสารหรือวารสารของโรงเรียน หรืออาจมี การให้ ขอ้ มูลกับผปู้ กครองในลกั ษณะการให้คำปรึกษาหรือทางการส่งจดหมายส่วนตัว ฯลฯ ตัวอย่าง การวเิ คราะหม์ าตรฐาน ตัวบง่ ช้ี สภาพท่ีพึงประสงค์ของเด็กปฐมวัย อายุ 3 - ๖ ปี และการกำหนดการประเมนิ จากการตรวจสอบขอ้ มลู ที่เกิดจากการปฏบิ ัตกิ จิ วัตรประจำวัน และการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ การปฏบิ ัติ การจัดประสบการณ์ สภาพทีพ่ ึงประสงค์ วธิ กี ารประเมนิ พัฒนาการ กิจวตั ร การเรยี นรู้ หมายเหตุ ประจำวนั หนว่ ยท่ี... หนว่ ยที่... พฒั นาการด้านรา่ งกาย มาตรฐานที่ ๑ ร่างกายเจรญิ เตบิ โตตามวยั และมสี ขุ นิสยั ท่ดี ี ๑.๑.๑ นำ้ หนักและ วดั สว่ นสูง ชั่งน้ำหนกั และ สว่ นสงู ตามเกณฑ์ของกรม บนั ทกึ การเจรญิ เติบโต  อนามัย

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นอนบุ าลศรอี รญั โญทัย พุทธศกั ราช ๒๕๖5 ๑๐๕ ๑.๒.๑ รบั ประทานอาหารทมี่ ี สังเกตการรับประทาน ประโยชนไ์ ดห้ ลายชนิดและ อาหารว่าง อาหารกลางวัน    ดื่มนำ้ สะอาดได้ดว้ ยตนเอง อาหารเสรมิ (นม) การดื่มน้ำ ๑.๒.๒ ลา้ งมือก่อน สังเกตการลา้ งมอื กอ่ น รับประทานอาหารและ รับประทานอาหารและ  หลงั จากใช้ห้องนำ้ ห้อง หลงั การใชห้ อ้ งน้ำ ห้อง ส้วมด้วยตนเอง สว้ ม ๑.๒.๓ นอนพกั ผ่อนเปน็ สงั เกตช่วงเวลาการนอน  เวลา พักผ่อนกลางวัน ๑.๒.๔ ออกกำลังกายเปน็ สังเกตการออกกำลังกาย   เวลา ชว่ งต่าง ๆ ๑.๓.๑ เล่น สังเกตการเลน่ และการทำ ทำกิจกรรรม และปฏิบัติ กิจกรรมต่าง ๆ  ตอ่ ผ้อู ่ืนอย่างปลอดภัย พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จติ ใจ มาตรฐานท่ี 3 มีสขุ ภาพจิตดีและมคี วามสุข ๓.๑.๑ แสดงอารมณ์ สงั เกตพฤติกรรมสีหนา้ ความรู้สึกได้สอดคล้องกบั ท่าทางในสถานการณจ์ รงิ ที่   สถานการณอ์ ย่างเหมาะสม เกิดข้นึ ๓.๒.๑ กล้าพูดกลา้ สังเกตพฤติกรรมเด็กทีม่ ี แสดงออกอยา่ งเหมาะสม ปฏสิ ัมพันธ์กบั ผู้อ่ืนใน  สถานการณ์ ตามสถานการณ์ ต่าง ๆ การปฏบิ ัติ การจัดประสบการณ์ สภาพทพี่ งึ ประสงค์ วิธกี ารประเมนิ พฒั นาการ กจิ วตั ร การเรยี นรู้ หมายเหตุ ประจำวัน หนว่ ยท่ี... หน่วยท่ี... พัฒนาการดา้ นสังคม มาตรฐานที่ 6 มีทักษะชีวิตและปฏบิ ตั ิตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๖.๑.๑ แตง่ ตัวดว้ ยตนเอง สงั เกตพฤตกิ รรมเด็กสวม   ได้อย่างคล่องแคล่ว เคร่อื งแตง่ กาย ๖.๑.๒ รบั ประทานอาหาร สังเกตการณร์ ับประทาน ด้วยตนเองอยา่ งถกู วิธี อาหาร อาหารวา่ ง อาหาร  กลางวัน ๖.๑.๓ ใช้และทำความ สังเกตเด็กปฏบิ ัตติ นในการ  สะอาดหลังใช้หอ้ งนำ้ ห้อง ใชห้ ้องนำ้ หอ้ งสว้ มได้

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนอนบุ าลศรีอรญั โญทยั พุทธศักราช ๒๕๖5 ๑๐๖ ส้วมดว้ ยตนเอง ๖.๒.๑ เก็บของเล่นของใช้ สงั เกตเดก็ เกบ็ ของเล่น เขา้ ที่อยา่ งเรียบรอ้ ยด้วย ของใชเ้ ข้าที่ เช่น รองเทา้   ตนเอง แกว้ นำ้ แปรงสีฟนั ผา้ เช็ดหนา้ ทนี่ อน ฯลฯ ๖.๒.๒ เขา้ แถวตามลำดับ สังเกตการเขา้ แถวใน  ก่อนหลงั ได้ดว้ ยตนเอง กิจกรรมตา่ ง ๆ ๖.๓.๑ ใชส้ ่ิงของเครื่องใช้ สงั เกตการใช้สง่ิ ของ อย่างประหยดั และ เคร่อื งใช้ต่าง ๆ ดูแลของ   พอเพียงด้วยตนเอง เล่น ของใช้ในชัน้ เรียน พฒั นาการด้านสตปิ ญั ญา มาตรฐานท่ี ๙ ใช้ภาษาส่ือสารได้เหมาะสมกบั วัย ๙.๑.๒ เลา่ เป็นเรอ่ื งราว สังเกตการเลา่ เร่อื งราวตา่ ง ๆ   ตอ่ เนื่องได้ ๙.๒.๑ อ่านภาพสัญลักษณ์ สงั เกตจากการอ่านภาพ อ่าน คำ ดว้ ยการช้ี หรือกวาดตา นทิ านอ่านป้าย สัญลักษณ์   มองจุดเริ่มตน้ และจดุ จบ การอ่านหนังสือใน สถานการณ์ต่าง ๆ ของข้อความ ๙.๒.๒ เขยี นชื่อของตนเอง การเขียนช่ือตนเอง เขียน ตามแบบ เขยี นขอ้ ความดว้ ย ตวั อักษร/คำ หรือข้อความ  วิธที ี่คิดขึ้นเอง ด้วยวธิ ีท่ีคดิ ขึน้ เอง คำที่ เขยี นอาจสลับที่ตวั อกั ษร การบริหารจัดการหลกั สูตรศึกษาปฐมวยั หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวัยเป็นหวั ใจสำคัญของการกำหนดเป้าหมายการพฒั นาคุณภาพเด็ก ปฐมวัยของสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้สอน และผู้เก่ียวข้องทุกฝ่ายจึงมีบทบาทสำคัญใน การดำเนินการบริหารจดั การหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยที่มีประสิทธิภาพ เพ่ือเป็นการส่งเสริมให้มี การนำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปสู่การปฏิบัติ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาคุณภาพเด็ก การบริหารจัดการหลักสูตรปฐมวัย จึงประกอบด้วยบุคคลท่ีเกี่ยวข้องหลายฝ่าย ซ่ึงมีบทบาทหน้าท่ี สำคัญ ดังนี้ บทบาทหน้าท่ขี องผเู้ กยี่ วขอ้ งในการบรหิ ารจัดการหลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวยั ๑. ผู้บริหารสถานศึกษา มบี ทบาททส่ี ำคัญ ดังน้ี

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนอนบุ าลศรีอรัญโญทัย พทุ ธศักราช ๒๕๖5 ๑๐๗ ๑) ศึกษาทำความเข้าใจหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.๒๕๖๐ หลักสูตรสถานศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖5 และมวี ิสยั ทัศนใ์ นการบริหารจัดการศึกษาตามหลักการจดั การศึกษาปฐมวยั ๒) เป็นผู้นำในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาโดยร่วมให้ความเห็นชอบ กำหนดวิสัยทัศน์ และคณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ของเดก็ ทกุ ชว่ งอายุ ๓) คัดเลือกบุคลากรท่ีทำงานกับเด็ก ได้แก่ ผู้สอน พี่เลี้ยง โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและ คณุ สมบัติของบุคลากร เช่น - มีวุฒิทางการศึกษาด้านการอนุบาลศึกษา/การศึกษาปฐมวัย หรือผ่านการอบรม เกี่ยวกับการจดั การศึกษาปฐมวยั - มีความรักเด็ก จิตใจดี มีอารมณ์ขันและใจเย็น ให้ความเป็นกันเองกับเด็ก อย่างเสมอภาค - มบี ุคลิกของความเป็นผู้สอน เขา้ ใจและยอมรบั ธรรมชาติของเดก็ ตามวยั - พูดจาสภุ าพเรียบรอ้ ย ชัดเจนเปน็ แบบอย่างได้ - มคี วามเปน็ ระเบียบ สะอาด และรจู้ กั ประหยดั - มีความอดทน ขยัน ซอื่ สัตยใ์ นการปฏิบัติงานในหนา้ ทแี่ ละการปฏบิ ตั ติ ่อเดก็ - มีอารมณ์ร่วมกับเด็ก รู้จักรับฟัง พิจารณาเร่ืองราวปัญหาต่าง ๆ ของเด็ก และ ตัดสินปญั หาตา่ ง ๆ อยา่ งมเี หตุผลดว้ ยความเป็นธรรม - มีสขุ ภาพกายและสขุ ภาพจิตดี ๔) ส่งเสริมและจัดบริการทางการศึกษาให้เด็กได้เข้าเรียนอย่างท่ัวถึง เสมอภาค และ ปฏบิ ตั กิ ารรับเด็กตามเกณฑ์ทกี่ ำหน ๕) สง่ เสรมิ ใหผ้ ู้สอนและผู้ที่ปฏิบัติงานกบั เด็กได้พฒั นาตนเองให้มีความร้กู า้ วหน้าอยเู่ สมอ ๖) สร้างความรว่ มมอื และประสานกบั บุคลากรทกุ ฝ่ายในการจัดทำหลกั สูตรสถานศกึ ษา ๗) จัดให้มีข้อมูลสารสนเทศเก่ียวกับตัวเด็ก งานวิชาการหลักสูตรอย่างเป็นระบบ และ มกี ารประชาสัมพันธห์ ลักสูตรสถานศกึ ษา ๘) สนับสนุนการจัดสภาพแวดล้อมสื่อ วัสดุ อุปกรณ์และแหล่งเรียนรู้ที่เอ้ืออำนวย ต่อ การเรยี นรู้และส่งเสริมพัฒนาการเด็ก ๙) นเิ ทศ กำกบั ตดิ ตามการใช้หลกั สตู ร โดยจัดใหม้ รี ะบบนิเทศภายในอยา่ งมรี ะบบ ๑๐) กำกับติดตามให้มีการประเมินคุณภาพภายในระดับปฐมวัยในสถานศึกษาและนำผล จากการประเมนิ ไปใชใ้ นการพฒั นาคณุ ภาพเดก็ ๑๑) กำกับติดตามให้มีการประเมินการนำหลักสูตรไปใช้ เพ่ือนำผลจากการประเมิน มาปรับปรุงและพัฒนาสาระของหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของเด็ก บริบท สงั คมและใหม้ ีความทนั สมยั ๒. ผู้สอนปฐมวัย การพัฒนาคุณภาพเด็กโดยถือว่าเด็กมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้อง สง่ เสริมให้เด็กสามารถพัฒนาตนตามธรรมชาติ สอดคลอ้ งกบั พัฒนาและเต็มตามศักยภาพ ผู้สอนจึงมี บทบาทสำคัญยิง่ ในการจัดทำหลักสตู ร พัฒนาหลักสูตรและนำหลักสูตรสถานศกึ ษาไปสู่การปฏิบัติทีม่ ี

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนอนุบาลศรอี รัญโญทัย พทุ ธศักราช ๒๕๖5 ๑๐๘ ประสิทธิภาพทำให้กระบวนการจัดการเรียนรู้ดังกล่าวบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย ผู้สอนจึงควรมี บทบาทหน้าที่ ดงั นี้ ๑) บทบาทในฐานะผ้บู ริหารหลักสูตร - ทำหน้าที่วางแผน จัดทำหลักสูตรและพัฒนาหลักสูตร หน่วยการเรียนรู้ การจัด ประสบการณ์การเรยี นรู้ การประเมินพัฒนาการ - จัดทำแผนการจัดประสบการณ์ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ ให้เด็กมีอิสระในการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้เด็กเล่น/ทำงานและเรียนรู้ท้ังรายบคุ คลและเป็นกลมุ่ - ประเมินผลการใช้หลักสูตร เพ่ือนำผลการประเมินมาปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรให้ ทนั สมยั สอคล้องกบั ความต้องการผู้เรียน ชมุ ชน และทอ้ งถิน่ ๒) บทบาทในฐานะผ้เู สรมิ สร้างการเรียนรู้ - จัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่เด็กกำหนดขึ้นด้วยตัวเด็กเอง และผู้สอนกับเด็ก ร่วมกันกำหนด เพ่ือพัฒนาเด็กให้ครอบคลุมทุกด้าน ในชวี ิตประจำวันในการแสวงหาคำตอบ หรือหา คำตอบในส่ิงท่ีเด็กเรียนรู้อยา่ งมเี หตผุ ล - จัดประสบการณ์กระตุ้นให้เด็กร่วมคิด แก้ปัญหา ค้นคว้าหาคำตอบด้วยตนเอง ดว้ ยวธิ กี ารศกึ ษาทน่ี ำไปส่กู ารใฝ่รู้ และพัฒนาตนเอง - จัดสภาพแวดล้อมและสร้างบรรยากาศการเรยี นทส่ี ร้างเสรมิ ให้เดก็ ปฏบิ ัตผิ ่านการ เลน่ ได้เตม็ ศักยภาพและความสามารถของเดก็ แตล่ ะคน - สอดแทรกการอบรมด้านจริยธรรมและค่านิยมท่ีพึงประสงค์ในการจัดการเรียนรู้ กิจวัตรประจำวนั และกจิ กรรมต่าง ๆ อยา่ งสมำ่ เสมอ - จัดกจิ กรรมการเล่น ท่ีมีจุดมุง่ หมายเพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้ส่ิงแวดล้อม ตลอดจนมี ปฏสิ มั พนั ธ์กบั ผอู้ ื่น และเรยี นร้วู ิธกี ารแก้ปญั หาข้อขัดแย้งตา่ ง ๆ - ใช้ปฏิสัมพันธ์ท่ีดีระหว่างผู้สอนและเด็กในการดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอน อยา่ งสม่ำเสมอ - จัดการประเมินพัฒนาการท่ีสอดคล้องกับสภาพจริงและนำผลการประเมินมา ปรบั ปรงุ พัฒนาคณุ ภาพเด็กเต็มศักยภาพและการจดั ประสบการณ์ของตนใหม้ ปี ระสิทธิภาพ ๓) บทบาทในฐานะผดู้ ูแลเดก็ - สังเกตและส่งเสริมพฒั นาการเดก็ ทุกดา้ นทัง้ ทางดา้ นร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสตปิ ญั ญา - ฝึกใหเ้ ด็กช่วยเหลอื ตนเองในชีวติ ประจำวัน - ฝึกให้เด็กมีความเชือ่ ม่นั มคี วามภูมใิ จในตนเองและกลา้ แสดงออก - ฝึกการเรียนรหู้ น้าที่ ความมีวินัย และการมีนิสยั ทด่ี ี - จำแนกพฤตกิ รรมเด็กและสรา้ งเสริมลักษณะนสิ ัยและแกป้ ัญหาเฉพาะบคุ คล - ประสานความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา บ้าน และชุมชน เพ่ือให้เด็กได้พัฒนา เต็มตามศกั ยภาพและมมี าตรฐานคุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ ๔) บทบาทในฐานะนกั พัฒนาเทคโนโลยีการสอน

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นอนุบาลศรอี รัญโญทัย พุทธศักราช ๒๕๖5 ๑๐๙ - นำนวัตกรรม เทคโนโลยีทางการสอนมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพบริบท สังคม ชมุ ชน และทอ้ งถ่นิ - ใช้เทคโนโลยแี ละแหลง่ เรียนร้ใู นชุมชนในการเสริมสร้างการเรยี นรู้ใหแ้ ก่เดก็ - จดั ทำวิจัยในชั้นเรียน เพ่อื นำไปปรบั ปรงุ พัฒนาหลกั สูตร/กระบวนการเรียนรู้และ พัฒนาสือ่ การเรยี นรู้ - พัฒนาตนเองให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ มีคุณลักษณ์ของผู้ใฝ่รู้ มีวิสัยทัศน์และ ทันสมัย ทนั เหตุการณใ์ นยุคของขอ้ มูลขา่ วสาร ๓. พอ่ แมห่ รอื ผปู้ กครองเดก็ ปฐมวัย ผู้สอนระดับปฐมวัยและพ่อแม่หรือผู้ปกครองควรส่ือสารกันตลอดเวลา เพ่ือสร้าง ความเข้าใจและร่วมมือกันในการอบรมเลี้ยงดูแลให้การศึกษาแก่เด็ก พ่อแม่หรือผู้ปกครองควรมี บทบาทหน้าท่ี ดังน้ี ๑) มีสว่ นร่วมในการให้ความคดิ เหน็ เพื่อนำไปกำหนดแผนพฒั นาสถานศึกษาและให้ ความเหน็ ชอบ กำหนด แผนการเรียนรขู้ องเดก็ ร่วมกบั ผสู้ อน ๒) ร่วมมือและสนับสนุนกิจกรรมของสถานศึกษา และกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อ พัฒนาเด็กตามศักยภาพ โดยเช่ือมโยงระหว่างสถานศึกษากับครอบครัว เพ่ือให้การเรียนรู้ของเด็ก ตอ่ เนื่องและมคี วามหมายตอ่ เด็ก ๓) เปน็ เครอื ขา่ ยการเรยี นรู้ จดั บรรยากาศในบา้ นใหเ้ ออ้ื ต่อการเรยี นรู้ ๔) สนับสนุนทรัพยากรเพ่อื การศึกษาตามความเหมาะสมและจำเป็น ๕) อบรมเลี้ยงดู เอาใจใสใ่ ห้ความรัก ความอบอุ่น ส่งเสริมการเรียนรูแ้ ละพัฒนาการ ดา้ นต่าง ๆ ของเด็ก ๖) ป้องกันและแกไ้ ขปัญหาพฤติกรรมที่ไม่พงึ ประสงคต์ ลอดจนส่งเสริมคุณลักษณะ ท่ีพงึ ประสงค์ โดยประสานความร่วมมอื กับผู้สอนและผทู้ เี่ กยี่ วข้อง ๗) เป็นแบบอย่างที่ดีทั้งในด้านการปฏิบัติตนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ และมี คุณธรรมนำไปสกู่ ารพฒั นาให้เปน็ สถาบันแห่งการเรียนรู้ ๘) มีส่วนร่วมในการพัฒนาการเด็กและในการประเมินการจัดการศึ กษา ของสถานศึกษา ๔. ชุมชน/ท้องถ่ิน ชุมชนท้องถิ่น มีบทบาทในการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา โดยการประสานความ ร่วมมือเพื่อรว่ มกันพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ ดังน้ัน ชุมชนจึงมีบทบาทในการจัดการศึกษาปฐมวัย ดงั น้ี ๑) มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการบริหารจัดการของสถานศึกษา ในบทบาทของ คณะกรรมการสถานศกึ ษา สมาคม / ชมรมผปู้ กครอง ๒) มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนพัฒนาสถานศึกษาเพ่ือเป็นแนวทางในการ ดำเนนิ การของสถานศกึ ษา

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนอนบุ าลศรีอรญั โญทยั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖5 ๑๑๐ ๓) เป็นเครือข่ายการเรียนรู้ ส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของ สถานศกึ ษาใหเ้ ดก็ ไดเ้ รียนรู้ มปี ระสบการณจ์ ากสถานการณ์จรงิ ๔) ส่งเสริมให้มีการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา ตลอดจนวิทยาการภายนอก และ ภูมิปัญญาท้องถ่ินเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กทุกด้าน รวมท้ังสืบสานจารีต ประเพณี ศลิ ปวัฒนธรรมของท้องถิน่ และของชาติ ๕) ประสานงานกับองค์กรท้ังภาครัฐและเอกชน เพ่ือให้สถานศึกษาเป็นแหล่ง วทิ ยาการของชุมชนและมีสว่ นในการพฒั นาชุมชนและท้องถิ่น ๖) มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ และปะเมินผลการจัดการศึกษาปฐมวัยของ สถานศึกษา โดยทำหน้าที่ใหข้ ้อเสนอแนะในการพัฒนาการจัดการศกึ ษาของสถานศกึ ษา การพฒั นาผสู้ อนและบคุ ลากรปฐมวัย การพัฒนาผู้สอนและบุคลากรปฐมวัย อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง มีความสำคัญ มากในการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา เพราะเป็นการสรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจให้แก่ผู้สอนให้ สามารถนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการออกแบบพัฒนาหลักสูตร การจัดประสบการณ์การเรียนรู้การจัดสภาพแวดล้อมในและนอกห้องเรียน การจัดพัฒนาสื่อและ แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินพัฒนาการโดยมีมาตรฐาน ตัวบ่งชี้และสภาพท่ีพึงประสงค์ของ หลักสูตรสถานศึกษาเป็นเป้าหมายสำคญั ในการพัฒนาคุณภาพเด็ก สถานศึกษาจึงควรมีกำหนดแนว ทางการพฒั นาบคุ ลากรปฐมวัย ดงั น้ี ๑) สำรวจและประเมินความต้องการในการพัฒนาตนเองของผู้สอนและบุคลากร ปฐมวัย และนำข้อมูลมาจดั ทำแผนการพัฒนาตนเองทง้ั แผนระยะส้นั และแผนระยะยาว ๒) พัฒนาบุคลากรปฐมวัยในด้านการพัฒนาหลักสูตร การออกแบบการจัด ประสบการณ์ เทคนิค วิธีการ จัดประสบการณ์ เทคนิคการควบคุมชั้นเรียน และด้านอนื่ ๆ ท้ังน้ีการ จัดกิจกรรมพัฒนาบุคลากรควรใช้เทคนิควิธีการที่หลากหลาย เช่น การอบรมเชิงปฏิบัติการ การ ประชุมสัมมนา การศกึ ษาดูงาน การจัดกิจกรรม PLC เปน็ ตน้ ๓) ส่งเสริมสนับสนุนให้มีมุมความรู้โดยการจัดหารเอกสารด้านหลักสูตร แนวทางการจดั ประสบการณ์ตลอดจนองค์ความรู้ด้านอ่ืน ๆ ท่เี กี่ยวข้อง เพื่อเปิดโอกาสให้ครูปฐมวัย ศึกษาคน้ คว้าเพิ่มเตมิ ๔) สง่ เสริมให้ครูและบุคลากรปฐมวยั มีโอกาสในการแลกเปลย่ี นเรียนรูร้ ่วมกัน ร่วม ปรึกษาและวางแผนการจัดการเรียนรู้ร่วมกับครูผู้สอนระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ เพ่ือให้ครูเข้าใจ บทบาทหน้าท่ีและภารกจิ ของตนในการนำหลักสตู รไปสู่ปฏิบัตสิ ่งผลดีตอ่ การทำงานร่วมกันในการจัด กจิ กรรมการเรียนรู้ที่เป็นการเชื่อต่อในระดับช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ได้เป็นอยา่ งดี การสนบั สนุนงบประมาณและทรัพยากร การพัฒนาหลักสูตรและการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษา ปฐมวัย พุทธศักราช 2560 (ฉบับสถานศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖5) มีความจำเป็นอย่างย่ิงท่ี สถานศึกษาต้องจัดหางบประมาณและทรัพยากรท่ีจำเป็น เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินการจัดการ

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นอนบุ าลศรอี รัญโญทัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖5 ๑๑๑ เรียนรู้ตามหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด โดยมีแนวทาง การดำเนนิ การ ดังนี้ ๑) จัดหาและจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอสำหรับการพัฒนาหลักสูตร สถานศึกษาการนำหลักสูตรไปใช้ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ การจัดงบประมาณส่งเสริม กจิ กรรมการเรียนร้/ู โครงการการทศั นศึกษานอกสถานท่ี การพฒั นาบุคลกร การดำเนินงานตามแผน ปฏบิ ตั ิการระดบั ปฐมวยั และการนเิ ทศ กำกับ ติดตาม ๒) จัดหา จัดซ้ือส่ือวัสดุอุปกรณ์ เพ่ือจัดสภาพแวดล้อมภายในและภายนอก ห้องเรยี น จดั ซ้ือและจัดหาสือ่ ของเล่นที่ส่งเสรมิ พัฒนาการเด็กตามมมุ ประสบการณ์ต่าง ๆ การพัฒนา สนามเด็กเล่นและแหล่งเรียนรู้ท่ีหลากหลาย รวมถึงการจัดเตรียมของใช้ส่วนตัวให้แก่เด็กตามความ จำเป็น เพื่อการดูแลอนามัยส่วนบุคคลและการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ของเด็กได้อย่างสะดวกและ ปลอดภัย ๓) กำกับติดตามการใช้งบประมาณและทรัพยากรอยา่ งประหยัดและคุ้มคา่ ๔) การมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ชุมชน องค์การปกครองส่วนท้องถ่ิน หน่วยงาน เอกชน ในการสนับสนุนการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยให้เป็นไปตามหลักการพัฒนาเด็กทุกช่วงวัย ระดมทรัพยากรในการจัดหาครูท่ีมีคุณวุฒิหรือประสบการณ์ด้านการศึกษาปฐมวัย พี่เล้ียงเด็ก ภูม ปญั ญาท้องถ่ิน รวมถึงการพฒั นาสภาพแวดลอ้ มและแหลง่ เรยี นรู้ การนิเทศ ตดิ ตาม การนำหลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั สกู่ ารปฏิบัติ การนิเทศ กำกับ ติดตามการนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ เป็นกระบวนการสำคัญใน การควบคุมคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศกึ ษา โดยผบู้ ริหารสถานศกึ ษาและผู้มีบทบาทหน้าที่ ทเ่ี ก่ียวข้องควรใช้วิธีการท่ีหลากหลาย เช่น การตรวจเย่ียม การสังเกตการณ์สอนในชั้นเรียน การสอน แนะ (Coaching) การตรวจแผนการจัดประสบการณ์ ท้ังนี้ควรดำเนินการนิเทศ กำกับ ติดตาม อยา่ งเป็นระบบและเป็นกัลยาณมิตรเปิดโอกาสให้มกี ารแลกเปลีย่ นเรียนรู้ซึง่ กนั และกัน โดยมีแนวทาง การดำเนินการ ดงั นี้ ๑) ประชุมผู้บริหารและครูปฐมวัย เพ่ือร่วมกันกำหนดความต้องการและช่วงเวลา ในการจัดทำปฏทิ ินการนิเทศหรอื แผนการนเิ ทศ กำกบั ติตามทเ่ี หมาะสม ต่อเน่ืองและเปน็ รปู ธรรม ๒) สร้างความเข้าใจและทัศนคติที่ดีในการจัดกิจกรรมการนิเทศ กำกับ ติดตาม ให้แกบ่ ุคลากรที่เกีย่ วขอ้ งทกุ ฝา่ ย ๓) ดำเนินการนิเทศ กำกับ ติดตาม ตามแผนการนิเทศและนำผลการนิเทศมา วางแผนเพือ่ จัดกจิ กรรมสง่ เสริมพฒั นาบุคลกรปฐมวยั ตามความต้องการจำเป็นอยา่ งต่อเนื่อง ๔) นำข้อมูลสารสนเทศที่ได้รับจากการนิเทศ กำกับ ติดตาม มาใช้ส่วนหนึ่งในการ พฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษาให้มีประสทิ ธิภาพมากขน้ึ การประเมินหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวยั

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนอนบุ าลศรอี รัญโญทัย พุทธศักราช ๒๕๖5 ๑๑๒ การประเมินหลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย เป็นกระบวนการเชงิ ระบบเพื่อให้ได้มาซ่งึ ข้อมูลและ สารสนเทศท่ีเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเก่ียวกับการศึกษาคุณภาพของหลักสูตร การปรับปรุง พัฒนาหลักสูตร การบริหารหลักสูตร และการเปลี่ยนแปลงหลักสตู รสถานศึกษาปฐมวัยให้เหมาะสม ต่อไป ซงึ่ แนวทางการประเมนิ หลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวัย ประกอบด้วย ๑. การประเมินก่อนนำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้ เป็นการประเมินกระบวนการ รา่ งหลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย ควรดำเนินการดังน้ี ๑) การวิเคราะห์ข้อมูลความจำเป็นพ้ืนฐานท่ีเก่ียวข้องเพื่อนำมาใช้ในการร่าง หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย โดยวิเคราะห์ข้อมูลและสารสนเทศจากการใช้หลักสูตรสถานศึกษา ปฐมวยั ฉบับเดิม ศึกษาประสทิ ธิภาพและประสิทธผิ ลของการใช้หลกั สูตรที่ผา่ นมามีผลสำเรจ็ อะไรบา้ ง มีปัญหาและอุปสรรคอะไรบ้างในการใช้หลักสูตรสถานศึกษา โดยใช้ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น การ ประกันคุณภาพการศึกษาภายในตามมาตรฐานการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษา การประเมน พัฒนาการ นโยบายทางการศึกษาของรัฐบาลกระทรวงศึกษาธกิ าร การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม ผลการ สอบถามความต้องการของผู้ปกครองและชุมชนเพื่อให้ได้สารสนเทศท่ีเกี่ยวข้องนำไปใช้ในการร่าง หลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั ๒) การตรวจสอบคุณภาพของร่างหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย เป็นการประเมิน เอกสารหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย เพื่อพิจารณาความสอดคล้อง เหมาะสมเกี่ยวกับองค์ประกอบ ต่าง ๆ ของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย โดยใช้วิธีการสอบถามความคิดเห็นจากบุคคลท่ีเก่ียวข้อง ได้แก่ ผ้สู อน ผู้บริหารสถานศกึ ษา กรรมการสถานศึกษา ผูป้ กครอง ผู้แทนชุมชน องค์กร ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิ เพ่ือให้ได้สารสนเทศท่ีจะนำไปใช้ในการปรับปรุงและแก้ไขเอกสารหลักสูตรให้มี ความเหมาะสม และมคี ุณภาพ ๓) การประเมนิ ความพร้อมก่อนนำหลกั สูตรไปใช้ เป็นการประเมินความพรอ้ มและ ความพอเพียงด้านปัจจัยหรือทรัพยากรในการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ได้แก่ ด้านบุคลากร มีจำนวนพอเพียงหรือไม่ มีคุณลักษณะพร้อมที่จะจัดประสบการณ์มากน้อยเพียงใด ด้านเอกสาร หลักสูตรและเอกสารประกอบหลักสูตรมีความพร้อมและพอเพียงต่อการจัดประสบการณ์หรือไม่ ด้านสื่อและแหล่งเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดประสบการณ์มีพอเพียงหรอื ไม่ เพื่อการจัดการพัฒนา หรือการจัดซ้ือจัดหา ให้ทันต่อการใชห้ ลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ประเมินโดยใช้วธิ ีการสนทนากลุ่ม การตรวจสอบรายการ หรือการสอบถาม ๒. การประเมินระหวา่ งการใช้หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั เป็นการประเมินกระบวนการ ใชห้ ลกั สตู รเก่ียวกับการบรหิ ารหลักสูตร การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ การส่งเสริมสนับสนุนการใช้ หลักสูตร เพื่อศึกษาความก้าวหน้าของการใช้หลักสูตรเป็นระยะ ๆ เพ่ือตรวจสอบว่าหลักสูตรเป็นไป ตามแผนการดำเนินงานท่ีกำหนดไว้หรือไม่ มีปัญหาและอุปสรรคอย่างไร ควรมกี ารปรับปรุงแก้ไขใน เรื่องใดบา้ งประเด็นการประเมิน ไดแ้ ก่ วางแผนการใช้หลักสูตร การเตรียมความพร้อมและบุคลากร การนิเทศ การฝึกอบรมและพัฒนาครูและบคุ ลากรเพ่ิมเตมิ ระหว่างการใช้หลกั สตู ร การจัดปัจจัยและ สงิ่ สนับสนุนการใช้หลักสูตร ประเด็นการประเมินเก่ียวกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ได้แก่ การ จัดกิจกรรมและพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ การจัดการช้ันเรียน การเลือกใช้ส่ือการจัดการเรียนรู้

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนอนบุ าลศรีอรัญโญทยั พุทธศกั ราช ๒๕๖5 ๑๑๓ การประเมินพัฒนาการ ความรู้ความสามารถของครูและบุคลากร และประเด็นประเมินเกี่ยวกับการ จัดมุมประสบการณ์ ได้แก่ การจัดสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกห้องเรียน การตรวจสอบ คุณภาพหลักสูตรระหว่างการอาจใช้วิธีการนิเทศ ติดตาม การสอบถาม การสนทนากลุ่ม หรือ การสงั เกต ๓. การประเมนิ หลงั การใช้หลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวยั เป็นการประเมินหลกั สูตรทัง้ ระบบ หลังจากดำเนินการใช้หลักสูตรครบวงจรแล้ว โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย และสรุปผลภาพรวมของหลักสูตรที่จัดทำว่าบรรลุผล ตามเป้าหมายของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยหรือไม่ บรรลุผลมากน้อยเพียงใด ต้องมีการปรับปรุง หรือพัฒนาส่วนใดบ้างปรับปรุงหรือพัฒนาอย่างไร ประเด็นการประเมินเก่ียวกับประสิทธิภาพของ หลักสูตร ได้แก่ การบรรลุผลตามมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ทั้ง ๑๒ มาตรฐาน การบรรลุผล ตามเป้าหมายของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยท่ีกำหนไว้ ประเด็นการประเมนิ เกี่ยวกับประสิทธิภาพ ของหลกั สตู ร ได้แก่ หนว่ ยการเรียนรู้ทส่ี อดคลอ้ งกับหลกั สตู รสถานศึกษาท่ี การจัดประสบการณ์ การ เรยี นรู้ สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้ การประเมินพัฒนาการ การบริหารจัดการหลักสตู ร และ การเช่อื มต่อ ของการศึกษา ประเมินโดยใช้วิธีการตรวจสอบรายการ การศึกษาเอกสาร การสอบถาม หรือการ สนทนากลมุ่ การเช่อื มตอ่ ของการศกึ ษาระดับปฐมวยั กบั ระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑ การสร้างรอยเชื่อมตอ่ ของการศึกษาระดบั ปฐมวยั กบั ระดบั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ มีความสำคัญ อย่างยิ่ง ส่งผลดตี อ่ การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในการปรับตวั รับการเปล่ียนแปลงได้เปน็ อย่างดี สามารถ พฒั นาการเรียนร้ไู ด้อย่างราบรน่ื การเชอ่ื มต่อการศกึ ษาระดับปฐมวัยกับระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ จะประสบผลสำเร็จได้ บคุ ลากรทุกฝ่ายทีเ่ ก่ียวข้องต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ๑. ผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา ผู้บริหารสถานศึกษา เป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทเป็นผู้นำในการเช่ือมต่อโดยเฉพาะ ระหวา่ งหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกบั หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน ในชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ โดยต้องศกึ ษาหลักสูตรท้ังสองระดับ เพ่อื ทำความเขา้ ใจ และจดั ระบบการบริหารงานดา้ นวิชาการที่ จะเอือ้ ต่อการสร้างรอยเช่ือมตอ่ การศกึ ษา โดยผบู้ ริหารดำเนินการ ดังน้ี ๑.๑ จัดประชุมผู้สอนระดับปฐมวัยและผู้สอนระดับประถมศึกษาร่วมกันสร้างรอย เชื่ อ ม ต่ อข อ งห ลัก สู ตรท้ั ง สอง ระ ดั บให้เป็น แน วปฏิ บั ติขอ งสถาน ศึ ก ษ าเพ่ื อ ครู ทั้ งสอ งร ะดั บจะ ได้ เตรยี มการสอนให้สอดคลอ้ งกับเด็กวยั นี้ ๑.๒ จัดหาเอกสารดา้ นหลักสตู รและเอกสารทางวิชาการของทั้งสองระดับมาไว้ใหค้ รู และบคุ ลากรอื่น ๆ ได้ศึกษาทำความเขา้ ใจ อยา่ งสะดวกและเพียงพอ ๑.๓ จัดกิจกรรมใหค้ รูทัง้ สองระดับมีโอกาสแลกเปลี่ยนเผยแพรค่ วามร้ใู หม่ๆ ที่ได้รับ จากการอบรม ดงู าน ซึง่ ไม่ควรจัดใหเ้ ฉพาะครใู นระดบั เดียวกันเท่าน้ัน

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นอนุบาลศรอี รัญโญทัย พุทธศักราช ๒๕๖5 ๑๑๔ ๑.๔ จัดเอกสารเผยแพร่ตลอดจนกิจกรรมสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ ระหว่าง สถานศึกษา พ่อแม่ ผู้ปกครองและบคุ ลากรทางการศกึ ษาอย่างสมำ่ เสมอ ๑.๕ จัดให้มีการพบปะ หรือการทำกิจกรรมร่วมกับพ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างสมำ่ เสมอ ต่อเนื่อง ในระหว่างที่เด็กอยู่ในระดับปฐมวัย เพื่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง จะได้สร้างความเข้าใจและ สนบั สนุนการเรยี น การสอนของบุตรหลานตนไดอ้ ย่างถกู ต้อง ๑.๖ จัดกิจกรรมให้ครูท้ังสองระดับได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับพ่อแม่ ผู้ปกครองและ เด็กในบางโอกาส ๑.๗ จัดกจิ กรรมปฐมนเิ ทศพ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างน้อย ๒ ครงั้ คือ ก่อนเด็กเข้าเรียน ระดับปฐมวัยศึกษาและก่อนเด็กจะเล่ือนขึ้นชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ เพ่ือให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเข้าใจ การศึกษาท้ังสองระดับและให้ความร่วมมือในการช่วยเด็กให้สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม ใหมไ่ ดด้ ี ๒. ผสู้ อนระดับปฐมวัย ผู้สอนระดับปฐมวัยต้องศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน การจัดการเรียน การสอนในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ และสร้างความเข้าใจให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครอง และบุคลากรอื่น ๆ รวมท้ังช่วยเหลือเด็กในการปรับตัวก่อนเล่ือนขึ้นช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ โดยผู้สอนระดับปฐมวัย ดำเนนิ การ ดงั นี้ ๒.๑ เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กเป็นรายบุคคลเพื่อส่งต่อครูชั้นประถมศึกษา ปีท่ี ๑ ซึ่งจะทำให้ครูระดับประถมศึกษาสามารถใช้ข้อมูลนั้นช่วยเหลือเด็กในการปรับตัวเข้ากับการ เรียนรู้ใหมต่ อ่ ไป ๒.๒ พูดคุยกับเด็กถึงประสบการณ์ท่ีดี ๆ เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ในระดับชั้น ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ เพื่อให้เด็กเกดิ เจตคติท่ีดีต่อการเรยี นรู้ ๒.๓ จัดให้เด็กได้มีโอกาสทำความรู้จักกับครูตลอดจนสภาพแวดล้อม บรรยากาศ ของห้องเรียนชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ท้ังท่อี ย่ใู นสถานศกึ ษาเดยี วกนั หรอื สถานศกึ ษาอื่น ๒.๔ จดั ส่อื วัสดอุ ุปกรณ์ หนังสือที่เหมาะสมกับวัยเดก็ ที่ส่งเสริมให้เด็กไดเ้ รียนรู้ และ มปี ระสบการณพ์ นื้ ฐานท่ีสอดคลอ้ งกบั การสรา้ งรอยเชอื่ มต่อในการเรยี นระดับชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ๓. ผู้สอนระดบั ประถมศึกษา ผ้สู อนระดับประถมศึกษาตอ้ งมีความรู้ ความเข้าใจในพัฒนาการเดก็ ปฐมวัย และมีเจตคติทดี่ ี ต่อการจัดประสบการณ์ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย เพ่ือนำมาเป็นข้อมูลในการพัฒนาจัดการ

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นอนุบาลศรอี รญั โญทัย พทุ ธศักราช ๒๕๖5 ๑๑๕ เรียนรู้ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ให้ต่อเนื่องกับการพัฒนาเด็กในระดับปฐมวัย โดยผู้สอนระดับ ประถมศึกษาดำเนินการ ดังน้ี ๓.๑ จัดกิจกรรมใหเ้ ด็ก พ่อแม่ และผู้ปกครอง มีโอกาสไดท้ ำความรู้จกั คุน้ เคยกับครู และห้องเรียนช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ก่อนเปดิ ภาคเรียน ๓.๒ จัดสภาพห้องเรียนให้ใกล้เคียงกับห้องเรียนระดับปฐมวัย โดยจัดให้มีมุม ประสบการณ์ภายในห้องเพื่อให้เด็กได้มีโอกาสทำกิจกรรมได้อย่างอิสระเช่น มุมหนังสือ มุมของเล่น มมุ เกมการศึกษา เพื่อช่วยใหเ้ ด็กชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑ ได้ปรบั ตัวและเรียนรู้จากการปฏบิ ัตจิ ริง ๓.๓ จดั กจิ กรรมรว่ มกนั กบั เดก็ ในการสร้างขอ้ ตกลงเก่ียวกบั การปฏบิ ัตติ น ๓.๔ จดั กิจกรรมช่วยเหลือ ส่งเสริมการเรยี นรใู้ หก้ ับเดก็ ตามความแตกต่างระหวา่ งบุคคล ๓.๕ เผยแพร่ข่าวสารด้านการเรียนรู้และสร้างความสัมพันธ์ท่ีดีกับเด็ก พ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชน ๔. พ่อแม่ ผ้ปู กครอง พ่อแม่ ผู้ปกครอง เปน็ ผู้มีบทบาทสำคัญในการอบรมเลีย้ งดแู ละสง่ เสรมิ การศึกษาของบุตร หลานและเพื่อช่วยบุตรหลานของตนเองในการศึกษาต่อชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ดำเนนิ การ ดงั น้ี ๔.๑ ศึกษาและทำความเข้าใจหลักสตู รของการศึกษาท้ังสองระดบั ๔.๒ จัดหาหนังสือ อุปกรณท์ ี่เหมาะสมกับวัยเด็ก ๔.๓ มีปฏสิ มั พนั ธ์ท่ดี ีกับบตุ รหลาน ใหค้ วามรกั ความเอาใจใส่ ดแู ลบตุ รหลานอย่างใกล้ชิด ๔.๔ จัดเวลาในการทำกิจกรรมร่วมกับบุตรหลาน เช่น เล่านิทาน อ่านหนังสือ ร่วมกัน สนทนาพดู คยุ ซักถามปัญหาในการเรยี น ใหก้ ารเสริมแรงและกำลงั ใจ ๔.๕ ร่วมมือกับผู้สอนและสถานศึกษาในการช่วยเตรียมตัวบุตรหลาน เพ่ือช่วยให้ บุตรหลานของตน ปรับตัวใหด้ ขี น้ึ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในระดับปฐมวัยตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้เด็กมีพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และ สติปัญญาที่เหมาะสมกับวัย ความสามารถและความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยให้ความสำคัญกับ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในรูปแบบของกิจกรรมบูรณาการผ่านการเล่น เพ่ือให้เด็กได้รับ ประสบการณ์ตรงจากการลงมือปฏิบัติและการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมประจำวันในระดับปฐมวัยมี ความยืดหยุ่น เน้นการช่วยเหลือตนเองและส่งเสริมทักษะท่ีจำเป็น ซึ่งเป็นการเตรยี มความพรอ้ มเพ่ือ เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ต่อไป ดังน้ัน เด็กที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ จึงมีสภาพที่พึงประสงค์ในแต่ละพัฒนาการตามมาตรฐานคุณลักษณธท่ีพึงประสงค์ระบุไวใ้ นหลักสูตร อย่างไรก็ตาม เด็กปฐมวัยถูกคาดหวังว่าจะต้องมีความพร้อมสำหรับการเรียนรู้ทางวิชาการในระดับ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ ทั้งท่ีเป็นเป้าหมายหลักในการจดั การศึกษาปฐมวัย คือ การช่วยให้เด็กพัฒนา ความสามารถ ความเขา้ ใจ และการแสดงพฤตกิ รรมพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และ สติปัญญา การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์สำคัญตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ดงั กล่าว จะชว่ ยให้เดก็ เกิดทักษะนำไปสู่ความพรอ้ มในการเรียนรู้ และประสบความสำเร็จในการเรียน