บทท่ี 1หลั กการจั ดการ
หลกั การจดั การ/คาจากดั ความ หนงั สอื หนา้ หมายเลข 2 1/31. (Mคาanจaาgกemดั eคnวt)ามของ “การจัดการ”การจัดการ หมายถึง กจิ กรรมต่าง ๆ ชุดหนึ่ง (รวมถึง การวางแผน การวนิ ิจฉัยส่ังการ การจดั องค์การ การอานวยการ และการควบคุมงาน) ดาเนินการโดยใช้ทรัพยากร ต่าง ๆ ขององค์การ (ทรัพยากรมนุษย์ เงิน ทรัพยากรกายภาพ และทรัพยากรข้อมูลข่าวสาร) ทางานให้สาเร็จตามเป้ าหมายขององค์การอย่างมี ประสิทธิภาพได้ประสิทธิผล
หลกั การจดั การ /การบริหารเปรยี บเทียบกบั การจดั การ หนงั สอื หนา้ หมายเลข 3 1/42. การบริหารเปรียบเทียบกบั การจัดการ คาว่า “การบริหาร” (Administration) ใช้ในการบริหารระดับสูง หน้าที่เน้นหนักที่การกาหนดนโยบายที่สาคัญ และการกาหนดแผน เป็ นคาทน่ี ิยมใช้ในการบริหารรัฐกจิ (Public Administration) คาว่า “การจัดการ” (Management) เน้นการดาเนินงานให้ เป็ นไปตามนโยบาย (แผนท่ีวางไว้) นิยมใช้สาหรับการจัดการธุรกิจ (Business Management)
หลกั การจดั การ/ การบรหิ ารเปรียบเทียบกบั การจดั การ หนงั สอื หนา้ หมายเลขผูบ้ ริหาร (Manager) 4 1/5เป็ นบุคคลท่ีทาหนา้ ท่ีในกระบวนการบริหารโดยอาศยั หนา้ ท่ี 5 ประการคือ 1. การวางแผน (Planning) 2. การจดั องค์การ (Organizing) 3. การจัดบุคคลเข้าทางาน (Staffing) 4. การชักนา (Leading) 5. การควบคุม (Controlling) ทรัพยากรขององค์การ
หลกั การจดั การ/ลกั ษณะและจุดมุ่งหมาย หนงั สอื หนา้ หมายเลข 4 1/63. ลกั ษณะและจดุ ม่งุ หมายของการจัดการ การจัดการ (Management) เป็ นกระบวนการออกแบบ และรักษาซึ่งสภาพแวดล้อม ซ่ึงบุคคลทางานร่วมกนั เป็ นกลุ่ม ให้บรรลเุ ป้ าหมายทกี่ าหนดไว้ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ การจัดการ เป็ นกระบวนการของกจิ กรรมท่ตี ่อเนื่องและประสานงานกนั ซึ่ง ผู้จดั การต้องเข้ามาช่วยเพอ่ื ให้บรรลุจุดมุ่งหมายขององค์การ
หลกั การจดั การ/ลกั ษณะและจดุ มุ่งหมาย หนงั สือหนา้ หมายเลข 4 1/7ประเด็นสาคญั ของการจัดการ (Management) มีดงั น้ี (1) การจดั การสามารถทป่ี ระยุกต์ใช้กบั องค์การใดองค์การหนึ่งได้ (2) เป้ าหมายของผู้บริหารทุกคน คอื การสร้างกาไร (3) การจดั การเกย่ี วกบั ผลผลติ (Productivity) ซ่ึงหมายถึง ประสิทธิภาพ (Efficiency) และประสิทธิผล (Effectiveness) (4) การจดั การนามาใช้สาหรับผ้บู ริหารในทุกระดบั ช้ันขององค์การ
หลกั การจดั การ/ลกั ษณะสาคญั ของการจดั การ หนงั สอื หนา้ หมายเลข 4 1/84. ลกั ษณะสาคัญของการจัดการหรือการบริหารในองคก์ ารการจัดการและการดาเนินงานถอื เป็ นศิลป์ (Art) คอื(1) ปัจจุบัน เป็ นศิลปะการใช้ความสามารถหรือทกั ษะในการ ดาเนินงานให้ได้รับความสาเร็จ(2) ในเชิงศิลป์ ถือว่าการจัดการจะสาเร็จหรือไม่แค่ไหนจะขึน้ อยู่กับความสามารถและทักษะในการจัดการของผู้จัดการ เป็ นสาคญั(3) สมัยก่อน เป็ นศิลป์ เพราะเป็ นเรื่องของความสามารถ ส่ วนบุคคล(4) สมัยนี้ เป็ นศิลป์ เพราะเป็ นเรื่องของความสามารถและทักษะ ในการดาเนินงานมากกว่าอย่างอนื่
หลกั การจดั การ/ลกั ษณะสาคญั ของการจดั การ หนงั สอื หนา้ หมายเลข 4 1/9การจัดการและการดาเนินงานถอื เป็ นศาสตร์ (Science) คอื (1) การจัดการได้มกี ารศึกษาอย่างมีระบบ และได้มีการคิดค้น หลกั การต่าง ๆ (2) ปัจจุบันการจดั การมคี วามก้าวหน้า มีการคิดค้น มีการวิจัย และพฒั นาไปอย่างกว้างไกลมาก (3) การศึกษาอย่างมรี ะบบ
หลกั การจดั การ/การศกึ ษาระบบเพื่อการจดั การ หนงั สอื หนา้ หมายเลข 5 1/105. การศึกษาระบบเพ่ือการจัดการ ในการดาเนินงาน การวิเคราะห์เชิงระบบ การศึกษาระบบการทางาน เริ่มจาก การนาปัจจัยการผลติ ซ่ึงถอื ว่าเป็ นปัจจัยการนาเข้า (Input) ผ่าน การแปรสภาพ (Transformation) หรือกระบวนการผลิต (Process) แล้วออกมาเป็ นผลผลติ (Output) ท้ังนีไ้ ด้รับอทิ ธิพล ปัจจัยภายในและภายนอก
หลกั การจดั การ/การศกึ ษาระบบเพอ่ื การจดั การ หนงั สอื หนา้ หม1า/ย1เ1ลข 5ปัจจัยเก่ียวกบั การศกึ ษาระบบเพ่ือการจัดการการปฏบิ ตั ิงาน มีดังน้ี1. ปัจจัยนาเข้าและผู้ทไี่ ด้รับประโยชน์จากองค์การ ได้แก่ มนุษย์ ทุน การจัดการ และเทคโนโลยี ตลอดจนถึงผู้ท่ีได้รับประโยชน์ จากองค์การ (Stakeholder หรือ Claimants)2. กระบวนการแปรสภาพทางการบริหาร จะแปรสภาพการนาเข้า ให้อยู่ในสภาพทม่ี ีประสิทธิภาพและเกดิ ผลดีในการผลติ ใช้หน้าที่ ทางด้านการวางแผน การจดั องค์การ การจัดบุคคลเข้าทางาน การชักนา และการควบคุม จากข้ันตอนเหล่านี้ถ้าหากมีการ บริหารงานทด่ี จี ะนาไปสู่การสร้างผลผลติ ทด่ี ี
หลกั การจดั การ/การศึกษาระบบเพื่อการจดั การ หนงั สอื หนา้ หมายเลข 5 1/123. ระบบการติดต่อส่ือสาร เป็ นส่ิงจาเป็ นต่อทุกข้ันตอนของกิจการ ด้วยเหตุผล 2 ประการ คอื 3.1 การส่ือสารช่วยรวบรวมหน้าท่ีต่าง ๆ ทางการจดั การ การสื่อสาร จาเป็ นในการคัดเลอื ก การประเมิน การฝึ กอบรมของผู้จัดการ การกาหนดบทบาทในโครงสร้าง 3.2 การสื่อสารช่วยเชื่อมบริษัทกบั สภาพแวดล้อมภายนอก ซึ่งมีผู้ เกยี่ วข้องอยู่มากมาย4. ตวั แปรภายนอก5. ผลผลติ6. การกระตุ้นระบบ เป็ นสิ่งสาคัญท่ีจะสังเกตในโมเดลเกย่ี วกบั ระบบ การจัดการปัจจัยการผลติ ปัจจัยการนาเข้า
แสดงโมเดลปัจจยั นาเขา้ และผลผลติ (Input-output model) การป้ อนกลบั เพอ่ื การกระตุ้นระบบ (Reenergizing the System)ปัจจยั นาเข้า (Input) กระบวนการแปรสภาพ ผลผลติ (Outputs)*ทรัพยากรทางกายภาพ (Transformation Process) •สินค้าและบริการ (Physical Resources) *หน้าทก่ี ารจดั การ (Good and Services)*ทรัพยากรทางการเงิน (Management Functions) * กาไรและขาดทุน (Financial Resources) *การปฏิบตั ิการด้านเทคโนโลยี (Profits and Losses)*ทรัพยากรมนุษย์ (Technological Operations) * พฤตกิ รรมพนักงาน (Human Resources) *กจิ กรรมการผลติ (Employee Behaviors)*ทรัพยากรข้อมูล (Production Activities)(Information Resources) สิ่งแวดล้อมภายนอก (External environment)
(แSสysดteงmกsาtรoศAกึ ppษrาoaรcะhบtบo กMาaรnจagัดeกmาeรnt) ปัจจยั นาเข้า ( Weihrich and Koontz. 1993 :18) 1. มนุษย์ (Human) 2. ทุน (Capital) ส่ิงแวดล้อมภายนอก (External Environment) 3. การจัดการ (Managenal)ความรู้ในการจดั การ จุดมุ่งหมายทร่ี ะบุเอาไว้และการใช้ปัจจยั นาเข้า (หลกั เกณฑ์ของทฤษฎขี องการจดั การท่วั ไป) 4. เทคโนโลยี (Technological) การวางแผน (Planning) ปัจจัยนาเข้าด้านจุดมุ่งหมายทร่ี ะบุเอาไว้ 1. พนักงาน (Employee) 2. ผ้บู ริโภค (Consumer) การจดั องค์การ (Organizing) 3. ผ้ขู ายปัจจัยการผลติ (Suppliers) 4. ผู้ถอื หุ้น (Stockholders) 5. รัฐบาล (Government) 6. ชุมชน(Community) การจดั บุคคลเข้าทางาน (Staffing) 7. อน่ื ๆ (Others) การชักนา (Leading) การใ ้หความสะดวกโดยการ ิตด ่ตอ ่ืสอสาร ตวั แปรและข้อมูลภายนอก การควบคุม (Controlling) ่ึซงเ ่ืชอมโยงอง ์คการกับ ่ิสงแวด ้ลอมภายนอก การสร้างผลผลติ (To Produce Output) (External Variables ่ิสงแวด ้ลอมภายนอก and Information) (External Environment) 1. โอกาส 2. อุปสรรค 3. อนื่ ๆ ผลผลติ 1. ผลติ ภัณฑ์ (Products) 2. บริการ (Services) 3. กาไร (Profit) 4. ความพงึ พอใจ (Satisfaction) 5. การประสมประสานจุดมุ่งหมาย (Goal Integration) 6. อนื่ ๆ (other)
หhลttกั pก:า/ร/จwัดwกาwร .sipotec.ac.th/E-learning/mamage.ppt
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: