หน่วยท่ี3 เคร่ืองกลงึ และงานกลงึ หัวข้อเรอื่ ง(topics) 3.1 ความหมายของงานกลงึ 3.2 ชนดิ ของเคร่ืองกลึง 3.3 เครอื่ งกลึงยันศนู ย์ 3.4 อุปกรณ์ของเครื่องกลงึ 3.5 มดี กลงึ 3.6ความเรว็ รอบ ความเรว็ ตดั อัตราป้อน และความลึกของการป้อนตัด 3.7การหลอ่ เย็นและนำ้ มนั หลอ่ เยน็ 3.8หลักการทำงานของเครื่องกลึงยนั ศนู ย์ 3.9การขึ้นรปู ช้นิ งานดว้ ยเคร่ืองกลงึ ยันศูนย์ 3.10 ความปลอดภยั ในการใช้เครื่องกลึงยนั ศูนย์ 3.11 การบำรงุ รกั ษาเคร่ืองกลึงยันศูนย์ แนวคดิ สำคัญ(Main ldea) -งานกลงึ (Tuming)เป็นกระบวนการข้ึนรุปโดยใหช้ ิ้นงานหมุนรอบแกน จากนน้ั ใช้มดี กลงึ เคลอ่ื นทีต่ ัดเฉือนชิ้นงานเน้ือวัดส ดชุ น้ิ งานออกตามแนวยาวหรอื แนวนอน สว่ นเคร่ืองมือกลที่ใชใ้ นกระบวนการขึ้นรูปนี้เรียกว่า เครื่องกลึง ซงึ้ ในหนว่ ยเรียน นีจ้ ะกลา่ วถึงรายละเอยี ดของเครือ่ งกลงึ ยนั ศูนย์เท่านน้ั สมรรถนะย่อย(Element of competency)a แสดงความรเุ้ กย่ี วกบั เครื่องพ้ืนฐานและงานกลึงตามคู่มอื จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม(behavioral objectives) 1.อธบิ ายคสามหมายและยกตวั อย่างงานกลงึ จำแนกชนิดของเคร่อื งกลงึ และเพลาเคร่อื ง 2.บอกชอ่ื และหนา้ ท่ีของสว่ นและสว่ นรประกอบเครื่องกลึงยันศูนย์ 3.อธบิ ายความแตกตา่ งของการจับช้นิ งานดว้ ยหวั จับแบบ3ฟันพร้อมและหัวจบั แบบ4ฟันอิสระ 4.อธบิ ายวิธีการประกอบหัวจับเข้ากับเพลาเคร่ือง 5.บอกชือ่ ของมีดกลงึ และชื่อมุมของมีดกลึง 6.อธิบายวธิ ีการจับมีดกลงึ บนป้อมมีด วธิ กี ารต้ังศนู ยม์ ดี กลงึ ขอ้ ควรระวงั ในการจบั มีดกลงึ 7.คำนวณความเร็วรอบ ความเร็วตัด และอัตราป้อนงานกลึงตามโจทย์กำหนด
8.บอกข้อควรระวังในการปรับตง้ั ความเร็วรอบและอตั ราป้อน 9.อธบิ ายหน้าที่ จำแนกชนิด ของนำ้ มันหล่อเยน็ 10.อธบิ ายวธิ ีการจบั ชิน้ งานดว้ ยหวั จบั แบบ3ฟันพร้อมและหัวจบั แบบ4ฟันอิสระ 11.อธิบายขนั้ ตอนการกลึงปอกและการกลึงปาดหนา้ การเจาะรดู ้วยดอกสวา่ นบนเครื่องกลงึ ยนั ศูนย์ 12.บอการใช้เคร่ืองกลึงยันศูนย์เพ่อื ความปลอดภยั และวิธกี ารบำรุงรักษาเครื่องกลึงยนั ศนู ย์ตามคู่มอื เนือ้ หาสาระส(content) 3.1ความหมายของงานกลึง งานกลึง(turning)เป็นกระบวนการข้นึ รูปโดยให้ชนิ้ งานหมุนรอบแกน จากนั้นใชม้ ดี กลึงเคลือ่ นทตี่ ดั ตามแนวยาวหรอื แนว ขวางกับชิ้นงาน 3.2 ชนดิ ของเครือ่ งกลงึ
-เครื่องกลงึ ท่ีใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมท่วั ๆไปแบง่ ออกไดเ้ ปน็ หลายชนิด และแต่ละชนดิ มีลักษณะการใช้งานลกั ษณะ แตกต่างกนั เคร่ืองท่ีนิยมใช้ในโรงงานอตุ สาหกรรมประกอบด้วย เครื่องกลึงยันศนู ย์ เครื่องกลงึ ป้อมมดี เครื่องกลึงตั้ง และ เครื่องกลึงหนา้ จานโดยเครื่องกลึงแต่ละชนิดมีรูปร่างแตกต่างกนั ดงั น้ี 3.2.1 เคร่ืองกลึงยนั ศูนย์ -เครื่องยนั ศนู ย์(Enging lathe) เปน็ เครอ่ื งกลงึ ท่ีมีความเรว็ รอบสูง ใชข้ นึ้ รูปการณ์ทีม่ ีเส้นผ่านศนู ยก์ ลางไมใ่ หญ่เกินไป นิยมในโรงฝกึ งานของสถานศึกษาและโรงงานซอ่ มบำรงุ ทวั่ ๆไป 3.2.2เคร่อื งกลงึ ปอ้ มมดี -เคร่อื งกลงึ ป้อมมดี (Turret lathe)เป้นเคร่อื งกลึงทีม่ ปี ้อมจบั มีดกลึงและเครื่องมือตดั ชนิดอื่นๆได้พร้อมเชน่ ใชจ้ บั มดี กลึง ปาดหน้า มีดกลึงปอก มีดกลงึ เกลยี ว บดอกยันศนู ยเ์ ปน็ ตน้ เครื่องกลึงชนเิ ดยี วกนั ชนดิ นีส่ ามรถกลงึ สามารถกลงึ ชน้ิ งานที่มี ขนาดและรปู ทรงเดียวกนั เปน็ จำนวณมากๆได้อยา่ งรวดเร็ว เชน่ งานกลงึ เกลยี วงานกลึงปอก เป็นต้น 3.2.3 เครื่องกลงึ ต้งั -เครอ่ื งกลึงตั้ง(vertical lathe)เป็นเครอ่ื งกลงึ ทใี่ ช้สำหรับงานกลึงปอกหรืองานคว้านขน้ึ งานที่มี ขนาดใหญ่ เช่น การควา้ นเสื้อสูบ เป็นตน้ ่วน
3.2.4เครอื่ งกลงึ หนา้ จาน -เคร่อื งกลงึ หน้าจาน(facing lathe)เป็นเครอื่ งกลึงทีใ่ ช้สำหรับการกลงึ ปาดหน้าช้ินงานท่ีมีขนาดใหญ่ เชน่ ชน้ิ งานหนา้ แปลนขนาดใหญ่ ลอ้ รถไฟ เป็น 3.3 เคร่อื งกลึงยันศูนย์ เครอื ่งกลงึ ยันศนู ย์(Center lathe)เปน็ เครอื่ งกลงึ ชนิดหนง่ึ ที่นยิ มใช้สำหรบั งานขนึ้ รูปช้ินงานทมี่ รี ูปทรงกระบอกหรือหนา้ ตัดกลมขนาดใหญ่ เช่น การกลึงปอก การกลึงปาดหน้า การกลงึ เรยี ว การกลงึ เกลียว การคว้านรุป เปน็ ตน้ สว่ นประกอบและหน้าที่ของเครื่องกลงึ ยันศนู ย์ -เครื่องกลึงยนั ศนู ย์ประกอบด้วยส่วนตา่ งๆทส่ี ำคญั 5สว่ น ดังน้ี 1.ชดุ หัวเคร่ืองกลึง(head stock)ใช้ในการจบั หรือชิ้นงานให้หมุนดว้ ยความเร็วรอบตา่ งๆมีส่วนประกอบทส่ ำคญั ดังน่ี
1.1ชุดสง่ กำลัง(transmission)เครอ่ื งกลงึ จะสง่ กำลงั ขับช้ินงานกลึงมอเตอร์ไฟฟา้ (motor)โดยส่งกำลงั ผา่ นล่มิ (v- belt)c]และชดุ เฟือง(gers)ที่สามารถปรับความเรว็ รอบได้หลายช้นั เพื่อส่งกำลงั ไปขับเพลาหัวช้ินงาน(Spindie)ใหห้ มุนไป 1.2ชุดเฟืองทด(Gears)ใชส้ ำหรับความเรว้ รอบในการกลงึ ชดุ เ ฟอื งทด แบ่งออกเป็น2ชดุ คือ ชุดทอ่ี ยู่ภายนอกหัวเคร่ือง 1.2 ชดุ เฟืองทด (Gears) ใชส้ ำหรบั ทดความเร็วรอบในการกลงึ ชุดเฟืองทดแบ่งออกเป็น ก 2 ชุด คอื ชุดที่อยู่ภายในและ ชดุ ท่อี ยู่ภายนอกหวั เครื่อง 1.3แขนปรบั ความเร็วรอบ(Spinle Speed Selector) เป็นส่วนประกอบท่ีอยสู่ ่วนบนหรือสว่ นหนา้ ของเคร่ืองกล่ึงใช้ สำหรับโยกเฟอื งที่อย่ภู ายในหัวเครื่องให้ขบกันเพ่ือใหไ้ ด้ความเร็วรอบตามต้องการ
1.4แขนปรบั เกียว(Threa Rang Level) เปน็ แขนสำหรับเฟืองชุดในชดุ กล่องเฟือง(Gear Box) เพื่อกลึงเกยี วโดยทเี่ พลา กลึงเกลลียวหมุนขบั ป้อนมีดให้เดินกลงึ เกลยี วหมนุ ป้อมมดี ใหเ้ ดินกลงึ เกลียวบนชิ้นงาน 1.5ชุดเฟืองเพลา(Spindie)มีลักษรณะเปน็ ทรงกระบอกกลวง เพื่อให้สามารถสอดชิน้ งานกลึงที่มี่ขนาดงานยาวมากๆได้ ชุดเพลาหวั เครื่องทดี่ า้ นหนา้ จะมีลักษณะเปน็ เรยี วมอร (Spindle)มอี ัตตราเรียว1:20สว่ นควาทมโตของเพลาจะข้นึ อยุ่กับ ขนาดของเครื่องกลงึ
2.ชดุ แทน่ เลอ่ื น(carriage)เปน็ สว่ นประกอยที่ใช้ควบคมุ ละรองรับเครอื่ งมือตัด เพ่อื ให้เคร่ืองมือตดั หรือมีดกลงึ เลื่อนไป-มาใน ทิศทางตามแนวยาวหรือตามขวางของสะพานแทน่ เครอ่ื ง ชุดแทน่ เลื่อนมสี ว่ นประกอบท่สี ำคญั 2ส่วนคือชุดแครค่ ร่อม (saddle)และชดุ กลอ่ งเฟอื ง(Aron) 2.1ชุดแครค่ รอ่ ม(saddle)เป็นชุดทอ่ี ย่สู ่วนบนของแท่นเล่ือนซง่ี ครอ่ มอยู่บนสะพานแท่นเล่ือน ประกอบด้วยส่วนต่างๆที่ สำคัญรูปที่3.15
(1)แทน่ เล่ือน(saddle)เปน็ สว่ นทว่ี งางอยู่บนสะพานเทน่ เลือ่ น ใช้สำหรบั เคลอื่ นทไี่ ปตามแนวยาวของสะพานแท่นเครื่อง (2)แท่นเล่ือนขวาง(cross slide)เป็นสว่ นที่วางอยู่บนแทน่ เลือ่ น ใช้สำหรบั เคล่อื นไปมาตามแนวขวางของสะพานแท่น เครอ่ื ง (3)ทป่ี รับมุมองศาแท่นเลื่อนบน(compound rest)ใชส้ ำหรบั ปรบั องศาในกรณีทต่ี ้องการกลึงเรียวทีม่ ีระยะสนั้ ๆ โดย สามารถหมุนรอบตวั ได้360องศา (4)แทน่ เล่ือนบน(top slide)เป็นส่วนทอี่ ยรู่ ะหวา่ งแทน่ เล่ือนขวางและปอ้ มมดี ใชเ้ ปน็ ฐานรองป้อมมดี แท่นเลือ่ นบนน้ี สามารถหมนุ รอบตัวได้180องศา และยังเคลื่อนท่ไี ปมาในระยะสั้นๆได้อีกด้วย (5)ปอ้ มมีด(tool post)ใชจ้ ับยดึ มดี กลึงแบ่งออกเปน็ 3แบบคอื ป้อมมดี แบบมาตฐาน ป้อมมีดแบบทางเดียว และป้อมมดี แบบ4ทิศทาง 2.2ชดุ กล่องเฟือง (apron)ประกอบด้วยเฟืองทดที่อยภุ่ ายในและใช้ในกรณที ีต่ ้องการกลึงอตั โนมตั ิ (1)มอื หมุนแทน่ เลื่อน(traversing hand wheel)ใช้ในกรณที ต่ี ้องการให้ชุดแทน่ เล่ือนเคลือ่ นที่ไปมา-ตามแนวยาวของ สะพานแท่นเครื่อง (2)คนั โยกป้อนอตั โนมัติ(feed selector)ใช้ในกรณที ต่ี อ้ งการใหช้ ดุ แทน่ เลอ่ื นเคลอ่ื นที่อตั โนมตั ิ (3)ปุม่ ปรับกลึงปลอกผิวอตั โนมัติ(feed lever0ใชดึงเพอ่ื เปลย่ี นทศิ ทางการเดนิ ปนั้ อัตโนมัติจากการเคลือ่ นตามแนวขวาง เปน็ เคลอื่ นที่ไปตามแนวยาวของสะพานแท่นเครื่อง (4)คนั โยกลึงเกลยี ว(lead seven engagement lever)ใช้สำหรับงานกลงึ เกลยี ว
3.ชดุ ทา้ ยแทน่ (tail srock) โดยชดุ ทา้ ยแทน่ น้ีสามารถ -ทำหนา้ ท่ีประคองช้นิ งานยาวๆหรือใช้จับยดึ หวั สวา่ นเพอ่ื เจาะรหู รือจับดอกสวา่ นก้านเรยี ว เลื่อนไปมาบนสะพานแทน่ เครือ่ งได้ (1)มือหมนุ (hand wheel) (2)คันโยกลอ็ ก(body clmp) (3)คนั ลอ็ กเพลา(spindle clamp) (4)เพลาท้ายแทน่ (spindindle) (5)ลำตวั (body) (6)สเกลปรบั องศา(scale) (7)สกรูปรบั (adjusting screw) (8)สกรยู ดึ ศนู ย์ท้าย(clamping Nut) 4.สะพาแทน่ เครอ่ื ง(Bed)ทำเหล็กหลอ่ หรือเหลก็ หล่อเหนียว มีหน้าทเี่ ปน็ ฐานรองรับชดุ แทน่ เลือ่ นและยันศนู ย์ทา้ ยให้ เลอ่ื นไปมา บนสะพานรปู ตวั วี(v-slides)หรือสะพานผิวเรยี บ(fiat bedways)
5.ระบบสง่ กำลงั 5.1 ระบบป้อน(feed mechanism)การทำงานของเคร่ืองกลึงจะมรี ะบบป้อนมดี กลงึ ซึ้งสามารถปรับอตั ตราป้อนกลึงได้ ตามแนวยาวและแนวขวางให้มคี วามหยาบหรือระเอยี ดนอกจากน้ยี ังสามารถกลึงอัตโนมัตแิ ละกลึงเกลยี วไดท้ ้ังระบบ อังกฤษและเมตรตริก 5.2ชุดเฟืองปอ้ น(feed gear)ใช้สำหรบั ตดั และส่งกำลังจากชุดเฟืองขับปยังเพลาป้อนและเพลานำเพ่ือใช้ในงฃานกลึง อัตโนมัตแิ ละกลึงเกลยี วชุดเฟอื งปอ้ นของเครื่องกลึงมี2แบบ คือ (1)แบบเปิด(open type)เปน็ ระบบเฟืองนอรต์ นั (Norton)มีโครงสรา้ งที่เปดิ ให้เหน็ ชุดเฟอื งภายนอก ดงั รูป2.3
(2)แบบปดิ (close type)เปน็ ระบบเฟืองนอรต์ นั เชน่ กัน ทำหนทื ่ีเปิดปิดนจ้ี ะมองไม่เห็นชุดนอร์ตนั รูปที่3.22ชุดเฟอื งแบบปดิ 5.3 ชดุ เฟอื งขับ (driver gear) ทำหนา้ ทส่ี ่งกำลังขับไปยังเพลา(feed shaft)และเพลานำเละในขณะเดยี วกนั จะส่งกลังไป ยังหวั เพลาเคร่ืองกลงึ (spindle)อีกด้วยชดุ เฟืองขับสามารถปรบั เปลยี่ นได้ตามจุดประสงค์ของการใชง้ าน โดยการเปล่ียน จะตอ้ งมีการต้ังค่าต่างๆ ใหม่ตามตารางปรับอตั ตรราป้อนและระยะพติ ชท์ ่ีติดไวก้ ับเคร่ืองกลึง 5.1 ระบบป้อน(feed mechanism) การทำงานของเครอื่ งกลงึ จะมรี ะบบป้อนมดี กลงึ ซง่ึ สารมารถปรับอัตตราปอ้ นกลึง ไดต้ ามแนวยาวและแนวขวางให้มีความหยาบหรือละเอยี ดนอกจากนยี้ ังสารมารถกลงึ อตั ดนมัติและกลงึ เกยี วไดท้ ้ังระบบ องั กฤษและระบบองั กฤษ
เพลาปอ้ น(feed shaft)เปน็ เพลาทเี่ ช่ือมต่อระหวา่ งชุดเฟืองปอ้ นและชดุ แท่นเลอ่ื นใชห้ รับกลึงอัตโนมัติ ดังรปุ 3.24 5.5เพลานำ(feed screw)เป็นเกลยี วเหล่ียมคางหมูหรือเกยี วส่เี หลยี่ มที่เช่อื มต่อระหวา่ งชดุ เฟองปอ้ นและชดุ แท่นเล่ือน เพื่อใชส้ ำหรับงานกลงึ เกลยี ว 34. อุปกรณป์ ระกอบเคร่ืองกลงึ กนั ศนู ย์ 3.4.1 หัวจับ หัวจับเครื่องกลึง (Chuck) แบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ คือ หวั จับแบบ 3 ฟนั พร้อม และหัวจบั แบบ 4 ฟันอิสระ รปู ที่ 3.25 หัวจบั เครอื่ งกลงึ ยันศนู ย์ 1.หวั จับแบบ 3 ฟันพรอ้ ม (Three Jaw Chuck) ใช้จับชิน้ งานกลม ชน้ิ งานสามเหลย่ี ม ดา้ นเทา่ และช้นิ งานหกเหลี่ยม ลักษณะของหัวจับแบบ 3 ฟันพรอ้ มน้ี ฟนั จับแตล่ ะฟันทำมุมตอ่ กันเท่ากบั 120 องศา และเคล่ือนท่เี ข้า-ออกพร้อมกัน
2. หวั จับแบบ 4 ฟนั จบั อสิ ระ (Four Jaw Independent Chuck) เป็นหวั จับทสี่ ามารถจบั ชิน้ งานได้หลายลักษณะ เนื่องจากฟนั จับแตล่ ะฟนั สามารถเคลือ่ นทเ่ี ข้า-ออกได้อย่างเปน็ อิสระต่อกนั ในการประกอบหวั จบั เข้ากบั เพลาหัวเครอื่ งสามารถประกอบได้ 4 แบบ ตามลกั ษณะของเพลา หวั เครอ่ื ง คือ แบบเกลยี ว แบบลูกเบ้ยี ว แบบสกรูร้อย และแบบเรียว ดงั ตัวอยา่ งรปู ที่ 328
สำหรับการประกอบหวั จบั เขา้ กับเพลาเคร่ืองแบบเรยี ว ใหป้ ระกอบพ่ิมเขา้ กับร่องลม่ิ จากนั้นจงึ ขนั แวนเกลียวให้มั้นคง ข้อควรระวัง การประกอบหัวจบั จะต้องใช้หมอนไม้รองรับท่ีสะพานแทน่ เครื่องเสม รูปที่ 3.31 การใชห้ มอนไม้รองรับทส่ี ะพานแท่นเคร่ืองขณะประกอบหัวจับ
3.4.2 ประแจขนั หวั จบั ประแจขนั หวั จบั (T-Chuck) เปน็ อปุ กรณท์ ่ใี ช้สำหรับขันหัวจับของเครอ่ื งกลึง ซึง่ การใช้งาน จะตอ้ งเลือกขนาดให้พอดีกับ รทู ่ีหวั จบั รปู ท่ี 3.32 ประแจขนั หวั จบั 3.4.3 ยนั ศนู ย์เครื่องกลงึ ยนั ศูนยเ์ ครื่องกลงึ (Lathe Centers) เปน็ อปุ กรณท์ ่ีทำหน้าทใี่ นการประคองช้นิ งานกลงึ ทมี่ ี ความยาวมาก ๆ ยนั ศูนย์ของ เครอื่ งกลงึ แบง่ ออกเป็น 2 ชนดิ คือ 1. ยนั ศนู ย์เป็น (Live Center) ยันศนู ยช์ นิดนจ้ี ะหมุนไปพร้อมกบั ชนิ้ งาน โดยใช้ ร่วมกับศูนย์ ของชุดทา้ ยแท่น ดงั นัน้ ในการใช้งานจะต้องเลือกขนาดของเรียวยันศนู ย์ใหต้ รงกบั ขนาดรูเรียวของชุดท้าย แท่น 2. ยันศูนย์ตาย (Dead Center) ยันศนู ย์ชนิดนี้ไม่สามารถหมุนได้ นยิ มใชป้ ระกอบเข้ากบั เพลาหัวเครอ่ื งในกรณีของ การกลงึ ยนั ศนู ย์ ลักษณะการใช้งานของยนั ศูนย์ เช่น ใชป้ ระกอบเข้ากบั เพลาหวั เ เพอื่ ยันศนู ย์ชิน้ งาน ดังตัวอย่างในรูปท่ี 3.34
3.4.4 จานพาและขอพา จานพา (Face Plate) และขอพา (Lathe Dog) เปน็ อุปกรณ์พิเศษทใ่ี ช้สำหรับงานกลงึ ยนั ศูนย์ เชน่ งานกลึงปอกหรืองานกลึงเรยี วท่ีมคี วามยาวมาก ๆ จานพาท่ีใช้กนั ในปจั จุบันมีอยู่ 3 แบบ ดงั ตวั อย่าง ในรูปท่ี 3.36
สำหรบั ขอพา (Lathe Dog) เป็นอปุ กรณท์ ี่ใช้สำหรบั จบั ยดึ ชิ้นงานโดยจะใช้คกู่ บั จานพา ขอพา แบง่ เปน็ 2 แบบ คือ แบบ ขางอ (Bent Tail) และแบบขาตรง (Straight Tail) ดงั รูปท่ี 3.37 3.4.5 หวั จบั ดอกสว่านหรอื ดอกเจาะ หวั จบั ดอกสวา่ นหรือดอกเจาะ (Drill Chuck) เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้สำหรบั จับดอกสวา่ น แบบกา้ นตรง เมื่อต้องการเจาะรูบนเคร่ืองกลึง โดยจะใชค้ ่กู ับจำปาขัน 3.4.6ดอกเจาะนำศนู ย์ (Center Drill) ใชส้ ำหรับเจาะนำศูนยห์ รือเจาะยนั ศนู ย์ชิน
3.4.7 กันสะทา้ น -กันสะท้าน (The Steady Rest) เป็นอุปกรณ์พเิ ศษท่ีออกแบบมาเพอ่ื ใช้สำหรับประคองชิน้ งาน กลงึ ทมี่ ีความยาวมาก ๆ เพอ่ื ป้องกนั ไม่ใหเ้ กดิ การโก่งงอขณะทำการกลึงถงึ แม้จะมยี ันศนู ย์ท้ายแล้วกต็ าม กนั สะท้านแบง่ ออกเปน็ 2 แบบ คอื 1. กนั สะทา้ นแบบยึดอยู่กับท่ี (Fix Steady Rest) การใชง้ านของกนั สะทา้ นแบบนี้จะถูก ยดึ แนน่ อยู่บนแท่นเคร่ืองของ เครอ่ื งกลึง ซ่งึ จะมีแกนประคองชนิ้ งาน 3 แกน โดยท่ีบริเวณส่วนปลายของ แกนประคองทง้ั 3 น้จี ะทำด้วยทองเหลือง ดังนัน้ ขณะใชง้ านจะต้องใชจ้ าระบที าท่ปี ลายทองเหลอื งเพ่ือลด แรงเสยี ดทาน 2. กนั สะท้านแบบเคลอื่ นท่ี (Follow Steady Rest) การใชง้ านของกันสะท้านแบบน้จี ะถูก ยึดแนน่ อยกู่ บั แทน่ เลื่อน ขวางและเคลือ่ นที่ไปพร้อมกับชดุ แท่นเล่ือน 3.4.8 ดา้ มมีดกลึง -ด้ามมีดกลงึ (Holder) เป็นอุปกรณท์ ใ่ี ช้ในการจบั มดี กลงึ ก่อนท่จี ะนำไปประกอบเข้ากับป้อมมีด ดา้ มมีดกลึงแบง่ ออกเปน็ หลายแบบตามลักษณะการใช้งาน ดงั ตัวอย่างในรปู ท่ี 3.42
3.4.10 เพลาอัด -เพลาอดั (Mandrel) เปน็ แท่งทรงกระบอก ผลิตจากเหล็กกลา้ ทผี่ า่ นการชบุ แขง็ และเจยี ระไน จนได้ผวิ เรยี บและมีอตั รา เรยี วเล็กนอ้ ย ใชส้ ำหรับรองรับชิน้ งานกลึงทม่ี ีรแู ละผวิ บาง เช่น การเตรียมชิ้นงาน เพื่อกัดเฟือง ซ่งึ ในการประกอบ ช้ินงานเข้ากับเพลาอัดนี้อาจจะใช้แท่นกดอัด (Arbor Press) เพอื่ กดเพลาอดั เข้าไปในรูช้นิ งาน 3.4.11 อุปกรณ์พเิ ศษสำหรับกลงึ เรยี ว -อปุ กรณ์พเิ ศษสำหรบั กลึงเรยี ว (Taper Attachment) ใช้สำหรับงานกลงึ เรียว โดยการติดตงั้ ดา้ นหลงั ของชุดแทน่ มีด
3.5 มดี กลงึ -มดี กลงึ เปน็ เคร่ืองมือตัดทใ่ี ชใ้ นการตัดเฉือนช้ินงานให้ได้รูปร่างตา่ ง ๆ มดี กลึงที่ใชใ้ นการลับโดยทัว่ ไป ผลิตจากเหล็กกล้า รอบสูง (High Speed Steel : H.S.S) ที่มคี วามแข็งประมาณ 67-69 ร็อคเวลลซ์ ี (HRC) ทนความร้อนได้ถึงอุณหภูมิ 600 องศาเซลเซียส มีดกลงึ มีหลายลักษณะ เช่น แท่งกลม แท่งสี่เหลยี่ ม แทง่ ส่ีเหลยี่ มจตั ุรสั เปน็ ต้น โดยมีขนาด มาตรฐาน คอื 1/4 นิ้ว 5/16 น้วิ 3/8 นว้ิ และ 1/2 นวิ้ ซ่ึงในแต่ละ ขนาดมีความยาว 8 นว้ิ มดี กลงึ สามารถใชข้ ้ึนรูป ชน้ิ งานไดห้ ลายลกั ษณะ ท้ังน้ีขึน้ อยู่กับรปู ร่างของมีดกลงึ เช่น มดี กลึงปอก มดี กลึงปาดหน้า มีดกลึงเกลียว มดี กลงึ คว้าน มีดกลงึ ตดั มี ดกลึงข้ึนรูป เปน็ ตน้
มมุ ของมดี กลึง -มดี กลึงทีจ่ ะนำไปใชง้ านต้องมกี ารลับให้มดี กลึงมีคมตัดก่อน โดยส่วนท่ีถูกลับออกไปจะทำให้ เกดิ เป็นมมุ ตา่ ง ๆ ดังน้ี 1. มมุ คายเศษข้าง (Side Rake Angle) คือ มุมทล่ี ับลงมาให้ลาดตำ่ ลงจากปลายมีดกลึง สำหรับให้เศษกลงึ ไหลออกได้ สะดวกยิ่งขน้ึ ในขณะคมมดี กลึงตัดเฉอื นชิน้ งาน 2. มุมหลบหนา้ (Front Relief Angle) คือ มุมท่ลี ับเพ่ือไม่ให้ผิวด้านหน้าของมดี กลึงเสยี ดสี กบั ผวิ ช้ินงานในขณะกลึง 3. มมุ หลบข้าง (Side Relief Angle) คือ มุมทีล่ ับเพ่ือไม่ให้ผิวดา้ นข้างของมดี กลึงเสียดสกี บั ผวิ ชิ้นงานในขณะกลึง 4. มุมตัดด้านข้าง (Side Cutting Edge Angle) คือ มมุ ที่ลับให้คมตดั เอยี งทำมุมกบั ขอบ ของตวั มดี เพื่อใหม้ ีดกลึงมแี รง ต้านนอ้ ยและเดนิ ตัดเน้ือวสั ดุได้สะดวก โดยทขี่ นาดของมุมน้ีจะขึน้ อยูก่ ับชนิด ของวัสดุมีดและวัสดุช้ินงาน 5. มุมตัดดา้ นหน้า (Front Cutting Edge Angle) คือ มมุ ทีล่ ับเพ่อื ไม่ใหผ้ ิวด้านหนา้ ของคมตดั มดี กลงึ เสยี ดสกี บั ผิวชิน้ งานในขณะกลงึ 6. มุมรวมปลายมดี คือ มุมทเ่ี กิดจากการลบั มุมตัดดา้ นข้างและมมุ ตัดดา้ นหน้าของมีดกลึง จากทกี่ ล่าวมาแล้วข้างตน้ จะ เหน็ ว่า มุมของมดี กลึงแต่ละมุมจะแตกตา่ งกนั ไปตามวัสดุท่ใี ช้ทำ มีดกลงึ และวสั ดทุ จ่ี ะนำมาขึน้ รูป 3.6 ความเร็วรอบ ความเร็วตดั อัตราป้อน และความลึกของการปอ้ นตดั 3.6.1 ความเรว็ รอบงานกลงึ 1. ความหมายของความเร็วรอบ (Speed) หมายถงึ ความเรว็ รอบของชิ้นงานกลึงทห่ี มนุ ในเวลา 1 นาที มหี น่วยวัดเปน็ รอบตอ่ นาที (Revolution Per Minute : RPM)
2. การคำนวณหาความเร็วรอบสามารถคำนวณได้จากสตู รต่อไปนี้ n = VX1000 (รอบ/นาที) เมอื่ ก = ความเรว็ รอบ (รอบ/นาที) v = ความเร็วตดั (เมตร/นาท)ี d=ขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลางของช้ินงาน (มม.) 1,000 = ค่าคงที่ (ใช้สำหรับเปลย่ี นหน่วยมลิ ลิเมตรใหเ้ ป็นเมตร) ตวั อยา่ งท่ี 3.1 กลงึ ชิ้นงานท่ีทำจากเหลก็ กลา้ คารบ์ อนตำ่ ซ่ึงมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 50 ใช้ความเร็วตดั 25 เมตร/นาที จะคำนวณหาความเรว็ รอบท่ีจะใช้ในการกลงึ ชนิ้ งานนี้ วิธีทำ โจทยก์ ำหนด - ขนาดเส้นผ่านศนู ยก์ ลาง (4) 50 มม. ความเรว็ ตดั (V) - 25 เมตร/นาที แทนค่าในสตู ร V X 1000 25×1,000 3.14X50 159.23 รอบ/นาที ≥ 159 รอบ/นาที .. ความเร็วรอบที่จะใช้ในการกลงึ ชนิ้ งานน้ี = 50 รอบ/นาที ตอบ
3. การใชต้ ารางเทยี บความเร็ นงาน การหาความเรว็ รอบในงานกลึงนอกเหนือจากการ คำนวณโดยใชส้ ตู รท่ีกลา่ วมาแล้ว ในทางปฏบิ ตั อิ าจใชต้ ารางเทียบความเรว็ โดยประมาณได้ดังรูปที่ 3.50 ตวั อยา่ งที่ 3.2 จากรปู ท่ี 3.50 ถา้ กลงึ ชนิ้ งานที่มีขนาดเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 250 มม. ด้วยความเร็วตัด 35 เมตร/นาที จะ ใช้ความเร็วรอบประมาณ 45 รอบ/นาที 4. ขน้ั ตอนการปรับความเร็วรอบท่เี คร่ืองกลึง 4.1 นำคา่ ความเร็วรอบท่ีคำนวณได้ไปเลอื กบนตารางค่าความเรว็ รอบของเคร่ืองกลงึ ทจี่ ะใชป้ ฏิบตั งิ าน โดยจะตอ้ ง เลือกคา่ บนตารางที่ใกลเ้ คยี งกับค่าท่ีคำนวณได้ 4.2 จากตัวอย่างที่ 3.1 ถา้ เครือ่ งกลึงที่จะใชง้ านมีขั้นความเร็วรอบ 127, 150, 200, 250, 300, 500, 750, 800, 1,050 และ 1,200 รอบ/นาที ดงั นนั้ ในการกลงึ ชน้ิ งานนจ้ี ะต้องใช้ความเรว็ รอบขนั้ 150 รอบ/นาที
4.3 การต้ังความเรว็ รอบของเครื่องกลงึ แต่ละเคร่อื งมีวธิ ีการแตกต่างกนั ข้นึ อยู่กับบริษัท ทผี่ ลติ ดังนน้ั ผู้ปฏิบัตงิ าน จะตอ้ งสงั เกตตารางความเร็วรอบทตี่ ิดอยู่บนเคร่ืองกลึงน้นั ๆ ซ่ึงจะบอกวธิ กี าร โยกคนั บังคบั เพื่อเลอื กความเรว็ ใหถ้ ูกต้อง กบั ชิน้ งาน 3.6.2 ความเร็วตดั งานกลึง1.ความหมายของความเรว็ ตัด (Cutting Speed) หมายถงึ ความเรว็ ทีค่ มตัดมีดกลงึ ปาด ผิวชิน้ งานออกเมอื่ ช้นิ งานหมุนไปครบ 1 รอบ (มดี กลึงจะปาดผวิ ชน้ิ งานออกมีความยาวเท่ากับเสน้ รอบวง ของชนิ้ งาน) โดยความเรว็ ตดั มหี นว่ ยวัดเป็นเมตร/นาที 2. การคำนวณหาความเร็วตัดในงานกลึง สามารถคำนวณไดจ้ ากสตู ร Πxdxn 1,000 (เมตร/นาที) v = ความเรว็ ตดั (เมตร/นาท)ี n = ความเรว็ รอบ (รอบ/นาที) d = ขนาดเสน้ ผ่านศูนย์กลางของช้นิ งาน (มม.) 1000 = คา่ คงที่ (ใชส้ ำหรบั เปลยี่ นหน่วยมิลลเิ มตรให้เป็นเมตร) ตวั อย่างที่ 3.3 กลงึ ชิ้นงานเหลก็ กลา้ คาร์บอนตำ่ ท่ีมขี นาดเสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 50 มม. ดว้ ยความเร็ว รอบ 300 รอบต่อ นาที จงึ คำนวณหาค่าความเร็วตดั โจทย์กาํ หนด (เมตร/นาท)ี ตอบ 3.14 × 50 × 300 1,000 47.10 เมตรตอ่ นาที 1,000 = 50 มม. = 300 รอบ/ นาที ขนาดเสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง (d) ความเรว็ รอบ แทนคา่ ในสูตร .. ความเรว็ ตดั เทา่ กับ 47.10 เมตรตอ่ นาที
3. ขอ้ พจิ ารณาในการเลือกความเรว็ ตัด 3.1 วสั ดชุ นิ้ งานทมี่ ีความแขง็ จะใช้คา่ ความเรว็ ตัดต่ำกวา่ ชิ้นงานท่ีอ่อน 3.2 วัสดุ มดี กลงึ ถา้ ทำจากเหล็กกล้ารอบสงู จะใช้ความเร็วตัดต่ำกว่ามีดตัดที่ทำจาก 3.3 ความหนาของเศษโลหะ ถ้ากลึงชิ้นงาน ทีละน้อยหรือป้อนตัดไม่ลึกเกินไป จะใช้ ความเร็วตัดได้สูงกว่าการป้อนตัดชิ้นงานครั้งละมาก ๆ 3.4 ถ้ามีการหล่อเย็น ขณะปฏิบัติงานกลึง จะสามารถใชค้ วามเร็วตัดได้สงู กว่าการกลงึ โลหะแข็ง เช่น มีดกลึงคาร์ไบด์ เป็นต้น 1. ความหมาย ของอัตราป้อน (Feed Rate) หมายถึง ระยะทางการเดนิ ป้อนของมีดกลึง ไปตามความยาวของช้ินงานในแต่ละรอบ เช่น 3. ข้อพจิ ารณาในการเลอื กความเรว็ ตัด 3.1 วัสดชุ ิน้ งานทีม่ ีความแข็งจะใชค้ า่ ความเร็วตดั ตำ่ กว่าช้ินงานท่ีอ่อน 3.2 วัสดมุ ดี กลึง ถา้ ทำจากเหล็กกล้ารอบสูง จะใช้ความเร็วตัดตำ่ กวา่ มีดตดั ที่ทำจาก 3.3 ความหนาของเศษโลหะ ถา้ กลงึ ชิน้ งานทีละนอ้ ยหรือปอ้ นตัดไมล่ ึกเกินไป จะใช้ ความเรว็ ตดั ได้สงู กวา่ การปอ้ นตัด ช้นิ งานคร้ังละมาก ๆ 3.4 ถ้ามกี ารหล่อเย็นขณะปฏบิ ตั ิงานกลึง จะสามารถใช้ความเร็วตัดไดส้ งู กว่าการกลงึ นทีไ่ มม่ ีการหลอ่ เยน็ 3.6.5 อตราบอนงานกลง 1. ความหมายของอตั ราป้อน (Feed Rate) หมายถงึ ระยะทางการเดินป้อนของมีดกลึง ไปตามความยาวของชิ้นงานใน แต่ละรอบ เช่น ป้อนอัตราป้อน 0.20 มม. หมายความวา่ มดี กลึงจะเคล่ือนท่ี ตดั ตามความยาวชน้ิ งานเป็นระยะทาง 0.20 มม. เมอื่ ชนิ้ งานหมุนครบ 1 รอบ หรือถ้าชน้ิ งานหมนุ ครบ 10 รอบ ระยะทางการเคลอื่ นทตี่ ดั ของมีดก มดี กลึงตาม ความยาวของชิน้ งานจะเทา่ กับ 10 × 0.20 = 2 มม. เป็นต้น 2. ชนิดของการปอ้ นตัดในงานกลึง แบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ คือ
2.1 การป้อนตดั หยาบ ใช้สำหรับงานกลึงลดขนาดของชน้ิ งาน 2.2 การปอ้ นตดั ละเอยี ด ใชส้ ำหรับงานกลงึ ท่ีต้องการความละเอยี ดของผวิ พรอ้ มกบั ขนาดของชิ้นงาน 3.6.4 ความลึกของการป้อนตดั 1. ความหมายของความลกึ ของการปอ้ นตดั (Depth of Cut) หมายถงึ ความลกึ ท่เี กิดขนึ้ จาก การป้อนตัดมีดลกึ เขา้ ไป ในเนือ้ ของชิน้ งาน องช้ินงาน ซงึ่ จะทำใหเ้ ศษโลหะไหลออกมา เช่น ชิ้นงานเส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง 50 มม. ถา้ ป้อนลึก 2 มม. เมอื่ กลึงชนิ้ งานเสรจ็ แลว้ ช้ินงานจะถูกลดขนาดลง 4 มม. และจะทำใหช้ ้ินงาน เหลือขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลาง 46 มม. เป็นตน้ 2. การปรบั ตั้งค่าความลึกของการป้อนตัด ค่าความลกึ ในการปอ้ นตดั ของงานกลึงแตล่ ะครง้ั จะขน้ึ อยู่กับความละเอียด ของผิวและความแขง็ ของวสั ดุชิน้ งานเปน็ สำคญั การใชอ้ ัตราป้อนสามารถเลือก ค่าให้สูงได้ถา้ กำลังของเครื่องกลงึ มีมาก พอ หรอื ถา้ ความแข็งของวัสดุชิน้ งานน้อย ก็สามารถใช้อัตราป้อน นอ้ ยได้ แตส่ ง่ิ สำคญั ที่จะต้องพจิ ารณาคือ การเลือกใช้ ความเร็วตดั ให้ถกู ต้อง การปรับความลึกในการป้อน ตัด และอตั ราป้อนเหมาะสม ทงั้ น้ีเพื่อประหยัดเวลาในการทำงาน ลด การสกึ หรอของคมตัดมดี กลงึ และยดึ อายุการใชง้ านของเคร่ืองกลงึ 3. การเลอื กความเรว็ รอบและความลึกของการป้อนตัดสามารถเลอื กได้จากกราฟในรปู ท่ี 3.52
ตัวอยา่ งท่ี 3.4 กลงึ ชิน้ งานที่ทำจากทองเหลืองขนาดเส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง 80 มม. ความเรว็ ตดั 60 เมตร/นาที เวลาท่ีป้อน 0.10 นาที จงหาความเร็วรอบและอตั ราปอ้ นทเี่ หมาะสม วิธีการใชต้ าราง 1. ลากเสน้ ตรงจดุ ขนาดชนิ้ งาน 80 มม. (เส้นทางซ้ายของกราฟ โดยลากเส้นให้ขนานกับเสน้ ความลึก ของการป้อนตัด) 2. ลากเส้นความเร็วตดั 60 เมตร/นาที (ดา้ นลา่ งของกราฟใหข้ นานกับเสน้ ขนาดเสน้ ผ่านศูนย์กลาง ของชน้ิ งาน) 3. เมื่อเส้นตรงทีล่ ากในข้อที่ 1 ในข้อท่ี 1 และข้อที่ 2 มาชนกนั ทเี่ ส้นความเร็วรอบแลว้ (เสน้ เอยี งเปน็ มมุ 45 องศา) ให้ อ่านค่าความเร็วรอบจากกราฟ ซึง่ จะไดเ้ ท่ากับ 250 รอบ/นาที 4. ลากเสน้ ตรงในแนวนอนที่เวลา 0.10 นาที ขนานกบั เส้นความเรว็ ตัดไปชนกับเส้นความเรว็ รอบ 250 รอบ/นาที จากนั้นลากเสน้ ตรงขึน้ ไปหาเสน้ ความลกึ ของการป้อนตดั ซง่ึ จะได้เท่ากบั 0.40 มม. หมายเหตุ : ถ้าอัตราป้อนมาก จะต้องลดความเรว็ รอบในการกลงึ ลงเมื่อความลกึ ของการปอ้ นตัดคงท่ี ถา้ ความเร็วรอบใน การกลึงสูง จะต้องลดอตั ราป้อนลงเมื่อความลึกของการป้อนตดั คงที่ ถา้ ความลึกของการปอ้ นตดั มาก จะต้องลดความเร็ว รอบลงเม่ืออัตราปอ้ นคงท่ี 3.7 การหลอ่ เยน็ และนำ้ มนั หล่อเยน็ -ในขณะกลึงชิน้ งานนน้ั จะมคี วามร้อนสงู มาก ซง่ึ อาจสงู ถงึ 700 ความร้อนนเี้ กดิ จากการเสยี ดสีระหวา่ งคมตัดกบั ช้ินงาน และจากการเปลีย่ นรปู ของเนื้อโลหะ (Deformation) องศาเซลเซยี ส หรือมากกวา่ ทีถ่ ูกตัดเฉือนออก หากความร้อนไม่ได้ ระบายออกไปโดยเร็ว ความร้อนเกิดการสะสมมากขน้ึ เรอ่ื ย ๆ จะทำให้ คมตัดเกิดความร้อนจัด สูญเสยี ความแข็ง และเกดิ การสกึ หรอในที่สุด ชิ้นงานท่ไี ดร้ บั ความรอ้ นก็อาจเกิด การบิดเบยี้ ว ทำใหไ้ มไ่ ด้ขนาดและคุณภาพผวิ ตามต้องการ ดังนั้น ในการปฏบิ ัติงานจึงต้องมีการหลอ่ เยน็ 3.7 การหล่อเยน็ และน้ำมันหล่อเย็น ชน้ิ งานโดยใชส้ ารหล่อเย็น 3.7.1 หน้าท่ีของน้ำมนั หล่อเยน็ วธิ ีใช้นำ 1. ระบายความร้อนออกจากบรเิ วณการตดั เฉือน เพื่อทำให้คมตัดและช้ินงานไม่สูญเสีย ความแข็งหรอื ออ่ นตัวอนั เนอ่ื งมาจากความร้อน อีกท้ังยงั ปอ้ งกันไม่ใหเ้ ศษโลหะยึดติดที่ปลายคมตดั ทำให้ มีดกลงึ สามารถตดั เฉือนไดเ้ ร็วขึ้น 2. หล่อล่นื และลดแรงเสยี ดทานระหว่างชิน้ งานกับคมตัด รวมท้ังลดแรงเสยี ดทานของเศษ โลหะท่ีเคลือ่ นทีผ่ า่ นผวิ คาย เศษ ทำให้การตัดเฉอื นใช้แรงนอ้ ยลงและลดการสึกหรอของคมตดั 3. ชะลา้ งและพาเศษโลหะทีเ่ กดิ จากกระบวนการตัดเฉือนออกไปจากบรเิ วณตัดเฉือนวสั ดุ 4. ป้องกันสนิมให้กับช้นิ งานในขณะตดั เฉือนผิวชน้ิ งาน บริเวณที่ตัดเฉือนมักจะมคี วามไวต่อ ชิน้ งาน ารเกดิ สนมิ มาก 5. ชว่ ยปอ้ งกนั การเกดิ สนิมให้กับช้ินสว่ นต่าง ๆ ของเครอ่ื งกลึง 3.7.2 ชนิดของสารหล่อเยน็
สารหลอ่ เย็นแบ่งชนิดตามการใช้งานได้ 3 ชนดิ ดงั นี้ 1. นำ้ หล่อเยน็ ชนดิ น้ำมนั ผสมนำ้ (Soluble Oils) หรอื มชี ่อื เรียกโดยทั่วไปวา่ น้ำมันสบู่ ผลิต จากสารสังเคราะหห์ รือ นำ้ มนั แร่ ผสมกับตวั ทำลายและสารเพม่ิ คุณภาพ เชน่ การป้องกันสนิม สารป้องกนั การเกดิ ฟอง สารฆา่ เชือ้ จลุ ินทรีย์ ใช้ สำหรบั งานตดั เฉอื นโดยทัว่ ๆ ไป เชน่ งานกลึง งานเลื่อย งานเจาะ ๆ งานไส และงานกัด เป็นต้น วธิ ีการผสมกับน้ำ ควร ใช้นำ้ สะอาดใส่ลงในอา่ งหรอื ภาชนะผสมตามอตั ราสว่ น จากน้ันจึงเทน้ำมนั สบู่ตามอตั ราสว่ นลงในนำ้ 2. นำ้ หลอ่ เยน็ ชนดิ น้ำมัน (Cutting Oils) จะใชใ้ นกรณหี ล่อเยน็ วสั ดทุ ี่มีความเหนียวหรือแข็ง มาก ๆ โดยท่ัวไปจะเปน็ น้ำมันแร่กลน่ั อย่างดีผสมกบั น้ำมันจากพืชหรือสัตว์เพื่อชว่ ยการหลอ่ ลื่นและสารชว่ ย เพม่ิ คุณภาพในการช่วยรบั แรงกด ดังนน้ั การเลอื กใชค้ วรคำนึงถึงชนดิ ของโลหะ ท้งั นเี้ พราะสารช่วยเพิ่ม คณุ ภาพบางชนิดอาจทำให้สมบัติของชนิ้ งาน เปล่ยี นไป โดยควรศกึ ษาจากคู่มือการใชต้ ามท่ีบรษิ ัทผผู้ ลิต กําหนด 3. น้ำหลอ่ เย็นชนิดท่ีมีสว่ นผสมทางเคมี (Chemical Cutting Oils) เปน็ นำ้ ยาหล่อเยน็ ทเี่ กดิ จากการสงั เคราะหท์ างเคมี ซง่ึ อยใู่ นสภาพของสารละลายเพ่อื เพ่มิ สมบัติในการหลอ่ เย็น การหลอ่ ล่ืน การสกึ หรอ และลดแรงเสยี ดทาน ท้งั นข้ี น้ึ อยู่กับ สว่ นผสมของสารเคมี และในน้ำยาหล่อเย็นบางชนิดจะมี สว่ นผสมของสารที่สามารถตอ่ ต้านการเกิดความร้อนและ แรงดันอันเนือ่ งมาจากการตัดเฉือนวัสดชุ ้นิ งาน 3.7.3 การเลือกใชน้ ้ำมนั หล่อเยน็ การเลือกใชน้ ำ้ มนั หล่อเย็นสำหรับงานกลงึ จะต้องให้เหมาะสมกับลักษณะการทำงาน และ ชนิดของวัสดุชิ้นงาน หลักเกณฑก์ ารเลือกใชน้ ้ำมนั หล่อเย็นดงั น้ี 1. พิจารณาลักษณะการใช้งาน เช่น ความเรว็ อตั ราการปอ้ น ความลกึ ของการป้อนตัด และ วธิ ีใชน้ ำ้ มนั หล่อเยน็ เปน็ ตน้ 2. ชนดิ และขนาดชิ้นงานที่นำมากลงึ 3. ชนิดของวสั ดมุ ีดกลึง 4. ความเหมาะสมของเครอ่ื งกลึงทีจ่ ะใช้ ย ๆ เหนื ขอช้า งานเครอ่ื งมื ตัวอย่างการเลือกใช้สารหลอ่ เย็นสำหรับงานกลงึ แสดงไวใ้ นตารางที่ 3.2 ตารางท่ี 3.2 การเลือกใช้สารหล่อเยน็ สำหรบั งานกลงึ
3.8 หลักการทํางานของเคร่ืองกลึงยันศนู ย์ 3.8.1 การจบั ยึดช้ินงาน 1. การจับชนิ้ งานดว้ ยหัวจบั แบบ 3 ฟันพร้อม เปน็ วิธีจบั ช้นิ งานได้อยา่ งรวดเรว็ โดยทว่ั ไป จะใช้จับชน้ิ งานกลม ซง่ึ จะ เป็นผวิ ภายนอกหรือผวิ ภายในก็ได้ การจบั ช้นิ งานด้วยหวั จับแบบ 3 ฟนั พร้อมมีดงั นี้ 1.1 ขันหัวจับด้วยประแจ (T-Chuck) โดยให้ฟนั จับมขี นาดใกลเ้ คียงกบั ช้นิ งาน 1.2 ใสช่ น้ิ งานเขา้ ไปในฟันจับ จากนั้นขนั หัวจับดว้ ยประแจ ซ่งึ ฟันจบั ทั้ง 3 จะเคลอื่ น เข้าหาช้นิ งานพร้อม ๆ กันจากนัน้ ขันยดึ ให้แน่นและมัน่ คง (รูปท่ี 3.53 ก) 1.3 กรณีชิ้นงานมขี นาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางใหญ่ ให้กลบั ฟันจับอีกด้านหนง่ึ จับชน้ิ งาน 1.4 กรณีท่ีชน้ิ งานมรี ูเจาะขนาดใหญ่ ก็สามารถใช้ฟันจบั ทผี่ วิ ภายในของรเู จาะได้ (รูป 2. การจบั ยดึ ชนิ้ งานดว้ ยหวั จบั แบบ 4 ฟนั อิสระ สามารถใช้จับชิน้ งานกลมหรือชน้ิ งานที่มี หลาย ๆ เหลี่ยมได้ วิธีการจับ ชนิ้ งานด้วยหวั จับแบบ 4 ฟนั จับอสิ ระนี้ จะต้องใชเ้ ครื่องมอื และอปุ กรณ์ช่วย ๆ เชน่ ขอชา้ งหรอื นาฬกิ าวัด ทั้งน้ีเพื่อ ต้องการใหช้ ้ินงานกลมหมนุ อยู่ในแนวศนู ย์กลางกบั เพลาเคร่ือง การจับ ช้ินงานกลมดว้ ยหวั จบั แบบ 4 ฟันอิสระมีข้นั ตอน ดงั น้ี 2.1 คลายฟนั จับท้ัง 4 ฟัน ออกโดยให้มคี วามกวา้ งของฟันโตกวา่ ขนาดของช้นิ งาน เล็กน้อย และต้องหมนุ ฟันจับทั้ง 4 ดา้ น 2.2 นำชน้ิ งานเขา้ ไปในฟนั ของหวั จบั จากนัน้ ขนั หัวจบั ดว้ ยแรงเพยี งเลก็ น้อย
2.3 ต้ังศนู ยช์ ้ินงานโดยวิธใี ดวธิ ีหน่งึ ดงั นี้ (1) วิธกี ารใช้ชอล์ก (Chalk) โดยหมนุ หัวจับและสังเกตว่าสว่ นใดของชนิ้ งานท่สี ูงกว่า จะโดนชอลก์ ขีดและจะต้องถอย ฟันจับดา้ นตรงขา้ มลงไป จากนัน้ หมนุ ด้านทส่ี ูงเข้ามาโดยตรวจสอบด้วยวธิ ี นจี้ นกระทง่ั ได้ศนู ย์ จากน้ันจงึ ลอ็ กชน้ิ งานให้ แนน่ (2) วธิ ีการใช้ขอช้าง (Surface Gauge) ใชป้ ลายแหลมของเหลก็ แตะกับผวิ ชนิ้ งาน จากนั้นหมนุ ชนิ้ งานเพื่อดูระยะความ แตกต่างของปลายแหลม โดยระยะห่างของปลายแหลมกับผวิ ชน้ิ งาน จะตอ้ งมีระยะหา่ งโดยรอบสม่ำเสมอกนั และเมื่อ ปรับจนกระท่ังได้ศนู ยแ์ ลว้ จึงลอ็ กช้ินงานใหแ้ นน่
(3) วธิ ีการใช้นาฬิกาวัด (Dial Indicator) โดยใช้ปลายของนาฬิกาวัดสัมผสั กับ ผวิ ช้นิ งานและมวี ิธกี ารเหมอื นกบั การใช้ ขอช้าง เมื่อปรับชนิ้ งานจนกระท่ังไดศ้ นู ย์แลว้ ให้ขนั ยดึ ชิน้ งาน ให้แนน่ และมนั่ คง 3. ขอ้ ควรระวงั ในการจับชิน้ งานดว้ ยหัวจับ ในการจบั ยึดชน้ิ งานดว้ ยหวั จับทัง้ แบบ 3 ฟัน พรอ้ ม และ 4 ฟนั อสิ ระมีขอ้ ควรระวงั ดงั น้ี 3.1 แนวศูนยข์ องชนิ้ งานกับเพลาเครื่องกลึงจะต้องตรงกัน 3.2 ก่อนเปดิ เคร่ืองกลงึ จะตอ้ งมัน่ ใจว่าหวั จบั ไดล้ ็อกแน่นแล้ว 3.3 ขันชิ้นงานให้แนน่ เพ่ือป้องกนั ชนิ้ งานหลุดในขณะกลึงช้นิ งาน 3.8.2 วธิ กี ารจบั ยดึ มดี กลงึ บนป้อมมีด 1. การจบั ยึดมีดกลงึ บนปอ้ มมดี มีดกลงึ ที่นำมาจบั ยดึ บนปอ้ มมดี (Tool Post) จะต้องให้ ดา้ มมดี วางอยู่บนแผน่ รองมีด และให้ปลายมีดโผล่ออกห่างจากปอ้ มมดี เล็กน้อย เพอื่ ความแขง็ แรงและ ความปลอดภยั ในการปฏบิ ัตงิ าน
2. การต้ังศูนยม์ ีดกลึง ความสูงของปลายมีดกลงึ ต้องอยูใ่ นแนวระดบั เส้นผ่านศูนยก์ ลาง ของช้ินงาน โดยใหป้ ลายมีด สมั ผสั กับปลายยันศูนย์ของชุดศูนย์ท้าย หมายเหตุ : -ถา้ คมมีดกลงึ อยู่เหนอื ศนู ยข์ องช้ินงาน จะเกิดความฝดื ระหวา่ งผวิ ชน้ิ งานกบั ผิวฟรขี องมดี กลึง ทำให้มุมคายเศษมากขึ้น และการคายเศษกลึงจะทาํ ได้สะดวกมากข้นึ -โดยปกติในงานปอก จะนิยมตัง้ ใหป้ ลายคมมดี กลึงอยู่เหนือจากเสน้ ผ่านศนู ย์กลางของชิ้นงาน ขนึ้ มาประมาณ 2% ของ ขนาดเสน้ ผ่านศูนย์กลางชิ้นงาน -ถ้าคมมีดกลึงอยูใ่ ต้เส้นศนู ย์ของชิน้ งาน จะเกิดความฝืดระหวา่ งผวิ ชิ้นงานกับผวิ ฟรขี องมีดกลึง ทําให้มุมคายเศษเลก็ ลง และการคายเศษกลึงจะทาํ ได้ลำบาก 3.9 การขึน้ รปู ชนิ้ งานด้วยเครอื่ งกลึงยันศนู ย์ -เคร่ืองกลึงยันศนู ยส์ ามารถข้ึนรปู ชิน้ งานไดห้ ลายลักษณะ ซ่ึงในหนว่ ยนี้จะกล่าวถึงเฉพาะการกลงึ ปาดหน้า การกลึงปอก และการเจาะรบู นเครื่องกลึงเทา่ นั้น
3.9.1 การกลงึ ปาดหน้ 1. จดุ มงุ่ หมายของการกลึงปาดหน้า การกลงึ ปาดหนา้ มจี ุดมุง่ หมายเพื่อลดขนาดความยาว ของชิน้ งานและทำใหผ้ วิ ดา้ นหนา้ ของชนิ้ งานเรียบ การจบั ชิน้ งานเพ่อื กลงึ ปาดหน้าควรจบั ให้ชน้ิ งานพ้นจาก หัวจบั ประมาณ 1-1.5 เท่าของเส้น ผา่ นศนู ยก์ ลางของงานกลงึ 2. การจับมดี กลงึ ปาดหน้า การจบั มีดกลึงปาดหนา้ จะต้องจบั ให้ปลายมีดกลึงไดศ้ ูนย์ เดียวกับแนวแกน ของชิน้ งานหรือ แนวแกนของยันศนู ย์ และไม่ควรให้ปลายมดี กลงึ เลยจากป้อมมดี หรือ แท่งรองมดี ยาวเกินไปเพราะจะทำใหป้ ลายมดี กลงึ
สนั่ และหกั ได้ นอกจากน้ีการตง้ั มมุ มดี กลึงปาดหน้าควร ตง้ั เป็นมุมแคบประมาณ 2 องศา กบั ผวิ หน้าชนิ้ งาน ดังตัวอย่าง ในรปู ท่ี 3,63 3. วิธกี ารกลึงปาดหนา้ โดยท่ัวไปจะใช้ชุดแท่นเลอ่ื นบนของเคร่ืองกลงึ ในการป้อนลึก สว่ นวธิ กี ารกลงึ จะกระทำโดยการ หมนุ แทน่ เล่ือนขวางเข้าหรือออกตามลักษณะของการกลึง ดังรูปที่ 3.64 และรปู ท่ี 3.65
4. ข้นั ตอนการกลึงปาดหนา้ 4.1 ศึกษาแบบสั่งงานใหเ้ ข้าใจ 4.2 ตรวจสภาพความพรอ้ มของเครื่องกลงึ ก่อนการปฏบิ ัตงิ าน ถ้ามีข้อบกพร่อง แจง้ ให้ ผคู้ วบคุมทราบและทำการซ่อม บำรุง 4.3 จบั ช้นิ งานดว้ ยหวั จับใหแ้ นน่ และมนั่ คง 4.4 จับมดี กลงึ ปาดหนา้ เข้ากับป้อมมดี โดยใหป้ ลายมดี พ้นจากป้อมมีดใหส้ นั้ ทส่ี ดุ เทา่ ที่ จะสามารถทำงานไดส้ ะดวก แลว้ เอยี งปอ้ มมีดให้ปลายมีดทำมุมประมาณ 2 – 5 องศา กับชน้ิ งาน และระวงั อยา่ ใหป้ ้อมมีดเลอื่ นออกมาพน้ จาก กึ่งกลางแทน่ เล่ือนขวางมากเกนิ ไป 4.5 ปรับต้งั ความเรว็ รอบของเครื่องกลึง โดยปรับแขนโยกหรอื ปุ่มตามความเรว็ รอบ ท่ีคำนวณได้ 4.6 เล่ือนปอ้ มมดี ใหม้ ีดพน้ จากหวั จบั และช้ินงานพอประมาณ จากนน้ั เปิดสวติ ซ์ 4.7 เริ่มกลึงปาดหน้าชิน้ งาน โดยการปอ้ นตัดชน้ิ งานจากก่ึงกลางด้านในออกมายงั ขอบ 4.8 ตรวจสอบขนาดของช้ินงาน จากนน้ั ทำการกลงึ ปาดหน้าต่อไปจนกระทงั่ ผวิ ชน้ิ งาน 4.9 เมือ่ กลึงชนิ้ งานเสร็จเรียบร้อยแลว้ ให้ทำความสะอาดและหยอดนำ้ มันเคร่ืองกลึง 1. จดุ มงุ่ หมายของการกลึงปอก การกลึงปอกมีจุดมงุ่ หมายเพื่อให้งานลดขนาดเส้นผ่าน เครื่องกลงึ ดา้ นนอกของช้นิ งาน เรยี บและได้ขนาดความยาวตาม แบบ ทกุ ครั้งหลงั เลิกปฏบิ ตั ิงาน 3.9.2 การกลงึ ปอก 1. จุดมุง่ หมายของการกลึงปอก การกลึงปอกมีจุดมุ่งหมายเพอ่ื ให้งานลดขนาดเส้นผ่านศนู ยก์ ลางของช้นิ งานใหเ้ ล็กลง
การกลงึ ปอกโดยท่ัวไปสามารถกลงึ ได้ 2 วิธี คือ วิธีใช้หัวจับและวธิ ีใชย้ ันศนู ย์หวั ท้าย ทิศทางการหมุนของชน้ิ งาน ของมดี กลงึ ทิศทางการหมุนของชิน้ งาน ดงั รูปท่ี 3.67 2. การจบั มดี กลงึ ปอก จะต้องจับให้ปลายมีดกลงึ ไดศ้ นู ย์เดียวกนั กบั ศูนยข์ องชิ้นงาน และไม่ รให้ปลายมีดพ้นจากปอ้ มมีด หรอื แท่งรองมดี ยาวเกนิ ไป เพราะจะทำให้ปลายมดี กลงึ ส่ันและหกั ได้
3. ขัน้ ตอนการกลึงปอก 3.1 ศึกษาแบบสัง่ งานให้เข้าใจ 3.2 ตรวจสภาพความพร้อมของเครื่องกลงึ กอ่ นการปฏบิ ัตงิ าน ถา้ มขี ้อบกพร่องแจ้งให้ ผคู้ วบคุมทราบเพ่ือทำการซ่อม บำรงุ 3.3 จับชนิ้ งานดว้ ยหวั จับใหแ้ นน่ และมั่นคง 3.4 จับมดี กลึงปอกเข้ากับป้อมมีด โดยใหป้ ลายมดี พ้นจากปอ้ มมีดใหส้ ้นั ทส่ี ุดเท่าที่จะ สามารถทำงานได้สะดวก และ ระวังอยา่ ให้ป้อมมีดเลือ่ นออกมาพน้ จากกึ่งกลางแท่นเลอ่ื นขวางมากเกนิ ไป 3.5 ปรับตง้ั ความเร็วรอบของเครื่องกลึง โดยปรบั แขนโยกหรือปุ่มตามความเรว็ รอบ 3.6 เลือ่ นป้อมมีดใหม้ ีดพน้ จากหวั จับและชิ้นงานพอประมาณ จากนน้ั เปิดสวิตช์ 3.8 ตรวจสอบขนาดของชนิ้ งาน จากนน้ั ทำการกลึงบอกตอ่ ไปจนกระทง่ั ผิวชิน้ งานเรียบ 3.7 เริ่มกลงึ ปอกชิน้ งาน และได้ขนาดของช้นิ งานตามแบบ เคร่ืองกลึง 3.8 ตรวจสอบขนาดของช้ินงาน จากน้นั ทำการกลงึ ปอกตอ่ ไปจนกระทง่ั ผวิ ชิ้นงานเรยี บ และได้ขนาดของชน้ิ งานตาม แบบ 3.9 เมื่อกลึงชน้ิ งานเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแล้วให้ทำความสะอาดและหยอดน้ำมันเครื่องกลงึ ทุกครัง้ หลังเลิกปฏบิ ัตงิ าน 3.9.3 การเจาะรดู ้วยเคร่อื งกลงึ 1. จุดม่งุ หมายของการเจาะรดู ้วยเครอ่ื งกลงึ มีจุดมุง่ หมาย 2 ประการ คอื เพ่ือยันศูนยแ์ ละ เพอ่ื เอาเนื้อของวัสดุช้ินงาน ออกใหไ้ ดข้ นาดความลกึ ของรูเจาะตามที่ต้องการ 2. ลกั ษณะของการเจาะรดู ้วยเคร่อื งกลึง แบ่งตามจุดมุ่งหมายของการเจาะได้ 2 ลักษณะ ดงั นี้ 2.1 การเจาะรูยันศูนย์ เป็นการเจาะสำหรบั ยนั ด้วยปลายของยนั ศูนยใ์ นการกลงึ ปอก ผิวชิน้ งานตามยาว นอกจากน้ีการ เจาะรูยันศูนย์ยังเจาะเพ่ือให้เป็นแนวศูนย์กลางในการทจ่ี ะเจาะรตู ่อไป อีกดว้ ย สำหรบั เครอ่ื งมือที่ใช้ในการเจาะยันศูนย์ คอื ดอกเจาะยันศูนย์ (Center Drill)
วิธเี จาะรยู ันศูนย์บนเคร่ืองกลึงมีขั้นตอนดงั นี้ 1. เตรยี มเครอ่ื งมือและอุปกรณใ์ หพ้ ร้อมที่จะปฏบิ ตั งิ าน 2. ประกอบหัวจบั ดอกสวา่ นเขา้ กบั ชดุ ทา้ ยแท่น 3. จบั ยดึ ดอกเจาะยันศนู ยเ์ ข้ากบั หัวจบั ดอกสว่านใหแ้ นน่ 4. เลอ่ื นชุดทา้ ยแทน่ เขา้ มาใกล้ชิ้นงานแลว้ ลอ็ กให้แนน่ 5. เลอื กความเร็วรอบในการเจาะยันศนู ย์ทเ่ี หมาะสม 6. เล่อื นปลายดอกเจาะนำศูนยไ์ ปสัมผสั กับชนิ้ งาน จากนั้นเร่ิมเจาะยันศูนย์เบา ๆ 7. เจาะยันศนู ย์จนกระทงั่ ได้ความลกึ ตามท่ีต้องการ และเมอ่ื ไดค้ วามลกึ แล้ว ปลอ่ ยใหห้ มนุ ฟรีสกั ครเู่ พ่ือใชผ้ วิ งานเรยี บ 8. ตรวจสอบขนาดของรูเจาะยันศนู ย์ 9. เมื่อเจาะยันศนู ย์ช้ินงานเสร็จเรียบรอ้ ยแล้วให้ทำความสะอาดและหยอดน้ำมัน เครื่องกลงึ ทุกครง้ั หลงั เลปิ ฏิบตั งิ าน 2.2 การเจาะรดู ้วยเครื่องกลึง เปน็ การเจาะรูตามขนาดที่ต้องการหรอื เจาะเพื่อใหเ้ นอื้ วสั ดุออกจากชิ้นงานซ่ึงการเจาะรู แบบนีจ้ ะใช้ดอกสว่านเปน็ เคร่ืองมือตดั วธิ เี จาะบนเครื่องกลงึ มีข้นั ตอนดังน้ี 1. ศึกษาแบบงานให้เข้าใจอย่างละเอียดก่อนลงมือปฏบิ ัติงาน ผมเครื่องมือ/อปุ กรณ์ เช่น ประแจขนั หวั จับเคร่ืองกลงึ ดอกสว่าน ดอกเจาะ 2. เตรยี ม นำศนู ย์ หวั จับดอกสว่าน และจำปาขันหวั จับดอกสวา่ น เปน็ ตน้ 3. ตรวจสอบแนวศนู ยข์ องชุดทา้ ยแท่น โดยเลือ่ นปลายยนั ศูนยข์ องชดุ ท้ายแท่นมาท่ี หัวเครือ่ งแลว้ ตรวจสอบวา่ ปลา ศนู ย์หวั เครอื่ งและปลายศนู ย์ท้ายแทน่ ตรงกันหรือไม่ ถ้าศูนยท์ ้ายแท่นเย้ือง ไปทางซ้ายหรือขวามือจะมผี ลต่อการเจาะรู ศนู ยก์ ลางของชนิ้ งาน ดังนั้นให้ทำการปรบั ศนู ยห์ วั เครอ่ื งและ ศนู ย์ทา้ ยเครอื่ งให้ตรงกัน 4 . จับชน้ิ งานโดยใช้หวั จบั แบบ 3 จับฟนั พร้อมหรอื หวั จบั แบบ 4 ฟันอิสระโดยให้ ลายช้ินงานพ้นจากฟนั จบั ประมาณ 1-1.5 เทา่ ของเสน้ ผา่ นศนู ย์กลางของช้ินงาน
5. สวมหัวจับดอกสวา่ นเขา้ กับรขู องชดุ ท้ายแทน่ 6. จบั ยดึ ดอกเจาะนำศนู ยเ์ ข้ากบั หัวจับดอกสว่าน 7. ปรับความเร็วรอบของเครอ่ื งให้สัมพันธ์กบั ขนาดของเส้นผ่านศนู ยก์ ลางของ ดอกเจาะนำศูนย์ โดยโยกแขนปรับ ความเรว็ รอบไปยงั ตำแหนง่ ท่ีตอ้ งการ ซง่ึ เคร่ืองกลงึ แต่ละรุ่นแตล่ ะยี่ห้อ 8. เปิดเครื่องให้ช้นิ งานหมุน โดยกดแขนเพลาสวิตชเ์ ปดิ -ปดิ ในทศิ ทางลงให้ช้ินงาน 9. เลอื่ นท้ายแทน่ ให้อยู่ในตำแหน่งที่จะเจาะรูนำศูนย์ โดยนำดอกเจาะนำศนู ย์ ไปสัมผสั กับชน้ิ งานเบา ๆ จากนั้นล็อก ศนู ย์ทา้ ยแทน่ ให้แน่น 10. เจาะรูนำเจาะ โดยการป้อนดว้ ยมอื หมนุ เบา ๆ จนได้ความลกึ ประมาณ 70 11. ปดิ เครื่องกลงึ แลว้ ถอดดอกเจาะนำศนู ย์ออกจากหวั จับ โดยใช้จำปาคลายหวั 12. จบั ดอกสว่านท่ตี อ้ งการเขา้ กบั หัวจับดอกสวา่ น 13. เปดิ เครอื่ งใหช้ ิ้นงานหมนุ โดยกดเพลาสวติ ซ์ให้ชิ้นงานหมุนในทศิ ทางหมนุ ตาม 14. เปิดน้ำหล่อเยน็ เพือ่ หล่อเย็นชน้ิ งานและดอกสว่าน 15. ปอ้ นดอกสว่านเขา้ หาชนิ้ งานเพ่ือเจาะรู โดยในขณะเจาะให้ถอยดอกสว่านกลับ 16. ถอดดอกสว่านออกดว้ ยจำปาในทศิ ทางทวนเข็มนาฬิกา 17. ปิดเคร่อื งกลึง 18. ถอดหวั จบั ดอกสว่านออกจากชุดท้ายแท่น 19. ทำความสะอาดเคร่ืองกลงึ เครอื่ งมือ อุปกรณ์ต่าง ๆ และบริเวณพน้ื ท่ี ปฏบิ ัติงานรอบ ๆ เครอ่ื งกลงึ ใหเ้ รยี บร้อย เข็มนาฬิกา อคายเศษจนกระทั่งได้ความลกึ ตามแบบ เป็นช่วง ๆ เพือ่ คาย
3.10 ความปลอดภยั ในการใช้เครอ่ื งกลงึ ยันศนู ย์ 3.10.1 กอ่ นใช้เครื่องทุกคร้งั ตอ้ งตรวจสภาพความพร้อมของเครื่องกลงึ 3.10.2 แต่งกายให้รัดกุมขณะเข้าปฏิบัติงาน 3.10.3 ก่อนเปดิ สวิตชเ์ ครอ่ื งตอ้ งมน่ั ใจวา่ ได้จบั ยึดชนิ้ งาน มีดกลึง และอปุ กรณ์ต่าง ๆ แนน่ เพียงพอแล้ว 3.10.4 ห้ามเข่ียเศษโลหะและวดั ขนาดของชนิ้ งานขณะเครื่องกลงึ กำลังทำงาน 3.10.5 ห้ามวางส่ิงของหรืออุปกรณ์อ่ืน ๆ ใกลเ้ ครือ่ งขณะเคร่ืองกลึงกำลังทำงาน 3.10.6 หา้ มหยอกลอ้ กันขณะปฏิบตั งิ าน 3.10.7 การใช้เครอ่ื งกลงึ ทุกครัง้ ต้องเปิด-ปดิ สวิตซด์ ้วยตนเอง หา้ มใชผ้ ู้อ่นื 3.10.8 หา้ มเสยี บประแจยึดหัวจับ (T-Chuck) สวมคา้ งไว้ทหี่ วั จบั 3.1.1 การบำรุงรกั ษาเครอื่ งกลงึ ยันศูนย์ -เพ่ือใหเ้ ครือ่ งกลึงมีอายุการใชง้ านทีย่ าวนาน หลงั เลกิ ใช้งานแล้วผู้ปฏิบตั ิจะต้องมีการบำรงุ รกั ษา เคร่อื งกลึงที่ถูกวธิ ดี งั นี้ 3.11.1 ก่อนใช้เครื่องกลงึ ควรตรวจดนู ้ำมนั หล่อลืน่ ทกุ ครั้งในบริเวณต่อไปนี้ คือ หวั เครื่อง (Head Stock) กลอ่ งเฟือง (Gear Gox) ชุดท้ายแท่น และชดุ แทน่ เลื่อนว่านำ้ มันหล่อลื่นอยูใ่ นระดับทเ่ี หมาะสม หรอื ไม่
3.11.2 กอ่ นใชเ้ ครื่องต้องหยอดนำ้ มันหล่อล่นื ตรงจดุ ท่มี ีการเคลื่อนที่บนชดุ แทน่ เล่อื นเสมอ
3.11.3 ขณะปฏิบัตงิ านกลึง หากมสี ่วนหนงึ่ ของเครื่องชำรุดใหห้ ยุดใช้เครื่องทันที 3.11.4 หลงั เลิกใช้เครอื่ งกลึงแตล่ ะครัง้ จะต้องทำความสะอาดเครอ่ื งใหเ้ รียบร้อย แบบฝึกหดั หนว่ ยท่ี 3 เครอื่ งกลงึ และงานกลงึ คาํ ส่งั พอบคาํ ถามต่อไปนี้ 1. จงบอกช่ือและหนา้ ท่ขี องสว่ นประกอบเคร่อื งกลงึ ยนั ศนู ยต์ ามหมายเลขต่อไปนี้ (12 คะแนน หมายเลข 1 ช่ือ หนา้ ท่ี หมายเลข 2 ช่ือ หนา้ ท่ี หมายเลข 3 ช่ือ หนา้ ท่ี หมายเลข 4 ช่ือ หนา้ ท่ี หมายเลข 5 ช่ือ หนา้ ท่ี หมายเลข 6 ช่ือ
หนา้ ท่ี 2. จงนาํ ตวั อกั ษรดา้ นหนา้ ขอ้ ความทางขวามือไปเติมลงในช่องวา่ งดา้ นลา่ งรูปทางซา้ ยมอื ใหถ้ กู ตอ้ ง 2.1 ช่ือ หนา้ ท่ี 2.2 ช่ือ หนา้ ท่ี 2.3 ซอี หนา้ ท่ี 24 ช่ือ หนา้ ท่ี 2.5 ช่ือ หนา้ ท่ี 2.6 ช่ือ หนา้ ท่ี 2.7 ช่ือ หนา้ ท่ี 1. หวั จบั แบบ 3 ฟันพรอ้ ม 2. หวั จบั แบบ 4 ฟันอสิ ระ 3. ประแจขนั (T-Chuck) 4. ยนั ศนู ยเ์ ป็น 5. ยนั ศนู ยต์ าย 6. ดอกเจาะนาํ ศนู ย์ 7. มดี กลงึ 8. บรรทดั วดั มมุ 9. หวั จบั ดอกสว่าน จงบอกช่ือของมดี กลงึ ท่กี าํ หนดใหต้ ่อไปนี้ โดยนาํ หมายเลขดา้ นหนา้ ขอ้ ความทางขวามอื ไปเตมิ ลงใน ชอ่ งวา่ งดา้ นหลงั ตวั อกั ษรทางซา้ ยมอื ใหถ้ กู ตอ้ ง (5 คะแนน) ก 1 มีดกลงึ ปอกหนา้ ข 2มดี กลงึ ปอกหนา้ ค 3มดี กลงึ เรียว ง 4มดี กลงึ ตดั จ 5มีดกลงึ เรยี ว ฉ 6ลอ้ พิมลาย ซ
4. กลงึ ชิน้ งานเหลก็ กลา้ คารบ์ อนปานต่าํ ขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 50 มม. ดว้ ยมีดกลงึ เหล็กกลา้ รอบสงู (H.S.S) จงคาํ นวณหา ความเรว็ รอบในการกลงึ หยาบและกลงึ ละเอยี ด โดยกาํ หนดความเรว็ รอบ ของเคร่อื งกลงึ ดงั นี้ 78, 98, 112, 218, 375, 560, 687, 750, 870, 956 และ 1,120 รอบ/นาที 5. จงบอกความปลอดภยั ในการปฏิบตั งิ านบนเครอ่ื งกลงึ มาอย่างนอ้ ย 5 ขอ้ (5 คะแนน) (5 คะแนน) แบบทดสอบหลงั เรยี นหน่วยท่ี 3 เคร่อื งกลงึ และงานกลงึ คาํ ส่งั จงเลอื กคาํ ตอบท่ถี กู ตอ้ งทส่ี ดุ 1. ขอ้ ใดคอื หนา้ ท่ขี องชดุ ทา้ ยแทน่ ก. รองรบั นาํ้ หนกั ของชิน้ งาน ค. สง่ กาํ ลงั ข. ประคองชิน้ งาน ยาว ง .ป้อนอตั โนมตั ิ 2. ส่วนประกอบของเครือ่ งกลงึ ในขอ้ ใดท่ีมหี นา้ ท่โี ยกเฟืองภายในชดุ หวั เครื่องเพ่อื ปรบั ความเรว็ รอบ ก. จดุ หวั เคร่ือง ค. รบั กลงึ เกลยี ว ง. แขนปรบั คนั โยก ข. ชดุ เพลาหวั เครอ่ื ง ง. ชดุ เฟืองทด 3. ขอ้ ใด ไม่ใช่ สว่ นประกอบของชดุ หวั เครื่อง ก. ส่งกาํ ลงั 2. ชดุ ทา้ ยแทน 4. หนา้ ท่ขี องชดุ แท่นเลื่อน (Carriage) คอื ขอ้ ใด
ก. ควบคมุ การกลงึ อตั โนมตั ิ ค. ปรบั เฟืองในชดุ กลอ่ งเฟือง (Gear Box) ปรบั เฟืองชดุ กล่อง ประคองชิน้ งาน 5. หนา้ ท่ขี องเพลาป้อน (Feed Shaft) คือขอ้ ใด ก. ใชส้ าํ หรบั การกลงึ อตั โนมตั ิ ข. ใชส้ าํ หรบั กลงึ เกลียว ค.ขบั เกลียวนาํ ง. นาํ เพลา 6 ชิน้ สว่ นท่มี ีหนา้ ท่เี ป็นฐานรองรบั ชดุ แท่นเลื่อน (Carriage) และชดุ ทา้ ยแท่น (Tail Stock) คือขอ้ ใด ก. ใชส้ าํ หรบั การกลงึ อตั โนมตั ิ ค. ขบั เกลยี วน ก. สะพานแทน่ เคร่อื ง 7. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ระบบปอ้ นของเครอ่ื งกลงึ ข. ชดุ เฟืองป้อน ง. เพลาป้อน 6 . ข. หวั จบั แบบ 4 ฟันจบั อสิ ระ ง. จานพาแบบรอ่ ง ง. เพลานาํ ก. ชดุ เฟืองหวั เคร่อื ง 8. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ อปุ กรณจ์ บั ยดึ ชนิ้ งานบนเครอ่ื งกลึ ง ก. หวั จบั แบบ 3 ฟันพรอ้ ม ค. เกลยี วนา ค. ชดุ ทา้ ยแทน่ ค. ยนั ศนู ย์ 9. อปุ กรณใ์ นขอ้ ใดท่ที าํ หนา้ ท่ปี ระคองชิน้ งานกลงึ ยาว ๆ ใหไ้ ดศ้ นู ยเ์ ดียวกบั เพลาเครอ่ื ง ก. หวั จบั ข. ประแจขนั ค. ยนั ศนู ย์ ง. ชดุ ทา้ ยแทน่ 10. หวั จบั (Chuck) แบง่ ออกเป็นกี่ชนดิ ก.1 ข.2 ค.3 ง.4
11. จากรูปหมายเลข 1 คอื ส่วนใด ก. หวั จบั ค. เพลานา 12. จากรูปหมายเลข 5 มหี นา้ ทอ่ี ย่างไร ก. ปรบั ความเรว็ รอบ ค. ประคองชิน้ งาน 13. จากรูปหมายเลข 5 คือขอ้ ใด ก. หวั จบั 1. ชดุ ทา้ ยแท่น ง. ป้อมมดี ข. ควบคมุ การกลงึ อตั โนมตั ิ ง. จบั ชนิ้ งาน 14. จากรูปเป็นอปุ กรณท์ ่มี หี นา้ ท่อี ะไร ค. ประคองชิน้ งาน \\ ก. จบั ชิน้ งาน ง. เจาะรูชิน้ งาน ข. จบั ดอกสวา่ น
15. จากรูปเป็นอปุ กรณท์ ่มี ีหนา้ ทอ่ี ะไร ก. จบั ดอกสวา่ น ค. เจาะรูชิน้ งาน ข. จบั ชิน้ งาน ง. ประคองชิน้ งาน 16. มดี กลงึ ปอกคือหมายเลขใด ข. 3 ก. 2 ค. 5 ง. 7 17. มดี กลงึ ปาดหนา้ คอื หมายเลขใด ก. 2 ค. 5 ข. 3 ง. 6
18. มดี กลงึ เกลยี วคอื หมายเลขใด ก. 3 ค. 6 19. ขอ้ ใดกล่าวไมถ่ กู ตอ้ ง ก. หวั จบั แบบ 3 ฟันพรอ้ มเหมาะสาํ หรบั จบั ชิน้ งานกลมหรือชิน้ งานหกเหล่ยี ม ข. ฟันจบั แบบ 3 ฟันพรอ้ มมีมมุ หา่ งกนั 130 องศา และฟันจบั เคลอ่ื นท่เี ขา้ ออกพรอ้ มกนั ค. หวั จบั แบบ 4 ฟันอสิ ระสามารถจบั ชิน้ งานไดท้ กุ รูปแบบ ง. หวั จบั แบบ 4 ฟันอสิ ระสามารถเคล่อื นทเี ขา้ -ออกไดอ้ ยา่ งอิสระ 20. หมายเลข 1 คอื อะไร ก. มมุ หลบชา้ ง ค. มมุ ดา้ นขา้ ง 21. มมุ หลบขา้ งคือหมายเลขใด ก. 1 ค. 3 22. หมายเลข 3 คอื มมุ อะไร 1 2 4. 4 ก. มมุ หลบชา้ ง 1. มมุ หลบปลายมดี ค. มมุ คายขา้ ง 4. มมุ หลบหนา้ มืด 23. หวั จบั ชิน้ งานแบบ 3 ฟันพรอ้ มแต่ละฟันทาํ มมุ ตอ่ กนั กี่องศ า TI. 90
1. 120 1. 180 ง270 24. ชิน้ งานลกั ษณะใดท่ีสามารถใชห้ วั จบั แบบ 4 ฟันอิสระจบั ยดึ ได้ ก. ชิน้ งานกลม ข. ชิน้ งานหกเหล่ียมดา้ นเทา่ ค. ชิน้ งานสามเหลี่ยม 1. ถกู ทกุ ขอ้ 25. จากรูป การจบั ยึดมดี กลงึ ถกู ตอ้ งหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด งานเครอ่ื งมอื กลเบอื้ ง ก. ถกู ตอ้ ง เพราะศนู ยข์ องชิน้ งานกบั ปลาย ข. ไมถ่ กู ตอ้ ง เพราะจบั มดี กลงึ ยาวเกนิ ไป ค. ถกู ตอ้ ง เพราะใชด้ า้ มจบั มดี กลงึ ง. ไมถ่ กู ตอ้ ง เพราะไมใ่ ชแ้ ผ่นรองมดี 26. การปรบั ตงั้ มดี กลงึ ขอ้ ใดกลา่ วไดถ้ กู ตอ้ ง ก. ใหป้ ลายมดี ไดศ้ นู ยเ์ ดียวกบั ศนู ยข์ องชนิ้ งาน ข. ใหป้ ลายมดี สงู กวา่ ศนู ยข์ องชนิ้ งาน ค. ใหป้ ลายมดี ต่าํ กวา่ ศนู ยข์ องชนิ้ งาน ง. ใหป้ ลายมดี สงู หรือต่าํ กวา่ ศนู ยข์ องชนิ้ งานก็ไดข้ นึ้ อย่กู บั ชนิดของมีดกลงึ
Search