1 บทท่ี 1 บทนำ ท่ีมาและความสาคญั ของปัญหา การดารงชีวิตอยู่ในสังคมไทยปัจจุบันที่มีเปล่ียนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ บุคคล จาเป็นต้องแสวงหาทางที่จะตอบสนองความต้องการทัง้ ของตนเองและของสังคมตลอดเวลา บางครัง้ ก็พบกบั อปุ สรรคขดั ขวางทาให้ความต้องการไมไ่ ด้รับการตอบสนอง เมื่อไมส่ ามารถหาทาง แก้ไขปัญหาได้ ก็ยอ่ มเกิดความไม่สบายใจ ทาให้บคุ คลหาวิธีการต่างๆ เพื่อท่ีจะลดหรือขจดั ความ ไม่สบายใจให้น้อยลงโดยกำรปรับตวั หากบคุ คลไม่สามารถปรับตวั กบั ปัญหาอปุ สรรคที่เกิดขนึ ้ ได้ หรือปรับตวั ไม่เหมาะสมผลที่ตามมาคือ ความสบั สน ย่งุ ยากใจ ความวิตกกงั วล ความกดดนั ทาง อารมณ์ และความเครียด ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตใจอย่างมาก (สุทธิชา ชูเกิด, 2542, น.1) โดยเฉพาะปัญหาสขุ ภาพจิตในวยั รุ่นที่มีแนวโน้มรุนแรงขนึ ้ อย่างเห็นได้ชดั ดงั รายงานสถิตจิ ากผล การสารวจสขุ ภาพจิตคนไทยของสสส.ปี 2552 ระหวา่ งเดอื น ม.ค.-มิ.ย.จานวน 35,700 ราย พบว่า เยาวชนอายุ 15-24 ปี เป็นกลุ่มเส่ียงต่อการมีปัญหาสุขภาพจิตมากท่ีสุด อีกทัง้ ไม่มั่นใจว่าจะ ส า ม า รถ ค ว บ คุ ม อ า รม ณ์ ตั ว เอ ง ได้ เม่ื อ มี เห ตุ ก า รณ์ คั บ ขัน ห รื อ ร้ า ย แ รง เกิ ด ขึ ้น (http://www.thaihealth.or.th/node/12298) นอกจากนีส้ ถิติการฆ่าตวั ตายในประเทศไทยของกรม สขุ ภาพจิตปี 2550 พบว่า มีผ้ฆู ่าตวั ตาย 3,756 คน คิดเป็นอตั รา 5.95 ต่อประชากรแสนคน และ พบสาเหตทุ ่ีวยั รุ่นพยายามฆ่าตวั ตายมากท่ีสดุ คือ ความขดั แย้งกบั ผ้อู ื่น เช่น ครอบครัว หรือเพ่ือน เหตกุ ระต้นุ อ่ืน คือ ปัญหาท่ีโรงเรียน การถกู อบรมสงั่ สอน หรือลงโทษ การขาดเพ่ือน หรือการถกู ปฏิเสธไม่ยอมรับ หรือถกู ทาให้เสียหน้า ปัญหาการติดยาเสพติด หรือเหล้า การถกู กระทาทารุณ ทัง้ การถูกทาร้ ายร่างกาย และถูกล่ วงเกินทำงเพศ กำรสูญ เสียบุคคลท่ี รัก เป็ นต้ น (www.vcharkarn.com/varticle/39547) วัยรุ่นเป็ นวัยท่ีมีการเปล่ียนแปลงมากมาย จึงต้ องปรับตัวอย่างมาก แอริคสัน (Erikson,1964) นกั จิตวิทยาชาวเยอรมนีได้อธิบายเกี่ยวกบั วยั รุ่นไว้โดยเขาเชื่อว่าวยั รุ่นนีเ้ ป็นช่วง วัยท่ีมีความขัดแย้งทางจิตสังคมวิกฤติมากกว่าวัยอ่ืนๆ เพราะเป็นช่วงหัวเลีย้ วหัวต่อหากไม่ สามารถแก้ไขภาวะวิกฤตินีใ้ ห้ลลุ ว่ งไปได้ เดก็ วยั รุ่นจะมีอตั ลกั ษณ์ท่ีสบั สนและกลายเป็นผ้ใู หญ่ที่มี บุคลิกภาพไม่มน่ั คง(ศรีเรือน แก้วกงั วาล,2545, น.51) นอกจากนีเ้ ขายงั เชื่อว่ากล่มุ คนที่มีความ เกี่ยวข้องและมีอิทธิพลในสมั พนั ธภาพของวยั รุ่นท่ีสาคญั ท่ีสดุ คือ กล่มุ เพ่ือน เพราะกล่มุ เพื่อนเป็น บคุ คลที่เป็นศนู ย์กลางความผกู พนั ของวยั รุ่น ถ้าวยั รุ่นไม่สามารถมีสมั พนั ธภาพที่ดีกบั เพื่อนได้ จะ
2 สง่ ผลให้มีลกั ษณะของพฤติกรรมที่ไม่พงึ ประสงค์คือ ขีอ้ าย ไมช่ อบสงั คม ตอ่ ต้านสงั คม อตั ลกั ษณ์ สบั สน หงอยเหงา รู้สึกว่าตนเองถกู ทอดทิง้ จนอาจกลายเป็นอนั ธพาลหรือติดยาเสพติด (ศรีเรือน แก้วกงั วาล, 2539,น.58) อีกทงั้ วยั รุ่นยงั เป็นวยั ท่ีกาลงั จะก้าวไปสวู่ ยั ผ้ใู หญ่ เพ่ือนและบคุ คลรอบ ข้างจะเข้ามามีอิทธิพลอย่างมาก จะเห็นได้จากมีการพบปะสงั สรรค์เพ่ือทากิจกรรมต่างๆ ร่วมกนั รวมทงั้ ความต้องการมีความสมั พนั ธ์ท่ีดีกบั คนอื่น(Ringness,1968 อ้างถึงใน นงลกั ษณ์ เขียนงาม ,2538, น. 1) ในระยะแรกของการแสวงหาการยอมรับจากกลมุ่ เพ่ือน เดก็ วยั รุ่นอาจมีพฤตกิ รรมท่ี ไม่สภุ าพน่มุ นวล ไมส่ ามารถควบคมุ อารมณ์ ความรู้สกึ ได้ แต่จะพฒั นาการปรับตวั ได้มากขนึ ้ ตาม การเจริญของวยั ท่ีเพิ่มขนึ ้ การเปลี่ยนแปลงระยะนีเ้ป็นช่วงสาคญั และเป็นเคร่ืองบง่ ชีช้ ีวิตในสงั คม ของวยั รุ่นในอนาคต กล่าวคือ ถ้าสามารถปรับตวั เข้ากับสงั คมได้ จะทาให้การดารงชีวิตอย่างมี ความสขุ ความสมั พนั ธ์ที่วยั รุ่นมีตอ่ เพ่ือนจะเป็นเคร่ืองตดั สินว่า เขามองโลกและตนเองอยา่ งไร ถ้า มีความรู้สึกม่นั คงในความสมั พนั ธ์กับเพ่ือนรุ่นเดียวกัน เขาจะมีความรู้สึกว่าโลกนีน้ ่าอยู่ และมี ความมนั่ ใจในตนเอง(Gronlund, 1959 อ้างถึงใน นงลกั ษณ์ เขียนงาม,2538, น.1) แต่ถ้าวยั รุ่นไม่ สามารถปรับตวั เข้ากบั สิ่งแวดล้อมได้ จะส่งผลให้สขุ ภาพจิตไม่ดีและไม่มีความสขุ ดงั การศึกษา ของ อลั แมน (Ulman,1957 อ้างถึงใน นงลกั ษณ์ เขียนงาม,2538, น.2) ทาการศกึ ษานกั เรียนท่ีต้อง ออกจากโรงเรียนกลางคนั พบว่า มีปัญหาการปรับตวั ทางสมั คม มกั ถูกเพ่ือนปฏิเสธ ดงั นัน้ เด็ก กลุ่มนีจ้ ึงมีผลการเรียนท่ีไม่ดี มีอารมณ์ตึงเครียด ไม่มีความสุข ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของ วรรณา ทองนุ้ย (2523 อ้างถึงใน นงลกั ษณ์ เขียนงาม,2538, น.2) ที่ทาการวิเคราะห์ปัญหาของ นักเรียน พบว่า การท่ีนักเรียนมีปัญหาด้านสังคม จะมีปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับเพ่ือน ปรับตวั ไมไ่ ด้ นกั เรียนจะรู้สกึ อดึ อดั และไมส่ บายใจ การท่ีจะชวยให้วยั รุนมีสมั พนั ธภาพที่ดีกบั บคุ คลอื่นนนั้ มีแนวคิดและทฤษฏีทางจิตวิทยา หลายทฤษฏีที่ได้กล่าวถึงหน่ึงในทฤษฎีเหล่านัน้ คือ ทฤษฏีการวิเคราะห์การส่ือสารสัมพันธ์ (Transactional Analysis) ของ Dr. Eric Berne จิตแพทย์ชาวแคนาดา(Berne, 1964) เป็นทฤษฏี ที่จะช่วยให้ผ้ทู ่ีศกึ ษาได้รู้จกั บคุ ลิกภาพของตนเองเข้าใจพฤติกรรมของตนเองในการติดต่อส่ือสาร กบั บุคคลอ่ืน เข้าใจความรู้สกึ นึกคิดและพฤติกรรมของบุคคลอื่น ตลอดจนยงั ได้ให้แง่คิดง่ายๆใน การเสริมสร้างและปรับปรุงการตดิ ตอ่ สมั พนั ธ์ ซง่ึ จะทาให้ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งบคุ คลเป็นไปอยา่ ง สร้างสรรค์ แนวคิดนีไ้ ด้กลา่ วถึงความสาคญั ของความใสใ่ จที่มีตอ่ ชีวิตมนษุ ย์ ที่สง่ ผลให้บคุ คลเกิด ทศั นะชีวิตตอ่ ตนเองและผ้อู ื่นอาจเป็นไปในทางท่ีดหี รือไมด่ ีก็ได้ ขนึ ้ อยกู่ บั ความใสใ่ จบคุ คลได้รับสง่ั สมมาตงั้ แต่วยั เด็ก และทศั นะชีวิตนนั้ ก็มีอิทธิพลตอ่ สัมพนั ธภาพของบคุ คล ผ้ทู ี่มีทศั นะชีวิตท่ีไม่ดี ตอ่ ตนเอง (I’m not OK) หรือที่ไม่ดีตอ่ ผ้อู ื่น (You’re not OK) ก็จะส่งผลให้มีสมั พนั ธภาพที่ไม่ดีกบั
3 ตนเองหรือผ้อู ื่น สว่ นผ้ทู ี่มีทศั นะท่ีดีตอ่ ตนเอง (I’m OK) และดีตอ่ ผ้อู ่ืน (You’re OK) ก็จะสง่ ผลให้มี สมั พันธภาพที่ดีกับตนเองและผู้อ่ืนไปด้วย ดังนัน้ แนวคิดนีจ้ ึงช่วยให้บุคคลเรียนรู้และพัฒนา วิธีการแสดงความใสใ่ จที่เหมาะสมอนั จะนาไปสกู่ ารพฒั นาทศั นะชีวติ ทงั้ ตอ่ ตนเองและผ้อู ่ืนให้ดีขนึ ้ ด้วย เมื่อบคุ คลรู้จกั เร่ิมวธิ ีที่จะแสดงการเอาใจใสใ่ นแง่บวกตอ่ กนั จะทาให้มีสมั พนั ธภาพที่ดตี อ่ กัน ตำมไปด้วย ทำให้เกิดความรู้สกึ มีคณุ คา่ มีความหมาย มีความรู้สกึ ท่ีดีต่อตนเอง มีอารมณ์มน่ั คง ปลอดภยั ขนึ ้ มีการยอมรับนบั ถือและมีทศั นคติท่ีดีต่อตนเองและผ้อู ่ืนเพิ่มขึน้ เป็นการสร้างทศั นะ ชีวิตแบบ “ฉันดี – เธอดี” (I’m OK - You’re OK) เป็นทัศนะท่ีสร้างสรรค์และประสบความสาเร็จ (Pitman,1984 อ้างถึงใน ธีระศกั ดิ์ กาบรรณารักษ์, 2544,น.1) นอกจากนีแ้ นวคิดการวิเคราะห์ การสื่อสารยงั ได้กลา่ วถึงสาเหตขุ องพฤตกิ รรมที่เป็นปัญหาของวยั รุ่นวา่ เกิดจากการที่วยั รุ่นมีทศั นะ ชีวิต(Life position)ที่ไม่ดตี อ่ ตนเอง(I’m not OK) หรือไม่ดตี อ่ ผู้อื่น(You’re not OK) เป็นผลมาจาก การที่วัยรุ่นได้รับการเลีย้ งดูและความใส่ใจที่ไม่เหมาะสมในวัยเด็กจึงทาให้วัยรุ่นมีการติดต่อ สัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างไม่เหมาะสม เช่น การใช้กาลังบังคับเพ่ือน มาจากการที่วัยรุ่นมีพืน้ ฐาน ความคดิ ว่าคนอ่ืนดีไมเ่ ท่าตนเอง แตลกึ ๆแล้ววยั รุ่นรู้สกึ ว่าตนเองไมด่ ี ไม่มีคา่ จะรู้สกึ วา่ ตนเองมีคา่ ก็ตอ่ เมื่อทาให้ผ้อู ื่นเกรงกลวั ได้ ว่ัยรุนที่ชอบมองตนเองในแงลบเสมอมกั จะมีพนื ้ ฐานความคดิ และ ความรู้สึกว่าตนเองไม่ดี เป็นต้น ทาให้แสดงพฤติกรรมท่ีไม่ดีต่อผ้อู ื่นและตนเองออกมา ส่งผลให้ สมั พนั ธภาพเป็นไปในทางท่ีไมส่ ร้างสรรค์ (พระมหาทิวา ทองคงอว่ ม, 2550,น. 3) ศนู ย์ฝึกพาณิชย์นาวีเป็นสถานท่ีฝึกอบรมนกั เรียนเดินเรือพาณิชย์หลายหลกั สตู ร หน่ึงใน นนั้ คือ หลกั สตู รนักเรียนเดินเรือพาณิชย์ หลกั สตู รปกติ ระยะเวลาศึกษา 5 ปี แยกออกเป็นฝ่ าย เดินเรือ และฝ่ายช่างกลเรือ ซง่ึ จะรับนกั เรียนเดนิ เรือเพศชาย สาเร็จการศกึ ษาชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 ท่ีอายุไม่เกิน 21 ปี ซ่ึงมีอายุอยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ลักษณะของการศึกษามีลักษณะเป็น วิชาชีพเฉพาะที่นกั เรียนเดินเรือพาณิชย์จาเป็นต้องได้รับการฝึกฝนหนกั ทงั้ ทางร่างกายและจิตใจ อีกทงั้ ยงั มีระเบียบวินยั ท่ีเข้มงวดทาให้นกั เรียนชนั้ ปีท่ีหนึ่งท่ีเพ่ิงเร่ิมต้นเข้ามาศกึ ษานนั้ ต้องปรับตวั มากทงั้ ในด้านการเรียน ด้านการฝึกทงั้ ร่างกาย จิตใจ และการสร้างสมั พนั ธภาพกบั เพอ่ื นใหม่ ซง่ึ มี ความสาคญั มากเพราะระบบการดแู ลปกครองนกั เรียนจะมีลกั ษณะของการต้องใช้ความสามคั คี และความเป็นหม่คู ณะสงู หากนกั เรียนคนใดไม่สามารถปรับตวั เข้ากบั เพ่ือนได้จะเป็นอปุ สรรคใน การเรี ยนและใช้ ชีวิตอยู่ในศูนย์ฝึ กฯอย่างยากลาบากจน อาจจะทาให้ ต้ องลาออกจากโรงเรี ยน กลางคนั ซงึ่ ปัญหาดงั กลา่ วทางศนู ย์ฝึกพาณิชย์นาวีได้ประสบมาอยา่ งตอ่ เนื่อง จากการสมั ภาษณ์ อาจารย์ฝ่ ายกิจการนักเรียนของศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี ทาให้ทราบว่าในช่วงปีการศึกษา 2550 – 2552 ท่ีผ่าน มีสถิตินกั เรียนท่ีลาออกกลางคนั ประมาณร้อยละ 5 ถึง10 ต่อปี โดยมีสาเหตุหลาย
4 ประการ เช่น ระบบการดแู ลท่ีมีความเข้มงวดมาก, ไม่มีเวลาเป็นส่วนตวั , ถกู จากัดสิทธิ, ไม่ชอบ วิชาที่เรียน และหน่ึงในสาเหตเุ หลา่ นนั้ ก็คือการมีสมั พนั ธภาพที่ไมด่ ีกบั เพื่อน สาหรับการฝึกการสร้ างสัมพันธภาพตามแนวคิดการวิเคราะห์การส่ือสารสัมพันธ์ (Transactional Analysis) เป็นแนวทางการฝึกอบรมโดยนากระบวนการปรึกษามาทาความเข้าใจ วิเคราะห์และฝึกฝนให้บคุ คลเข้าใจในสมั พนั ธภาพท่ีตนเองมีกบั ผ้อู ่ืน เพ่ือช่วยให้มีสมั พนั ธภาพที่ดี ยิ่งขนึ ้ การศกึ ษาเก่ียวกบั แนวคิดการวิเคราะห์การส่ือสารสมั พนั ธ์ (Transactional Analysis) เป็น การศึกษากับบุคคลวัยทางานเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีรูปแบบความสัมพันธ์ ที่ซบั ซ้อนและมี ปัญหาที่เด่นชัด แต่ในช่วงวัยรุ่นนัน้ ก็มีจาเป็ นต้ องได้ ทาความเข้ าใจและฝึกฝนการสร้ าง สมั พนั ธภาพท่ีดมี ากเช่นกนั เพ่ือชว่ ยให้มีความสามารถปรับตวั ได้ดีและมีความสขุ ในการอยรู่ ่วมกบั ผ้อู ื่น ด วยเหตผุ ลดงั กล าวผ้วู ิจยั จึงสนใจทาการวิจยั เก่ียวกบั การฝึกการสร้างสมั พนั ธภาพ ตามแนวคิดการวิเคราะห์การสื่อสารสมั พนั ธ์ของอีริค เบิร์น โดยทาการศึกษากับนกั เรียนเดินเรือ พาณิชย์ ศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี การวิจัยนีเ้ ป็นการวิจยั กึ่งทดลอง เพ่ือศึกษาผลของโปรแกรมการ ฝ กการสร างสัมพันธภาพตามแนวคิดวิเคราะห การส่ือสารสัมพันธ ของอีริค เบิร์น ท่ี พฒั นานกั เรียนเดินเรือพาณิชย์ให มีทศั นะชีวิตที่ดีขึน้ มีความคิดความรู สึกท่ีดีต อตนเอง และผู อื่นเพิ่มมากขึน้ และมีสมั พนั ธภาพกบั เพ่ือนที่ดีขึน้ ด้วย นบั เป นทกั ษะชีวิตที่สาคญั ใน การจะพฒั นาไปสู วยั ผู ใหญ ท่ีมีคณุ ภาพต อไป วตั ถปุ ระสงค ของการวิจยั เพ่ือศกึ ษาทศั นะชีวิต (A Life Position) และพฤติกรรมสมั พนั ธภาพกบั เพ่ือนของนกั เรียน เดินเรือพาณิชย์ ศนู ย์ฝึกพาณิชย์นาวี ที่เข้าร่วมโปรแกรมการการฝ กการสร างสมั พนั ธภาพ ตามแนวคดิ วิเคราะห การสือ่ สารสมั พนั ธ์ของอริ ิค เบริ ์น โดยคาดวา่ นกั เรียนเดินเรือพาณิชย์ท่ีเข้า ร่วมโปรแกรมจะเปล่ยี นแปลงพฤตกิ รรมตนเองเพ่อื นาไปสกู่ ารมสี มั พนั ธภาพท่ีดีกบั เพือ่ นมากยิ่งขนึ ้ สมมตฐิ านของการวิจยั 1. นกั เรียนท่ีเข าและไมไ่ ด้เข้าโปรแกรมการฝ กการสร างสมั พนั ธภาพตาม แนวคิดวิเคราะห การสื่อสารสัมพันธ ของอีริค เบิร์น จะมีคะแนนทัศนะชีวิตต อตนเอง คะแนนทัศนะชีวิตต อผู อื่น และคะแนนพฤติกรรมสัมพันธภาพกับเพ่ือนในระยะก่อนการ ทดลองไมแ่ ตกตา่ ง
5 2. นกั เรียนท่ีเข าโปรแกรมการฝ กการสร างสมั พนั ธภาพตามแนวคดิ วิเคราะห์ การส่ือสารสมั พนั ธ ของอีริค เบิร์น จะมีคะแนนทศั นะชีวิตต อตนเอง คะแนนทศั นะชีวิตต อผู อ่ืน และคะแนนพฤตกิ รรมสมั พนั ธภาพกบั เพื่อนสงู ขนึ ้ ภายหลงั การทดลอง 3. นกั เรียนที่เข าโปรแกรมการฝ กการสร างสมั พนั ธภาพตามแนวคิดวเิ คราะห การส่ือสารสมั พนั ธ ของอีริค เบิร์น จะมีคะแนนทศั นะชีวิตต อตนเอง คะแนนทศั นะชีวิตต อผู อ่ืน และคะแนนพฤติกรรมสมั พนั ธภาพกบั เพ่ือนภายหลงั การทดลองและระยะติดตามผล 4 สปั ดาห ไม แตกต างกนั 4. นกั เรียนท่ีเข าโปรแกรมการฝ กการสร างสมั พนั ธภาพตามแนวคดิ วเิ คราะห การสื่อสารสมั พนั ธ ของอีริค เบิร์น จะมีคะแนนทศั นะชีวิตต อตนเอง คะแนนทศั นะชีวิตต อผู อ่ืน และคะแนนพฤติกรรมสมั พนั ธภาพกบั เพื่อนภายหลงั การทดลอง สงู กว่านกั เรียนท่ีไม่ได้ เข้าร่วมโปรแกรม 5. นกั เรียนท่ีไม่ได้เข้าร่วมโปรแกรมการฝ กการสร างสมั พนั ธภาพตามแนวคดิ วิเคราะห การสอื่ สารสมั พนั ธ ของอีริค เบริ ์น จะมคี ะแนนทศั นะชีวิตต อตนเอง คะแนนทศั นะ ชีวิต ต อผู อื่น และคะแนนพฤติกรรมสมั พนั ธภาพกบั เพ่ือนก่อนการทดลอง และหลงั การทดลอง ไมแ่ ตกตา่ งกนั ขอบเขตการวจิ ยั การวจิ ยั ครัง้ นีไ้ ด้ทาการศกึ ษากบั นกั เรียนเดนิ เรือพาณิชย์ชนั้ ปีท่ี 1 หลกั สตู รปกติ 5 ปี ศนู ย์ฝึกพาณิชย์นาวี ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2552 อายุ 18 - 21 ปี และเป็นผ้ทู ี่มีความสมคั รใจเข้า ร่วมการวจิ ยั เทา่ นนั้ นิยามศพั ท์เฉพาะ (Definition of terms) ก. แนวคดิ วิเคราะห การส่อื สารสมั พนั ธ (Transactional Analysis-TA) หมายถึง แนวคิดที่ศึกษาเกี่ยวกับสัมพันธภาพ ระหว างมนุษย ของเบิร น (Berne, 1910-1970 เป็นแนวคิดท่ีช่วยให้บุคคลเกิดความเข้าใจต่อความคิด ความรู้สึก พฤติกรรมของ ตนเองและผู้อ่ืน ที่ส่งผลให้บุคคลมีสมั พนั ธภาพและส่ือสารกับผู้อ่ืนอย่างสร้างสรรค์ มีวฒุ ิภาวะ
6 และเป็นตวั ของตวั เองมากขนึ ้ ส วนสาคญั ของแนวคิดนีท้ ่ีผู วิจยั สนใจที่จะศกึ ษาในโปรแกรม ได แก เร่ืองความใส ใจ ทศั นะชีวิตและพฤตกิ รรมสมั พนั ธภาพกบั เพื่อน ข. ทศั นะชีวิต (A Life Position) หมายถึง ทศั นคติอนั เป นความคิดและความรู สึก ของ บคุ คลมีต อตนเองและผู อื่น ซง่ึ เป นไปได ทงั้ ทศั นคติท่ีดแี ละไม ดี ตามแนวคดิ ของการวิ เคราะห การสอื่ สารสมั พนั ธ ของเบริ น (Berne, 1964) ซง่ึ อธิบายได ดงั ต อไปนี ้ 1. ทศั นะชีวิตต อตนเองที่ดี (I’m OK หรือ I+) คือ มีความพึงพอใจในตนเอง รู สกึ ถงึ คณุ ค าของตนเอง ภาคภมู ิใจในตนเอง สามารถท่ีจะยอมรับจดุ ดจี ดุ ด อยของตนเองได 2. ทศั นะชีวิตต อตนเองที่ไม ดี (I’m not OK หรือ I-) คือ ไม มีความพึงพอใจ ใน ตนเอง รู สึกว าตนเองไม มีคณุ ค า ไม มีความภาคภูมิใจในตนเอง ไม สามารถที่จะ ยอมรับจดุ ด อยของตนเองได 3. ทศั นะชีวิตต อผู อื่นที่ดี (You’re OK หรือ U+) คือ เห็นคณุ ค าของผู อ่ืน เคารพ ในสิทธิ เชื่อมน่ั และไว วางใจพร อมทงั้ สามารถที่จะยอมรับความแตกต างหรือข อบกพร องของผู อ่ืนได ให อภยั และให โอกาสผู อื่นได 4. ทศั นะชีวิตต อผู อื่นท่ีไม ดี (You’re not OK หรือU-) คือ ไม เห็นคณุ ค าของคนอื่น ทาให ไม เคารพในสิทธิ ไม ไว วางใจใครและไม สามารถท่ีจะยอมรับความแตกต าง หรือข อบกพร องของผู อื่นได ให อภยั คนอื่นได ยากมาก ค. ความใสใ่ จ (Strokes) หมายถึง การกระทาใดๆก็ตามที่แสดงให้เห็นถึงการรับรู้สนใจตอ่ การมีตวั ตนอยขู่ องผ้อู ่ืน หรือการกระทาท่ีแสดงการรับรู้ถึงการมีตวั ตนอยู่ของผู้อ่ืน ความใส่ใจอาจแสดงออกได้ทัง้ ทาง คาพดู และทา่ ทางมีทงั้ แงบ่ วกเช่นการชมเชย การกอด การแสดงความรัก เป็นต้น และแง่ลบ เช่น การดดุ ่าว่ากล่าว การทาโทษ เป็นต้น บุคคลจะใช้เวลาในชีวิตเพ่ือสนองความต้องการที่จะได้รับ ความใส่ใจนี ้และความต้องการท่ีจะได้รับความใส่ใจก็เป็นตวั กาหนดพฤติกรรมการดาเนินชีวิต ของมนษุ ย์ อีกทงั้ ยงั เป็นแรงจงู ใจในการมีสมั พนั ธภาพกบั ผ้อู ่ืนด้วย ง. พฤตกิ รรมสมั พนั ธภาพกบั เพอ่ื น
7 หมายถงึ วธิ ีการและการกระทาที่แสดงออกกบั เพ่ือน เพ่ือตอบสนองความต้องการการใส่ ใจซ่ึงจะได้มาโดยการส่ือสารสมั พนั ธ์กบั เพื่อน ตามแนวคิดวิเคราะห์การส่ือสารสมั พนั ธ์ โดยผ่าน รูปแบบการใช้เวลาร่วมกนั ในการวิจยั ครัง้ นีจ้ ะศกึ ษา 4 รูปแบบ คอื 1. แบบทักทายปราศรัย (Rituals) หมายถึง เป็นรูปแบบของการใช เวลาส่ือสารกับ เพ่ือน อย่างมีแบบแผนพิธีการ เป็นการทกั ทายปราศรัยกนั ตามมารยาทสงั คม เช น การทกั ทาย ยิม้ ให้กัน ตามมารยาทของสงั คม การบอกลา การกล าวขอบคณุ กล่าวขอโทษ การกลา่ วอวยพร เป นต น 2. แบบสนทนาทวั่ ๆไป (Pastimes) หมายถึง การใช เวลาสมั พนั ธ กบั เพ่ือนท่ีมี เนือ้ หา สาระมากกว่าแบบทกั ทายปราศรัย โดยการสนทนาเปรียบเสมือนการฆ าเวลา เนือ้ หาสาระท่ี สนทนาจึงยงั เป นเรื่องไกลตวั หรือ เป็นเรื่องทว่ั ๆไป ไม่ต้องแสดงความรู้สกึ สว่ นตวั มากนกั ให ความรู สกึ ปลอดภยั หลีกเล่ียงการขดั แย ง การติดต่อสมั พนั ธ์ก็ไม่ลกึ ซงึ ้ นกั เช่น การคยุ กนั ถึง งานอดิเรก การกีฬา ข่าวสารบ้านเมือง ดินฟ้าอากาศ การเรียน เป็นต้น รูปแบบการใช้เวลาแบบ สนทนาทั่วไปนี ้ เป็นการใช้ เวลาแบบผิวเผิน แต่บุคคลจะได้รับความใส่ใจกว่าการใช้เวลาแบบ ทกั ทายปราศรัย 3. แบบกิจกรรม (Activities) หมายถงึ เป็นรูปแบบของการใช้เวลากบั เพ่อื นอยา่ งมี เปา้ หมาย มีเนือ้ หาสาระ มีความใกล้ชิดกนั มากขนึ ้ มีการแลกเปล่ยี นทศั นคติ ความคดิ เห็นเก่ียวกบั กิจกรรมที่ทา มีสมั พนั ธ กับเพื่อนโดยผ านการทางาน เช่น การทากิจกรรม การทางานกล่มุ การทาโครงการ การทากิจกรรมเพื่อสงั คม เป็นต้น 4. แบบใกล ชิด (Intimacy) หมายถึง การใช เวลากับเพ่ือนโดยมีการแลกเปล่ียน ความ รู สกึ ความคิด ประสบการณ อย างที่ตรงไปตรงมา พดู คยุ อย่างจริงใจไม ปิดบงั ความรู สกึ ความคดิ ที่แท จริงของตน เพราะมีความรู สกึ เป นตวั ของตวั เอง รู สกึ ไว วางใจเพอื่ น ท่ีตนสัมพันธ ด วย สามารถระบายความรู้สึกที่แท้ จริงออกมาได้ เข้าใจและยอมรับต่อ ความรู้สกึ ของตนเอง ไม่เลี่ยงหนี การส่ือสารแบบใกล้ชิดนีจ้ ะทาให้รู้สกึ ว่าตนเองได้รับการยอมรับ จากเพื่อน มีการสื่อสารสมั พนั ธ อย างตรงไปตรงมา ไม อาศยั เกมทางจิตวิทยา เปิดโอกาส ให้ผ้อู ื่นแสดงความคิดเห็น มีความกระตือรือร้นมีชีวิตชีวา เป็นสมั พนั ธภาพท่ียอมรับนบั ถือซ่งึ กนั
8 และกัน เห็นคุณค่าของกันและกัน ความใกล้ชิดผูกพนั นีเ้ ป็นการใช้เวลาท่ีทาให้ได้รับความใส่ใจ มากที่สดุ จ. นกั เรียนเดนิ เรือพาณิชย์ ศนู ย์ฝึกพาณิชย์นาวี หมายถึง นักเรียนเดินเรือพาณิชย์หลกั สตู รปกติ ระยะเวลาศึกษา 5 ปี ฝ่ ายเดินเรือ และ ฝ่ายช่างกลเรือ ศนู ย์ฝึกพาณิชย์นาวี ชนั้ ปีที่1 ท่ีกาลงั ศกึ ษาอยใู่ นภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2552 ประโยชน์ที่คาดวา่ จะได้รับจากการวิจยั 1. ช่วยให้นักเรียนท่ีเข้าร่วมโปรแกรมได เรียนรู และพัฒนาวิธีการท่ีจะเป นมิตรกบั ตนเองและผู อื่นมากขนึ ้ 2. ชว่ ยให้นกั เรียนท่ีเข้าร่วมโปรแกรมมีสมั พนั ธภาพที่ดีกบั ตนเองมากขนึ ้ โดยมีความ ใส ใจ มีความรู สกึ ความคดิ และการกระทาท่ีดตี อตนเองมากขนึ ้ 3. ช่วยให้นกั เรียนท่ีเข้าร่วมโปรแกรมมีการสร างสมั พนั ธภาพท่ีดกี บั เพ่อื นมากขนึ ้ โดยมีความใส ใจ มีความคดิ ความรู สกึ และการกระทาที่ดีต อผู อ่ืนมากขนึ ้ 4. เป็นแนวทางในการนาโปรแกรมการฝ กการสร างสัมพันธภาพตามแนวคิดวิ เคราะห การส่ือสารสมั พนั ธ มาใช้เพือ่ ช่วยเหลือพฒั นาสมั พนั ธภาพให้กล่มุ บคุ คลอ่ืน เชน่ นกั เรียน นกั ศกึ ษา บคุ ลากรในองค์กร
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: