สารบัญ 0 เรื่อง หนา้ การคดิ เชงิ ออกแบบ 1 ประเภทโครงงานคอมพวิ เตอร์ 4 ประเภทการวิเคราะห์ข้อมูล 7 ขน้ั ตอนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม 10 ระบบเทคโนโลยี 13 อา้ งอิง 16
1 การคดิ เชิงออกแบบ การคิดเชิงออกแบบ ( Design Thinking ) หมายถึง กระบวนการทำความเข้าใจปัญหาของ ผใู้ ช้ นำเสนอทางแกไ้ ข ปัญหาแบบใหม่ที่อาจไมเ่ คยคิดมาก่อน ผ่าน 5 ขัน้ ตอน ไดแ้ ก่การเขา้ ใจ นิยาม สรา้ งสรรค์ จำลอง และ ทดสอบ ปญั หาของผ้ใู ช้ (users needs) คือ สงิ่ ที่ระบบ Design Thinking ตอ้ งการคน้ หาและแก้ไข โดย ข้ันตอนการค้นหาสว่ นมากก็คือการถามคำถาม เกย่ี วกบั ผใู้ ช้งานปญั หาของผใู้ ชแ้ ละวิธีการแก้ปัญหา ปัจจุบัน สิ่งท่ที ำให้คนนิยมใช้ Design Thinking ในการแก้ปญั หา เพราะวา่ ระบบการคดิ แบบ Design Thinking สนับสนุนให้เราคิดนอกกรอบ เพื่อหาวธิ ีแก้ปัญหาที่คนส่วนมากคดิ ว่าทำไม่ได้ หรือเขา้ ใจวา่ ส่ิง ท่ีมอี ย่ปู ัจจุบนั ดีอยู่แลว้ ตวั อย่าง การใช้งาน Design Thinking ที่คนพูดถงึ เยอะทส่ี ุด คอื บริษัทใหเ้ ช่าที่พกั อยา่ ง AirBnB ในชว่ งท่ี AirBnB เปิดใหมแ่ ละกำลงั ยำ่ แย่ มยี อดขายแค่อาทิตยล์ ะหกพนั บาท สงิ่ ท่ีเจา้ ของบรษัทของ AirBnB ทำคือ ออกไปคุยกบั ลูกค้าใหล้ ูกคา้ ลองเล่นเว็บ AirBnB ให้ตวั เอง ดหู ลังจากนนั้ เจ้าของ AirBnB กค็ น้ พบปัญหาหลกั ที่ทำให้ลูกค้าไม่เช่าหอ้ งกับ AirBnB คือ ภาพไมส่ วย หลกั การ Design Thinking Process 5 ขน้ั ตอน กระบวนการคิดเชิงออกแบบ แบบทำง่ายๆ การสรา้ งนวัตกรรมเปน็ สิ่งทีค่ นคดิ วา่ ทำยาก และ ไม่เป็นระบบ Process เปน็ การพลิกวธิ ีคดิ การแก้ปัญหาให้กับผใู้ ช้ และการสร้างนวตั กรรมไดอ้ ย่างไรบา้ ง
2 1. Empathize เขา้ ใจ ข้ันตอนแรกของ Design Thinking คือ การทำความเข้าใจผ้ใู ช้งาน Empathy ( การเข้าอกเข้าใจ) การเพิ่มคุณค่าใหก้ ับกระบวนการ ผ่านการนำปัญหาของผู้ใชง้ านมาเป็นจุดเรม่ิ ต้น ขน้ั ตอนนี้เรม่ิ จากการสงั เกต และการถามผใู้ ชง้ าน โดยเฉพาะคำว่า ‘ทำไม’ ซำ้ หลายๆรอบ คำถามหลกั ท่เี ราต้อง ตอบก็คือ ‘ผู้ใช้คือใคร’ และ ‘ผู้ใชต้ อ้ งการอะไร’ ข้อดขี อง Empathize ก็คือการหาคำตอบจากศูนย์ โดยไม่ใช้ สมมติฐานหรอื อคตสิ ่วนตัว 2. Define นยิ าม Define คือ การสรุปข้อมลู จากขน้ั ตอนทีแ่ ลว้ เพื่ออธิบาย ปญั หาของผู้ใช้ ออกมาให้ชัดเจนที่สดุ การสรุปปญั หาของผ้ใู ชท้ ดี่ ตี ้องตอบโจทย์ใหไ้ ด้ว่า ใคร อะไร ทำไม เมื่อไร และ ท่ีไหน เช่น ลกู คา้ อยากหาวิธี ให้อาหารแมวเวลาทีต่ วั เองไม่อยู่บา้ น หรือ ลูกคา้ เปน็ แม่ลูกอ่อนทตี่ อ้ งออกไปซื้อของเขา้ บ้านคนเดียว 3. Ideate สร้างสรรค์ Ideate เปน็ ข้นั ตอนทีค่ นส่วนมากจำไดด้ ีทีส่ ดุ เพราะเป็นข้ันตอนมสี สี ันเยอะมาก รปู ท่เี ห็นประจำ คอื ไวทบ์ อร์ดท่ีมโี พสอทิ หลายๆสีแปะไวน้ ั่นเอง ในข้นั ตอนนี้ หากเรามคี นซัก 4-5 คนตอ่ หน่งึ กลุม่ กถ็ ือวา่ กำลงั ดี เพราะเราจะทำการ ระดมสมอง ออกไอเดีย หาความคิดใหม่ๆ มาแก้ปญั หาที่เราตงั้ ไว้ในขอ้ ที่แล้ว ย่ิงเราสามารถออกไอเดียได้เยอะสามารถ คดิ นอกกรอบได้ยิ่งดี หลังจากนั้นเรากต็ ้องเลือกว่าไอเดยี ไหน น่าทดลอง โดยอาจจะเลือกจากไอเดียทีน่ า่ จะได้ผลทสี่ ุด หรือ ทำไดจ้ รงิ มากท่สี ดุ ก็ได้ เราสามารถนำสองถงึ สาม ไอเดียมารวมกันเป็นคำตอบเดยี วกันก็ได้ 4. Prototype จำลอง ขัน้ ตอนน้ี คือสร้าง Prototype หรอื แบบจำลอง เพ่อื นำไอเดยี ท่ดี ีทีส่ ดุ จากข้อทแ่ี ลว้ และถามตัวเอง วา่ สามารถช่วยตอบโจทยข์ องผูใ้ ชไ้ ด้ดีแค่ไหน (ก่อนทจ่ี ะนำไปทดลองในขอ้ ตอ่ ไป) ในชว่ งแรกเราไมค่ วรลงทนุ หรือ ลงเวลามากในการสรา้ งแบบจำลอง เพราะส่งิ ทเ่ี ราต้องให้ความสำคัญมากกว่า คือ การเรยี นรู้เพอ่ื มาปรบั ปรงุ เพ่ิมเติมในอนาคต แบบจำลองท่ดี ีตอ้ งสามารถแทนไอเดียท่คี ุณอยากจะนำเสนอได้ และ ทำให้คณุ รู้ไดว้ ่าส่วนไหนของไอเดียทผ่ี ใู้ ช้ ชอบ หรือ ไม่ชอบ 5. Test ทดสอบ ขอ้ สำคัญของการทดสอบ คือ การเก็บข้อมูลอย่างรวดเรว็ คำวา่ ทดสอบอาจจะฟังดูเหมือนข้นั ตอนสนั้ ๆ แตใ่ นความเป็นจริง เราต้องมีการปรบั เปลี่ยน ปรับปรงุ แก้ไข ซำ้ หลายรอบเพ่ือให้ได้คำตอบทดี่ ที ่ีสุด คำตอบ ทค่ี ณุ ควรได้ก็คอื อะไรท่ีผใู้ ช้ชอบ และ อะไรท่ีเราต้องปรับปรุง หากในขั้นตอนนเ่ี ราคิดว่า ไอเดยี ไม่สามารถ ไปต่อได้ เราก็ตอ้ งกลบั ไปดูไอเดยี ในข้นั ตอนสาม (Ideate) ใหม่อีกรอบ
3 ประโยชนข์ องระบบการคดิ เชงิ ออกแบบ 1.ฝกึ กระบวนการแก้ไขปัญหาตลอดจนหาทางออกท่ีเป็นลำดบั ขั้นตอน : ปกตเิ ราอาจจะมีการหาทาง แก้ปัญหาแบบสะเปะสะปะ ไม่มีการหาสาเหตุ หรือไมม่ ีการมองรอบ 2.มที างเลอื กทีห่ ลากหลาย : การคิดบนพืน้ ฐานข้อมูลทม่ี ีหลากหลาย ตลอดจนพยายามคดิ หาวถิ ที าง หรอื แชร์ไอเดยี ทดี่ ีออกมาหลากหลายรปู แบบ ทำให้เรามองเหน็ อะไรรอบด้าน และมีตัวเลือกท่ีดีท่ีสุด ก่อนนำไปใช้ แก้ปัญหาจรงิ หรือนำไปปฎิบัตจิ ริง 3.มีตัวเลือกท่ีดีที่สุด เหมาะสมท่ีสดุ : เม่ือเรามตี ัวเลอื กหลากหลายเรากจ็ ะร้จู ักคิดวเิ คราะห์ และการคิด วิเคราะหน์ ้เี องจะทำใหเ้ ราสามารถเลอื กทางเลือกที่ดแี ละเหมาะสมท่สี ดุ ได้ มปี ระสิทธภิ าพมากกว่า 4.ฝึกความคิดสรา้ งสรรค์ : การแชรไ์ อเดีย ตลอดจนระดมความคิดนั้น จะทำใหส้ มองเราฝึกคดิ หลากหลายรูปแบบ หลากหลายวธิ ีการ หลากหลายมุมมอง และทำใหเ้ รารจู้ ักหาวิธแี ปลกๆ ใหมๆ่ ซง่ึ เปน็ พื้นฐาน ในการฝึกความคิดสรา้ งสรรค์ทด่ี ี ทีเ่ ปน็ พน้ื ฐานทดี่ ใี นการแกป้ ญั หา ตลอดจนการบริหารจัดการเช่นกัน 5.เกิดกระบวนการใหมต่ ลอดจนนวัตกรรมใหม่ : มีการคดิ มากมายหลากหลายรูปแบบ ตลอดจนแชร์ ไอเดียดีๆ มากมาย การทเ่ี ราไดพ้ ยายามฝึกคดิ จะทำใหเ้ รามักค้นพบวิธีใหมๆ่ เสมอ หรือเกดิ นวตั กรรมใหมๆ่ ข้นึ มา 6.มีแผนสำรองในการแกป้ ัญหา : การคิดที่หลากหลายวธิ ีนอกจากจะทำให้เราสามารถวิเคราะห์เลอื กวธิ ี ทีด่ ีทส่ี ดุ ได้แล้วนัน้ กย็ ังทำใหเ้ รามตี วั เลือกสำรองไปในตวั โดยผา่ นกระบวนการลำดับความสำคญั มาเรยี บร้อยแล้ว ทำให้เราสามารถเลือกใชแ้ กป้ ัญหาไดท้ ันทว่ งทีหากวิธีการท่ีเลือกไมป่ ระสบความสำเร็จ 7.องค์กรมกี ารทำงานอย่างเป็นระบบ : เมอื่ บุคลากรถูกฝึกให้คดิ อยา่ งเปน็ ระบบแบบแผนแล้วจะปลกู ฝงั ระบบการทำงานท่ีดี นั่นยอ่ มสง่ ผลให้องค์กรมีการทำงานอย่างเปน็ ระบบ และทำงานได้มปี ระสทิ ธิภาพมากข้นึ ดว้ ย เพิ่มศกั ยภาพให้กับบคุ ลากรและองค์กรไปในตัว
4 ประเภทการวิเคราะหข์ ้อมูล การวิเคราะห์ขอ้ มลู คือ การแปลงขอ้ มูลดบิ ให้เปน็ ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใชไ้ ดจ้ ริง ซึ่งรวมถงึ เครือ่ งมือ เทคโนโลยี และกระบวนการมากมายท่ีใช้ในการหาแนวโน้มและแก้ไขปัญหาโดยการใชข้ ้อมลู การวิเคราะห์ข้อมูลชว่ ยกำหนด กระบวนการทางธุรกจิ ปรับปรุงการตัดสินใจ และส่งเสรมิ การเติบโตของธุรกิจ แบง่ ออกได้ 4 ประเภท 1 การวิเคราะห์แบบพรรณนา นกั วิทยาศาสตรข์ ้อมลู วิเคราะหข์ ้อมูลเพ่ือทำความเข้าใจวา่ เกิดอะไรข้ึน หรอื เกิดอะไรข้ึนในสภาพแวดล้อมของ ขอ้ มูล เปน็ ลกั ษณะการแสดงขอ้ มูลดว้ ยภาพ เช่น แผนภมู วิ งกลม แผนภมู ิแท่ง เส้นกราฟ ตาราง หรอื การบรรยาย 2 การวิเคราะห์แบบวินจิ ฉัย การวเิ คราะห์แบบวินิจฉยั คือการตรวจสอบข้อมูลแบบเจาะลึกหรอื แบบละเอยี ดเพอื่ ทำความเขา้ ใจถึงสาเหตุ เป็นลกั ษณะการแสดงข้อมลู ด้วยการใช้เทคนิคต่างๆ กนั เช่น การเจาะลกึ การค้นพบข้อมูล การขุดข้อมูล และ การหาความสมั พนั ธ์ 3 การวเิ คราะหเ์ ชิงคาดการณ์ การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ใช้ขอ้ มูลในอดีตเพ่ือสรา้ งการคาดการณ์ทีแ่ มน่ ยำเก่ียวกบั แนวโนม้ ในอนาคต เป็น ลักษณะการแสดงข้อมลู ดว้ ยการใชเ้ ทคนคิ ตา่ งๆ เชน่ แมชชนี เลริ ์นนิง การพยากรณ์ การจบั ครู่ ปู แบบ และการ สร้างแบบจำลองเชิงคาดการณ์ ในแตล่ ะเทคนิคเหลา่ นี้ คอมพิวเตอร์ไดถ้ ูกตั้งคา่ ใหย้ ้อนกลับไปหาการเชอ่ื มต่อที เป็นเหตุเป็นผลในขอ้ มูล 4 ขอ้ มลู วเิ คราะหเ์ ชิงแนะนำ 4 ข้อมูลวิเคราะหเ์ ชงิ แนะนำจะต่อยอดจากข้อมลู ท่ีคาดการณ์ ไม่เพยี งแตค่ าดการณส์ ่ิงท่ีน่าจะเกิดขนึ้ แต่ยังแนะนำการตอบสนองที่เหมาะสมท่ีสุดต่อผลลพั ธ์นัน้ ดว้ ย โดยสามารถวิเคราะห์ผลกระทบทอ่ี าจเกดิ ขึ้น จากตวั เลือกต่างๆ และแนะนำแนวทางปฏบิ ตั ทิ ดี่ ีทส่ี ดุ เป็นลักษณะการแสดงข้อมลู ด้วยการวเิ คราะห์กราฟ
5 เทคนิคการวิเคราะห์ขอ้ มูล 1.การประมวลผลภาษาธรรมชาติ การประมวลผลภาษาธรรมชาตเิ ป็นเทคโนโลยีทใ่ี ชเ้ พ่ือทำให้คอมพวิ เตอร์เขา้ ใจและตอบสนองต่อภาษาที่มนุษย์พดู และเขยี น นักวิเคราะห์ข้อมูลใชเ้ ทคนิคน้ีในการประมวลผลขอ้ มูล เช่น บันทกึ ย่อ คำสัง่ เสียง และข้อความแชท 2.การขุดข้อความ นักวเิ คราะห์ข้อมลู ใชก้ ารขดุ ข้อความเพอ่ื ระบุแนวโน้มในข้อมูลข้อความ เชน่ อีเมล ทวีต งานวิจัย และบลอ็ กโพสต์ มันสามารถใช้สำหรบั การจดั เรยี งเนือ้ หาข่าว ความคดิ เหน็ ของลกู ค้า และอเี มลของลูกค้า 3.การวิเคราะห์ข้อมลู เซ็นเซอร์ การวเิ คราะห์ข้อมูลเซน็ เซอร์คือการตรวจสอบข้อมลู ทส่ี ร้างโดยเซน็ เซอรต์ ่างๆ ใช้สำหรบั การคาดเดาการ บำรุงรกั ษาเครอ่ื งจักร การติดตามการจดั สง่ และกระบวนการทางธุรกิจอ่นื ๆ ท่เี คร่ืองจกั รสร้างขอ้ มูล 4.การวเิ คราะห์ค่าผดิ ปกติ การวิเคราะห์คา่ ผิดปกติหรือการตรวจจับความผิดปกตริ ะบุจดุ ขอ้ มูลและเหตุการณท์ เี่ บี่ยงเบนไปจากข้อมูลทเ่ี หลือ
6 การวิเคราะหข์ อ้ มูลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนนิ งาน การวเิ คราะห์ขอ้ มูลสามารถช่วยให้บริษัทปรับปรุงกระบวนการ ลดความสูญเสยี และเพ่ิมรายได้ ตารางการ บำรงุ รกั ษาแบบใช้ข้อมลู คาดการณ์ ปรับปรงุ บญั ชรี ายชื่อพนักงาน และการจดั การซพั พลายเชนท่ีมปี ระสิทธิภาพ สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพทางธุรกจิ ได้อย่างทวีคูณ การวิเคราะหข์ อ้ มลู รองรบั การปรับขนาดของการดำเนนิ การข้อมลู การวเิ คราะห์ข้อมูลนำเสนอการทำงานอัตโนมัติของข้อมลู หลายอย่าง เช่น การยา้ ยข้อมูล การเตรยี มการ การ รายงาน และการผสานรวม ขจัดความไรป้ ระสิทธิภาพแบบแมนนวล และลดเวลาและชั่วโมงแรงงานทจี่ ำเป็นใน การดำเนินการขอ้ มลู ให้เสร็จสิ้น รองรบั การปรบั ขนาดและช่วยให้คุณขยายแนวคดิ ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเรว็ การวเิ คราะห์ขอ้ มูลช่วยใหแ้ คมเปญทางการตลาดมีประสิทธภิ าพ การวิเคราะห์ข้อมูลชว่ ยขจดั การคาดเดาทางการตลาด การพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ การสรา้ งเนื้อหา และการบรกิ าร ลกู ค้า ชว่ ยใหบ้ ริษัทต่างๆ เปิดตวั เน้อื หาที่เป็นเปา้ หมายและปรบั แตง่ โดยการวเิ คราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ การ วิเคราะห์ข้อมลู ยังให้ขอ้ มลู เชงิ ลกึ อันมีคา่ เกยี่ วกับวธิ กี ารทำงานของแคมเปญทางการตลาด การกำหนดเป้าหมาย ข้อความ และครเี อทีฟโฆษณาทั้งหมดสามารถปรบั เปลี่ยนได้ตามการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ การวเิ คราะห์ สามารถเพิ่มประสิทธภิ าพดา้ นการตลาดโดยสร้างยอดขายมากขนึ้ และมีการสูญเสยี ค่าโฆษณาน้อยลง การวเิ คราะห์ขอ้ มูลบอกเก่ยี วกับการพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ องค์กรใช้การวเิ คราะห์ข้อมลู เพ่อื ระบแุ ละจัดลำดบั ความสำคัญของคุณลักษณะใหม่ ๆ สำหรับการพัฒนา ผลติ ภณั ฑ์ พวกเขาสามารถวิเคราะห์ความตอ้ งการของลูกค้า นำเสนอคณุ สมบตั ิเพ่ิมเตมิ ในเวลาที่นอ้ ยลง และ เปดิ ตวั ผลิตภณั ฑใ์ หมไ่ ด้เร็วยง่ิ ขึ้น
7 ประเภทโครงงานคอมพิวเตอร์ โครงงานคอมพิวเตอร์ หมายถึง กจิ กรรมการเรียนที่นักเรียนมีอสิ ระในการเลอื กศกึ ษาปัญหาท่ตี นเองสนใจ โดยจะต้องวางแผนการ ดำเนินงาน ศึกษา พฒั นาโปรแกรม โดยใชค้ วามรูท้ างกระบวนการวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์และ อุปกรณ์ท่ีเกยี่ วข้อง ตลอดจนทกั ษะพื้นฐานในการพฒั นาโครงงาน เรอ่ื งท่นี ักเรียนสนใจและคิดจะทำโครงงาน ซึ่ง อาจมผี ู้ศึกษามาก่อน หรอื เป็นเรอ่ื งทน่ี ักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพฒั นาแลว้ นักเรยี นสามารถทำ โครงงานเร่อื งดังกลา่ วได้ แตต่ ้องคดิ ดัดแปลงแนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมลู การพฒั นาโปรแกรม หรือ ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ จากผลงานเดิมที่มีผ้รู ายงานไว้ จดุ มุ่งหมายสำคญั ของการทำโครงงานเป็นการเปิดโอกาสใหน้ กั เรียน ไดร้ บั ประสบการณ์ตรงในการใชร้ ะบบคอมพิวเตอรแ์ กป้ ัญหา ประดิษฐค์ ดิ คน้ หรือคน้ ควา้ หาความรู้ต่างๆ ใช้ คอมพวิ เตอร์ในการพฒั นาส่อื การเรียนรู้เพ่ือการศึกษา ประดษิ ฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออปุ กรณใ์ ชส้ อยต่างๆ พฒั นาโปรแกรมประยกุ ตต์ ่างๆ ตลอดจนการพฒั นาเกมคอมพิวเตอร์ เพอ่ื ฝึกใหน้ ักเรยี นเป็นบคุ คลทีใ่ ฝ่เรยี นใฝ่รู้ การพัฒนาความคดิ ใหม่ๆ ความมีคุณธรรมจริยธรรม เอ้อื เฟื้อเผื่อแผ่ ใหก้ บั เพื่อนมนษุ ย์ และอยู่ในสงั คมอยา่ งมี ความสุข ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอร์ เปน็ เครอื่ งมือท่ใี ชใ้ นงานวจิ ัยในทุก ๆ สาขาวชิ า ดงั นัน้ โครงงานคอมพิวเตอรจ์ ึงมีความ หลากหลายเปน็ อยา่ งมาก ท้ังในลกั ษณะของเน้ือหา กจิ กรรม และลักษณะของประโยชน์หรือผลงานทีไ่ ด้ ซึ่งอาจ แบ่งเปน็ ประเภทใหญ่ ๆ ได้ 5 ประเภท คอื 1. โครงงานพัฒนาส่ือเพื่อการศกึ ษา (Educational Media) 2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development) 3. โครงงานประเภทจำลองทฤษฎี (Theory Experiment) 4. โครงงานประเภทการประยุกตใ์ ช้งาน (Application) 5. โครงงานพฒั นาเกม (Game Development)
8 1.โครงงานพฒั นาสอื่ เพอื่ การศกึ ษา (Educational Media) เปน็ โครงงานทใ่ี ช้คอมพิวเตอร์ในการผลติ สอื่ เพ่ือการศึกษา โดยการสรา้ งโปรแกรมบทเรยี น หรอื หน่วย การเรยี น ซ่งึ อาจจะต้องมภี าคแบบฝกึ หัด บททบทวน และคำถามคำตอบไว้พร้อม ผ้เู รยี นสามารถเรียนแบบ รายบุคคลหรือรายกลุม่ การสอนโดยใชค้ อมพวิ เตอรช์ ว่ ยน้ี ถอื วา่ เคร่ืองคอมพิวเตอร์เป็นอปุ กรณ์การสอน ไมใ่ ช่ เปน็ ครผู สู้ อน ซึ่งอาจเป็นการพฒั นาบทเรยี นแบบ Online ใหน้ กั เรยี นเข้ามาศึกษาดว้ ยตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนสี้ ามารถพัฒนาขน้ึ เพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาตา่ ง ๆ ไมว่ า่ จะเป็นสาขาคอมพิวเตอร์ วชิ าคณติ ศาสตร์ วิชาวทิ ยาศาสตร์ วชิ าสังคม วชิ าชีพอ่นื ๆ ฯลฯ โดยนักเรียนอาจคดั เลือกหวั ขอ้ ที่นักเรยี นทวั่ ไปท่ี ทำความเข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพฒั นาโปรแกรมบทเรยี น ตัวอย่างเช่น โปรแกรมสอนวิธีการใช้งาน ระบบ สุริยะจกั รวาล โปรแกรมแบบทดสอบวชิ าตา่ ง ๆ 2.โครงงานพฒั นาเครือ่ งมือ (Tools Development) เปน็ โครงงานเพ่ือพฒั นาเคร่ืองมอื มาใช้ช่วยสรา้ งงานประยุกต์ต่าง ๆ ซ่งึ โดยสว่ นใหญ่จะเป็นในรปู ซอฟต์แวร์ ตวั อย่างของเครอื่ งมือช่วยงาน เชน่ ซอฟตแ์ วรว์ าดรปู ซอฟต์แวรพ์ มิ พ์งาน ซอฟต์แวร์ชว่ ยการมองวตั ถุ ในมุมตา่ ง ๆ เป็นตน้ สำหรับซอฟต์แวร์เพอ่ื การพมิ พง์ านนนั้ สร้างขึน้ เป็นโปรแกรมประมวลผลภาษา ซ่ึงจะเปน็ เครอื่ งมือให้เราใช้งานในงานพิมพ์ตา่ ง ๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์เปน็ ไปไดโ้ ดยงา่ ย ซ่งึ รูปที่ได้สามารถนำไปใช้งาน ต่าง ๆ ไดม้ ากมาย สำหรับซอฟต์แวรช์ ่วยในการมองวัตถุในมุมต่าง ๆ ใชส้ ำหรบั ชว่ ยในการออกแบบสิง่ ของต่าง ๆ เชน่ โปรแกรมประเภท 3D 3. โครงงานประเภทจำลองทฤษฎี (Theory Experiment) เป็นโครงงานใช้คอมพิวเตอร์ในการจำลองการทดลองของสาขาต่าง ๆ เป็นโครงงานทผี่ ู้ทำต้องศึกษา รวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริงและแนวความคดิ ตา่ ง ๆ อย่างลกึ ซึ้งในเรื่องทตี่ ้องการศึกษา แล้วเสนอเปน็ แนวคิด แบบจำลอง หลกั การ ซึง่ อาจอยู่ในรปู ของสมการ สตู ร หรอื คำอธบิ ายก็ได้ พรอ้ มทั้งนำเสนอวธิ กี ารจำลอง ทฤษฎีดว้ ยคอมพวิ เตอร์ การทำโครงงานประเภทนมี้ จี ุดสำคญั อยู่ทผ่ี ูท้ ำต้องมีความรูเ้ รอ่ื งนนั้ ๆ เป็นอย่างดี ตัวอยา่ ง เชน่ การทดลองเรอื่ งการไหลของเหลว การทดลองเรอ่ื งพฤติกรรมของปลาอโรวานา่ ทฤษฎีการแบง่ แยก ดีเอ็นเอ เป็นตน้ 4. โครงงานประเภทการประยกุ ตใ์ ช้งาน(Application) เปน็ โครงงานท่ใี ชค้ อมพิวเตอร์ในการสรา้ งผลงานเพอื่ ประยุกตใ์ ช้งานจรงิ ในชีวติ ประจำวัน เชน่ ซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบและตกแตง่ อาคาร ซอฟตแ์ วรส์ ำหรบั การผสมสี ซอฟต์แวร์สำหรับการระบุคนร้าย เป็นต้น โครงงานงานประเภทนีจ้ ะมีการประดิษฐฮ์ าร์ดแวร์ ซอฟตแ์ วร์ หรืออปุ กรณ์ใช้สอยต่าง ๆ ซึง่ อาจจะ สร้างใหม่หรอื ปรบั ปรุงดดั แปลงของเดิมท่มี ีอยแู่ ลว้ ใหม้ ี ประสทิ ธิภาพสงู ข้นึ ก็ได้ โครงงานลักษณะน้ีจะต้องศึกษา และวเิ คราะห์ความต้องการของผใู้ ชก้ ่อน แล้วนำขอ้ มูลท่ไี ด้มาใชใ้ นการออกแบบ และพัฒนาส่ิงของนัน้ ๆ ต่อจากนน้ั ต้องมีการทดสอบการทำงานหรือทดสอบคณุ ภาพของสง่ิ ประดิษฐแ์ ล้วปรับปรุงแกไ้ ขให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนีน้ ักเรียนต้องใช้ความรูเ้ กย่ี วกบั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรม และเครื่องมือต่าง ๆ
9 5. โครงงานพัฒนาเกม (Game Development) เปน็ โครงงานพฒั นาซอฟตแ์ วร์เกมเพ่ือความรู้ และ/หรือ ความเพลดิ เพลิน เชน่ เกมหมากรุก เกมหมาก ฮอส เกมการคำนวณเลข ซงึ่ เกมที่พัฒนาขน้ึ นน้ี า่ จะเนน้ ใหเ้ ปน็ เกมท่ีไม่รุนแรง เนน้ การใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมี หลกั การ โครงงานประเภทนีจ้ ะมกี ารออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์การเลน่ เพื่อให้น่าสนใจเกผ่ ู้เลน่ พร้อมทัง้ ให้ ความรู้สอดแทรกไปดว้ ย ผพู้ ัฒนาควรจะได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมตา่ ง ๆ ทม่ี ีอย่ทู ่ัวไปและ นำมาปรบั ปรงุ หรอื พัฒนาข้นึ ใหมเ่ พ่ือให้ป็นเกมท่แี ปลกใหม่ และน่าสนใจแก่ผู้เลน่ กลุม่ ต่าง ๆ
10 ขั้นตอนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม ขั้นท่ี 1 ระบุปญั หา (Problem Identification) เปน็ ขัน้ ตอนที่ผแู้ ก้ปัญหาทำความเข้าใจในสงิ่ ที่เป็นปัญหาในชวี ติ ประจำวันทพี่ บเจอ เพ่ือนำข้อมูล เหล่านั้นมาวเิ คราะหเ์ ง่ือนไขหรือข้อจำกัดของสถานการณป์ ัญหาอยา่ งชัดเจน การตั้งคำถามเพ่ือชว่ ยในการ วเิ คราะห์ปญั หา เป็นอีกหน่งึ วธิ ีท่งี า่ ยและชว่ ยให้ไดข้ ้อมูลที่จำเปน็ ในการกำหนดขอบเขตของปัญหา ซ่ึงสามารถใช้ ทักษะการต้ังคำถามด้วยหลัก 5W 1H เมอ่ื เกดิ สถานการณป์ ัญหาหรอื ความต้องการ ซง่ึ คำถามจากหลัก 5W1H ประกอบด้วย Who เป็นการตั้งคำถามเก่ียวกับบุคคลท่ีเกย่ี วข้องกับปัญหาหรือความต้องการ What เป็นการต้ังคำถามวา่ ปัญหาหรือความต้องการจากสถานการณน์ ้นั ๆ คืออะไร When เปน็ การต้งั คำถามปญั หาหรือความตอ้ งการของสถานการณ์น้นั จะเกิดขึ้นเมื่อใด Where เปน็ การตงั้ คำถามปัญหาหรอื ความต้องการของสถานการณน์ น้ั จะเกดิ ข้นึ ทไ่ี หน Why เป็นการตงั้ คำถามเพื่อวิเคราะหส์ าเหตวุ า่ ทาไมถงึ เกิดปญั หาหรือความตอ้ งการ How เปน็ การตัง้ คำถามเพอ่ื วิเคราะห์ถึงแนวทางหรือวธิ กี ารแก้ปญั หาน้นั จะสามารถทาไดด้ ้วยวธิ กี าร อยา่ งไร ขั้นที่ 2 รวบรวมขอ้ มูลและแนวคิดทเ่ี กี่ยวข้องกับปัญหา (Related Information Search) ในขน้ั ตอนน้จี ะเป็นการรวบรวมข้อมูลท่เี กย่ี วข้องกับปญั หาหรอื ความต้องการ และแนวทางการแก้ปัญหา หรือสนองความตอ้ งการตามทีก่ ำหนดไวใ้ นขั้นท่ี 1 เพื่อหาวิธีการที่หลากหลายสำหรบั ใช้ในการแกป้ ญั หาหรือ สนองความต้องการ โดยการค้นหาและรวบรวมขอ้ มลู จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เชน่ 1. การสอบถามจากผ้รู ู้ ผู้เชี่ยวชาญ 2. การสบื คน้ ข้อมูลจากอนิ เทอรเ์ นต็ ที่น่าเชอ่ื ถอื 3. การสบื คน้ จากเอกสาร บทความ งานวจิ ัย 4. การศึกษาดูงานจากสถานท่ีจรงิ 5. การทดลองทางวิทยาศาสตร์ ขัน้ ที่ 3 ออกแบบวิธกี ารแก้ปญั หา (Solution Design) เปน็ ข้นั ตอนของการออกแบบช้นิ งานหรือวธิ ีการโดยการประยุกต์ใช้ข้อมูลท่ีไดจ้ ากการรวบรวมในขัน้ ที่ 2 ซงึ่ ขั้นตอนน้จี ะช่วยสอื่ สารแนวคดิ ของการแก้ปัญหาให้ผู้อนื่ เข้าใจโดยผา่ นวิธีการต่างๆ เช่น การร่างภาพ การ อธิบาย เป็นต้น
11 การออกแบบแนวทางการแก้ปญั หาหรอื แนวทางการพฒั นางานก่อนการลงมือปฏิบัติงานจริง จะชว่ ยเพ่ิม ประสทิ ธิภาพในการทำงานด้านต่างๆ เช่น - ช่วยสอ่ื สารระหว่างผปู้ ฏบิ ัติงานใหเ้ ข้าใจตรงกัน - ช่วยลดความผดิ พลาดท่อี าจจะเกิดข้นึ จากการทำงาน - ช่วยลดระยะเวลาในการทำงาน ขน้ั ที่ 4 วางแผนและดำเนนิ การแก้ปญั หา (Planning and Development) เป็นขัน้ ตอนของการวางลำดบั ขั้นตอนของการสรา้ งชิน้ งานหรือวธิ กี าร จากนัน้ จึงลงมือสร้างหรือพัฒนา ช้นิ งานหรอื วิธีการ เพอื่ ทจี่ ะนำผลลพั ธ์ทไ่ี ดไ้ ปใช้ในการขั้นตอนต่อไป ขัน้ ท่ี 5 ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแกไ้ ขวิธกี ารแก้ปัญหาหรือช้นิ งาน (Testing, Evaluation and Design Improvement) เปน็ ขน้ั ตอนของการตรวจสอบและประเมินชิน้ งานวิธีการที่สร้างขนึ้ วา่ สามารถทางานหรอื ใชใ้ นการ แก้ปัญหาหรือสนองความตอ้ งการได้หรือไม่ มีข้อบกพร่องอย่างไร และควรปรับปรุงแก้ไขชิน้ งานหรอื แบบจาลอง วิธีการใน สว่ นใด ควรปรบั ปรุงแก้ไขอย่างไร แล้วจงึ ดาเนินการปรบั ปรุงแก้ไขในสว่ นนัน้ จนไดช้ น้ิ งานวิธกี ารท่ี สอดคลอ้ งตามรปู แบบท่ีออกแบบไว้ ข้ันที่ 6 นำเสนอวธิ กี ารแกป้ ัญหา ผลการแกป้ ญั หาหรือชน้ิ งาน (Presentation) เป็นข้ันตอนของการคดิ วธิ กี ารนำเสนอข้อมลู ทเ่ี กย่ี วข้องกับชนิ้ งานหรือวธิ ีการที่สร้างขึน้ มาเพือ่ แก้ปญั หา หรอื สนองความตอ้ งการ ซึ่งการนำเสนอผลงานควรอธบิ ายใหเ้ ข้าใจอยา่ งชดั เจน กระชับ และตรงประเดน็ โดย หัวขอ้ ใสการนำเสนอผลงานจะเก่ียวข้องการทำงานหรือการแก้ปญั หาทั้งหมด โดยเร่มิ ตง้ั แต่ปญั หาซึง่ เปน็ จะด เร่มิ ตน้ ของการทำงาน การรวบรวมข้อมูลท่ีเกย่ี วข้องกบั การแกป้ ัญหา ทง้ั วธิ ีการ และข้อมูลทีไ่ ดจ้ ากการรวบรวม ข้อมูล การออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหาหรอื ชน้ิ งาน การลงมือสร้างช้นิ งาน ตลอดจนการทดสอบ ปรบั ปรุง แกไ้ ข และปญั หาอุปสรรค์ท่เี กิดข้นึ ระหวา่ งการทำงาน
12
13 ระบบทางเทคโนโลยี เทคโนโลยี มีองคป์ ระกอบของหลายสว่ นทถ่ี ูกออกแบบใหท้ ำงานรว่ มกัน เชน่ เครอื่ งยนตท์ ี่มีช้นิ สว่ นแต่ละ ชั้นถกู ออกแบบและจัดวางให้ทำงานร่วมกัน การทำงานของแต่ละชน้ิ สว่ นจะสัมพนั ธต์ ่อกัน ซ่ึงเราเรยี กว่า ''ระบบ'' ระบบ System หมายถงึ การรวมกับของกลมุ่ องค์ประกอบต่างๆ ตง้ั แต่ 2 ส่วนขน้ึ ไป ท่ที ำงานร่วมกันเพ่ือเปา้ หมายหรอื วตั ถปุ ระสงค์เดียวกัน สามารถจำแนกได้ 2 ประเภท 1. ระบบทางธรรมชาติ หมายถึง ระบบที่เปน็ ไปตามธรรมชาติ เชน่ ระบบนิเวศ ระบบรา่ งกายมนุษย์ 2. ระบบท่ีมนุษย์สร้างข้ึน หมายถึง ระบบตา่ งๆ ที่มนษุ ยส์ รา้ งข้นึ มาเพือ่ ตอบสนองความต้องการ หรอื เปน็ เคร่อื งมอื เครื่องใชเ้ พื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนนิ ชีวิตในปจั จบุ นั เชน่ ระบบรถ ระบบเครื่องบิน ระบบ คอมพวิ เตอร์ ระบบไฟฟ้า เป็นต้น ระบบทางเทคโนโลยีถอื ได้ว่าเป็นระบบท่ีมนษุ ยส์ ร้างขึ้น
14 ระบบทางเทคโนโลยี (Technological System) หมายถงึ กลมุ่ ของสว่ นต่างๆ ต้ังแต่ 2 ส่วนขน้ึ ไปประกอบเขา้ ดว้ ยกนั และทำงานร่วมกันเพื่อบรรลวุ ตั ถุประสงค์ โดยในการทำงานของระบบทางเทคโนโลยีจะประกอบไปด้วยตวั ปอ้ น (lnput) กระบวนการ (process) และ ผลผลิต (output) ที่สัมพนั ธก์ ัน นอกจากนร้ี ะบบทางเทคโนโลยีอาจมีข้อมลู ย้อนกลบั (feedback) เพ่อื ใชใ้ นการ ปรบั ปรุงการทำงานได้ตามวัตถุประสงค์ 1.ตัวปอ้ น (input) หมายถึง ข้อมลู หรือสิง่ ที่ป้อนเข้าสู่ระบบ เพื่อใหไ้ ดผ้ ลผลิตออกมาตอบสนองความ ตอ้ งการหรอื วคามจำเปน็ ของมนษุ ย์ 2.กระบวนการ (process) หมายถึง ขนั้ ตอนหรือวิธกี ารดำเนินการในระบบ เพ่อื ใหไ้ ด้ผลผลติ ท่ีตอ้ งการ 3.ผลผลติ (output) หมายถึงผลท่ีได้จากการกระบวนการท่ีเกิดข้นึ ในระบบ อาจได้มาซงึ่ ผลิตภณั ฑห์ รือการ ทำงานใหม่ๆ เพื่อชว่ ยใหก้ ารทำงานมีประสิทธิภาพ 4.ขอ้ มลู ย้อนกลบั (feedback) หมายถึง ข้อมูลท่ีใช้ป้อนกลับสรู่ ะบบ เพื่อให้ระบบเกดิ การทำงานอย่าง สมบูรณ์หรือบรรลตุ ามความต้องการ โดยระบบแต่ละระบบอาจจะมขี ้อมูลยอ้ นกลับหรอื ไมม่ ขี ้อมลู ย้อนกลบั ก็ได้ การวิเคราะหก์ ารทำงานของระบบเทคโนโลยี การท่ีระบบจะทำงานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพน้ันเรา จำเป็นตอ้ งวเิ คราะห์การทำงานของระบบเทคโนโลยี น่ันคอื การตรวจสอบและประเมนิ ผลการทำงานของระบบ ในทุกองคป์ ระกอบว่ามีการทำงานเปน็ ระบบหรือไม่ มีข้อผิดพลาดอย่างไร ซ่งึ จะทำให้ทราบขอ้ ผิดพลาดและ ดำเนนิ การแกไ้ ข ทำใหเ้ กิดระบบที่มปี ระสิทธิภาพและยั่งยืน
15 การทำฝนหลวงเป็นวิธีการดัดแปรสภาพอากาศทำให้เกิดฝน โดยทำจากเมฆทีม่ ีลกั ษณะพอเหมาะที่จะเกดิ ฝนได้ จากนนั้ สารเคมจี ะช่วยเร่งใหเ้ มฆเกิดการควบแนน่ และเกดิ การกล่นั ตวั กลายมาเป็นฝน ผลกระทบและการเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยี ในปจั จุบนั มปี จั จัยหลายอย่างไม่วา่ จะเป็นการโฆษณา จุดแข็งทางเศรษฐกจิ เป้าหมายของแตล่ ะองค์กร และความ นิยมแบบชั่วขณะที่ถูกกำหนดโดยสังคม ส่งิ ต่างๆ ที่กล่าวมาลว้ นมีผลกระมบต่อความต้องการและการสร้าง เทคโนโลยีมาเร่อื ยๆ ซงึ่ ผลกระทบของการพัฒนาเทคโนโลยี แบ่งไดเ้ ปน็ 4 ดา้ น ดังน้ี 1. ดา้ นสิง่ แวดลอ้ ม มีผลในดา้ นบวกและด้านลบต่อสิ่งแวดลอ้ มในธรรมชาติ ตัวอย่าง เทคโนโลยีทำใหก้ าร คมนาคมมีความสะดวกสบายและใชเ้ ชอื้ งเพลงิ มากขนึ้ ทำให้เกิดแกส๊ คาร์บอนไดออกไซต์มากขน้ึ และกลายมา เปน็ ภาวะโลกรอ้ นในทสี่ ดุ 2. ดา้ นเศรษฐกจิ มผี ลกระทบกบั ระบบธรุ กรรมทางการเงนิ ตวั อย่าง เทคโนโลยีทำให้ทุกวันน้เี ราวสมารถ ทำธุรกรรมทางการเงินไดง้ า่ ยขนึ้ ผ่านโทรศัพท์มือถือ หรอื คอมพิวเตอร์ 3. ดา้ นวฒั นธรรม สิ่งประดษิ ฐห์ รอื นวตั กรรมไดเ้ ปล่ยี นวถิ กี ารดำรงชีวิตและวธิ กี ารทำงานของมนุษย์ ตวั อยา่ ง เทคโนโลยที ำใหส้ ังคมโลกทุกวนั น้ีกลายเป็นสังคมแห่งการส่ือสาร สามารถเอาชนะเรอ่ื งระยะทาง เวลา และสถานท่ีได้ ทำให้ช่วยลดเวลาในการทำงานให้นอ้ ยลงแตไ่ ดผ้ ลผลิตมากขนึ้ 4. ด้านการเมือง จะแสดงออกมาในลักษณะสงิ่ ประดิษฐห์ รือนวัตกรรม มีอทิ ธิพลกบั การตดั สนิ ใจทาง การเมืองและนโยบาย กฏเกณฑ์ หรอื บังคบั ของรฐั ตัวยา่ ง การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ เพอ่ื กระจายข่าวสาร เพือ่ ใหป้ ระชาชนไดเ้ ห็นความสำคัญของระบบประชาธปิ ไตย
16 อ้างอิง การคดิ เชิงออกแบบ : http:/www.edbathai.com/Main2/แผนกวชิ าการระดับการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน /86- บทความการศึกษา/320-design-thinking-กระบวนการคิดเชิงออกแบบ ประเภทการวิเคราะหข์ ้อมลู : https://digi.data.go.th/blog/data-analytics/ ประภทโครงงานคอมพิวเตอร์ : https://www.acr.ac.th/acr/ACR_E- Learning/CAREER_COMPUTER/COMPUTER/M4/ComputerProject/content1.html ขน้ั ตอนการออกแบบเชิงเชิงวิศวกรรม : https://sites.google.com/a/lrp.ac.th/kar-xxkbaeb-laea- thekhnoloyi/u6-1-krabwnkar-xxkbaeb-cheing-wiswkrrm ระบบทางเทคโนโลยี : https://krubom.com/blog/design-think-technology/Technology-of-System
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: