Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ปัญหาการดำเนินการทางวินัยฯ ท่านทรงยศ พรานเนื้อ

ปัญหาการดำเนินการทางวินัยฯ ท่านทรงยศ พรานเนื้อ

Published by dongthong.da, 2020-09-15 23:04:47

Description: ปัญหาการดำเนินการทางวินัยฯ ท่านทรงยศ พรานเนื้อ

Search

Read the Text Version

คาสงั่ ต้งั คณะกรรมการสอบสวนวนิ ยั • ไม่ใช่คาสงั่ ทางปกครอง และเป็นเพียงข้นั ตอนภายในทางปกครอง • คาสง่ั แต่งต้งั คณะกรรมการสอบสวนวนิ ยั ที่ไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย (ออกคาสง่ั โดยไม่มีอานาจ/กรรมการขดั หลกั ความเป็นกลาง) แมผ้ ฟู้ ้องคดีไม่ไดย้ กข้ึนต่อสูใ้ นช้นั อุทธรณ์คาสงั่ ลงโทษ กส็ ามารถ ยกข้ึนต่อสูใ้ นช้นั พจิ ารณาของศาลปกครองได้ 51

ผมู้ ีอานาจต้งั คณะกรรมการสอบสวนวนิ ยั • ศธจ. กรณีร้ายแรง (ผมู้ ีอานาจสง่ั บรรจุตาม ม.๕๓+คาสง่ั คสช. ที่ ๑๙/๒๕๖๐) • ผอ.ร.ร. /ผอ.สพท. กรณีไม่ร้ายแรง (ผบู้ งั คบั บญั ชา) 52

ถูกกล่าวหาร่วมกนั • กรณีท่ีผถู้ ูกกล่าวหาวา่ กระทาผดิ วนิ ยั อยา่ งร้ายแรงร่วมกนั และใน จานวนผถู้ ูกกล่าวหาดงั กล่าว ผมู้ ีอานาจสงั่ บรรจุตามมาตรา 53 ของผถู้ ูกกล่าวหาผหู้ น่ึงผใู้ ดเป็นผบู้ งั คบั บญั ชาท่ีมีลาดบั ช้นั สูงกรณีผู้ มีอานาจตามมาตรา 53 ของผถู้ ูกกล่าวหารายอ่ืน กใ็ หผ้ บู้ งั คบั บญั ชา ในลาดบั ช้นั สูงกวา่ ดงั กล่าวเป็นผสู้ งั่ แต่งต้งั คณะกรรมการสอบสวน ผถู้ ูกกล่าวหาท้งั หมด 53

• ตวั อยา่ งเช่น ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษากระทาผดิ วินยั อยา่ งร้ายแรง ร่วมกบั ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียนเฉพาะความ พิการ สงั กดั สานกั บริหารงานการศึกษาพเิ ศษ กรณีเช่นน้ีเลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน เป็นผบู้ งั คบั บญั ชาซ่ึงเป็นผมู้ ี อานาจสง่ั บรรจุและแต่งต้งั ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในสงั กดั สานกั บริหารงานการศึกษาพเิ ศษ และเป็นผบู้ งั คบั บญั ชาใน ลาดบั ท่ีสูงกวา่ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐานจึงเป็น ผอู้ อกคาสงั่ แต่งต้งั คณะกรรมการสอบสวนวินยั อยา่ งร้ายแรง ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาท้งั 2 ราย 54

ในกรณีท่ีขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ต่างหน่วยงานการศึกษาหรือต่างเขตพ้นื ท่ีการศึกษา กระทาผดิ วนิ ยั ร่วมกนั • ใหผ้ มู้ ีอานาจสง่ั บรรจุและแต่งต้งั ตามาตรา 53 ของผถู้ ูกกล่าวหา แต่ละรายประสานการดาเนินการร่วมกนั ในการแต่งต้งั คณะกรรมการสอบสวน • ตอ้ งมีหลกั ฐานเป็นหนงั สือแสดงถึงการติดต่อประสานงาน 55

คาถาม • นาย ก และนาย ข ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สงั กดั สพม. ๑ ถูกร้องเรียนกล่าวโทษวา่ ร่วมกนั กระทาผดิ กรณีทุจริตใน การจดั ซ้ืออุปกรณ์สานกั งาน ต่อมานาย ข ไดถ้ ูกตดั โอนตาแหน่งไป สงั กดั สนง.ศธจ. ราชบุรี – การแตง่ ต้งั คณะกรรมการสอบสวนกรณีน้ี ตอ้ งทาอยา่ งไร 56

คาถาม • นาย ก และนาย ข ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สงั กดั สพม. ๑ ถูกร้องเรียนกล่าวโทษวา่ ร่วมกนั กระทาผดิ กรณีทุจริตใน การจดั ซ้ืออุปกรณ์สานกั งาน ต่อมานาย ข ไดถ้ ูกตดั โอนตาแหน่งไป สงั กดั สานกั งานศึกษาธิการภาค ๓ – การแต่งต้งั คณะกรรมการสอบสวนกรณีน้ี ตอ้ งทาอยา่ งไร 57

• คำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด คดหี มำยเลขแดงท่ี อ.600/2554 : กำร แตง่ ต้ังคณะกรรมกำรสืบสวน สอบสวนวินัยซำ้ กัน • คดีนี.้ . มีคณะกรรมการสอบสวนทางวินยั อยา่ งรา้ ยแรง จานวน 2 คนเคยเป็นกรรมการสืบสวนข้อเทจ็ จริง ต่อมา ผู้บังคบั บญั ชามีคาส่งั แต่งต้งั ท้งั สองคนมาเป็นกรรมการสอบสวน วินัยอย่างร้ายแรงอีก จึงทาให้การพิจารณาทางปกครองไม่มีความ เป็นกลางตามนัยมาตรา 16 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวิธี ปฏิบตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 กล่าวคือ ในการ สืบสวนข้อเท็จจริงท้งั 2 คน ในฐานะกรรมการมีความเห็นว่า พฤติการณ์ของผ้ฟู ้องคดีมีมลู เป็นการกระทาผดิ วินยั อย่างร้ายแรง เมือ่ บุคคลท้งั สองได้รบั การแต่งต้งั ให้เป็นคณะกรรมการสอบสวน วินยั อย่างร้ายแรงอีก และคณะกรรมการสอบสวนทางวินยั อย่าง ร้ายแรงมีเพียง 3 คน บุคคลท้งั สองจึงเป็นเสียงข้างมาก ดงั น้นั จึง ทาให้ผลการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง ย่อมคาดหมายได้อยู่ แล้วว่าไม่อาจแตกต่างไปจาก ผลการสืบสวนข้อเทจ็ จริง

คำพพิ ำกษำศำลปกครองสูงสุด คดีหมำยเลขแดงที่ อ.600/2554 (ต่อ) ประกอบกับกำรแต่งตั้งคณะกรรมกำรสอบสวนวินยั ผ้ฟู อ้ งคดีกไ็ มม่ ีควำมจำเปน็ ถงึ ขนำดหำก ปล่อยใหล้ ่ำชำ้ ไปจะเสียหำยต่อประโยชนส์ ำธำรณะหรอื สทิ ธขิ องบุคคล จะเสยี หำยโดยไม่มี กำรแกไ้ ข อีกท้งั ไมม่ ีควำมจำเปน็ ตอ้ งแต่งตงั้ ทั้งสองคนซึ่งเคยเป็นกรรมกำรสบื สวนมำเป็น กรรมกำรสอบสวนวินัยอยำ่ งร้ำยแรงอีก เพรำะมขี ำ้ รำชกำรซง่ึ อยใู่ นสงั กดั เดียวกนั กับผ้ฟู ้อง คดีท่ีมตี ำแหน่งไม่ตำ่ กว่ำ ผ้ฟู ้องคดีอยเู่ ป็นจำนวนมำก จึงไม่อำจถือได้ว่ำเปน็ กรณไี มม่ เี จ้ำหน้ำที่อน่ื ปฏิบตั หิ น้ำทไ่ี ด้ เมือ่ กำรแต่งต้งั คณะกรรมกำรสอบสวนวนิ ยั อยำ่ งรำ้ ยแรงผฟู้ ้องคดี ซง่ึ เป็นกำรพจิ ำรณำทำง ปกครองไม่ชอบดว้ ยกฎหมำย กำรที่นำผลกำรสอบสวนมำใช้พจิ ำรณำลงโทษทำงวนิ ัยผฟู้ อ้ ง คดี จึงไม่ชอบดว้ ยกฎหมำยเปน็ เหตุใหค้ ำส่งั ท่ีลงโทษไลผ่ ู้ฟอ้ งคดีออกจำกรำชกำรไม่ชอบดว้ ย กฎหมำยด้วย จึงพพิ ำกษำให้ เพิกถอนคำสั่งลงโทษไลผ่ ู้ฟอ้ งคดอี อกจำกรำชกำร

คำพพิ ำกษำศำลปกครองสงู สุด อ.๑๙๕๗/๒๕๕๙ กำรแตง่ ตัง้ คณะกรรมกำรสบื สวน สอบสวนวนิ ยั ซ้ำกัน คดีน้ี.. มีคณะกรรมกำรสอบสวนทำงวินยั อย่ำงร้ำยแรง จำนวน ๕ คนโดยมี ๓ คน เคยเปน็ กรรมกำรสอบขอ้ เทจ็ จริงในเรื่องนมี้ ำก่อน และปรำกฏตำมรำยงำนกำรสอบข้อเท็จจรงิ วำ่ กำรกระทำของผู้ ฟ้องคดีมีมูลควำมผิดวินยั อย่ำงรำ้ ยแรง เหน็ ควรแต่งต้งั คณะกรรมกำรสอบสวนทำงวนิ ัยอย่ำงรำ้ ยแรงตอ่ ไป ในช้นั สอบสวน คณะกรรมกำรสอบสวนทำงวินัยอย่ำงรำ้ ยแรงมี มตวิ ่ำ ผฟู้ ้องคดกี ระทำผดิ ตำมทถ่ี ูกกลำ่ วหำจริง เหน็ ควรลงโทษปลด ออกจำกรำชกำร

คำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด อ.๑๙๕๗/๒๕๕๙ (ต่อ) แม้คณะกรรมกำรสอบสวนจะนำขอ้ เท็จจรงิ ท่ไี ดจ้ ำก กำรสอบข้อเท็จจริงมำประกอบกำรพจิ ำรณำทำงวินยั ซงึ่ อำจ มีแนวโนม้ วำ่ กำรใช้ดลุ พนิ ิจของคณะกรรมกำรสอบสวนทำงวินัยอำจเห็น ตำมควำมเหน็ เดมิ ทเี่ คยวนิ ิจฉัยไว้ตำมผลกำรสอบสวนขอ้ เทจ็ จรงิ แต่..กำร สอบขอ้ เทจ็ จรงิ เปน็ กระบวนกำรท่ีมขี นั้ ตอนแยกสว่ นออกจำกกำรดำเนินกำร ทำงวนิ ัยอย่ำงชัดเจน และกำรดำเนนิ กำรทำงวินัยมขี ้ันตอนในกำรรบั ประกัน สิทธิของผู้ถูกกลำ่ วหำโดยมีกำรให้โอกำสชี้แจงและนำสบื แก้ขอ้ กลำ่ วหำ

คำพิพำกษำศำลปกครองสงู สดุ อ.๑๙๕๗/๒๕๕๙ (ต่อ) เพอ่ื ปกป้องสทิ ธขิ องตนต่อไปไดจ้ นถงึ ในช้ันกำรพิจำรณำอุทธรณ์ ภำยในฝ่ำยปกครอง กำรที่มีกรรมกำรสืบสวน ๓ คนซ้ำกับ คณะกรรมกำรท่ีมีอยู่ ๕ คนจึงไม่ถือว่ำมีสภำพร้ำยแรงอันอำจทำให้ กำรพิจำรณำไม่เป็นกลำงไม่กระทบต่อควำมชอบด้วยกฎหมำย ของควำมเห็นของคณะกรรมกำรสอบข้อเท็จจริงและคณะกรรมกำร สอบสวนท่ีได้ดำเนินกำรไปแล้วโดยชอบ อีกทั้งข้อเท็จจริงที่ได้จำก กำรสอบสวนก็ชัดเจนพอที่จะวินิจฉัยได้ว่ำผู้ฟ้องคดีได้กระทำ ควำมผิดวินยั โดยชดั แจ้ง

คำพพิ ำกษำศำลปกครองสูงสดุ ฟ.๓๕/๒๕๖๐ กำรแตง่ ตงั้ คณะกรรมกำรสบื สวน สอบสวนวินยั ซำ้ กนั คดีน้ีมคี ณะกรรมกำรสอบสวนทำงวินัยอย่ำงร้ำยแรงจำนวน ๒ คนเคย เป็นกรรมกำรสอบข้อเท็จจริงเพ่ิมเติม ต่อมำผู้บังคับบัญชำมีคำสั่ง แต่งต้ังให้ท้ัง ๒ คนมำเป็นกรรมกำรสอบสวนวินัยอย่ำงร้ำยแรงอีก จึง ทำให้กำรพิจำรณำทำงปกครองไม่มีควำมเป็นกลำงตำมนัยมำตรำ 16 วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง พ.ศ. 2539 กลำ่ วคอื ในกำรสอบข้อเทจ็ จริงบุคคลทงั้ สองไดร้ ับกำรแตง่ ต้ังให้ เป็นคณะกรรมกำรสอบสวนวินัยอย่ำงร้ำยแรงอีก และคณะกรรมกำร สอบสวนทำงวินัยอย่ำงร้ำยแรงมเี พียง 3 คน บุคคลท้ังสองจึงเป็นเสียง ขำ้ งมำก จึงทำใหผ้ ลกำรสอบสวนทำงวินัยอย่ำงรำ้ ยแรง ย่อมคำดหมำย ได้อยแู่ ลว้ วำ่ ไมอ่ ำจแตกต่ำงไปจำก ผลกำรสอบขอ้ เทจ็ จรงิ เพิม่ เตมิ

คำพพิ ำกษำศำลปกครองสงู สดุ ฟ.๓๕/๒๕๖๐(ตอ่ ) ประกอบกับกำรแต่งต้ังคณะกรรมกำรสอบสวนวินัยอย่ำงร้ำยแรงผู้ฟ้องคดี ไม่มีควำมจำเป็นถึงขนำดหำกปล่อยให้ล่ำช้ำไปจะเสียหำยต่อประโยชน์ สำธำรณะหรือบุคคลจะเสียหำยโดยไม่มีทำงแก้ไข อีกทั้งไม่มีควำมจำเป็นท่ี จะต้องแต่งต้ังทั้งสองเป็นกรรมกำรสอบสวนผู้ฟ้องคดีอีก เพรำะมีบุคคลท่ี สำมำรถจะแต่งต้ังให้เป็นกรรมกำรสอบสวนได้อยู่เป็นจำนวนมำก ดังน้ัน กระบวนกำรสอบสวนทำงวินัยอยำ่ งรำ้ ยแรงผูฟ้ ้องคดีจึงมไิ ด้กระทำโดยถูกต้อง ตำมรูปแบบ ขั้นตอนหรือวิธีกำรอันเป็นสำระสำคัญท่ีกำหนดไว้สำหรับกำร กระทำนั้น เมื่อกำรแต่งตั้งคณะกรรมกำรสอบสวนวินัยอย่ำงร้ำยแรงผู้ฟ้องคดี ซ่ึงเป็นกำรพิจำรณำทำงปกครองไม่ชอบด้วยกฎหมำย กำรที่นำผลกำร สอบสวนวินัยอย่ำงร้ำยแรงผู้ฟ้องคดีมำใช้ในกำรพิจำรณำโทษทำงวินัย จึงไม่ ชอบดว้ ยกฎหมำยดว้ ย

คณะกรรมการสอบสวนและคณะกรรมการสอบข้อเทจ็ จริงความรับผดิ ทางละเมดิ เป็ นชุดเดยี วกนั ได้ไหม ? กฎหมายกาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการในการสอบสวนทางวนิ ยั ของขา้ ราชการครูและการสอบขอ้ เทจ็ จริงความรับ ผดิ ทางละเมิดไวเ้ ป็นการเฉพาะสาหรับการสอบสวนแต่ละกรณี กล่าวคือ • การสอบสวนทางวินยั เป็นไปตามกฎ ก.พ. ฉบบั ที่ ๑๘ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิ ระเบียบขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ วา่ ดว้ ยการสอบสวนพิจารณา • การสอบขอ้ เทจ็ จริงความรับผดิ ทางละเมิดเป็นไปตามระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรี วา่ ดว้ ยหลกั เกณฑก์ าร ปฏิบตั ิเกี่ยวกบั ความรับผดิ ทางละเมิดของเจา้ หนา้ ท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ วธิ ีการ • การแต่งต้งั คณะกรรมการใหด้ าเนินการสอบสวนมูลความผดิ ในสองกรณีจึงตอ้ งแยกเป็นสองคาสง่ั ตาม กฎหมายแต่ละฉบบั เดียวกนั เป็นท้งั กรรมการสอบสวนทางวนิ ยั และกรรมการสอบขอ้ เทจ็ จริงความรับผดิ ทาง ละเมิด กรณี 65

คณะกรรมการสอบสวนและคณะกรรมการสอบขอ้ เทจ็ จริงความรับผิดทางละเมิด เป็นชุดเดียวกนั ไดไ้ หม ? จึงอาจแต่งต้งั คณะกรรมการสอบสวนทางวนิ ยั และคณะกรรมการสอบขอ้ เทจ็ จริงความรับผดิ ทาง ละเมิด ซ่ึงประกอบดว้ ยกรรมการที่เป็นบุคคลเดียวกนั ท้งั สองคณะ แต่ท้งั น้ี จะตอ้ งไม่ขดั หรือแยง้ กบั หลกั เกณฑท์ ี่กาหนดไวใ้ นกฎหมายท้งั สองฉบบั และเพ่ือมิใหก้ ารสอบสวนตอ้ งซ้าซอ้ นกนั คณะกรรมการ ท้งั สองคณะอาจดาเนินการแสวงหาขอ้ เทจ็ จริง รับฟังคาช้ีแจงและพยานหลกั ฐานต่างๆ ใหเ้ ป็นท่ียตุ ิไปใน คราวเดียวกนั แต่จะตอ้ งแยกสานวนการสอบสวนท้งั สองมูลกรณีออกจากกนั โดยชดั เจน เพื่อความ สะดวกในการวินิจฉยั สงั่ การเก่ียวกบั ความรับผดิ ในแต่ละกรณีต่อไป (บนั ทึกสานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่ือง การแต่งต้งั คณะกรรมการสอบขอ้ เทจ็ จริงความรับผดิ ทางละเมิดของโรงเรียนใน สงั กดั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐานเร่ืองเสร็จท่ี ๙๖/ ๒๕๔๙) 66

คดั คา้ นกรรมการสอบสวน คดั คา้ น ๗ วนั นบั แต่ทราบคาสงั่ หรือทราบเหตุคดั คา้ น • ตอ้ งยตุ ิการสอบสวนไวก้ ่อน • ผสู้ ง่ั แต่งต้งั ตอ้ งพจิ ารณาใหเ้ สร็จภายใน ๑๕ วนั นบั แตไ่ ดร้ ับ หนงั สือคดั คา้ น • หากไม่พจิ ารณาภายใน ๑๕ วนั ต้องพ้นจากกรรมการสอบสวน และต้องแต่งต้งั กรรมการสอบสวนขนึ้ ใหม่แทน 67

คดั คา้ นผสู้ งั่ แต่งต้งั • เหตุเดียวกบั คดั คา้ นกรรมการสอบสวน • ผบู้ งั คบั บญั ชาเหนือข้ึนไป ๑ ช้นั เป็นผพู้ จิ ารณาคาคดั คา้ น • ระยะเวลายนื่ และพจิ ารณาเหมือนคดั คา้ นกรรมการ • คาคดั คา้ นฟังข้ึน ผถู้ ูกคดั คา้ นพน้ จากการเป็นผพู้ ิจารณาสานวนการ สอบสวนตามขอ้ ๔๐ และ๔๑ • ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาเหนือข้ึนไป ๑ ช้นั • ผบู้ งั คบั บญั ชาเหนือข้ึนไป ๑ ช้นั เป็นผมู้ ีอานาจพิจารณา สงั่ การ แทน 68

ผถู้ ูกตงั้ กรรมกำรสอบสวนคัดคำ้ นผสู้ ่งั แตง่ ตงั้ กรรมกำรสอบสวน • ขา้ ราชการครู ในเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษา ถกู ศกึ ษาธิการจงั หวดั แตง่ ตงั้ คณะกรรมการสอบสวนวนิ ยั อยา่ งรา้ ยแรง ไดย้ ่ืนคารอ้ งตอ่ ปลดั กระทรวง ศกึ ษาธิการ คดั คา้ นผสู้ ่งั แตง่ ตงั้ คณะกรรมการสอบสวนโดยอา้ งว่าเป็นคกู่ รณี ในคดอี าญา มีสภาพรา้ ยแรงอนั อาจทาใหก้ ารพจิ ารณาทางปกครองไมเ่ ป็น กลาง หากปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ ซง่ึ เป็นผบู้ งั คบั บญั ชาเหนือขึน้ ไปหน่ึง ชนั้ ของศกึ ษาธิการจงั หวดั พิจารณาแลว้ เห็นวา่ การคดั คา้ นมีเหตผุ ลรบั ฟังได้ จะตอ้ งส่งั ใหศ้ กึ ษาธิการจงั หวดั ผนู้ นั้ พน้ จากการเป็นผมู้ ีอานาจพิจารณา สานวนการสอบสวนและส่งั การตามผลการสอบสวน และในกรณีเชน่ นี้ ปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ ซง่ึ เป็นผบู้ งั คบั บญั ชาเหนือขนึ้ ไปหนง่ึ ชนั้ ของ ศกึ ษาธิการจงั หวดั หรอื ผทู้ ่ีไดร้ บั มอบหมายจากปลดั กระทรวงศึกษาธิการจะ เป็นผพู้ จิ ารณา หรอื ส่งั การแทน ตามนยั กฎ ก.ค.ศ.วาดว้ ยการสอบสวน พิจารณา พ.ศ. ๒๕๕๐ ขอ้ ๙

คณะกรรมการสอบสวน • ต้องต้ังจากข้าราชการฝ่ ายพลเรื อน (ห้าม ทหาร พนักงานราชการ พนักงาน อปท. พนักงาน มหาวทิ ยาลยั ) • คณะกรรมการสอบสวน ตอ้ งเป็นผมู้ ีคุณสมบตั ิตามที่ กฎหมายกาหนด 70

• ประธานกรรมการตอ้ งดารงตาแหน่งและมีวทิ ยฐานะ ในระดบั ไม่ต่า กวา่ หรือเทียบได้ ไม่ต่ากวา่ ผถู้ ูก กล่าวหา แต่ไม่จาเป็นวา่ จะตอ้ งเป็นผบู้ งั คบั บญั ชาของ ผถู้ ูกกล่าวหา ส่วนกรรมการอ่ืน ตลอดจนเลขานุการ และผชู้ ่วยเลขานุการจะดารงตาแหน่งใด ระดบั ใดกไ็ ด้ 71

• กรรมการคนหน่ึงต้องเป็ นผู้ดาํ รงตําแหน่ง นิตกิ ร หรือผู้ได้รับปริญญา ทางกฎหมาย หรือผู้ได้รับการฝึ กอบรมตามหลกั สูตรการ ดาํ เนินการทางวนิ ัย หรือผู้มปี ระสบการณ์ ด้านการดาํ เนินการทางวนิ ัย 72

ตามหนงั สือสานกั งาน ก.พ. ท่ี นร ๐๖๑๑/ว ๖ ลงวนั ที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๒๙ ไดใ้ ห้ ความหมายของคาวา่ “ผไู้ ดร้ ับการฝึกอบรมตาม หลกั สูตรการดาเนินการทางวินยั ” และ “ผมู้ ีประสบการณ์ ดา้ นการ ดาเนินการทางวนิ ยั ” ดงั น้ี ผไู้ ดร้ ับการฝึกอบรมหลกั สูตรการดาเนินการทางวินยั หมายถึง - ผไู้ ดร้ ับการฝึกอบรมตามหลกั สูตรการดาเนินการทางวินยั ซ่ึง สานกั งาน ก.พ. จดั ข้ึน หรือ - ผไู้ ดร้ ับการฝึกอบรมตามหลกั สูตรการดาเนินการทางวินยั ของ สานกั งาน ก.พ. ซ่ึงมีส่วนราชการ ต่างๆ จดั ข้ึน หรือ - ผไู้ ดร้ ับการฝึกอบรมตามหลกั สูตรการดาเนินการทางวินยั ของส่วน ราชการที่สานกั งาน ก.พ. ไดพ้ ิจารณารับรองหลกั สูตรแลว้ 73

ตวั อยา่ งคดีปกครอง • ต้งั ปลดั กระทรวงกลาโหม เป็นประธานกรรมการสอบสวน ตอ้ ง แต่งต้งั คณะกรรมการสอบสวนใหม่และสอบใหม่ • ปลดั กระทรวงกลาโหม เป็นขา้ ราชการทหาร 74

คาถาม • ศึกษาธิการจงั หวดั สามารถแต่งต้งั ผซู้ ่ึงเป็นอาจารยป์ ระจา มหาวทิ ยาลยั ของรัฐ เป็นคณะกรมการสอบสวนวินยั อยา่ งร้ายแรงได้ หรือไม่ 75

สิทธิของผถู้ ูกกล่าวหา • คดั คา้ นกรรมการสอบสวน หรือผสู้ ง่ั แต่งต้งั • มีทนาย หรือที่ปรึกษา • รับทราบขอ้ เทจ็ จริงและโตแ้ ยง้ แสดงพยานหลกั ฐาน 76

กฎ ก.ค.ศ. วา่ ดว้ ยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ. 2550 • ขอ้ ๘ ผถู้ ูกกล่าวหามีสิทธิคดั คา้ นผไู้ ดร้ ับแต่งต้งั เป็นกรรมการสอบสวน ถา้ ผนู้ ้นั มี เหตุอยา่ งหน่ึงอยา่ งใดดงั ต่อไปน้ี • (๑) รู้เห็นเหตุการณ์ในขณะกระทาการในเร่ืองท่ีกล่าวหา • (๒) มีประโยชนไ์ ดเ้ สียในเรื่องที่สอบสวน • (๓) มีสาเหตุโกรธเคืองกบั ผถู้ ูกกล่าวหา • (๔) เป็นผกู้ ล่าวหา หรือเป็นคู่หม้นั คู่สมรส บุพการี ผสู้ ืบสนั ดาน พ่ีนอ้ งร่วมบิดามารดาหรือ ร่วมบิดาหรือมารดา ลูกพลี่ ูกนอ้ งนบั ไดเ้ พยี งภายในสามช้นั หรือเป็นญาติเก่ียวพนั ทาง แต่งงานนบั ไดเ้ พียงสองช้นั ของผกู้ ล่าวหา • (๕) เป็นเจา้ หน้ีหรือลูกหน้ีของผกู้ ล่าวหา • (๖) มีเหตุอื่นซ่ึงน่าเชื่ออยา่ งยง่ิ วา่ จะทาใหก้ ารสอบสวนเสียความเป็นธรรมหรือไม่เป็นกลาง 77

การสอบปากคา • ก่อนสอบตอ้ งแจง้ ความเป็นเจา้ พนกั งานตาม ป.อาญา • คณะกรรมการสอบสวนตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ ก่ึงหน่ึง (การประชุมเสียไป ผสู้ ง่ั ต้งั ตอ้ งสงั่ ใหส้ อบปากคาพยานคนน้นั ใหม่) • สามารถนาถอ้ ยคาในช้นั สืบสวนหรือในสานวนอ่ืนมาใชไ้ ด้ (เช่น ละเมิด สตง. เป็นตน้ ) • ตอ้ งเขา้ ใหป้ ากคา คร้ังละ ๑ คน (ยกเวน้ พยานเดก็ ผถู้ ูกกล่าวหาท่ีมี ทนาย หรือที่ปรึกษา) 78

คาถาม • ในกรณีที่ผถู้ ูกกล่าวหาใหถ้ อ้ ยคาดว้ ยวาจาพาดพงิ วา่ มีผอู้ ่ืนร่วม กระทาความผดิ กบั ตนดว้ ย ในการบนั ทึกถอ้ ยคาดงั กล่าวจะตอ้ ง บนั ทึกลงในแบบ สว.๔ หรือ สว.๕ 79

พบขอ้ กล่าวหาใหม่ ใหร้ ายงานผสู้ ง่ั แต่งต้งั • ในกรณีที่คณะกรรมการ สอบสวนวินยั อยา่ งร้ายแรงพบการกระทา ความผดิ ท่ีเป็นขอ้ กล่าวหาใหม่ ประธานกรรมการสอบสวน จะตอ้ ง รายงานต่อผสู้ งั่ แต่งต้งั เพ่อื ใหม้ ีคาสงั่ แต่งต้งั คณะกรรมการสอบสวน ทางวินยั ตามขอ้ กล่าวหาท่ีพบใหม่ ซ่ึงถือเป็นข้นั ตอนสาคญั หากไม่ ปฏิบตั ิยอ่ มมีผลทาใหก้ ระบวนการสอบสวนทางวินยั ไม่ชอบดว้ ย กฎหมาย ในขอ้ กล่าวหาน้นั แต่กม็ ิไดม้ ีผลทาใหก้ ระบวนการ สอบสวนทางวินยั ในขอ้ กล่าวหาอื่นท่ีดาเนินการมาโดยชอบ ดว้ ย กฎหมายเสียไปแต่อยา่ งใด 80

ลาํ ดบั การดําเนินการของคณะกรรมการสอบสวน ระยะเวลา 1 ประธานคณะกรรมการสอบสวนนดั คณะกรรมการสอบสวนมาประชุมเพอ่ื วางแนวทาง ภายใน 15 วนั นบั แตว่ นั ท่ี สอบสวน ตามขอ้ 16 แลว้ แจง้ ผถู้ กู กล่าวหามาพบ จากนนั้ แจง้ และอธิบายขอ้ ประธานกรรมการไดร้ บั ทราบคาส่งั กลา่ วหาใหผ้ ถู้ กู กล่าวหาทราบ แจง้ สิทธิของผถู้ กู กลา่ วหาตามแบบ สว.2 แต่งตง้ั คณะกรรมการสอบสวน 2 กรณีที่ผถู้ ูกกล่าวหาไม่รับสารภาพหรือรับสารภาพบางส่วนใหค้ ณะกรรมการสอบสวน ภายใน 60 วนั นบั แต่วนั ท่ี ดาเนินการรวบรวมพยานหลกั ฐานที่เก่ียวขอ้ งกบั เร่ืองท่ีกล่าวหาและประชมุ พิจารณาวา่ มี ดาเนินการตาม (1) แลว้ เสรจ็ พยานหลกั ฐานใดสนบั สนุนขอ้ กล่าวหา กระทาเม่ือใด อยา่ งไร เป็นความผดิ วนิ ยั กรณี ใด 3 แจง้ ขอ้ กล่าวหาที่ปรากฏตามพยานหลกั ฐานและสรุปพยานหลกั ฐานท่ีสนบั สนนุ ขอ้ ภายใน 15 วนั นบั แตว่ นั ท่ี กล่าวหาใหผ้ ถู้ ูกกล่าวหาทราบ (สว.3) และถามผถู้ ูกกล่าวหาวา่ มีความประสงคจ์ ะยนื่ คา ดาเนินการตาม (2) แลว้ เสรจ็ ช้ีแจงเป็นหนงั สือหรือจะใหถ้ อ้ ยคาต่อคณะกรรมการสอบสวน โดยตอ้ งดาเนนิ การ ภายใน 15 วนั นบั แต่ดาเนินการรวบรวมพยานหลกั ฐานตามขอ้ 2 เสร็จ 4 รวบรวมพยานหลกั ฐานฝ่ ายผถู้ ูกกล่าวหาอา้ งและท่ีคณะกรรมการสอบสวนเห็นควร ภายใน 60 วนั นบั แต่วนั ท่ี รวบรวมพยานหลกั ฐานจากฝ่ ายผถู้ ูกกล่าวหา ดาเนินการตาม (3) แลว้ เสรจ็ 81

ลาํ ดบั การดาํ เนินการของคณะกรรมการสอบสวน ระยะเวลา 5 - คณะกรรมการสอบสวนประชมุ พิจารณาพยานหลกั ฐาน ภายใน 30 วนั นบั แต่ ทงั้ หมดจากทกุ ฝ่ายท่ีเก่ียวขอ้ ง เพ่ือลงมตพิ ิเศษวา่ ผถู้ กู วนั ท่ีดาเนินการตาม ขอ้ กลา่ วหากระทาผิดวินยั หรอื เป็นผบู้ รสิ ทุ ธิ์ ถา้ ผิดวนิ ยั ผิด 4 แลว้ เสรจ็ กรณีใด มาตราใด ควรไดร้ บั โทษสถานใด หรอื หยอ่ น ความสามารถตามมาตรา 111 หรอื มีมลทินหรอื มวั หมอง ตามมาตรา 112 (ขอ้ 38) - ทารายงานการสอบสวน ตามขอ้ 38 - เสนอรายงานการสอบสวนพรอ้ มสานวนการสอบสวนตอ่ ผู้ ส่งั แตง่ ตงั้ คณะกรรมการสอบสวน 82

• การสอบในเร่ืองใดที่คณะกรรมการสอบสวนดาเนินการไม่แลว้ เสร็จ ภายใน 240 วนั ใหป้ ระธานคณะกรรมการสอบสวนรายงานเหตใุ ห้ ผแู้ ต่งต้งั คณะกรรมการสอบสวนเพื่อรายงาน ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพ้นื ท่ี การศึกษา (กศจ.) หรือ อ.ก.ค.ศ. ท่ี ก.ค.ศ. ต้งั หรือ ก.ค.ศ. แลว้ แต่ กรณี เพอ่ื มีมติใหเ้ ร่งรัดการสอบสวนใหแ้ ลว้ เสร็จภายในระยะเวลาท่ี อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนที่การศึกษา อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ต้งั หรือ ก.ค.ศ. กาหนดตามเหตุผลและความจาเป็น 83

• ผมู้ ีอานาจตามมาตรา 53 สง่ั แต่งต้งั คณะกรรมการสอบสวนวินยั อยา่ งร้ายแรง คณะกรรมการสอบสวนวนิ ยั อยา่ งร้ายแรงสอบสวน แลว้ เห็นวา่ เรื่องท่ีสอบสวนน้นั พฤติการณ์ของผถู้ ูกกล่าวหาเป็น เพียงความผดิ วินยั ไม่ร้ายแรง และผบู้ งั คบั บญั ชาผสู้ ง่ั แต่งต้งั กรรมการสอบสวนพจิ ารณาแลว้ เห็นชอบตามที่กรรมการสอบสวน เสนอ ตอ้ งสง่ั ลงโทษตามอานาจของท่านตามมาตรา 100 วรรคหน่ึง ประกอบกบั กฎ ก.ค.ศ. วา่ ดว้ ยอานาจการลงโทษภาคทณั ฑ์ ตดั เงินเดือน หรือลดข้นั เงินเดือน พ.ศ.2549 เสียก่อน แลว้ จึงรายงานการ ลงโทษไปยงั อ.ก.ค.ศ.เขตพ้ืนท่ีการศึกษา (กศจ.) และ ก.ค.ศ. ตามลาดบั (มาตร 104 (2) 84

• แต่ถา้ เห็นต่างกบั คณะกรรมการสอบสวน โดยเห็นวา่ เป็นโทษวินยั อยา่ งร้ายแรง ซ่ึงจะตอ้ งลงโทษปลดออกหรือไล่ออก ท่านจะตอ้ ง ดาเนินการตามมาตรา 100 วรรคส่ี (2) โดยสงั่ การใหน้ าเสนอ อ.ก.ค. ศ.เขตพ้นื ท่ีการศึกษา(กศจ.)ของผถู้ ูกกล่าวหาพจิ ารณามีมติเสียก่อน แลว้ จึงสงั่ ลงโทษตามนยั มติ อ.ก.ค.ศ.เขตพ้นื ท่ีการศึกษา(กศจ.) ดงั กล่าว แลว้ รายงานโทษไปยงั ก.ค.ศ. ตามมาตรา 104 (2) ต่อไป 85

อาํ นาจหน้าที่ของ กศจ. • พจิ ารณาความถูกตอ้ งของสานวนการสอบสวน • พจิ ารณามมี ติ - กรณีการรายงานการดาเนินการทางวินัยไม่ร้ายแรง พจิ ารณา ดุลพนิ ิจ และความเหมาะสมของการลงโทษ สถานโทษ ของ ผู้บังคับบัญชา - กรณีวนิ ัยอยา่ งร้ายแรงพจิ ารณามมี ตลิ งโทษใหเ้ หมาะสมกับ กรณีความผิด

คำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด อ.๓/๒๕๕๕ กำรลงโทษนอกเหนือขอ้ กล่ำวหำโดยไมใ่ หโ้ อกำสโต้แย้ง • ผฟู้ อ้ งคดถี กู กลา่ วหาวา่ กระทาผดิ วนิ ยั ไมร่ า้ ยแรง กรณีไม่ใหเ้ กียรติเพ่ือนครู ใชว้ าจาหยาบคายตอ่ หนา้ นกั เรยี นและเพ่อื นครู ไมเ่ คารพสิทธิซ่ึงกนั และกนั ทาใหไ้ ดร้ บั การอบั อายตอ่ นกั เรยี น และไม่รกั ษาความสามคั คใี นหม่คู ณะ ผบู้ งั คบั บญั ชาชนั้ ตน้ เหน็ สมควรลงโทษภาคทณั ฑ์ แตก่ รณีเป็นความผิดวนิ ยั เลก็ นอ้ ยจงึ งดโทษโดยทาทณั ฑบ์ นเป็นหนงั สือ ตอ่ มาผบู้ งั คบั บญั ชาระดบั เหนือขนึ้ มา พจิ ารณารายงานการดาเนินการทางวนิ ยั ไดส้ ่งั ลงโทษภาคทณั ฑ์ โดยยกเอาเรอ่ื งท่ีผฟู้ อ้ งคดที าโทษเด็กดว้ ยการตี ซง่ึ ผิดระเบียบ กระทรวงศกึ ษาธิการ มาเป็นเหตใุ นการพจิ ารณาลงโทษนอกเหนือจากขอ้ กลา่ วหาเดมิ ทงั้ ท่ีมิไดม้ ีการแจง้ ขอ้ กลา่ วหาดงั กลา่ วตอ่ ผูฟ้ อ้ งคดี จงึ เป็นการ นาเรอ่ื งท่ีนอกเหนือจากขอ้ กลา่ วหามาลงโทษผฟู้ อ้ งคดี โดยมไิ ดใ้ หผ้ ฟู้ อ้ งคดมี ี โอกาสรบั ทราบขอ้ เท็จจรงิ อยา่ งเพียงพอและไดโ้ ตแ้ ยง้ แสดงพยานหลกั ฐาน คาส่งั ลงโทษภาคทณั ฑจ์ งึ เป็นคาส่งั ท่ีมิชอบดว้ ยกฎหมาย

88


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook