การวางแผนยทุ ธศาสตรก์ ารจดั การศึกษา เพื่อเสริมสร้างประเทศไทย 4.0 โดย ศาสตราจารย์ ดร.พฤทธ์ิ ศิริบรรณพิทกั ษ์
1.เกร่ินนา 1.1 ยทุ ธศาสตรช์ าติระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560 – 2579)6 ยุทธศาสตร์ 1. ความมนั่ คงโดยการสรา้ งความเช่ือมนั่ ของ หน่ึงวิสยั ทศั น์ อาเซียนและประชาคมโลกต่อประเทศไทย ประเทศมีความมนั่ คง มงั่ คงั่ ยงั่ ยนื 2. ความสามารถในการแขง่ ขนั ผา่ นโครงการ ยกระดบั ผลิตภาพและนวตั กรรม เป็นประเทศที่พฒั นาแล้วตาม ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3. การพฒั นาและเสริมสรา้ งศกั ยภาพคนและ รากฐานท่ีแขง็ แกรง่ ของประเทศ เป็ นประเทศท่ีมีรายได้สงู ภายในปี 2579 4. การสร้างโอกาสความเสมอภาคทางสงั คม ลดความเหลื่อมลา้ 5. การสรา้ งการเติบโตและคณุ ภาพชีวิตท่ีเป็น มิตรกบั สิ่งแวดลอ้ ม 6. การปรบั สมดลุ และพฒั นาระบบบริหารภาครฐั ให้มีสมรรถนะสงู
1.2 แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560 – 25796 ยุทธศาสตร์ 1. การจดั การศึกษาเพื่อความมนั่ คงของสงั คมและ หนึ่งวิสยั ทศั น์ ประเทศ คนไทยทุกคนได้รบั การศึกษาและ 2. การผลิตและพฒั นากาลงั คน การวิจยั และนวตั กรรม เรียนร้ตู ลอดชีวิตอย่างมีคณุ ภาพ เพ่ือสรา้ งขีดความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศ ดารงชีวิตอย่างเป็นสขุ สอดคล้อง กบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ 3. การพฒั นาศกั ยภาพคนทุกช่วงวยั และการสรา้ ง พอเพียง และการเปล่ียนแปลง สงั คมแห่งการเรียนรู้ ของโลกศตวรรษท่ี 21 4. การสรา้ งโอกาส ความเสมอภาค และความเท่า เทียมทางการศึกษา 5. การจดั การศึกษาเพ่ือส่งเสริมคณุ ภาพชีวิตท่ีเป็น มิตรกบั ส่ิงแวดล้อม 6. การพฒั นาประสิทธิภาพของระบบบริหารจดั การศึกษา
1.3 เป้าหมายหลกั ของแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560 – 2579 1. เป้าหมายด้านผเู้ รียน 2. เป้าหมายของการจดั การศึกษาพฒั นาผเู้ รียนทกุ คนให้มีคณุ ลกั ษณะและทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 2.1 ประชากรทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่มีคณุ ภาพ1.1 3Rs และมีมาตรฐานอย่างทวั่ ถึง(1) Reading (2) Writing (3) Arithmatics 2.2 ผเู้ รียนทกุ คน ทกุ กล่มุ เป้าหมายได้รบั บริการ1.2 8Cs การศึกษาที่มีคณุ ภาพตามมาตรฐานอย่างเท่าเทียม(1) Critical thinking and Problem Solving 2.3 ระบบการศึกษาท่ีมีคณุ ภาพสามารถพฒั นา(2) Creativity and Innovation ผเู้ รียนให้บรรลขุ ีดความสามารถเตม็ ตามศกั ยภาพ(3) Cross-Cultural Understanding(4) Collaboration, Teamwork and Leadership 2.4ระบบการบริหารจดั การศึกษาที่มีประสิทธิภาพเพ่ือ(5) Communications, Information and Media Literacy การลงทนุ ทางการศึกษาที่ค้มุ ค่าและบรรลุเป้าหมาย(6) Computing and ICT Literacy 2.5 ระบบการศึกษาท่ีสนองตอบและก้าวทนั(7) Career and Learning Skills การเปล่ียนแปลงของโลกท่ีเป็นพลวตั และบริบทท่ี(8) Compassion เปล่ียนแปลง
1.4 10 ทกั ษะสาคญั สาหรบั การทางานในโลกยุค 4.0 ปี 20201. การแก้ปัญหาท่ีซบั ซ้อน (Complex Problem Solving)2. การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical thinking)3. ความคิดริเริ่มสรา้ งสรรค์ (Creativity)4. การบริหารคน (People Management)5. การประสานคน (Coordinating with Others)6. วฒุ ิภาวะ/ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)7. การตดั สินใจอย่างมีวิจารณญาณ (Judgement and decision making)8. การใฝ่ บริการ (Service Orientation)9. การเจรจาต่อรอง (Negotiation)10. การยืดหย่นุ ทางความคิด (Cognitive Flexibility)
2. โฉมหน้าโลกอนาคต (1) โลกยคุ VUCA V คือ Volatility มีอตั ราการเปล่ียนแปลงหรอื ผนั แปรสงู U คือ Uncertainty มีความไมแ่ น่นอนเกี่ยวกบั อนาคต C คือ Complexity มีความซบั ซ้อนสงู A คือ Ambiguity มีความไมช่ ดั เจนหรอื กากวมหรอื อาจไมม่ ีคาตอบท่ีถกู ต้อง (เพียงคาตอบเดียว)
2. โฉมหน้าโลกอนาคต (ต่อ) (4) โลกแห่งความเปลี่ยนแปลง แบบพลิกโฉม (2) โลกแห่งความย้อนแย้ง • การเปล่ียนแปลงทาง (The age of paradox) เทคโนโลยี • กฎกลายเป็นขอ้ ยกเว้น • การเปล่ียนแปลงทาง • ขอ้ ยกเวน้ กลายเป็นกฎ อตุ สาหกรรม • สิ่งที่เป็นไปไมไ่ ด้กลบั เป็นไปได้ (3) โลกแห่งความสดุ โต่ง • ความสดุ โต่งของธรรมชาติ • ความสดุ โต่งของเศรษฐกิจ • ความสดุ โต่งของสงั คม • ความสดุ โต่งของการเมือง
3. โฉมหน้าประเทศไทย 4.0(1) เศรษฐกิจ 4.0 เศรษฐกิจดิจิทลั นวตั กรรมอาชีพ นวตั กรรมผลิตภณั ฑ์(2) อตุ สาหกรรม 4.0 อตุ สาหกรรมดิจิทลั นวตั กรรมสงั คม(3) สงั คม 4.0 สงั คมดิจิทลั(4) ประเทศแห่งนวตั กรรม (Innovative country)
The most innovative countriesจากการจดั อนั ดบั ของ Bloomberg’s 2015 ranking of the World’s 50 most innovativecountries ด้วยดชั นี (The Bloomberg Innovation Index : BII) 6 ตวั พบว่าประเทศไทยอยู่ในอนั ดบั ที่ 46 ในขณะที่ 15 อนั ดบั แรก ได้แก่1. South Korea 6. US 11. Denmark2. Japan 7. Sweden 12. Canada3. Germany 8. Singapore 13. Australia4. Finland 9. France 14. Russia5. Israel 10. UK 15. Norwayทงั้ นี้ ประเทศในอาเซียนท่ีมีอนั ดบั ดีกว่าไทยนอกจาก Singapore คือ Malaysia ซ่ึงอย่ใู นอนั ดบั ท่ี 27
ดชั นี 6 ตวั ได้แก่1. R&D : R&D expenditure as a percentage of GDP2. Manufacturing : Manufacturing value-added per capita3. High-tech companies : Number of domestically domiciled high-tech public companies-such as aerospace and defense, biotechnology, hardware, software, semiconductors, internet software and services, and renewable energy companies-as a share of word’s total high-tech public companies
ดชั นี 6 ตวั (ต่อ)4. postsecondary education : Number of secondary graduates enrolled in postsecondary institutions as a percentage of cohort; percentage of labor force with tertiary degrees; annual science and engineering graduates as a percentage of the labor force and as a percentage of total tertiary graduates.5. Research personnel : professionals including Ph.D. students engaged in R&D per 1 million population6. Patents : Resident utility patent filings per 1 million population and per 1 million dollar of R&D spent; utility patents granted as a percentage of world total
4. ลักษณะสาคัญของประเทศไทย 4.0 เป็ นอย่างไร 4.1 ความเขม้ แขง็ จากภายใน (Strength from within) ทาให้เกิดองคก์ าร/กิจการที่ชาญฉลาด และ การเลื่อนชนั้ ทางสงั คม (smart enterprise) (social mobility) โดยมีพลงั ขบั เคล่ือน 3 พลงั คือ1. นวตั กรรม (Innovation Driven)2. การประกอบการ (Entrepreneur Driven)3. ชุมชน (Community Driven)
องคก์ าร/กิจการที่ชาญฉลาด การเลื่อนชนั้ ทางสงั คม (smart enterprise) (social mobility)ลกั ษณะของ Smart enterprise ลกั ษณะของ Smart mobility1. โมเดลธรุ กิจใหม่ 1. สงั คมแห่งโอกาส (new business model) (Society with opportunity)2. ระบบท่ีเอื้อ 2. สงั คมสมรรถนะ (enabling ecosystem) (Society with competence)
โดยมคี วามเชอ่ื มโยงกนั ดงั น้ี
4. ลักษณะสาคัญของประเทศไทย 4.0 เป็ นอย่างไร 4.2 การเช่ือมต่อกบั โลก (Connected to the world) ทาให้เกิดการเสริมพลงั ท้องถิ่น การขยายตลาดภายใน การเชื่อมต่อ(Local empowerment) (ประเทศ) (CLMVT as our ASEAN กบั โลก (ASEAN Global Connect) home market) โดยมีพลงั ขบั เคลื่อน 3 พลงั คือ1. เศรษฐกิจภายในประเทศ (Domestic economy)2. เศรษฐกิจภมู ิภาค (Regional economy)3. เศรษฐกิจโลก (World economy)
ลกั ษณะของ ลกั ษณะของ ลกั ษณะของ การเสริมพลงั ท้องถ่ิน การขยายตลาดภายใน การเช่ือมต่ออาเซียนกบั โลก1. การลงทุนและธรุ กิจ 1. การค้าของรฐั กบั รฐั 1. ภมู ิการเมือง การค้าท้องถ่ิน (Local (G2G) (Geopolitics) trade & investment) 2. การค้าของเพื่อนกบั 2. ภมู ิเศรษฐกิจ2. การจา้ งงานท้องถิ่น เพอ่ื น (P2P) (Geoeconomics) (Local employment) 3. การค้าของธรุ กิจกบั3. การเป็นเจ้าของโดย ธรุ กิจ (B2B) ท้องถ่ิน (Local ownership)
โดยมคี วามเชอ่ื มโยงกนั ดงั น้ี
5.กลไกขบั เคล่ือนประเทศไทย 4.0 คืออะไร5.1 การเพ่ิมขีดความสามารถ 5.2 การขยายการพฒั นา 5.3 การเติบโตสีเขียว ในการแข่งขนั อย่างทวั่ ถงึ (Green Growth Engine)(Competitive Growth Engine) (Inclusive Growth Engine) (1) การพฒั นานวตั กรรม(1) การบม่ เพาผปู้ ระกอบการ (1) การพฒั นาขีด สีเขียว เป็นมิตรกบั ส่ิงแวดล้อม ที่ขบั เคล่ือนด้วยนวตั กรรม ความสามารถคนทกุ คน (2) การพฒั นาพลงั งาน(2) การยกระดบั การวิจยั และ (2) การยกระดบั Digital ทดแทน (3) การเปล่ียนวิถีชีวิตท่ีเป็น พฒั นานวตั กรรม literacy มิตรกบั สิ่งแวดล้อม(3) การพฒั นางานใหม่สาหรบั (3) การพฒั นา Innovation (4) ฯลฯ อนาคต Hub ให้กระจายทกุ ท้องถ่ิน(4) ฯลฯ (4) ฯลฯ
6. การบริหารการศึกษาเพื่อประเทศไทย 4.0 ต้องทาอย่างไร 6.1 ปฏิรปู การบริหาร 6.2 ปฏิรปู การจดั การเรียน 6.3 ปฏิรปู การประเมินผลการศึกษาแบบ 360 องศา การสอนแบบ 360 องศา การเรียนแบบ 360 องศา ให้เป็นการศึกษา 4.0 ให้ความสาคญั กบั ให้ความสาคญั กบั ให้ความสาคญั กบั การ การพฒั นาผเู้ รยี นให้ การประเมินการนาสิ่งท่ี พฒั นาผเู้ รยี นให้เป็น เรียนไปใช้สร้างนวตั กรรม นวตั กร/นักนวตั กรรม สามารถคิดริเร่ิม ในโลกแห่งความจริง (Innovation) มากกว่า สรา้ งสรรคน์ วตั กรรมใน การจดั การศึกษาและ วิชาที่เรียน และเชื่อมโยงการบริหารการศึกษาอย่าง กบั การพฒั นางานอาชีพ มีนวตั กรรม (Innovation เศรษฐกิจ สงั คม และEducation and Management) การเมอื ง
การศึกษา 1.0 4.01. การศึกษา 1.0 การเรียนรแู้ บบรบั ความรจู้ ากครู2. การศึกษา 2.0 (Receptionist ยคุ 1)3. การศึกษา 3.04. การศึกษา 4.0 การเรียนรแู้ บบรบั ความรจู้ าก ICT (Receptionist ยคุ 2) การเรียนรแู้ บบสรา้ งความรู้ (Constructionist ยคุ 1: Knowledge Production) การเรียนรแู้ บบสรา้ งนวตั กรรม (Constructionist ยคุ 2: Innovation Producing)
รปู แบบการเรียนรู้ อตั ราความคงอย่ขู องความรู้ (Learning Model) (Retention Rates)1. แบบเดิม/แบบเฉ่ือย (Traditional / Passive) 5% 1.1 ฟังการบรรยาย 10% 1.2 การอ่าน 20% 1.3 การใช้สื่อเรียน 30% 1.4 ดกู ารสาธิต 50%2. แบบกระฉับกระเฉง (Active) 75% 2.1 การอภิปรายกล่มุ 90% 2.2 ฝึ ก/ลงมอื ทา 2.3 สอนผอู้ ื่น/นาไปใช้จริง
Informational TransformationalLearning Learning1. Teachers talking 1. Letting individual students2. Students listening figure out the answer ontaking notes, taking tests their own.and getting letter grade at 2. It triggers more creativity,the end. empowerment, problem3. It’s about memorization and solving and real worldregurgitation. applicability.
การเรียนรแู้ บบเดิม การเรียนรแู้ บบคล่องแคล่วว่องไว(Traditional Learning) (Agile Learning)1. พฒั นาสติปัญญา (IQ) 1. พฒั นานักคิดที่คล่องแคล่วว่องไว (Quick2. ให้ความสาคญั กบั ผลการเรียนท่ีเป็น Thinkers)เกรดและคะแนน 2. ให้ความสาคญั กบั การคิดริเริ่มสรา้ งสรรค์3. ใช้ผลการสอบจากข้อสอบมาตรฐานใน 3. ใช้ผลการเรียนเช่ือมโยงกบั โลกของการการเข้ามหาวิทยาลยั ทางาน4. เรียนรทู้ กั ษะทางเทคนิคใน 4. ได้เรียนร้แู ละใช้กฎและหลกั การการปฏิบตั ิงาน 5. นักคิดท่ีมีวิสยั ทศั น์กว้าง5. เรียนรทู้ กั ษะภาษาพดู 6. ร้จู ดุ แขง็ จดุ อ่อนส่วนบคุ คล6. เรียนร้ทู กั ษะการวิเคราะห์7. เรียนร้กู ารแก้ปัญหาท่ีไม่ซบั ซ้อน
7. นวตั กรรมคืออะไร นวตั กรรม ตรงกบั ภาษาองั กฤษว่า innovation คือ ผลิตภณั ฑ์(product/physical & intangible) และ การบริการ (services/thatdeliver products) รวมทงั้ กระบวนการ (processes) ในการสร้างผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ แ ล ะ บ ริ ก า ร ซึ่ ง มี ค ว า ม ใ ห ม่ ( newness) ห รื อ มีกา ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ใ น ทิ ศ ท า ง ที่ ดี ขึ้น ห รื อ มี ป ระ โ ย ช น์ ม า ก ก ว่ า เ ดิ ม(beneficial changes)
วเิ คราะหค์ วามแตกต่างระหวา่ งคา 3 คา (1) Discovery (n) การคน้ พบ (2) Invention (n) สง่ิ ประดษิ ฐ,์ การประดษิ ฐ์ (3) Innovation (n) นวตั กรรม“A discovery is recognizing something that alreadyexists for the first time, that nobody has found before”ตวั อยา่ ง เชน่ การคน้ พบดาวดวงใหม่
“An invention is creating something totally new with one’s ownideas and development”ตวั อยา่ ง เชน่ การประดษิ ฐห์ ลอดไฟฟ้าครงั้ แรก“An innovation occurs it someone improves on or makes asignificant contribution to an existing product, process or service.ตวั อยา่ งเชน่ การประดษิ ฐห์ ลอดไฟฟ้า LEDMOOC (massive open online course)block course
8. การแบง่ ประเภทนวตั กรรม8.1 ประเภทนวตั กรรมพืน้ ฐานมี 3 ประเภท(1) นวตั กรรมผลิตภณั ฑ์ (2) นวตั กรรนมการบริการ (3) นวตั กรรมกระบวนการ (product innovation) (service innovation) (processes innovation)นวตั กรรมผลิตภณั ฑท์ าง นวตั กรรมการบริการทาง นวตั กรรมกระบวนการทาง การศึกษา การศึกษา การศึกษาอาจแบง่ เป็นผลิตภณั ฑ์ อาจแบง่ เป็นบริการทาง อาจแบง่ เป็นกระบวนการ ประเภทเครื่องมือ การศึกษาในระบบ นอกระบบ เข้าศึกษา กระบวนหรืออปุ กรณ์ (hardware) และอธั ยาศยั การศึกษาและกระบวนการ จบการศึกษาและผลิตภณั ฑป์ ระเภทวสั ดุหรอื โปรแกรมคอมพิวเตอร์(software)
8. การแบง่ ประเภทนวตั กรรม 8.2 ประเภทนวตั กรรมตามระดบั และแนวทางการเปล่ียนแปลง มี 3 ประเภท (1) นวตั กรรมแบบค่อยเป็นค่อยไป (incremental innovation)เป็นผลิตภณั ฑ์ บริการ หรือกระบวนการท่ีมีการเปล่ียนแปลงในทิศทาง เดิม หรือการเปล่ียนแปลงแบบปรบั แต่ง (tune) ปรบั ปรงุ (improve)การพฒั นา (development) และวิวฒั นาการ (evolution) เรียกอีกอย่าง หน่ึงว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในลาดบั ท่ีหน่ึง (first-order change)
8. การแบง่ ประเภทนวตั กรรม (ต่อ) 8.2 ประเภทนวตั กรรมตามระดบั และแนวทางการเปลี่ยนแปลง (2) นวตั กรรมแบบก้าวกระโดด (radical innovation) เป็นผลิตภณั ฑ์ บริการ หรือกระบวนการที่มีการเปล่ียนแปลงใน ทิศทางใหมแ่ บบหน้ามอื เป็นหลงั มือ หรือการเปลี่ยนแปลงแบบ ไม่ต่อเน่ือง (discontinuous change) เรียกอีกอย่างหน่ึงว่าเป็น การเปล่ียนแปลงในลาดบั ที่สอง (second-order change และ transformation)
8. การแบง่ ประเภทนวตั กรรม (ต่อ) 8.2 ประเภทนวตั กรรมตามระดบั และแนวทางการเปล่ียนแปลง (3) นวตั กรรมแบบแปลกใหม่ (disruptive innovation) เป็นการเปล่ียนแปลงของผลิตภณั ฑ์ บริการ หรือกระบวนการที่ เหนือกว่าแบบก้าวกระโดดและนาไปส่กู ารเปลี่ยนแปลง ท่ีสร้างความเติบโตให้กบั องคก์ ารอย่างยงั่ ยืน โดยอาศยั การใช้นวตั กรรมท่ีแตกต่างจากผนู้ าตลาด ไมว่ ่าจะเป็นเรือ่ ง เทคโนโลยีหรือการตลาด นวตั กรรมแบบแปลกใหม่
(3) นวตั กรรมแบบแปลกใหม่ (disruptive innovation) (3.1) นวตั กรรมแบบแปลกใหม่สาหรบั ตลาดระดบั ล่าง (low-end disruption) เป็นการนาเสนอผลิตภณั ฑ์ หรือบริการ แข่งกบั ผ้นู าตลาดโดยสร้างผลิตภณั ฑท์ ่ีใช้งานง่ายกว่าเดิม (simpler) ราคาถกู กว่าเดิม (cheaper) แต่อาจมีความสามารถหรือคณุ ภาพท่ีลดลงเลก็ น้อยเมื่อเทียบกบั ผลิตภณั ฑท์ ่ีครองตลาดอยู่ แล้วค่อยๆ พฒั นาให้ดีขึ้นทีละนิ ด และขายราคาเพิ่มอีกนิ ดจนส่วนแบ่งการตลาดเติบโตเพ่ิมมากขึ้นเร่ือยๆ ในที่สุดกจ็ ะสามารถพฒั นาผลิตภณั ฑใ์ ห้เข้ากบั ความต้องการของลูกค้าระดบั บน สามารถเพ่ิมส่วนแบ่งการตลาดจนชนะผ้นู าตลาดได้ ดงั นัน้ นวตั กรรมแบบแปลกใหม่สาหรบั ตลาดระดบั ล่าง จะเกิดขึ้นได้เมื่อผลิตภณั ฑห์ รอื บริการนัน้ มีคณุ ลกั ษณะ/ราคา ไม่ตรงกบั ความต้องการของลกู ค้าบางกล่มุ (3.2) นวตั กรรมแบบแปลกใหมส่ าหรบั ตลาดใหม่ (new-market disruption)เป็ นการนาเสนอผลิตภณั ฑ์ หรือบริการท่ีดีกว่าท่ีมีในตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของลกู ค้าท่ียงั ไมม่ ีค่แู ข่ง
ตวั อย่างนวตั กรรมการศึกษาประเภท ระดบั /แนวทาง ตวั อย่าง1. ผลิตภณั ฑ์ 1.1 ค่อยเป็นค่อยไป (1) White boardทางการศึกษา (incremental) (2) บทเรียนสาเรจ็ รปู 1.2 ก้าวกระโดด (program instruction) (radical) (1) smart board (2) web based/E-learning 1.3 แปลกใหม่ (1) magnetic board (disruptive) (2) computer ช่วยสอน (CAI)
ประเภท ระดบั /แนวทาง ตวั อย่าง2. การบริการ 2.1 ค่อยเป็นค่อยไป (1) การศึกษาผใู้ หญ่ทางการศึกษา (incremental) (2) การศึกษานอกระบบ (1) โรงเรียนอิสระ (independent school) 2.2 ก้าวกระโดด (2) โรงเรียนเอกชนรบั เงินอดุ หนุน (radical) (charter school) 2.3 แปลกใหม่ (1) มหาวิทยาลยั เปิ ด (disruptive) (2) โรงเรยี นในรปู แบบองคก์ ารมหาชน
ประเภท ระดบั /แนวทาง ตวั อย่าง3. กระบวน 3.1 ค่อยเป็นค่อยไป (1) การจดั การเรยี นร้โู ดยผเู้ รยี นเป็นศนู ยก์ ลาง (Learner centered)ทางการศึกษา (incremental) (2) การประเมินท่ีแท้จริง (authentic assessment) 2.2 ก้าวกระโดด (1) ห้องเรียนพลิกกลบั (flipped classroom: (radical) turning homework and class time upside down) 2.3 แปลกใหม่ (2) การเรียนแบบสรา้ งความรู้ (constructionist model) (disruptive) (1) การเรียนแบบสร้างความรรู้ ว่ มกนั (co-constructionist model) (2) การเรียนร้แู บบจิตตยปัญญาศึกษา (contemplative education)
9. การสร้างนวตั กรรม9.1 วิธีการสรา้ งนวตั กรรม(1) นวตั กรรม (innovation) = ความคิดสรา้ งสรรค์ + การใช้ให้เป็นประโยชน์ (creativity) (exploitation)(2) วิธีการ 4 วิธี(2.1) การประดิษฐ์ (invention) คอื การสร้าง (creation) ผลิตภณั ฑบ์ ริการ หรอืกระบวนการใหม่(2.2) การขยายผล (extension) คอื การนาผลิตภณั ฑ์ บริการ หรือ กระบวนการที่มีอยู่ไปประยกุ ตใ์ นวงกว้างขึน้(2.3) การปรบั ใช้ (duplication) คอื การนาผลิตภณั ฑ์ บริการหรือกระบวนการท่ีมีอย่ไู ปใช้โดยเพ่ิมความคิดสร้างสรรคเ์ พื่อปรบั ปรงุ หรือพฒั นาให้ดีย่ิงขึน้(2.4) การสงั เคราะห์ (synthesis) คอื การนาผลิตภณั ฑ์ บริการ หรอื กระบวนการไปประยกุ ตใ์ ช้ในลกั ษณะโปรแกรมใหม่
10. ความเข้าใจผิดเกี่ยวกบั การสรา้ งนวตั กรรมความเข้าใจผิด ความจริง1. การสรา้ งนวตั กรรมเป็นหน้าที่ของแผนกวิจยั 1. นวตั กรรมอาจเกิดจากใครกไ็ ด้โดยและพฒั นา (R&D Department) ที่ต้องมีการ ไมต่ ้องวางแผนอย่างเป็นทางการวางแผนอย่างเป็ นทางการเท่านัน้2. เทคโนโลยีเป็นแรงผลกั ดนั และปัจจยั 2. ลกู ค้าหรอื ตลาดคือแรงผลกั ดนั และปัจจยัความสาเรจ็ ของนวตั กรรม ความสาเรจ็ ของนวตั กรรม3. มีความจาเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมทาง 3. การเตรียมความพรอ้ มทางวิชาการเป็นสิ่งท่ีเทคนิ คหรือวิชาการเป็ นอย่างดี ดีแต่มกั ใช้เวลานานเกินไปการใช้กลยทุ ธ์ ทดลอง ทดสอบ และปรบั ปรงุ (try-test- revise) จะทาให้เกิดนวตั กรรมได้มากกว่า4. โครงการขนาดใหญ่จะสรา้ งนวตั กรรมได้ดีกวา่ 4. การทางานในกล่มุ ขนาดเลก็ จะสร้าง นวตั กรรมได้ดีและเรว็ กว่า
11. คณุ ลกั ษณะสาคญั ของนักนวตั กรรม เน่ืองจากนวตั กรรมสรา้ งโดยนักนวตั กรรม (innovators cause innovation)คณุ ลกั ษณะสาคญั ของนักนวตั กรรม มี 10 ประการ คือ (1) มีความม่งุ มนั่ และความขยนั หมนั่ เพียร (determination and perseverance) (2) มีแรงผลกั ดนั ม่งุ ผลสมั ฤทธ์ิ (achievement drive) (3) มงุ่ เป้าประสงค์ (goal orientation) (4) เน้นการควบคมุ จากภายในตนเอง (internal locus of control) (5) มีความอดทนต่อความไมช่ ดั เจน (tolerance for ambiguity)
12. คณุ ลกั ษณะสาคญั ของนักนวตั กรรม (ต่อ) (6) มีความอดทนต่อความล้มเหลว (tolerance for failure) (7) มีความสามารถในการประเมินและการบริหารความเสี่ยง (calculated risk taking) (8) มีพลงั คณุ ภาพสงู (high energy level) (9) มีความคิดสรา้ งสรรค์ (creativity) (10) มีวิสยั ทศั น์ (vision)
13. การค้มุ ครองนวตั กรรมด้วยการจดสิทธิบตั ร สิทธิบตั ร (patent) คือ เอกสารทางกฎหมายท่ีตราไว้เพอื่ ค้มุ ครองสิ่งประดิษฐ์ และการออกแบบผลิตภณั ฑ์ ที่ให้สิทธ์ิเจ้าของในการผลิตขาย ให้เช่า หรอื แจกจา่ ยในประเทศท่ีได้รบั การค้มุ ครอง
ภายใต้กฎหมายไทย สิทธิบตั ร แบ่งเป็ น 3 ประเภท ดงั นี้ ประเภท การคุ้มครอง1. สิทธิบัตรการประดิษฐ์ 1.1 การประดษิ ฐ์ลกั ษณะ องค์ประกอบ กลไก โครงสร้าง กระบวนการ หรือ กรรมวธิ ี ทมี่ ี การใช้งานหรือ มปี ระโยชน์ใช้สอยทตี่ รงกบั เกณฑ์ 3 ข้อ คือ (1) เป็ นสิ่งประดษิ ฐ์ใหม่ (2) มีข้ันการประดษิ ฐ์ทสี่ ูงขึน้ (3) สามารถใช้ในอุตสาหกรรมได้ 1.2 มอี ายุ 20 ปี นับจากวนั ที่ยื่นจดสิทธิบตั รและ คุ้มครองในประเทศทยี่ ่ืนจดเท่าน้ัน
ประเภท การคุ้มครอง2. อนุสิทธิบตั ร 2.1 การประดษิ ฐ์ลกั ษณะ องค์ประกอบ กลไก โครงสร้าง กระบวนการ หรือ กรรมวธิ ี ที่มี การใช้งานหรือ มีประโยชน์ใช้สอยทตี่ รงกบั เกณฑ์ 2 ข้อ คือ (1) มีความใหม่ (2) สามารถใช้ในอตุ สาหกรรมได้ 2.2 มีอายุ 6 ปี นับจากวนั ทย่ี ื่นจดและคุ้มครอง ในประเทศทย่ี ่ืนจดเท่าน้ัน สามารถยื่นต่ออายุ ได้ 2 คร้ัง คร้ังละ 2 ปี แต่ท้งั หมดไม่เกิน 10 ปี
ประเภท การคุ้มครอง3. สิทธิบตั รการออกแบบผลติ ภัณฑ์ 3.1 คุ้มครองรูปลกั ษณ์ ลวดลาย หรือ สีสันของ งานออกแบบผลติ ภัณฑ์ เท่าน้ัน (ไม่รวมการ ใช้งานหรือประโยชน์ใช้สอย) ตรงกบั เกณฑ์ 2 ข้อ คือ (1) มคี วามใหม่ (2) สามารถใช้ในอุตสาหกรรม หรือ งาน หัตกรรมได้ 3.2 มอี ายุ 10 ปี นับต้ังแต่วนั ทย่ี ื่นจดและได้รับ การคุ้มครองในประเทศทยี่ ่ืนจดเท่าน้ัน
ตัวอย่างสิทธิบตั ร1. สิทธิบตั รการประดษิ ฐ์ 1.1 กรรมวธิ ีการผลติ ผงซักฟอกใหม่ทมี่ สี ่วนประกอบของสมุนไพร 1.2 ระบบไฮบริคใหม่ทีใ่ ช้พลงั งานไฮโตรเจนในเคร่ืองยนต์ 1.3 ระบบผลติ ไม้กอล์ฟแบบใช้ข้อมูลดจิ ติ อลมาประกอบการผลติ2. อนุสิทธิบัตร 2.1 จุลชีพ หรือสิ่งทส่ี กดั ออกมาจากพืชหรือสัตว์ 2.2 ทฤษฎีหรือกฎวทิ ยาศาสตร์/คณติ ศาสตร์ 2.3 ฐานข้อมูล โปรแกรมคอมพวิ เตอร์3. สิทธิบัตรการออกแบบ 3.1 กระถางต้นไม้ทม่ี กี ้นเป็ นรูปทรงกลมมน 3.2 ตู้เยน็ ทมี่ รี ูปร่างคล้ายนกเพนกวนิ 3.3 รถจกั รยานยนต์ที่มคี วามหลากหลายดีไซน์แต่มกี ารใช้งานคล้ายกนั
Search
Read the Text Version
- 1 - 43
Pages: