ใบความรู้ที่ 1 เรื่อง หลักการทางานและการเลือกใช้คอมพิวเตอร์ การทางานขั้นพ้นื ฐานของคอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอรเ์ ปน็ เคร่ืองอเิ ล็กทรอนิกสแ์ บบอตั โนมตั ิ สร้างข้นึ เพ่ือใช้แก้ปัญหาต่างๆท้ังในรูปแบบท่งี ่ายและ ซบั ซอ้ นโดยวธิ ีทางคณติ ศาสตร์ ซึ่งปฏิบัตติ ามข้นั ตอนของโปรแกรมทต่ี ้ังไว้สาหรับการทางานของคอมพวิ เตอร์ จะมขี ึ้นตอนการทางานพนื้ ฐาน ๔ ขัน้ ตอน ดังนี้ ขัน้ ที่ ๑ รบั ขอ้ มลู (input) เป็นการนาข้อมูลหรือคาสั่งเขา้ สู่เคร่อื งคอมพิวเตอร์ โดยผา่ นอุปกรณร์ ับ ข้อมูลต่างๆเช่น การพมิ พ์ขอ้ ความเขา้ สเู่ ครื่องคอมพวิ เตอร์โดยใชแ้ ปน้ พิมพ์ การบนั ทึกเสียงโดยผา่ นไมโครโฟน เปน็ ต้น ข้นั ท่ี ๒ ประมวลผลขอ้ มูล (process) เปน็ การนาขอ้ มลู มาประมวลผลตามชุดคาสัง่ หรือโปรแกรม เพอ่ื ให้ได้ผลลัพธ์หรือสารสนเทศ เชน่ การนาข้อมลู ท่รี ับเข้ามาหาผลรวม เปรียบเทยี บคานวณเกรดเฉล่ยี เป็น ต้น ซ่งึ อปุ กรณส์ าหรับประมวลที่สาคัญ คอื หนว่ ยประมวลผลกลาง ขน้ั ที่ ๓ จัดเก็บข้อมูล (storage) เปน็ การจัดเกบ็ ข้อมูลชั่วคราวในขณะทม่ี ีการประมวลผลแรม รวมถึง จัดเกบ็ ข้อมูลท่ีผ่านการประมวลผลลงในอุปกรณ์เก็บขอ้ มูล เชน่ ฮาร์ดดิสถ์ (hard disk) แฟลชไดร์ฟ (flash drive) เป็นต้น ขัน้ ที่ ๔ แสดงผลขอ้ มลู (output) เปน็ การนาผลลพั ธ์ที่ได้จากการประมวลผลมาแสดงผลลัพธ์ใน รูปแบบทม่ี นษุ ย์เขา้ ใจ กลา่ วคือ อยูใ่ นรูปแบบของข้อความ ตวั อักษร ตวั เลข สญั ลักษณ์ เสยี ง โดยผ่านอปุ กรณ์ แสดงผลต่างๆเชน่ จอภาพ เครอ่ื งพิมพ์ เปน็ ต้น
จากขน้ั ตอนการทางานพน้ื ฐานของคอมพิวเตอร์ทง้ั ๔ ข้ันตอน จะมีการทางานประสานกัน โดยเริม่ จากการรับข้อมลู และคาสั่งเข้าสูเ่ ครอ่ื งคอมพิวเตอร์ จากน้ันข้อมูลและคาส่งั ซึง่ อยู่ในรูปแบบทีม่ นษุ ย์เขา้ ใจจะ ถกู แปลงให้อยใู่ นรูปแบบทค่ี อมพิวเตอร์เข้าใจและส่งไปจัดเกบ็ ข้อมลู ไว้ช่ัวคราว จากนั้นเมอื่ มีคาสัง่ ให้ ประมวลผล ข้อมลู ที่ถกู จดั เก็บชัว่ คราวจะถูกสง่ ไปประมวลผล เป็นผลลพั ธ์หรือสารสนเทศ ซ่งึ ผลลพั ธ์หรือ
สารสนเทศจะถูกสง่ ไปแสดงผลลัพธต์ ามท่ผี ใู้ ชต้ อ้ งการ โดยผลลพั ธจ์ ากการประมวลผลจะถูกแปลงให้อยใู่ น รปู แบบทม่ี นุษยเ์ ขา้ ใจได้ และหากต้องการเก็บผลลพั ธไ์ ว้ใชใ้ นภายหลงั ผลลัพธ์จะถกู นาไปจัดเกบ็ สาหรับการ เรยี กใช้ได้อยา่ งถาวร การทางานท้งั ๔ ข้ันตอนดังกล่าว เรยี กวา่ วงจรการทางานข้ันพน้ื ฐานของ คอมพวิ เตอร์ (IPOS cycle) ปัจจุบนั อุปกรณ์ที่มีการทางานพนื้ ฐานท้งั ๔ ข้ันตอน เรียกวา่ คอมพวิ เตอร์ ดังนัน้ คอมพวิ เตอร์ จึงมี รปู ร่างอยา่ งไรก็ได้ ตัวอยา่ งเช่น การทางานของเครื่องรับเงินอัตโนมัติ (Automatic Teller Machine : ATM ) ซงึ่ เครื่องเอทีเอ็มถือเปน็ คอมพวิ เตอร์ประเภทหนึง่ เน่ืองจากมีการทางาน ๔ ขัน้ ตอน คอื การรบั ขอ้ มลู เข้าโดย ผใู้ ช้ใส่บัตรเอทเี อ็มและป้อนข้อมลู รหสั เอทีเอม็ จากน้นั ผู้ใช้เลือกคาสัง่ ถอนเงินจะถกู ส่งไปประมวลผล คือ การ อ่านยอดเงินในบญั ชีและการหกั เงนิ ท่ถี อนในบัญชธี นาคาร จากนน้ั เคร่ืองเอทเี อ็มจะแสดงยอดเงินคงเหลือใน บัญชีให้ผใู้ ช้ทราบ และสดุ ทา้ ยเกบ็ ข้อมูลการถอนและยอดเงินคงเหลือไว้ในบญั ชธี นาคาร
เปรียบเทยี บการทางานระหว่างมนุษยก์ ับคอมพวิ เตอร์ กระบวนการทางานของคอมพิวเตอรจ์ ะมีหลักเหมือนกบั กระบวนการทางานของมนุษย์ ซง่ึ ประกอบด้วย 4 หน่วยคอื หน่วยรบั ข้อมูล หน่วยความจา หน่วยประมวลผล และหนว่ ยแสดงผล องคป์ ระกอบของระบบคอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอร์ประกอบด้วยสว่ นสาคญั 5 สว่ นด้วยกนั คอื 1. ฮารด์ แวร์ (Hardware) หมายถึง สิ่งทม่ี องเห็นและจบั ต้องสมั ผสั ได้ทัง้ หมดทเ่ี กีย่ วข้องกบั คอมพวิ เตอร์ ไม่ ว่าจะเปน็ ตวั เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ (Case) เมนบอรด์ (Mainboard) และอปุ กรณต์ ่อพ่วงรอบขา้ ง (Peripheral) ทีเ่ กีย่ วข้อง เชน่ ฮารด์ ดิสก์ แป้นพิมพ์ เมา้ ส์ หนว่ ยประมวลผลกลาง จอภาพ เครื่องพิมพ์ และอุปกรณ์อืน่ ๆ ฮารด์ แวรจ์ ะไม่สามารถทางานด้วยตวั เองเด่ยี ว ๆ ได้ จะต้องนามาต่อเช่ือมเพื่อทางานรว่ มกันเปน็ ระบบที่ เรยี กวา่ “ระบบคอมพวิ เตอร์ (Computer System)” ทม่ี ีโครงสร้างของระบบจะทางานตามโปรแกรมหรือ ซอฟตแ์ วร์ทีเ่ ขยี นข้ึน 2. ซอฟต์แวร์ (Software) หมายถงึ โปรแกรม (Program) หรอื ชดุ คาสง่ั ท่ีควบคุมใหเ้ ครื่องคอมพวิ เตอร์ ทางานให้ไดผ้ ลลพั ธต์ ามทีต่ ้องการ ซึ่งคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ที่ประกอบออกมาจากโรงงานจะยังไมส่ ามารถ ทางานได้ในทนั ที ต้องมซี อฟต์แวร์ซึ่งเปน็ โปรแกรมหรือชดุ คาสัง่ ท่ีสั่งใหฮ้ ารด์ แวร์ทางานตามตอ้ งการได้ โดย โปรแกรมหรอื ชดุ คาส่งั นัน้ จะเขยี นจากภาษาต่าง ๆ ท่มี นุษย์สรา้ งข้นึ เรยี กวา่ ภาษาคอมพิวเตอร์
(Programming Language) ภาษาใดภาษาหนง่ึ และมีโปรแกรมเมอร์ (Programmer) หรอื นกั เขียนโปรแกรม เป็นผู้ใชภ้ าษาคอมพวิ เตอรเ์ หลา่ น้นั เขยี นซอฟต์แวร์แบบต่าง ๆ ขึน้ มา ซอฟตแ์ วร์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1) ซอฟตแ์ วรร์ ะบบ (System Software) เป็นซอฟตแ์ วร์ทที่ าหนา้ ทจี่ ัดการและควบคุม ทรพั ยากรตา่ ง ๆ ของคอมพวิ เตอร์ และอานวยความสะดวกด้านเคร่ืองมือสาหรบั การทางานพ้นื ฐานตา่ ง ๆ ตัง้ แต่ผใู้ ชเ้ รมิ่ เปดิ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ การทางานจะเปน็ ไปตามชดุ คาสง่ั ทเ่ี ขียนขนึ้ ตลอดจนควบคุมการส่ือสารข้อมลู ในระบบ เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 2) ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์ (Application Software) หมายถึง ซอฟตแ์ วร์ท่ีสรา้ งหรือพัฒนาขน้ึ เพื่อใช้งานดา้ น ใดดา้ นหนงึ่ โดยเฉพาะตามที่ผู้ใช้ตอ้ งการ เชน่ งานดา้ นการจัดทาเอกสาร การทาบัญชี การจดั เกบ็ ข้อมลู ขา่ วสาร ตลอดจนงานด้านอน่ื ๆ ตามแตผ่ ้ใู ช้ตอ้ งการ 3. ข้อมูล/สารสนเทศ (Data/Information) คอื ข้อมลู ต่างๆ ท่เี รานามาให้คอมพิวเตอร์ทาการประมวลผล คานวณ หรอื กระทาการอยา่ งใดอย่างหนงึ่ ใหไ้ ด้มาเป็นผลลัพธ์ทเ่ี ราต้องการ ยกตวั อย่างเช่น ข้อมูลบุคลากร เกี่ยวกับรายละเอียดประวตั สิ ว่ นตวั ประวัตกิ ารศึกษาหรอื ประวตั กิ ารทางาน ซง่ึ อาจนามาจาแนกเปน็ รายงาน ต่างๆ เก่ียวกบั บุคลากรในหน่วยงานได้ หรอื ข้อมลู เก่ยี วกบั ตัวเลขมาตรๆ ไฟฟ้าของบ้านแตล่ ะหลงั ก็ใช้สาหรับ คานวณเป็นปรมิ าณไฟฟ้า ทีใ่ ช้ในแตล่ ะเดือน แลว้ คิดเป็นเงิน ทจี่ ะต้องชาระให้กบั การไฟฟา้ ฯ 4. บคุ คลากร (Peopleware) คือ เจ้าหน้าทีป่ ฏบิ ัติงานต่างๆ และผใู้ ช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในหนว่ ยงานน้นั ๆ บคุ ลากรดา้ นคอมพวิ เตอร์นัน้ มคี วามสาคญั มาก เพราะการใช้เคร่ืองคอมพิวเตอรท์ างานต่างๆ น้นั จะต้องมีการ จดั เตรียมเปลย่ี นระบบ จัดเตรียมโปรแกรมดาเนินการต่างๆ หลายอย่าง ซึ่งไมส่ ามารถทาด้วยตัวเองได้ ถ้าหาก ไม่ใช่ผู้ทีร่ ู้เร่ืองคอมพวิ เตอรม์ ากนกั เราจงึ ถือวา่ บคุ ลากร เป็นส่วนประกอบท่สี าคญั ของ ระบบคอมพิวเตอร์ด้วย ซ่งึ สามารถสรปุ เป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ดงั นี้ – เจา้ หนา้ ทปี่ ฏิบตั ิการ (Operator) – บคุ ลากรที่เกี่ยวขอ้ งกบั ระบบ (System) – ผู้จดั การศูนย์ประมวลผลคอมพวิ เตอร์ (Electronic Data Processing Manager) – ผูใ้ ชค้ อมพิวเตอร์ (Computer user) 5. กระบวนการทางาน (Documentation/Procedure) เปน็ ขั้นตอนการทางานเพอื่ ให้ได้ ผลลัพธ์หรือ ขอ้ สนเทศจากคอมพวิ เตอร์ ในการทางานกับคอมพวิ เตอร์จาเปน็ ท่ีจะต้องให้ผใู้ ช้เขา้ ใจข้นั ตอนการทางาน ต้อง มีระเบียบปฏบิ ัติให้เปน็ แบบเดียวกัน มีการจัดทาคู่มือการใชค้ อมพวิ เตอรใ์ ห้ทกุ คนเรยี นร้แู ละใช้อา้ งอิงได้ นอกจากน้นั เม่ือการใช้มาตรฐาน ช่วยใหก้ ารประสานงาน ระหวา่ งหนว่ ยงานยอ่ ยๆ ราบรื่น การจัดซอ้ื จัดหา ตลอดจนการบารุงรักษาเครอื่ งคอมพิวเตอร์ และซอฟตแ์ วร์ก็จะง่ายขึน้ เพราะทุกหนว่ ยงานใช้มาตรฐานเดยี วกนั
หลกั การเลอื กคอมพิวเตอร์ หลกั การทางานและการเลือกใชค้ อมพิวเตอร์ 1 .หลักการเลอื กใช้คอมพิวเตอร์ เพ่ือการใช้งานเลือกใช้คอมพวิ เตอร์ท่เี หมาะสมกบั หน่วยงาน คอมพวิ เตอรเ์ ข้า มามบี ทบาทในงานดา้ นตา่ ง ๆ ทง้ั ท่ีเป็นหนว่ ยงานราชการ องค์กรตา่ ง ๆและธรุ กจิ ขนาดเล็ก กลาง หรอื ใหญ่ โดยเลือกใช้ระบบคอมพวิ เตอร์ทเี่ หมาะสมกบั หน่วยงานหรือองคก์ รนั้นระบบคอมพิวเตอร์ทน่ี ยิ มใชค้ ือ ไมโครคอมพวิ เตอร์หรือคอมพิวเตอรพ์ ีซีซ่ึงได้รบั การพฒั นาให้มีประสทิ ธิภาพจนสามารถตอบสนองความ ต้องการได้ ในราคาท่ีถกู ลง ค่าบารงุ รักษาตา่ การใช้งานสะดวกขน้ึ และมซี อฟต์แวรส์ าเรจ็ รูปให้เลือกใช้งาน จานวนมาก จงึ มีการประยุกต์ใชค้ อมพวิ เตอร์ในงานด้านต่าง ๆในวันน้ีจะกลา่ วถงึ การใชง้ านคอมพิวเตอ หลกั การเลอื กซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ 2.หลกั ารการเลอื กซื้อเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ จะต้องคานึงถึงสิง่ ตอ่ ไปน้ี 1. งบประมาณในการจัดซือ้ 2. ประเภทของงานท่ีนาคอมพวิ เตอร์มาใช้ 3. สมรรถนะของเครื่อง 4. ความสามารถในการ Upgrade ในอนาคต รายละเอยี ดเกย่ี วกบั เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ หลกั ๆ โดยทว่ั ไปมีดังนี้
1. รนุ่ และความเร็วในการประมวลผลของ CPU 2. ชนดิ และขนาดของหน่วยความจา RAM 3. ขนาดของหน่วยความจาแคช (Cache Lever 2) 4. ขนาดความจุของฮารด์ ดสิ ก์ (Hard disk) คอมพวิ เตอร์พซี โี ดยท่วั ไปในปัจจบุ นั เป็นระบบมัลติมีเดยี สามารถดหู นงั ฟังเพลง เล่นเกม และเชอ่ื มต่อ อนิ เตอร์เน็ตได้ การพจิ ารณารายละเอยี ดของเครื่องควรดูท่ีความเหมาะสมในการนามาใชง้ านมากกวา่ การ ตดั สนิ ใจซอ้ื ตามแฟชน่ั หรือการเลอื กซ้ือรนุ่ ใหม่ลา่ สดุ เพ่ือใหเ้ ป็นคนทนั สมัย ซงึ่ จะทาให้เสียคา่ ใชจ้ ่ายแพงเพราะ อกี ไม่นานก็จะตกรุ่น ราคาก็จะลดลงมาด้วย และยังเสีย่ งต่อความไม่สมบรู ณ์ของเครื่อง เนื่องจากยังมี ขอ้ ผดิ พลาดในการผลิต จะต้องมกี ารปรับปรงุ อกี เทคนิคของการซ้ือเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์คือ ควรซ้ือเครื่องในรนุ่ ท่ี ตา่ กวา่ รนุ่ ทอ่ี อกใหม่ 1 ร่นุ จะได้เครื่องคอมพวิ เตอร์ท่ีมปี ระสทิ ธิภาพในราคาถูกในวงการศึกษา 3.องคป์ ระกอบของคอมพวิ เตอร์ องคป์ ระกอบพื้นฐาน 4 ประการมาทางานประสานงานร่วมกนั ซ่งึ องคป์ ระกอบพ้ืนฐานของระบบคอมพวิ เตอร์ ประกอบไปดว้ ย -ฮาร์ดแวร(์ Hardware) -ซอฟแวรร์ ะบบ (System Software) – บุคลากร (People ware) – ขอ้ มูล (Data) ฮารด์ แวร(์ Hardware) หมายถึง เคร่ืองมือหรืออุปกรณท์ ี่สามารถจับต้องใดท้ ่ีใชใ้ นงานระบบสารสนเทศ เชน่ อุปกรณ์และเครอื่ งมอื อิเลคทรอนกิ ส์ โดยเทคโนโลยสี ารสนเทศท่มี ีความสาคัญท่สี ุดคือ คอมพิวเตอร์ โดย หลกั การทางานของคิมพิวเตอร์ มี 3 หนว่ ยคอื 1. หนว่ ยรบั ขอ้ มูล (Output Unit) 2.หน่วยประมวลผล (Processing Unit) 3. หน่วยแสดงผล (Output Unit) หน่วยรบั ขอ้ มลู (Output Unit) เป็นสว่ นท่ีทาหน้าที่นาข้อมูลจากภายนอกเข้าสเู่ ครื่องคอมพิวเตอร์ เปน็ ตวั กลางเชอื่ มโยงจากมนุษย์สเู่ คร่ือง คอมพวิ เตอร์ เครื่องมือหรืออุปกรณใ์ นหนว่ ยรับข้อมูลน้ี มหี น้าทแ่ี ปลงข้อมลู ที่ส่งเขา้ ไปให้อยู่ในรปู ของสญั ญาณ อิเล็กทรอนกิ ส์ท่ีคอมพิวเตอร์เข้าใจ และนาเขา้ สู่เคร่ืองคอมพิวเตอร์ เพ่ือการประมวลผลเครอ่ื งมือในสว่ นน้ี เรียกว่า อปุ กรณน์ าเขา้ ข้อมลู (Input Device) ซ่งึ มที ้ังประเภททีม่ นุษยต์ ้องทาการป้อนข้อมูลดว้ ยตนเองใน ลักษณะการพมิ พ์ การช้ี หรือกระท่ังการวาดรูปด้วยตนเอง ซ่ึงอปุ กรณ์ลักษณะนี้ทร่ี ูจ้ กั กันดี คอื แปน้ พิมพ์ (Keyboard) และเมาส์ (Mouse) นอกจากนี้ยงั มีอปุ กรณ์นาเข้าข้อมูลในลกั ษณะของการสง่ ขอ้ มลู เขา้ สูร่ ะบบ โดยตรง (Source-data Automation) เพ่ือให้การส่งข้อมลู เข้าสรู่ ะบบคอมพวิ เตอร์ทาได้รวดเร็วยงิ่ ข้นึ โดย
อุปกรณ์เหล่านีจ้ ะอา่ นข้อมูลจากแหล่งกาเนิดและสง่ เขา้ สู่ระบบคอมพิวเตอรโ์ ดยตรง ผใู้ ชไ้ มต่ อ้ งเคลอ่ื นยา้ ย หรอื คัดลอกหรือพิมพ์ส่งิ ใดลงไปอีก ทาให้เกิดความรวดเร็วและถูกตอ้ งแมน่ ยายง่ิ ข้ึน ตัวอยา่ งของเครื่องปอ้ น ขอ้ มลู ประเภทนี้ คือ อปุ กรณ์ OCR และ สแกนเนอร์ (Scanner) เปน็ ต้น ตัวอยา่ งของอุปกรณน์ าเข้าข้อมูล ไดแ้ ก่ – แปน้ พิมพ์ (Keyboard) – เมาส์ (Mouse) -อุปกรณโ์ อซอี าร์ (OCR) -สแกนเนอร์ (Scanner หนว่ ยประมวลผล (Processing Unit) เปน็ ศูนยก์ ลางการประมวลผลของทั้งระบบ เปรยี บเสมือนกองบัญชาการ หรือ สว่ นของศีรษะของมนุษย์ ทม่ี ีผู้ บัญชาการ หรอื สมองอย่ภู ายใน หนว่ ยประมวลผลกลางน้ี จะเปน็ การทางานประสานกันระหวา่ ง 2 สว่ นหลกั คอื สว่ นประมวลผล หมายถงึ สว่ นท่ที าหน้าทเ่ี ก่ียวกบั การควบคุมและประมวลผลของเครื่องคอมพวิ เตอร์ มี ลักษณะเป็นชน้ิ สว่ นอเิ ล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กมาก ภายในประกอบดว้ ยทรานซสิ เตอร์ประกอบกนั เปน็ วงจร หลายล้านตัว โดยมหี น่วยวัดความเรว็ (Speed) เปน็ เมกะเฮิรตซ์ (MHz = MegaHertz) ถา้ คา่ ตัวเลขย่งิ สงู แสดงวา่ มีความเรว็ มาก เช่นเคร่อื งคอมพิวเตอร์เครื่องนี้เป็นรนุ่ Pentium II 450 MHz แสดงคอมพวิ เตอร์ เครือ่ งนี้มคี วามเร็วในการประมวลผล450 เมกะเฮิรตซ์ เป็นต้น ภายในของส่วนประมวลผลกลาง จะประกอบดว้ ยส่วนประกอบหลกั 2 ส่วน คือ -สว่ นควบคุม (Control Unit) คือ ส่วนท่ีทาหนา้ ทส่ี ร้างและส่งสัญญาณไปควบคุมการทางานของสว่ นประกอบ ต่างๆ ในระบบคอมพิวเตอร์ คลา้ ยการสง่ สญั ญาณควบคุมจากสมองไปสู่สว่ นต่างๆ ของรา่ งกาย ส่วนควบคุมนี้ ไมไ่ ดท้ าหน้าทป่ี ระมวลผลข้อมลู แต่มหี น้าทปี่ ระสานงานใหส้ ่วนประกอบตา่ งๆ สามารถทางานร่วมกนั ได้อยา่ ง เป็นระบบ สัญญาณควบคุมจานวนมาก สามารถเดินทางไปยงั ส่วนประกอบตา่ งๆ ของระบบคอมพวิ เตอร์ได้ ด้วย ตวั ส่งสัญญาณ เรียกวา่ บัส (Bus) ซ่งึ ประกอบด้วย Control Bus, Data Bus และ Address Bus ที่ทา หนา้ ท่ีส่งสญั ญาณควบคมุ ส่งสญั ญาณข้อมลู และส่งตาแหนง่ ท่ีอยู่ของขอ้ มลู ในส่วนความจา ตามลาดับ ดังนน้ั บัสจงึ เปรยี บเสมอื นพาหนะท่ใี ช้ขนสง่ ข้อมูลไปสู่ส่วนประกอบตา่ งๆ ของระบบนนั่ เอง – สว่ นคานวณและเปรียบเทียบข้อมลู (Aritmetic and Logic Unit : ALU) ทาหนา้ ทีค่ านวณและเปรียบเทียบข้อมูล โดยอาศยั หลกั การทางคณิตศาสตร์ (Arithmetic) และตรรกศาสตร์ (Logic) ตามลาดับ การประมวลผลด้วยหลักการทางคณิตศาสตร์ คอื การคานวณท่ตี ้องกระทากบั ข้อมลู ประเภทตวั เลข(Numeric)เชน่ การบวก ลบ คณู หาร ฯลฯ ใหผ้ ลลัพธท์ ่หี ลากหลาย แตก่ ารประมวลผลดว้ ย หลักตรรกศาสตร์ คือการเปรียบเทยี บข้อมูล ทก่ี ระทากับข้อมลู ตัวอักษร สัญลักษณ์ หรือตวั เลข (Character) ให้ผลลัพธ์เพยี งสองสภาวะ เช่น 0-1, ถกู -ผิด หรอื จริง-เทจ็ เป็นต้น คอมพิวเตอร์แตล่ ะเคร่ือง มักมีสว่ น คานวณและเปรยี บเทียบ (ALU) เพียงชุดเดียว ยกเวน้ ในกรณีเครอ่ื งคอมพวิ เตอรข์ นาดใหญ่ท่ีอาจมี ALU มากกวา่ หน่ึงชดุ ซงึ่ มกั พบในเครื่องที่มกี ารประมวลผลแบบ Multi-Processing (ประมวลผลงานเดยี ว โดย
อาศยั ตวั ประมวลผลหลายตวั ) -ส่วนความจาหลกั สว่ นความจาหลกั เปน็ ส่วนความจาพืน้ ฐานในคอมพิวเตอร์ทุกเคร่ือง เป็นหวั ใจของการทางานในรูปแบบ อัตโนมตั ิ มหี น้าท่ีเกบ็ ข้อมูลต่างๆ ทีป่ ้อนเขา้ มาเพ่ือให้สว่ นประมวลผลนาไปใช้ ละเก็บข้อมูลที่เก่ยี วกับ คุณสมบัตแิ ละระบบการทางานของเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ด้วย สว่ นความจาหลกั ของคอมพวิ เตอรแ์ บ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังน้ี 1. หนว่ ยความจาแบบถาวร (Read Only Memory – ROM) คือ หน่วยความจาทนี่ าข้อมลู ออกมาใช้งานเพยี ง อยา่ งเดียว (Read Only) โดยไดม้ ีการบนั ทึกขอ้ มูลไว้ล่วงหน้าแลว้ สามารถเก็บรกั ษาข้อมูลไว้ได้ โดยไม่ต้อง อาศยั พลังงานไฟฟา้ ในการรักษาข้อมลู แม้เราจะปิดเครื่อง หรอื ไม่มไี ฟฟ้าไปหล่อเล้ียง ข้อมลู ท่ีอยู่ในรอมกจ็ ะ ยังคงอยู่ ไมส่ ญู หายไป ในปัจจบุ ัน หนว่ ยความจาถาวรนี้ เปิดโอกาสให้สามารถลบหรอื แก้ไขขอ้ มลู ได้ เชน่ การปรับปรงุ /แกไ้ ขข้อมูล เกี่ยวกบั ระบบคอมพิวเตอร์ (System Configuration) เปน็ ตน้ 2.หนว่ ยความจาชัว่ คราว (Random Access Memory – RAM) คือ หน่วยความจาทสี่ ามารถบนั ทึกข้อมลู (Write Data) หรืออ่านข้อมลู (Read Data) ณ เวลาใดๆ ได้ตามตอ้ งการ (Random Access) การจดจาข้อมลู จึงไมถ่ าวรทัง้ ยังต้องอาศัยสัญญาณไฟฟ้าในการเกบ็ รักษาและอา่ นขอ้ มลู ฉะน้นั ข้อมูลท่ีอยใู่ นแรมจะสูญหายไป ทนั ทที ่ปี ดิ เครื่อง หรือไฟฟ้าไม่ไปหลอ่ เล้ียง แรมเปน็ หนว่ ยความจาที่ใกลช้ ดิ และเกี่ยวข้องกบั ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอรโ์ ดยตรง เนอ่ื งจากการรบั ข้อมลู การ ประมวลผล และการแสดงผลขอ้ มูล ต่างต้องอาศยั พน้ื ท่ีในหน่วยความจาน้ที ้ังส้นิ กลา่ วไดว้ า่ แรมเปน็ หนว่ ยความจาที่เปน็ ตวั บ่งช้ีประสิทธภิ าพของเครื่องคอมพวิ เตอร์ทสี่ าคัญ ขนาดความจขุ องแรมเปรียบเสมือน ขนาดของโต๊ะทางาน หากแรมมีความจุมากกเ็ หมือนโตะ๊ ทางานทมี่ ีพน้ื ทใี่ นการทางานได้มากนัน่ เอง หน่วยความจาแรม มหี น่วยวัดเป็นไบต์ ซึ่งถ้าเป็นเครื่องรุ่นเก่า จะนยิ มใชห้ นว่ ยความจาแรม 8 หรอื 16 เมกะ ไบต์ ( 8,16 MB ) แตถ่ า้ เปน็ เคร่ืองร่นุ ใหม่ๆ จะนิยมใช้แรมขนาด 32 หรือ 64 MB ข้นึ ไป ซงึ่ จะทาให้สามารถ ทางานท่มี ีขนาดใหญ่ๆ เชน่ งานมลั ติมเิ ดียหรอื งานกราฟิกได้ โดยหากใช้หน่วยความจาแรมนอ้ ย เคร่ืองอาจ ทางานช้ามากหรอื อาจหยดุ ชะงกั ได้ง่าย
ชนดิ ของการเลือกซ้ือคอมพิวเตอร์ การเลือกซื้อเคร่ืองคอมพิวเตอร์ จะต้องคานึงถงึ ส่ิงต่อไปน้ี 1. งบประมาณในการจดั ซื้อ 2. ประเภทของงานทีน่ าคอมพวิ เตอรม์ าใช้ 3. สมรรถนะของเคร่ือง 4. ความสามารถในการ Upgrade ในอนาคต รายละเอียดเกีย่ วกับเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ หลกั ๆ โดยทัว่ ไปมีดงั นี้ 1. รนุ่ และความเร็วในการประมวลผลของ CPU 2. ชนดิ และขนาดของหนว่ ยความจา RAM 3. ขนาดของหน่วยความจาแคช (Cache Lever 2)
4. ขนาดความจขุ องฮารด์ ดิสก์ (Hard disk) คอมพิวเตอร์พีซีโดยทัว่ ไปในปัจจบุ นั เปน็ ระบบมัลตมิ ีเดีย สามารถดูหนัง ฟงั เพลง เล่นเกม และเช่อื มตอ่ อนิ เตอรเ์ น็ตได้ การพิจารณารายละเอียดของเคร่ืองควรดทู ค่ี วามเหมาะสมในการนามาใช้งานมากกวา่ การตดั สนิ ใจซ้อื ตาม แฟช่ันหรอื การเลอื กซ้อื รุน่ ใหมล่ า่ สุดเพื่อให้เป็นคนทันสมยั ซง่ึ จะทาให้เสยี ค่าใชจ้ ่ายแพงเพราะอีกไม่นานก็จะตกร่นุ ราคา ก็จะลดลงมาด้วย และยังเส่ยี งต่อความไม่สมบรู ณ์ของเครื่อง เน่ืองจากยงั มีข้อผดิ พลาดในการผลติ จะตอ้ งมีการปรบั ปรุงอีก เทคนคิ ของการซ้ือเครื่องคอมพวิ เตอร์คือ ควรซ้ือเครื่องในรุ่นทตี่ ่ากว่ารุ่นที่ออกใหม่ 1 รุน่ จะไดเ้ คร่ือง คอมพิวเตอร์ทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพในราคาถูก การเลือกโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ การเลือกโปรแกรมสาหรบั คอมพิวเตอร์ โปรแกรมแรกคือระบบปฏบิ ัติการ ต้องใหเ้ หมาะสมกบั ระบบ คอมพวิ เตอร์ และต้องเป็นโปรแกรมทถ่ี ูกต้องตามลิขสิทธ์ิ เช่น วนิ โดว์ 9x ขน้ึ ไป หรือ โปรแกรมฟรี เชน่ ลีนุกซ์ เป็นตน้ จากนัน้ เลอื กโปรแกรมที่เหมาะสมกบั งาน การจดั หาโปรแกรมมี 3 วธิ คี ือ 1. โปรแกรมสาเร็จรูป (Package Program) เปน็ โปรแกรมท่ีช่วยอานวยความสะดวกในการทางาน สามารถเลอื กซอ้ื ใช้ได้ตามความตอ้ งการ เชน่ สาหรับสานกั งาน (Office) ประกอบด้วย โปรแกรมประมวลผลคา (Word Processing: MS-Word) โปรแกรมตารางทางาน (Spread sheet: Excel, Lotus1-2-3) โปรแกรมเสนองาน(Presentation: PowerPoint) โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล (Data Base: Access, dBase, FoxBASE, FoxPro) 2. โปรแกรมประยุกต์ (Application Program: User Program) หมายถึงโปรแกรมที่เขียนขึ้นใช้เองตามความ ตอ้ งการ เพอื่ งานด้านใดด้านหนง่ึ โดยเฉพาะ เชน่ โปรแกรมสาหรับระบบงานบญั ชี โปรแกรมสาหรับงานการเรยี นการ สอน เป็นต้น ซึง่ โปรแกรมประเภทนีอ้ าจใช้โปรแกรมเมอรข์ ององค์กรเขยี นขน้ึ หรือวา่ จา้ งบริษัทรบั จ้างเขียนโปรแกรม คา่ ใช้จ่ายจะสงู กวา่ การซือ้ โปรแกรมสาเรจ็ รูปมาใช้ แต่จะตรงกบั ความต้องการมากกวา่ 3. โปรแกรมทีเ่ ปน็ เคร่ืองมือในการพฒั นาระบบ (Program Tools) ได้แก่ โปรแกรมประเภท CASE เชน่ Excelerator ซ่งึ โปรแกรมเมอร์ใชเ้ ป็นเคร่อื งมือในการพฒั นาระบบงาน ข้นั ตอนในการเลอื กโปรแกรมใหเ้ หมาะสมกับลักษณะของงานมดี งั นี้ 1. ตรงกับความต้องการ (Requirement) สามารถทางานได้ตรงตามความต้องการของผ้ใู ช้
2. มีประสทิ ธภิ าพ (Performance) สามารถจดั การกบั ข้อมลู ได้ดี การแสดงผล การประมวลผลรวดเรว็ และ ถกู ต้อง 3. งา่ ยตอ่ การใชง้ าน (Easy to use) สามารถเรียนรวู้ ธิ กี ารใชง้ านได้ง่าย ในระยะเวลาอนั สนั้ และมเี มนู ช่วยเหลือ (Help menu) ในระหว่างการใชง้ าน 4. มคี วามยดื หยนุ่ (Flexibility) สามารถใช้ได้กบั ระบบปฏบิ ัตกิ ารท่ีแตกตา่ งกนั สามารถรับส่งขอ้ มูลกบั โปรแกรมอ่นื ๆ ได้ รวมท้งั สามารถใช้งานกับอุปกรณ์แสดงผลได้หลายชนิด เช่น จอภาพ เคร่อื งพิมพ์ 5. คมู่ อื การใชง้ านท่ีมีคณุ ภาพ (Quality of Documentation) ตอ้ งสามารถอธิบายหรอื ใหค้ าแนะนาต่อ ผูใ้ ชง้ านเมื่อเกดิ ปญั หาขึ้น ชว่ ยใหแ้ ก้ไขปญั หาได้เมือ่ ปฏิบัตติ าม 6. การรบั รองผลติ ภัณฑ์ (Manufacture Support) ผู้ผลิตหรอื ผูข้ ายรับรองผลติ ภณั ฑ์ของตน บรกิ ารให้ คาปรึกษาเม่ือมปี ัญหาจากการใช้ผลติ ภณั ฑ์ แจง้ ข่าวสารการปรับปรงุ ผลิตภณั ฑ์ ใหบ้ ริการ Upgrade ฟรีเปน็ ต้น การใช้โปรแกรมควรมีการตรวจสอบความถูกต้อง โดยการนาข้อมูลจรงิ บันทกึ ลงบนโปรแกรมน้ัน หลงั จาก ประมวลผลแล้ว ดผู ลลัพธ์ท่ไี ดถ้ ูกต้องตรงกบั ความต้องการหรอื ไม่
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: