Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บุหงารำไป

บุหงารำไป

Published by นายบรรพต สูงเจริญ, 2023-07-29 02:30:41

Description: รายงานการศึกษาจากหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน

Search

Read the Text Version

รายงานการศกึ ษาจากหนังสอื สารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชนฯ เร่ือง บหุ งาราไป ภมู ปิ ญั ญาไทยสูเ่ ยาวชน รายช่อื ผู้จัดทา แสนยา เดก็ หญิงวณิดา สงิ หแ์ ก้ว เดก็ หญิงอัญฑิตา พงษ์ร่ืน เดก็ หญงิ สิริปรียา ครทู ่ีปรึกษา นายบรรพต สงู เจริญ นางสาวสุธศิ า กลัดสี รายงานการศึกษาฉบับนเี้ ปน็ สว่ นหนึ่งของการประกวดรายงานการศกึ ษา จากหนงั สอื สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชนฯ ครง้ั ท่ี 5 โรงเรียนชมุ ชนบา้ นแกง่ เสอื เต้น อาเภอพฒั นานคิ ม จงั หวัดลพบุรี สังกัดสานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาลพบรุ ี เขต 2

ช่อื รายงานการศกึ ษา บุหงาราไป ภมู ิปญั ญาไทยสู่เยาวชน ชื่อผู้จดั ทา เดก็ หญิงวณิดา แสนยา ครูทป่ี รึกษา เด็กหญิงอญั ฑติ า สิงห์แกว้ ผูบ้ ริหาร เด็กหญงิ สริ ิปรยี า พงษ์รนื่ สถานศกึ ษา ปกี ารศกึ ษา นายบรรพต สงู เจรญิ นางสาวสธุ ศิ า กลัดสี นางวรรณวมิ ล ทองงาม นายยทุ ธศาสตร์ วงษ์สมบรู ณ์ โรงเรยี นชมุ ชนบา้ นแกง่ เสอื เต้น 2565 บทคัดยอ่ รายงานการศึกษา เรื่อง บุหงาราไป ภูมิปัญญาไทยสู่เยาวชน มีจุดมุ่งหมายเพ่ือศึกษาความรู้เก่ียวกับ ไม้ดอกหอมของไทย เพื่อฝึกทักษะการทาบุหงาราไป จากไม้ดอกหอมของไทย เพื่อศึกษาคุณภาพและความ พึงพอใจของผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ และเพื่อเผยแพร่ความรู้การทาบุหงาราไปสาหรับผู้ที่สนใจ เพื่อเป็นการสืบสาน และอนรุ ักษ์ภูมิปญั ญาไทยในฐานะเยาวชน ผลการศึกษา พบว่า พรรณไมชนิดต่าง ๆ ท่ีดอกมีกล่ินหอมเกิดจากนามันหอมระเหยท่ีพืชสงั เคราะหขึน นามันหอมระเหยที่แทรกอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของดอกจะระเหยออกมาทาปฏิกริ ิยากับอากาศทาให้เกิดกล่ินหอม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันขึนอยู่กับองค์ประกอบและนาหนักโมเลกุลของสารประกอบในนามัน หอมระเหย พันธุ์ไม้ดอกหอมของไทยสามารถจาแนกได้ 5 ประเภท ได้แก่ ไม้ต้น ไม้พุ่มและไม้รอเลือย ไม้เลือย และไม้ล้มลุก เคร่ืองหอมไทยเป็นส่ิงท่ีอยู่คู่กับคนไทยมานาน แต่ในปัจจุบันเริ่มจะเลือนรางหายไปบ้างแล้ว เครือ่ งหอมไทยมีหลายชนิด ไดแ้ ก่ ดินสอพอง แปง้ ร่า แป้งพวง บหุ งาราไป และนาปรงุ บุหงาราไป คอื ดอกไม้ หลายชนิด ที่ปรุงด้วยเคร่ืองหอมแล้วบรรจุลงในถุงผ้าโปร่งเล็ก ๆ ทาเป็นรูปร่างต่าง ๆ มักเรียกย่อว่า บุหงา จัดเป็นเครื่องหอมชาววังแบบโบราณมีทังบุหงาสดและบุหงาแห้ง ใช้บรรจุเป็นของชาร่วย ใส่ในหีบผ้า ตู้เสือผ้า หรอื ในหอ้ งเพ่อื สรา้ งกล่นิ หอม บุหงาราไป เป็นเครื่องหอมของไทยที่ทาได้ง่ายและใช้เวลาน้อย ผู้จัดทาเกิดความสนใจและได้เล็งเห็น ถึงคุณค่าความสาคัญของภูมิปัญญาของไทยที่ได้นาพันธุ์ไม้ที่มีดอกหอมมาดัดแปลง ปรุงแต่งให้เป็นเคร่ืองหอม จงึ ไดร้ วมกลุม่ คดิ ทีจ่ ะศึกษาและฝึกทักษะการทาบุหงาราไปขึนมา เกดิ เป็นผลิตภัณฑท์ ี่สามารถนามาใชเ้ ป็นของ ท่รี ะลึกของโรงเรยี นเพ่ือมอบให้แกผ่ ู้ท่ีมาศึกษาดูงาน และจากการศกึ ษาคุณภาพและความพึงพอใจของผูใ้ ช้งาน ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจในภาพรวมต่อผลิตภัณฑ์อยู่ในระดับมากที่สุด อีกทังยังได้เผยแพร่ วิธีการทาบหุ งาราไปให้แก่นกั เรยี น ผู้ปกครอง คณะศึกษาดูงาน และผู้ที่สนใจ เพ่ือเป็นการสืบสานและอนุรกั ษ์ ภมู ิปญั ญาไทยในฐานะของเยาวชนไทยใหค้ งอยู่คชู่ าติไทยต่อไป

กติ ติกรรมประกาศ รายงานการศึกษา เร่ือง บุหงาราไป ภูมิปัญญาไทยสู่เยาวชน ฉบับนีสาเร็จลุล่วงได้ด้วยดี เพราะได้รับ ความอนุเคราะห์อย่างย่ิงจากครูท่ีปรึกษา นายบรรพต สูงเจริญ และนางสาวสุธิศา กลัดสี ท่ีคอยให้คาปรึกษา และชแี นะแนวทางในการดาเนินงานการศึกษาครงั นีจนสาเรจ็ ไดโ้ ดยสมบูรณ์ ขอขอบคุณนางวรรณวิมล ทองงาม ผู้อานวยการโรงเรียนชุมชนบ้านแก่งเสือเต้น นายยุทธศาสตร์ วงษ์สมบูรณ์ รองผู้อานวยการโรงเรียนชุมชนบ้านแก่งเสือเต้น ที่ให้คาปรึกษาและอานวยความสะดวก ในการศึกษาครังนี ขอขอบคุณคณะครู ผู้ปกครอง และคณะผู้ท่ีมาศึกษาดูงาน และนักเรียนโรงเรียนชุมชน บา้ นแกง่ เสือเต้น ท่ีใหก้ ารสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามความพึงพอใจในฐานะของผู้ใช้ ผลติ ภณั ฑข์ องการศกึ ษาในครงั นี ผู้จดั ทาขอขอบพระคุณเปน็ อย่างสงู ไว้ ณ โอกาสนี คณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงงานฉบับนีจะเป็นประโยชน์กับนักเรียน ที่จะนาความรู้และ ประสบการณใ์ นรายงานฉบบั นีไปใชใ้ นการศกึ ษาต่อไป คณะผจู้ ดั ทา

สารบญั บทคัดย่อ........................................................................................................................................... หน้า กติ ติกรรมประกาศ............................................................................................................................ ก สารบญั ........................................................................................................................................... ... ข สารบัญตาราง................................................................................................................. ................... ค สารบญั รปู ภาพ............................................................................................................................. ..... ง บทท่ี 1 บทนา................................................................................................................................... จ 1 ทม่ี าและความสาคัญ........................................................................................................... 1 จดุ มงุ่ หมายของการศึกษา................................................................................................... 2 ขอบเขตของการศกึ ษา........................................................................................................ 2 ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะได้รับ.................................................................................................. 3 บทที่ 2 เอกสารท่เี กีย่ วขอ้ ง............................................................................................................... 4 ความรู้เก่ียวกับไม้ดอกหอม................................................................................................. 4 ความรเู้ กย่ี วกบั เครอ่ื งหอมของไทย..................................................................................... 8 บทท่ี 3 วธิ ีการดาเนนิ การ................................................................................................................. 10 แผนการดาเนินการ............................................................................................................. 10 ขนั ตอนการดาเนินการ........................................................................................................ 11 การสรา้ งเคร่ืองมือในการเกบ็ ขอ้ มูล.................................................................................... 11 บทที่ 4 ผลการดาเนนิ การ................................................................................................................. 12 การศกึ ษาความร้เู กี่ยวกับไม้ดอกหอมของไทย.................................................................... 12 การศึกษาความรู้เกย่ี วกบั เคร่ืองหอมของไทย (บุหงาราไป)................................................. 12 การฝึกทักษะการทาบุหงาราไป........................................................................................... 13 การศกึ ษาคุณภาพและความพงึ พอใจของผใู้ ช้งานผลิตภัณฑ์.............................................. 16 การเผยแพร่การทาบุหงาราไปแกผ่ ูท้ ่สี นใจ.......................................................................... 17 บทที่ 5 สรปุ ผลและอภปิ รายผลการดาเนินการ................................................................................ 19 สรปุ ผลการดาเนินการ........................................................................................................ 19 อภปิ รายผลการดาเนนิ การ.................................................................................................. 19 ประโยชนท์ ่ไี ดร้ ับ................................................................................................................. 20 21 บรรณานกุ รม...................................................................................................................... 22 ภาคผนวก............................................................................................................................. ............

สารบญั ตาราง หนา้ ตารางท่ี 1 แผนการดาเนนิ การ.......................................................................................................... 10

สารบัญรูปภาพ รปู ภาพท่ี 1 จันทน์กะพอ้ .................................................................................................................. หนา้ รูปภาพที่ 2 ปีบ................................................................................................................................. 5 รูปภาพท่ี 3 แกว้ ................................................................................................................................ 5 รปู ภาพที่ 4 สายหยดุ ........................................................................................................................ 6 รปู ภาพท่ี 5 ขจร................................................................................................................................ 6 รูปภาพที่ 6 เลบ็ มอื นาง..................................................................................................................... 7 รูปภาพที่ 7 พลบั พลึง........................................................................................................................ 7 รปู ภาพที่ 8 วตั ถุดบิ และอปุ กรณ์สาหรับทาบุหงาราไปสด................................................................. 8 รูปภาพที่ 9 การนากลบี ดอกไม้มาคลุกเคล้าใหเ้ ข้ากนั ....................................................................... 13 รูปภาพท่ี 10 การฉดี พรมนามันหอมระเหยใหท้ ่วั กลบี ดอกไม้........................................................... 13 รูปภาพท่ี 11 การบรรจุบหุ งาราไปสดลงในถงุ ผ้าโปรง่ และผลิตภัณฑ์บหุ งาราไปสด........................ 13 รปู ภาพที่ 12 วตั ถดุ ิบและอุปกรณ์สาหรบั ทาบุหงาแห้ง..................................................................... 14 รปู ภาพที่ 13 การนากลบี ดอกไมม้ าอบใหแ้ ห้ง.................................................................................. 14 รปู ภาพที่ 14 การนากลีบดอกไม้มารา่ .............................................................................................. 15 รปู ภาพที่ 15 การฉีดพรมนามันหอมระเหย บรรจบุ หุ งาราไปในถุงผา้ โปรง่ และผลิตภณั ฑ์ทไี่ ด้........ 15 รปู ภาพท่ี 16 การสาธติ การทาบหุ งาราไปแก่นกั เรยี น....................................................................... 15 รปู ภาพที่ 17 การสาธติ การทาบุหงาราไปแก่ผูป้ กครอง.................................................................... 17 รูปภาพท่ี 18 การนาผลติ ภณั ฑ์มาใช้เปน็ ของทรี่ ะลึกของโรงเรียน.................................................... 18 18

บทที่ 1 บทนา ท่ีมาและความสาคญั พรรณไม้ต่าง ๆ นัน มีความสาคัญ และเกี่ยวข้องกับมนุษย์ ในหลายรูปแบบ นอกจากจะเป็นอาหาร ยารกั ษาโรค ที่อย่อู าศยั และเครื่องน่งุ ห่มแลว้ ยงั มอี ทิ ธพิ ลตอ่ ความรู้สึกนกึ คิด จิตใจ ในทางสร้างสรรค์สงิ่ ดีงาม นานัปการ เห็นได้จากศิลปวัฒนธรรม และวรรณกรรมของทุกชาติทุกภาษา ผู้สร้างสรรค์ต่างก็ได้รับ ความบันดาลใจจากต้นไม้ ดอกไม้ ไม่มากก็น้อย สาหรับประเทศไทยเราก็เช่นเดียวกัน ความสวยงามและ กล่ินหอมของดอกไม้ ปรากฏในวรรณกรรม บทร้อยกรอง บทเพลงต่าง ๆ และยังมีการนาลักษณะของต้นไม้ ดอกไม้มาประดิษฐ์เป็นลวดลาย เป็นภาพวาด และแกะสลัก ท่ีเราจะพบเห็นได้ จากโบราณสถาน ในทุกภาค ของประเทศ นอกจากนนั คนไทยยงั นิยมนาไม้ดอกมาใชใ้ นกิจกรรมที่เกีย่ วข้องกบั ประเพณีตา่ ง ๆ ใช้ในการปรุง เคร่ืองหอมต่าง ๆ มาแต่โบราณกาล อาจกล่าวได้ว่า คนไทยเรามีรสนิยมในเรื่องความหอมมากทีเดียว ดังจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็น ร่างกาย เสือผ้า อาหารคาวหวาน ล้วนได้รับการปรุงแต่งให้มีกล่ินหอม แม้แต่ ไม้ประดบั ก็คัดเลอื กพวกทมี่ ีกล่ินหอมไว้ด้วยเสมอ เรื่องของกลิ่นหอมเป็นเรื่องท่ีคนไทยพิถีพิถันเป็นพิเศษ ดังจะเห็นได้จากการที่คนไทยนิยมข้าวปลา อาหาร ท่ีมีกลิ่นหอม เช่น ข้าว เราก็คัดพันธ์ุ จนได้ข้าวหอมมะลิ ขนมต่าง ๆ ปรุงแต่งด้วยกล่ินหอมของดอกไม้ ใบไม้ แม้แต่นาด่ืม ก็ยังนิยมนาลอยดอกมะลิ นอกจากเร่ืองอาหารแล้ว ในเรื่องของเคร่ืองหอม ที่ใช้ เป็นเคร่ืองสาอาง อบร่า เคร่ืองนุ่งห่ม ตลอดจนยาพืนบ้าน ก็จะใช้ของหอมต่าง ๆ มาปรุงแต่งให้เกิดกลิ่น ตามความนิยม คนไทยนิยมใช้นาอบไทยหรือนาปรุงกันโดยทั่วไปในสมัยก่อน ทังนาอบไทย และนาปรุง ได้มา จากกรรมวิธีสกัดกล่ินจากดอกไม้เป็นหลัก และดอกไม้ที่นิยมใช้กันมาก ได้แก่ มะลิ กุหลาบ กระดังงา ชามะนาด ฯลฯ เครื่องหอมไทยเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน ไม่มีหลักฐานปรากฏว่าได้นาเข้ามาใช้ตังแต่ยุคใด สมัยใด แต่เร่ิมเป็นที่นิยมมากในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งมีการติดต่อ ค้าขายกับต่างประเทศ ทาให้ชาวไทยสนใจการทานาหอม ของหอมอย่างชาวต่างชาติมากขึน การทาเคร่ืองหอม จะใช้วัสดุเคร่ืองหอมสมุนไพรซ่ึงหาได้ภายในประเทศ การปรุงแต่งให้มีคุณภาพขึนอยู่กับวิธีการและ ประสบการณ์ของผู้ปรุง การปรุงเครื่องหอมในสมัยก่อนจะมีกล่ินหอมเย็นตามธรรมชาติ เนื่องจากได้มาจาก กลิ่นหอมดอกไม้ เนือไม้ ยางไม้ และชะมด โดยวิธีอบร่าหลาย ๆ ครัง จนทาให้เกิดกลิ่นหอม เมื่อปรุงแล้ว นามาใช้ดม ใช้ทา ใช้อบเป็นเคร่ืองหอมบารุงผิวเป็นอย่างดี เครื่องหอมไทยมีมากมายหลากหลายชนิด เช่น ดนิ สอพอง แปง้ ร่า แปง้ พวง บุหงาราไป และนาปรุง “บุหงาราไป” คือ ดอกไม้ท่ีปรุงด้วยเคร่ืองหอมแล้วบรรจุลงในถุงผ้าโปร่งเล็ก ๆ ทาเป็นรูปร่างต่าง ๆ มักเรียนย่อว่า บุหงา เป็นเคร่ืองหอมไทย ๆ ท่ีทาได้ง่ายและใช้เวลารวดเร็ว นิยมทาในช่วงที่มีดอกไม้ บานสะพรั่ง มที งั “บหุ งาสด” เป็นการนาดอกไม้สดหอม ใบไม้ และสมุนไพรหอมชนิดตา่ งๆ คลุกกับหวั นามันหอม สารตรึงกล่ิน อย่างละเล็กละน้อย นามาผสมคลุกเคล้ารวมกัน นาไปใส่ในบรรจุภัณฑ์ และ “บุหงาแห้ง” เป็นการนาดอกไม้สดหอม ใบไม้ และสมุนไพรหอมชนิดต่าง ๆ ท่ีนาไปผ่านกรรมวิธีทาให้แห้งสะอาด จากนัน นาไปคลกุ เคล้าหวั นามันหอม และสารตรึงกลิ่น เพอื่ ใหไ้ ด้กลน่ิ ทีช่ ื่นชอบและนาไปใสใ่ นบรรจภุ ัณฑ์ จะเห็นได้ว่า

เครื่องหอมไทยเป็นส่ิงท่ีอยู่คู่กบั คนไทยมาชา้ นาน อนั เกิดขนึ มาจากภูมปิ ัญญาของบรรพบุรุษไทย ดังนันคนไทย จึงควรอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย และสืบทอดภูมิปัญญานีไว้สู่ลูกหลานได้รู้จักและมีโอกาสได้สัมผัสกับกล่ิน หอมแบบไทย ๆ ซึ่งอาจจะมีการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีคุณค่าหรือก้าวไปสู่การผลิตเป็นผลิตภณั ฑ์ที่คง ความหอมในชนั แถวหน้าตอ่ ไป จากการศึกษาสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่ม 22 เร่ือง ไม้ดอกหอมของไทย มีเนือหาสาคัญที่อธิบายถึงที่มาของการเกิดกล่ินหอมของพันธ์ุไม้ ไม่ว่า จะเป็นกล่ินหอมที่มาจากดอก ใบ หรือลาต้น ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ท่ีมีกลิ่นหอมจากลาต้น ยกตัวอย่าง พร้อมทังให้ความรู้ท่ัวไปเก่ียวกับพรรณไม้ที่มีดอกหอมแต่ละประเภท ได้แก่ ไม้ต้น ไม้พุ่มและไม้รอเลือย ไม้เลือย และไม้ล้มลุก มีการรวบรวมรายช่ือพรรณไม้ดอกหอมของไทย และพันธ์ุไม้ดอกหอมที่มาจาก ต่างประเทศ และที่สาคัญยังให้ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาของคนไทยท่ีสามารถดัดแปลงและนาพันธ์ุไม้ที่มี ดอกหอมไปใชใ้ นการประกอบอาหารหรือตกแต่งอาหาร และการทาเครอ่ื งหอมไวอ้ กี ด้วย ผู้จัดทาเกิดแรงบันดาลใจจากการอ่านและได้เล็งเหน็ ถึงคุณค่าของภมู ิปัญญาของไทยในการนาพันธุ์ไม้ ท่ีมีดอกหอมมาดัดแปลง ปรุงแต่งให้เป็นเคร่ืองหอมของไทยได้ จึงรวมกลุ่มกันเพ่ือศึกษาหาความรู้เก่ียวกับ ไม้ดอกหอมของไทย และการนาไม้ดอกหอมของไทยมาดัดแปลง ปรุงแต่งเป็นบุหงาราไป เพื่อเป็นการเผยแพร่ สืบสาน และอนรุ ักษภ์ ูมิปญั ญาไทยในฐานะของเยาวชนไทยให้คงอยู่คูก่ ับชาติไทยต่อไป จดุ มงุ่ หมายของการศึกษา 1. เพ่อื ศึกษาความรู้เก่ยี วกับไมด้ อกหอมของไทย 2. เพอ่ื ศึกษาความรเู้ กี่ยวกบั เคร่ืองหอมของไทย 3. เพื่อฝึกทักษะการทาบหุ งาราไป จากไมด้ อกหอมของไทย 4. เพื่อศึกษาคุณภาพและความพงึ พอใจของผ้ใู ช้งานผลติ ภัณฑ์ 5. เพือ่ เผยแพร่ความรู้การทาบหุ งาราไปสาหรบั ผูท้ สี่ นใจ เพ่อื เป็นการสบื สานและอนุรักษภ์ ูมิปัญญาไทย ในฐานะของเยาวชนไทย ขอบเขตของการศึกษา 1. ขอบเขตระยะเวลา เดือนสิงหาคม ถงึ เดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ.2565 2. ขอบเขตเนอ้ื หา 1. ความรเู้ กี่ยวกบั ไม้ดอกหอมของไทย 2. วธิ ีการทาบุหงาราไป 2. การจดั ทาบุหงาราไป 3. กรอบการศกึ ษา 1. กจิ กรรมที่ 1 ศกึ ษาความรู้ทวั่ ไปเกย่ี วกับไมด้ อกหอมของไทย 2. กิจกรรมที่ 1 ศกึ ษาความรู้ท่วั ไปเกี่ยวกับเครื่องหอมของไทย 3. กิจกรรมท่ี 2 ศึกษาวิธีทาบุหงาราไป 4. กจิ กรรมท่ี 3 สอบถามคณุ ภาพและความพงึ พอใจของผู้ใชท้ ่มี ีตอ่ ผลิตภณั ฑ์

ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะได้รับ 1. ได้รับความรเู้ กย่ี วกับไม้ดอกหอมของไทย 2. ได้รบั ความรูเ้ ก่ียวกับเคร่ืองหอมของไทย 3. ได้รูถ้ งึ วธิ ีการทาบหุ งาราไป 4. ได้ฝกึ ทักษะการทาบหุ งาราไป 5. ได้ขอ้ มูลคุณภาพและความพึงพอใจของผ้ใู ช้ผลติ ภณั ฑ์ 6. ได้เผยแพร่วิธีการทาบุหงาราไปสาหรับผู้ท่ีสนใจ เพื่อเป็นการสืบสานและอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย ในฐานะของเยาวชนไทย

บทที่ 2 เอกสารทเ่ี กยี่ วขอ้ ง รายงานการศึกษา เรือ่ ง บุหงาราไป ภูมปิ ัญญาไทยสู่เยาวชน ผู้จดั ทาไดศ้ ึกษาค้นคว้าจากเอกสาร และ แหล่งเรยี นร้ทู งั ในและนอกหอ้ งเรยี น ดังนี 1. ความร้เู กย่ี วกับไมด้ อกหอม 1.1 ความหมายของไมด้ อกหอม สวนนงนุชพฤกษศาสตร์ (ม.ป.ป.) กล่าวว่า Fragrant plants ไม้ดอกหอม มีมากมาย หลากหลายชนดิ ทว่ั โลก ทังทเี่ ปน็ ไมย้ นื ตน้ ไม้พมุ่ ไมค้ ลุมดนิ ไมเ้ ลอื ย และอนื่ ๆ จุดเดน่ ท่ที ราบกนั ดี คอื ดอกมี กลิน่ หอม บางชนิดอาจจะส่งหอมกลิน่ ตลอดเวลา บางชนิดสง่ กลนิ่ หอมเป็นบางเวลา บ้างก็มกี ลิน่ หอมแรง บา้ ง ก็มกี ล่นิ หอมอ่อน ๆ แล้วแต่สายพนั ธ์ุ วาสนา พลายเล็ก (2556) กลา่ วว่า ไมดอกหอม หมายถงึ พรรณไมชนิดต่าง ๆ ทดี่ อกมีกล่ินหอม ซ่ึงเกิดจากนามันหอมระเหย (Essential Oil หรือ Volatile Oil) ที่พืชสังเคราะหขึน แล้วลาเลียงไปเก็บไว้ ในต่อมหรือเซลล์พิเศษ ซ่ึงกระจายอยู่ในฐานรองดอก กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย มนุษย์หรือสัตว์ จะไดกลน่ิ หอมของดอกไม ก็ตอ่ เม่ือดอกไมบาน นามนั หอมระเหยที่แทรกอยู่ตามสว่ นต่าง ๆ ของดอกจะระเหย ออกมาทาปฏิกิริยากับอากาศ เกิดกลิ่นหอมท่ีทาให้จมูกรับกล่ินได้ และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน มีทังหอมมาก หอมน้อย หอมอ่อน ๆ หอมหวาน และหอมเย็น ขึนอยู่กับองค์ประกอบและนาหนักโมเลกุล ของสารประกอบในนามนั หอมระเหย ซึ่งสอดคล้องกับ อบฉันท์ ไทยทอง ที่กล่าวถึง ไม้ดอกหอมของไทย ในสารานุกรมสาหรับ เยาวชน เล่ม 22 ไว้ว่า กล่ินหอมที่ได้จากพืชนัน เกิดมาจากนามันหอมระเหย (essential oil หรือ volatile oil) ซ่ึงเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการสร้างและสลาย (metabolism) ในเซลล์ของพืช แล้วเก็บไว้ในเซลล์ หรือปล่อยออกมาจากเซลล์ สะสมอยู่ในช่องว่างที่ขยายขนาดขึน มีลักษณะเป็นต่อม (gland) ที่ส่วนต่าง ๆ ของพืช นามันหอมระเหยนีบางกรณีไม่อยู่ตัว (unstable) จะเปลี่ยนไปตามกระบวนการเคมีได้ เปน็ สารประกอบที่ซบั ซ้อนยิง่ ขนึ เชน่ เป็นยาง (gum) และเรซิน (resin) สารท่ไี ด้ใหม่นี มกั จะรวมตวั กับนามัน หอมระเหย ที่ยังเหลืออยู่แล้วถูกลาเลียงจากที่สร้าง ไปยังส่วนอื่น ๆ ของพืช อาจจะเป็นใบ ดอก ผล เมล็ด เหง้า ราก ต้น ท่ีใดที่หนึ่ง หรือทุกส่วน แล้วแต่ชนิดของพืช นอกจากนัน พืชบางชนิดปกติไม่สร้างนามันหอม ระเหย แต่ถ้าถกู กระต้นุ โดยมีเชือราเข้าไปตามแผล ก็จะเกิดกระบวนการสรา้ งนามันหอมระเหยขึนได้ ดังท่ีพบ ในไม้เนือหอมหลายชนิด ส่วนการที่มนุษย์หรือสัตว์บางชนิด จะได้กลิ่นหอม เกิดจากนามันหอมระเหย ในพืช ระเหยออกมา เม่ือสัมผัสกับอากาศ เกิดปฏิกิริยา ทาให้เกิดกลิ่นฟุ้งกระจาย ปรากฏการณ์เช่นนี ส่วนใหญ่เกิด เม่ือดอกไม้บาน หรือผลไม้สุก ดังนันกลิ่นหอมในธรรมชาติจริงๆ จึงมักจะมาจากดอกไม้ หรือผลไม้ แต่กลิ่น หอมจากใบหรือสว่ นอื่น ๆ ของพืช มักจะต้องทาให้เกิดขึน โดยผ่านกรรมวิธตี า่ ง ๆ และที่สะดวกท่ีสุดคอื ใช้วิธี ทาใหใ้ บชาหรอื ขยี ถา้ เปน็ ตน้ ราก เมลด็ ใชว้ ิธีบด หรือฝน หรือเผา หรอื ต้ม เป็นตน้

1.2 พันธ์ุไมด้ อกหอมของไทย 1.2.1 ไมต้ น้ เชน่ 1.2.1.1 จันทน์กะพ้อ (Vatica diospyroides Symington) เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก ดอกออกตามก่ิงเป็นช่อเล็ก ๆ แต่มักจะมีช่อหลายช่อเป็นกระจุกและเรียงเป็นระยะ ๆ ตามก่ิง กลีบเลียงมีขน สีนาตาลกลีบดอกเรียงเวียนซ้อนเกยกันเล็กน้อย ด้านในสีขาวนวลหรืออมชมพู ด้านนอกมีแถบแคบ ๆ มีขน ละเอียดสีนาตาลอมแดง กลน่ิ หอมแรง ออกดอกในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน รูปภาพท่ี 1 จนั ทน์กะพ้อ ทมี่ า: https://web.facebook.com/phusangtawanresort/posts 1.2.1.2 ปีบ (Millingtonia hortensis L.f.) บีบเป็นไม้ต้นขนาดกลาง ช่อดอก เกิดที่ปลายกิ่ง มีขนาดใหญ่ ดอกสีขาวขาวนวลหรืออมชมพูอ่อน ส่วนท่ีเป็นหลอดเรียวยาวปลายแยกเป็น ๕ แฉก สามแฉกกางออกจากกัน อีก ๒ แฉกโคนชิดกัน ปลายเว้าลง ดอกบานกลางคืนมีกลิ่นหอมเย็น ตอนสาย ดอกร่วง ดอกในช่อทยอยบานเร่ือย ๆ ราว ๑ เดือน ออกดอกตังแต่เดือนตุลาคม-มีนาคม ผลเป็นฝักแบนยาว เมลด็ แบนเปน็ ปกี ปลิวไปไดไ้ กล รูปภาพท่ี 2 ปีบ ท่มี า: https://apps.phar.ubu.ac.th/phargarden/main.php?action= 1.2.2 ไม้พ่มุ และไมร้ อเลือย เชน่ 1.2.2.1 แก้ว (Murraya paniculata) แก้วเป็นไม้ดอกหอมต้นเป็นพุ่มหรือเป็นไม้ต้น ขนาดเล็ก ต้นและกิ่งก้านแข็งเหนียว ดอกเป็นช่อสันตามปลายกิ่ง สีขาว มี ๕ กลีบ ดอกบานวันเดียว ดอก ในชอ่ มักบานพร้อมกันเกือบหมด เหน็ เป็นสีขาวพราวไปทังต้นตัดกับสใี บเขียวเข้ม กลน่ิ หอมแรง ออกดอกปีละ หลายครัง หรือเกอื บตลอดปี

รปู ภาพที่ 3 แกว้ ทีม่ า: https://sites.google.com/site/10tnmimngkhlthikhwrplukwiniban 1.2.2.2 สายหยุด (Desmos chinensis Lour.) ลักษณะเป็นพุ่มถ้าขึนกลางแจ้งไกล ไมใ้ หญ่ แตถ่ า้ อยูใ่ กลเ้ สาหรอื ไมใ้ หญ่ จะทอดก่ิงพาดพงิ ไปกับสง่ิ ท่อี ยู่ใกล้ ดอกออกตามซอกใบ และหอ้ ยลง มี ๖ กลีบ แต่ละกลีบเป็นแถบโค้งเข้า ขอบกลีบเป็นคล่ืนและบิดเล็กน้อย ดอกบานใหม่สีเหลืองอมเขียว วันต่อมา เป็นสีเหลืองทองจนถึงเหลืองอมนาตาล กล่ินหอมในเวลากลางคืนไปจนถึงเชา้ พอสายก็หมดกลิ่น เป็นท่ีมาของ ชื่อพันธไ์ุ มช้ นิดนี รปู ภาพที่ 4 สายหยุด ที่มา: https://puechkaset.com 1.2.3 ไม้เลอื ย เช่น 1.2.3.1 ขจร หรือสลิด (Telosma minor Craib) เถามีลักษณะกลม ช่อดอกเกิดตาม ซอกใบ เป็นช่อกระจุก ห้อยลง ดอกในช่อทยอยบานไปเรือ่ ย ๆ กลีบดอกส่วนโคนเป็นหลอด ส่วนปลายแผ่กาง ออกเป็น ๕ แฉก ปลายแฉกมน ดอกบานใหม่สีเขียว วันต่อมาเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลือง เหลืองจนถึง เหลอื งอมส้มในบางพนั ธุ์ ดอกมีกลนิ่ หอมขจรขจายสมชือ่ ออกดอกในหน้าฝน

รูปภาพที่ 5 ขจร ทีม่ า: https://www.sanook.com/home/161/ 1.2.3.2 เล็บมือนาง (Quisqualis indica Linn.) เป็นไม้เถายืนต้น ดอกเป็นช่อใหญ่ ตามปลายก่ิง ดอกในช่อมีสีต่าง ๆ กัน ดอกบานใหม่สีขาวหรือขาวอมชมพู วันต่อ ๆ มาสีจะเข้มขึนตามลาดับ จนเป็นสีแดง เมื่อใกล้จะโรย ลักษณะดอกเป็นหลอดยาว ดูคล้ายก้านดอก ส่วนหลาแยกเป็น ๕ กลีบ กลีบรูปรี ปลายมน กล่นิ หอมเย็น และจะหอมมากตอนพลบค่าไปถงึ เช้า ออกดอกในชว่ งฤดูร้อน ชว่ งทีอ่ อกดอกสวยงามมาก ดอกดก ออกแทบทกุ กิง่ สสี วยสะใส สะดดุ ตา รปู ภาพที่ 6 เลบ็ มอื นาง ที่มา: https://www.blockdit.com/posts 1.2.4 ไม้ลม้ ลุก เชน่ 1.2.4.1 พลบั พลึง (Crinum asiaticum Linn.) ขึนเปน็ กอสงู มักจะเห็นแตใ่ บทกี่ ระจาย เป็นพุ่ม ลาต้นอยู่ใต้ดิน ส่วนที่เห็นเป็นลาเหนือดินส่วนใหญ่เป็นกาบใบที่หุ้มซ้อนกัน ช่อดอกเกิดตรงซอกใบ มกี า้ นชอ่ ใหญ่และอวบ ดอกเป็นกระจุกท่ีปลายช่อมีจานวนมาก ดอกรอบนอกบานก่อนดอกตรงกลางช่อ สขี าวล้วน ดอกหอม ออกดอกทยอยแตล่ ะต้นในกอไปเรื่อย ๆ

รปู ภาพที่ 7 พลบั พลงึ ท่มี า: https://www.nittm.com/product-page 1.2.4.2 กล้วยไม้ เป็นพืชใบเลียงเดี่ยว ในประเทศไทยพบกล้วยไม้ป่ามากกว่า 1,000 ชนิด หลายชนิดดอกมีกล่ินหอม กล้วยไม้ที่ดอกหอม เช่น เอืองมะลิ หรือ หวายตะมอย เอืองครั่ง เอืองสีตาล สามปอยขนุ ตาล ไอยเรศ ชา้ งสารภี เออื งแซะหลวง เออื งกุหลาบ และช้างกระ เป็นต้น ซ่งึ ๓ ชนิดหลังนี มีกลิ่นหอม เปน็ ท่ีนิยมกนั มาก 2. ความรู้เกย่ี วกับเครอ่ื งหอมของไทย เครื่องหอมไทยเป็นสิ่งท่ีอยู่คู่กับคนไทยมานาน แต่ในปัจจุบันเร่ิมจะเลือนรางหายไปบ้างแล้ว ส่วนหน่ึงอาจเป็นเพราะวัฒนธรรมตะวันตกที่เข้ามามีบทบาทในสังคมไทย ทาให้คนในยุคปัจจุบันหันไปใช้ เครื่องหอมจากต่างประเทศ ทาให้นาปรุงหรือเครื่องหอมไทยโบราณ เริ่มจะหายากขึนทุกที ซึ่งเครื่องหอมไทย นนั มหี ลายชนดิ 2.1 เคร่อื งหอมไทย 2.1.1 ดินสอพอง คนไทยโบราณนิยมนาเอา “ดินสอพอง” มาผสมกับนาหอมแล้วหยอดเป็น เมด็ เลก็ ๆ เกบ็ ไว้ เม่ือตอ้ งการใชก้ ็จะนามาละลายนา แลว้ ใช้ทาตามเนือตามตัว ถอื เป็นการประทนิ ผิวชว่ ยคลาย รอ้ น และยังมกี ลิ่นหอมตดิ ตัวตลอดทังวันอกี ด้วย 2.1.2 แป้งร่า เป็นแปง้ หนิ หรอื แป้งนวลทีม่ กี ารผสมเคร่ืองหอมด้วยกรรมวธิ แี บบดังเดมิ เพอ่ื ใช้ ผสมกับนาอบเพ่ือทาเป็นแป้งกระแจะ สาหรับใช้ในการเจิม หรือใช้ทาผิวหลังอาบนา สาหรับใช้ผัดหน้า ทาตัว เพอื่ ทาให้หอมสดชนื่ 2.1.3 แปง้ พวง เป็นการนาแป้งร่ามาหยอดบนเส้นด้ายแล้วนามารวมกันเปน็ พวงๆ เปน็ การนา แป้งเหล่านันมาผูกกับดอกไม้ สาหรับนามาใช้ทัดหู และแต่งผม หรือปักมวยผม จะได้กลิ่นหอมๆ สวยงาม ใช้ สาหรบั เปน็ ของชาร่วยและใชต้ ดิ เสอื ได้อกี ด้วย 2.1.4 บุหงาราไป เป็นเครื่องหอมไทย ๆ ที่ทาได้ง่ายและใช้เวลารวดเร็ว นิยมทาในช่วงที่มี ดอกไม้บานสะพรั่ง ซ่ึงบรรจุในผ้าโปร่งหรือภาชนะจักสาน ทาให้มองเห็นสีสันของกลีบดอกไม้ชนิดต่าง ๆ ที่นามาปรงุ รวมกันมสี ีสนั ตัดกนั สวยงาม และมกี ลนิ่ หอมเย็นชนื่ ใจ 2.1.5 นาปรุง เป็นการนาหัวนาหอมสกัดนามาผสมกัน ซึ่งเป็นนาหอมของคนโบราณไว้ชโลม ตัวให้มีกลิ่นหอม มีส่วนผสมของดอกไม้หอมหลากหลายชนิด และสมุนไพรไทย ไม่ว่าจะเป็นผวิ มะกรูด พิมเสน หรือใบเตย เปน็ นาหอมไทยทม่ี คี วามแตกตา่ งไปจากนาหอมฝรงั่ เพราะชว่ ยบารงุ สุขภาพดว้ ย

2.2 บุหงาราไป 2.2.1 ความหมายและทมี่ าของบุหงาราไป บุหงาราไปเป็นคาที่ไทยเรารับมาจากชวา บุหงา หมายถึง ดอกไม้ ราไป หมายถึง เบ็ดเตล็ดบหุ งาราไปจงึ มคี วามหมายวา่ ดอกไม้ต่างๆ ดอกไม้หลายชนิด พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ สถาน ได้ให้ ความหมายของ บุหงาราไป ไว้ว่า น. ดอกไม้ที่ปรุงด้วยเคร่ืองหอมแล้วบรรจุลงในถุงผ้าโปร่งเล็ก ๆ ทาเป็น รูปรา่ งตา่ ง ๆ มกั เรยี นยอ่ วา่ บุหงา บุหงาจัดเป็นเคร่ืองหอมชาววังแบบโบราณ ที่ถูกประดิษฐ์ขึนจากกลีบดอกไม้หอม ที่นามา ทาให้แห้ง ดอกไม้หอมที่มีกลิ่นแรงเวลาแห้งแล้วยังคงมีกลิ่นติดอยู่ พวกมะลิ กระดังงาไทย พิกุล บุหงาราไปมี มายาวนานแต่ครังกรุงศรีอยุธยา ในกาพย์เห่เรือเจ้าฟ้ากุ้งได้กล่าวเกี่ยวกับบุหงาไว้ว่า\" นึกถวิลกลิ่นบุหงา ราไปเจ้า เศร้าถึงนาง\" จะเห็นได้ว่าการปรุงบุหงามีมาจากราชสานักของไทยมายาวนานหลายร้อยปีแล้ว เริ่ม นิยมทากันจากราชสานักไม่เป็นท่ีเผยแพร่แก่สามัญชน ถือเป็นวิชาชันสูง ถูกถ่ายถอดกันเรื่อยมาจวบจนกรุง รัตนโกสินทร์ ก็ยังนิยมประดิษฐ์กันมาอยู่แต่ในเขตพระราชฐานเช่นเดิม จวบจนยุครัชกาลที่ 5 ถือเป็นยุคที่ ศิลปะการประดิษฐ์และงานเคร่ืองหอมเฟ่ืองฟูถึงจุดสูงสุด เกิดมีเครื่องหอมชนิดใหม่ถูกคิดค้นดัดแปลงขึนมา หลายชนดิ บหุ งา มีทงั บหุ งาสดและบุหงาแห้ง ใช้บรรจขุ องชาร่วย ใส่ในหบี ผา้ ตูเ้ สอื ผ้า หรอื ในห้อง เพ่ือสร้างกลิ่นหอม บุหงาเป็นตัวช่วยหน่ึงท่ีทาให้ผ้าหอม ถ้าอยากจะให้ผ้ากรุ่นกล่ินช่ืนใจแบบดังเดิม ต้องเร่ิม ตังแต่ซัก ขัด รีด และร่าในหีบไม้ คือ ใช้เทียนอบและนามันร่าหีบจนหอมเสียก่อน จึงนาผ้าไปใส่ในหีบปิดฝา ร่าจนกลิ่นกาซาบเข้าเนือผ้า เครื่องหอมท่ีใช้ร่าผ้านันประกอบด้วยดอกไม้และพืชหอมนานาชนิด อาทิ กายาน กฤษณา จันทน์หอม ชะมดเช็ด เทียนอบ นาตาลทรายแดง สารภี ประยงค์ จันทน์กะพ้อ กระดังงา ชะลูด ชมนาด เทยี นกงิ่ การะเกด พุทธชาด เขยี วกระแต มะลิ ฯลฯ

บทท่ี 3 วิธีการดาเนินการ รายงานการศึกษา เรื่อง บุหงาราไป ภูมิปัญญาไทยสู่เยาวชน ในครังนีเป็นการศึกษาความรู้เก่ียวกับ ไม้ดอกหอมของไทย ความรู้เก่ียวกับวิธีการทาบุหงาราไป การฝึกทักษะการทาบุหงาราไป ตลอดจนสอบถาม คุณภาพและความพึงพอใจของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ อีกทังยังเผยแพร่วิธีการทาบุหงาราไปสาหรับผู้ท่ีสนใจ เพ่ือเป็น การสบื สานและอนุรักษภ์ มู ปิ ัญญาไทยในฐานะของเยาวชนไทย โดยผจู้ ดั ทาได้มวี ธิ กี ารดาเนนิ การ ดังนี แผนการดาเนนิ การ ตารางท่ี 1 แผนการดาเนนิ การ ระยะเวลาดาเนินการ ผูร้ บั ผิดชอบ ตุลาคม 2565 ผจู้ ัดทา กจิ กรรม/ขนั้ ตอน ตลุ าคม 2565 ผจู้ ัดทา 1. ขน้ั เตรยี มการ (Plan) พฤศจิกายน 2565 ผจู้ ัดทา - รวบรวมสมาชกิ พฤศจิกายน 2565 ผู้จัดทา - รว่ มกนั ตังประเด็นทสี่ นใจศึกษา - วางแผนการศึกษา 2. ข้นั ดาเนนิ การ (Do) - ศึกษาหาความรู้จากแหลง่ ต่าง ๆ - จัดทาบหุ งาราไป - เผยแพรก่ ารทาบุหงาราไป ให้แกผ่ ู้ท่ีสนใจ 2. ขน้ั ติดตามประเมินผล (Check) - ทดลองใชก้ บั กลุ่มตวั อยา่ ง - สอบถามคุณภาพและ ความพงึ พอใจ 2. ขน้ั ปรับปรุงพัฒนา (Action) - ปรับปรุงและพัฒนา ผลิตภัณฑ์ เพ่อื ใชเ้ ปน็ ของท่ีระลกึ ของโรงเรียน - เรียบเรียงจัดทาเป็นรูปเล่ม นาเสนอท่สี มบูรณ์

ขัน้ ตอนการดาเนนิ การ 1. รวบรวมสมาชกิ ร่วมกันตงั ประเดน็ ท่ีสนใจจากการศึกษาสารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน โดยพระราชประสงค์ ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว เล่ม 22 2. สมาชกิ รว่ มกันเสนอความคิดเหน็ และลงมตคิ วามต้องการศึกษาความรู้เก่ียวกับไม้ดอกหอมของไทย 3. ศึกษาความรู้เก่ียวกับไม้ดอกหอมของไทย และความรู้เกี่ยวกับวิธีการทาบุหงาราไป จากแหล่ง เรยี นรู้ต่าง ๆ ได้แก่ 2.1 สารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั เลม่ 22 2.2 internet 4. ฝึกทักษะการทาบหุ งาราไป 5. ดาเนนิ การทดลองใช้กบั กล่มุ ตวั อย่าง ครู ผู้ปกครองและนกั เรยี น จานวน 30 คน 5. สอบถามคณุ ภาพและความพงึ พอใจของผใู้ ช้ผลติ ภัณฑ์ 6. จัดทาข้อมูลทางสถติ ิ เรยี บเรยี งนาเสนอ 7. ดาเนินการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามเพื่อปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ สาหรับเป็นของที่ ระลึกของโรงเรยี นให้แก่ผู้ทมี่ าศกึ ษาดูงาน หรอื ผูท้ ี่สนใจ 6. เผยแพร่วิธกี ารทาบหุ งาราไปให้แก่ผูท้ สี่ นใจ 8. นาข้อมูลทไ่ี ด้จากการศึกษาคน้ คว้า สอบถาม ฝกึ ทักษะ และการเผยแพร่ มาจดั ทาเป็นรูปเล่ม 9. นาเสนอในรูปแบบเอกสาร และวิดที ัศน์ การสรา้ งเครื่องมือในการเกบ็ ขอ้ มูล ผู้จัดทาได้ใช้เคร่ืองมือในการเก็บข้อมูล คือ แบบสอบถามคุณภาพและความพึงพอใจในการใช้ บุหงาราไป โดยจัดทาเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์หรือผู้ตอบ แบบสอบถามเลอื กขอ้ ความท่ีตรงกบั ความคดิ เห็นของตนเองมากที่สดุ เพยี งข้อเดียว แบบสอบถามแบ่งออกเปน็ 2 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม และตอนท่ี 2 ความพึงพอใจท่ีมีต่อบุหงาราไป ประกอบด้วยข้อคาถามจานวน 8 ข้อ ซึ่งมีเกณฑ์ในการพิจารณาให้คะแนนใน การตอบแบบสอบถาม ดงั นี ระดับคะแนน แปลผล 5 มคี วามพึงพอใจมากทีส่ ุด 4 มคี วามพึงพอใจมาก 3 มคี วามพึงพอใจปานกลาง 2 มีความพงึ พอใจน้อย 1 มีความพึงพอใจน้อยทส่ี ดุ

บทท่ี 4 ผลการดาเนนิ การ รายงานการศึกษา เร่ือง บุหงาราไป ภูมิปัญญาไทยสู่เยาวชน ในครังนีเป็นการศึกษาความรู้เก่ียวกับ ไม้ดอกหอมของไทย ความรู้เก่ียวกับวิธีการทาบุหงาราไป การฝึกทักษะการทาบุหงาราไป ตลอดจนสอบถาม คุณภาพและความพึงพอใจของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ อีกทังยังเผยแพร่วิธีการทาบุหงาราไปสาหรับผู้ที่สนใจ เพ่ือเป็น การสืบสานและอนรุ ักษ์ภูมิปญั ญาไทยในฐานะของเยาวชนไทย ซึ่งผลจากการดาเนนิ การดงั กล่าว มีดงั นี 1. การศกึ ษาความรู้เก่ียวกบั ไมด้ อกหอมของไทย จากการศึกษาค้นคว้า พบว่า พรรณไมชนิดต่าง ๆ ท่ีดอกมีกล่ินหอมเกิดจากนามันหอมระเหยท่ีพืช สงั เคราะหขนึ แล้วลาเลยี งไปเก็บไว้ในเซลล์พิเศษ ซ่ึงกระจายอยูใ่ นฐานรองดอก กลบี ดอก เกสรเพศผู้และเกสร เพศเมีย ซ่ึงจะไดกล่ินหอมของดอกไม ก็ตอ่ เมอื่ ดอกไมบาน นามนั หอมระเหยที่แทรกอยู่ตามสว่ นต่าง ๆ ของดอก จะระเหยออกมาทาปฏิกิริยากับอากาศทาให้เกิดกลิ่นหอม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวท่ีแตกต่างกันขึนอยู่กับ องค์ประกอบและนาหนักโมเลกลุ ของสารประกอบในนามนั หอมระเหย พันธไ์ุ มด้ อกหอมของไทยสามารถจาแนก ได้ 5 ประเภท ได้แก่ 1) ไม้ต้น เช่น จันทน์กะพ้อ ปีบ 2) ไม้พุ่มและไม้รอเลือย เช่น แก้ว สายหยุด 3) ไม้เลือย เช่น ขจรหรือสลดิ เลบ็ มือนาง และ 4) ไม้ลม้ ลกุ เชน่ พลับพลึง กล้วยไม้ 2. การศึกษาความรู้เกี่ยวกับเครอ่ื งหอมของไทย (บหุ งาราไป) เครอ่ื งหอมไทยเปน็ ส่ิงที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน แต่ในปจั จุบนั เรม่ิ จะเลือนรางหายไปบ้างแลว้ สว่ นหนึ่ง อาจเป็นเพราะวัฒนธรรมตะวันตกท่ีเข้ามามีบทบาทในสังคมไทย ทาให้คนในยุคปัจจุบันหันไปใช้เครื่องหอม จากต่างประเทศ ทาให้นาปรุงหรือเครื่องหอมไทยโบราณ เริ่มจะหายากขึนทุกที ซึ่งเครื่องหอมไทย นันมีหลาย ชนดิ ไดแ้ ก่ ดนิ สอพอง แป้งรา่ แปง้ พวง บหุ งาราไป และนาปรุง บุหงาราไปเป็นคาที่ไทยเรารับมาจากชวา บุหงา หมายถึง ดอกไม้ ราไป หมายถงึ เบด็ เตลด็ บหุ งาราไป จึงมีความหมายว่าดอกไม้ต่าง ๆ ดอกไม้หลายชนิด ที่ปรุงด้วยเคร่ืองหอมแล้วบรรจุลงในถุงผ้าโปร่งเล็ก ๆ ทาเปน็ รูปร่างตา่ ง ๆ มกั เรยี กยอ่ ว่า บุหงา จดั เป็นเครื่องหอมชาววังแบบโบราณมีมายาวนานแตค่ รังกรุงศรอี ยุธยา เร่ิมนิยมทากันจากราชสานักไม่เป็นท่ีเผยแพร่แก่สามัญชน ถือเป็นวิชาชันสูง ถูกถ่ายถอดกันเร่ือยมาจวบจน กรุงรัตนโกสินทร์ ก็ยังนิยมประดิษฐ์กันมาอยู่แต่ในเขตพระราชฐานเช่นเดิม จวบจนยุครัชกาลที่ 5 ถือเป็นยุคท่ี ศิลปะการประดิษฐ์และงานเคร่ืองหอมเฟื่องฟูถึงจุดสูงสุด เกิดมีเครื่องหอมชนิดใหม่ถูกคิดค้นดัดแปลงขึนมา หลายชนิด บุหงามีทังบุหงาสดและบุหงาแห้ง ใช้บรรจุเป็นของชาร่วย ใส่ในหีบผ้า ตู้เสือผ้า หรือในห้อง เพ่ือสร้างกล่ินหอม บุหงาเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทาให้ผ้าหอม ถ้าอยากจะให้ผ้ากรุ่นกลิ่นช่ืนใจแบบดังเดิม ต้องเริ่ม ตังแต่ซัก ขัด รีด และร่าในหีบไม้ คือ ใช้เทียนอบและนามันร่าหีบจนหอมเสียก่อน จึงนาผ้าไปใส่ในหีบปิดฝา รา่ จนกลนิ่ กาซาบเขา้ เนอื ผา้ เครือ่ งหอมทใี่ ชร้ า่ ผา้ นันประกอบด้วยดอกไมแ้ ละพชื หอมนานาชนิด

3. การฝกึ ทกั ษะการทาบุหงาราไป บุหงาราไป เป็นเคร่ืองหอมของไทยที่ทาได้ง่ายและใช้เวลาน้อย ผู้จัดทาเกิดความสนใจและได้เล็งเหน็ ถึงคุณค่าความสาคัญของภูมิปัญญาของไทยที่ได้นาพันธุไ์ ม้ท่ีมีดอกหอมมาดัดแปลง ปรุงแต่งให้เป็นเคร่ืองหอม จึงได้รวมกลุม่ คดิ ท่ีจะศกึ ษาและฝึกทักษะการทาบหุ งาราไปขึนมา บุหงาราไปมอี ยู่ 2 แบบ ได้แก่ 3.1 บหุ งาสด วัตถุดิบ/อุปกรณ์ 1. กลบี ดอกไม้สด เช่น มะลิ กหุ ลาบ บานไมร่ ้โู รย ดาวเรือง 2. ใบเตย 3. นามันหอมระเหยกลิ่นมะลิ และกุหลาบ 4. ถุงผ้าโปร่งหรือถงุ ลูกไม้ รปู ภาพท่ี 8 วัตถุดิบและอปุ กรณ์สาหรบั ทาบหุ งาราไปสด วธิ ที า 1. นากลบี ดอกไมส้ ดมาคลกุ รวมกนั ดอกเลก็ ๆ อย่างมะลใิ ช้ทงั ดอกได้เลย รปู ภาพท่ี 9 การนากลีบดอกไมม้ าคลกุ เคล้าใหเ้ ขา้ กัน 2. ฉดี พรมนามนั หอมระเหยลงบนกลีบดอกไม้ คลกุ เคล้าให้เขา้ กนั เบา ๆ รูปภาพที่ 10 การฉดี พรมนามันหอมระเหยใหท้ ัว่ กลบี ดอกไม้

3. บรรจุบุหงาสดใส่ถุงผ้าโปร่ง ใช้สร้างความหอมในห้องหรือในรถ ไม่ควรเก็บในท่ีอับ เช่น ตเู้ สอื ผา้ เพราะอาจทาให้ดอกไมข้ ึนรา เม่อื แห้งแลว้ จงึ ใชง้ านได้เหมอื นบหุ งาแห้ง รปู ภาพท่ี 11 การบรรจุบุหงาราไปสดลงในถงุ ผา้ โปรง่ และผลิตภณั ฑบ์ ุหงาราไปสด 3.2 บหุ งาแห้ง วัตถุดิบ/อปุ กรณ์ 1. ดอกไมส้ ด ได้แก่ กุหลาบ พดุ พวงชมพู เลบ็ มอื นาง และบานไมร่ ู้โรย 2. ใบเตย 3. เทยี นอบร่า 4. ถว้ ยเล็ก ๆ 5. หมอ้ เคลอื บหรือโถแก้วทมี่ ีฝาปิด 6. นามันหอมระเหยกลิ่นมะลิและกุหลาบ 7. ถงุ ผ้าโปรง่ หรอื ถุงลูกไม้ 8. รบิ บนิ ดนิ เงนิ หรือทอง สาหรบั ตกแต่งตามความชอบ รปู ภาพท่ี 12 วัตถดุ บิ และอุปกรณส์ าหรบั ทาบุหงาแห้ง

วิธีทา 1. นากลบี ดอกไม้สดไปตากจนแหง้ สนทิ (ราว 1 สัปดาห)์ หรือนาไปอบใหแ้ ห้งสนทิ ด้วยอุณหภูมิ ตา่ กวา่ 100 องศา รปู ภาพท่ี 13 การนากลบี ดอกไมม้ าอบใหแ้ หง้ 2. นาบหุ งาแหง้ ใสห่ ม้อเคลอื บหรือโถแกว้ 3. จุดเทียนอบจนไส้เทียนแดงจัด ดับเทียน ควันเทียนจะลอยฟุ้งขึนมา วางเทียนบนถ้วย ใส่ใน หมอ้ บหุ งาแหง้ แล้วปิดฝารา่ ไวจ้ นหมดควัน 4. ร่าราว 10 – 15 นาที แล้วนาเทียนออกมาจุดใหม่ ร่า ซาๆ 5 – 7 ตัง (ครัง) จนบุหงาซับกล่ิน หอมนวลอยา่ งเต็มท่ี รูปภาพที่ 14 การนากลบี ดอกไม้มารา่ 5. นานามันหอมระเหยฉีดพรมบนบหุ งาแหง้ คลกุ เคลา้ ให้เข้ากัน พกั ไว้ 6. บรรจุบุหงาใส่ถงุ ผา้ โปร่ง ใชส้ ร้างความหอมในห้องหรอื ในรถ นาไปแขวนตกแต่งในห้อง หบี ผ้า ต้เู สอื ผา้ หรอื ใหเ้ ป็นของขวญั ของท่รี ะลึก ของชาร่วยก็ได้ รูปภาพท่ี 15 การฉีดพรมนามันหอมระเหย บรรจบุ ุหงาราไปในถงุ ผ้าโปร่ง และผลติ ภัณฑท์ ไี่ ด้

4. การศึกษาคณุ ภาพและความพงึ พอใจของผูใ้ ชง้ านผลติ ภณั ฑ์ จากการศึกษาคุณภาพและความพึงพอใจของผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ เป็นกลุ่มตัวอย่างจานวน 30 คน ประกอบด้วย ครู จานวน 14 คน ผู้ปกครอง จานวน 9 คน และนักเรียน จานวน 7 คน พบว่า กลุ่มตัวอย่าง พงึ พอใจในภาพรวมตอ่ ผลิตภัณฑ์อยู่ในระดับมากท่สี ุด สามารถเขยี นเปน็ แผนภูมิได้ ดงั นี 1. เพศ แผนภมู แิ สดงจานวนเพศของผใู้ ช้งานผลิตภณั ฑ์ 27% ชาย 73% หญิง 2. สถานภาพ แผนภูมิแสดงจานวนสถานภาพของผใู้ ชง้ านผลิตภัณฑ์ 23% ครู 47% ผปู้ กครอง นกั เรียน 30%

3. ความพึงพอใจท่ีมีตอ่ ผลติ ภัณฑ์ แผนภมู ิแสดงความพงึ พอใจของผใู้ ช้งานที่มตี ่อผลติ ภณั ฑ์ 40 30 20 10 0 2. วสั ดุทีใ่ ชบ้ รรจภุ ณั ฑ์ 3. รูปลกั ษณ์ของบรรจภุ ณั ฑ์ 4. คุณภาพของผลติ ภัณฑ์ 1. กลนิ่ ของผลิตภณั ฑ์ 8. ความพึงพอใจโดยรวม มากท่ีสุด มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยทส่ี ุด 40 30 20 10 0 6. สามารถดบั กลิน่ ได้ 7. มคี วามเหมาะสมที่จะใชใ้ นโรงเรยี นได้ 5. ผลติ ภณั ฑ์ไมเ่ ป็นอนั ตรายต่อรา่ งกายและสภาพแวดล้อม ปานกลาง น้อย น้อยท่สี ุด มากทีส่ ดุ มาก 5. การเผยแพรก่ ารทาบุหงาราไปแกผ่ ้ทู ่สี นใจ ผู้จัดทาได้เผยแพร่วิธีการทาบุหงาราไปสาหรับนักเรียน ผู้ปกครอง คณะศึกษาดูงาน และผู้ที่สนใจ เพ่ือเป็นการสบื สานและอนุรกั ษ์ภมู ปิ ัญญาไทยในฐานะของเยาวชนไทย 1. สาธิตการทาบหุ งาราไปแก่ผทู้ ี่สนใจ 1.1 นักเรยี น รูปภาพท่ี 16 การสาธติ การทาบุหงาราไปแก่นกั เรยี น

1.2 ผปู้ กครอง รปู ภาพท่ี 17 การสาธิตการทาบุหงาราไปแก่ผู้ปกครอง 2. ใช้ผลิตภัณฑ์เปน็ ของทรี่ ะลึกของโรงเรยี น รปู ภาพท่ี 18 การนาผลติ ภณั ฑ์มาใช้เปน็ ของทร่ี ะลึกของโรงเรยี น

บทที่ 5 สรปุ ผลและอภิปรายผลการดาเนินการ สรุปผลการดาเนนิ การ การศกึ ษาค้นควา้ เกย่ี วกับไม้ดอกหอมของไทยทาใหผ้ จู้ ัดทาได้มคี วามรู้เกยี่ วกับไม้ดอกหอมเพิ่มมากขึน ซ่ึงพรรณไมชนิดต่าง ๆ ท่ีดอกมีกลิ่นหอมเกิดจากนามันหอมระเหยที่พืชสังเคราะหขึน แล้วลาเลียงไปเก็บไว้ ในเซลล์พิเศษ ซ่ึงกระจายอยู่ในฐานรองดอก กลีบดอก เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย การท่ีจะไดกล่ินหอมของ ดอกไมก็ต่อเมื่อดอกไมบาน นามันหอมระเหยที่แทรกอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของดอกจะระเหยออกมาทาปฏิกิริยา กบั อากาศทาให้เกิดกลิ่นหอม เปน็ เอกลักษณ์เฉพาะตวั ที่แตกตา่ งกันขึนอยู่กับองค์ประกอบและนาหนกั โมเลกุล ของสารประกอบในนามันหอมระเหย พันธไุ์ มด้ อกหอมของไทยสามารถจาแนกได้ 5 ประเภท ไดแ้ ก่ ไม้ตน้ ไม้พุ่ม และไมร้ อเลือย ไมเ้ ลือย และไมล้ ้มลุก เคร่ืองหอมไทยเปน็ ส่ิงท่ีอยู่คู่กบั คนไทยมานาน แตใ่ นปจั จุบันเรม่ิ จะเลือนรางหายไปบ้างแลว้ ส่วนหนึ่ง อาจเป็นเพราะวัฒนธรรมตะวันตกท่ีเข้ามามีบทบาทในสังคมไทย ทาให้คนในยุคปัจจุบันหันไปใช้เครื่องหอม จากต่างประเทศ ทาให้นาปรุงหรือเครื่องหอมไทยโบราณ เริ่มจะหายากขึนทุกที ซึ่งเครื่องหอมไทย นันมีหลาย ชนิด ไดแ้ ก่ ดนิ สอพอง แปง้ รา่ แปง้ พวง บุหงาราไป และนาปรงุ บหุ งาราไป คอื ดอกไมห้ ลายชนดิ ทป่ี รุงดว้ ยเครอื่ งหอมแล้วบรรจลุ งในถุงผา้ โปรง่ เล็ก ๆ ทาเป็นรูปร่าง ต่าง ๆ มักเรียกย่อว่า บุหงา จัดเป็นเครื่องหอมชาววังแบบโบราณมีทังบุหงาสดและบุหงาแห้ง ใช้บรรจุเป็น ของชาร่วย ใส่ในหีบผ้า ตู้เสือผ้า หรือในห้องเพื่อสร้างกล่ินหอม บุหงาเป็นตัวช่วยหนึ่งท่ีทาให้ผ้าหอม ถา้ อยากจะใหผ้ า้ กรุน่ กลนิ่ ชื่นใจแบบดังเดิม ต้องเริ่มตงั แตซ่ กั ขัด รดี และร่าในหีบไม้ คือ ใชเ้ ทยี นอบและนามัน ร่าหีบจนหอมเสียก่อน จึงนาผ้าไปใส่ในหีบปิดฝา ร่าจนกล่ินกาซาบเข้าเนือผ้า เครื่องหอมที่ใช้ร่าผ้านัน ประกอบดว้ ยดอกไม้และพืชหอมนานาชนิด บุหงาราไป เป็นเคร่ืองหอมของไทยท่ีทาได้ง่ายและใช้เวลาน้อย ผู้จัดทาเกิดความสนใจและได้เล็งเห็น ถึงคุณค่าความสาคัญของภูมิปัญญาของไทยที่ได้นาพันธุไ์ ม้ที่มีดอกหอมมาดัดแปลง ปรุงแต่งให้เป็นเครื่องหอม จึงไดร้ วมกล่มุ คดิ ท่ีจะศึกษาและฝึกทักษะการทาบหุ งาราไปขึนมา เกิดเปน็ ผลิตภณั ฑท์ ส่ี ามารถนามาใชเ้ ป็นของ ทรี่ ะลึกของโรงเรยี นเพอ่ื มอบให้แกผ่ ูท้ ่ีมาศึกษาดูงาน และจากการศกึ ษาคุณภาพและความพึงพอใจของผ้ใู ช้งาน ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจในภาพรวมต่อผลิตภัณฑ์อยู่ในระดับมากที่สุด อีกทังยังได้เผยแพร่ วิธีการทาบุหงาราไปใหแ้ ก่นกั เรียน ผู้ปกครอง คณะศึกษาดูงาน และผู้ที่สนใจ เพื่อเป็นการสืบสานและอนุรักษ์ ภมู ปิ ญั ญาไทยในฐานะของเยาวชนไทยใหค้ งอยู่คู่ชาติไทยต่อไป อภิปรายผลการดาเนินการ จากการศึกษาคุณภาพและความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง โดยการใช้แบบสอบถาม พบว่า กลุ่มตัวอยา่ งมีความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์อยใู่ นระดับมากทสี่ ุด โดยเฉพาะในกลุ่มของครู และผู้ปกครอง ทเ่ี ป็น เชน่ นอี าจเป็นเพราะบุหงาราไป มกี ลน่ิ หอม สามารถชว่ ยผ่อนคลาย และลดกลน่ิ ไมพ่ งึ ประสงคไ์ ด้ดี

ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ ับ 1. ได้รับความรเู้ ก่ียวกับไม้ดอกหอมของไทย 2. ไดร้ ับความรูเ้ ก่ยี วกับเคร่ืองหอมของไทย 3. ไดร้ ู้ถึงวธิ ีการทาบหุ งาราไป 4. ได้ฝกึ ทกั ษะการทาบหุ งาราไป 5. ไดข้ ้อมลู คุณภาพและความพึงพอใจของผใู้ ชผ้ ลิตภณั ฑ์ 6. ได้เผยแพร่วิธีการทาบุหงาราไปสาหรับผู้ท่ีสนใจ เพ่ือเป็นการสืบสานและอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย ในฐานะของเยาวชนไทย

บรรณานุกรม ภัทรียา พัวพงศกร. (2561). หอมติดกระดาน พืน้ ฐานการทาเครือ่ งหอมแบบไทย ๆ ทีส่ าวโบราณ ใช้จนหอมติดกระดาน. สืบคน้ 15 ตลุ าคม 2565, จาก https://readthecloud.co/ staycation-perfume-flower/ ราชบัณฑิตยสถาน. (2556). พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554. กรงุ เทพฯ: นานมีบ๊คุ ส์พบั ลเิ คชั่นส.์ วาสนา พลายเลก็ . (2556). ไม้ดอกหอม. สืบค้น 15 ตลุ าคม 2565, จาก https://images-se-ed.com/ws/Storage/Pdf/978974/ 247/9789742478674PDF.pdf สวนนงนุชพัทยา. (ม.ป.ป.). Fragrant plants (ไม้ดอกหอม). สบื คน้ 15 ตุลาคม 2565, จาก https://www.nongnoochpattaya.com/th/article/508 อบฉนั ท์ ไทยทอง. (2561). ไม้ดอกหอมของไทย. ใน สารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชนฯ โดยพระราชประสงคใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั เลม่ 22 (หนา้ 97-124). กรงุ เทพฯ: ดา่ นสทุ ธาการพิมพ์.

ภาคผนวก

แบบสอบถามคณุ ภาพและความพึงพอใจในการใช้บหุ งาราไป คาชี้แจง : แบบสอบถามนีเป็นส่วนหน่ึงในการศึกษา เรื่อง บุหงาราไป ภูมิปัญญาไทยสู่เยาวชน ของนักเรียน โรงเรียนชุมชนบ้านแก่งเสือเต้น ทางผู้จัดทาขอความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามด้วยข้อมูลท่ีเป็นจริง เพ่ือความสมบูรณข์ องรายงานการศกึ ษา ตอนที่ 1 : ขอ้ มลู ทัว่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 1. เพศ  ชาย  หญิง 2. สถานะภาพ  ครู  ผู้ปกครอง  นักเรียน ตอนที่ 2 : ความพึงพอใจท่มี ตี ่อบหุ งาราไป คำชแ้ี จง : ใหท้ ำเครื่องหมำย  ในช่องทต่ี รงกบั ระดับควำมพงึ พอใจของทำ่ นมำกท่ีสุด 5 = มคี วามพงึ พอใจมากที่สดุ 4 = มีความพึงพอใจมาก 3 = มีความพงึ พอใจปานกลาง 2 = มคี วามพึงพอใจน้อย 1 = มคี วามพึงพอใจน้อยที่สดุ รายการ ระดับความพึงพอใจ 54321 1. กล่นิ ของผลติ ภัณฑ์ 2. วัสดุท่ใี ช้บรรจุภณั ฑ์ 3. รูปลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์ 4. คุณภาพของผลติ ภณั ฑ์ 5. ผลิตภณั ฑไ์ ม่เปน็ อันตรายตอ่ ร่างกายและสภาพแวดลอ้ ม 6. สามารถดบั กล่ินได้ 7. มีความเหมาะสมท่ีจะใชใ้ นโรงเรยี นได้ 8. ความพึงพอใจโดยรวม ขอ้ เสนอแนะ …………….................................................………………………………………………………………………………………………… …………….................................................………………………………………………………………………………………………… …………….................................................………………………………………………………………………………………………… …………….................................................………………………………………………………………………………………………… …………….................................................………………………………………………………………………………………………… ขอขอบพระคณุ เปน็ อย่างสูง

ภาพกจิ กรรม 1. ศกึ ษาความรเู้ กี่ยวกับจากแหลง่ ตา่ ง ๆ 2. การมอบผลติ ภัณฑแ์ ก่กลุ่มตวั อย่างสาหรบั ใชใ้ นการเก็บขอ้ มลู

3. การฝึกทกั ษะการทาบุหงาราไป



4. การเผยแพร่ความรู้การทาบหุ งาราไปสาหรับผ้ทู ี่สนใจ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook