Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore flipbook

flipbook

Published by way.way547, 2021-09-29 03:37:45

Description: flipbook

Search

Read the Text Version

สาขาวชิ าภาษาไทย คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ชยั ภูมิ การจัดการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ รูปแบบการเรยี นรูส้ มองเป็นฐาน (Brain based Learning: BBL)

คานา หนงั สือเล่มน้ีจดั ทาข้ึนเพอ่ื เป็นส่วนหน่ึงของวชิ าวทิ ยาการจดั การเรียนรู้ ๑ เพอ่ื ใหไ้ ดศ้ ึกษาหาความรู้ในเร่ืองการจดั การเรียนรู้โดยใชส้ มองเป็นฐาน (Brain based Learning : BBL) และไดศ้ ึกษาอยา่ งเขา้ ใจเพอื่ เป็นประโยชนก์ บั การเรียนรู้ผจู้ ดั ทา ขอขอบพระคุณอาจารยท์ ่ีปรึกษา อาจารยร์ ัชกร ประสีระเตสงั ที่คอยใหค้ าแนะนาใน การทาหนงั สือเล่มน้ี ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานเลม่ น้ีจะเป็นประโยชนก์ บั ผอู้ า่ นหรือนกั เรียนนกั ศึกษาที่ กาลงั หาขอ้ มูลเร่ืองน้ีอยู่ หากมีขอ้ แนะนาหรือขอ้ ผดิ พลาดประการใดผจู้ ดั ทาขอนอ้ ม รับไวแ้ ละขออภยั มา ณ ที่น้ีดว้ ย คณะผจู้ ดั ทา ก

สารบญั หนา้ ก เรอ่ื ง ข คานา ๑ สารบัญ ๑ ๒ ความหมายของการจดั การเรียนรู้โดยใชส้ มองเป็นฐาน หลกั การจดั การเรียนการสอน แบบ Brain Based Learning ๓ การนานวตั กรรมและเทคโนโลยกี ารเรียนรู้โดยใชส้ มองเป็นฐาน ๔ ๕-๑๔ ประยกุ ตใ์ นการบริหารการศึกษา ๑๕ ข้นั ตอนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชส้ มองเป็นฐาน สรุปตอนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชส้ มองเป็นฐาน ตวั อยา่ งแผนการจดั การเรียนรู้โดยใชส้ มองเป็นฐาน บรรณานุกรม ข

การเรยี นรู้โดยใชส้ มองเปน็ ฐาน (Brain based Learning: BBL) Brain Based Learning คือ การใชค้ วามรู้ความเขา้ ใจท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั สมองเป็น เคร่ืองมือในการออกแบบกระบวนการเรียนรู้และกระบวนการอ่ืนๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งเพ่อื สร้างศกั ยภาพสูงสุดในการเรียนรู้ของมนุษย์ โดยเช่ือวา่ โอกาสทองของการเรียนรู้อยู่ ระหวา่ งแรกเกิด – ๑๐ ปี หลักการจดั การเรยี นการสอน แบบ Brain Based Learning Regate และ Geoffrey Caine นกั วจิ ยั เก่ียวกบั การเรียนรู้โดยใชค้ วามรู้เก่ียวกบั สมองเป็นหลกั ไดเ้ สนอทฤษฎีเก่ียวกบั การจดั การเรียนการสอน ๑๒ ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี ๑) สมองเป็นกระบวนการคู่ขนาน ๒) สมองกับการเรยี นรู้ ๓) การเรยี นรมู้ มี าแต่กาเนดิ ๔) รปู แบบการเรยี นรขู้ องบุคคล ๕) ความสนใจมคี วามสาคญั ตอ่ การเรยี นรู้ ๖) สมองมีหนา้ ท่สี รา้ งกระบวนการเรียนรู้ ๗) การเรยี นร้ใู นส่งิ ทส่ี นใจสามารถรับร้ไู ดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ ๘) การเรยี นรเู้ กดิ ขน้ึ ได้ทัง้ แบบทม่ี ีจดุ มุง่ หมายและไมไ่ ดต้ ้งั ใจ ๙) การเรียนรู้ทเี่ กดิ จากกระบวนการสร้างความเข้าใจ ๑๐) การเรยี นรู้เกดิ จากการมปี ฏสิ ัมพนั ธ์กับผู้อ่ืน ๑๑) สง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นเผชญิ กับสถานการณท์ ี่กระตุ้นให้เกดิ การเรยี นรู้ ๑๒) สมองของบคุ คลมีความเท่าเทียมกัน ๑

การนานวตั กรรมและเทคโนโลยีการเรยี นรูโ้ ดยใชส้ มองเป็นฐาน( Brain Based Learning : BBL. ) ไปประยุกต์ใชใ้ นองค์กรในการบรหิ ารจัด การศึกษาไดด้ งั น้ี ๑. ในการเรียนการสอน เรียนรู้จากง่ายไปหายาก มีลาดบั และเช่ือมโยงกนั เสมอ ๒. วธิ ีการเรียนตอ้ งสนุกสนาน ไม่น่าเบ่ือ ๓. เนน้ ใหน้ กั เรียนไดใ้ ชค้ วามคิด ท้งั คิดวเิ คราะห์ คิดสงั เคราะห์ และใช้ จินตนาการพร้อมใหโ้ อกาสแสดงความคิดเห็น ๔. ในการเรียนรู้เพอื่ พฒั นากระบวนการคิด ควรจะฝึกใหเ้ ดก็ ไดป้ ฏิบตั ิดงั น้ี ๔.๑ ฝึกสังเกต ๔.๒ ฝึกบนั ทึก ๔.๓ ฝึกการนาเสนอ ๔.๔ ฝึกการฟัง ๔.๕ ฝึกการอา่ น ๔.๖ ฝึกการต้งั คาถาม ๔.๗ ฝึกการเช่ือมโยงทางความคิด ๔.๘ ฝึกการเขียนและเรียบเรียงความคิดเป็นตวั หนงั สือ ๒

ขั้นตอนการจดั กิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใช้สมองเป็นฐาน วิมลรตั น์ สนุ ทรโรจน์ (วมิ ลรตั น์ สุมทรโรจน์. ๒๕๕๐ ; อา้ งองิ มาจาก นริ าศ จันทรจติ ร. ๒๕๕๓ : ๓๓๙-๓๔๑) จึงได้เสนอกรอบในการจัดกิจกรรมตามลาดบั ขน้ั ตอนการเรียนรู้ ดงั นี้ ๑. ขัน้ นาเขา้ สู่บทเรียน เปน็ ข้ันท่คี รูวางแผนในการสนทนากับนักเรยี น เพอ่ื เตรียมความ พรอ้ มใหเ้ ขา้ ใจในสิ่งทจ่ี ะเรยี น และสามารถเชอ่ื มโยงไปสู่เรอ่ื งทีจ่ ะเรยี นได้ ๒. ขน้ั ตกลงกระบวนการเรียนรู้ เปน็ ขน้ั ท่คี รูและนกั เรยี นตกลงร่วมกนั วา่ นกั เรยี นจะตอ้ ง ทากิจกรรมใดบ้าง อย่างไร และจะมีวธิ วี ัดและประเมินผลอย่างไร ๓. ข้นั เสนอความรู้ใหม่ เปน็ ข้นั ที่ครจู ะต้องเช่อื มโยงประสบการณ์การต่าง ๆมาสร้างองค์ ความรู้ใหม่ คือ การสอนหรอื การสร้างความคดิ รวบยอดใหแ้ กน่ ักเรียน จนเกิดความรู้ ความเข้าใจในส่งิ ทีเ่ รยี น ๔. ข้นั ฝกึ ทกั ษะ เป็นขน้ั ทน่ี ักเรียนเขา้ กล่มุ แล้วร่วมมือกนั เรยี นรู้ และสร้างผลงาน ๕. ข้ันแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ เปน็ ขั้นที่ตวั แทนแต่ละกลมุ่ ทีไ่ ดจ้ ากการจับสลาก ออกมาเสนอ ผลงาน เพื่อเป็นการแลกเปล่ียนเรยี นรู้ ๖. ขัน้ สรุปความรู้ เป็นขัน้ ทคี่ รูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรูแ้ ล้วให้นักเรยี นทาใบงาน เปน็ รายบคุ คล แล้วเปลี่ยนกันตรวจโดยครแู ละนักเรียนร่วมกนั เฉลย แล้วใหน้ กั เรยี นแต่ ละคนปรับปรงุ ผลงานตนเอง ใหถ้ ูกตอ้ งครรู บั ทราบแลว้ เก็บผลงานไวใ้ นแฟ้มสะสมงาน ของตนเอง ๗. ขน้ั กิจกรรมเกม เป็นข้นั ท่ีครูจัดทาข้อสอบมาใหน้ กั เรยี นทาเปน็ รายบคุ คลโดยไม่ ซักถามกนั ส่งเปน็ กลมุ่ แล้วเปลีย่ นกนั ตรวจเปน็ กลมุ่ โดยครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั เฉลยแล้ว ให้แตล่ ะกลมุ่ หาคา่ คะแนนเฉลยี่ บอกครูบันทึกไว้แลว้ ประกาศผลเกม กลมุ่ ใดได้คะแนน เฉลี่ยสงู ทสี่ ุดเป็นกลมุ่ ชนะเลิศ ๓

สรุปขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน การจัดกิจกรรมทั้ง ๗ ขน้ั ตอนน้ี เป็นกจิ กรรมประสมประสานระหว่างการใช้ กระบวนการกลมุ่ แผนผงั ความคดิ ใบงาน และเกม เปน็ หลกั การท่ีมงุ่ ใหผ้ เู้ รยี นไดล้ งมอื ทาเองไดฝ้ ึกฝนซา้ ในเร่อื งเดิมทาให้นักเรยี นเกดิ การเรยี นรู้ และจดจาไดแ้ มน่ ยา ซ่งึ สอดคลอ้ งกับหลกั การการจัดการเรยี นรู้ทเี่ น้นผูเ้ รยี นเปน็ สาคญั และยงั สอดคล้องกับ หลกั การเรยี นของ BBL (Brain Based Learning) คือการเรียนเร่ืองเดิมโดยใช้ กิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อช่วยใหน้ กั เรียนเกิดการเรียนรู้ ไดแ้ ม่นยา และจาไดน้ าน ๔

แผนการจัดการเรียนรู้โดยใชส้ มองเป็นฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ เรอ่ื ง ใบโบก ใบบัว เวลา ๑๕ ช่ัวโมง แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑ เรอ่ื ง การอา่ นและเขยี นสะกดคา สอนวนั ที่..........เดอื น...................... พ.ศ................. เวลา ๒ ช่วั โมง ๑. สาระสาคญั การเรยี นร้ภู าษาไทยในขัน้ ตน้ ต้องเรียนรู้เร่อื งพยัญชนะ สระเบอื้ งต้น (สระอา สระอี สระอู) และการฝึกสะกดคาแจกลูก จะชว่ ยให้การอ่านและเขยี นคาได้อยา่ งถูกต้อง ๒. มาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรแู้ ละความคิดเพือ่ นาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาเนนิ ชวี ติ และมีนิสัยรกั การอ่าน ตวั ชี้วัดที่ ๑. อ่านออกเสียงคา คาคลอ้ งจอง และข้อความสนั้ ๆ ตัวชี้วดั ท่ี ๒. บอกความหมายของคา และข้อความที่อ่าน สาระท่ี ๒ การเขยี น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นส่ือสาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขยี น เรอื่ งราวในรูปแบบต่าง ๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อย่าง มีประสทิ ธภิ าพ ตัวช้วี ดั ท่ี ๒. เขยี นสื่อสารดว้ ยคาและประโยคง่าย ๆ ตวั ชวี้ ดั ท่ี ๓. มีมารยาทในการเขยี น สาระท่ี ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของ ภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ ตวั ช้ีวดั ที่ ๒ เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา ๕

๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๓.๑ นกั เรียนอ่านออกเสียงคาที่ประสมสระอา อี อู ไดถ้ กู ตอ้ ง ๓.๒ นกั เรียนเขียนคาที่ประสมสระอา อี อู ไดถ้ ูกตอ้ ง ๓.๓ นกั เรียนมีมารยาทในการอา่ นและเขียนคาที่ประสมสระอา อี อู ไดถ้ ูกตอ้ ง ๔. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ๔.๑ ความสามารถในการส่ือสาร ๔.๒ ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔.๓ ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ๕. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๕.๑ มีวินยั ๕.๒ ใฝ่ เรียนรู้ ๕.๓ มุ่งมนั่ ในการทางาน ๖. สาระการเรยี นรู้ การอ่านและเขียนคาที่ประสมสระอา อี อู ๗. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ชวั่ โมงท่ี ๑ ๗.๑ ขน้ั นาเขา้ สู่บทเรยี น ๗.๑.๑ ครูและนกั เรียนร่วมกนั สนทนาเกี่ยวกบั ชา้ งแลว้ โยงไปช่ือเร่ือง “ใบโบก ใบ บวั ” ๗.๑.๒ ครูร้องเพลงชา้ งใหน้ กั เรียนฟังแลว้ ใหน้ กั เรียนฝึกร้องตามพร้อมปรบมือเป็น จงั หวะหลาย ๆ เที่ยว ๗.๑.๓ ครูแจง้ จุดประสงคข์ องการเรียนใหน้ กั เรียนทราบวา่ จะเรียนเรื่องการอ่านและ เขียนคาท่ีประสมสระอา อี อู ๖

๗.๒ ขน้ั การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๗.๒.๑ ครูและนกั เรียนร่วมกนั ท่องบทร้องเลน่ ปูดา และเพลง จบั ปูดา พร้อมท้งั ขยบั กายเคล่ือนไหวและทาท่ากายบริหารอยา่ งอิสระตามจงั หวะเพลง เพลง จบั ปูดา จับปดู า ขยาปนู า จับปูม้า คว้าปทู ะเล สนุกจริงเอยแลว้ เลยนอนเปล ชะโอละเห่ นอนในเปลหลบั ไป ๗.๒.๒ ครแู ละนักเรียนวางแผนการเรยี นรรู้ ่วมกันและการปฏิบตั กิ ิจกรรมทน่ี กั เรียน ตอ้ งปฏบิ ตั ิเช่นการศึกษาคน้ ควา้ จากบัตรคาศัพท์ ๗.๒.๓ นกั เรียนฝึกอา่ นแจกลกู และอา่ นสะกดคาท่ีประสมดว้ ยสระอา อี อู ๗.๓ ขน้ั เสนอความรู้ ๗.๓.๑ ครูยกตวั อยา่ งคาที่ประสมสระอา อี อู ใหน้ กั เรียนดูโดยชูบตั รคาศพั ท์ แลว้ ให้ นกั เรียนอ่านคาศพั ทจ์ นคล่อง ๗.๓.๒ ครูอธิบายถึงคาที่ประสมดว้ ยสระอา อี อู ๗.๔ ข้นั ฝกึ ทักษะ ๗.๔.๑ นกั เรียนเขา้ กลุ่มกลุม่ ละ ๓ คนเป็น ๑๐ กล่มุ โดยคละความสามารถ แลว้ ส่ง ตวั แทนมารับใบความรู้ และแบบฝึกทกั ษะการเขียนแจกลูกคาที่ครูมอบหมายใหแ้ ลว้ ร่วมมือกนั เรียนรู้ และสร้างผลงานร่วมกนั ๗

ชั่วโมงท่ี ๒ ๗.๕ ขั้นแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ๗.๕.๑ นกั เรียนแต่ละกลมุ่ นาแบบฝึกทกั ษะไปแลกเปลี่ยนกบั กลมุ่ อื่น เพอ่ื เปล่ียนกนั ตรวจใหค้ ะแนน ๗.๕.๒ ครูและนกั เรียนร่วมกนั เฉลยกิจกรรม ๗.๖ ขน้ั สรุปความรู้ ๗.๖.๑ ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปการอา่ นและการเขียนคาท่ีประสมดว้ ยสระอา อี อู ๗.๗ ขั้นกิจกรรมเกม ๗.๗.๑ ครูถามนกั เรียนทีละกลุม่ เก่ียวกบั คาท่ีประสมดว้ ยสระอา อี อู วา่ มีคา อะไรบา้ ง และอ่านคาจากบตั รคากนั อีกคร้ัง ๗.๗.๒ ประกาศผลกลุ่มใดไดค้ ะแนนเฉลี่ยสูงท่ีสุดเป็นกลุ่มชนะเลิศ ๘. สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ ๘.๑ เพลงชา้ ง ๘.๒ เพลง จบั ปูดา ๘.๓ บตั รคาศพั ท์ ๘.๔ ใบความรู้ ๘.๕ แบบฝึกทกั ษะ ๘

๙. การวดั ผลและประเมินผล วิธีการวดั ๑. สังเกตการณ์ปฏิบตั ิกิจกรรมกล่มุ ๒. ตรวจใบงาน เครื่องมอื ๑. แบบสงั เกตการณ์ปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ ๒. เกณฑก์ ารตรวจใบงาน เกณฑ์การประเมินผล ๑. นกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินที่กาหนด ๒. นกั เรียนทุกคนมีคะแนนเฉล่ียไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ ๘๐ จึงจะถือวา่ ผา่ นเกณฑร์ ้อย ละ ๘๐ ๑๐. บนั ทกึ ผลหลงั กระบวนการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ ปัญหา / อุปสรรค .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ ขอ้ เสนอแนะ / แนวทางแก้ไข .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ ลงชื่อ........................................ผสู้ อน (..........................................) วนั ที่.............เดือน..................พ.ศ.......... ๙

บันทกึ ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ รหิ าร ................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................... (......................................................) ตาแหน่ง......................................... วนั ท่ี.........เดือน..............พ.ศ.............. ๑

เพลงชา้ ง ชา้ ง ชา้ ง ชา้ ง น้องเคยเหน็ ชา้ งหรอื เปลา่ ช้างมันตัวโตไมเ่ บา จมกู ยาวยาว เรียกวา่ งวง มเี ขี้ยวใตง้ วง เรยี กวา่ งา มีหู มีตา หางยาว ๑๑

บตั รคาศพั ท์ ๑๒

ใบความรู้ คาชแี้ จง ให้นักเรยี นฝึกอา่ นสะกดคา หลาย ๆ รอบให้ คลอ่ ง อ่านสะกดคา คา พยญั ชนะ สระ สะกดว่า อ่านว่า ตา ต -า ตอ – อา ตา งา ง -า งอ – อา งา มา ม -า มอ – อา มา ขา ข -า ขอ – อา ขา มี ม -ีี มอ – อี มี ดู ด -ูี ดอ – อู ดู หู ห -ูี หอ – อู หู ฝึกอ่าน มาดู หูกา งาดี มขี า ตามา ๑๓

ใบงานการเขยี นสะกดคา คาช้แี จง จงประสมคาจากพยัญชนะทีก่ าหนดให้กับสระอา อี และสระ อู ง + า =.... ต + า =..... ม + -ีี =..... ป + -ีี =..... ร + -ูู=..... ง + -ีู =..... ๑๔

บรรณานกุ รม นายธรี พงษ์ แสงสทิ ธ์ิ.(2550).การเรยี นร้โู ดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain based Learning: BBL).สืบค้นจาก https://sob kroo.com /articledetail.asp?id=804. ประภสั รา โคตะขุน. (2551).การจัดการเรยี นรู้โดยใชส้ มองเปน็ ฐาน (Brain based Learning : BBL).สบื คน้ จาก https://sites.google.com/site/prapasara/2-12. นาย บุญส่ง ขนั ทอง.(2553).การเรยี นรโู้ ดยใช้สมองเปน็ ฐาน ( Brain Based Learning : BBL ).สบื ค้นจาก https://www.gotoknow.org/posts/334320 ๑๕

คณะผจู้ ดั ทา นางสาวณัฐชยา ภมร รหสั นกั ศึกษา ๖๓๑๕๐๖๑๐๘ นางสาววราภรณ์ สมหวัง รหัสนักศึกษา ๖๓๑๕๐๖๑๒๑ นางสาวศศกิ านต์ หนาจัตุรสั รหัสนักศึกษา ๖๓๑๕๐๖๑๒๓ นางสาวสุชาวดี แพงไทย รหสั นกั ศกึ ษา ๖๓๑๕๐๖๑๒๖ นางสาวสภุ ัสตรา ไชยไข รหัสนกั ศกึ ษา ๖๓๑๕๐๖๒๒๘ คณะครศุ าสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชัยภูมิ ๑๖


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook