Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่ม CBL_G6

เล่ม CBL_G6

Published by aphai2510, 2023-07-20 04:57:47

Description: เล่ม CBL_G6

Search

Read the Text Version

รายงานผลการเรยี นรู้ การวางแผนเชิงกลยุทธโ์ ดยใช้ชมุ ชนเปน็ ฐาน (Community-based Learning : CBL) กรณศี กึ ษาตาบลขามป้อม อาเภอพระยนื จงั หวัดขอนแกน่ หกลลหกมุ่ักลลทสุม่ักตูี่ 6ทสรูต่ีผร6รู้บุน่ ผรรทบู้่นุิหี่ ร3ทาหิ6รี่ 3กาป6รากงีรปบสางีรปาบสธรปาาะธรรมณาะารมณสณาุขณสพรขุะ.ศพดร.ะ.ับศด2ก.ับ5ล26กา56ลง6า(6งผ.(บผ..กบ..)ก.) วสิทถสวายิทถบาายลันบายัพลนั กรัยพาะกรรบาสะรรบามสธรราามาธรรชาณารชชณสนชุขกสนสุขกิรสนิ ิรธินรธจรังจหงั วหัดวขดั อขนอแนกแ่นกน่

รายงานผลการเรียนรู้การวางแผนเชิงกลยุทธ์โดยใช้ชมุ ชนเปน็ ฐาน (Community-based Learning : CBL) กรณศี ึกษาตำบลขามปอ้ ม อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแกน่ ทป่ี รกึ ษา 1. อาจารย์ ดร.อ่นุ ใจ เครือสถิตย์ 2. อาจารย์ ดร.สพุ ฒั น์ จำปาหวาย จัดทำโดย 1. นายสพุ ฒั น์ แสงสวย นกั วิทยาศาสตรก์ ารแพทย์ชำนาญการพิเศษ สคอ.กรมวิทย์ฯ จังหวัดนนทบุรี 2. นายสวุ ิศษิ ฎ์ ชา่ งทอง นกั วชิ าการสาธารณสขุ ชำนาญการ ศอ.7 ขอนแก่น จงั หวดั ขอนแก่น 3. นางทพิ รัตน์ อ้วิ วงั โส พยาบาลวชิ าชีพชำนาญการ รพ.ท่งุ สง จงั หวดั นครศรธี รรมราช 4. นางแสงดาว จนั ทรด์ า อาจารย์ วพบ.ขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น 5. นางรำไพ เกตจุ ริ ะโชติ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ รพ.มหาสารคาม จงั หวัดมหาสารคาม 6. นางสาวเยาวลกั ษณ์ บุญจันทร์ เภสัชกรชำนาญการพเิ ศษ รพ.ศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย 7. นางนนั ทยิ า ประดิษฐ์ นกั วิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สสจ.รอ้ ยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด 8. นายปรีชา อภยั นักวิชาการสาธารณสขุ ชำนาญการ สสจ.ชัยภูมิ จงั หวัดชยั ภมู ิ 9. นายราเชษฐ์ ไตรยสุทธิ์ นกั วชิ าการสาธารณสขุ ชำนาญการ สสอ.ทรายมลู จงั หวัดยโสธร 10. จ่าเอกสรุ ศักด์ิ บัววงศ์ นกั จัดการงานทัว่ ไปชำนาญการ รพ.ชำนิ จงั หวัดบุรีรัมย์ ผู้เขา้ รว่ มอบรมหลักสตู รผูบ้ รหิ ารการสาธารณสขุ ระดับกลาง (ผ.บ.ก.) กลุ่มท่ี 6 รุ่นท่ี 36 ปงี บประมาณ พ.ศ. 2566 วิทยาลัยการสาธารณสขุ สิรนิ ธร จงั หวดั ขอนแก่น

ก บทสรุปสำหรบั ผบู้ รหิ าร (Executive Summary) การวิเคราะห์สถานการณ์ และการวางแผนยุทธศาสตร์ เพื่อพัฒ นาระบบบริหารงาน ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลขามป้อม อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น ที่มีการถ่ายโอนภารกิจจากสังกัด สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไปองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น โดยวิธีการเรียนรู้แบบใช้ชุมชนเป็น ฐาน (Community-based Learning: CBL) มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) วิเคราะห์ปัญหาและสาเหตุของปัญหา สาธารณสุขหรือปัญหาท่ีส่งผลต่อสุขภาพในระดับตำบล (2) วิเคราะห์ปัจจัยทางด้านการบริหารท่ีส่งผลต่อการ จัดการสาเหตขุ องปัญหา และ (3) วิเคราะห์และเสนอกลยุทธแ์ ผนปฏิบัตกิ ารในการแก้ไขปัญหา โดยมุ่งเนน้ แผนการ บริหารจัดการ วิเคราะห์ผลการดำเนินงานตามตัวช้ีวัดเป้าประสงค์ยุทธศาสตร์ ศึกษาจุดแข็ง จุดท่ีต้องพัฒนา เพื่ อ เป็นประโยชน์ต่อการเรยี นรแู้ ละนำไปพัฒนาองค์กรต่อไป จากการวิเคราะหข์ ้อมลู ทางคณะผศู้ ึกษามขี ้อสรุปวา่ ปัญหาสาธารณสุขในพื้นท่ตี ำบลขามป้อม อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น คือ 1.ปัญหายาเสพติดในวัยรุ่น 2.ปัญหาคนในชุมชนเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจ ล้มเหลว 3.ปัญหาคนในชุมชนป่วยด้วยโรควัณโรคปอด 4.ปัญหาคนในชุมชนป่วยด้วยไข้เลือดออก เมื่อนำมา จัดลำดบั ความสำคัญของปญั หา พบว่า ปัญหาทแี่ ก้ไขเปน็ ลำดบั แรก คอื ปัญหาคนในชุมชนเสยี ชวี ิตด้วยภาวะหัวใจ ล้มเหลว และทำการใช้การวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา ปัจจัยภายในด้วยกรอบแนวคิด Six Building Blocks Plus วิเคราะห์ปัจจัยภายนอกด้วย PESTEL และวิเคราะห์ TOWS Matrix พบว่า อยู่ในตำแหน่ง The Star คือ SO Strategies เป็นสถานการณ์ทไ่ี ด้เปรียบมากทสี่ ดุ เพราะ โอกาสจากภายนอกและจุดแขง็ ขององค์กร เรียกว่า กลยุทธ์ เอื้อและแข็ง ถือเป็นสถานการณ์ดาวรุ่ง (Public sector star) กำหนดกลยุทธ์เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น เป้าประสงค์ พันธกิจ วิสัยทัศน์ ของตำบลขามป้อม อำเภอพระยืน จังหวัด ขอนแก่น ได้จำนวน 4 กลยุทธ์ ได้แก่ กลยุทธ์ท่ี 1 SO1: พัฒนาระบบบริการสุขภาพฉุกเฉินสุดซอย Khampom Emergency Care Plus “KEC Plus+” (S1S2S3S4O1O2O3O4) กลยุทธ์ท่ี 2 WO1: เร่งรัดการสรรหาบุคลากร (W3O1O3) กลยุทธ์ท่ี 3 WO2: พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศด้านสาธารณสุขเพ่ือรองรับการถ่ายโอนภารกิจฯ (W4O1O2O3) และกลยุทธ์ท่ี 4 ST1 ธรรมนูญสุขภาพตำบลขามป้อม (S4T1) และได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ระยะ 5 ปี ในระหวา่ งปี พ.ศ. 2567 - พ.ศ. 2571 การศกึ ษาและจัดทำแผนเชิงยุทธโ์ ดยใชก้ ารเรยี นรแู้ บบใช้ชุมชนเป็นฐานการเรียนรู้ CBL กอ่ ใหเ้ กดิ กระบวนการสังเคราะห์ความรู้ในการบริหารงานสาธารณสุขท่ีเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์และบริบท ของพื้นท่ี ผู้ร่วมเขา้ อบรมจงึ สามารถนำไปประยกุ ตแ์ ละปรบั ใช้กบั พนื้ ที่หรือหนว่ ยงานของตนเองได้

ข คำนำ การอบรมหลักสูตร ผู้บริหารการสาธารณสุขระดับกลาง (ผ.บ.ก.) รุ่นที่ 36 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีขึ้น เพื่อพัฒนาเสริมสร้างบุคลากรทางด้านสาธารณสุขให้เกิดความรู้ ทักษะ และสมรรถนะ เพ่ือเป็น ผู้บริหารและผู้นำการเปล่ียนแปลงท่ีมีประสิทธิภาพ ในการรองรับภารกิจท้ังในปัจจุบันและอนาคต การฝึกทักษะ การวางแผนเชิงกลยุทธ์จากสถานการณ์จริงในระดับตำบล โดยการเรียนรู้แบบ Community-based Learning : CBL ที่มีกิจกรรมการแลกเปล่ียนความรู้ ความเข้าใจ และสร้างความรู้ใหม่ที่เกิดจากความเข้าใจ จากการศึกษา ร่วมกัน จนกระท่ังเกิดมุมมองใหม่ในกรอบความคิดของปัญหาท่ีต้องการศึกษาร่วมกัน และเกิดการประสาน ความ ร่วมมือในการเรียนรู้ร่วมกัน (collaborative learning) รายงานการศึกษาน้ี เป็นการศึกษาจากพื้นท่ีจริงในตำบล ขามป้อม อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น เป็นการศึกษา ข้อมูลปัญหาสาธารณสุข ท่ีส่งผลต่อภาวะสุขภาพ พร้อม นำข้อมูลมาวิเคราะห์ หาส่ิงท่ีต้องพัฒนาในพ้ืนท่ีศกึ ษามาดำเนินการแก้ปัญหา โดยจดั ทำแผนยุทธศาสตร์ในสถานท่ี จริงระดับตำบล การฝึกภาคสนามในคร้ังนี้ ดำเนินการสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี โดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่ง จาก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลขามป้อม เครือข่ายสุขภาพตำบลขามป้อม สำนักงานสาธารณสุขอำเภอพระยืน โรงพยาบาลพระยืน รวมทง้ั อาจารย์ที่ปรึกษา ที่ได้ใหค้ ำแนะนำ และอำนวยความสะดวกในการฝึกอบรมภาคสนาม คณะผเู้ ขา้ รับการอบรมขอขอบพระคณุ ทกุ ๆ ทา่ น มา ณ โอกาสน้ี ผบก.กลุม่ ที่ 6 รุ่น 36/2566 วิทยาลัยการสาธารณสขุ สิรินธร จังหวดั ขอนแก่น

ค สารบัญ หนา้ บทสรปุ สำหรบั ผูบ้ ริหาร………………..…………………………………………………………………………………….. ก คำนำ……………………………….………...………………………………………………………..……..............…………. ข สารบัญ……………………………………………………………………………………………………………………………... ค สารบญั ตาราง...…………………………………………………………………………………………………………………. จ สารบญั รูปภาพ………………………………………………………………………………………………………………….. ฉ ส่วนท่ี 1 ข้อมลู ทั่วไป ขอ้ มูลพ้ืนฐาน................................................................................................................................ 2 ดา้ นการเมืองการปกครอง……………………………………………………...……………………..………………… 6 ประชากร.......…………………………………………………………………………...……………………..………….... 7 สภาพทางสงั คม.....................................................……………………………………………………............ 8 ระบบบริการพ้ืนฐาน……………………………………………………………………………………………………….. 10 ระบบเศรษฐกจิ .......................……………………......…….................................................................. 11 ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม.............................…………………………..…………………………………...... 13 ทรัพยากรธรรมชาติ.………………………………………………………………………………..........................… 16 ส่วนท่ี 2 ข้อมูลทรัพยากรสาธารณสขุ และสถานะสุขภาพ ขอ้ มูลทรพั ยากรสาธารณสุข………………………............................................................................... 19 ขอ้ มลู สถานะสุขภาพ…………………………………………………………………………………………..……........ 20 สว่ นที่ 3 วรรณกรรมที่เกย่ี วขอ้ ง การบรหิ ารเชงิ กลยุทธ์ (Strategic Management)…………………………………………………………… 25 แนวคิด Six Building Blocks………………………………………………………………………………………….. 27 PESTEL Analyis.......................................................................................................................... 30

สว่ นที่ 4 วิเคราะหป์ จั จัยที่เกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพ ง ยทุ ธศาสตรช์ าติ ระยะ 20 ปี…………………………………………………………………………………….......... แผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (ด้านสาธารณสขุ ) กระทรวงสาธารณสขุ ……………….............. 32 นโยบายนายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดขอนแกน่ (ด้านการพัฒนาคุณภาพคนและสงั คม)......... 33 ยทุ ธศาสตร์สขุ ภาพระดับพื้นที่องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ขอนแกน่ ..............……………….............. 34 วสิ ยั ทศั น์ พันธกิจ ของสำนักงานสาธารณสุขอำเภอพระยืน .......................………………............... 35 ยุทธศาสตรข์ ององค์การบริหารสว่ นตำบลขามป้อม ………………................................................... 38 ปัญหาสำคัญในพ้ืนที่ตำบลขามป้อม ............................................................................................ 38 เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการเก็บรวบรวมข้อมลู และวิเคราะหป์ ัญหาสาธารณสุขในพื้นที่.......................... 41 42 สว่ นที่ 5 วเิ คราะหส์ ถานการณ์และการวางแผนยุทธศาสตร์ การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมองค์กร (SWOT Analysis)………………………………………………………. 46 การวิเคราะหบ์ ริบทเชงิ กลยุทธ์...................................................................................................... 51 การจดั ลำดบั ความสำคัญของกลยุทธ.์ ........................................................................................... 52 55 ส่วนที่ 6 ยทุ ธศาสตรส์ าธารณสขุ รพ.สต.ขามปอ้ ม 55 เป้าประสงค์ (Purpose)………………………………………………………................................................. 55 ตัวชี้วดั เปา้ ประสงค.์ ...................................................................................................................... 55 วิสยั ทศั น์ (Vision)......................................................................................................................... 55 พันธกจิ (Mission)………………………………………………………………………………………………………….. 55 ประเด็นยทุ ธศาสตร์...................................................................................................................... 56 กลยทุ ธ.์ ......................................................................................................................................... 56 วัตถปุ ระสงค์เชงิ กลยทุ ธ์ (Strategic Objective).......................................................................... 56 ตวั ช้ีวดั กลยุทธ.์ .............................................................................................................................. 57 แผนปฏบิ ตั กิ ารพฒั นางานสาธารณสขุ รพ.สต.ขามป้อม (Action Plan)……….……………………….. 60 61 ข้อเสนอเพื่อพัฒนา……………………………………………………………………………………………………………. 62 บรรณานุกรรม……………………………………………………………………………………………………………........ ภาคผนวก…………………………………………………………………………………………………………………………

สารบัญตาราง จ หนา้ ตารางท่ี 1 แสดงข้อมูลจำนวนหมู่บ้านในเขตตำบลขามป้อม.............................................................……. 6 ตารางท่ี 2 แสดงข้อมลู ประชากรตำบลขามปอ้ มแยกรายหมบู่ ้าน.....................................................……. 8 ตารางที่ 3 แสดงสัดสว่ นบคุ ลากรสาธารณสุขต่อประชากรของ รพ.สต.ขามป้อม.................................... 19 ตารางท่ี 4 การประเมนิ ตนเองตามเกณฑ์คุณภาพและมาตรฐานในการใหบ้ รกิ ารสขุ ภาพปฐมภูมิ.......... 22 ตารางที่ 5 แผนงานโครงการแกไ้ ขปญั หาในพ้นื ท่ี ปี 2566...................................................................... 23 ตารางท่ี 6 การจัดลำดับความสำคัญของปญั หาในพืน้ ท่ีตำบลขามป้อม.................................................. 41 ตารางที่ 7 วเิ คราะหส์ าเหตุของปญั หา “ประชาชนในชมุ ชนเสยี ชีวิตดว้ ยภาวะหวั ใจล้มเหลว................ 43 ตารางท่ี 8 แสดงผลการวเิ คราะห์ปจั จยั ภายใน........................................................................................ 46 ตารางท่ี 9 แสดงผลการวเิ คราะห์ปัจจยั ภายนอก..................................................................................... 47 ตารางท่ี 10 แสดงการจดั ลำดับความสำคัญของปัจจยั ภายในและปัจจยั ภายนอก ตามหลกั SWOT Analyis ………………………..…………………………………………………………………………….. 48 ตารางท่ี 11 แสดงการวเิ คราะห์บริบทเชิงกลยุทธ์.................................................................................... 51 ตารางท่ี 12 แสดง TOWS Matrix ของ รพ.สต.ขามป้อม........................................................................ 52 ตารางท่ี 13 การจดั ลำดับความสำคญั ของกลยทุ ธ์ รพ.สต.ขามป้อม........................................................ 52 ตารางที่ 14 แผนปฏิบัติการพฒั นางานสาธารณสุข รพ.สต.ขามปอ้ ม (Action plan)............................. 57

ฉ สารบญั รปู ภาพ รปู ภาพท่ี 1 แผนที่อำเภอพระยืน..............…………………………………....………………………………….... หนา้ รูปภาพท่ี 2 แผนท่ตี ำบลขามปอ้ ม.....................................................................……………………….. 3 รปู ภาพที่ 3 ปิรามดิ ประชากรตำบลขามป้อม.......................................................…………………….. 7 รปู ภาพท่ี 4 แผนผงั การดำเนินงาน 3 หมอ รพ.สต.ขามป้อม......................................................... 7 รูปภาพที่ 5 ยุทธศาสตร์ความเป็นเลศิ ของกระทรวงสาธารณสุข......................………………………... 19 รูปภาพที่ 6 กราฟ TOWS Matrix ของ รพ.สต.ขามป้อม.......................................…………………... 34 50

1 สว่ นที่ 1 ขอ้ มลู ทวั่ ไป

2 สว่ นที่ 1 ขอ้ มูลทั่วไป 1. ข้อมลู พน้ื ฐาน 1.1 ทต่ี ้ังของหมู่บ้านหรือชมุ ชนหรือตำบล (1) ประวตั ติ ำบลขามปอ้ ม บ้านขามปอ้ ม ตำบลขามปอ้ ม อำเภอพระยืน จงั หวัดขอนแกน่ จากคำบอกเล่าของผู้เฒา่ และผูน้ ำหมู่บ้าน ทีเ่ ล่าสบื ตอ่ กันมา เมอ่ื พ.ศ. 2419 ตรงกบั วันข้นึ 6 คำ่ เดอื น 12 ปีชวด พอ่ ขุนภักดี (ลี ขุ่ยร้านหญ้า) ได้นำพาชาวบ้าน จำนวน 8 ครัวเรือน อพยพหนีภัยน้ำท่วมจากบ้านหนองวังปา ปัจจุบันเป็นเนินบ้านเก่าในพื้นที่บ้านโพธิ์ขุมดิน ตำบล พระบุ มาตั้งบา้ นเรือนกนั ใหม่ทีโ่ คกมะขาม ด้วยเหน็ ว่ามีลักษณะ ภมู ปิ ระเทศที่เหมาะสมอย่างมาก กล่าวคือทำเลที่ต้ัง บ้านเรอื นเป็นพื้นท่สี ูง นำ้ ไมท่ ว่ ม บรเิ วณโดยรอบโคกมะขามป้อมนั้น เป็นพน้ื ทร่ี าบลุ่ม กว้างใหญ่ มลี ำห้วยอุ้ยไหลผ่าน และมีหนองน้ำจำนวนมากอยู่รายรอบหมู่บ้านทัง้ สี่ทิศ มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรพั ยากร โคกป่าไม้และท้องทุ่งเหมาะ แก่การทำนา ทำสวนมาก จึงเริ่มปลกู บ้านเรือนขึ้นบริเวณนี้ และถือเอาลักษณะภูมิประเทศที่โดดเด่นเป็นช่ือบ้าน เพื่อ ความเจริญรงุ่ เรอื ง ในระยะแรกของการสร้างบ้าน ชาวบ้านเรียกหมบู่ ้านตนเองวา่ “บา้ นใหม่โคกขามป้อม” ตอ่ มาพอ่ ขนุ ภกั ดี เป็นหัวหนา้ คณะก่อตั้งหมู่บ้าน จงึ ได้รับการแตง่ ตั้งจากทางราชการใหเ้ ป็นผ้กู วนบ้าน (ผู้ใหญ่บ้านคนแรก) และตั้งชื่อหมู่บ้านอย่างเป็นทางการว่า “บ้านขามป้อม” ขึ้นต่อตำบลพระบุ อำเภอเมือง จังหวดั ขอนแกน่ ในปี พ.ศ. 2531 กิ่งอำเภอพระยืนได้ยกฐานะเป็นอำเภอพระยืน ขณะเดียวกันได้มีการแยกเขต ปกครองของตำบลพระบอุ อกเปน็ ตำบลพระบุและตำบลขามป้อม (2) ท่ตี ั้ง/อาณาเขต ตำบลขามป้อม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอพระยืน ระยะทางห่างจากตัวอำเภอ ประมาณ 6 กโิ ลเมตร ตามเส้นทางหลวงจงั หวดั หมายเลข 2062 (ขอนแกน่ -มญั จาคีร)ี มพี ื้นทีท่ ัง้ หมด 33.15 ตาราง กโิ ลเมตร มอี าณาเขตตดิ ต่อ ดงั น้ี

3 ทศิ เหนอื ตดิ ตอ่ กับ ตำบลหนองแวง อำเภอพระยนื จังหวดั ขอนแก่น ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลพระบุ อำเภอพระยนื จังหวดั ขอนแก่น ทิศตะวันออก ตดิ ตอ่ กับ ตำบลบา้ นโต้น อำเภอพระยืน จงั หวัดขอนแก่น ด้านทศิ ตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลพระยืน อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น รูปภาพท่ี 1 แผนท่ีอำเภอพระยืน 1.2 ลกั ษณะภูมิประเทศ ตำบลขามป้อม มีลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นลูกคลื่นลอนตื้น พื้นที่จะลาดเทจากด้านทิศ ตะวันตกไปทางทิศตะวันออก มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 160-170 เมตร 72% ของพื้นที่ในตำบลใช้ในการ ทำนา พื้นที่ดอนใช้ปลูกพืชไร่ พื้นที่ป่าในตำบลขามป้อมเป็นป่าเบญจพรรณ แต่มีค่อนข้างน้อย ส่วนมากอยู่ตาม ปลายไร่นา 1.3 ลกั ษณะภูมอิ ากาศ จากสภาพทต่ี ง้ั ของตำบลขามปอ้ ม สามารถแบ่งฤดกู าลออกได้ 3 ฤดู คอื ฤดูฝน เริ่มประมาณเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุม ตะวนั ตกเฉียงใต้ ซ่ึงพดั พาเอาความช้ืนมาจากมหาสมุทรอนิ เดีย ฤดูหนาว เรม่ิ ประมาณเดอื นพฤศจิกายน ถึงเดือนกมุ ภาพันธ์ ซ่งึ เป็นช่วงระยะเวลาทมี่ อี ากาศหนาว เย็น ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจนี

4 ฤดรู อ้ น เรม่ิ ประมาณเดือนมีนาคม ถงึ เดอื นเมษายน อากาศจะร้อนอบอา้ ว อุณหภมู ิสูง โดยไดร้ ับ อทิ ธพิ ลจากร่องมรสุมตะวนั ออกเฉยี งใต้ ซงึ่ พดั พาเอาอากาศร้อนข้นึ มาจากทะเลจนี ใต้ อุณหภมู ิ จากข้อมูลของสถานีที่ตรวจอากาศ หมวดอุตุเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปี 2559 ซึ่งเป็นจุดตรวจวัด ที่ใกล้อำเภอพระยืนมากที่สุด พบว่าอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี ประมาณ 29.1 องศาเซลเซียส อุณหภมู สิ ูงสดุ ในเดือนเมษายน เฉล่ียประมาณ 33.8 องศาเซลเซยี ส และอุณหภมู ติ ่ำสดุ ในเดือนธนั วาคม เฉลย่ี 22.9 องศาเซลเซยี ส ความชืน้ สมั พทั ธ์ จากข้อมูลของสถานที่ตรวจอากาศดังกล่าว พบว่าความชื้นสัมพัทธ์ ตลอดปี 2553 ของจังหวัด ขอนแก่น ประมาณ 70% ช่วงที่มีความชื้นสัมพัทธ์สูงที่สุด คือ เดือนกันยายน ประมาณ 85% ช่วงที่มีความชื้น สัมพัทธ์ตำ่ สดุ อย่คู อื เดอื นมีนาคม ประมาณ 55% 1.4 ลักษณะของดิน ความอุดมสมบูรณ์ของดินในตำบลขามป้อมจะมีมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับแหล่งวัตถุต้นกำเนิด ดนิ ลกั ษณะภูมิประเทศ ลกั ษณะการใชป้ ระโยชน์เปน็ สำคัญ ซ่งึ สามารถแบ่งตามลักษณะการกำเนิดของดนิ ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุม่ 1 ดินทเ่ี กิดในทีร่ าบน้ำทว่ มถงึ จดั เป็นดนิ ทม่ี คี วามอุดมสมบรู ณ์ปานกลางจนถงึ ความอุดม สมบรู ณ์ตำ่ มีพืน้ ท่ไี ม่มากนกั แบง่ ตามสภาพท่เี กดิ เป็น 2 กลุม่ ย่อย ได้แก่ -ดนิ ที่เกิดรมิ แมน่ ้ำ พบบรเิ วณแคบ ๆ ขนานไปตามแม่นำ้ ชี ดินกลุม่ นี้มีความอุดมสมบรู ณส์ ูง แต่ มักประสบปัญหาน้ำท่วม พืชผลไดร้ บั ความเสยี หายได้ -ดินที่เกิดในที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง มีความอุดมสมบูรณ์ปานกลางถึงสูง ทำนาได้ผลผลิตสูง โครงสรา้ งเปน็ ดินเหนยี ว กลุ่ม 2 ดินที่เกิดในที่ราบต่ำของตะพักลำน้ำ บริเวณนี้พื้นที่จะราบเรียบหรือค่อนข้างราบเรียบ สมำ่ เสมอ ใช้ในการทำนา แบ่งออกเป็น 2 กลมุ่ ย่อย ดังน้ี

5 -ดินร่วนปนทรายที่มีหน้าดนิ ลึก เป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ การระบายน้ำดปี านกลางถงึ ดี ชุดดนิ ท่ีพบมาก ได้แก่ ชุดดินรอ้ ยเอ็ด -ดนิ เค็ม เปน็ ดินรว่ นปนทราย มีชัน้ หินเกลอื รองรบั อยูข่ ้างล่าง บริเวณทีม่ ีการแพร่กระจายของดิน เค็มมากในบริเวณที่เป็นดินชุดร้อยเอ็ด ชดุ ดินโคราชและโพนพสิ ยั ได้แก่ บริเวณบา้ นบ่อแก บ้านหนองทุ่งมน บ้าน บ่อทอง บา้ นชาด บา้ นน้อยชานบงึ และบา้ นขามปอ้ มบางส่วน กลมุ่ 3 ดนิ ที่เกดิ บนท่สี ูงเกิดในสภาพพื้นทต่ี ะพกั ลำนำ้ ระดับปานกลาง ไดแ้ ก่ -ดินตื้นมีเศษหินและลูกรังปน จะพบกวาดและลูกรังบริเวณผิวดิน มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ยังมี สภาพเปน็ ป่าละเมาะ พบมากบรเิ วณบ้านขามป้อม ชุดดนิ ที่พบในบริเวณน้ีได้แก่ ชุดดินโพนพิสยั 1.4.1 สมรรถนะของดิน (1) ชุดดินร้อยเอ็ด มีประมาณ 68.4% ของพื้นที่ตำบล สภาพพื้นที่ราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบ เนื้อดินมีลักษณะร่วนปนทราย, ทรายปนร่วน สีน้ำตาลเข้มถึงสีเทา ดินล่างเป็นดินร่วน ดินร่วนเหนียวปนทราย ความเปน็ กรดดา่ ง 5.0-5.5 ปริมาณอินทรียวัตถุท่ัวถึงปานกลางเหมาะสมในการทำนาปานกลาง พบบริเวณบ้านบ่อ แก และบา้ นหนองทงุ่ มน (2) ชุดดินโคราช มีประมาณ 20.5% ของพื้นที่ตำบล สภาพพื้นที่เป็นลูกคลื่นลอนลาด เนื้อดินเป็น ดินร่วนปนทราย สีน้ำตาลเข็มปนเทา หน้าดินลึก การระบายน้ำดีปานกลาง ดินชั้นล่างเป็นดินเหนียวปนทราย ความเป็นกรด 5.0-6.0 ปริมาณอินทรียวัตถุต่ำ เหมาะกับการปลูกพืชไร่ ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ บริเวณใกล้หมู่บ้านใช้ ปลูกไม้ผลและพชื ผกั พบบริเวณบา้ นน้อยชานบงึ และบา้ นชาด (3) ชุดดินโพนพิสยั มีประมาณ 8.7% ของพื้นที่ตำบล สภาพภูมิประเทศเป็นคลื่นลอนลาด เนื้อดิน เป็นดินร่วนปนทราย ความเป็นกรดด่าง 5.0-6.0 ปริมาณอินทรียวัตถุต่ำ เหมาะสมปานกลางสำหรับการปลูกข้าว และไมผ้ ลยืนต้นพบบรเิ วณบ้านบ่อแก บ้านบ่อทอง (4) ชุดดินน้ำไหลทรายมูล มีประมาณ 2.4 เปอร์เซ็นต์ เนื้อดินค่อนข้างเหนียว ความอุดมสมบูรณ์ ของดนิ สูง การกระบายน้ำดปี านกลาง พบมากบรเิ วณลุ่มแม่น้ำชี พบบรเิ วณบา้ นหนองทุง่ มน

6 1.4.2 การแพรก่ ระจายของดนิ เค็ม ดินเค็มมีการแพร่กระจายอยู่ทุกหมู่บ้าน ความรุนแรงมากน้อยขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่และการใช้ ประโยชน์ทด่ี ินของแตล่ ะแหง่ จำแนกออกได้ 3 ระดบั คอื 1. บริเวณทีไ่ ด้รับผลกระทบมากท่สี ุด คือบริเวณบา้ นบอ่ แกหมู่ที่ 4,11 เปน็ ชดุ ดินร้อยเอ็ด 2. บริเวณที่มกี ารแพร่กระจายของดนิ เคม็ ปานกลาง มีตั้งแต่นาดอนไปจนถึงนาลุ่มปกติ ในบริเวณ ทเี่ ปน็ ชุดดนิ ร้อยเอด็ โคราช และโพนพิสยั ไดแ้ ก่ บรเิ วณบา้ นหนองทงุ่ มน และบา้ นบอ่ ทอง 3. บริเวณที่มีการแพร่กระจายของดินเค็มน้อย พบมากบริเวณนาดอนเขตตอนกลางของตำบล ไดแ้ ก่พ้ืนทข่ี องบา้ นชาด หมูท่ ี่ 3 และหมู่ที่ 9 บา้ นนอ้ ยชานบึง หมทู่ ่ี 2 และมบี างส่วนของบา้ นขามป้อมหมู่ท่ี 1 และ หมทู่ ี่ 8 2. ดา้ นการเมืองการปกครอง 2.1 เขตการปกครอง ตำบลขามป้อม อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแกน่ แบง่ การปกครองเปน็ 11 หมบู่ ้าน ดังนี้ ตารางท่ี 1 แสดงข้อมูลจำนวนหมูบ่ า้ นในเขตตำบลขามป้อม หมู่ที่ ช่อื บ้าน ผู้ปกครอง 1 บา้ นขามป้อม นายจตุรงค์ อบสกุ ลิ่น 2 บ้านน้อยชานบงึ นายจริ ากร กองเคน 3 บา้ นชาด นายอทุ ัย คณะหมวด 4 บา้ นบ่อแก นายสงดั บุดดา 5 บ้านหนองทงุ่ มน นายสพุ จน์ บุตรทะนา 6 บา้ นบ่อทอง นายบุญกอง บตุ รพา 7 บ้านโพธ์ทิ อง นายวโิ รจน์ ทองแพง 8 บ้านขามป้อม นายสมยั โงะ๊ บุดดา (กำนนั ตำบลขามป้อม) 9 บ้านชาด นายณัฐวุฒิ เพียสังกะ 10 บ้านโพธท์ิ อง นายธนภูมิ นอ้ ยวัน 11 บา้ นบ่อแก นายสง่า ไชยหนองแข้

7 รูปภาพท่ี 2 แผนที่ตำบลขามป้อม 3. ประชากร รปู ภาพท่ี 3 ปิรามิดประชากรตำบลขามป้อม

8 3.1 ข้อมูลประชากร ตำบลขามป้อม มปี ระชากรทั้งส้นิ จำนวน 5,739 คน แยกเปน็ เพศชาย จำนวน 2,751 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 47.9 เพศหญงิ 2,988 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 52.1 โดยสามารถแยกเป็นรายหมบู่ า้ นได้ดังน้ี ตารางที่ 2 แสดงข้อมลู ประชากรตำบลขามปอ้ มแยกรายหมบู่ ้าน หมู่ที่ บ้าน ชาย หญิง จำนวนประชากร จำนวนครวั เรอื น 313 1 บ้านขามป้อม 382 424 806 169 214 2 บ้านนอ้ ยชานบงึ 247 285 532 163 67 3 บ้านชาด 278 298 576 138 177 4 บ้านบอ่ แก 274 308 582 137 198 5 บ้านหนองทุ่งมน 115 108 223 151 138 6 บ้านบ่อทอง 213 212 425 1,865 7 บ้านโพธ์ทิ อง 282 312 594 8 บา้ นขามป้อม 200 196 396 9 บา้ นชาด 284 316 600 10 บา้ นโพธ์ิทอง 250 284 534 11 บ้านบอ่ แก 226 245 471 รวม 2,751 2,988 5,739 4. สภาพทางสงั คม จำนวน 1 แห่ง จำนวน 4 แหง่ 4.1 การศึกษา จำนวน 1 แหง่ จำนวน 1 แห่ง สถานศึกษา ศูนย์พัฒนาเดก็ เล็ก โรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา ศนู ยก์ ารเรยี นตำบลขามป้อม

9 4.2 สาธารณสขุ ตำบลขามป้อม มีโรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพตำบล จำนวน 1 แห่ง ดูแลรับผิดชอบประชาชนใน พนื้ ทต่ี ำบลขามป้อม จำนวน 11 หมู่บา้ น โรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพตำบล มเี จ้าหน้าที่ 5 คน ประกอบด้วย 1) นางวนดิ า พลเชยี งสา นักวชิ าการสาธารณสุขชำนาญการ (ผอ.รพ.สต.ขามป้อม) 2) น.ส.อรวรรณ สนิ ค้า เจา้ พนกั งานสาธารณสุขชำนาญงาน 3) นางหฤทัย สงั วิบตุ ร เจา้ พนกั งานสาธารณสขุ ชำนาญงาน 4) นายยุทธนา แก้วมดื เจ้าพนักงานทนั ตสาธารณสุขชำนาญงาน 5) น.ส.นริ มล นามสี ลูกจา้ งชั่วคราว และมอี าสาสมัครสาธารณสขุ ประจำหมู่บา้ นตำบลขามป้อม จำนวน 135 คน (อสม. 1 คน รับผิดชอบ 6 - 8 หลงั คาเรือน) 4.3 อาชญากรรม ตำบลขามป้อมอยู่ภายใต้การกำกับดูแลและควบคุมของสถานีตำรวจภูธรอำเภอพระยื น อาชญากรรมรุนแรงไม่ค่อยมี จะมบี า้ งคอื การลกั เล็กขโมยนอ้ ย 4.4 ยาเสพตดิ ตำบลขามป้อมยงั มปี ญั หายาเสพตดิ ระบาดในกลุม่ วยั รุ่น และมกี ารม่วั สมุ ตามสวนสาธารณะ 4.5 การสังคมสงเคราะห์ ตำบลขามป้อม มีกองทุนต่าง ๆ อยู่ในหมู่บ้านทุกหมู่บ้าน ส่วนใหญ่เกิดจากการจัดตั้งของ หน่วยงานภาครัฐ เพื่อเป็นการสงเคราะหช์ ว่ ยเหลือประชาชน พอสรุปไดด้ ังนี้ 1. กลุ่มกิจกรรมกองทุนยาและเวชภัณฑ์ สนับสนุนการดำเนินงานโดยสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ พระยนื 2. กองทุนกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการเกษตร สนับสนุนการดำเนินงานโดยสำนักงานพัฒนาชุมชน อำเภอพระยืน 3. กองทุนหมู่บ้านหรือชุมชนเมือง เป็นนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชน ให้หมดไป เป็นวธิ ีการทเี่ ปดิ โอกาสใหป้ ระชาชนเข้าถึงแหล่งทุน ใชภ้ ูมปิ ญั ญา ประสบการณ์ ความรูแ้ ละศกั ยภาพของคนในการ

10 กำหนดวิธีการบริหารจัดการกองทุน อาศัยหลักการทำงานแบบมสี ่วนรว่ ม ทำให้เกิดการพัฒนาคน สร้างอาชีพและ รายไดใ้ ห้ครอบครัว ให้อยู่ดกี ินดี และพ่ึงพาตัวเองได้ 4. กองทุนสวัสดิการชุมชน สนับสนุนการดำเนินงานโดยองค์การบริหารส่วนตำบลขามป้อม 5. กลมุ่ ฌาปนกจิ สงเคราะห์ เพอ่ื สงเคราะห์ศพของประชาชนภายในหมูบ่ า้ น 5. ระบบบริการพ้นื ฐาน 5.1 การคมนาคมขนสง่ ตำบลขามป้อม มีเส้นทางคมนาคมติดต่อกันสะดวกทั้งภายในตำบลและภายนอกตำบล มีทาง หลวงหมายเลข 2062 (ขอนแก่น – มัญจาคีรี) ตัดผ่านทำให้สามารถติดต่อกับตัวจังหวัดและอำเภอ และเชื่อมต่อ จังหวัดอื่นๆ ได้สะดวก ภายในตำบลขามป้อมมีถนนลาดยางและถนนลูกรังติดต่อระหว่างตำบลและหมู่บา้ นต่าง ๆ หลายสาย ซึ่งใช้งานได้สะดวกตลอดทั้งปี ถนนสายสำคัญภายในตำบล ได้แก่ สายถนนบ่อแก –บ้านโต้น ผ่านบ้าน ชาด บา้ นน้อยชานบึง บ้านขามปอ้ ม และบ้านโพธทิ์ อง ตามลำดบั และมจี ำนวนถนนเชอ่ื มต่อภายในตำบลดงั น้ี ถนนคอนกรตี จำนวน 49 สาย ถนนลาดยาง จำนวน 3 สาย ถนนลูกรงั จำนวน 30 สาย 5.2 การไฟฟา้ ตำบลขามป้อมมไี ฟฟ้าเข้าถึงทกุ หมู่บ้าน 5.3 การประปา มรี ะบบประปาหม่บู ้านทุกหมู่บา้ น 5.4 โทรศัพท์ สว่ นใหญ่จะใชโ้ ทรศพั ทม์ ือถือส่วนตัว และมโี ทรศพั ท์ใช้เกือบ 100 % 5.5 ระบบโลจสิ ติกส์ (Logistics) หรอื การขนส่ง ระบบไปรษณียห์ รือการสอ่ื สารหรอื การขนส่งและวสั ดุครุภณั ฑต์ ำบลขามปอ้ ม โดยที่ทำการ ไปรษณีย์อำเภอพระยืนใหบ้ รกิ ารรบั ส่งวัสดุ ครุภัณฑใ์ นพ้นื ท่ี และระบบขนส่งวัสดคุ รภุ ณั ฑข์ องบรษิ ัทเอกชนต่างๆ

11 6. ระบบเศรษฐกจิ 6.1 การเกษตร ประชาชนในตำบลขามป้อม สว่ นใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร โดยการทำนาขา้ วเป็นหลัก ตำบล ขามป้อม มีพื้นที่ถือครองทั้งหมดประมาณ 20,595 ไร่ มีพื้นที่ถือครองเพื่อการเกษตร 11,898 ไร่ คิดเป็น 57.77 ของพื้นทถี่ อื ครองทง้ั ตำบล โดยแยกเป็น ที่นา จำนวน 11,039 ไร่ ทีไ่ ร่ จำนวน 747 ไร่ ไม้ผลไม้ยืนตน้ จำนวน 90 ไร่ พชื ผกั จำนวน 24 ไร่ 6.2 การประมง เกษตรกรในตำบลขามป้อมมีการเลี้ยงปลาน้อยมาก เนื่องจากสภาพพื้นที่ไม่เอื้ออำนวย คือแหล่ง น้ำธรรมชาติ น้ำที่เกษตรกรสร้างขึ้นเองมีจำนวนน้อยมาก การเลี้ยงปลาที่ทำกันส่วนมากจะเลี้ยงไว้บริโภคใน ครัวเรือน ส่วนที่เหลือจึงจะขายให้แก่เพื่อนบ้าน ชนิดปลาที่เลี้ยง ได้แก่ ปลานิล ปลาไน ปลาตะเพียน และปลา นวลจันทร์ การเลี้ยงปลาจะเลี้ยงในบ่อดิน จะทำเฉพาะรายที่มีบ่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตร ซึ่งมีอยู่กระจายทุก หมบู่ ้าน 6.3 การปศสุ ตั ว์ เกษตรกรในตำบลขามปอ้ มนยิ มเลยี้ งสตั ว์หลายชนิด มที ้งั สัตวใ์ หญ่ และสัตวเ์ ลก็ ไดแ้ ก่ ววั สกุ ร ไก่ การเลี้ยงสัตว์ของตำบลขามป้อม แต่ละชนิดมีความสัมพันธ์กับจำนวนครัวเรือนเกษตรกร พื้นที่ ทำเลเลี้ยงสัตว์ ป่า ไม้ การใช้รถไถนา แหล่งนำ้ และโรงสี 6.4 การบรกิ าร (1) ป๊มั น้ำมนั จำนวน 2 แห่ง (2) รา้ นค้า จำนวน 32 แหง่ (3) ร้านเสริมสวย จำนวน 10 แห่ง (4) รา้ นซ่อมเคร่ืองยนต์ จำนวน 11 แหง่ (5) ร้านตดั เย็บเสือ้ ผ้า จำนวน 3 แหง่

12 6.5 การท่องเท่ียว แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วภายในตำบลขามป้อม ประกอบไปด้วย พพิ ธิ ภัณฑช์ มุ ชนวัดสระโนน, “สิม” หรือ อโุ บสถท่ีทำด้วยดินเหนียว มอี ายนุ ับรอ้ ย ๆ ปี ท่ีวัดสระโนน, พิพธิ ภณั ฑ์กลางแจ้ง วัดสระโนน, ศาลาการเปรียญ วัด สระโนน, พระอโุ บสถวัดสระโนน 6.6 อตุ สาหกรรม (1) อุตสาหกรรมโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง จำนวน 1 แหง่ (2) จำนวนกิจกรรมอุตสาหกรรมขนาดเล็ก (โรงสีข้าว) จำนวน 11 แห่ง 6.7 การพาณชิ ย์และกลมุ่ อาชีพ ประชากรส่วนใหญ่ในตำบลขามป้อม ประกอบอาชีพทางการเกษตรเป็นหลัก ได้แก่ การทำนา ทำสวน เล้ยี งสัตว์ คา้ ขาย และยังพบวา่ มปี ระชากรกลุม่ หน่ึงประกอบอาชีพ รบั จ้างทว่ั ไป และรบั ราชการ อาชีพประชากร (1) อาชีพเกษตรกรรม จำนวน 1,575 ครัวเรอื น (2) อาชพี อุตสาหกรรมในครัวเรอื น จำนวน 4 ครัวเรือน (3) อาชพี รับจ้างทวั่ ไป จำนวน 96 ครวั เรอื น (4) อาชีพเลยี้ งสตั ว์ จำนวน 11 ครัวเรอื น (5) อาชีพคา้ ขาย จำนวน 150 ครัวเรือน (6) รับราชการ จำนวน 29 ครวั เรือน 6.8 แรงงาน การใชแ้ รงงานในกิจกรรมการเกษตรสว่ นใหญ่ เกษตรกรจะใช้แรงงานในครอบครวั และมีการจ้าง แรงงานเพิ่มเติมในช่วงที่ต้องการความรวดเร็ว เช่น กิจกรรมการปลูกข้าว เกี่ยวข้าว และนวดข้าวนาปี การจ้าง แรงงานเพ่อื กิจกรรมการเกษตร 2 ลักษณะ คอื 1. จา้ งเป็นรายวนั อตั ราค่าจ้าง 300 บาท/วนั ส่วนใหญจ่ า้ งเกบ็ เกยี่ วขา้ ว 2. จ้างแบบเหมา ส่วนใหญ่จ้างในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การนวดข้าวด้วยเครื่องจักร การเกี่ยวข้าว การปักดำนา เป็นต้น มีการเคลื่อนย้ายแรงงานของเกษตรกรไปทำงานต่างถิ่น ในช่วงเสร็จจากฤดูเก็บเกี่ยว มีผู้ไป ทำงานทง้ั เพศชายและเพศหญงิ สว่ นใหญอ่ ายุระหวา่ ง 15-50 ปี ลกั ษณะการไปทำงานมีหลายลักษณะทั้งไปเช้าเย็น กลับ ไปเฉพาะช่วงว่างงานจากไร่นา ไม่น้อยกว่า 3 เดือน และไปมากกว่า 3 เดือน ประเภทงานที่ไปทำได้แก่ งาน อุตสาหกรรมโรงงาน งานรบั จ้างและงานบริการตา่ ง ๆ

13 7. ศาสนา ประเพณี วฒั นธรรม 7.1 การนับถือศาสนา ประชากรในตำบลขามป้อมส่วนใหญน่ ับถือศาสนาพุทธ 7.2 ประเพณแี ละงานประจำ ความเชื่อเรื่องบุญเรื่องกรรม การสร้างสมบุญบารมีในกิจการทางศาสนาพุทธนั้น เป็นสิ่งที่ชาว ตำบลขามป้อมให้ความสำคัญ งานบุญงานกุศลใดกต็ ามจะได้รับความร่วมมือจากทุกคนเปน็ อย่างดี ดว้ ยความเช่ือว่า หากสร้างสมบญุ ได้มากก็จะทำใหส้ บายใจและมั่นใจไดว้ า่ ภพชาติหน้าตนจะมีความสุขย่งิ ๆ ขึน้ ไป โดยส่วนใหญ่แล้วประเพณีหรือพิธีกรรมของชาวตำบลขามป้อมจะเป็นประเพณีเกี่ยวกับการ ประกอบอาชีพทางการเกษตรและศาสนา ที่เด่นชัดที่สุด คือ ประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการทำนา โดยถือปฏิบัติตาม ประเพณหี รือขนบธรรมเนยี มโบราณ เรยี กวา่ “ฮตี 12” มดี ังนี้ เดอื นมกราคม - ทำบุญตกั บาตรสง่ ท้ายปีเกา่ ต้อนรับปีใหม่ เดือนกุมภาพันธ์ - ทำบุญข้าวจ่ี ชาวบ้านจะจีข่ ้าวหรือปิง้ ข้าวเหนยี วปั้นชุบไข่มาจากบ้านโดยไม่ จำกัดปริมาณ ตามความสะดวก แล้วนำมาสมทบกันที่วัดเพื่อใส่บาตรข้าวจี่และใส่บาตรข้าวเหนียวร่วมกัน นำ ดอกไม้มาถวายพระ ซึง่ มกั เปน็ ดอกไม้ทมี่ ีอยูใ่ นบรเิ วณบา้ น โดยการตักบาตรนน้ั จะทำตัง้ แต่เวลาประมาณ 7 นาฬิกา หลังจากนัน้ จะให้มกี ารเทศนห์ รอื หากมีประกาศสำคัญใดๆ ก็จะถือเป็นโอกาสดีในการได้กลา่ วต่อชาวบ้าน เพราะจะ มากนั คบั คง่ั เต็มศาลาวดั เมอ่ื เสรจ็ พิธีแล้วก็มกี ารแจกจ่ายข้าวจน่ี ้นั ให้แกผ่ ูม้ ารว่ มงานทกุ คน เดือนมีนาคม - ทำบุญมหาชาติ หรือบุญผะเหวด ตามคติความเชื่อของชาวอีสานที่ว่าหากผู้ใด ได้ฟังเทศน์เรื่องพระเวสสนั ดร ทั้ง 13 กัณฑ์จบภายในวันเดียว จะได้เกิดร่วมชาติภพกับพระศรีอริยเมตไตย บุญผะ เหวดนจี้ ะทำตดิ ต่อกันสามวัน โดย วันแรก เป็นวันจดั เตรียมสถานที่ ตกแต่งศาลาการเปรยี ญ วันที่สอง เป็นวันโฮม เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองพระเวสสนั ดร ชาวบ้านรวมทัง้ พระภิกษุสงฆ์จาก หมู่บ้านใกล้เคียงจะมาร่วมพิธี มีการจัดขบวนแห่เครื่องไทยทาน ฟังเทศน์และแห่พระเวส สมมติเป็นการแห่พระ เวสสนั ดรเขา้ สเู่ มอื ง เมอื่ ถงึ เวลาคำ่ จะมเี ทศน์ทแ่ี สดงท่มี าของประเพณีบุญผะเหวด วันที่สาม เป็นงานบุญพิธี มีการเทศน์พระเวสสันดรชาดก ชาวบ้านจะร่วมกันตักบาตร พิธีจะมีไป จนค่ำ ชาวบ้านจะแห่แหน ฟ้อนรำตั้งขบวนเรียงราย นำกัณฑ์เทศน์ กัณฑ์จอบ กัณฑ์หลอน มาถวายพระ พระสงฆ์ จะเทศน์เรื่องเวสสนั ดรชาดกจนจบ และเทศนอ์ านสิ งส์อีกกณั ฑ์หน่ึง จึงเสร็จพิธี เดือนเมษายน - รดน้ำดำหัววันสงกรานต์ บุญสงกรานต์ / บุญสรงน้ำ / บุญฮดสรง จะจัดใน วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย พระสงฆ์จะนำพระพุทธรูปออกจากโบสถ์มาไว้บริเวณที่ เหมาะสม เช่น หน้าโบสถ์ และจัดหาขันเงินหรือขันโลหะใบใหญ่ใส่น้ำ ดอกไม้ น้ำอบน้ำปรุง และขันเงินใบเล็กๆ

14 เตรียมไว้ให้ญาติโยมมาต้ังนำ้ สรงพระพุทธรูปนั้น หรือชาวบ้านอาจจะเตรียมนำ้ อบน้ำปรุงมาเองด้วยก็ได้ จากนั้นก็ ร่วมกันสรงน้ำพระพุทธรูป หรือสรงน้ำตามโอกาสสะดวกในช่วงกลางวัน ระหว่างน้ีชาวบ้านอาจจะพากันเล่นดนตรี เพ่อื ความสนุกสนาน ลูกหลานจะทำการไปเย่ียมและรดน้ำดำหวั ญาตผิ ู้ใหญ่ จากนัน้ จึงเล่นสาดนำ้ กนั โดยมากในวัน สงกรานต์นี้จะมีการทำบุญใส่บาตรในตอนเช้าด้วยเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้น ปีใหม่ ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ประสบแตค่ วามสุขความเจริญ ความก้าวหนา้ พ้นจากทุกข์ภยั ทั้งหลาย หากผู้ใดที่ประสบความทุกขย์ ากประการใด อยกู่ จ็ ะขอพรใหห้ ลุดพน้ จากความทุกข์น้นั และมีความเจริญร่งุ เรืองข้ึน เดือนพฤษภาคม - บุญบั้งไฟ เกษตรกรจะต้องจัดการเสี่ยงทายบั้งไฟเพื่อทราบสภาวะน้ำเพื่อ การเกษตรประจำปี เป็นการบูชาขอให้พญาแถนบันดาลฝนให้ตกลงมา และเพื่อเตรียมตัวในการทำเกษตรให้ สอดคล้องกับผลการเสยี่ งทายนนั้ เดอื นมถิ นุ ายน - บญุ เบิกบา้ น บญุ ซำฮะ (ชำระ) บุญเบกิ บ้านหรือบุญซำฮะหรือชำระ เกิดตาม ความเชื่อที่ว่าเมื่อถึงเดือนเจ็ดต้องทำบุญชำระจิตใจให้สะอาดและเพื่อปัดเป่ารังควาญสิ่งไม่เป็นมงคลออกจาก หมู่บ้าน ในวันงานชาวบ้านจะนำภัตตาหารมาถวายแด่พระภิกษุสงฆ์และร่วมกันฟังเทศน์ และมีการเซ่นไหว้ศาล หลักบ้าน เพื่อขอความคุ้มครองให้พน้ จากภัยพิบัติและชว่ ยขับไล่สิ่งอัปวมงคลออกไปจากหมู่บา้ น ให้บ้านเกิดความ เป็นสิรมิ งคลและร่มเยน็ เปน็ สุขดี เดือนกรกฎาคม - บุญเข้าพรรษา วันเข้าพรรษาเป็นพิธีกรรมของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาที่ ตอ้ งจำพรรษาทวี่ ัด ชาวบา้ นได้มีสว่ นร่วมทำคณุ งามความดีเพื่อชว่ ยเหลือพระสงฆ์อีกทางหนึ่งด้วย วันเข้าพรรษาจะ เรม่ิ ตั้งแตว่ นั แรม 1 คำ่ เดอื น 8 จนถึงวนั ขนึ้ 15 ค่ำเดอื น 11 เรยี กว่า ครบไตรมาส คอื 3 เดือนนีเ่ ป็นการเขา้ พรรษา ตน้ ส่วนการเข้าพรรษาหลังเร่ิมตั้งแตว่ ันแรมค่ำ 1 เดอื น 9 จนถึงวนั ขึ้น 15 ค่ำเดอื น 12 ขนมท่ีนิยมทำเพื่อนำมาใส่ บาตร ได้แก่ ขนมเทียน และข้าวต้มมัด พร้อมด้วยสิ่งของที่ที่นิยมเตรียมมาใส่บาตรด้วยส่วนใหญ่ คือ ข้าวของ เครื่องใช้ที่ผู้ทำบุญพิจารณาว่าจำเป็นสำหรับการจำพรรษา เช่น สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน รองเท้า ไฟฉาย ยาสามัญ ประจำบ้าน ผ้าไตรจีวร ผ้าอาบนำ้ ฝน ผ้าขนหนู ขนั น้ำ ธูป 1 ห่อ และเทียนพรรษา 1 คู่ เป็นต้น สำหรบั เทยี นทำบญุ วันเข้าพรรษานั้นถวายเพื่อจุดบูชาพระตลอด 3 เดือน เมื่อแห่เทียนมาถึงวัด ชาวบ้านจะรับศีลรับพรจากพระสงฆ์ และฟังธรรม ตอนค่ำจะเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ มีความเชื่อว่าการทำบุญในช่วงเข้าพรรษานั้นส่งผลบุญมาก ได้ผลเร็ว เพราะพระสามารถใช้สิ่งของท่ีถวายได้เลย และหากมิได้มีความเร่งรีบมากแล้วชาวบ้านก็มักจะทำการ เตรยี มข้าวของท่จี ะถวายพระเอง หรืออาจมกี ารซอื้ ของท่จี ดั ไวจ้ ำหน่ายสำเร็จรปู แลว้ มาเสริมดว้ ยเช่นกนั เดือนสงิ หาคม - บญุ ขา้ วประดับดนิ บญุ ข้าวประดับดิน คอื บญุ ที่ทำในวนั แรมสิบส่ีคำ่ เดือนเก้า (ประมาณเดือนสิงหาคม) เป็นการนำข้าวปลาอาหาร คาวหวาน ผลไม้ หมาก พลู บุหรี่ อย่างละเล็กอย่างละน้อย แล้วห่อด้วยใบตองทำเป็นห่อเล็กๆ นำไปวางตามโคนต้นไม้ใหญ่ พื้นดิน พุ่มไม้ บนรั้วกำแพงวัด รอบๆ เจดีย์หรือ โบสถ์ เรียกว่า การยายห่อข้าวน้อย (ยาย เป็นคำกริยา แปลว่า วางกระจายเป็นระยะๆ) เป็นการทำบุญที่ชาวบ้าน จัดขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว เนื่องจากมีความเชื่อถือสืบต่อกันมาแต่โบราณกาลแล้วว่า กลางคืน ของเดือนเก้าดับ (วันแรม 14 ค่ำ เดือน 9) เป็นวันที่ประตูนรกเปิด ผีออกมาเยี่ยมญาติในโลกมนุษย์ได้ในคืนนี้คืน

15 เดียวเท่านั้นในรอบปี ถือว่าเป็นงานบุญที่ญาติพี่น้องจะได้พบปะเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน ด้วยการตระเตรียมและ ประกอบอาหารคาวหวานเพื่ออุทิศให้กับบดิ ามารดาหรือญาติพนี่ ้องท่ีเสยี ชีวิตไปแล้ว โดยอาหารคาวหวานดังกล่าว จะห่อใส่ใบตองความกว้างขนาดเท่าฝ่ามือ ส่วนความยาวนั้นให้ยาวสุดซีกของใบตอง โดยอาหารคาวมักเป็นข้าว เหนียว ไก่ ปลา ปลาร้าบอง หรอื อ่นื ๆ ทเ่ี ห็นว่าผ้ลู ่วงลบั จะชอบ ส่วนอาหารหวานมกั เป็นข้าวต้มมัดหรือข้าวต้มคลุก น้ำตาลและมะพร้าว หรอื ขา้ วต้มข้าวโพด แล้วแตค่ วามชอบ อาจจะมีผลไม้ เช่น กลว้ ย มะละกอ เปน็ ต้น และหมาก หน่ึงคำ บุหร่ีหนงึ่ มวน เมีย่ งหนึ่งคำ หลังจากนนั้ นำใบตองมาห่อเข้ากนั แล้วใช้ไม้กลัดหัวท้ายและตรงกลางก็จะได้ห่อ ขา้ วน้อยท่ีมีลักษณะยาวๆ สว่ นหมากพลนู ้ัน ใช้หมากหน่งึ คำ บุหร่หี นึ่งมวน เม่ียงหนง่ึ คำ สเี สียด แก่นคูน นำมาห่อ ใบตองเข้าดว้ ยกันแล้วไมก้ ลดั หวั ทา้ ย ก็จะไดห้ ่อหมาก พลู หลังจากน้นั นำทง้ั 2 ห่อมาผกู กันเป็นคู่ แลว้ นำไปมัดรวม เป็นพวง 1 พวง จะใส่ห่อหมากและห่อพลูจำนวน 9 ห่อ ต่อ 1 พวง เมื่อวางข้าวน้อยตามบริเวณต่างๆ ที่เหมาะสม ภายในวัดแล้ว ลูกหลานก็จะร้องเรียกวิญญาณผู้ล่วงลับที่ตนทำบุญให้พอฟังได้ยิน จากนั้นพระสงฆ์จะแสดงพระ ธรรมเทศนาเกี่ยวกับเรื่องอานิสงส์ของบุญข้าวประดับดินให้ฟัง ต่อจากนั้นชาวบ้านจะนำปัจจัยไทยทานถวายแด่ พระสงฆ์ เมื่อพระสงฆ์ให้พรเสร็จชาวบ้านที่มาทำบุญก็จะกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติผู้ที่ล่วงลับไปแล้วทุกๆ คน จากนั้นเมื่อกะประมาณว่าวิญญาณผู้ล่วงลับได้มารับประทานอาหารที่วางไว้ให้แล้ว ผู้ทำบุญก็เก็บข้าวน้อยน้ัน กลบั บา้ น อาจจะนำไปวางไว้ทีน่ าหรือบ้านในบริเวณท่ีเหมาะสมกไ็ ด้ เดือนกันยายน - บุญข้าวสาก บุญข้าวสากเป็นประเพณีในวันขึ้น 15 ค่ำ ซึ่งชาวบ้านจะ จัดเตรียมสำรับอาหาร ซึ่งบรรจุข้าวเหนียว อาหารแห้ง เช่น ปลาย่าง เนื้อย่าง ปลาร้าบองหรือน้ำพริกปลารา้ และ หอ่ ขา้ วเลก็ ๆ อกี หอ่ หนงึ่ สำหรับอทุ ิศให้ญาตผิ ูล้ ่วงลับและนำไปทำบุญทว่ี ัด โดยจะเขียนชือ่ เจ้าของสำรับอาหารและ เครื่องไทยทานใส่ไว้ในบาตรเพ่ือให้พระในวดั จับสลาก หากภิกษุรูปใดจับสลากไดช้ ื่อผู้ใดก็จะได้สำรับอาหาร พร้อม เครอ่ื งไทยทานของเจ้าภาพนน้ั ๆ เดอื นตลุ าคม – บุญออกพรรษา บญุ ออกพรรษาในเดือนสิบเอ็ด เปน็ โอกาสทพ่ี ระภิกษสุ งฆจ์ ะ แสดงอาบัติและว่ากลา่ วตักเตือนกนั ชาวบ้านจะจัดประเพณตี ักบาตรเทโว เดือนพฤศจกิ ายน – บุญกฐนิ บญุ กฐินนม้ี ีกำหนดให้ทำได้เฉพาะในช่วงวนั แรม 1 คำ่ เดือน 11 ถงึ 15 ค่ำ เดือน 12 ของทกุ ปี เป็นงานบุญใหญท่ จ่ี ัดขน้ึ เพื่ออทุ ศิ บุญกุศลให้แกญ่ าติผู้ลว่ งลับ โดยเช่ือว่าผูใ้ ดได้ ทำบญุ กฐินจะไม่ตกนรกและจะได้รับผลบญุ ท่ีทำในชาติน้ีไว้เกบ็ กนิ ในชาตหิ น้า

16 7.3 ภูมปิ ัญญาท้องถนิ่ ภาษาถ่ิน วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในตำบลขามป้อม มีความเกี่ยวข้องกับภูมิปัญญาท้องถ่ิน หลายอย่าง เช่น ในบริเวณที่แหล่งน้ำมีความต่างระดับ มีเสียงน้ำไหลดังตลอดเวลา ชาวบ้านจะเอาเครื่องจักรสาน คล้ายตะกรา้ ใส่ของหรือเข่งไม้ไผธ่ รรมดา ไปวางไวใ้ นบริเวณขา้ งบนของจดุ ทีน่ ้ำต่างระดบั เพราะธรรมชาติของปลา ที่อยู่บริเวณด้านล่างของแหล่งน้ำจะกระโดดขึ้นไปสู่แหล่งน้ำที่อยู่เหนือขึ้นไป จึงง่ายต่อการจับปลาไปบริโภค ภูมิ ปัญญาชาวบ้านอีกอย่างหนึ่งของเกษตรกรในตำบลขามป้อมคือ การสร้าง “กระแท หรือ คันแท” หรือคันนา ไว้ สำหรับเก็บกักน้ำเพื่อไว้สำหรับปลูกข้าว โดยใช้ดินมาก่อเป็นขอบรอบ ๆ นาปลูกข้าว เป็นต้น ส่วนภาษาของชาว ตำบลขามป้อม มีภาษาอีสานเป็นภาษาถิ่น และใช้ภาษากลางเป็นภาษาทางการไวต้ ดิ ต่อประสานงานกับหน่วยงาน ราชการ 7.4 สนิ คา้ พ้นื เมืองและของท่รี ะลกึ ตำบลขามป้อมมีสินค้าและบริการทางวฒั นธรรม ไดแ้ ก่ ผา้ ไหมมัดหม่บี ้านชาด ม.3, เสื่อกก บา้ น น้อยชานบึง ม.2 8. ทรพั ยากรธรรมชาติ 8.1 นำ้ น้ำที่ใช้ในการบริโภค ส่วนใหญ่ซื้อน้ำดื่มที่จำหน่ายทั่วไปในการบริโภค ส่วนน้ำในการอุปโภค ได้ จากแหล่งน้ำภายในตำบลที่กักเก็บไว้ในช่วงฤดูฝน ผ่านกระบวนการของระบบประปาผิวดินเพื่อแจกจ่ายให้ ประชาชนในพื้นที่ สำหรับน้ำใตด้ ินมีปริมาณน้อย ไม่สามารถนำขึ้นมาใช้ให้พอเพียงได้ เพราะบางพื้นที่น้ำจะกร่อย และมรี สเคม็ ไม่สามารถนำมาอุปโภคบรโิ ภคได้ แหลง่ น้ำสาธารณะ 1. หนองปนั น้ำ หมู่ 1 2. หนองเถื่อนชา้ ง หมู่ 2 3. หนองแวงกลาง หมู่ 3 4. หนองบวั หมู่ 3 5. หนองจันโท หมู่ 5 6. หนองซำพะวง หมู่ 7 7. หนองแพงสี หมู่ 11 8. หนองลุมพกุ หมู่ 6 9. ฝายพนัง หมู่ 11 10. หนองโน หมู่ 6,11

17 8.2 ปา่ ไม้ ป่าไม้ในตำบลขามป้อมมีค่อนข้างน้อย สว่ นใหญ่เปน็ ปา่ โปร่ง ป่าเบญจพรรณ ปลูกตามหัวไร่ปลาย นา และปลูกในที่สาธารณะเปน็ การสรา้ งสวนปา่ ไม้ยนื ตน้ ท่ีนยิ มปลูก ได้แก่ สะเดา และยคู าลปิ ตสั มีพน้ื ทีป่ ลูก ทงั้ หมด 171 ไร่ เกษตรกรปลกู ไว้เพ่ือประโยชน์ในการใช้สอยและปลูกไว้เพื่อบริโภคในครวั เรอื น 8.3 คุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติ ตำบลขามป้อมมีพื้นที่ถือครองทั้งหมดประมาณ 20,595 ไร่ มีพื้นที่ถือครองเพื่อการเกษตร 11,898 ไร่ ส่วนพื้นที่ที่นอกเหนือจากพื้นที่ดังกล่าวข้างต้น ได้แก่ ที่อยู่อาศัย ถนน แหล่งน้ำธรรมชาติ ที่ตั้งศาลา กลางบา้ น ฉางสำรองข้าว ท่ีตง้ั ประปาหมู่บ้าน วดั โรงเรยี น ทท่ี ำการ อบต. รวมทั้งทวี่ ่างเปล่าของหมู่บ้าน เป็นต้น การทำการเกษตรส่วนใหญ่ ยังพึ่งพาน้ำฝนตามฤดูกาล แหล่งน้ำที่ใช้ในการเกษตรไม่เพียงพอ มักประสบปัญหาภยั แล้งซ้ำซาก ทรัพยากรดินเหมาะสำหรับทำนา และมีดินเค็ม เป็นดินร่วนปนทราย มีชั้นหินเกลือรองรับอยู่ข้างล่าง ได้แก่ บริเวณบ้านบ่อแก บ้านหนองทุ่งมน บ้านบ่อทอง บ้านชาด บ้านน้อยชานบึงและบ้านขามป้อมบางสว่ น ส่วน ป่าไม้เป็นปา่ โปรง่ ป่าเบญจพรรณ ปลูกตามหวั ไรป่ ลายนา

18 ส่วนท่ี 2 ข้อมลู ทรพั ยากรสาธารณสุขและสถานะสุขภาพ

19 1. ข้อมลู ทรพั ยากรสาธารณสขุ รปู ภาพท่ี 4 แผนผังการดำเนินงาน 3 หมอ รพ.สต.ขามป้อม ตารางท่ี 3 แสดงสดั ส่วนบคุ ลากรสาธารณสุขต่อประชากร ของ รพ.สต.ขามป้อม ลำดับ ชื่อ - สกลุ ตำแหน่ง สัดสว่ นต่อประชากร 1 นางสาววนิดา พลเชยี งสา นกั วิชาการสาธารณสขุ ชำนาญการ 1 : 5,739 2 น.ส.อรวรรณ สินคา้ จพ.สาธารณสขุ ชำนาญงาน 1 : 2,869 3 นางหฤทัย สังวบิ ตุ ร จพ.สาธารณสุขชำนาญงาน 1 : 2,869 4 นายยุทธนา แก้วมดื จพ.ทันตสาธารณสขุ ชำนาญงาน 1 : 5,739 ตำบลขามป้อม มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวน 1 แห่ง ดูแลรับผิดชอบประชาชน ในพื้นที่ตำบลขามป้อม จำนวน 5,739 คน 11 หมู่บ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล มีเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุข จำนวน 4 คน และมีอาสาสมคั รสาธารณสุขประจำหมู่บ้านตำบลขามป้อม จำนวน 135 คน (อสม. 1 คน รับผิดชอบ 6 - 8 หลังคาเรอื น)

20 2. ข้อมลู สถานะสุขภาพ 2.1 ขอ้ มลู สถิติชีพ 5 ปียอ้ นหลัง อัตรา ่ตอ 1,000 ประชากร แผนภูมสิ ถิติชีพตาบลขามป้อม อตั ราเกิด 6 อตั ราตาย อตั ราเพิ่ม 4 2 0 2561 2562 2563 2564 2565 จากกราฟ พบว่า สถติ ชิ ีพของตำบลขามปอ้ ม ในปี พ.ศ. 2561 - 2565 อตั ราเกิดมีแนวโน้มลดลงอย่าง ตอ่ เน่อื ง อัตราตายมแี นวโนม้ เพิม่ ขึ้น และอตั ราเพมิ่ ของประชากรมแี นวโน้มคงที่ อายุคาดเฉลย่ี เมอื่ แรกเกิด 79.75 ปี เพศชาย = 76.13 ปี เพศหญิง = 83.45 ปี 2.2 สาเหตุการป่วย 5 อันดบั โรค ปี 2563 - 2565 โรคกลา้ มเนอื้ รวมโครงรา่ งกาย โรคระบบยอ่ ยอาหารและในปาก โรคระบบหายใจ โรคตา อาการแสดงส่งิ ผดิ ปกตทิ างคลนิ ิก 1600 80278 1400 1225 1356 677 1200 11109237 1228 1000 310 852 111 800 ปี 2565 600 585 535 400 430 239 200 0 ปี 2564 ปี 2563 จากกราฟ พบว่า สาเหตุการป่วย 5 อันดับแรก ในปี พ.ศ. 2563 – 2565 คือ โรคกล้ามเนื้อรวมโครง ร่างกาย โรคระบบย่อยอาหาร โรคระบบหายใจ โรคตา และอาการผดิ ปกตทิ างคลินกิ ตามลำดับ

21 2.3 สาเหตกุ ารตาย 5 อนั ดบั โรค ปี 2563 - 2565 35 โรคหวั ใจลม้ เหลว โรคติดเชือ้ ในกระแสเลอื ด โรคไตวาย โรคมะเร็งทกุ ชนดิ โรคตบั 30 30 25 20 19 15 15 10 9 7 213 55 23 ปี 2565 ปี 2564 00 ปี 2563 จากกราฟ พบว่า สาเหตุการตาย 5 อันดับแรก ในปี พ.ศ. 2563 – 2565 คือ โรคหัวใจล้มเหลว โรคตดิ เชือ้ ในกระแสเลอื ด โรคไตวาย โรคมะเร็งทุกชนดิ และโรคตบั ตามลำดับ 2.4 ขอ้ มลู หลกั ประกนั สุขภาพตำบลขามป้อม 5.14% 0.79% 0.37% บตั รประกนั สุขภาพถว้ นหนา้ UC 19.16% บตั รประกนั สงั คม 74.49 % เบิกกรมบญั ชีกลาง สวสั ดิการพนกั งานทอ้ งถิ่น LGO อ่ืนๆ จากกราฟ พบว่า ประชาชนตำบลขามป้อมมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยมีบัตรประกันสุขภาพ ถ้วนหน้าเป็นส่วนใหญ่ ร้อยละ 74.49 รองลงมาคือ ประกันสังคม ร้อยละ 19.16 และเบิกกรมบัญชีกลาง ร้อยละ 5.14 ตามลำดับ

22 ตารางที่ 4 การประเมนิ ตนเองตามเกณฑ์คุณภาพและมาตรฐานในการใหบ้ ริการสขุ ภาพปฐมภูมิ เกณฑ์คณุ ภาพและมาตรฐานในการใหบ้ ริการสุขภาพปฐมภูมิ คะแนน คะแนน หมาย ส่วนที่ 1 ดา้ นระบบบริหารจัดการ เต็ม ที่ได้ เหตุ 66 ผา่ น ผา่ น ส่วนที่ 2 ด้านการจดั บคุ ลากรและศักยภาพในการให้บริการ 88 ผา่ น ผา่ น ส่วนท่ี 3 ดา้ นสถานที่ต้ังหน่วยบริการ อาคาร สถานท่ี และสงิ่ แวดล้อม 55 ผ่าน ผา่ น ส่วนที่ 4 ด้านระบบสารสนเทศ 99 ผ่าน ผา่ น ส่วนที่ 5 ด้านระบบบริการสขุ ภาพปฐมภูมิ 60 48 ผา่ น สว่ นท่ี 6 ด้านระบบห้องปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสขุ 40 35.6 สว่ นท่ี 7 ดา้ นการจดั บรกิ ารเภสชั กรรมและงานคุ้มครองผ้บู ริโภคด้านสขุ ภาพ (คบส.) 79 77 สว่ นท่ี 8 ด้านระบบการป้องกนั และควบคมุ การติดเช้อื 65 61 รวมคะแนน 272 249.6 หมายเหตุ ด้านการจัดบริการเภสัชกรรมและงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คบส.) ยาช่วยชีวิต ฉกุ เฉนิ มีไม่ครบตามมาตรฐาน การให้บริการผู้ป่วย ปี พ.ศ. 2563 – 2565 พบว่ามีผู้เข้ารับบริการ จำนวน 4,534, 4,476 และ 3,864 คน เฉลย่ี 44, 49 และ 33 ครง้ั ต่อวัน ตามลำดบั ปัญหาโรคไมต่ ดิ ต่อ โรคเร้ือรงั ปี 2565 มีผู้ป่วยโรคเบาหวาน จำนวน 232 ราย ผู้ป่วยโรคความดัน โลหิตสูง จำนวน 110 ราย และผปู้ ว่ ยโรคเบาหวานรว่ มกบั โรคความดันโลหิตสงู จำนวน 165 ราย ปัญหาโรคติดต่อที่พบใน 5 ปี ย้อนหลัง (2561 - 2565) ได้แก่ อุจจาระร่วง ตาแดง สุกใส มือเท้าปาก และ ไข้เลือดออก ในปี 2563 ไดเ้ กิดการแพรร่ ะบาดของโรคโควิด - 19 ขน้ึ ท่ัวโลก ซึ่งพบผ้ปู ่วยตดิ เช้ือเพ่ิมข้ึนเป็นจำนวน มาก ซ่ึงตำบลขามปอ้ ม พบผูต้ ิดเช้ือโควดิ - 19 ตง้ั แตป่ ี 2563 - 2564 จำนวน 53 ราย

23 ตารางที่ 5 แผนงานโครงการแกไ้ ขปัญหาในพืน้ ท่ี ปี 2566 งบประมาณ แหลง่ ลำดบั โครงการ/กจิ กรรม (บาท) งบประมาณ 1 โครงการอบรมผู้ดูแลผสู้ งู อายุและผู้ท่มี ีภาวะพง่ึ พงิ 19,500 กองทนุ หลกั ประกนั 2 โครงการปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมสุขภาพผู้ป่วยเบาหวาน สุขภาพตำบล 3 โครงการอบรมแกนนำผูส้ ูงอายดุ แู ลสขุ ภาพชอ่ งปาก 16,900 กองทนุ หลกั ประกนั 4 โครงการอบรมให้ความรู้ผดู้ ูแลผปู้ ว่ ยวณั โรค สขุ ภาพตำบล 5 โครงการเกษตรกรปลอดโรคผบู้ ริโภคปลอดภัย 15,500 กองทนุ หลักประกนั รวม สขุ ภาพตำบล 7,400 กองทุนหลักประกัน สุขภาพตำบล 11,450 กองทนุ หลักประกนั สุขภาพตำบล 70,750

24 ส่วนท่ี 3 วรรณกรรมทเ่ี ก่ียวขอ้ ง

25 สว่ นท่ี 3 วรรณกรรมท่เี กย่ี วข้อง การศึกษาครั้งนี้ ได้ทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นแนวทางในการศึกษา ในประเด็น ดังตอ่ ไปน้ี 1. การบรหิ ารเชิงกลยุทธ์ (Strategic Management) 2. แนวคิด Six Building Blocks 3. PESTEL Analysis 1. การบริหารเชิงกลยุทธ์ (Strategic Management) การบรหิ ารเชงิ กลยทุ ธป์ ระกอบด้วยกิจกรรมท่เี ปน็ องค์ประกอบขัน้ พืน้ ฐาน 4 กจิ กรรม คือ 1) การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ (Strategic analysis) 2) การวางแผนกลยุทธ์(Strategic planning) 3) การนำกลยุทธ์ไป ปฏิบัติ (Strategic implementation) 4) การควบคุมและประเมินผลกลยุทธ์ ( Strategic control and evaluation) การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ (Strategic analysis) เป็นกระบวนการเริ่มแรกของการบริหารเชิงกลยุทธ์ ซึ่งใน การวเิ คราะห์ เชิงกลยุทธจ์ ะประกอบดว้ ยกิจกรรมท่ีสำคัญไดแ้ ก่ การกำหนด วสิ ยั ทศั น์ (Vision) พนั ธกจิ (Mission) เป้าประสงค์ (Goal ) และ/หรือ วัตถุประสงค์ (Objective) เป้าหมาย ( Target ) นโยบายองค์กร (Organization policy) ตามแตล่ ะองค์กรจะเลอื กกำหนดใช้ 1. วิสัยทศั น์ (Vision) วิสยั ทศั น์ หมายถงึ ความคาดหวังในอนาคตขององค์กรท่ตี ้องการจะเป็น (โดยมิได้กำหนดวธิ ีการไว)้ เป็นขอ้ ความท่ีเป็นทิศทางในการกำหนดพันธกิจขององค์กร ซ่งึ เป็นสถานภาพอย่างใด อยา่ งหนงึ่ หรอื หลายๆ อย่าง ที่องค์กรม่งุ หมาย มงุ่ หวงั หรือประสงค์จะเป็นหรือจะมีในอนาคต 2. พันธกจิ (Mission) พนั ธกจิ หมายถงึ การกำหนดขอบเขตของงานหรือบทบาทหนา้ ที่อย่าง กว้างๆ ที่องค์กรตอ้ ง ทำเพ่ือให้บรรลวุ สิ ัยทศั น์ทีก่ ำหนดไว้ ในการกำหนดพนั ธกจิ มปี ระเด็นทค่ี วรพจิ ารณาดังน้ี 2.1 ขอ้ ความพนั ธกจิ เปน็ การแสดงแนวคิดและวิธกี ารดำเนนิ งาน เพอื่ บรรลวุ ิสัยทัศน์ที่ กำหนด ซึง่ จะระบุขอบเขตการปฏิบตั งิ านขององคก์ รท่เี กี่ยวกับการผลติ และการให้บริการ จะอธิบายถงึ ค่านยิ ม และลำดบั ความสำคญั ตา่ งๆขององค์กร บ่งบอกถึงทิศทางในอนาคตขององค์กร โดยจะเลอื กแนวทางท่ี เปน็ ไปไดเ้ พ่ือไปสู่ เป้าหมายและเปา้ ประสงคข์ ององค์กร

26 2.2 ความสำคญั ในการกำหนดพันธกจิ ใหช้ ัดเจน 1) เพอื่ เปน็ หลกั สำคัญในการกำหนดเป้าหมาย และทิศทางขององคก์ ร 2) เพ่ือเปน็ การกำหนดหลักเกณฑ์หรอื มาตรฐานในการจัดสรรทรัพยากร 3) เพ่ือความ สะดวกในการแปลความหมายของวัตถปุ ระสงค์ในโครงสร้าง การทำงาน การออกแบบงาน และการกำหนดความ รบั ผดิ ชอบ โดยคำนึงถึงตน้ ทุน เวลา และตวั ชวี้ ดั การทำงาน ท่สี ามารถควบคุมและประเมนิ ผลได้ 3. เป้าประสงค์ (Goal) หมายถึง การกำหนดสิง่ ท่ีตอ้ งการในอนาคตซ่ึงองค์กรจะต้องพยายามให้เกดิ ขน้ึ หรอื ผลลพั ธห์ รือผลสำเรจ็ ทีอ่ งค์กรตอ้ งการบรรลุถึง จะเป็นขอ้ ความกลา่ วอย่างกวา้ งๆ บอกถึงผลลพั ธอ์ นั เนื่องจากหน้าที่หลักขององค์กร โดยจะต้องสอดคล้องกับพันธกจิ ทีก่ ำหนดไว้และหน่วยย่อยในองค์กรควรมี เป้าประสงค์ของตนเองท่ชี ัดเจน และสอดคล้องสนบั สนนุ ซง่ึ กันและกนั 4. เปา้ หมาย ( Target ) หมายถึง เกณฑ์ทกี่ ำหนดไว้เพื่อใช้เป็นกรอบในการปฏิบัติและวัดผลสำเรจ็ ของ กจิ กรรม แผนงาน หรือโครงการ ทค่ี าดวา่ จะทำได้ภายในระยะเวลาท่ีกำหนด หรือผลผลติ ทีต่ ้องทำให้ สำเร็จเพอ่ื บรรลุเป้าประสงค์ ลักษณะของเป้าหมายที่ดมี ีดงั น้ี 1) สามารถวัดผลได้ในแง่ ปริมาณ คุณภาพ เวลา กลมุ่ เป้าหมาย ตน้ ทุน ฯลฯ 2) เป็นทางเลือกท่ีมีเหตุผล และลดความขัดแยง้ 3) เฉพาะเจาะจง ชัดเจน 4) ตกลงร่วมกัน 5) สมเหตุผล 6) กำหนดเวลาชดั เจน 5. วตั ถปุ ระสงค์ (Objectives) หมายถึง สิ่งท่ีองค์กรต้องการให้บรรลตุ ั้งแตร่ ะยะส้ันจนถงึ ระยะยาวท่ีเป็น เป้าหมายสงู สดุ ขององค์กร ซง่ึ วัตถุประสงคจ์ ะเป็นตวั บ่งชว้ี ่าองค์กรตอ้ งการประสบผลสำเร็จ อะไร (What) และเม่ือใด (When) วัตถปุ ระสงค์ที่ดคี วรระบุไว้ในรปู ของปริมาณ (Quantity) หรอื ตวั เลขทช่ี ดั เจนท่ี สามารถ วัดได้ 6. นโยบายขององค์กร (Organization policy) หมายถงึ แนวทางกวา้ ง ๆ ท่ีกำหนดขึน้ เพื่อชว่ ยผู้บรหิ ารใน การพิจารณา เป้าหมาย และเป้าประสงค์ หรอื วัตถุประสงค์ ตลอดจนกำหนดแนวทางการปฏบิ ัติและการ ควบคุม คำถาม ทีส่ ำคญั ในการกำหนดนโยบายขององค์กร มีดังน้ี 1) องค์กรปัจจบุ ันอยทู่ ่ีไหน (Where are you now ? ) 2) องค์กรต้องการไปที่ไหน (Where do we want to be? 3) องค์กรจะไปถึงสิง่ น้นั ได้ อย่างไร (How do we get there)

27 2. แนวคดิ Six Building Blocks องค์ประกอบสำคัญของระบบสุขภาพประกอบไปดว้ ย การใหบ้ ริการ บคุ ลากร ระบบสารสนเทศ ด้านสุขภาพ ยาและเวชภัณฑ์ ระบบการคลังด้านสุขภาพ และภาวะผู้นำและธรรมภิบาล ระบบสุขภาพที่ดีจะส่ง มอบงานบริการสุขภาพตามความจำเปน็ ของประชาชน โดยมีกลไกการคลังทีเ่ ข้มแข็ง มีบุคลากรดี มีความพร้อมใน จัดสง่ ยาและเวชภณั ฑ์ที่มีคุณภาพ และมีระบบสารสนเทศท่ีครอบคลุมและใชเ้ ป็นฐานในการตัดสินใจเชิงนโยบายได้ ธรรมชาติของระบบสุขภาพนั้น มีความหลากหลาย มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายกลุ่มทั้งภาครัฐและภาคเอกชน การ ตรวจสอบ กำกับ ควบคุมปัจจัยนำเข้า กระบวนการ จนถึง ผลลัพธ์ของการดำเนินการในระบบสุขภาพทั้งหมด จึง เป็นเรื่องยากและท้าทายเป็นอย่างมาก การติดตามและประเมินผลลัพธ์ของระบบสุขภาพจึงต้องมีการเชื่อมผสาน องค์ประกอบของระบบสุขภาพทง้ั หมด ซึง่ แต่ละประเทศกม็ บี ริบทท่ีแตกตา่ งกนั ไป คำจำกดั ท่ีตา่ งกนั ทำใหท้ ่ีมาของ ตวั ชวี้ ดั แตกต่างกนั เปรยี บเทียบผลลพั ธ์กันไม่ได้ 1. งานบรกิ ารสขุ ภาพ (Health Service Delivery) งานใหบ้ ริการสุขภาพเปน็ งานสำคัญทีส่ ุดในระบบสุขภาพ ถือเป็นปจั จัยพืน้ ฐานทีน่ ำไปสู่สุขภาวะของ ประชาชน ซึ่งอาจมีรูปแบบที่มีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ แต่มีองค์ประกอบหลักๆ ที่สำคัญ ได้แก่ การมี เครือข่ายที่ให้บริการครอบคลุมตามความจำเป็นของประชาชนในกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งรวมถึงงานป้องกัน งานรักษา งานฟืน้ ฟูสภาพ และงานสร้างเสริมสุขภาพ มกี ารเข้าถึงบริการของประชาชนที่ปราศจากอุปสรรคในเร่ืองค่าบริการ ภาษา วัฒนธรรมหรือภูมิประเทศ มีเครือข่ายการให้บริการไปถึงระดับชุมชน ระบบบริการสุขภาพนี้ต้องมีการ กำหนดขอบเขตการคุ้มครองค่าบริการสุขภาพให้แก่ประชาชนทุกคน มีความต่อเนื่องในกระบวนการรักษา ข้าม เครือข่ายเขตพื้นที่บริการได้ แยกบริการรักษาชั้นสูงเป็นระดับความซับซ้อน และยังครอบคลุมไปทุกกลุ่มอายุ คุณภาพงานบริการต้องเป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย เป็นไปตามความจำเป็นของผู้ป่วย อย่างเหมาะสม มีการประสานงานกนั ส่งตอ่ ผ้ปู ว่ ยในเครอื ข่ายบริการสุขภาพแบบไร้รอยตอ่ และต้องมปี ระสทิ ธภิ าพ ในการให้บริการ ซึ่งมีการจัดการที่ดี เพื่อบรรลุเป้าหมายและผลลัพธ์ที่ดีไปพร้อมกัน และที่สำคัญต้องมุ่งเน้นที่ “คน” เป็นศูนย์กลางในการให้บริการ ไม่ใช่ “โรค” หรือตัวเงินเป็นหลัก ประชาชนควรมีส่วนร่วมในการกำหนด รูปแบบการให้บริการและการประเมินผลด้วย จะได้เข้าใจถึงแหล่งที่มาของกองทุน ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นใน กระบวนการ รว่ มกนั รบั ผิดชอบ ปลูกฝังให้ประชาชนดแู ลสุขภาพกอ่ นที่จะป่วย 2. กำลังคนดา้ นสุขภาพ (Health Workforce) ความสามารถของประเทศทีจ่ ะบรหิ ารจดั การทรพั ยากรคน-เงนิ -ของ ท่มี ีอยูท่ ง้ั หมด ให้บรรลุเป้าหมายให้ ประชาชนในประเทศมีสุขภาพดีนั้น ประเด็นเรื่องกำลังคนด้านสุขภาพก็ต้องอาศัยบุคลากรที่มีความรู้ ทักษะ แรงจูงใจและรับผิดชอบงานให้บริการสุขภาพ นอกจากนั้น จำนวนของบุคลากรท่ีเหมาะสมก็มีส่วนที่ทำให้ผลลัพธ์ ด้านสุขภาพดีขึ้นได้เช่นกัน บุคลากรด้านสุขภาพหมายรวมถึง บุคลากรทุกสาขาวิชาชีพด้านสุขภาพ ทั้งที่ทำงาน ภาครัฐและภาคเอกชน เต็มเวลาหรือทำงานกึ่งเวลา ทำงานเดียวหรือควบหลายงาน รวมถึงการได้รับหรือไม่ได้รับ

28 ค่าจ้างก็ตาม นอกจากนี้ ยังรวมกลุ่มบุคลากรที่ทำงานด้านการศึกษาในวิชาชีพสุขภาพ งานวิจัยและงานด้านสร้าง เสรมิ สขุ ภาพ การมองภาพรวมของทงั้ ประเทศและภูมิภาค เทา่ ท่เี ปน็ อยยู่ ังมีความขัดแย้งท่ยี ังมองภาคเอกชนดึงคน ไปจากภาครัฐ อนาคตทั้งภาครัฐและเอกชนก็อาจถูกดึงไปยังภูมิภาคอาเซียนหรือภูมิภาคอื่นก็ได้ การวิเคราะห์จึง ต้องเห็นข้อมูลความต้องการของทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและทุกภาคส่วนทั้งหมด มาร่วมมือกันผลิตให้เพียงพอกับ ความต้องการ ในอดีตภาคบริการอยากให้ภาควิชาการในมหาวิทยาลัยเร่งผลิต เมื่อได้รับการปฏิเสธภาคบริการก็ ผลิตเสียเอง ผ่านมา 10-20 ปี ภาคบริการเลยต้องแบกภาระงานสอนไปด้วย ส่วนภาควิชาการงบประมาณไม่พอ ก็เพิ่มงานบริการขึ้นอีกแทนที่จะเพิ่มงานสอนหรืองานวิจัยที่สร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นในการพัฒนางานบริการของ ประเทศ ปัจจุบันบุคลากรทั้งส่วนบริการและวิชาการจึงทำงานเหมือนกัน ต่างคนต่างทำ และทำงานหนักทั้งสอง ส่วน นอกจากปญั หาการผลติ บัณฑิตสาขาสุขภาพแลว้ ยงั มปี ญั หาเร้ือรังเรอื่ งค่าตอบแทนตามภาระงาน (Pay for performance; P4P) ที่ยังไม่สามารถสร้างแรงจงู ใจใหบ้ คุ ลากรดา้ นสุขภาพได้อย่างเป็นรูปธรรม บทบาท ขององค์กรวิชาชีพในสาขาต่างๆ ต้องมีส่วนร่วม ชี้แนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาภาครวมของประเทศและของ ภูมิภาค การคิดแก้ไขปัญหาแบบแยกเป็นส่วนๆ หรือคิดเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะเป็นคราวๆ ไป นอกจากไม่ทำให้ ระบบสุขภาพมน่ั คงแข็งแรงแลว้ ยงั ซ้ำเตมิ ให้เกดิ ปัญหาท่เี ร้ือรังมากขึ้น 3. ระบบสารสนเทศด้านสขุ ภาพ (Health information system) ข้อมูลสารสนเทศท่เี ชื่อถือได้จะถกู นำไปใชเ้ ปน็ ฐานในการตัดสินใจในทงั้ 6 เสาหลกั ของระบบสขุ ภาพ และ ยังมีบทบาทในการนำเอานโยบายระบบสขุ ภาพไปปรับใช้ ควบคุม ดำเนินการทำวิจัยเพือ่ พัฒนา แก้ไข ในประเด็น ปัญหาต่างๆ อาทิเช่น งานให้บริการ กำลังคน และกลไกการคลังด้านสุขภาพ ระบบสารสนเทศยังใช้ติดตามและ ประเมินผล จัดการเวชระเบียน กระบวนการรักษา วิเคราะห์แผน สร้างโจทย์งานวิจัย สื่อสารข่าวสารไปยัง ประชาชนกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ฯลฯ ในการบริหารระบบสุขภาพให้มีความเข้มแข็งและเจริญได้อย่างยั่งยืนนั้น ผู้บริหารนโยบายต้องการข้อมูลสารสนเทศที่สำคัญ ได้แก่ ปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อสุขภาพ ปัจจัยทั้งหมดที่นำเข้าสู่ ระบบสุขภาพ ผลผลิตของระบบสุขภาพ ซึ่งรวมถึงความพรอ้ ม การเข้าถึง คุณภาพ ผู้ใช้ข้อมลู ข่าวสาร และผลลัพธ์ ของระบบสุขภาพ อันได้แก่ อัตราตายและอัตราการเกิดทุพพลภาพ สุขภาวะ ความพิการ รวมไปถึงการไม่ได้รับ ความธรรมจากการรับบริการ อาทิเช่น ขอบเขตการคุ้มครอง ผลลัพธ์จากการรักษาเปรียบเทียบจากวิธีที่ต่ างกัน ตน้ ทุนการดำเนินการ ตน้ ทุนของการใหบ้ รกิ ารของแต่ละกลมุ่ โรค เปน็ ตน้ 4. การเขา้ ถงึ ยาและเวชภัณฑ์ท่จี ำเปน็ (Medical Products, Vaccine & Technology) องค์การอนามัยโลกได้กำหนดกรอบการทำงาน ทีต่ ้องมกี ลไกในระบบสุขภาพท่ีเอ้ือใหป้ ระชาชนเข้าถงึ ยา วัคซีน และเทคโนโลยีที่จำเป็น ซึ่งต้องมีคุณภาพและความคุ้มค่ากับราคา อาจกำหนดเป็นบัญชียาและเวชภัณฑ์ แนวทางปฏิบัติ หรือเป็นมาตรฐานในระดับชาติ แสดงขั้นตอนและวิธีการกำหนดราคา สถานภาพการต่อรองราคา กำหนดมาตรฐานและคณุ ภาพของยาและเวชภัณฑ์ที่เข้าสู่ตลาดภายในประเทศ ระเบียบการจดั ซือ้ การจัดการคลัง

29 ยาและเวชภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น ระบบสุขภาพที่เข้มแข็งต้องเน้นมาตรการ “การใช้ยาอย่าง เหมาะสม” เพือ่ เปน็ การลดอบุ ตั ิการณเ์ ชื้อดือ้ ยา เพมิ่ ความปลอดภัยของผ้ปู ว่ ย และฝกึ อบรมบุคลากร 5. กลไกการคลงั ด้านสุขภาพ (Health system financing) การคลังด้านสุขภาพเป็นรากฐานสำคญั ท่จี ะหล่อเลี้ยงระบบสขุ ภาพดว้ ยกลไกการจา่ ย เก็บสะสม หรอื แบ่งปันไปให้เกิดงานบริการที่ยังขาดไปในระบบ หรือแบ่งปันให้เกิดแรงจูงใจของบุคลากร หรือเอาไปซื้อยาและ เวชภณั ฑ์ ให้ครอบคลมุ งานบริการสขุ ภาพทจี่ ำเป็นของประชาชน เพ่ือทำให้ภาพรวมของระบบสขุ ภาพมีความพร้อม ให้บริการ ประชาชนเข้าถึงได้ทุกเวลาและสถานที่ สามารถบรรลุเป้าหมายให้มีสุขภาพดีได้อย่างต่อเนื่อง และที่ สำคัญคือ ปราศจากภาระค่าใชจ้ ่ายดา้ นสุขภาพที่มากจนต้องล้มละลาย ดงั นน้ั กลไกการคลงั สขุ ภาพจงึ มิได้หมายถึง แค่มีกองทุนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจัดสรรงบประมาณ ระบบการซื้อและระบบการให้บริการด้านสุขภาพ โดยทั่วไป ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของแต่ละประเทศด้วยการเทียบสัดส่วนกับผลผลิตมวลรวมประชาชาติ (Gross Domestic Products; GDP) และตัวชว้ี ัดที่ระบถุ ึงภาวะล้มละลายจากค่าใช้จา่ ยดา้ นสุขภาพในครวั เรือนคอื สดั ส่วน ของรายจา่ ยด้านสุขภาพท่ีต้องจ่ายเอง (out-of-pocket payment) ต่อรายได้ทั้งหมด 6. ภาวะผู้นำและธรรมาภิบาล (Leadership & Governance) ธรรมาภิบาลเป็นเรื่องสำคัญมากขน้ึ ในสถานการณ์ปัจจบุ นั จำเปน็ อยา่ งยิ่งที่ผ้นู ำตอ้ งใสใ่ จในยทุ ธศาสตร์ การสร้างระบบสุขภาพที่คาดหวังไว้ให้สำเร็จ ต้องกำกับ ดูแล และควบคุม รับผิดชอบในการจัดสรรงบประมาณท่ี เหมาะสมและเป็นธรรม เนื่องจากมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมากมายหลายกลุ่ม ผู้นำมีความสำคัญมากในการบูรณาการ ทุกภาพส่วน ให้เกิดการเชื่อมผสานกันในระบบสุขภาพที่ทำให้ประชาชนมีสุขภาพดีนั้น ให้ระบบนี้เกิดความสมดุล และยัง่ ยืนของประเทศ ดังนั้น ลำพังตัวชี้วดั ด้านธรรมภิบาลของผู้นำมิได้สมั พันธ์กบั ความสำเร็จของระบบสุขภาพท่ี ดไี ด้เลย 7. เครอื ข่ายการจดั การความรูช้ มุ ชน (Participation) การมีสว่ นร่วมก่อใหเ้ กดิ ผลดตี ่อการขบั เคล่ือนองค์กร เพราะมผี ลในทางจิตวทิ ยาเปน็ อยา่ งย่ิง กลา่ วคอื ผู้ท่ี เข้ามามีส่วนร่วมย่อมเกิดความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการบริหาร ความคิดเห็นถูกรับฟัง และนำไปปฏิบัติ และทส่ี ำคญั ผู้ทม่ี สี ่วนร่วมจะมคี วามรู้สกึ เปน็ เจ้าของ ความรสู้ ึกเป็นเจ้าของจะเปน็ พลงั ในการขับเคลื่อนเครื่อข่ายท่ีดี ที่สดุ

30 3. PESTEL Analysis PESTEL Analysis เปน็ เครือ่ งมอื ที่ชว่ ยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะหแ์ ละทำความเขา้ ใจปัจจัยภายนอกท่ีส่งผล กระทบต่อการดำเนินงานได้ Political (P) ปัจจัยดา้ นการเมืองที่สง่ ผลกระทบและโอกาสต่อธุรกิจ เช่น นโยบายของภาครฐั ความมน่ั คงทางการเมือง การคอรปั ชนั ทางการเมอื ง นโยบายการค้าระหวา่ งประเทศ นโยบายภาษตี า่ งๆ กฎหมายแรงงาน ขอ้ จำกัดทางการ คา้ เปน็ ตน้ Economic (E) ปัจจยั ดา้ นการเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบและโอกาสตอ่ ธุรกจิ เช่น แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกจิ อตั รา แลกเปล่ยี นเงินตรา อัตราดอกเบ้ยี อัตราเงินเฟ้อ อัตราการวา่ งงาน เป็นตน้ Social (S) ปัจจยั ดา้ นสังคมที่ส่งผลกระทบและโอกาสต่อธุรกจิ เช่น อัตราการเติบโตของประชากร อายเุ ฉล่ยี ของ ประชากร ทศั นคติต่อการทำงาน การใสใ่ จในสุขภาพ ทัศนคตติ ่อการใช้ชวี ติ วัฒนธรรม เปน็ ตน้ Technology (T) ปจั จัยด้านเทคโนโลยีท่สี ่งผลกระทบและโอกาสต่อธุรกิจ เช่น นวัตกรรมตา่ งๆท่ีเกิดขนึ้ การวจิ ัยและพัฒนา ต่างๆ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การรับรูใ้ นเทคโนโลยี ระบบเทคโนโลยอี ัตโนมตั ิ การเขา้ มาของดจิ ิทัลและ AI เปน็ ต้น Environment (E) ปัจจยั ดา้ นส่ิงแวดลอ้ มท่สี ง่ ผลกระทบและโอกาสตอ่ ธุรกจิ เชน่ สภาพภมู อิ ากาศ การเปล่ียนแปลงของ ฤดูกาล สภาวะของโลก กฎระเบยี บและนโยบายด้านสง่ิ แวดล้อม กล่มุ NGO ตา่ งๆ เปน็ ต้น Legal (L) ปจั จยั ดา้ นกฎหมายที่ส่งผลกระทบและโอกาสต่อธุรกิจ เชน่ กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายลขิ สิทธ์ิ กฎหมายเกย่ี วกบั สุขภาพและความปลอดภยั กฎหมายคมุ้ ครองแรงงาน เปน็ ต้น

31 สว่ นที่ 4 วเิ คราะหป์ จั จยั ทเ่ี ก่ียวข้องระบบสุขภาพ

32 ยทุ ธศาสตรเ์ พ่ือพัฒนาระบบสุขภาพ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลขามปอ้ ม อำเภอพระยนื จังหวัดขอนแกน่ 1. ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558 เห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการจัดทำ ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์และกรอบการปฏิรูป เพื่อจัดทำร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ใช้ในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศ ให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็น ประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยยุทธศาสตร์ชาติที่จะใช้เป็นกรอบ แนวทางการพัฒนาระยะ 20 ปี ประกอบด้วย 6 ยทุ ธศาสตร์ ดงั น้ี 1) ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง มีเป้าหมายท้ังใน การสร้างเสถียรภาพภายในประเทศและช่วยลดและป้องกันภัยคุกคามจากภายนอก รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นใน กล่มุ ประเทศอาเซียนและประชาคมโลกท่ีมตี ่อประเทศไทย 2) ยุทธศาสตรด์ า้ นการสรา้ งความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาไปสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งจำเป็นต้องยกระดับผลิตภาพการผลิตและ การใช้นวัตกรรมในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในสาขาอุตสาหกรรม เกษตร และบริการ การสร้างความมั่นคงและปลอดภัยด้านอาหาร การเพิ่มขีดความสามารถทางการค้าและการเป็น ผู้ประกอบการ รวมทั้งการพัฒนาฐานเศรษฐกิจแห่งอนาคต ทั้งนี้ภายใต้กรอบการปฏิรูปและพัฒนาปัจจัยเชิง ยุทธศาสตร์ทุกด้าน อันได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การ พฒั นาทนุ มนุษย์ และการบรหิ ารจดั การท้ังในภาครฐั และภาคธรุ กจิ เอกชน 3) ยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาและเสริมสร้าง ศักยภาพคน เพื่อพัฒนาคนและสังคมไทยให้เป็นรากฐานที่แข็งแกร่งของประเทศ มีความพร้อมทางกาย ใจ สติปัญญา มีความเป็นสากล มีทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย มีคุณธรรม จริยธรรม รู้คุณค่าความเป็นไทย มีครอบครัวที่มั่นคง โดยมีกรอบแนวทางที่ต้องให้ความสำคัญและเกี่ยวข้องกับ กระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ (3.1) การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิตให้สนับสนุนการเจริญเติบโตของประเทศ (3.2) การสร้างเสริมให้คนมีสุขภาวะที่ดี (3.3) การสร้างความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวไทย เสริมสร้างบทบาทของ สถาบันครอบครวั ในการบม่ เพาะจิตใจให้เข้มแขง็ 4) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียม กันทางสังคม เพื่อเร่งกระจายโอกาสการพัฒนาและสร้างความมั่นคงให้ทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำไปสู่สังคมที่เสมอ ภาคและเปน็ ธรรม โดยมีกรอบแนวทางที่ต้องให้ความสำคัญและเกีย่ วข้องกับกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ (4.1) การ สร้างความมั่นคงและการลดความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจและสังคม (4.2) การพัฒนาระบบบริการและระบบ บริหารจัดการสุขภาพ (4.3) การสร้างสภาพแวดล้อมและนวัตกรรมที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตในสังคมสูงวัย 5) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเร่งอนุรักษ์ฟื้นฟูและสร้างความ มั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติ และมีความมั่นคงด้านน้ำ รวมทั้งมีความสามารถในการป้องกันผลกระทบและ ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติธรรมชาติ และพัฒนามุ่งสู่การเป็นสังคมสีเขียว

33 6) ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐมีขนาด ท่ี เหมาะสมกับบทบาทภารกิจ มีสมรรถนะสูง มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลกระจายบทบาทภารกิจไปสู่ท้องถิ่น อยา่ งเหมาะสม มธี รรมาภบิ าล 2. แผนยุทธศาสตรช์ าติ ระยะ 20 ปี (ดา้ นสาธารณสุข) กระทรวงสาธารณสุข แผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (ด้านสาธารณสุข) กระทรวงสาธารณสุข (สำนักนโยบายและ ยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข, ธันวาคม ๒๕๕๙) โดยนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์ โอชา) ได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนงานในภารกิจหลักของ หน่วยงานระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) เพื่อให้สอดรับกับการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ในการจัดทำ ยุทธศาสตร์และกรอบการปฏิรูป และจัดทำร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนและ พัฒนาประเทศ ให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการ พฒั นาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”เพราะทผี่ ่านมาประเทศไทยไมเ่ คยมีการกำหนดวิสัยทัศน์ เป้าหมาย และยทุ ธศาสตรข์ องประเทศในระยะยาวเพ่อื ใช้ขับเคลอ่ื นประเทศไปสเู่ ป้าหมายท่ีเป็นทย่ี อมรับร่วมกนั ทัง้ ประเทศ กระทรวงสาธารณสุขในฐานะส่วนราชการ จึงได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (ด้าน สาธารณสขุ ) ข้นึ ตามขอ้ สง่ั การของนายกรฐั มนตรีฯ และเพราะแนวโน้มของสถานการณ์สุขภาพในอนาคตอันใกล้นี้ ที่ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่ในทางกลับกันสังคมไทยยังขาดคุณภาพในทุกๆด้าน รวมถึงด้าน สาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ตระหนักถึงการวางแผนในระยะยาวเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและกำลังจะ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยในการจัดทำแผนยทุ ธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (ด้านสาธารณสุข) ได้วางกรอบ แนวคดิ โดยให้สอดคล้องกบั แผนพัฒนาเศรษฐกจิ แห่งชาติ ฉบบั ท่ี 12 ประเทศไทย 4.0 นโยบายรัฐบาล การปฏิรูป ด้านสาธารณสุข และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การนำแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (ดา้ นสาธารณสขุ ) เป็นไปอย่างมีประสิทธภิ าพและบรรลุเป้าหมายระดับกระทรวง “ประชาชนสุขภาพดี เจา้ หน้าท่ีมี ความสุข ระบบสุขภาพยั่งยืน” และสอดคล้องกับสถานการณป์ ัจจุบันและแนวโน้มทีก่ ำลังจะเกดิ ขึ้นมากท่ีสุด จึงได้ วางทิศทางในการวางแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (ด้านสาธารณสุข) เป็น 4 ระยะ ระยะละ 5 ปี และมีจุดเน้น หนักแต่ละระยะ คอื ระยะที่ 1 พ.ศ. 2560 – 2564 ปฏริ ูประบบ ระยะที่ 2 พ.ศ. 2565 – 2569 สร้างความเข้มแข็ง ระยะที่ 3 พ.ศ. 2570 – 2574 สคู่ วามย่ังยนื ระยะท่ี 4 พ.ศ. 2575 – 2579 เปน็ 1 ใน 3 ของเอเชีย แผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (ด้านสาธารณสุข) ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ 16 แผนงาน 48 โครงการ 8 ตวั ช้วี ดั หลกั ระดับองค์การ (Corporate KPIs) และ 96 ตวั ชว้ี ดั ตามยุทธศาสตร์ (Functional KPIs) โดย มีรายละเอียด ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเป็นเลิศ (Prevention & Promotion Excellence)ประกอบด้วย 4 แผนงาน 12 โครงการ 29 ตัวชี้วัดตามยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ที่ 2 บริการเป็นเลิศ (Service Excellence)ประกอบด้วย 6 แผนงาน 23 โครงการ 41 ตัวชี้วัดตามยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ที่ 3 บุคลากรเป็นเลิศ (People Excellence) ประกอบด้วย 1 แผนงาน 4 โครงการ 8 ตัวชี้วัดตามยุทธศาสตร์

34 ยุทธศาสตร์ที่ 4 บริหารเป็นเลิศด้วยธรรมาภิบาล (Governance Excellence) ประกอบด้วย 5 แผนงาน 9 โครงการ 18 ตัวชีว้ ดั ตามยทุ ธศาสตร์ รูปภาพที่ 5 ยทุ ธศาสตร์ความเป็นเลิศของกระทรวงสาธารณสุข 3. นโยบายของ นายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น (ด้านการพัฒนาคุณภาพคนและสังคม) เป้าหมายจะพัฒนาคนให้มีความพร้อมทั้งทางร่างกาย จิตใจ มีคุณธรรม และจริยธรรมในการ ดำรงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข มีสุขภาวะดีขึ้นทั้งทางร่างกาย จิตใจ และพัฒนาสังคมคน ขอนแก่นให้เป็นสังคมที่มีความเข้มแข็ง และมีดุลยภาพใน 3 ด้าน คือ เป็นสังคมคุณภาพสังคมแห่งภูมิปัญญาและ การเรียนรู้ และสังคมสมานฉันท์และเอื้ออาทร สำหรับเป็นทุนทางสังคมในการพัฒนาขอนแก่นให้ไปสู่เมืองน่าอยู่ อยา่ งยั่งยืน โดยมแี นวทางการพัฒนาทสี่ ำคัญ ประกอบดว้ ย 1. พัฒนาคุณภาพคนทุกกลุ่มวัยให้มีคุณธรรม จริยธรรม มีทักษะและการดำรงชีวิต อย่าง เหมาะสมในแต่ละชว่ งวยั สามารถปรับตัวรู้เทา่ ทันกับการเปล่ยี นแปลง มีโอกาสและสามารถเรียนร้ตู ลอดชวี ิตโดยให้ ความสำคัญกับการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเสริมสร้างศักยภาพของคนให้มีภูมิคุ้ มกันต่อการ เปลี่ยนแปลง และเป็นพลังทางสังคมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ และ สนับสนุนปจั จยั ท่ีก่อใหเ้ กิดการเรียนรูต้ ลอดชวี ิต

35 2. เสริมสร้างคุณธรม จริยธรรม และค่านิยมไทยแก่เด็กและเยาวชน ให้ตระหนักถึงคุณค่า วฒั นธรรมและภมู ิปัญญาไทย ดว้ ยการเสรมิ สรา้ งจติ สำนึกที่ดี มคี า่ นิยมท่พี ึงประสงค์ อยู่รว่ มกันด้วยความรัก ความ สามัคคี ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและวัฒนธรรมที่ดีงามของไทย และสร้างค่านิยมให้ภาคภูมิใจใน วฒั นธรรมไทย เพ่ือเป็นฐานในการกา้ วไปส่สู ังคมคุณภาพ 3. เสริมสร้างสุขภาวะให้คนมีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ ด้วยการส่งเสริม สนับสนุน และ พัฒนาระบบสุขภาพอย่างครบวงจร เน้นการดแู ลสุขภาพเชิงป้องกัน ควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพชุมชนในการเฝา้ ระวังและการจดั กรกบั โรคอบุ ัติใหม่อุบัติซำ้ ให้ทันต่อสถานการณ์ สนับสนุนการสร้างระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ส่งเสริมการแพทย์ทางเลือก ส่งเสริมบทบาทและเพิ่มขีดความสามารถของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ใหเ้ ปน็ นกั จดั การสุขภาพซุมซน ใหส้ ามารถเปน็ กำลงั สำคัญในการดแู ลสุขภาพของคนในชมุ ชน 4. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดให้กับประชาชน เยาวชนทั่วไป และเยาวซนกลุ่มเสี่ยง ไม่ให้ เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และสง่ เสริม สนบั สนนุ การแก้ไขปญั หายาเสพติดอย่างเป็นระบบครบวงจรทั้งด้านการ ปอ้ งกนั การปราบปราม การบำบัดรักษา และการฟน้ื ฟสู มรรถภาพผู้ตดิ ยาเสพติด 5. ส่งเสรมิ สนับสนนุ และพัฒนาการเล่นกฬี า เพอ่ื ออกกำลังกายและพัฒนาไปสู่การกีฬาระดับ อาชีพตามศักยภาพ รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการกีฬาให้ได้มาตรฐานสากล ทั้งด้านสิ่งอำนวยความ สะดวก สนามกฬี า วัสดุ อปุ กรณท์ ี่ทนั สมยั เพอ่ื ส่งเสรมิ การเล่นกีฬา และรองรับการเป็นเจ้าภาพจดั การแข่งขันกีฬา ในระดับต่าง ๆ 6. ฟื้นฟูวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ดีงาม อนุรักษ์ ทำนุบำรุง และบูรณะแหล่งศาสนาศิลปวัฒนธรรม โบราณสถาน โบราณวตั ถุทเี่ ป็นอกลกั ษณข์ องท้องถน่ิ และมีคุณคา่ ทางประวตั ิศาสตร์ให้เป็นมรดกของคนรุ่นต่อไป 4. ยุทธศาสตร์สุขภาพระดับพ้ืนที่ องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั ขอนแกน่ วสิ ัยทัศน์ “โรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพตำบลเป็น หน่วยบริการปฐมภูมทิ ่ีบูรณาการดา้ นสขุ ภาพสคู่ วาม เปน็ เลศิ ” พันธกิจ 1. พฒั นาระบบบริการสขุ ภาพ ให้ได้มาตรฐาน 2. สง่ เสริมและพัฒนา บคุ ลากรและเครือขา่ ย ด้านสขุ ภาพ 3. พัฒนาระบบบริหารจัดการ ระบบข้อมูลข่าวสาร เทคโนโลยีด้านการแพทย์และการ สาธารณสุขให้มปี ระสิทธภิ าพ

36 เปา้ ประสงค์ รพ.สต. มีระบบบรกิ ารสขุ ภาพท่ีไดม้ าตรฐานและยัง่ ยืน ระบบข้อมลู เทคโนโลยีดา้ นสุขภาพเป็น ปจั จบุ นั และทันสมยั บุคลากรและเครือข่ายสขุ ภาพมีสมรรถณะและมีความสุข ประชาชนสขุ ภาพดี ภายใน ปี 2570 ยทุ ธศาสตร์ 1) ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการพฒั นางานสาธารณสขุ มลู ฐาน ประกอบดว้ ย 1.1 กลยุทธก์ ารพฒั นาศักยภาพ อสม. สู่การเปน็ สมาร์ท อสม. และ อสม. หมอประจำบา้ น เพ่ือสนับสนุนนโยบายคนไทยทุกครอบครัวมีหมอประจำตัว 3 คน 1.2 กลยุทธ์การส่งเสริมความเป็นเลิศและเสริมสร้างแรงจูงใจในการจัดการสุขภาพขุมชน ของ อสม. 1.3 กลยุทธ์การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านสุขภาพในระดับพื้นที่โดยคณะกรรมการ พฒั นาคณุ ภาพชีวิตระดับตำบล (พชต./อำเภอ(พซอ.) 2) ยทุ ธศาสตร์ด้านการสง่ เสรมิ ป้องกนั ควบคุมโรคและภยั สุขภาพ ประกอบด้วย 2.1 กลยุทธ์การเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกันโรคพยาธิใบไมใ้ นตับและมะเร็งท่อน้ำดี โครงการ รณรงค์กำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งทอ่ น้ำดีเพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธคิ ุณ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมทั้งถวายเป็นพระราช กุศลแดส่ มเด็จพระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 2.2 กลยุทธ์การ เฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกันและรณรงค์และสนับสนุนทรัพยากร ในการ ควบคุมโรคติดต่อ โรคระบาดและโรคอุบตั ใิ หม่ อบุ ัตซิ ้ำ และภยั สขุ ภาพ 2.3 กลยุทธ์การส่งเสริมให้ประชาชนมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ (health literacy) โดย ส่งิ แวดลอ้ มท่เี อื้อตอ่ สุขภาพของ ประชาชน (healthy environment) 2.4 กลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพแนวทางส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มป่วย โรคเบาหวาน/ความดันโลหติ สูง 2.5 กลยุทธ์การพัฒนาศกั ยภาพในการจัดการสุขภาพของตนเองได้ของกลุ่มผ้ปู ว่ ยเรอ้ื รัง 2.6 กลยุทธ์การรณรงค์ป้องกนั และควบคุมโรคทเี่ ป็นปญั หาสาธารณสุข 2.7 กลยุทธ์สง่ เสริม ปอ้ งกนั แก้ไขปญั หายาเสพตดิ 2.8.กลยทุ ธร์ ณรงค์การคดั กรองโรคมะเร็งในชุมชน

37 3) ยุทธศาสตร์ด้านการพฒั นาระบบบรกิ ารสุขภาพระตบั ปฐมภูมิ ประกอบดว้ ย 3.1 กลยุทธ์การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานระบบบริการปฐมภูมิ ให้เป็นไปตาม พรบ. ระบบสขุ ภาพปฐมภูมิโดยบรู ณาการกับการสาธารณสขุ . 3.2 กลยุทธ์พัฒนาการบริการปฐมภูมิโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ได้แก่ คลินิกหมอ ครอบครวั , 3 หมอ 4) ยุทธศาสตร์ดา้ นการสง่ เสรมิ และสนับสนุน การแพทยแ์ ผนไหยและการแพทยท์ างเลือก ประกอบดว้ ย 4.1 กลยุทธก์ ารพฒั นาคุณภาพและมาตรฐานหนว่ ยบริการแพทย์แผนไทย 5) ยุทธศาสตรด์ ้านการฟ้ืนฟสู มรรถภาพดา้ นการแพทย์ ประกอบด้วย 5.1 กลยุทธ์การพัฒนาระบบบริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการแพทย์สำหรับคนพิการและ ผูส้ งู อายุ 5.2 กลยทุ ธ์การฟื้นฟสู มรรถภาพผูป้ ่วย ภาวะพ่ึงพงิ ในระดับชุมชนและในครอบครัว 6) ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการบรหิ ารจดั การและพฒั นาการแพทย์ฉุกเฉินและระบบการสง่ ต่อผปู้ ่วย ประกอบดว้ ย 6.1 กลยุทธพ์ ัฒนาระบบการแพทย์ฉกุ เฉนิ และการสง่ ตอ่ ผู้ป่วยให้มีมาตรฐาน 6.2 กลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิผลการปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อการส่งเสริม ป้องกันและสร้าง สงั คมแหง่ ความฉลาดรู้ ด้านการแพทย์ฉุกเฉิน 7) ยทุ ธศาสตร์ด้านการคุ้มครองผูบ้ ริโภค ประกอบดว้ ย 7.1 กลยุทฺธก์ ารพฒั นาศกั ยภาพและสร้างเครือข่ายระบบเฝ้าระวงั ด้านงานคุ้มครองผ้บู รโิ ภค 7.2 กลยทุ ธก์ ารสง่ เสรมิ การใช้ยาทีส่ มเหตุสมผล 8) ยทุ ธศาสตรก์ ารบริหารจดั การและธรรมาภบิ าล ประกอบด้วย 8.1 กลยุทธก์ ารพฒั นาระบบการบรหิ ารจดั การการเงนิ การคลัง ของ รพ.สต. 8.2 กลยทุ ธ์การพัฒนาสูอ่ งค์กรดจิ ิทัล 8.3 กลยทุ ธ์การพัฒนากำลงั คนด้านสุขภาพ 8.4 กลยุทธ์การพฒั นาระบบบริหารจัดการเพ่ือสนบั สนนุ งานตามภารกิจ

38 5. วสิ ัยทศั น์ พันธกจิ ของสำนกั งานสาธารณสุขอำเภอพระยนื วิสยั ทศั น์ “องค์กรหลักด้านสขุ ภาพ ด้วยการมีสว่ นรว่ มของภาคีเครอื ขา่ ย เพื่อประชาชนมีสุขภาพดี” พันธกิจ 1. พัฒนาแผนยุทธศาสตร์ดา้ นสุขภาพและการคุ้มครองผ้บู รโิ ภคทมี่ ีคุณภาพ 2. พฒั นาระบบการควบคมุ กำกบั ประเมินผล ให้มีประสิทธิภาพ 3. พัฒนาระบบบริการสุขภาพ (รักษา ส่งเสริม ป้องกันควบคุมโรค ฟื้นฟูสภาพและคุ้มครอง ผู้บริโภค) แบบผสมผสาน เป็นองค์รวมที่มีมาตรฐาน เพื่อตอบสนองต่อความตอ้ งการของประชาชนชาวอำเภอพระ ยืนไดอ้ ย่างเหมาะสม 4. พัฒนาระบบบริหารจัดการโดยยึดหลักธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนเป็น หลกั 5. พฒั นศกั ยภาพบุคลากรและภาคีเครือข่าย เพอ่ื สนับสนนุ การดำเนินงานระบบสุขภาพแบบมี สว่ นรว่ มประชาชน 6. ยุทธศาสตร์ขององคก์ ารบริหารสว่ นตำบลขามปอ้ ม วสิ ัยทัศน์ “ท้องถ่นิ น่าอยู่ เชิดชคู ุณธรรม นำการพฒั นา ส่งเสริมการศกึ ษาและพฒั นาอาชีพ” ยุทธศาสตร์ ยทุ ธศาสตร์ แนวทางการพัฒนา 1.ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสรา้ ง 1.1 พัฒนาทอ้ งถ่นิ เพ่อื รองรบั การเปลยี่ นแปลงในการเขา้ สู่ประชาคม พนื้ ฐาน เศรษฐกจิ อาเซียน และเป็นศนู ยก์ ลางการพัฒนาในด้านต่าง ๆ อย่างสมดลุ 1.2 พัฒนาเสน้ ทางคมนาคมและเสน้ ทางระบายนำ้ ใหไ้ ดม้ าตรฐาน และทัว่ ถงึ 1.3 พฒั นาระบบไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะและไฟฟ้าเพื่อการเกษตร 1.4 พัฒนาการบริหารจดั การน้ำอปุ โภคบริโภคและน้ำเพอื่ การเกษตร 1.5 พัฒนาพ้ืนท่ีสีเขยี วและปรับปรงุ ภูมิทศั นท์ ี่สวยงามเหมาะสม

39 2.ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาเศรษฐกจิ 2.1 สง่ เสริมการเกษตรตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ชมุ ชนใหม้ คี วามเข้มแข็งและยั่งยืน 2.2 เพ่ิมประสทิ ธิภาพการผลิตและสรา้ งมลู ค่าเพ่ิมให้ภาคการเกษตร 2.3 ยกระดับคุณภาพการผลิตพชื อาหารท่ปี ลอดภยั และสนับสนุน การเกษตรอินทรีย์เพ่ือภาวะสุขภาพ 2.4 สนบั สนนุ การพัฒนารปู แบบการถ่ายทอดเทคโนโลยกี ารเกษตรที่ เหมาะสมและนวัตกรรมในพื้นที่ 2.5 สง่ เสรมิ การพัฒนาแหล่งเรียนรู้และตน้ แบบเศรษฐกิจพอเพียง 3.ยทุ ธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพคน 3.1 สง่ เสรมิ และพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาพนื้ ฐานให้ไดม้ าตรฐานและ และสงั คมที่มีคุณภาพ สนบั สนนุ ใหไ้ ดร้ ับการพัฒนาเต็มศกั ยภาพ 3.2 เสริมสรา้ งคา่ นยิ ม คุณธรรม จริยธรรม จิตสาธารณะและวฒั นธรรม ทีด่ งี ามแกเ่ ด็กและเยาวชน 3.3 พฒั นาส่งเสริมสนบั สนุนการกีฬาข้นั พน้ื ฐานและการกฬี า/ นันทนาการเพ่อื ออกกำลงั กาย 3.4 อนรุ กั ษ์ สบื สานทำนุบำรุงศาสนา ศลิ ปวัฒนธรรมประเพณีและภมู ิ ปัญญาท้องถิน่ 3.5 ส่งเสริมสนบั สนุนและพฒั นาการประกอบอาชพี /ทกั ษะฝมี อื ทเี่ หมาะสมตรงกบั ศกั ยภาพของประชาชน 3.6 สง่ เสริม สนับสนนุ สวัสดกิ ารทางสังคมและสง่ เสรมิ ครอบครวั เข้มแข็ง 3.7 พัฒนายกระดับมาตรฐานสาธารณสุขให้มีคุณภาพและเข้าถงึ ได้ อยา่ งทว่ั ถึงเท่าเทียมในระดับปฐมภูมิ 4.ยทุ ธศาสตร์การเสริมสรา้ งความ 4.1 พัฒนาเพ่ิมประสทิ ธิภาพการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั ใน มนั่ คงและความปลอดภัยในชีวิตและ ท้องถนิ่ ทรัพย์สนิ 4.2 พฒั นา สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ระบบรกั ษาความปลอดภยั ในชมุ ชน แบบมีส่วนร่วม 4.3 ส่งเสรมิ สนับสนุนการป้องกนั และแก้ไขปัญหายาเสพติดและ อบายมุข

40 5.ยุทธศาสตรก์ ารบรหิ ารจดั การ 5.1 บรหิ ารจดั การ อนรุ กั ษ์ ฟ้ืนฟทู รัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม แบบบูรณาการและยง่ั ยนื 5.2 เพมิ่ ประสิทธิภาพการจดั การขยะชมุ ชน สิ่งปฏิกลู และน้ำเสีย 5.3 ส่งเสรมิ การใชพ้ ลังงานทางเลือก 6.ยุทธศาสตร์การพฒั นาการบริหาร 6.1 ส่งเสรมิ การกระจายอำนาจและการมีสว่ นร่วมของประชาชน ภาครฐั 6.2 สง่ เสรมิ สนบั สนุนการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและ นวัตกรรมใหม่ในการปฏบิ ัติงานและบริการประชาชน 6.3 พฒั นาขีดสมรรถนะของบุคลากรให้เพมิ่ ขน้ึ และพรอ้ มรับการ เปล่ยี นแปลง 6.4 พัฒนาระบบขอ้ มูลข่าวสารและความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้

41 ปญั หาสำคญั ในพ้นื ท่ีตำบลขามปอ้ ม อำเภอพระยนื จังหวดั ขอนแกน่ ตารางที่ 6 การจดั ลำดับความสำคัญของปญั หาในพ้ืนท่ีตำบลขามป้อม ปัญหา ขนาด ความ ความ ความ + x สรปุ (4) รุนแรง ยาก ตระหนัก ลำดับ (4) ง่าย (4) (4) 1.ปญั หายาเสพติดในวัยรนุ่ 14 2 4 11 32 2 - จำนวนผตู้ ิดยาเสพตดิ 30 ราย - จำนวนผปู้ ว่ ยจติ เวชจากติดยาเสพตดิ 10 ราย 2.ปัญหาคนในชุมชนเสยี ชีวิตด้วยภาวะหัวใจ 1 4 3 3 11 36 1 ล้มเหลว - จำนวนคนตายดว้ ยโรคหัวใจลม้ เหลว ปี 63-65 จำนวน 19 คน, 15 คน ,30 คน ตามลำดับ - ปี 2565 อัตราปว่ ยระบบไหลเวียน เลือด ปี 65 อตั รา 2,259 ตอ่ แสน ประชากร - จำนวนผปู้ ว่ ยดว้ ยโรค STEMI ปี 63- 65 จำนวน 21 ราย คดิ เปน็ ร้อยละ 0.76 ของประชากรอายุ 35 ปขี ึ้นไป - จำนวนผู้ปว่ ยโรค DM = 232 ราย HT=110 ราย DM+HT = 165 ราย 3.ปญั หาคนในชุมชนปว่ ยด้วยโรควณั โรคปอด 1 2 3 3 9 18 3 - ปี 66 คดั กรอง 227 คน พบปอดผิดปกติ จำนวน 8 ราย (4%) - ปี 66 จำนวนผู้ปว่ ยโรควัณโรค จำนวน 2 ราย คิดเป็นรอ้ ยละ 0.07 ของประชากรอายุ 35 ปีขึ้นไป

42 ปญั หา ขนาด ความ ความ ความ + x สรุป 4.ปญั หาคนในชมุ ชนปว่ ยด้วยไข้เลือดออก (4) รุนแรง ยาก ตระหนัก ลำดบั - ปี 66 จำนวนผปู้ ว่ ยด้วยโรคไข้เลือดออก จำนวน 1 คน (4) งา่ ย (4) อตั ราปว่ ย 17.42 ต่อแสนประชากร (เกณฑ์เป้าหมาย ≤ 6.3 ต่อประชากรแสน) (4) 12 4 2 9 16 4 เครือ่ งมือทใ่ี ช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ปญั หาสาธารณสุขในพน้ื ท่ี ในขั้นตอนนี้ เป็นการกำหนดเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อนำไปสู่การค้นหาและ วิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยทางด้านการบริหารที่ทำให้เกิดปัญหาสาธารณสุขดังกล่าว นำไปสู่การทำ SWOT Analysis ของพื้นท่ี ซึ่งจากการใช้กระบวนการกลุ่ม ไดม้ กี ารกำหนดให้ใช้เครื่องมือเป็นแบบสัมภาษณ์ท่ีมีโครงสร้าง คำถามในการค้นหาปัจจัยภายในตามกรอบการวิเคราะห์ปัจจัยภายใน ได้แก่ แนวคิด Six Building Blocks Plus ซึ่งประกอบไปด้วย 1. Health Service Delivery, 2. Health Workforce, 3. Health system financing, 4. Health information system, 5.Leadership & Governance, 6. Medical Products, Vaccine & Technology และ 7. Participation และค้นหาปัจจัยภายนอกโดยใช้ PESTEL Model (Team FME, 2016) ได้แก่ นโยบาย/ การเมือง (Policy) สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ (Economics) สังคม วัฒนธรรม ลักษณะประชากร (Social and demography) เทคโนโลยี (Technology) สงิ่ แวดลอ้ ม (Environment) กฎหมาย (Legal) ดงั รายละเอียดตอ่ ไปน้ี เมื่อได้จัดลำดับความสำคัญของปัญหาสาธารณสุขแล้ว คณะทำงานได้ทำการวิเคราะห์ สภาพแวดล้อม โดยใช้ Six Building Blocks Plus เพือ่ คน้ หาส่วนตา่ งทตี่ ้องพัฒนา ผลการวเิ คราะห์แสดงในตาราง ตอ่ ไปน้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook