45 พบว่า ประชาชนในชมุ ชนร่วมกนั กาหนดแผนกิจกรรมเพื่อการเรยี นรู้ ออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะท่ี 1 เตรยี มความรู้ ความเข้าใจให้กับประชาชน ระยะที่ 2 กระตนุ้ และพัฒนากลมุ่ ต่างๆ ในชุมชน และระยะท่ี 3 สร้างเครือข่ายการเรยี นรู้รว่ มกนั ทั้งภายในและภายนอกชุมชน ผลการประเมินการนารูปแบบชุมชน แห่งการเรียนรู้ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใชใ้ นพื้นที่ตน้ แบบ พบวา่ ประชาชนส่วนใหญ่ ยอมรับและใหค้ วามสนใจกบั แนวคิดปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งมากขน้ึ หลังจากทไี่ ดล้ งมือปฏบิ ัตจิ รงิ กฤษฎ์คิ าผา ชานาญ (2552 : 79 – 82) ได้ทาการพฒั นาความเปน็ องค์กรแห่ง การเรยี นรู้กรณีศึกษาโรงเรยี นเกาะโพธิ์ถว้ ยงามวทิ ยา สงั กัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาชลบรุ ี เขต 2 ผลการศึกษา พบว่า 1) ระดับความคดิ เหน็ ต่อความเป็นองค์กรแห่งการเรยี นรู้ของโรงเรียนเกาะโพธิ์ ถว้ ยงามวิทยา โดยรวมและรายองคป์ ระกอบอยใู่ นระดับ “มาก” ทุกองคป์ ระกอบเรียงลาดับค่าเฉลีย่ จากมากไปหาน้อย 3 อันดบั แรกคอื การจูงใจ ภาวะผนู้ าทางวชิ าการ และเทคโนโลยีและระบบงาน สว่ นคา่ เฉลี่ยอยูใ่ นระดบั “มาก” 3 อนั ดับสดุ ท้าย คือ การปฏบิ ัติดา้ นการจดั การ การปฏิบตั ิของครู และทมี งาน และการปฏบิ ตั ิด้านการบริหารและ 2) แนวทางการพฒั นาโรงเรยี นเกาะโพธิ์ถว้ ยงามวิทยา ไปส่คู วามเป็นองค์กรแหง่ การเรยี นรู้คอื ศึกษา วเิ คราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอก จัดทา แผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปี จดั หาบุคลากรท่ีมีความรู้ความสามารถตรงตามความต้องการของโรงเรยี น นเิ ทศการทางาน สับเปลี่ยนทีมงานในการปฏบิ ตั งิ านเพ่ือแลกเปลย่ี นเรียนรู้ พัฒนาระบบงานธุรการ และระบบติดต่อสื่อสารใหเ้ ป็นระบบคลอ่ งตวั รวดเรว็ และทันเวลา วางแผนงานการประกันคณุ ภาพ การศึกษา ปฏบิ ัตงิ านประกนั คุณภาพการศึกษาให้เปน็ เรอื่ งปกตขิ องชีวติ ประจาวัน มีระบบควบคุม คณุ ภาพการตรวจสอบคุณภาพและประเมนิ คุณภาพ มาลี สบื กระแส (2552 : 219 - 222) ได้ศึกษาวจิ ัยการพฒั นารูปแบบองค์กรแห่ง การเรียนรูข้ องสานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษา พบว่า สภาพปัจจุบนั การเปน็ องค์การแห่งการเรียนรู้ ของสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา มรี ะดบั การเป็นองค์กรแห่งการเรยี นรขู้ องสานกั งานเขตพน้ื ที่ การศกึ ษาโดยเฉลยี่ อยู่ในระดับมากและระดบั ปจั จัยทส่ี ง่ ผลตอ่ การเปน็ องคก์ รแห่งการเรียนรู้โดยเฉพาะ อยใู่ นระดับมาก และปจั จัยท่ีสง่ ผลตอ่ การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ และสามารถพยากรณก์ ารเป็น องค์การแหง่ การเรยี นรไู้ ด้ พบวา่ ตัวแปรพยากรณ์ทกุ ตัว พยากรณ์องค์การแหง่ การเรียนรู้ไดโ้ ดยมีค่า สมั ประสทิ ธกิ์ ารพยากรณ์อยู่ในระดับมาก รอ้ ยละ 65.30 องคก์ ารแห่งการเรยี นรู้อยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิตคิ ือ การสร้างวสิ ัยทัศน์ พันธกจิ และยุทธศาสตร์ (vision mission and strategies) การจดั ทา โครงสรา้ งและการบรหิ ารงาน (structiure and administration) การมภี าวะผู้นาทางวิชาการ (instructional leadership) และการกากบั ติดตามการดาเนนิ งาน (monitoring) สงา่ จ้องสาระ (2552 : 93-97) ได้ทาการวจิ ัยเรอ่ื ง การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ท่เี น้นผเู้ รยี นเปน็ สาคัญของครโู รงเรียนบ้านสวนผงึ้ สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต 3 ซึง่ มคี วามม่งุ หมายเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรูท้ ี่เนน้ ผู้เรยี นเป็นสาคัญของครโู รงเรียนบา้ นสวนผงึ้ สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษากาฬสินธ์ุ เขต 3 โดยมกี รอบการวิจยั คอื การจดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้ การจดั การเรียนรู้ที่เน้นผูเ้ รียนเป็นสาคญั โดยใชก้ ารวิจยั เชงิ ปฏิบัติการ 2 วงรอบ แต่ละวงรอบ ประกอบด้วย การวางแผน การปฏบิ ัติ การสังเกต และการสะทอ้ นผล กลุ่มผรู้ ่วมวจิ ยั มีจานวน 13 คน กลุ่มผูใ้ ห้ข้อมลู จานวน 18 คน เคร่อื งมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลในคร้งั นี้ คอื แบบสอบถาม แบบ สงั เกต และแบบประเมิน การวเิ คราะหข์ ้อมลู ใช้เทคนคิ การตรวจสอบแบบสามเส้า และนาเสนอผล การวิเคราะห์ข้อมลู เชิงบรรยาย ผลการวจิ ัยพบวา่ สภาพกอ่ นการพฒั นาครโู รงเรียนบา้ นสวนผงึ้ การ
46 จดั การเรียนรขู้ องครูส่วนมากยงั ไมป่ รับเปลยี่ นพฤติกรรมการจัดการเรยี นรู้ โดยจดั การเรยี นรแู้ บบยึด ครูเปน็ ศนู ย์กลาง ยดึ การจดั การเรียนร้แู บบครูเป็นคนบรรยายใหค้ วามรกู้ ับนักเรียนเปน็ ส่วนมาก ครเู ปน็ ผ้หู าความรูต้ ่างๆ มาให้นกั เรียน ครยู ังขาดการเตรยี มการสอน โดยเฉพาะการจัดทาแผนการ จัดการเรยี นรูส้ ่วนมากครูจะใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้สาเร็จรูปของของสานักพิมพ์ต่างๆ มาใชจ้ ดั การ เรียนรู้ เทคนคิ การจดั การเรียนรู้และการวดั ผลประเมินผลยังไมห่ ลากหลาย ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น บางกลมุ่ สาระยังตา่ กว่าเกณฑ์มาตรฐาน ผู้วจิ ยั จึงได้ใชก้ ลยุทธ์การพัฒนาในคร้งั นี้ 2 กลยุทธ์ คือ การประชุมเชิงปฏบิ ตั ิการและการนเิ ทศภายใน ผลการดาเนินการพัฒนาในวงรอบที่ 1 ใช้กลยทุ ธก์ าร ประชุมเชิงปฏบิ ตั กิ าร ผลการดาเนนิ การพัฒนาปรากฏวา่ กล่มุ ผู้ร่วมวจิ ยั มคี วามรูค้ วามเข้าใจตามกรอบ การพฒั นา คือ ทาให้ผู้รว่ มวิจัยทกุ คน มีความรูค้ วามเข้าใจเกย่ี วกับการจดั การเรียนรู้ท่ีเน้นผเู้ รยี นเปน็ สาคญั การจัดทาแผนการจัดกาเรียนรู้ การจดั การเรียนรูท้ ี่เน้นผูเ้ รียนเปน็ สาคัญและได้ฝึกปฏิบตั ิจรงิ จนสามารถเขียนแผนการจดั การเรยี นรูไ้ ดแ้ ละนาความร้แู ละทักษะที่ไดจ้ ากการประชมุ เชิงปฏบิ ตั กิ ารไป จัดทาแผนการจัดการเรียนรไู้ ด้ด้วยตนเอง จากการใช้กระบวนการนเิ ทศภายในโดยการสังเกตการณ์ จัดการเรียนรู้ เพ่ือกาเนิดตามการนาแผนการจดั การเรยี นรู้ของครไู ปใช้ในการจดั การเรียนรูใ้ นหอ้ งเรียน อย่างเป็นระบบและต่อเน่ือง พบว่าในการจัดการเรยี นรู้ของผรู้ ว่ มวจิ ยั ทัง้ 13 คน มกี ารปฏิบัตติ ามเกณฑ์ การจดั การเรยี นรูท้ ี่เน้นผูเ้ รยี นเปน็ สาคญั ในภาพรวมระดับพอใช้ จึงไดใ้ ช้กลยทุ ธ์ การนเิ ทศภายใน ดาเนนิ การพัฒนาตอ่ ในวงรอบที่ 2 ผลการพฒั นาด้วยการนเิ ทศภายใน พบวา่ ครูผรู้ ว่ มวิจยั ทั้ง 13 คน มีการพฒั นาและปรับปรุงการจัดทาแผนการเรยี นรู้ จดั การเรยี นรู้ไดใ้ นระดับดี ผลการพัฒนาการจัดการ เรียนร้ทู ่ีเน้นผเู้ รียนเปน็ สาคัญของครู โดยการประชมุ เชงิ ปฏิบตั ิการและการนเิ ทศภายใน สง่ ผลให้ ผูร้ ่วมวจิ ยั สามารถจดั การเรียนรอู้ ยา่ งต่อเน่ือง ผ้เู รยี นได้เรยี นร้ตู ามศักยภาพดังน้นั ผบู้ รหิ ารโรงเรยี น ครูผสู้ อน และผู้มสี ่วนเกยี่ วข้องจึงควรพฒั นากิจกรรมดงั กลา่ วให้ตอ่ เนือ่ งเพื่อใหก้ ารจัดการเรยี นรู้ มปี ระสิทธภิ าพมากขึน้ สมบตั ิ ยศปัญญา (2552 : 81-90) ไดท้ าการวิจยั เรือ่ ง แนวทางการจัดการเรียนรู้ ทีเ่ นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคัญในโรงเรียนสังกดั สานกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษาเลย เขต 1 ซึ่งมวี ัตถปุ ระสงค์ 1) เพ่ือศึกษาสภาพและปญั หา การจัดการเรยี นรู้ทเี่ นน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั ในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขต พ้ืนทก่ี ารศึกษาเลย เขต 1 2) เพื่อเปรยี บเทียบความคดิ เห็นเก่ยี วกับสภาพและปญั หาการจัดการเรียนรู้ ทีเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญในโรงเรยี นสงั กดั สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาเลย เขต 1 จาแนกตามหน้าทีแ่ ละ ขนาดของโรงเรยี น 3) เพอ่ื หาแนวทางการพัฒนาการจัดการเรยี นรู้ที่เน้นผูเ้ รยี นเปน็ สาคัญในโรงเรยี น สังกดั สานักงานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษาเลย เขต 1 กลุ่มตวั อย่างท่ใี ชใ้ นการวจิ ัยประกอบดว้ ย ข้าราชการครู และบคุ ลากรทางการศึกษา จานวน 341 คน เครอื่ งมือทใ่ี ช้ในการวจิ ยั เปน็ แบบสอบถาม มีคา่ ความ เทยี่ งเท่ากบั 0.92 วเิ คราะห์ข้อมลู โดยการหาคา่ ความถ่ี คา่ ร้อยละ คา่ เฉลีย่ คา่ เบีย่ งเบนมาตรฐาน การ ทดสอบทางสถิตทิ ี (t-test) สว่ นการเกบ็ ข้อมลู โดยการสนทนากลุ่มใช้การวเิ คราะหเ์ นื้อหา ผลการวิจยั พบวา่ 1) ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา มีความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั สภาพการจัดการเรยี นรูท้ ่ี เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั โดยภาพรวมอยใู่ นระดับมาก และพบวา่ มปี ัญหาโดยภาพรวมอยูใ่ นระดับน้อย 2) ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาท่ีมีตาแหน่งหน้าท่ีต่างกัน มีความคดิ เห็นเกี่ยวกับสภาพและ ปัญหาการจัดการเรียนรู้ทีเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสาคญั ในโรงเรียนสังกัดสานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาเลย เขต 1 โดยภาพรวมไม่แตกต่างกันอย่างมีนยั สาคัญทางสถิติทรี่ ะดบั .05 3) ขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการ ศึกษา มคี วามคิดเห็นเก่ียวกับสภาพและปญั หาการจัดการเรียนรูท้ ่ีเน้นผูเ้ รียนเป็นสาคญั ในโรงเรยี น
47 สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาเลย เขต 1 จาแนกตามขนาดของโรงเรียนโดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน อย่างมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .05 เมื่อพิจารณาความคดิ เห็นเกีย่ วกับปญั หา พบว่า โดยภาพรวม แตกตา่ งกนั อย่างมีนัยสาคัญทางสถติ ทิ ี่ระดับ .05 4) ผมู้ ีสว่ นเกี่ยวข้องมีความเหน็ ตรงกันว่าแนวทาง การพัฒนาการจัดการเรยี นรู้ที่เน้นผเู้ รยี นเป็นสาคัญ ในโรงเรยี นสงั กัดสานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาเลย เขต 1 น้ันจะต้องพฒั นาทัง้ ระบบสรา้ งความเขา้ ใจรว่ มกันระหว่าง ผ้บู รหิ าร ครู นักเรียน คณะกรรมการ สถานศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน และผู้ปกครองนักเรียน ให้ทุกคนมีส่วนรว่ มในการวางแผนการจดั กจิ กรรมการ เรยี นรคู้ รจู ะต้องเข้าใจเกย่ี วกับการจัดการเรยี นรู้ที่เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคญั ครูต้องพฒั นาตนเองให้อยใู่ น กรอบศีลธรรมและวัฒนธรรมไทย มีความรบั ผดิ ชอบต่อการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ครูต้องจัดการเรียนรโู้ ดยให้ ผเู้ รียนได้เรียนรอู้ ยา่ งมีความสุข จากการปฏิบัตจิ ริงครคู วรเปดิ โอกาสให้นักเรียนไดแ้ สดงออกอย่างอิสระ ตามความสามารถเป็นรายบุคคล ครคู วรนาวสั ดใุ นทอ้ งถิ่นมาประยุกต์ใชใ้ นการผลติ ส่อื ส่ือมีความ หลากหลาย มีความเพยี งพอ มคี วามเหมาะสมกบั วยั ของผู้เรยี น ครแู ละนกั เรยี นควรมีส่วนร่วมในการ ผลติ ส่อื และการประเมินผลการเรยี นรนู้ น้ั ต้องประเมนิ อย่างหลากหลาย ทุกฝา่ ยมีส่วนรว่ มและจะต้อง รายงานผลใหผ้ ้ปู กครองและผู้มีสว่ นได้เสียทราบต่อไป รตั ติญา บญุ เอ่ียม (2552 : 101-107) ไดท้ าการวจิ ัยเรอื่ ง การพฒั นาคุณภาพการจัด การเรียนร้ทู ี่เน้นผเู้ รยี นเป็นสาคัญของครผู สู้ อน โรงเรียนปา่ ไม้อทุ ิศ 4 สานกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษาตาก เขต 2 มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือศึกษาสภาพและปัญหาการจดั การเรียนรทู้ เี่ น้นผเู้ รยี น เปน็ สาคัญของครผู ้สู อน โรงเรยี นป่าไม้อุทศิ 4 สานกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาตาก เขต 2 และศึกษา ผลการพฒั นา การจดั การเรียนร้ทู ่ีเน้นผเู้ รียนเปน็ สาคญั ของครผู ู้สอน โรงเรียนป่าไม้อทุ ิศ 4 สานักงานเขตพน้ื ที่ การศึกษาตาก เขต 2 กล่มุ ตัวอยา่ ง คือ ผู้บรหิ ารและครูผสู้ อน โรงเรียนปา่ ไม้อทุ ิศ 4 จานวน 38 คน นกั เรยี นต้งั แต่ชว่ งชัน้ ท่ี 1 – 4 จานวน 280 คน เคร่ืองมอื ท่ีใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมลู มี 2 ฉบบั ฉบับ แรกเป็นแบบสอบถามสาหรบั ผ้บู รหิ ารและครูผสู้ อน ฉบบั ท่ี 2 เปน็ แบบสอบถามสาหรับนักเรยี น การ วเิ คราะหข์ ้อมลู ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สาเร็จรปู หา เพ่ือหาค่ารอ้ ยละ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบน มาตรฐาน ผลการวจิ ยั พบวา่ ผบู้ รหิ าร ครผู ้สู อนและนกั เรียนมคี วามคดิ เห็นทีส่ อดคลอ้ งกันวา่ ปญั หา คือ ครยู งั มพี ฤติกรรมการสอนเหมือนเดิมไม่ปรับเปล่ยี น สอนแบบเปิดหนงั สอื ไม่มกี ิจกรรมเร้าใจ ไมจ่ ัดหาส่อื ท่สี อดคล้องกบั ผู้เรียน ไมน่ าแผนการจัดการเรียนรไู้ ปใชจ้ ริง มีแผนการจัดการเรียนรไู้ ว้ เพือ่ การประเมนิ ขาดเทคนิคการสอนการใช้สือ่ นอ้ ย นักเรียนขาดการมสี ่วนร่วม ในการจดั กจิ กรรม การเรยี นรู้ ผวู้ ิจยั จงึ ได้นาไปเป็นหวั ข้อในการจัดอบรมเชงิ ปฏิบตั ิการเพื่อพฒั นาคุณภาพการจัดการเรยี นรู้ ท่ีเนน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สาคญั ในตอนที่ 2 ต่อไป ระยะที่ 2 การศึกษาผลการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ทีเ่ นน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สาคัญ ดาเนินการโดยการจดั การอบรมเชงิ ปฏิบตั ิการด้านการจดั การเรยี นรทู้ ี่เน้นผเู้ รยี น เป็นสาคัญให้กบั ครใู นโรงเรยี นป่าไม้อทุ ศิ 4 จานวน 38 คน และเปรียบเทยี บคะแนนความรู้เก่ียวกับ การจดั การเรียนร้โู ดยเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคัญของครูระหว่างก่อนการอบรมและหลังอบรม โดยใช้ แบบทดสอบ จานวน 30 ข้อ เป็นเครือ่ งมอื ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล วเิ คราะห์ข้อมูลโดยใช้ สถิติที แบบกลุ่มตวั อย่างสัมพันธ์กนั ผลการศกึ ษาพบว่า ครูมคี วามรู้เก่ยี วกบั การจัดการเรยี นรูท้ ่ีเน้นผเู้ รียน เปน็ สาคญั หลังการอบรมสงู กวา่ กอ่ นการอบรมอยา่ งมนี ยั สาคญั ทางสถิติท่รี ะดบั .05 หลงั จากน้ันได้
48 ศกึ ษาเกย่ี วกบั การนาความรู้ไปใช้ในการจดั การเรยี นรู้ทีเ่ นน้ ผเู้ รียนเป็นสาคัญเปน็ ระยะเวลา 4 เดือน เก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยใช้แบบประเมินการจัดการเรยี นรู้ท่ีเน้นผ้เู รียน เป็นสาคัญ วเิ คราะห์ขอ้ มูลเชิง ปรมิ าณโดยการวิเคราะหค์ า่ เฉลี่ยและสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน ส่วนข้อมลู เชิงคณุ ภาพวเิ คราะหโ์ ดย การวเิ คราะห์เนื้อหา ผลการศึกษาพบว่า ครผู สู้ อนมีความสามารถจัดการเรียนรทู้ ี่เนน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั ในระดับมาก ค่าเฉล่ียสูงสดุ คือ ครสู ามารถจัดสงิ่ แวดล้อมและบรรยากาศท่เี ร้าใจ จงู ใจ เสริมแรงให้ ผเู้ รยี นได้เรียนรอู้ ยา่ งเต็มศักยภาพ สามารถจดั กิจกรรมการเรียนรูใ้ ห้ผเู้ รียนมสี ่วนร่วมในกิจกรรมการ เรียนรู้และได้ฝึกปฏบิ ัตจิ รงิ เปิดโอกาสให้ผ้เู รยี นได้มสี ่วนรว่ มในการกาหนดและเลอื กวธิ ีการจัดกิจกรรม การเรยี นรู้ เชอื่ มโยงประสบการณก์ ารเรยี นรู้ของผเู้ รียนเข้ากับชีวติ จรงิ ใชเ้ ทคนคิ วิธีการกระตนุ้ ความคดิ จนิ ตนาการและการแสดงออกในการสรา้ งสรรค์ผลงานของผู้เรยี น สง่ เสรมิ ผู้เรียนให้ค้นคว้าและเรียนรู้ ด้วยตนเองและมคี วามคดิ สร้างสรรค์ เปิดโอกาสใหผ้ ้เู รยี นได้แกป้ ญั หาด้วยตนเอง กิจกรรมการเรยี นรู้ สอดคลอ้ งกับจุดมุ่งหมายของหลักสตู ร เนน้ กระบวนการกลุ่มและยึดผูเ้ รยี น เปน็ สาคญั ส่งเสรมิ ปฏสิ มั พันธร์ ะหว่างผูเ้ รยี นกับผู้เรยี น ผเู้ รยี นกบั กลุ่มและผเู้ รียนกับครูผู้สอน ชแ้ี จงแผนการจดั การเรียนรู้ ใหก้ บั ผเู้ รียนอยา่ งชดั เจน และมกี ารสารวจแหล่งข้อมลู สาหรับผเู้ รยี นเพื่อการศึกษาค้นควา้ ตามลาดบั ชวนยี ์ พงศาพชิ ณ์, นพคณุ สขุ สถาน, วิมล เหมอื นคิด และ สุนทรี ศักด์ศิ รี (2551). ได้ทาวจิ ัย เรอ่ื ง ความพึงพอใจของนักศกึ ษาต่อการเรียนการสอนแบบบูรณาการ : กรณีศึกษาวชิ า มนษุ ยสัมพันธ์ มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือศึกษาระดับความพึงพอใจของนักศึกษาทีม่ ีต่อการเรยี นการสอน แบบบูรณาการ และเปรียบเทียบระดบั ความพงึ พอใจของ นักศึกษา จาแนกตามลกั ษณะส่วนบุคคล และประเภทของกิจกรรมบูรณาการ กลมุ่ ตัวอยา่ งที่ใชใ้ นการวจิ ัยคร้ังน้ี เป็นนกั ศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรี ของสถาบนั เทคโนโลยี พระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในรายวชิ า 836350 มนษุ ยสมั พนั ธ์ ในปกี ารศึกษา 1/2550 จานวน 391 คน เครื่องมือทใ่ี ช้ในการวจิ ยั คอื แบบสอบถาม สถิติท่ใี ช้ ได้แก่ คา่ รอ้ ยละ คา่ เฉลีย่ เลขคณติ ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน การทดสอบที และการวเิ คราะหค์ วามแปรปรวน ทางเดียว ผลการวิจัยพบวา่ ระดบั ความพงึ พอใจของ นักศึกษาท่ีมีต่อการเรยี นการสอนแบบบูรณาการ โดยรวม อยใู่ นระดบั สูง และมีความพงึ พอใจด้านตา่ งๆ อยู่ในระดับสูงทุกดา้ น โดยมีความพึงพอใจดา้ นรปู แบบ กิจกรรมบรู ณาการสงู สุด ส่วนการเปรยี บเทียบลักษณะสว่ นบุคคลกบั ความพึงพอใจของนักศึกษา พบวา่ นักศึกษา ที่ศกึ ษาในภาควิชาแตกต่างกนั มีความพงึ พอใจต่อ การเรียนการสอนแบบบูรณาการ แตกตา่ งกันอย่างมี นยั สาคญั ท่รี ะดับ .01 และนกั ศึกษาทีศ่ ึกษาในคณะ แตกตา่ งกนั มีความพงึ พอใจ ตอ่ การเรียนการสอนแบบบรู ณาการแตกต่างกันอย่างมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดบั .05 สว่ นนกั ศึกษา ท่ีมปี ัจจัยดา้ น เพศ หลักสตู ร ชั้นปี สถานศกึ ษาและประเภทของกิจกรรมบรู ณาการท่เี ลือกแตกตา่ งกัน มีความพึงพอใจต่อการเรียนการสอนแบบบูรณาการไม่แตกตา่ งกนั ธนบดี บวั ใหญ่รกั ษา (2550 : 86-97) ไดท้ าการศึกษาเร่ือง แนวทางการพฒั นาครู ในการจดั การเรยี นการสอนท่ีเนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคัญ : กรณศี ึกษาโรงเรยี นบา้ นสวนห้อมผางาม สงั กดั สานกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษาเลย เขต 2 วตั ถปุ ระสงค์เพ่ือศึกษาสภาพปัจจบุ นั และสภาพปญั หาความ
49 คาดหวังของผมู้ ีสว่ นไดส้ ่วนเสยี และแนวทางการพัฒนาครูในการจัดการเรยี นการสอนที่เนน้ ผู้เรยี น เปน็ สาคญั ของโรงเรียนบา้ นสวนหอ้ มผางาม สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาเลย เขต 2 ซ่ึงเป็น การวิจัยเชิงคณุ ภาพทีเ่ ก็บรวบรวมข้อมูลจากกลมุ่ ผ้มู ีส่วนได้เสยี ของโรงเรียน ประกอบดว้ ย ครูและ บคุ ลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พื้นฐานของโรงเรียน ผปู้ กครองนักเรยี น ผ้นู าชมุ ชนและผู้นานักเรยี น เคร่อื งมือที่ใชเ้ กบ็ รวบรวมข้อมูล ใช้เทคนิคการศึกษาจากเอกสาร การ สนทนากลุ่มการสัมภาษณเ์ ชงิ ลกึ การสงั เกต การเปิดเวทีคืนขอ้ มูลและเทคนิค Swot แลว้ นามา ดาเนนิ การวิเคราะหโ์ ดยใช้ การวเิ คราะห์ข้อมลู เชงิ เนอ้ื หาตามแนวทางการวเิ คราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ผลการศกึ ษาสภาพปจั จุบนั และปญั หา โดยภาพรวม พบวา่ ครูมคี วามรู้ เข้าใจเปา้ หมายการจดั การ ศกึ ษาและหลักสตู รการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พ.ศ. 2544 นอ้ ยมาก ครมู สี ่วนรว่ มในการทาหลักสตู ร สถานศึกษานอ้ ยมาก หลักสตู รสถานศึกษาท่ใี ช้อยคู่ ัดลอกมาจากโรงเรียนอ่นื ครไู มท่ าการวิเคราะห์ หลกั สูตร มีการจดั แผนการเรยี นรู้แต่ไมเ่ นน้ ผ้เู รยี นเปน็ สาคัญ ไมไ่ ด้นาไปใชใ้ นการสอนจริง ครจู ัด กิจกรรมการเรียนการสอนแบบเดมิ ครูไมเ่ ปลีย่ นพฤติกรรมในการเรยี นการสอน ครจู ดั การเรยี น การสอน ไม่สอดคล้องกบั ความต้องการของนกั เรยี นและชมุ ชน ครูสว่ นใหญไ่ ม่มีการวิเคราะหน์ กั เรยี น เป็นรายบุคคล การเย่ียมบ้านนักเรียนไม่ทั่วถึงและไม่ต่อเน่ือง ครไู ม่ใช้สือ่ และเทคโนโลยีในการสอน ครูมีการวัดผลประเมนิ ผล เพื่อวดั ความรู้ ความเขา้ ใจ ไมไ่ ด้วดั ผลประเมนิ ผลเพ่อื พฒั นาผู้เรียน ครมู กี ารทาวิจัยในชั้นเรยี นน้อยมาก และไม่ไดน้ าผลการวิจัยมาพฒั นาผูเ้ รียน จากสภาพปัจจบุ นั ดงั กล่าว พบว่า ครูไม่เพียงพอ ครไู ม่ได้สอนตามวิชาเอก ครูมภี าระงานการสอนและงานอืน่ ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย มากเกินไปทาให้ไมม่ เี วลาเตรียมการสอน ครูมีอายรุ าชการนาน รับราชการในโรงเรียนเดมิ นาน ไม่มกี ารย้าย โรงเรยี น มีงบประมาณด้านการสนบั สนนุ ในการพัฒนาครูในเร่ืองการจดั การเรียนการสอน ทีเ่ น้นผเู้ รียนเป็นสาคัญ เทคนิคการสอนท่ีหลากหลาย การจดั ทาแผนการสอน แผนเรียนรู้แบบบูรณา การ การผลิตและการจัดหาส่ือ เทคโนโลยี การวดั ผลประเมินผล การวิจยั ในชนั้ เรยี นอย่างเพียงพอ ครูขาดความรูค้ วามเข้าใจในเปา้ หมายของการจัดการศึกษาและหลักสตู รสถานศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน ครไู ม่สามารถจัดทาหลกั สตู รสถานศึกษาเองได้ การจดั การเรียนการสอนนกั เรียนไม่มสี ว่ นรว่ ม นักเรยี น ถกู บงั คบั ใหร้ บั ความร้เู พียงอย่างเดียว ครูไม่เปลย่ี นแปลงพฤติกรรมในการจัด การเรียนการสอนและ ไม่สนใจในการพฒั นาตนเอง นกั เรียนไม่ได้รับการพฒั นาอย่างเตม็ ศักยภาพ นกั เรียนมผี ลสัมฤทธ์ทิ าง การเรยี นตา่ กวา่ เกณฑม์ าตรฐาน จากสภาพปัจจบุ นั และปัญหาดงั กล่าว ผมู้ สี ว่ นได้สว่ นเสียมคี วาม คาดหวงั ตอ้ งการใหค้ รูมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในเป้าหมายการจดั การศึกษา และสามารถจัดทาหลักสูตร สถานศึกษาได้อย่างแทจ้ รงิ มคี วามรู้ ความสามารถ และทักษะการจัดทาแผนการเรียนรู้แบบบรู ณาการ จดั การเรียนการสอนโดยเน้นผเู้ รียนเปน็ สาคัญ ครผู ู้สอนโดยใช้เทคนิควธิ ใี นการสอนทหี่ ลากหลายให้ นักเรยี นมสี ่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ครทู ุกคนมีความรู้ มที ักษะ มีความชานาญ ในการผลติ และเลือกใช้ส่ือนวัตกรรม เทคโนโลยีในการสอน ใหค้ วามรักความอบอนุ่ และเอาใจใสเ่ ยยี่ ม เยือนนกั เรียนให้ท่วั ถงึ มกี ารวดั และประเมินผลนักเรียนตามสภาพจรงิ และนาผลการวัดและประเมินผล
50 มาปรบั ปรุงการเรียนการสอน โดยใหผ้ ู้ปกครองมสี ่วนรว่ ม เพ่อื การพัฒนาผเู้ รยี นและพัฒนาตนเองของ ครสู คู่ รมู ืออาชีพตอ่ ผลจากการศึกษาของผู้ทีม่ สี ว่ นไดส้ ว่ ยเสียได้เสนอแนวทาง การพัฒนาครูในการ จดั การเรยี นการสอนทีเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั โดยให้ครูมีการศกึ ษาคน้ ควา้ ใฝร่ ู้ ใฝ่เรยี น เขา้ รบั การอบรม สัมมนาประชมุ เชิงปฏิบัติการในเรอื่ งหลักสูตรสถานศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน เทคนิคการสอนใหม่ ๆ การวดั ผล ประเมินผลของนกั เรียน การวิจยั ในชั้นเรยี นอยา่ งน้อยปลี ะ 1 ครงั้ เพื่อนามาปรบั เปลี่ยนพฤติกรรม ในการจดั การเรยี นการสอนโดยใหเ้ น้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โรงเรียนจัดงบประมาณสนบั สนุนในการอบรม ครภู ายในโรงเรียนและสง่ ครูเขา้ รับการอบรม สมั มนา ประชมุ เชิงปฏิบัติการในเรอ่ื งทเี่ ก่ยี วกบั การพัฒนา ครู ในการจัดการเรียนการสอนท่เี น้นผู้เรียนเปน็ สาคญั ให้เพียงพอ ครูทุกคนในโรงเรียนควรมีการ แลกเปลย่ี นเรยี นรูใ้ นเรื่องการจดั การเรียนการสอนท่ีเน้นผเู้ รยี นเปน็ สาคัญเดอื นละ 1 คร้งั โรงเรยี น ต้องมีการนเิ ทศภายในเพื่อชว่ ยเหลือครูในการจัด การเรียนการสอนและพัฒนาผ้เู รยี นอย่างตอ่ เนื่อง สุมติ ร โชควิทยา (2549) ได้ทาวจิ ัยเรื่อง การศกึ ษาความพงึ พอใจในการจัดการเรยี น การสอน หลกั สตู รประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช.) ระบบเทียบโอนความรแู้ ละประสบการณ์ วิทยาลยั สารพดั ชา่ งสพี่ ระยา ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2549 มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือรายงานผลและศึกษาความ พึงพอใจในการจดั การเรียนการสอน หลกั สตู รประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ (ปวช.) ระบบเทยี บโอนความรู้ และประสบการณ์ของวิทยาลัยสารพดั ช่างส่พี ระยา ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2549 ผลการวจิ ัยพบวา่ มีความพึงพอใจในภาพรวมระดับมาก ดงั นี้ 1. ความพึงพอใจของนกั เรยี นต่อการจดั การเรยี นการสอนหลกั สูตร ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช.) ระบบเทยี บโอนความรู้ และประสบการณข์ องวทิ ยาลัยสารพัดช่าง สี่พระยา นักเรยี นมีความพงึ พอใจในภาพรวมในระดบั มาก โดยเฉพาะดา้ นหลักสูตรประกาศนยี บตั ร วชิ าชีพ (ปวช.) ระบบเทยี บโอนความร้แู ละประสบการณใ์ นสาขาวิชาท่จี ัดศกึ ษาอยู่มีความพึงพอใจ ในระดับมาก ดา้ นวิธีการสอนของครผู ู้สอนนักเรยี นมีความพึงพอใจทค่ี รผู สู้ อนเนน้ การสอนดา้ นปฏิบตั ิ อยู่ในระดบั มากทีส่ ดุ ด้านความรขู้ องครูผู้สอนนักเรยี นมีความพึงพอใจท่ีครูผสู้ อนมคี ุณวฒุ ติ รงกบั วิชา ทสี่ อนในระดบั มาก ดา้ นสือ่ การสอนและอุปกรณ์การสอนนักเรียนมีความพงึ พอใจท่ีครผู สู้ อนใชบ้ ทเรียน ออนไลน์ (E-LEARNING) ในการสอนอยู่ในระดบั มากทีส่ ุด ด้านบุคลิกภาพของครูผสู้ อนนักเรยี นมี ความพงึ พอใจที่ครผู สู้ อนมีคุณลกั ษณะเหมาะสมในความเปน็ ครใู นระดบั มากที่สุด ด้านจรยิ ธรรม ของครผู สู้ อนนักเรยี นมีความพงึ พอใจทีค่ รผู ู้สอนสง่ เสริมให้นักเรียนภมู ใิ จและรักในวชิ าชพี ของตนใน ระดบั มากท่สี ุด ด้านอาคารและสถานทนี่ ักเรียนมีความพงึ พอใจในการจดั บรเิ วณและส่ิงแวดล้อม ภายในวิทยาลัยได้อย่างเหมาะสมในระดับมาก ด้านงานกิจกรรมนักเรยี นพึงพอใจในการจัดงานวันไหว้ครู ในระดบั มากท่สี ุด ด้านงานแนะแนวการศึกษา นักเรียนมีความพึงพอใจในการจัดโครงการปฐมนิเทศ อยู่ในระดับมาก ดา้ นงานสวสั ดิการนกั เรียนพึงพอใจการบริการน้าด่มื ภายในสถานศึกษาในระดบั มาก ด้านงานทะเบยี นและวัดผลนักเรยี นพงึ พอใจการใหบ้ รกิ ารงานทะเบยี นและวดั ผลเหมาะสมในระดับมาก ดา้ นงานประชาสัมพนั ธ์นกั เรยี นพึงพอใจ ในเรื่องชอ่ื เสียงของสถานศึกษาเป็นที่รจู้ ักในวงการศกึ ษา
51 วิชาชีพ หน่วยงานตา่ งๆและในสงั คมท่วั ไปในระดับมาก 2. ดา้ นความพงึ พอใจของครูผู้สอน ต่อการจดั การเรยี นการสอนหลักสูตร ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ (ปวช.) ระบบเทยี บโอนความรู้และประสบการณ์ของวทิ ยาลยั สารพัดช่าง สีพ่ ระยา ครูผู้สอนมคี วามพงึ พอใจในภาพรวมในระดับมาก โดยเฉพาะดา้ นนักเรยี นมีความสภุ าพ เรียบร้อยและสามารถประยุกตค์ วามรู้ที่ไดร้ ับไปใชใ้ นชีวิตประจาวันในระดับมาก ด้านการจัดการศกึ ษา ของวทิ ยาลัยครูผูส้ อนมีความพึงพอใจเร่ืองหลักสตู รมีความเหมาะสมในระดบั มากและนกั เรยี นสามารถ นาความรไู้ ปประกอบอาชพี ได้ในระดับมาก 3. ด้านความพงึ พอใจของสถานประกอบการ ต่อการจดั การเรยี นการสอน หลกั สูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชพี (ปวช.) ระบบเทยี บโอนความรู้และประสบการณ์ของวิทยาลยั สารพัด ชา่ งส่พี ระยา สถานประกอบการมีความพึงพอใจในภาพรวมที่ระดับมาก โดยเฉพาะด้านระเบียบวนิ ัยใน การทางานนักเรยี นมีความรบั ผดิ ชอบในงานท่ีได้รบั มอบหมาย และความขยันหม่นั เพียรในการทางานใน ระดับมาก ด้านความรู้ ความสามารถและทกั ษะวิชาชีพ สามารถทางานกบั ผู้อ่นื ได้ คณุ ภาพของผลงาน มีไหวพรบิ ในการทางาน รวมถงึ ความสามารถในการแก้ไขปญั หาได้ในระดับมาก ด้านมนุษยสัมพันธร์ ู้จกั พดู ให้กาลงั ใจเพื่อนและผอู้ น่ื เปน็ ผ้นู าและผู้ตามที่ดี และยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผู้อ่ืน ในระดับมาก สรุ พงค์ เอื้อศริ ิพรฤทธ์ิ (2547 : 174 – 183) ได้ทาการวจิ ัยเรือ่ ง การพฒั นาตัวบ่งช้ี รวมความเปน็ องค์กรแห่งการเรยี นรขู้ องสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ในจังหวดั ภาคใต้ ผลการวจิ ัยพบว่า 1) ตวั แปรท่เี ป็นองค์ประกอบหลกั ท่ีมีอิทธิพลต่อความเปน็ องค์กรแห่งการเรยี นรขู้ องสถานศึกษา ข้นั พน้ื ฐานในจังหวัดภาคใต้ ประกอบด้วย 5 องคป์ ระกอบหลักคอื องค์กร ภาวะผูน้ า การเรยี นรู้ การจัดการความรู้ และเทคโนโลยี ซึ่งทัง้ 5 องคป์ ระกอบหลักจะต้องปฏบิ ัติผา่ นตวั แปรทเี่ ป็นองค์กร แหง่ การเรยี นรู้ทเ่ี ปน็ องคป์ ระกอบย่อยทง้ั หมด 13 องค์ประกอบ และตัวบง่ ชีค้ วามเปน็ องค์กร แหง่ การเรยี นรู้ 62 ตวั 2) ตัวบง่ ชี้รวมความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของสถานศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน ในจงั หวัดภาคใต้ ประกอบดว้ ยตัวบ่งช้ที ่เี ปน็ องค์ประกอบหลกั รวม 5 องคป์ ระกอบ เรียงลาดับ ตามน้าหนักองค์ประกอบจากมากไปนอ้ ยไดด้ ังนี้ การเรยี นรู้ การจัดการความรู้ องค์กร ภาวะผนู้ า และเทคโนโลยี 3) ผลการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงโครงสรา้ งของโมเดลความเปน็ องค์กรแห่ง การเรียนรูข้ องสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานในจงั หวดั ภาคใต้กับข้อมลู เชิงประจักษโ์ ดยใชค้ ่าไค–สแควร์ ค่าดัชนวี ดั ระดบั ความกลมกลืน และคา่ ดัชนวี ัดระดับความกลมกลนื ท่ีปรบั แกแ้ ล้ว ทดสอบสมมตฐิ าน การวจิ ัย ผลการทดสอบพบว่า โมเดลมคี วามสอดคลอ้ งกับข้อมลู เชงิ ประจักษม์ นี ยั สาคญั ทางสถติ ิ พนมพร ปิยธรรมาภรณ ได้ทาวจิ ัยเรื่อง การศกึ ษาความพึงพอใจของผ้เู รียน ต่อการจัดการเรยี นรู้ท่ีเนน้ ผ้เู รียนเป็นสาคัญในโรงเรียนมัธยมศึกษา กลมุ่ โรงเรียนกรมสามญั ศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร กล่มุ ที่ 8 มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ ศึกษา (1) ความพงึ พอใจของผ้เู รียนตอ่ การจัดการเรียนรู้ ทเ่ี นน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั (2) เปรียบเทียบความพงึ พอใจของผู้เรียนระดับชนั้ มธั ยมศึกษาตอนต้นและ ระดับช้ันมธั ยมศึกษาตอนปลาย ต่อการจัดการเรยี นรทู้ ่ีเน้นผู้เรียนเปน็ สาคญั (3) ความคิดเห็นและ
52 ข้อเสนอแนะในการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผ้เู รียนเป็นสาคัญ ผลการวิจัยพบวา่ 1) ผ้เู รยี นระดับชัน้ มธั ยมศึกษาตอนตน้ และระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาตอนปลาย มคี วามพงึ พอใจตอ่ การจัดการเรียนรู้ท่เี นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคัญในภาพรวม ทุกดา้ นอยู่ในระดับมาก เม่อื พิจารณาราย ด้านพบวา่ มีความพึงพอใจในการจัดการเรยี นรูท้ ่ีเน้นผเู้ รยี นเปน็ สาคัญ ด้านการจดั การเรียนรู้ของครู และการวดั ผลประเมินผลการเรียนอยู่ในระดับมาก ส่วนด้านการจดั การสนับสนุนของโรงเรียนอยใู่ น ระดบั ปานกลาง เมือ่ แยกพจิ ารณาความพึงพอใจของผูเ้ รยี นระดับช้ันมธั ยมศึกษาตอนตน้ และระดับชัน้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย พบวา่ ผเู้ รยี นระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน้ มีความพึงพอใจในภาพรวมและราย ด้านท้งั 3 ด้านอยใู่ นระดับมาก สว่ นผ้เู รยี นระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาตอนปลาย มคี วามพึงพอใจในภาพรวม และรายดา้ นท้ัง 3 ดา้ น อยู่ในระดับปานกลาง 2) เปรียบเทยี บความพงึ พอใจของผเู้ รียนต่อการจดั การเรียนร้ทู ่ีเนน้ ผู้เรยี นเปน็ สาคญั ของผู้เรยี นระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนตน้ และระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาตอนปลาย พบวา่ มคี วามแตกต่างกนั ทง้ั ภาพรวมและรายดา้ นทัง้ 3 ดา้ น อย่างมนี ัยสาคญั ท่ีระดบั 0.05 (3) การศกึ ษาความคิดเห็นและ ขอ้ เสนอแนะต่อการจัดการเรียนรูท้ ่เี นน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ พบวา่ ในด้านการจัดการสนบั สนนุ ของ โรงเรยี น ผู้เรยี นมีความพึงพอใจระดบั ค่อนข้างน้อยในเร่ือง การจดั บริการส่ือเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ การบริการสอ่ื วัสดุอปุ กรณ์ การบริการหนงั สือหลากหลายเพื่อการคน้ ควา้ และเสนอแนะใหโ้ รงเรยี นจัด ใหผ้ ้เู รยี นเลือกเรยี นวชิ าเลอื ก (เพม่ิ เติม) อยา่ งหลากหลายตามความถนัด จัดสภาพแวดล้อมของโรงเรียน ให้ รม่ ร่นื สวยงาม จดั สภาพห้องเรียนให้นา่ อยูน่ ่าเรียน เพิ่มกิจกรรมดา้ นดนตรี กีฬา ศลิ ปะ และนา คอมพิวเตอร์มาใชใ้ นการสืบค้นข้อมลู ให้มากขึน้ ในดา้ นการจัดการเรยี นรขู้ องครู ผู้เรียนมคี วามพึงพอใจ ในระดับค่อนข้างนอ้ ยในเร่ือง การนาภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ มาประยุกตใ์ ช้ การใช้แหลง่ เรียนรูเ้ ชอื่ มโยงกับ ชวี ติ จรงิ และเสนอแนะใหผ้ ู้ สอนลดการมอบหมายงานของทุกรายวชิ าลง จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ให้ หลากหลายนา่ เรยี นและให้ผสู้ อนอธิบายความรเู้ พ่ิมเติมเพอ่ื จะไดเ้ ขา้ ใจได้ชดั เจนข้นึ ในดา้ นการวดั ผล ประเมนิ ผลการเรยี น ผู้เรียนมคี วามพึงพอ ใจระดับค่อนข้างน้อยในเรอื่ ง การใหผ้ ู้เรียนมสี ่วนในการ กาหนดเกณฑ์การประเมนิ การมีส่วนในการประเมินผลงานของตนเองและเพอ่ื น รวมทงั้ การให้ ผปู้ กครองมสี ว่ นรว่ มในการประเมิน และเสนอแนะให้ให้ผูส้ อนให้ความสาคัญต่อการประเมินระหว่าง การเรียนมากกว่าการสอบ ควรแจง้ ผลการประเมินใหผ้ ู้เรยี นทราบโดยให้โอกาสปรับปรงุ แกไ้ ขผลงาน เพ่อื เพิ่มคะแนนได้ และควรดูแลเอาใจใส่ผู้ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ เพ่ือให้เข้าใจและแก้ไขตนเองให้ ผา่ นเกณฑ์การประเมิน 2. งำนวจิ ยั ตำ่ งประเทศ Hord (1997) ได้ทาการสังเคราะห์รายงานการวจิ ัยเกย่ี วกับผลดีของโรงเรียนทม่ี ีการจัดตัง้ ชมุ ชนแห่งการเรียนรู้ กับโรงเรียนทวั่ ไปทีไ่ ม่มีชุมชนแห่งการเรียนรู้ พบผลดตี อ่ ครูดังนี้ 1) ลดความร้สู ึก โดเด่ียวในการสอน 2) เพมิ่ ความร้สู ึกผกู พนั ต่อพันธกจิ และเป้าหมายของโรงเรยี นมากข้ึน โดยเพ่ิม
53 ความกระตอื รือรน้ ที่จะปฏิบตั ิให้บรรลุพนั ธกิจ 3) เกิดความรู้สกึ ร่วมกนั รบั ผดิ ชอบต่อพฒั นาการโดยรวม ของนักเรยี นและร่วมกนั รบั ผิดชอบต่อผลสาเรจ็ ของนกั เรียน 4) เกิด “พลังการเรยี นรู้ (Powerful Learning)” ซึง่ ส่งผลให้การปฏบิ ตั กิ ารสอนในช้ันเรียนของตนมีผลดีย่งิ ขน้ึ คือ มีการค้นพบความรู้ ความเชือ่ ใหม่ๆ ท่เี กยี่ วกับวิธกี ารสอนและตวั ผ้เู รยี นซง่ึ ตนไม่เคยสังเกตหรือสนใจมาก่อน 5) เขา้ ใจใน ด้านเนือ้ หาสาระทตี่ ้องทาการสอนแตกฉานยิ่งข้นึ และรูว้ ่าตนเองควรแสดงบทบาทและพฤตกิ รรม ในการสอนอยา่ งไร จึงจะชว่ ยให้นักเรยี นเกดิ การเรียนรู้ ได้ดีทสี่ ุดตามเกณฑ์ทีค่ าดหมาย 6) รบั ทราบ ข้อมลู สารสนเทศต่างๆ ทจ่ี าเป็นต่อวิชาชีพได้อย่างกว้างขวางและรวดเรว็ ขึน้ ส่งผลดตี ่อการปรบั ปรุง พัฒนางานวชิ าชีพของตนไดต้ ลอดเวลา 7) เกดิ แรงบันดาลใจที่จะสร้างแรงบันดาลใจต่อการเรียนรู้ ให้แก่นักเรียนต่อไป 8) เพ่ิมความพึงพอใจ ขวญั กาลังใจต่อการปฏิบัตงิ านสงู ขึ้น และลดอตั ราการลาหยุด งานน้อยลง 9) มคี วามกา้ วหนา้ ในการปรับเปล่ยี นวธิ กี ารสอนให้สอดคล้องกบั ลักษณะผเู้ รียนไดอ้ ยา่ ง เด่นชดั และรวดเร็ว 10) มคี วามผกู พนั ท่จี ะสรา้ งการเปลีย่ นแปลงใหม่ๆ ให้ปรากฏอย่างเดน่ ชัดและย่ังยืน และ 11) มีความประสงค์ทจี่ ะทาใหเ้ กิดการเปลย่ี นแปลงอย่างเปน็ ระบบ ต่อปจั จัยพืน้ ฐานดา้ นตา่ งๆ สว่ นผลดีตอ่ นักเรยี นคอื 1) ลดอัตราการตกซา้ ชั้น 2) ลดอตั ราการขาดเรยี น 3) ผลการเรยี นรู้เพม่ิ ขึน้ เด่นชดั โดยเฉพาะในโรงเรียนมธั ยมศึกษาขนาดเลก็ 4) ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นในวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ และวชิ าการอ่านทสี่ งู ขน้ึ อย่างเด่นชัด และ 5 ความแตกต่างด้านผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนลดลงชัดเจน Sillins , Zarins&Mulford (2002 : 24 – 32) ได้ทาการวิจัยเพ่อื หาคณุ ลักษณะ และกระบวนการทบี่ ่งช้ีโรงเรียนเปน็ องค์กรแหง่ การเรยี นรู้ (What Characteristics and Processes Define a School as a Learning Organization) เป็นโครงการวิจัยในประเทศออสเตรเลยี ใช้กลุ่มตวั อยา่ งที่เป็นครแู ละผู้บริหารในโรงเรียนรับออสเตรเลยี ใต้ (South Australia) และแทสมา เนีย (Tasmania) ผูว้ ิจยั นาเสนอองค์ประกอบของคุณลักษณะของโรงเรยี นทเ่ี ป็นองค์กรแห่งการเรยี นรู้ 7 ดา้ น คือ การวิเคราะหส์ ภาพแวดลอ้ ม การพัฒนาเป้าหมายร่วมกนั การสรา้ งบรรยากาศการเรียน การสอนแบบรว่ มมอื การกระตุ้นใช้ความคิดรเิ รมิ่ และกล้าเสยี่ ง ทบทวนสิง่ ที่เกีย่ วข้องและมอี ิทธิพล ตอ่ งานของโรงเรียน การสร้างงานใหด้ ีข้ึน และโอกาสในการพัฒนาวิชาชีพอยา่ งต่อเน่ือง เครอื่ งมือท่ีใช้ ในการวิจยั เปน็ แบบสอบถามใช้การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสารวจ ผลการวจิ ยั พบว่าองค์ประกอบ ทส่ี ร้างข้นึ ไมส่ อดคล้องกับข้อมลู เชงิ ประจักษ์ จงึ ได้ทาการสรา้ งสเกลองค์ประกอบใหม่ ได้องค์ประกอบ ใหม่ 4 โมเดล คือ บรรยากาศไว้ใจและรว่ มมอื การรเิ รม่ิ และกลา้ เส่ยี ง พนั ธกิจรว่ ม และการพฒั นา วชิ าชีพ ผลการวเิ คราะหอ์ งค์ประกอบเชิงยนื ยนั พบว่า โมเดลโครงสร้างคุณลกั ษณะทีก่ าหนดข้ึนมี ความสอดคล้องกับข้อมลู เชงิ ประจกั ษ์ Wheeler (2003 : 2438-A) ไดศ้ ึกษาเกี่ยวกบั การสรา้ งองค์กรแหง่ การเรียนรู้ ศกึ ษา ประสบการณ์ของชาวอเมริกนั โดยมีจดุ มุ่งหมายในการวิจัยคือ ต้องการเปิดเผยการพัฒนาองคก์ ร แห่งการเรยี นรู้ไปจนถงึ การประยกุ ตใ์ ช้องค์กรแห่งการเรยี นรใู้ นอเมริกา โดยใชแ้ นวคิดของ Senge (1990) ทีป่ ระกอบดว้ ย หลกั วนิ ยั 5 ประการ ได้แก่ ความเช่ียวชาญส่วนบคุ คลการเรียนรู้รว่ มกนั เป็นทมี การสร้างวสิ ยั ทัศนร์ ว่ มกัน การสรา้ งแบบแผนทางความคิดและการคดิ เชิงระบบโดยใชว้ ธิ ีการวิจัย เชิงคณุ ภาพ และวิจัยเชิงปรมิ าณข้อมูล ดา้ นคุณภาพใช้วธิ ีการเกบ็ ข้อมลู โดยการสมั ภาษณ์ การสงั เกต การทบทวนเอกสาร การพดู คุยแสดงความคิดเห็น ข้อค้นพบในการวจิ ัย พบว่า (1) ครูมีการเรียนรู้ดว้ ย ตนเอง (2) การประยกุ ต์ใช้หลักวนิ ยั 5 ประการ ขององค์การแหง่ การเรียนร้ตู ้องมีการอบรม มกี ารเรมิ่
54 เพ่อื พฒั นาและมีการออกแบบผลลพั ธข์ องแผนปรบั ปรงุ โรงเรียน (3) การวจิ ัยจะเนน้ ในหลักวินยั 5 ประการ โดยครตู ้องทางานร่วมกันตอ้ งสามารถพัฒนาภารกิจของโรงเรียนอย่างเป็นทีม สรปุ ไดว้ ่า หลักในการศึกษาเกีย่ วกับการท่จี ะเป็นองค์กรแห่งการเรยี นรคู้ วรจะทาเกีย่ วกบั การเปล่ียนแปลงทาง การศกึ ษา ความสาเร็จในการทางานของบุคลากรและการเรียนร้ขู องนักเรียน จากการศึกษาเอกสาร และงานวิจยั ที่เก่ยี วข้อง สรุปไดว้ ่า การสร้างชุมชนการเรยี นรขู้ องครู ในสถานศึกษา ต้องอาศัยความร่วมมือจากผ้เู กี่ยวข้องทุกฝา่ ย โดยเฉพาะอย่างยิง่ ผู้บริหารสถานศึกษา ในฐานะผู้นาองค์การ ตอ้ งทุม่ เทความรู้ความสารถอย่างเต็มทีใ่ นการขบั เคลื่อนใหส้ ถานศึกษาเป็นชุมชน แห่งการเรียนรู้ ภายใตก้ ารมีส่วนร่วมของทุกคน เพื่อพฒั นาการจัดการเรยี นการสอนที่เน้นผเู้ รียนเป็น สาคัญ กล่าวคือ สง่ เสริมให้ผูเ้ รยี นมีส่วนร่วมในกจิ กรรมการเรยี นรู้ ทง้ั ทางดา้ นรา่ งกาย สติปญั ญา อารมณ์ สงั คมและลงมือปฏบิ ตั ิดว้ ยตนเอง เพื่อเกิดประสบการณจ์ ากการลงมือกระทา ครผู ู้สอนตอ้ ง รจู้ กั ผ้เู รยี นเป็นรายบคุ คลและมีการวางแผนออกแบบกจิ กรรมใหเ้ หมาะสมกับจดุ ประสงค์ของการเรียน จดั เตรยี มส่อื และเอกสารต่าง ๆ ใหส้ อดคล้องกบั เน้ือหาโดยครูเปน็ ผอู้ านวยความสะดวกและคอยกระตนุ้ ใหผ้ ้เู รยี นเกดิ ความกลา้ แสดงออกเพ่ือเกิดความรู้ความเข้าใจหากครูผสู้ อนจัดกิจกรรมสร้างบรรยากาศ การเรยี นรูท้ ี่มีความหมายต่อผู้เรยี นสอดคล้องกับความสนใจของผูเ้ รียน การจดั กิจกรรมการเรียนการ สอนของครูกจ็ ะมีลักษณะทเี่ น้นผู้เรียนเป็นสาคญั ซึง่ จะนาสกู่ ารปฏบิ ัตใิ นการจัดกจิ กรรมการเรยี น การสอนของครู เพื่อใหเ้ ปน็ รูปธรรมและตรงประเดน็ สาคัญในสว่ นทเ่ี กี่ยวข้องกับการจัดกระบวนการ เรยี นการสอนไปสู่เปา้ หมายร่วมกันคือ การพัฒนาการจดั การเรียนการสอนที่มปี ระสิทธิภาพที่เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สาคัญ ตามมาตรฐานการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน ควรใหผ้ ู้เรยี นมีสว่ นร่วมในกจิ กรรมที่หลากหลาย ผเู้ รียนลงมอื ปฏิบตั ิเรียนรู้อย่างมีข้ันตอนตามกระบวนการให้ได้พฒั นาตนเองอยา่ งต่อเน่ือง และนา ชมุ ชนแหล่งความร้อู ่ืน ๆ มาสกู่ ารเรียน การสอนโดยผู้บริหารและครผู สู้ อนจะต้องปรับเปลีย่ น บทบาท ของตนเองมาเปน็ ผูค้ อยกากับ อานวยความสะดวก สนับสนนุ ส่งเสรมิ และช่วยเหลือให้คาแนะนาผเู้ รียน รวมทงั้ สรา้ งบรรยากาศที่ดีในการเรียนใหผ้ ูเ้ รยี นเกดิ การเรียนรรู้ ่วมกันอย่างมคี วามสขุ
55 บทที่ 3 วิธีดำเนนิ กำรวจิ ัย การวิจัยการสง่ เสรมิ การสรา้ งชมุ ชนการเรยี นรทู้ างวชิ าชพี สูก่ ารพัฒนาการจัดการเรียนรู้ใน โรงเรยี นสังกัดสานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 ครงั้ นี้ เป็นการวจิ ยั และพัฒนา (Research and Development) โดยดาเนนิ การเป็น 3 ระยะ ดงั น้ี ระยะที่ 1 ศกึ ษาสภาพการดาเนินการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพสู่การพัฒนาการจดั การ เรยี นร้ใู นโรงเรยี นสงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 26 ระยะที่ 2 การพัฒนาและใชช้ ดุ กจิ กรรมการส่งเสรมิ การสร้างชุมชนการเรียนรูท้ างวิชาชพี สู่ การพัฒนาการจัดการเรยี นรู้ในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 26 ระยะท่ี 3 การศึกษาความพึงพอใจต่อชุดกิจกรรมส่งเสริมการสรา้ งชมุ ชนการเรยี นรทู้ าง วิชาชพี สู่การพัฒนาการจดั การเรยี นร้ใู นโรงเรียนสงั กัดสานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 26 ระยะท่ี 1 ศึกษำสภำพกำรดำเนินกำรชมุ ชนกำรเรียนรู้ทำงวิชำชีพสูก่ ำรพฒั นำกำรจัดกำรเรียนรู้ ในโรงเรียนสงั กดั สำนกั งำนเขตพ้นื ทีก่ ำรศกึ ษำมธั ยมศึกษำ เขต 26 1. ข้ันตอนดำเนินกำร 1.1 การศึกษาเอกสาร ตารา และงานวจิ ยั ทเ่ี กี่ยวข้องกับแนวคิดชุมชนการเรยี นรทู้ าง วิชาชพี 1.2 กาหนดองค์ประกอบและตัวชี้วดั แนวคิดชุมชนจากการวิจยั การพฒั นาสถานศึกษา โดยใชแ้ นวคดิ ชมุ ชนการเรยี นรทู้ างวชิ าชพี ของศริ ิรัตน์ โกศล (2559-6-7) 1.3 ตรวจสอบความเหมาะสมขององคป์ ระกอบและตวั ชี้วัดแนวคิดชุมชนการเรียนรู้ ทางวิชาชีพ 2. เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นกำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล 2.1 ประเภทและลักษณะของเครือ่ งมือ เครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมลู ในระยะท่ี 1 นีเ้ ปน็ แบบประเมินความเหมาะสม ขององค์ประกอบและตวั ชี้วัดแนวคดิ ชมุ ชนการเรยี นรู้ทางวิชาชีพ ซ่ึงแบบประเมนิ มลี กั ษณะเป็นแบบ ตรวจรายการ (Check List) และแบบมาตราส่วนประมาณค่า ประกอบดว้ ย 3 ตอน ตอนที่ 1 ข้อมูลเบื้องต้นของผู้ตอบแบบสอบถาม ในประเด็นตอ่ ไปนี้ สถานภาพ ทว่ั ไปของผูต้ อบแบบสอบถามเกยี่ วกบั เรอ่ื งเพศ ตาแหนง่ งานทป่ี ฏิบตั ิ มีลกั ษณะเป็นแบบตรวจสอบ รายการ (Check list) ตอนท่ี 2 ข้อคาถามการศึกษาสภาพการดาเนนิ งานการใช้แนวคดิ ชุมชนการเรียนรู้ ทางวิชาชีพสูก่ ารพฒั นาการจัดการเรียนรใู้ นโรงเรียนสงั กัดสานักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 26 มลี กั ษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ตามแบบของลเิ คริ ์ท (Likert Type) 5 ระดับ โดยใหผ้ ูต้ อบแบบสอบถามพจิ ารณาสภาพการใช้ใช้แนวคิดชมุ ชนการเรยี นร้ทู างวิชาชพี เพอื่
56 จดั การเรียนรู้สู่การจัดการเรยี นรูใ้ นโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 ไดแ้ ก่ มากท่ีสุด มาก ปานกลาง นอ้ ย และน้อยทส่ี ดุ มีแบบสอบถามจานวน 4 ดา้ น 20 ข้อ ดงั น้ี 1. ด้านการสนบั สนุนและการเป็นผ้นู ารว่ ม จานวน 5 ข้อ 2. ด้านคา่ นยิ มและวิสัยทัศนร์ ่วม จานวน 5 ขอ้ 3. ทีมเรียนรู้และการจัดการความร้รู ่วมกัน จานวน 5 ขอ้ 4. ดา้ นการสง่ เสริมแหล่งเรียนรแู้ ละเทคโนโลยีสารสนเทศ จานวน 5ข้อ ตอนท่ี 3 เปน็ ขอ้ คาถามวิเกี่ยวกับปัญหาและข้อเสนอแนะในการพฒั นาโรงเรียน โดยใชแ้ นวคดิ ชมุ ชนการเรยี นรู้ทางวิชาชีพส่กู ารพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในโรงเรยี นสังกัดสานักงาน เขตพื้นท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 มีลักษณะเป็นแบบสอบถามปลายเปิด (Open End) 2.2 การสร้างและหาคุณภาพของเคร่ืองมอื 2.2.1 การสรา้ งและหาคุณภาพของเคร่ืองมือ ผูว้ ิจยั ทาการสงั เคราะหแ์ นวคิด ทฤษฎี และงานวิจยั ที่เกีย่ วข้องของนักวชิ าการต่าง ๆ เกี่ยวกับองค์ประกอบและตัวชว้ี ัดแนวคิดชุมชน การเรียนรู้ทางวชิ าชีพ นามาเปน็ กรอบ ในการสรา้ งแบบประเมิน 2.2.2 ร่างแบบประเมนิ โดยใช้ประเด็นองคป์ ระกอบและตวั ชี้วัดแนวคิดชมุ ชน การเรียนรู้ทางวิชาชพี นาแบบประเมินทส่ี รา้ งข้ึนเสนออาจารยท์ ป่ี รึกษาวิทยานิพนธเ์ พ่อื ตรวจสอบ และให้คาแนะนา 2.2.3 ปรบั ปรุงแก้ไขแบบสอบถามตามท่ีอาจารยท์ ี่ปรึกษาวิทยานพิ นธเ์ สนอแนะ และนาเสนอผู้ทรงคณุ วฒุ ิตรวจสอบเครื่องมือการวิจยั จานวน 3 คน เพอ่ื ตรวจสอบและใหค้ าแนะนา ปรับปรงุ แก้ไข โดยมเี กณฑ์คุณสมบตั ิของผเู้ ชยี่ วชาญดงั น้ี 1) สาเร็จการศึกษาไมต่ า่ กวา่ ปรญิ ญาโท สาขาการบริหารการศึกษา 2) เป็นบุคคลทมี่ คี วามรู้ความสามารถด้านการบริหารสถานศึกษา และด้านการจัดการเรียนรู้ 3) มคี วามร้แู ละประสบการณ์ดา้ นการสรา้ งและพฒั นาเครือ่ งมอื วิจยั ผเู้ ช่ียวชาญเครอ่ื งมอื ทัง้ 5 คน ประกอบด้วย 2.2.3.1 ดร.สมั ภาษณ์ คาผุย อดตี ศึกษานเิ ทศก์ สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษา มธั ยมศกึ ษาเขต 26 2.2.3.2 ดร.นพิ นธ์ ยศดา ผอู้ านวยการโรงเรียนสารคามพิทยาคม 2.2.3.3 ดร.มณูญ เพชรมแี ก้ว ผอู้ านวยการโรงเรียนวาปปี ทุม 2.2.3.4 ดร.ฐิตารยี ์ วลิ ยั เลิศ ศกึ ษานิเทศก์ สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา มธั ยมศึกษา เขต 26 2.2.3.5 ดร.เอมอร จนั ทนนตรี ศึกษานิเทศก์ สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา มธั ยมศึกษาเขต 26 3. ประชำกรและกลุ่มตวั อย่ำง 3.1 ประชากร คือ ผู้บรหิ ารสถานศึกษาและครู ในสังกัด สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา มธั ยมศึกษา เขต 26 ปีการศึกษา 2561 จานวน 35 โรงเรยี น ประกอบด้วย ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา 105 คน ครู 1,812 คน รวมท้งั ส้ิน 1,917 คน
57 3.2 กล่มุ ตัวอย่าง คือ ผ้บู ริหารสถานศกึ ษาและครู ในสังกัด สานกั งานเขตพนื้ ท่ี การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 ปกี ารศึกษา 2561 กาหนดขนาดโดยการเลือกแบบเจาะจง ได้ กลุ่มผู้บรหิ ารสถานศึกษา โรงเรียนละ 1 คน รวมจานวน 35 คน และกลุ่มครูจาก 8 กลุม่ สาระ กลมุ่ สาระ ละ 1 คน รวม 280 คน กลุม่ ตัวอย่างรวมทัง้ สนิ้ 315 คน 4. กำรเกบ็ รวบรวบขอ้ มูล 4.1 ผูว้ จิ ยั ทาหนงั สอื สานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 26 เพอื่ ขอความ อนุเคราะหใ์ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจากผูท้ รงคุณวุฒิ 4.2 ผู้วจิ ัยจดั สง่ แบบประเมนิ ใหก้ บั ผทู้ รงคณุ วฒุ ิด้วยตนเองและติดตอ่ รบั แบบประเมิน คนื ดว้ ยตนเอง 5. กำรจัดกระทำและกำรวเิ ครำะหข์ ้อมลู 5.1 การจัดกระทาข้อมลู ผวู้ ิจัยไดด้ าเนินการดังน้ี 5.1.1 ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนสมบูรณข์ องแบบประเมนิ ท่ีไดร้ ับคนื 5.1.2 ตรวจสอบการใหค้ ะแนนตามเกณฑ์ที่ได้กาหนดไว้ 5.1.3 บนั ทกึ ข้อมูลเพอ่ื นาไปวิเคราะหว์ ิธีการทางสถิติ ด้วยโปรแกรมสาเร็จรปู 5.2 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู 5.2.1 วเิ คราะหข์ ้อมลู ทว่ั ไปของผตู้ อบแบบประเมนิ โดยคานวณหาค่าความถ่ี (Frequency) และค่าร้อยละ (Percentage) 5.2.2 วเิ คราะห์คะแนนจากแบบประเมิน ตอนที่ 2 ความคิดเหน็ ตอ่ ระดับความ เหมาะสมขององค์ประกอบและตวั ชี้วัดแนวคิดชุมชนการเรยี นรู้ทางวชิ าชพี โดยวเิ คราะห์หาคา่ เฉลย่ี (Mean) ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) แลว้ นาไปเทยี บกับเกณฑ์การแปลความหมาย (บุญชม ศรสี ะอาด. 2553 : 44) ดังนี้ 4.51 - 5.00 หมายความว่า มีระดบั ความเหมาะสมมากที่สุด 3.51 - 4.50 หมายความวา่ มีระดับความเหมาะสมมาก 2.51 - 3.50 หมายความวา่ มีระดับเหมาะสมปานกลาง 1.51 - 2.50 หมายความวา่ มีระดบั เหมาะสมน้อย 1.00 - 1.50 หมายความว่า มีระดับเหมาะสมน้อยที่สุด ระยะท่ี 2 กำรพฒั นำและใช้ชุดกิจกรรมกำรสง่ เสริมกำรสรำ้ งชมุ ชนกำรเรียนรทู้ ำงวชิ ำชีพส่กู ำรพัฒนำ กำรจดั กำรเรียนรูใ้ นโรงเรยี นสงั กดั สำนกั งำนเขตพืน้ ทีก่ ำรศกึ ษำมธั ยมศึกษำ เขต 26 1. ศกึ ษาหลกั การ ทฤษฎีเกยี่ วกบั ชดุ กจิ กรรม การสร้างชุมชนการเรียนรทู้ างวชิ าชพี และการพัฒนาการจดั การเรยี นรู้ 2. ผู้วิจัยกาหนดหมวดหมู่ เนือ้ หา และประสบการณ์ โดยกาหนดเน้อื หาเกี่ยวกับ เนือ้ หา ขน้ั ตอน กระบวนการในการสรา้ งกิจกรรมสาหรับชุมชนการเรยี นรทู้ างวชิ าชพี 3. กาหนดจดุ ประสงค์การเรยี นรู้และรูปแบบของชุดกิจกรรมโดยมุง่ เน้นกระบวนการ เรียนร้แู ละรูปแบบของกิจกรรมเปน็ แบบวเิ คราะหแ์ ละหาคาตอบ 4. ดาเนนิ การจดั ทาชดุ กิจกรรมการสง่ เสริมการสรา้ งชมุ ชนการเรยี นรู้ทางวชิ าชพี สู่การ พัฒนาการจัดการเรียนรู้ในโรงเรียนสงั กดั สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 ทสี่ ร้างให้ สอดคล้องกบั จดุ ประสงค์ของแต่ละกิจกรรม
58 5. ชุดกิจกรรมที่สรา้ งขนึ้ ให้ผเู้ ช่ียวชาญจานวน 5 ทา่ น ตามขอ้ 2.2.3.1-2.2.3.5 เพื่อ ประเมนิ ความสอดคล้องของชุดกิจกรรมกับจุดประสงค์ในการแตล่ ะกิจกรรม ความสอดคลอ้ งและ ชัดเจนของเนื้อหาในชดุ กจิ กรรม ความเหมาะสมของเน้ือหาในแผนการจดั การเรียนรแู้ ละแบบฝึกปฏบิ ตั ิ กิจกรรม การใช้ภาษา การพิมพแ์ ละรปู เลม่ และความสะดวกในการนาชดุ กิจกรรมไปใช้ โดยกาหนด เกณฑ์การประเมินแต่ละรายการมรี ะดับผลการประเมนิ 5 ระดับ ดงั นี้ คะแนน 5 หมายถึง มคี วามถกู ต้อง เหมาะสม ในระดับมากท่สี ดุ คะแนน 4 หมายถงึ มีความถกู ต้อง เหมาะสม ในระดับมาก คะแนน 3 หมายถึง มีความถกู ต้อง เหมาะสม ในระดบั ปานกลาง คะแนน 2 หมายถึง มีความถูกตอ้ ง เหมาะสม ในระดับนอ้ ย คะแนน 1 หมายถงึ มีความถูกตอ้ ง เหมาะสม ในระดับนอ้ ยทสี่ ุด กาหนดเกณฑ์ที่สามารถนาไปใช้ได้ โดยคา่ เฉลี่ยตัง้ แต่ 3.5 ข้นึ ไป และกาหนดให้ค่าสว่ น เบยี่ งเบนมาตรฐานมีคา่ ไมเ่ กิน 1 ผลการประเมนิ ของผเู้ ช่ียวชาญแต่ละทา่ น ไดค้ า่ เฉล่ยี มากกว่า 3.5 ทุกรายการ และค่าส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐานน้อยกวา่ 1 ซึง่ อย่ใู นเกณฑท์ ก่ี าหนด และผู้เช่ียวชาญ ได้เสนอแนะเก่ยี วกับลกั ษณะของใบหมุ้ ปกควรจะมีภาพ ซึ่งตรงกับเน้ือเรื่อง มีช่ือผแู้ ต่งและชอ่ื ผูเ้ ขียน ภาพประกอบอยู่ด้วย ภาพบนใบหุ้มปกของชดุ กจิ กรรมบางชดุ อาจเหมอื นกบั และตรงกับเนือ้ เร่ือง และดงึ ดูดความสนใจของครูผู้รับการพฒั นา ใบรองปกจะต้องมีท้ังดา้ นหน้าและดา้ นหลงั ลกั ษณะ การใช้ภาษาควรใช้ ภาษาให้สอดคล้องกับภาพโดยตลอด ซ่ึงผ้ศู ึกษาไดน้ าไปแกไ้ ขปรบั ปรุงโดยสรา้ ง ชดุ กิจกรรมให้นา่ สนใจมากขึน้ ลดกจิ กรรมบางเลม่ เพื่อให้เหมาะสมกบั เวลาเม่ือปรบั ปรงุ ตาม ขอ้ เสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญและกลับไปให้ผู้เชย่ี วชาญตรวจสอบอีกครั้งจึงสามารถนาไปทดลองหา ประสทิ ธิภาพกบั ครผู ู้รับการพัฒนาต่อไป ระยะที่ 3 กำรศึกษำควำมพงึ พอใจตอ่ ชุดกจิ กรรมส่งเสรมิ กำรสร้ำงชมุ ชนกำรเรียนรทู้ ำงวิชำชีพสู่ กำรพัฒนำกำรจดั กำรเรยี นรู้ในโรงเรียนสังกัดสำนกั งำนเขตพน้ื ท่กี ำรศกึ ษำมัธยมศึกษำ เขต 26 (หลังกำรพัฒนำ) 3.1 การศึกษาเอกสาร ตารา และงานวจิ ยั ท่ีเกีย่ วข้องกบั ความพงึ ใจ 3.2 กาหนดองค์ประกอบและตวั ชว้ี ัดความพึงพอใจต่อชุดกิจกรรมสง่ เสรมิ การสรา้ งชุมชน การเรยี นรู้ทางวิชาชพี สู่การพัฒนาการจดั การเรียนร้ใู นโรงเรียนสังกัดสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา มัธยมศกึ ษา เขต 26 3.3 นาเสนอผู้มีความรูแ้ ละประสบการณ์ดา้ นการสร้างและพฒั นาเครอ่ื งมอื วิจยั ผู้เชีย่ วชาญเคร่ืองมอื ท้ัง 5 คน ตามขอ้ 2.2.3.1-2.2.3.5 ตรวจสอบความเหมาะสม 3.4 ผูว้ จิ ัยทาหนังสือสานักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 26 เพื่อขอความ อนุเคราะหใ์ นการเก็บรวบรวมขอ้ มลู จากผทู้ รงคุณวุฒิ 3.5 ผู้วจิ ัยจดั ส่งแบบประเมินให้กับผูท้ รงคุณวฒุ ดิ ้วยตนเองและติดต่อรับแบบประเมนิ คนื ด้วยตนเอง 3.6 เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูลความพงึ พอใจต่อการใชช้ ุดกจิ กรรมพฒั นาครใู น การใช้แนวคดิ ชุมชนการเรยี นรทู้ างวิชาชีพเพ่ือพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในโรงเรียนสงั กัดสานักงานเขตพ้ืนที่ การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 26 ประกอบด้วย 3 ตอน คือ
59 ตอนท่ี 1 ข้อมูลเบ้ืองตน้ ของผู้ตอบแบบสอบถาม ในประเด็นต่อไปน้ี สถานภาพ ทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถามเกยี่ วกับเรื่องเพศ ตาแหนง่ งานที่ปฏบิ ัติ มลี ักษณะเป็นแบบตรวจสอบ รายการ (Check list) ตอนท่ี 2 ข้อคาถามเกี่ยวกบั ความพงึ พอใจต่อการใช้ชุดกิจกรรมพฒั นาครูใน การใช้แนวคิดชุมชนการเรียนรทู้ างวิชาชพี เพ่ือพัฒนาคุณภาพผ้เู รียนในโรงเรยี นสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 26 มีลักษณะเปน็ มาตราสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) ตามแบบของ ลิเคิรท์ (Likert Type) 5 ระดับ โดยใหผ้ ้ตู อบแบบสอบถามพิจารณาสภาพการใช้ใช้แนวคิดชุมชนการ เรยี นรทู้ างวิชาชีพ เพื่อจัดการเรียนร้ทู เี่ น้นผ้เู รยี นเปน็ สาคัญในโรงเรยี นสังกดั สานักงานเขตพืน้ ท่ี การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 ได้แก่ มากทสี่ ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย และน้อยทส่ี ดุ มีแบบสอบถาม จานวน 2 ด้าน 15 ขอ้ ตอนท่ี 3 เปน็ ข้อคาถามเกี่ยวกับปัญกาและข้อเสนอแนะในการพฒั นาโรงเรยี น โดยใชแ้ นวคิดชมุ ชนการเรยี นร้ทู างวชิ าชพี เพื่อพัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี นในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 มีลักษณะเป็นแบบสอบถามปลายเปิด (Open End) 3.7 การสร้างและหาคุณภาพของแบบสอบถาม 3.7.1 ศกึ ษาหลกั เกณฑ์ และวิธกี ารสรา้ งแบบสอบถามแบบมาตราประมาณคา่ 3.7.2 ร่างแบบสอบถามโดยใช้ประเด็นขององค์ประกอบและตัวชว้ี ดั ทไี่ ด้จากผล การศกึ ษาในระยะท่ี 1 มาเปน็ กรอบการสรา้ ง 3.7.3 นาแบบสอบถามทีส่ ร้างข้ึนเสนออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานพิ นธเ์ พื่อตรวจสอบ และใหค้ าแนะนา 3.7.4 ปรับปรงุ แก้ไขแบบสอบถามตามทผ่ี ู้เชย่ี วชาญตรวจสอบเคร่ืองมือการวิจยั จานวน 5 คน ตามขอ้ 2.2.3.1-2.2.3.5 เพือ่ ตรวจสอบและใหค้ าแนะนา ปรับปรงุ แก้ไข 3.8 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล 3.8.1 ผู้วิจัยทาหนงั สอื สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 เพ่ือขอ ความอนุเคราะห์ในการเก็บรวบรวมข้อมลู จากผทู้ รงคุณวฒุ ิ 3.8.2 ผู้วิจัยจัดเกบ็ ข้อมลู จากการออกนิเทศ ติดตาม และประเมนิ ผลการปฏิบตั งิ าน ของโรงเรียนตามตารางการนเิ ทศของเขตพ้ืนที่การศึษา เขต 26 3.9 การจัดกระทาและการวเิ คราะหข์ ้อมลู 3.9.1 การจดั กระทาข้อมูลผู้วจิ ัยได้ดาเนนิ การดังน้ี 3.9.1.1 ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนสมบรู ณ์ของแบบสอบถามทไี่ ดร้ ับ กลับคนื มา 3.9.2.2 ตรวจใหค้ ะแนนตามเกณฑ์การใหค้ ะแนนต่อไปน้ี คาตอบ คะแนนที่ได้ มากท่ีสดุ 5 มาก 4 ปานกลาง 3 นอ้ ย 2 นอ้ ย 1
60 3.9.2 กำรวิเครำะห์ข้อมูล ปอ้ นคะแนนเข้าโปรแกรมคอมพิวเตอรส์ าเรจ็ รปู เพ่ือวเิ คราะห์ หาคา่ เฉล่ยี (Mean) และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ความพึงพอใจต่อการใช้ชดุ กจิ กรรมพฒั นาครูในการใชแ้ นวคดิ ชุมชนการเรยี นรูท้ างวิชาชพี สกู่ ารพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในโรงเรียน สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 26 และแปลความค่าเฉล่ียโดยมเี กณฑ์ต่อไปน้ี 4.51 – 5.00 หมายถงึ มีสภาพปจั จุบันและสภาพพึงประสงค์ ในระดบั มากทีส่ ดุ 3.51 – 4.50 หมายถงึ มสี ภาพปัจจบุ ันและสภาพพงึ ประสงค์ ในระดบั มาก 2.51 – 3.50 หมายถึง มสี ภาพปัจจุบนั และสภาพพงึ ประสงค์ ในระดบั ปานกลาง 1.51 – 2.50 หมายถึง มสี ภาพปัจจุบันและสภาพพึงประสงค์ ในระดับ น้อย 1.00 – 1.50 หมายถงึ มสี ภาพปัจจุบนั และสภาพพึงประสงค์ ในระดับ นอ้ ยท่ีสดุ ในส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลจากการตอบแบบสอบถามปลายเปดิ ใช้ การนาเนอแบบพรรณนานาวิเคราะห์ จากการตอบแบบสอบถามปลายเปิด
61 บทท่ี 4 ผลกำรวเิ ครำะห์ขอ้ มูล การวจิ ัยการส่งเสรมิ การสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชพี สูก่ ารพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 26 ผวู้ จิ ยั ได้นาเสนอผลการวิเคราะห์ ข้อมูลตามลาดบั ดงั นี้ 1. สัญลักษณ์ที่ใชใ้ นการนาเสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมลู 2. ลาดับขัน้ ตอนในการนาเสนอผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู 3. ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล สญั ลกั ษณ์ท่ใี ช้ในกำรนำเสนอผลกำรวเิ ครำะห์ขอ้ มูล เพือ่ ใหเ้ กิดความเข้าใจตรงกนั ในการสือ่ ความหมาย ผวู้ จิ ยั ไดก้ าหนดความหมาย ของสญั ลกั ษณ์ทใี่ ช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ดังต่อไปนี้ แทน คะแนนเฉลย่ี S.D. แทน สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน n แทน จานวนกลมุ่ ตวั อยา่ งรวม ลำดบั ขนั้ ตอนในกำรนำเสนอผลกำรวิเครำะห์ข้อมลู การนาเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมลู การดาเนนิ การวจิ ัย การสง่ เสรมิ การสรา้ งชมุ ชนการเรียนรู้ ทางวิชาชีพสู่การพฒั นาการจัดการเรียนรใู้ นโรงเรยี นสังกดั สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 มดี งั นี้ ระยะท่ี 1 ศกึ ษาสภาพการดาเนินการชมุ ชนการเรยี นรทู้ างวิชาชีพสูก่ ารพัฒนาการจัด การเรียนรใู้ นโรงเรยี นสังกัดสานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 26 ระยะที่ 2 การพฒั นาและใช้ชดุ กิจกรรมการส่งเสริมการสร้างชุมชนการเรียนรทู้ างวชิ าชีพ ส่กู ารพฒั นาการจัดการเรียนรู้ในโรงเรียนสงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 26 ระยะท่ี 3 การศึกษาความพงึ พอใจต่อชุดกิจกรรมส่งเสริมการสรา้ งชมุ ชนการเรยี นรทู้ าง วิชาชีพสกู่ ารพัฒนาการจัดการเรียนรูใ้ นโรงเรยี นสังกดั สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 ระยะท่ี 1 ศึกษาสภาพการดาเนินการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชพี ส่กู ารพฒั นาการจดั การเรียนรู้ใน โรงเรยี นสงั กดั สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 26
62 ตารางท่ี 3 แสดงสภาพการดาเนนิ งานการส่งเสริมการสร้างชุมชนการเรยี นรทู้ างวชิ าชีพสกู่ ารพัฒนา การจัดการเรยี นรใู้ นโรงเรยี นสังกดั สานักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 ก่อนกบั หลงั การพัฒนา สภาพการดาเนินงานสง่ เสริมองคป์ ระกอบ กอ่ นการพัฒนา (n=315) หลังการพัฒนา (n=315) แนวคิดชมุ ชนการเรียนรทู้ างวิชาชีพ X SD ความ X SD ความ 1. ด้ำนกำรสนบั สนนุ และกำรเปน็ ผู้นำรว่ ม หมาย หมาย 1. คณะครูมีส่วนรว่ มในการอภปิ ราย 2.87 0.64 ปานกลาง 4.34 0.69 มาก และการตัดสนิ ใจเก่ยี วกบั ประเดน็ สาคัญ ของโรงเรียนอยา่ งสม่าเสมอ 2.82 0.62 ปานกลาง 4.28 0.69 มาก 2. ผู้บริหารให้โอกาสแกครูในการคิดริเริ่ม 3.03 0.53 ปานกลาง 4.47 0.54 มาก การเปลีย่ นแปลงต่างๆ ในการทางาน 2.88 0.60 ปานกลาง 4.41 0.58 มาก 3. ผู้บรหิ ารแบ่งปันหน้าที่ความรับผิดชอบ 2.80 0.63 ปานกลาง 4.11 0.74 มาก และใหร้ างวัลแกครูทสี่ รา้ งสรรค์นวตั กรรม 2.88 0.61 ปานกลาง 4.32 0.66 มาก 4. ผู้บรหิ ารสนับสนนุ และดแู ลใหค้ รูใชภ้ าวะผูน้ า 5. ผ้มู ีสว่ นไดสวนเสยี เขา้ รว่ มรับผิดชอบ 3.06 0.52 ปานกลาง 4.37 0.67 มาก การเรียนรูของผูเ้ รยี นในโรงเรยี นโดยไมตอง 2.78 0.60 ปานกลาง 4.30 0.66 มาก รอให้โรงเรยี นเชื้อเชิญ ด้ำนกำรสนับสนุนและกำรเปน็ ผนู้ ำรว่ ม 2.93 0.52 ปานกลาง 4.38 0.58 มาก 2. ดำ้ นคำ่ นิยมและวสิ ัยทัศน์ร่วม 1. โรงเรยี นมกี ระบวนการรว่ มมือในการพัฒนา ความรูสกึ เกยี่ วกับคานยิ มร่วมของคณะครู 2. คณะครูสรา้ งวสิ ยั ทัศนร์ ่วมกันในการพฒั นา โรงเรียนโดยมีจุดเน้นทก่ี ารเรียนรูของนักเรียน 3. โรงเรยี นมเี ป้าหมายเนน้ การเรียนรูของผู้เรยี น มากกวา่ คะแนนจากการทดสอบและเกรดของ ผเู้ รียน
63 ตารางท่ี 3 (ต่อ) สภาพการดาเนินงานสง่ เสรมิ องค์ประกอบ ก่อนการพัฒนา (n=315) หลังการพฒั นา (n=315) แนวคิดชมุ ชนการเรยี นรทู้ างวิชาชพี X SD ความ X SD ความ หมาย หมาย 4. โรงเรยี นใชว้ ิสัยทศั นเ์ ป็นตวั กาหนดนโยบาย 2.97 0.58 ปานกลาง 4.36 0.61 มาก และโครงการต่าง ๆ ท่ีจะจัดทาข้ึน 5. โรงเรยี นใชข้ ้อมูลในการเรียงลาดบั ความสาคัญ ของกจิ กรรมท่จี ะดาเนินการไปสูวิสยั ทศั น์ 2.82 0.63 ปานกลาง 4.15 0.70 มาก 4.31 0.65 ท่ีตัง้ ไว้ ด้ำนคำ่ นิยมและวิสยั ทศั นร์ ่วม 2.91 0.58 ปานกลาง 3. ดำ้ นทีมเรียนรู้และกำรจัดกำรควำมรู้รว่ มกนั 1. คณะครูมคี วามสัมพันธ์อย่างเป็นกลั ยาณมิตร ซึ่งสะทอ้ นให้เหน็ ถึงพันธะสัญญาในความ 2.89 0.59 ปานกลาง 4.42 0.62 มาก พยายามทีจ่ ะปรบั ปรงุ โรงเรียน 2. สถานศกึ ษามกี ารจดั เวลาหรืออานวยความ สะดวกใหค้ รไู ด้พบปะเพ่ือสะท้อนผลการจดั 2.81 0.61 ปานกลาง 4.37 0.61 มาก การเรียนรซู้ ่งึ กนั และกนั 3. คณะครรู ่วมพูดคยุ แลกเปลี่ยนแนวคดิ ในการทางานท่ามกลางบรรยากาศทีเ่ ปน็ มติ ร 2.88 0.60 ปานกลาง 4.30 0.59 มาก ท่ใี ห้การยอมรับซงึ่ กนั และกันอนั จะนาไปสู่ การแสวงหาองค์ความรูใหมๆ่ ต่อไป 4. ครมู ีโอกาสสังเกตการสอนและแลกเปล่ียน เรยี นรูแ้ ละประยุกตค์ วามรู่ใหม่ ๆ ในการ 2.68 0.53 ปานกลาง 4.03 0.64 มาก แกปญั หาการดาเนนิ งานของโรงเรียน 4.31 0.59 มาก 4.29 0.62 มาก 5. โรงเรยี นมกี ารส่งเสรมิ ใหค้ รแู สวงหาความรู้ และกลยทุ ธต์ ่างๆ อย่างต่อเน่ือง เปน็ ระบบ 3.34 0.60 ปานกลาง และเผยแพร่ เชน่ การทาวิจยั การศกึ ษาดงู าน ด้ำนทีมเรยี นร้แู ละกำรจดั กำรควำมรู้รว่ มกนั 2.92 0.63 ปานกลาง
64 ตารางท่ี 3 (ตอ่ ) สภาพการดาเนนิ งานส่งเสริมองค์ประกอบ ก่อนการพฒั นา (n=315) หลังการพฒั นา (n=315) แนวคิดชุมชนการเรยี นรทู้ างวิชาชีพ X SD ความ X SD ความ 4. ด้ำนกำรส่งเสรมิ แหล่งเรยี นรูแ้ ละเทคโนโลยี หมาย หมาย สำรสนเทศ 3.37 0.56 ปานกลาง 4.33 0.60 มาก 1. สถานศึกษามีแหลง่ เรียนรู้ทีห่ ลากหลาย 2.85 0.50 ปานกลาง 4.37 0.58 มาก เพียงพอตรงกบั ความต้องการและสะดวก 3.37 0.61 ปานกลาง 4.32 0.56 มาก ในการใชบ้ ริการ 3.39 0.58 ปานกลาง 4.35 0.64 มาก 2. ครูมกี ารแสวงหาข้อมูลข่าวสารทจี่ ะชว่ ยพฒั นา วชิ าชีพของตนด้วยเทคโนโลยีอยเู่ สมอ 2.81 0.61 ปานกลาง 4.02 0.56 มาก 3.16 0.63 ปานกลาง 4.28 0.60 มาก 3. โรงเรียนมีการเช่อื มโยงระบบการทางาน 2.97 0.62 ปำนกลำง 4.30 0.60 มำก กบั เทคโนโลยีเพื่อให้ครสู ามารถใช้งานได้ทันต่อ ความต้องการ 4. โรงเรียนจดั สรรงบประมาณเพื่อสนบั สนุน การจดั การศึกษาในด้านตา่ ง ๆ อยา่ งเพยี งพอ เชน่ การจัดอบรมครู และการพฒั นาแหล่ง เรียนรู้ 5. โรงเรยี นมกี ลยุทธใ์ นการระดมทรัพยากรจาก ทกุ ภาคส่วนเพือ่ สนบั สนุนการจัดการเรียนรู้ ด้ำนกำรส่งเสริมแหล่งเรียนรู้ และเทคโนโลยสี ำรสนเทศ รวมทุกดำ้ น จากตารางที่ 3 การสง่ เสรมิ การสรา้ งชมุ ชนการเรยี นร้ทู างวิชาชพี สกู่ ารพฒั นาการจัดการ เรยี นรูใ้ นโรงเรียนสงั กดั สานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 26 กอ่ นพฒั นามีการดาเนนิ งาน โดยรวมในระดบั ปานกลาง เม่ือพจิ ารณาเป็นรายดา้ นพบวา่ อยู่ในระดับปานกลางทกุ ด้าน โดย องค์ประกอบท่ีมคี ่าเฉลี่ยปฏบิ ัตจิ ากสูงไปต่าคือ ด้านการสนับสนุนและการเป็นผนู้ าร่วม ด้านค่านยิ มและ วิสยั ทัศนร์ ่วม ดา้ นทมี เรียนรแู้ ละการจัดการความรูร้ ่วมกัน ด้านการสง่ เสรมิ แหลง่ เรยี นรูแ้ ละเทคโนโลยี สารสนเทศ ตามลาดับ หลังการพัฒนาโรงเรียนมีการดาเนินการอยโู่ ดยรวมและในแต่ละดา้ นระดบั มาก ทกุ ดา้ น โดยที่ที่มีคา่ เฉลก่ี ารปฏิบัตสิ ูงสุดคือ ด้านการสนบั สนุนและการเป็นผ้นู าร่วม และมคี ่าเฉลย่ี ต่าสุด ในด้านดา้ นการส่งเสริมแหล่งเรยี นร้แู ละเทคโนโลยสี ารสนเทศ เม่อื พิจารณาเป็นรายด้านปรากฏดังน้ี
65 ด้านการสนบั สนุนและการเป็นผูน้ าร่วม กอ่ นการพฒั นา มกี ารดาเนินงานในระดับปานกลาง (X=2.88) โดยข้อท่ีมคี า่ เฉลี่ย การดาเนินงานสงู สดุ คอื ข้อ 3 ผบู้ ริหารแบ่งปนั หน้าที่ความรับผิดชอบและใหร้ างวลั แกครูท่ีสร้างสรรค์ นวตั กรรม (X=3.03) สว่ นข้อทมี่ คี ่าเฉลี่ยการดาเนินงานต่าสดุ คือ ข้อ 5 ผู้มีส่วนไดสวนเสยี เข้ารว่ ม รับผิดชอบการเรียนรูของผ้เู รียนในโรงเรยี นโดยไมตองรอให้โรงเรยี นเชือ้ เชญิ (X=3.03) หลงั การ มกี ารดาเนนิ งานในระดับปานมาก (X=4.32) โดยข้อท่ีมีค่าเฉลี่ย การดาเนนิ งานสงู สดุ คือ ข้อ 3 ผู้บรหิ ารแบ่งปันหน้าที่ความรับผิดชอบและให้รางวลั แกครูทส่ี ร้างสรรค์ นวัตกรรม (X=4.47) ส่วนขอ้ ท่มี ีคา่ เฉล่ียการดาเนนิ งานตา่ สุดคอื ข้อ 5 ผ้มู ีสว่ นไดสวนเสยี เข้ารว่ ม รับผดิ ชอบการเรียนรูของผู้เรียนในโรงเรียนโดยไมตองรอให้โรงเรยี นเชอ้ื เชญิ (X=4.11) ด้านคา่ นยิ มและวสิ ยั ทศั น์รว่ ม ก่อนการพฒั นา มีการดาเนินงานในระดับปานกลาง (X=2.94) โดยข้อที่มีคา่ เฉลีย่ การดาเนินงานสูงสดุ คือ ข้อ 3 ผู้บริหารแบง่ ปันหน้าที่ความรบั ผิดชอบและให้รางวลั แกครูทีส่ รา้ งสรรค์ นวัตกรรม (X=3.03) ส่วนข้อทีม่ ีคา่ เฉลีย่ การดาเนนิ งานต่าสุดคือ ข้อ 1 โรงเรียนมกี ระบวนการรว่ มมอื ใน การพฒั นาความรูสกึ เก่ยี วกับคานยิ มรว่ มของคณะครู (X=2.78) หลงั การ มกี ารดาเนินงานในระดับปานมาก (X=4.31) โดยขอ้ ทมี่ ีค่าเฉล่ียการ ดาเนินงานสูงสดุ คือ ขอ้ 3 โรงเรยี นมเี ป้าหมายเน้นการเรยี นรูของผู้เรยี นมากกวา่ คะแนนจากการทดสอบ และเกรดของ ผู้เรยี น (X=4.38) ส่วนขอ้ ที่มคี า่ เฉลี่ยการดาเนนิ งานต่าสุดคือ ข้อ 5 โรงเรียนใชข้ ้อมูลใน การเรยี งลาดับความสาคญั ของกิจกรรมท่จี ะดาเนินการไปสูวสิ ยั ทัศน์ (X=4.15) ดา้ นทมี เรียนรู้และการจัดการความรู้รว่ มกนั กอ่ นการพฒั นา มีการดาเนินงานในระดับปานกลาง (X=2.92) โดยข้อท่ีมีคา่ เฉลยี่ การดาเนนิ งานสูงสุดคือข้อ 5 โรงเรยี นมกี ารสง่ เสริมใหค้ รูแสวงหาความรู้ และกลยทุ ธต์ ่างๆ อยา่ ง ตอ่ เนอื่ ง เป็นระบบ (X=3.34) ส่วนข้อที่มคี ่าเฉล่ยี การดาเนินงานตา่ สุดคือ ข้อ 4. ครมู ีโอกาสสงั เกตการ สอนและแลกเปลีย่ นเรยี นรู้และประยุกตค์ วามรู่ใหม่ ๆ ในการแกปญั หาการดาเนนิ งานของโรงเรียน (X=2.78) หลังการพฒั นา มกี ารดาเนนิ งานในระดับปานกลาง (X=4.29) โดยข้อท่ีมีค่าเฉล่ีย การดาเนนิ งานสงู สดุ คือข้อ 5 โรงเรียนมีการส่งเสริมใหค้ รูแสวงหาความรู้ และกลยทุ ธ์ตา่ งๆ อยา่ ง ต่อเนอ่ื ง เป็นระบบ (X=4.35) ส่วนข้อทีม่ คี ่าเฉลยี่ การดาเนินงานตา่ สุดคือ ขอ้ 4 ครูมีโอกาสสงั เกต การสอนและแลกเปล่ยี นเรียนรแู้ ละประยุกตค์ วามรู่ใหม่ ๆ ในการแกปัญหาการดาเนินงานของโรงเรยี น (X=4.03) ด้านการส่งเสริมแหลง่ เรยี นร้แู ละเทคโนโลยีสารสนเทศ ก่อนการพฒั นา มีการดาเนินงานในระดับปานกลาง (X=3.16) โดยข้อที่มีคา่ เฉลย่ี การดาเนนิ งานสูงสดุ คือขอ้ 4 โรงเรยี นจดั สรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษาในด้านต่าง ๆ อย่างเพยี งพอ เชน่ การจดั อบรมครู และการพัฒนาแหลง่ เรียนรู้ (X=3.39) ส่วนขอ้ ทมี่ ีคา่ เฉลีย่ การ ดาเนนิ งานตา่ สดุ คือ ข้อ 5 โรงเรียนมกี ลยุทธ์ในการระดมทรัพยากรจากทุกภาคส่วนเพอื่ สนบั สนุนการ จัดการเรยี นรู้ (X=2.81)
66 หลงั การพัฒนา มีการดาเนินงานในระดับปานกลาง (X=4.30) โดยข้อท่ีมีค่าเฉล่ยี การดาเนินงานสงู สดุ คือ ข้อ 2 ครมู ีการแสวงหาข้อมูลข่าวสารท่จี ะช่วยพัฒนาวชิ าชีพของตนด้วย เทคโนโลยอี ยเู่ สมอ (4.37) สว่ นข้อท่ีมคี ่าเฉล่ียการดาเนนิ งานตา่ สดุ คือ ข้อ 5 โรงเรยี นมีกลยุทธใ์ นการ ระดมทรัพยากรจากทุกภาคส่วนเพื่อสนับสนุนการจดั การเรียนรู้ (X=4.05) ตารางท่ี 4 ความคิดเหน็ ของผู้เช่ียวชาญต่อชุดกจิ กรรมส่งเสริมการสรา้ งชุมชนการเรยี นรทู้ างวชิ าชพี สู่การพัฒนาการจัดการเรยี นร้ใู นโรงเรยี น สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 คะแนนความคิดเห็นของผู้เช่ยี วชาญ รำยกำร คนท่ี คนท่ี คนท่ี คนที่ คนท่ี IOC สรุปผล 1 2345 1. เน้อื หาของชดุ กิจกรรมสอดคล้อง กบั วตั ถประสงค์ในการส่งเสรมิ การใช้ 1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ นวัตกรรม PLC สกู่ ารจัดการเรีรยนรู้ 2. เน้ือหาของชดุ กจิ กรรมมีความ 1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ ถกู ต้องเหทาะสม 3. สอ่ื ประกอบชุดกจิ กรรม (PPT/ใบ 1 1 1 1 1 1 ใชไ้ ด้ กิจกรรมมีความเหมาะสม 4. กจิ กรรมการพฒั นาโดยรวม 1 1 1 1 1 1 ใชไ้ ด้ มคี วามเหมาะสม 5. ความน่าสนใจของชุดกิจกรรมมี 1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ ความเหมาะสม 6. ชุดกิจกรรมใความเหมาะสมตอ่ 1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ การพัฒนาครู 7. ชดุ กิจกรรมมีคว่ทเป็นไปได้ในการ 1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ นาไปปฏบิ ตั จิ ริง ภาพรวม 1.00 ใช้ได้ จากตารางที่ 4 พบวา่ ผ้เู ชี่ยวชาญมีความคิดเหน็ ต่อชุดกจิ กรรมการส่งเสรมิ การสร้างชมุ ชน การเรียนร้ทู างวชิ าชีพสูก่ ารพัฒนาการจดั การเรียนรู้ ในโรงเรยี นสังกัดสานกั งานเขตพื้นท่ีการศกึ ษา มธั ยมศกึ ษา เขต 26 ว่ามคี วามเหมาะสม
67 ตารางท่ี 5 แสดงความพึงพอใจต่อชดุ กิจกรรมส่งเสริมการสร้างชมุ ชนการเรียนร้ทู างวชิ าชพี สู่ การพฒั นาคุณภาพผูเ้ รียนในโรงเรยี นสังกัดสานักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 หลังการพฒั นา รายการประเมินความพึงพอใจ X SD ความหมาย ดำ้ นควำมพงึ พอใจตอ่ ชดุ กจิ กรรม 1. ผู้เข้ารับการพัฒนาไดเ้ รียนดว้ ยชดุ กจิ กรรมอย่างสนกุ สนาน 4.41 0.60 มาก 2. ผู้เข้ารับการพัฒนาอยากเรียนด้วยชดุ กจิ กรรม 4.45 0.57 มาก 3. ผ้เู ข้ารับการพัฒนาชอบทากิจกรรมในชุดกิจกรรม 4.43 0.57 มาก 4. การเรียนรู้ดว้ ยชุดกิจกรรมเป็นวิธที ่นี ่าสนใจ 4.43 0.59 มาก 5. ผ้เู ขา้ รับการพฒั นาทางานกลุ่มแล้วมคี วามสขุ 4.51 0.56 มากทส่ี ดุ 6. ผเู้ ขา้ รบั การพฒั นาชอบการแลกเปลีย่ นเรยี นรใู้ นวง PLC 4.54 0.56 มากที่สดุ 7. ผูเ้ ข้ารบั การพัฒนาทากิจกรรมดว้ ยตนเองและกลุม่ PLC 4.57 0.53 มากที่สุด 8. ผเู้ ขา้ รับการพฒั นาสนใจประเมินผลการทางานของตนเองและกล่มุ PLC 4.36 0.68 มาก 9. ผู้เข้ารบั พฒั นามีความภูมใิ จในการทางานของตนเองและกล่มุ PLC 4.55 0.54 มากท่สี ุด 10. ผู้เขา้ รบั พัฒนาคิดว่าชุดกิจกรรมน้ที าให้กล่มุ สามารถทา PLC 4.37 0.67 มาก ชัดเจนขนึ้ ดำ้ นควำมพงึ พอใจตอ่ ชดุ กจิ กรรม 4.46 0.59 มำก ด้ำนควำมพงึ พอใจตอ่ กำรพัฒนำครดู ้วยชดุ กิจกรรม 1. สื่อ/เอกสารชุดกิจกรรมมีความเหมาะสม 4.57 0.52 มากที่สุด 2. กิจกรรมการพัฒนาครูเรยี นรเู้ ข้าใจงา่ ย 4.52 0.50 มากทส่ี ดุ 3. เวลาในการจัดกิจกรรมกระชบั สอดคลอ้ งกับเนื้อหา 4.35 0.66 มาก 4. ตัวอย่างต่าง ๆ ในชุดกิจกรรมเกิดประโยชน์ตอ่ การพัฒนากลุ่ม PLC 4.59 0.49 มากทส่ี ุด 5. วทิ ยาการใหค้ วามร/ู้ นากจิ กรรม/ตอบขอ้ ซักถามได้ชัดเจน 4.54 0.56 มากทส่ี ุด ด้ำนควำมพึงพอใจต่อกำรพัฒนำครูดว้ ยชุดกจิ กรรม 4.52 0.55 มำกที่สุด รวม 4.48 0.57 มำก จากตารางท่ี 5 พบว่า ผ้บู รหิ ารและครูมีความพึงพอใจต่อชุดกิจกรรมสง่ เสริมการสรา้ งชุมชน การเรยี นรทู้ างวชิ าชพี สกู่ ารพัฒนาการจัดการเรยี นร้ใู นโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษา เขต 26 โดยรวมอยใู่ นระดับมาก โดยมคี วามพึงพอใจด้านความพงึ พอใจต่อการพัฒนาครู ด้วยชุดกจิ กรรมอยู่ในระดบั มากที่สุด และด้านความพงึ พอใจต่อชดุ กิจกรรมอยูใ่ นระดับมาก
68 บทท่ี 5 สรปุ ผล อภปิ รำยผล และข้อเสนอแนะ การเสนอผลการวิจยั เรอ่ื งการวิจยั การส่งเสริมการสร้างชุมชนการเรยี นรู้ทางวิชาชีพสู่ การพัฒนาการจดั การเรยี นรู้ในโรงเรียนสงั กดั สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 โดยมีวัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือ 1) ศึกษาสภาพการดาเนินการชุมชนการเรียนรู้ทางวชิ าชพี สกู่ ารพัฒนาการ จดั การเรียนรู้ในโรงเรยี นสงั กัดสานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 2) เพอื่ สร้างชุด กิจกรรมการสง่ เสรมิ การสร้างชุมชนการเรยี นรู้ทางวิชาชีพสู่การพฒั นาการจัดการเรยี นรู้ในโรงเรยี น สังกัดสานกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 และ 3) เพอื่ ศึกษาความพึงพอใจต่อชุดกจิ กรรม สง่ เสริมการสรา้ งชมุ ชนการเรียนร้ทู างวิชาชีพส่กู ารพฒั นาการจัดการเรยี นรูใ้ นโรงเรยี นสงั กดั สานักงาน เขตพื้นทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 โดยผลการวิจยั นาเสนอตามลาดับ ดงั น้ี สรปุ ผล จากการวิเคราะหข์ ้อมลู ที่ได้จากการศึกษาแนวทางการสง่ เสรมิ การสรา้ งชมุ ชนการเรยี นรทู้ าง วชิ าชีพสู่การพัฒนาการจดั การเรียนรใู้ นโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 26 สรปุ ผลตามวัตถุประสงค์ของการวจิ ยั ได้ดังต่อไปน้ี 1. สภาพการดาเนนิ การชุมชนการเรียนรูท้ างวิชาชีพสกู่ ารพัฒนาการจดั การเรียนรใู้ น โรงเรยี นสงั กัดสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 โดยรวมและในแต่ละด้านอยใู่ นระดบั ปานกลาง โดยองคป์ ระกอบท่ีมคี ่าเฉล่ยี ปฏบิ ัติจากสงู ไปต่าคือ ด้านการสนบั สนุนและการเปน็ ผนู้ ารว่ ม ดา้ นคา่ นิยมและวสิ ัยทัศน์รว่ ม ด้านทมี เรยี นรู้และการจัดการความรู้ร่วมกนั ดา้ นการสง่ เสริมแหล่งเรียนรู้ และเทคโนโลยสี ารสนเทศ ตามลาดบั หลังการพัฒนาโรงเรียนมกี ารดาเนนิ การอยโู่ ดยรวมและในแต่ละ ดา้ นระดับมากทุกดา้ น โดยที่ทีม่ ีคา่ เฉล่ีการปฏิบตั สิ ูงสดุ คือ ด้านการสนบั สนนุ และการเป็นผนู้ าร่วม และ มคี า่ เฉล่ียต่าสุดในด้านดา้ น การสง่ เสรมิ แหล่งเรียนรูแ้ ละเทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ชดุ กิจกรรมการสง่ เสริมการสร้างชุมชนการเรยี นรทู้ างวชิ าชีพสู่การพฒั นาการจัดการ เรยี นรใู้ นโรงเรียนสังกดั สานักงานเขตพื้นที่การศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 26 ท่ีผู้วิจัยสร้างข้นึ ตามความ คดิ เหน็ ของผู้เชยี่ วชาญมีความเหมาะสม 3. ผ้บู ริหารและครมู ีความพงึ พอใจต่อชุดกิจกรรมส่งเสรมิ การสร้างชมุ ชนการเรยี นรู้ทาง วิชาชพี สู่การพัฒนาการจัดการเรยี นรใู้ นโรงเรยี นสงั กัดสานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 26 โดยรวมอยใู่ นระดับมาก เมื่อพิจารณาเปน็ รายดา้ นพบว่า ด้านความพงึ พอใจต่อการพัฒนาครูด้วยชดุ กจิ กรรมอยู่ในระดับมากทสี่ ดุ สว่ นดา้ นความพึงพอใจตอ่ ชดุ กิจกรรมอยใู่ นระดับมาก
69 อภปิ รำยผล 1. จากผลการวจิ ยั ท่พี บว่า จากผลการวิจยั ที่พบว่า สภาพการดาเนนิ การชมุ ชนการเรยี นรู้ทาง วชิ าชีพส่กู ารพัฒนาการจดั การเรียนรใู้ นโรงเรยี นสังกัดสานกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 26 กอ่ นดาเนนิ การโดยรวมและในแตล่ ะดา้ นอยูใ่ นระดับปานกลาง หลังการพฒั นาสภาพการดาเนินการ ชมุ ชนการเรยี นรทู้ างวชิ าชีพสูก่ ารพฒั นาการจัดการเรียนรู้ในโรงเรียนโดยรวมและในแต่ละด้านอยู่ใน ระดับมาก โดยองค์ประกอบที่มีการดาเนินงานน้อยคือ ดา้ นทีมเรยี นรู้และการจดั การความร้รู ว่ มกนั และ ด้านการส่งเสรมิ แหลง่ เรยี นรแู้ ละเทคโนโลยีสารสนเทศ ทัง้ น้ีอาจเปน็ เพราะ รูปแบบของวัฒนธรรมการ ทางานแบบชมุ ชนการเรยี นรทู้ างวชิ าชพี เปน็ เร่อื งใหม่ท่เี พ่ิงลงส่กู ารปฏบิ ตั ิจึงทาให้เกดิ ความสับสน อกี ท้ัง สถานศึกษาเป็นหนว่ ยงานราชการซึง่ เป็นการประกอบการไมม่ ่งุ ผลกาไร เนน้ ประสิทธิภาพและความ มนั่ คงในการปฏบิ ัติงาน โดยปฏิบัตงิ านภายใตค้ าสัง่ หรือกรอบหนา้ ทีข่ องแต่ละบุคคล ในบางคร้งั ก็ขาด อิสระในการตดั สินใจในการปฏิบัตงิ าน ซ่งึ ขดั แยง้ กบั ลกั ษณะของวัฒนธรรมแบบปรับตัวค่อนขา้ งมาก Daft (2004) ได้กล่าวว่าวัฒนธรรมแบบปรับตัวมีลักษณะมุ่งเน้นสภาพแวดลอ้ มภายนอก ซึ่งมีความ ยืดหยุน่ และเปลยี่ นแปลงไดเ้ พ่ือสนองความต้องการของลูกค้า โดยสง่ เสรมิ คา่ นยิ มองค์การ บรรทดั ฐาน และความเช่ือเพื่อสนับสนนุ ศักยภาพขององค์การ และสอดคล้องกับผลการวิจยั ของ ณัฐกิ า นครสงู เนิน (2556) ไดศ้ ึกษา ความสมั พันธ์ระหว่างภาวะผูน้ าทางวชิ าการของผบู้ ริหารกับการเป็นชุมชนแหง่ การ เรยี นรู้ของโรงเรียน สงั กดั สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 1 พบวา่ การเป็นชมุ ชน แห่งการเรียนรู้ของโรงเรียน สงั กัดสานักงานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 1 โดยภาพรวมอยู่ ในระดับมาก ด้านท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงทสี่ ุด คอื ดา้ นการมีเง่ือนไขสนบั สนุน รองลงมา คือ การสรา้ งค่านยิ ม และวสิ ยั ทศั นร์ ่วม เพราะโรงเรียนมขี ้อจากดั ในด้านการบริหารงบประมาณเนื่องจากไดร้ ับจดั สรรจาก สว่ นกลางทาให้แต่ละโรงเรียนไดร้ บั งบประมาณตามขนาดของโรงเรยี นทาให้เกดิ การบริหารในแต่ละดา้ น ไม่ครอบคลมุ และแตล่ ะโรงเรียนยงั มเี งอื่ นไขท้ังเวลา สถานที่ ทรัพยากรทแี่ ตกตา่ งกนั จึงทาให้เกดิ เง่อื นไขในการบรหิ ารต่างกนั สอดคลอ้ งกับ Eastwood& Louis (1992) ได้กล่าวว่า โครงสร้างการ สนบั สนุนถกู ค้นพบภายในชมุ ชนแหง่ การเรียนรู้ : เงอ่ื นไขโครงสร้างและความสมั พนั ธ์ ความรบั ผดิ ชอบ เง่อื นไขโครงสรา้ งรวมถึงการใชเ้ วลา กระบวนการตดิ ต่อส่ือสาร ขนาดของโรงเรยี น ปรมิ าณครผู ู้สอน และกระบวนการพัฒนาผรู้ ่วมงาน ส่วนความสัมพนั ธ์ความรับผิดชอบ รวมถงึ ทศั นคตดิ ้านบวกของผูใ้ ห้ ความรู้ การสร้างวิสยั ทัศนท์ ี่กวา้ งไกลหรือการมจี ดุ มงุ่ หมาย มาตรฐานของการสารวจและการปรับปรุง ความเคารพ ความเชื่อ และคิดในแง่บวก เอาใจใส่ความสมั พนั ธ์ ภายในชมุ ชนแหง่ การเรียนรู้ บ่อยและ จาเป็นท่ีจะต้องหานวตั กรรมเพ่อื จะสรา้ งเวลาและแบ่งปนั การเรียนรู้ การแก้ปัญหา และการตดั สินใจ การสนับสนนุ เงอ่ื นไขเป็นกญุ แจทีจ่ ะดารงรักษาความเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาชุมชนแหง่ การเรยี นรูข้ อง ผ้เู รยี น 2. ชุดกิจกรรมการส่งเสรมิ การสรา้ งชุมชนการเรยี นรู้ทางวิชาชพี สกู่ ารพฒั นาการจัดการเรียนรู้ ในโรงเรียนสังกัดสานกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 26 ท่ีผูว้ ิจยั สร้างข้ึนตามความคิดเห็นของ ผู้เช่ยี วชาญมีความเหมาะสม ท้ังนอ้ี าจเนื่องมาจากชดุ กิจกรรมท่ีพฒั นาขนึ้ ดาเนินการตามแนวการปฏิรูป การศึกษา มีการปรบั เปลยี่ นกระบวนทศั น์ในการบริหารจัดการสถานศึกษาจากแนวทางเดิม ไปสู่การ พัฒนาสถานศึกษาใหเ้ ป็นชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพข้นึ ภายในโรงเรียน สอดคล้องกับปัญหาและความ ตอ้ งการของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาและครผู สู้ อนในโรงเรียน โดยเฉพาะทุกคนต้องรว่ มกนั สร้างวิสัยทศั น์
70 รว่ มกนั ซงึ่ แนวทางการพัฒนาจะมกี ารประชมุ วางแผนการจัดทาวสิ ัยทศั น์ร่วมกัน สร้างแรงจูงใจให้ทุก คนรว่ มคิด ร่วมวางแผน รว่ มทาวิสัยทัศน์ และโอกาสใช้แนวทางการบรหิ ารแบบมีส่วนรว่ ม (จุติพร เวฬุ วรรณ, และกาจร ใจบุญ, 2559) และมีการเรียนรูร้ ่วมกันและประยุกตใ์ ช้ความรู้ ทั้งน้ี บุคลากรใน สถานศกึ ษาตอ้ งมีการพัฒนาความรู้ ทกั ษะ กลยุทธ์ ตา่ ง ๆ เพื่อนามาประยุกต์ใช้ในการแก้ปญั หา สอดคลอ้ งกบั Hord (1997) ได้กลา่ วว่าการกระทาแบบน้ีเรยี กว่า “กลุม่ สร้างสรรค์” เปน็ การทางาน ร่วมกนั ระหว่างครูและผูบ้ ริหารเพอ่ื หาแนวทางปรบั เปล่ียนเรียนรใู้ ห้เกดิ ความสมั พนั ธ์ในหมู่คณะ รว่ มกนั รับผิดชอบทาให้ได้ผลผลิตที่สรา้ งสรรคแ์ ละแกป้ ญั หาได้อย่างเหมาะสม สอดคลอ้ งกบั ผลการวิจัยของชลุ ี พร เกล้ียงสง และทวีวัฒน์ ปติ ยานนท์ (2558) ไดศ้ ึกษา กลยุทธ์การพฒั นาวฒั นธรรมองคก์ าร เพื่อ ส่งเสริมการเปน็ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ ในสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน สงั กัดกรมสง่ เสรมิ การปกครองท้องถนิ่ พบว่า 1) การเปน็ ชุมชนแห่งการเรยี นรู้ในสถานศึกษาข้ันพ้นื ฐาน สงั กัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถนิ่ ซ่ึงมอี ยู่ 5 ดา้ น คือ การสนบั สนุนและการเปน็ ผู้นารว่ ม, การสร้างค่านิยมและวิสัยทศั นร์ ว่ ม, กลุม่ การ เรียนรแู้ ละประยุกตใ์ ช้การเรียนรู้, การมีเง่ือนไขสนับสนุน, และการเลกเปลย่ี นเรยี นรู้ระหวา่ งบุคคลและ สอดคล้องกบั Boyd (1992) ที่กลา่ ววา่ มีหลายปัจจยั ท่ีเป็นตัวกาหนดว่าเมอ่ื ไหร่ ท่ไี หน และอย่างไร ใหก้ บั คณะครูท่รี วมกลมุ่ การเรยี นรู้ การตัดสนิ ใจ การแก้ปัญหา และการออกแบบการทางานรว่ มกนั ท่ี บ่งบอกถงึ การเป็นชุมชนแห่งการเรยี นรู้ เพ่ือให้การเป็นชมุ ชนแห่งการเรยี นรเู้ ป็นหน้าทผ่ี ู้ผลติ ทางด้าน กายภาพโครงสรา้ งเงอื่ นไข และคุณภาพชวี ิตและความสามารถของแต่ละบคุ คลเปน็ ส่ิงที่ดที ่สี ดุ 3. ผูบ้ รหิ ารและครมู ีความพึงพอใจตอ่ ชดุ กจิ กรรมสง่ เสรมิ การสรา้ งชมุ ชนการเรียนรู้ทาง วิชาชีพสกู่ ารพัฒนาการจดั การเรยี นร้ใู นโรงเรยี นสงั กัดสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 โดยรวมและในแต่ละด้านอยู่ในระดบั มาก เมอ่ื พิจารณาเป็นรายดา้ นพบวา่ ดา้ นความพงึ พอใจต่อการ พฒั นาครูดว้ ยชดุ กิจกรรมอยู่ในระดบั มากที่สดุ สว่ นดา้ นความพึงพอใจตอ่ ชดุ กิจกรรมอยใู่ นระดบั มาก ทง้ั นี้อาจเป็นเพราะการปฏบิ ตั ิงานของโรงเรียนจะเน้นการทางานในสถานท่ีราชการโยทกุ คนต้อง มีส่วนรว่ มในการปฏิบตั ิงานเพ่ือใหเ้ กดิ ความคนุ้ เคย สนิทสนม ช่วยเหลอื กันในการปฏิบัตงิ านใหบ้ รรลุ เปา้ หมาย ทาใหส้ มาชิกร่วมมือกนั ปฏบิ ตั ิงานได้ดีขึ้น สอดคล้องกับพริ ัช จารสั แนว (2553) ได้วจิ ัย เรือ่ งวฒั นธรรมโรงเรยี น : กรณศี กึ ษาโนนคูณวทิ ยาคารรชั มงั คลาภเิ ษก สงั กดั สานกั งานเขตพน้ื ท่ี การศึกษาชัยภูมิ เขต 2 พบว่า การมสี ว่ นร่วมในการกาหนดเป้าหมายของโรงเรยี นไปในทศิ ทางเดียวกนั บคุ ลากรยอมรบั ในกฎกตกิ า ท่ีตัง้ ไวม้ ีความเสียสละชว่ ยเหลอื เกื้อกลู มีความซื่อสตั ย์สจุ ริตมคี วามรัก ความผูกพนั แบบพี่น้อง มเี มตตาต่อกนั ใหก้ ารยอมรบั นบั ถือกนั รูจ้ ักบทบาทหนา้ ท่ตี วั เองเปน็ อย่างดี ทุกคนเคารพ ให้เกยี รติกนั มีการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ เสมือนอยูใ่ นครอบครวั เดยี วกนั บุคลากรและชุมชน มีความรสู้ กึ วา่ ตวั เองเปน็ ส่วนหนง่ึ ของโรงเรยี น ผู้บรหิ ารให้การสง่ เสรมิ และสนับสนนุ ครูใหม้ ี ความกา้ วหน้ามีความมน่ั คงในอาชพี ผ้บู ริหารสรา้ งบรรยากาศความไวว้ างใจใหแ้ ก่บคุ ลากรและพฒั นา งานเพ่ือสร้างความเชื่อม่นั ให้กับชุมชน และเปน็ บุคคลที่สาคัญที่สดุ ท่ีต้องมีภาวะผู้นาในการสรา้ ง วัฒนธรรมโรงเรยี นให้มีความเข้มแข้ง และจะตอ้ งใชก้ ลยทุ ธ์ทางการบรหิ ารเพื่อโนม้ นา้ วผทู้ ่มี ีส่วน เกย่ี วขอ้ งเห็นพ้องต้องกนั ในการดารงชวี ติ และปฏิบัตงิ านรว่ มกันอย่างมคี วามสขุ และทาให้เป็นชมุ ชน การเรียนรทู้ างวิชาชีพ ด้านภาวะผู้นาร่วม ทง้ั น้ภี าวะผนู้ าร่วมจะเกิดขึ้นไดข้ นึ้ อยู่กบั ผู้บริหารตอ้ งมี ภาวะผนู้ าทางการศกึ ษาเป็นที่ยอมรับในอทิ ธพิ ลของบทบาทผบู้ รหิ ารโรงเรยี นในการปรบั ปรุงแกไ้ ข และสอดคล้องกับ Hord (1997) ได้กล่าวว่า ภาวะผู้นาทีอ่ ย่ใู นตวั แต่ละบคุ คลที่แสดงออกมาภายใน โรงเรียนในดา้ นการสนบั สนุนการปฏบิ ัติการให้ประสบผลสาเร็จของนโยบาย ผ้บู ริหารท่ีดีตอ้ งยอม
71 รบั ฟงั ความคิดเห็นของผ้ใู ต้บังคับบญั ชาเพ่ือลดความขัดแยง้ และสอดคล้องกบั Hellriegel, Slocum, Jr Woodman (2001) กล่าววา่ วฒั นธรรมแบบราชการเปน็ องค์การประเภทหน่ึงทีใ่ ห้ความสาคญั กับ รปู แบบพิธีการ และความเปน็ ทางการ มีการกาหนดโครงสร้าง ระเบียบ กฎเกณฑ์ และแนวปฏบิ ตั งิ าน ทีช่ ดั เจน สอดคล้องกับ Hord (1997) กล่าววา่ การมเี งื่อนไขท่สี นบั สนนุ น้ันขนึ้ อยู่กับ เง่ือนไขโครงสรา้ ง ความรับผดิ ชอบ การใชเ้ วลา กระบวนการติดตอ่ สื่อสาร ขนาดของโรงเรียน ปรมิ าณครผู สู้ อน กระบวนการพฒั นาผ้รู ่วมงาน รวมถงึ ทัศนคตดิ า้ นบวกของแตล่ ะบคุ คล การสร้างวสิ ยั ทศั น์ทกี่ ว้างไกล จึงทาใหม้ หี ลายปัจจัยทีเ่ ป็นตัวกาหนดวา่ เมือ่ ไหร่ ท่ีไหน และอยา่ งไรให้ทกุ คนร่วมกนั เรยี นรู้ ตดั สินใจ แก้ปัญหา และออกแบบการทางานรว่ มกนั ทบ่ี ่งบอกถงึ การเปน็ ชุมชนการเรียนรู้ เพอ่ื ใหก้ ารเปน็ ชุมชน การเรียนรูเ้ ป็นหน้าทผ่ี ูผ้ ลิต ทางด้านกายภาพโครงสรา้ งเง่ือนไข และคุณภาพชีวติ และความสามารถ ของแตล่ ะบคุ คลเปน็ สิ่งทด่ี ีทสี่ ุด ข้อเสนอแนะ จากการวิจยั การดาเนินการชุมชนการเรียนรทู้ างวิชาชพี สกู่ ารพัฒนาการจดั การเรยี นรู้ใน โรงเรยี นสงั กดั สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 ผวู้ จิ ยั มขี ้อเสนอแนะดังน้ี 1. จากผลการวิจัยทพี่ บวา่ ปัญหาการดาเนินการชุมชนการเรยี นรู้ทางวิชาชีพสู่การพัฒนาการ จัดการเรยี นรใู้ นโรงเรียนสงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 26 โดยรวมและในแต่ละ ด้านอย่ใู นระดับปานกลาง โดยองค์ประกอบท่ีมปี ญั หาสูงที่สุดคือ ด้านทีมเรียนร้แู ละการจดั การความรู้ รว่ มกัน ดังนนั้ สานักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 ควรให้ความสาคัญในการพัฒนาและ ส่งเสรมิ สร้างองค์ความรู้และจัดรูปแบบกิจกรรมอบรม หรอื สัมมนา เนน้ รปู แบบวฒั นธรรมการทางาน แบบชมุ ชการเรียนรทู้ างวชิ าชพี ให้เกิดความค้นุ ชินจนกลายเป็นวัฒนธรรม 2. สถานศึกษาควรนาแบบฟอรม์ ต่าง ๆ ในชุดกิจกรรมการส่งเสรมิ การสรา้ งชมุ ชนการเรียนรู้ ทางวิชาชพี ไปปรับให้สอดคล้องกับบริบทของโรงเรยี นและมกี ารนิเทศ ติดตามอยา่ งสม่าเสมอตอ่ เน่ือง เพ่อื ใหเ้ กดิ ผลงานของครทู เ่ี ป็นรูปธรรม 3. ผู้บริหารการศึกษา และผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ควรใชผ้ ลการวิจยั เป็นแนวทางในการ ปรับปรงุ พฒั นาการดาเนนิ การชมุ ชนการเรียนรู้ทางวชิ าชพี ทั้งดา้ นทมี เรยี นรูแ้ ละการจดั การความรู้ ร่วมกัน ดา้ นค่านยิ มและวสิ ยั ทัศนร์ ่วม ดา้ นการสง่ เสริมแหล่งเรียนรู้และเทคโนโลยสี ารสนเทศ ด้านการ สนบั สนุนและการเปน็ ผู้นารว่ มโดยปรบั ใชก้ บั บริบทของแต่ละโรงเรยี นเพ่อื การบรหิ ารงานที่มี ประสิทธภิ าพและเกิดชมุ ชนการเรยี นร้ทู างวิชาชพี ที่ยั่งยืน ข้อเสนอแนะในกำรทำวิจยั ครัง้ ต่อไป 1. ควรศึกษาเปรยี บเทียบการใช้ชุดกิจกรรมการสง่ เสริมการเปน็ ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชพี ตามตวั แปรขนาดโรงเรยี น, สหวิทยาเขต, วิทยฐานะ, อายุราชการ, สังกดั เพ่อื เป็นข้อมลู สารสนเทศใน การพฒั นาการเปน็ ชมุ ชนการเรยี นรูท้ างวิชาชีพต่อไป 2. ควรศึกษาตวั แปรอ่ืนที่สง่ ผลตอ่ การเป็นชมุ ชนการเรียนร้ทู างวชิ าชีพท่ี ในสังกดั สานักงาน เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 เพอื่ เปน็ ขอ้ มูลสารสนเทศในการพฒั นาการการเป็นชมุ ชน
72 การเรยี นรทู้ างวชิ าชีพ 3. ควรศึกษาเชิงคุณภาพเกี่ยวกับการเปน็ ชุมชนการเรียนรูท้ างวิชาชพี ในสังกัดสานกั งาน เขตพื้นท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 โดยเก็บข้อมูลเชงิ ลึกจาการสมั ภาษณ์ จดั สนทนากล่มุ เพ่อื ให้ได้ขอ้ มลู ข้อเทจ็ จริงที่มีคุณภาพ และข้อค้นพบจะเป็นการยนื ยนั ข้อมลู เชิงปริมาณสามารถ พัฒนาชุมชนการเรียนรู้ทางวชิ าชพี ได้
73 บรรณำนุกรม กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. กำรสงั เครำะห์งำนวจิ ัยเกี่ยวกับรูปแบบกำรจัดกำรเรยี นรู้ทเ่ี น้นผู้เรยี น เป็นสำคญั . กรุงเทพฯ : โรงพิมพก์ ารศาสนา, 2544. . กระบวนกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ท่เี นน้ ผูเ้ รยี นเป็นสำคัญ. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์การศาสนา, 2545. . คู่มือกำรบริหำรสถำนศึกษำข้นั พ้นื ฐำนท่ีเป็นนติ บิ คุ คล. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์องค์การรับส่งสนิ คา้ และพสั ดุครุภัณฑ์, 2546. . แนวทำงกำรจัดกจิ กรรมพัฒนำผ้เู รียน : ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำ ขัน้ พน้ื ฐำน พุทธศักรำช 2551. พมิ พ์ครงั้ ท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชนุ มมุ สหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทยจากัด, 2553. กฤษฎค์ิ าผา ชานาญ. กำรพัฒนำควำมเปน็ องคก์ รแห่งกำรเรยี นรู้ : กรณศี ึกษำโรงเรียนเกำะโพธ์ิ ถ้วยงำมวิทยำ สังกัดสำนกั งำนเขตพ้ืนทก่ี ำรศึกษำชลบุรี เขต 2. วทิ ยานิพนธ์ กศ.ม. ขอนแก่น : มหาวิทยาลยั ขอนแก่น, 2552. กมั พล ไชยนันท์. ยุทธศำสตร์กำรสรำ้ งชมุ ชนแห่งกำรเรยี นรูโ้ ดยใชโ้ รงเรียนเปน็ ฐำนในภำคเหนอื ตอนบน. วิทยานิพนธป์ รญิ ญาปรชั ญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวชิ าการศึกษาและพัฒนาสังคม บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยราชภฏั เชียงราย, 2554. กดิ านนั ท์ มลิทอง. เทคโนโลยีและกำรส่อื สำรเพ่ือกำรศกึ ษำ. พิมพ์คร้งั ที่ 1.กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ อรณุ การพมิ พ์, 2548. กง่ิ ฟา้ สินธวุ งษ์. หลกั สูตรและกำรสอน. พมิ พ์ครงั้ ท่ี 4. ขอนแก่น : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2548. กติ มิ า ปรดี ดี ิลก. ทฤษฎีบริหำรองคก์ ำร. พิมพ์ครั้งท่ี 7. กรุงเทพฯ : ธนการพิมพ,์ 2547. กุลยา ตนั ตผิ ลาชวี ะ. (2544, ตุลาคม) “การมีส่วนรว่ มของผปู้ กครองกบัโรงเรียน” วำรสำรกำรศกึ ษำ ปฐมวัย. 5 (4), 30 -36. 2544. . กำรเรยี นกำรสอนท่ียดึ หลกั กำรจิตวิทยำ. กรงุ เทพฯ : ศูนยส์ ่อื เสริม, กรุงเทพ, 2551. กุศล หาญสรุ ยิ .์ สภำพและปัญหำกำรดำเนินงำนกำรปฏริ ูปกำรเรียนรูใ้ นโรงเรยี นทจี่ ดั กำรศกึ ษำ ระดบั มธั ยมศกึ ษำ เขตพน้ื ทก่ี ำรศึกษำขอนแกน่ เขต 1. วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญามหาบัณฑิต สาขาการบริหาการศึกษา สานักงานบัณฑติ ศึกษา สถาบนั ราชภฎั เลย, 2547. โกวทิ ประวาลพฤกษ์. กำรพฒั นำกำรศึกษำเข้ำแฟ้มพัฒนำงำน. กรงุ เทพฯ : บริษัทมาสเตอร์กรุฟ๊ เมเนจเมน้ ท์ จากดั , 2542. คณะอนกุ รรมการปฏิรูปการเรียนร้.ู ปฏิรูปกำรเรียนรู้ ผู้เรยี นสำคญั ทส่ี ดุ . พิมพ์ครัง้ ที่ 5 กรงุ เทพฯ : ครุ ุสภาลาดพรา้ ว, 2543. จรวยพร สดุ สวาท และคณะ. ควำมพึงพอใจของนิสติ ระดับปริญญำตรี ภำคพิเศษที่มีตอ่ กำรให้บริกำรของมหำวทิ ยำลัยนเรศวร. การศึกษาคน้ คว้าดว้ ยตนเอง กศ.ม. พิษณโุ ลก : มหาวทิ ยาลยั นเรศวร, 2545.
74 จุลล่ี ศรีษะโคตร. บรรยำกำศองคก์ ำรท่สี ่งผลต่อชมุ ชนกำรเรยี นรทู้ ำงวชิ ำชีพของครใู น สังกัดเทศบำลนครขอนแกน่ . วิทยานิพนธ์ศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาการบริหาร การศกึ ษาบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั ขอนแก่น, 2557. ชฎาภรณ์ สงวนแกว้ . กำรบรหิ ำรเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสือ่ สำรของโรงเรยี นต้นแบบ กำรพฒั นำกำรใช้ไอซีทเี พื่อกำรเรียนรู้. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตร มหาบัณฑติ กรงุ เทพ : มหาวทิ ยาลัยราชภัฏจนั ทรเกษม, 2549. ชลลดา รานอก. กำรจัดทำแนวกำรสอนทเ่ี น้นผู้เรยี นเปน็ สำคญั . กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การ รับสง่ สินคา้ และพัสดุ, 2551. ชยั พฤกษ์ เสรีรักษ.์ ปฏริ ูปกระบวนกำรเรยี นรมู้ งุ่ สผู่ ู้เรียนเป็นสำคญั . กรุงเทพฯ : พริกหวานกราฟฟิก, 2543. ชาญชยั อาจินสมาจาร. กำรบริหำรทรพั ยำกรมนุษย์. กรงุ เทพฯ : เคแอนด์พีบ๊คุ , 2543. ชาตรี สาราญ. ครรู ไู้ ด้อยำ่ งไรว่ำเดก็ เกิดกำรเรยี นรู้. กรงุ เทพฯ : มลู นิธิสดศรี-สฤษดิวงศ์, 2543. ชาติ แจ่มนุช และคณะ. ผูเ้ รยี นเป็นศนู ย์กลำงคอื อย่ำงไร. เอกสารอัดสาเนา, มปป. ณพศิษฎ์ จกั รพิทักษ์. ทฤษฎกี ำรจัดกำรควำมรู้. กรงุ เทพฯ : ธนาเพรส, 2552. ทศิ นา แขมมณี. “การเรียนรูเ้ พอ่ื พัฒนากระบวนการคดิ ”, กำรปฏบิ ัติกำรเรยี นรตู้ ำมแนวคิด 5 ทฤษฏ.ี กรุงเทพฯ : ไอเดียนสแควร์, 2541. . (2542). “การจัดการเรียนการสอนโดยยดึ ผู้เรยี นเป็นศนู ย์กลาง : โมเดลชิปปา”, วำรสำรครุศำสตร. 27 : 1-17. ทิศนา แขมมณี และคณะ. วธิ กี ำรสอนสำหรบั ครมู อื อำชีพ. กรงุ เทพฯ : สานักพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, 2543. ธนบดี บวั ใหญร่ ักษา. แนวทำงกำรพฒั นำครใู นกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสำคญั กรณศี ึกษำโรงเรยี นบำ้ นสวนห้อมผำงำม สงั กดั สำนกั งำนเขต พืน้ ท่กี ำรศกึ ษำเลย เขต 2. การศกึ ษาคน้ คว้าอิสระ. ค.ม. ปริญญาครุศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาการบรหิ ารการศกึ ษา. เลย : มหาวทิ ยาลัยราชภัฎเลย, 2550. ธารง บวั ศรี. ทฤษฏีหลักสูตร : กำรออกแบบและพฒั นำ. กรุงเทพฯ : พฒั นาศึกษา, 2542. นภมณฑล สบิ หมนื่ เป่ียม. รำยงำนกำรวจิ ัยเร่อื งภูมปิ ัญญำไทยกับกำรส่งเสรมิ กำรเรยี นรู้ และกำรสร้ำงอำชพี . กรุงเทพฯ : กลุ่มพฒั นาสงั คมแห่งการเรียนรู้ สานักมาตรฐานการศึกษา และพัฒนาการเรยี นรู้ สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2550. นภสั ดล ขจรเรอื งสกุล. (2554). วสิ ัยทัศน์มคี วำมสำคญั ตอ่ กำรบรกิ ำรอย่ำงไร. สืบค้นเมอ่ื 9 พฤษภาคม 2558, จาก http://www.guru.google.co.th/guru/thread?tid= 7a86f7cdef05e116 นีออน พิณประดษิ ฐ และคณะ. กำรพฒั นำเครือขำ่ ยสังคมแห่งกำรเรยี นรใู้ นทอ้ งถิ่น ภำคตะวนั ออกเฉียงเหนือ. ขอนแก่น : มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ , 2552.
75 บญุ ชม ศรีสะอาด. หลักกำรวจิ ัยเบื้องต้น. กรงุ เทพฯ : สุรีวิริยสาสน์ , 2545. . กำรวจิ ัยเบือ้ งต้น. กรงุ เทพฯ : สรุ ีวิรยิ สาสน์ , 2553. บญุ ม่นั ธนาศุภวัฒน์. จติ วิทยำสำหรับองค์กร. กรงุ เทพฯ : รุ่งเรอื งธรรม, 2550. บุตรี ถิ่นกาญจน์. บรรยำกำศองค์กำรทเ่ี อ้ือต่อกำรพัฒนำไปสอู่ งค์กำรแหง่ กำรเรียนรู้ กรณีศกึ ษำ หนว่ ยงำนผลติ บัณฑิตของมหำวิทยำลัยบูรพำ จังหวัดชลบรุ ี. ชลบุรี : มหาวทิ ยาลยั บรู พา, 2552. ประสาท อิศรปรีดา. สำรัตถะจติ วิทยำ. กรุงเทพฯ : กราฟคิ อารต์ , 2550. ประภาเพ็ญ สุวรรณ. กำรวัดผลด้ำนพฤติกรรมศำสตร์. กรงุ เทพฯ : ไทยวฒั นาพานชิ , 2550. ประสาทพร สมิตะมาน. (2552). มำตรฐำนคณุ วุฒิระดับอดุ มศึกษำแห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๕๒ : ควำมสำคญั และเหตุผลทีต่ อ้ งดำเนนิ กำร. คน้ เม่ือ 30 พฤษภาคม 2558, จาก http://www.camt.cmu.ac.th/document/doc/A2.ppt ประหยดั ทองมาก. กจิ กรรมแนะแนวสมบรู ณแ์ บบ. พิมพ์ครงั้ ที่ 2. กรุงเทพฯ : วฒั นาพานชิ , 2552. พระธรรมปฎก (ป.อ.ปยตุ โต) และคณะ. พจนำนกุ รมพุทธศำสตร์ฉบบั ประมวลศพั ท์. กรุงเทพฯ : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั , 2543. พัชนีย์ ธระเสนา. (2551). องคก์ รแหง่ กำรเรยี นรู้. สืบค้นเมือ่ 10 กรกฎาคม 2558 จาก http://www.inside.cm.mahidol.ac.th/mkt/images/article/PDF/Lol/pdf. พเิ ชฐ เกษวงษ์. กำรนำเสนอแนวทำงกำรสร้ำงชุมชนแห่งกำรเรียนรู้ทำงวชิ ำชีพในสถำนศึกษำ สังกัดสำนกั งำนเขตพน้ื ท่กี ำรศกึ ษำประถมศึกษำปทุมธำนี เขต 2. วิทยานพิ นธ์ ค.ม. พระนครศรอี ยุธยา : มหาวิทยาลยั ราชภฏั พระนครศรีอยธุ ยา, 2556. ภทั รา เสงย่ี มในเมือง และคณะ. รำยงำนวิจยั ควำมคิดเห็นตอ่ กำรสรำ้ งชุมชนแห่งกำรเรียนรู้ : กำรพยำบำลบุคคลท่ีมปี ัญหำทำงจิต. นครราชสมี า : วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา, 2552. มนตช์ ัย แก้วหลวง. (2543) ความพงึ พอใจของลูกคา้ ในการใชบ้ รกิ ารจากรา้ นขายยาในอาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์ ศศ.ม.มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ้, เชยี งใหม่. มหาวิทยาลัยราชภัฎลาปาง. คมู่ ือเนน้ ผู้เรียนเป็นสำคญั . ลาปาง : คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 2556. มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. กำรจดั ระบบกำรศกึ ษำ หน่วยท่ี 7-10. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช, 2540. มาลี สืบกระแส. กำรพัฒนำรปู แบบองคก์ ำรแห่งกำรเรียนรขู้ องสำนักงำนเขตพนื้ ที่กำรศกึ ษำ. วิทยานิพนธ์ปรญิ ญาปรชั ญาดุษฎีบณั ฑิต สาขาการบริหารการศึกษา, บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั สยาม, 2552. เยาวลกั ษณ์ พิพัฒน์จาเริญกุล. กำรพัฒนำรูปแบบชุมชนแหง่ กำรเรียนรู้ตำมหลกั ปรัชญำเศรษฐกจิ พอเพยี ง. ปริญญาศึกษาศาสตรดษุ ฎบี ัณฑิต (เทคโนโลยกี ารศึกษา) สาขาวชิ าเทคโนโลยี การศกึ ษา ภาควชิ าเทคโนโลยีการศึกษา, 2554.
76 รตั ติญา บุญเอี่ยม. กำรพัฒนำคณุ ภำพกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ีเ่ น้นผู้เรียนเปน็ สำคญั ของครูผสู้ อน โรงเรยี นป่ำไมอ้ ุทิศ 4 สำนกั งำนเขตพ้นื ทกี่ ำรศึกษำตำก เขต 2. วิทยานพิ นธ์ ค.ม. สาขาการบริหารการศกึ ษา, บัณฑิตวทิ ยาลัย. กาแพงเพชร : มหาวทิ ยาลัยราชภฎั กาแพงเพชร, 2552. ราชกิจจานเุ บกษา. “พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ”. เล่ม 114 ตอนที่21ก. (1 ตลุ าคม 2542), หน้า 22. ฤทยั รตั น์ แสนปวน. สภำพควำมเป็นองค์กรแห่งกำรเรยี นรู้ ของศนู ยพ์ ัฒนำเด็กเล็ก องค์กำรบรหิ ำร ส่วนตำบลโป่งแยง อำเภอแมร่ มิ จังหวดั เชยี งใหม่. วทิ ยานพิ นธศ์ ึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่, 2554. วิจารณ์ พาณิช. กำรจดั กำรควำมร้กู บั กำรบริหำรรำชกำรแนวใหม่. กรงุ เทพฯ : สถาบนั สง่ เสริม การจดั การความรเู้ พื่อสังคม, 2555. วชิ ัย วงษใ์ หญ่. กำรปฏริ ูปกำรเรียนรู้ผู้เรยี นสำคัญทส่ี ุด สูตรสำเรจ็ หรือกระบวนกำร. กรุงเทพฯ : พมิ พ์ด,ี 2542. วชิ ยั วงษ์ใหญ.่ (2544) “การบูรณาการตามหลกั สตู รใหม่”, วำรสำรปฏิรปู . 4(44) : 50-53. วิชยั วงษใ์ หญ.่ พลังกำรเรยี นรู้ในกระบวนทัศนใ์ หม.่ กรุงเทพฯ : เอสอารก์ ารพิมพ,์ 2552. วิเชียร พงษ์สระพงั . กำรปฏบิ ตั งิ ำนตำมแนวคิดกำรปฏิรปู กระบวนกำรเรยี นรใู้ นทศั นะของผู้บรหิ ำร โรงเรียนสังกดั สำนกั งำนกำรประถมศึกษำ จังหวดั ชัยภมู ิ. วทิ ยานิพนธ์ ค.ม. ครศุ าสตร มหาบณั ฑติ สาขาการบรหิ ารการศกึ ษา. เลย : มหาวทิ ยาลัยราชภัฎเลย, 2546. วธิ าดา สินประจักษ์ผล. (2542). “การจดั การห้องเรียนเพ่ือการอ่านทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ”, สำรพัฒนำ หลักสูตร. 12 (114) (เมษายน - พฤษภาคม) : 23-28. วิเศษ ชณิ วงศ.์ (2544). “การจัดการเรยี นการสอนแบบบรู ณาการ”, วำรสำรวิชำกำร. 4,10 (ตลุ าคม) : 27-33. ศศกร ไชยคาหาญ. ปจั จัยท่ีมีอิทธิพลตอ่ กำรเปน็ องค์กำรแห่งกำรเรยี นรู้. วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญา ปรชั ญาดุษฎบี ัณฑิต สาขาวชิ าการบรหิ ารการศกึ ษา บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร, 2550. ศักดิ์ชัย ภู่เจรญิ . (2556). กระบวนกำรเรียนกำรสอนแบบ PLC. สืบคน้ เมอ่ื 25 กันยายน 2556 จาก http://www.kruinter.com/show.php?! ศิริรัตน์ โกศล. กำรพฒั นำสถำนศึกษำ โดยใชแ้ นวคิดชมุ ชนกำรเรียนรูท้ ำงวชิ ำชีพ เพื่อจัด กำรเรยี นร้ทู เ่ี น้นผ้เู รยี นเปน็ สำคญั สำหรับสถำนศึกษำ สงั กัดสำนกั งำนเขตพน้ื ที่กำรศึกษำ มัธยมศึกษำ เขต 24. วทิ ยานิพนธ์ กศ.ม. (การบริหารการศึกษา) มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม, 2560. ศนู ยเ์ ทคโนโลยอี ิเลก็ ทรอนิกสแ์ ละคอมพิวเตอรแ์ ห่งชาติ. กรอบนโยบำยเทคโนโลยีสำรสนเทศ ระยะ 2544 – 2553 ของประเทศไทย. กรงุ เทพฯ : ศนู ย์เทคโนโลยีอเิ ล็กทรอนิกส์ และคอมพวิ เตอร์แหง่ ชาติ, 2545. สงา่ จ้องสาระ. กำรพฒั นำกำรจดั กำรเรยี นรทู้ เี่ น้นผเู้ รียนเป็นสำคัญของครูโรงเรียนบ้ำนสวนผึง้ สำนกั งำนเขตพ้นื ท่กี ำรศึกษำกำฬสนิ ธุ์ เขต 3. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. ครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาการบรหิ ารการศกึ ษา. สกลนคร : มหาวิทยาลยั ราชภฎั สกลนคร, 2552.
77 สมบัติ ยศปัญญา. แนวทำงกำรพฒั นำกำรจัดกำรเรยี นรทู้ เี่ น้นผู้เรยี นเป็นสำคัญใน โรงเรียน สังกัดสำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำเลย เขต 1. วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. ครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาการบรหิ ารการศกึ ษา. เลย : มหาวทิ ยาลัยราชภัฎเลย, 2552. สมศักด์ิ สนิ ธรุ ะเวชญ์. มงุ่ สู่คุณภำพกำรศกึ ษำ. กรุงเทพฯ : วัฒนาพานิช, 2542. สมาน แก้วคาไสย.์ บทบำทของผ้บู ริหำรโรงเรียนต่อกำรเรยี นกำรสอนทเี่ น้นผเู้ รยี นเป็นศนู ย์กลำง ในโรงเรียนประถมศึกษำ สงั กดั สำนักงำนกำรประถมศึกษำจงั หวดั ร้อยเอด็ . วทิ ยานพิ นธ์ กศ.ม. การศึกษามหาบัณฑิต สาขาการบรหิ ารการศึกษา. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ, 2545. สรุ ศักดิ์ ชะมารัมย์. (2556). บทบำทของผ้นู ำตอ่ กำรพฒั นำองคก์ ำรส่อู งค์กำรแห่งกำรเรียนร.ู้ สบื คน้ เมอื่ 9 มิถนุ ายน 2558 จาก http://www.stou.ac.th/study/sumrit/ สานกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 26. รำยงำนกำรพฒั นำคุณภำพกำรศกึ ษำ ปี 2558. มหาสารคาม : สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 26, 2558. สานักงานคณะกรรมการการวิจัยแหง่ ชาติ. (2554). คมู่ ือกำรพัฒนำชมุ ชนแหง่ กำรเรียนรู้ ฉบับสมบูรณ์. สืบคน้ เม่ือ 29 กันยายน 2556, จาก http://www1.nrct.go.th/downloads/sci...manual_develop_community.pdf สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน. แนวทำงกำรพัฒนำคุณภำพกำรเรยี นกำรสอน ท่เี นน้ ผู้เรยี นเป็นสำคญั . กรงุ เทพฯ : สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน, 2547. . (2553). กำรกำหนดมำตรฐำนกำรศกึ ษำของสถำนศกึ ษำ. สืบคน้ เมอื่ 29 มิถุนายน 2558, จาก http://www.sesa20.go.th2.../เล่ม% สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ. รำยงำนกำรประเมนิ ผลกำรปฏิรปู กำรเรยี นรู. กรงุ เทพฯ : สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2543. สานกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา. แนวทำงกำรพัฒนำนโยบำยกำรเรียนรนู้ อกระบบโรงเรยี น และกำรเรยี นรตู้ ำมอัธยำศัยเพื่อกำรสรำ้ งสังคมแหง่ กำรเรียนรู้ตำมปรัชญำเศรษฐกจิ พอเพยี งและภมู ิปัญญำไทย. นนทบรุ ี : ชุมชนสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศ, 2553. สวิ รี พศิ ทุ ธส์ิ นิ ธพ. รปู แบบการพัฒนาชุมชนแห่งการเรยี นรเู้ ชงิ วิชาชพี ในสถาบนั อดุ มศึกษา คาทอลิก. วิทยานิพนธ์ ศกึ ษาศาสตรดุษฎีบณั ฑิต สาขาการบริหารการศึกษา. กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลัยวงษ์ชวลติ กุล, 2553. สุเทพ พงศ์ศรวี ฒั น์. (2556). ผ้นู าสถานศึกษากบั การสร้างโรงเรียนแห่งการเรียนร.ู้ สืบค้นเมอ่ื 15 พฤษภาคม 2556 จาก http:// suthep.crru.ac.th/leader31.doc สุภำพ ยนื คำพะเนำว.์ บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการส่งเสรมิ การดาเนินงานตามระบบ การดูแลช่วยเหลอื นักเรียนในสถานศึกษาข้ันพนื้ ฐานระดบั มัธยมศึกษา สังกัดสานกั งาน เขตพน้ื ที่การศึกษานครราชสมี า. วิทยานิพนธ์ ศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาการ บริหารการศกึ ษา. นนทบุรี : มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช, 2555. สุรพงค์ เอื้อศิริพรฤทธ์.ิ กำรพัฒนำตวั บ่งช้รี วมควำมเป็นองค์กรแหง่ กำรเรียนกำรเรียนรูข้ อง สถำนศกึ ษำขัน้ พืน้ ฐำนในจังหวัดภำคใต้. ปริญญานิพนธก์ ารศกึ ษาดุษฎบี ณั ฑติ สาขาการบริหารการศกึ ษา. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวิโฒ, 2547.
78 สรุ ศักดิ์ ชะรมั ารัมย์. (2556). บทบำทของผนู้ ำตอ่ กำรพัฒนำองคก์ ำรสู่องคก์ ำรแหง่ กำรเรียนร.ู้ สบื ค้นเมอื่ 9 มถิ ุนายน 2558, จาก http://www.stou.ac.th/study/sumrit/8-56(500)/ Page4-8-56(500).html แสงหล้า เรืองพยัคฆ์. (2555). สงั คมแห่งกำรเรยี นรู้สู่ปฏริ ปู . [ออนไลน์] เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://sps. lpru.ac.th/script/show_article.pl?mag_id=13&group_id=57&article_id=975 [10 ก.ค. 2558]. โสภณั ฑ์ นุชนาถ. (2548). “คา่ นิยม”, ลำนปัญญำ. 5(2) : 85-92. อภินนั ท์ สิริรตั นจิตต์. พฤติกรรมกำรใช้เวลำว่ำงของนกั ศกึ ษำระดับปริญญำตรี ม.หำดใหญ่. สงขลา : มหาวิทยาลยั หาดใหญ,่ 2556. อาภรณ์ ใจเทย่ี ง. หลกั กำรสอน. กรุงเทพฯ : โอเดยี นสโตร์, 2551. Glover, Carol Lynn. Psychology for Teachers. New York : Mcmillan, 2002. Good, C.V. Dictionary of Education. New York McGraw – Hill Book Company, 1973. Hord, S. M. (1997). Professional learning communities : Communities of continuous inquiry and improvement. Austin, TX: Southwest Educational Development Laboratory. Jacobs, T. O., & E. Jaques. 1990. Military Executive Leadership. In K.E. Clark and M. B. Clark. Measures of Leadership. West Orange, NJ: Leadership Library of America. Krech, David and Richard Crutchfield. Theory and Problem of Social Psychology Individua in Society : A Textbook of Social Psychology. New York : McGrawHill Book, 1972. Richards, D. & Engle, S. (1986). “After the Vision : Suggestions to Corporate Visionaries and Vision Champions.” In J.D. Adams. (Ed). Transforming Leadership, Alexandria, VA : miles River Press. 199-215. Senge, Peter M. The Fifth Discipline : The Art and Practice of the Learning Organization. New York : Doubleday, 1990. Schein, E.H. (1985). Organizational Culture and Leadership. San Francisco : jossey- Bass. Sillins, Halia ; Zarins, Silja & Mulford , Bill. (2002). “What Characteristics and Processes define a School as a learning Organization? Is This a Useful Concept to Apply to School?” in International Education Journal. 3(1) : 24 -32. Wheeler, S.M. and Beatley, T. The Sustainable Urban Development Reader. London and New York: Routledge, 2003. Wolman, B. Dictionary of Behavior Science. New York : Van Newstand Reinhold, 1973.
79 ภำคผนวก
80 ภำคผนวก ก เคร่อื งมอื ท่ใี ช้ในกำรเก็บรวบรวมข้อมลู
81 แบบประเมินสภำพกำรส่งเสรมิ กำรสรำ้ งชมุ ชนกำรเรียนรูท้ ำงวิชำชีพส่กู ำรพัฒนำ กำรจัดกำรเรียนรใู้ นโรงเรียน สงั กัดสำนกั งำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศึกษำมัธยมศกึ ษำ เขต 26 คำชแี้ จง 1. แบบประเมนิ ฉบับน้ี มวี ตั ถุประสงคเ์ พ่ือประเมนิ สภาพการการส่งเสริมการสรา้ งชุมชนการ เรยี นรทู้ างวิชาชีพสู่การพฒั นาการจดั การเรียนรูใ้ นโรงเรียน สงั กัดสานักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษา มัธยมศกึ ษา เขต 26 ตามองค์ประกอบและตัวชวี้ ัดแนวคิดชมุ ชนการเรียนรู้ทางวิชาชพี ของครู ดา้ น วสิ ัยทศั น์ร่วม ทมี และเครอื ข่ายการเรยี นรู้ การจดั การความรู้ และการสง่ เสรมิ แหล่งเรยี นร้แู ละ เทคโนโลยสี ารสนเทศ ซึ่งผลของการวจิ ยั จะเป็นประโยชนต์ ่อการนาไปเปน็ การศึกษาแนวทางการพฒั นา สถานศกึ ษาโดยใชแ้ นวคดิ ชุมชนการเรยี นรูท้ างวชิ าชีพ เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรใู้ นโรงเรยี นสังกัด สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 ให้มีประสทิ ธภิ าพมากยิง่ ข้ึน 2. แบบสอบถามแบง่ เปน็ 3 ตอน ดงั นี้ ตอนท่ี 1 ขอ้ มลู เก่ียวกับผูต้ อบแบบประเมนิ ตอนที่ 2 สภาพการการส่งเสริมการสรา้ งชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชพี สกู่ ารพัฒนาการ จดั การเรียนรใู้ นโรงเรยี น สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 26 ตามองคป์ ระกอบและ ตวั ชี้วดั แนวคดิ ชมุ ชนการเรียนรู้ทางวิชาชพี ของครู ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสรมิ พัฒนาสถานศึกษาโดยใชแ้ นวคิด ชมุ ชนการเรียนรทู้ างวิชาชีพสกู่ ารพัฒนาการจดั การเรียนรู้ในโรงเรียน สังกัดสานกั งานเขตพนื้ ท่ี การศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 26 3. คาตอบทุกข้อไมม่ ีข้อผิด หรอื ถกู และไม่มกี ารเปิดเผย แตจ่ ะนาเสนอในรูปแบบของ ภาพรวมของผลการวิจัย เพ่ือเปน็ ประโยชนต์ ่อการจัดการเรยี นการสอนของสถานศกึ ษาในสงั กัด สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 26 ต่อไป 4. ผ้วู จิ ัยขอขอบคณุ ผูต้ อบแบบสอบถามทุกทา่ นเป็นอย่างสูง ทใ่ี ห้ความร่วมมือในการตอบ แบบสอบถามในครั้งนี้ นายอภชิ าต เข็มพิลา ศกึ ษานิเทศก์ สานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 26
82 ตอนที่ 1 ขอ้ มูลเกี่ยวกับผตู้ อบแบบสอบถำม คำช้แี จง โปรดทาเคร่อื งหมาย √ ลงในชอ่ ง ( ) หนา้ ข้อความท่ีตรงกับความเป็นจริงของทา่ น 1. สถานภาพตาแหนง่ [ ] ผูบ้ รหิ าร/รองผบู้ รหิ าร [ ] ครูผสู้ อน 2. เพศ [ ] ชาย [ ] หญิง 3. อายุ [ ] 35 - 45 ปี [ ] ต้ังแต่ 55 ปขี ึ้นไป 4. วิทยฐานะ [ ] ครูผชู้ ่วย [ ] ครู คศ.1 [ ] ครู คศ.2 [ ] ครู คศ.3 [ ] ครู คศ.4 [ ] ครู คศ.5 ตอนที่ 2 ประเมินสภาพการส่งเสรมิ การสรา้ งชุมชนการเรียนรทู้ างวิชาชพี สูก่ ารพัฒนาการจัด การเรียนรู้ ในโรงเรยี น สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 26 คำชี้แจง โปรดอ่านข้อความในรายการแตล่ ะข้อในแบบสอบถาม แลว้ พจิ ารณาวา่ แตล่ ะข้อมี องคป์ ระกอบและตวั ช้วี ัดแนวคิดชมุ ชนการเรียนร้ทู างวชิ าชพี มกี ารปฏิบตั ิอยูใ่ นระดับใด แลว้ ทาเคร่อื งหมาย √ ในชอ่ งระดับค่าน้านา้ หนักคะแนนทีต่ รงกบั ความคิดเห็นของ ท่านทสี่ ุด เพียงช่องเดยี ว ระดับการปฏบิ ัติ ความหมาย เหมาะสมมากทสี่ ดุ 5 เหมาะสมมาก 4 เหมาะสมปานกลาง 3 เหมาะสมน้อย 2 เหมาะสมน้อยทสี่ ดุ 1 ระดับความเหมาะสม สภำพกำรส่งเสริมกำรสร้ำงชุมชนกำรเรียนรู้ทำง มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย วชิ ำชีพ ที่สดุ 4 กลาง 2 ทสี่ ดุ 531 ดำ้ นกำรสนับสนนุ และกำรเปน็ ผ้นู ำรว่ ม 1. คณะครูมสี ว่ นร่วมในการอภิปรายและการตัดสินใจ เกย่ี วกบั ประเดน็ สาคญั ของโรงเรยี นอยา่ งสม่าเสมอ
83 สภำพกำรสง่ เสรมิ กำรสรำ้ งชุมชนกำรเรียนรู้ทำง มาก ระดบั ความเหมาะสม นอ้ ย วชิ ำชพี ท่ีสดุ มาก ปาน น้อย ทส่ี ุด 5 4 กลาง 2 1 2. ผ้บู ริหารให้โอกาสแกครูในการคิดริเรมิ่ การ เปลี่ยนแปลงตา่ งๆ ในการทางาน 3 3. ผู้บริหารแบง่ ปนั หน้าท่คี วามรับผิดชอบและให้ รางวลั แกครทู ีส่ รา้ งสรรคน์ วัตกรรม 4. ผู้บริหารสนับสนนุ และดูแลใหค้ รใู ช้ภาวะผู้นา 5. ผมู้ ีสว่ นไดสวนเสียเขา้ ร่วมรับผิดชอบการเรยี นรูของ ผ้เู รียนในโรงเรยี นโดยไมตองรอให้โรงเรียนเชอ้ื เชญิ ดำ้ นค่ำนยิ มและวิสัยทศั นร์ ่วม 1. โรงเรยี นมกี ระบวนการรว่ มมอื ในการดาเนินงานเพื่อ พัฒนาความรูสึกเก่ยี วกับคานิยมร่วมของคณะครู 2. คณะครูสร้างวสิ ัยทัศน์รว่ มกนั สาหรับการพฒั นา โรงเรียนโดยมจี ดุ เน้นทกี่ ารเรียนรูของนักเรียน 3. โรงเรยี นมเี ป้าหมายเน้นการเรยี นรูของผู้เรยี น มากกว่าคะแนนจากการทดสอบและเกรดของผเู้ รยี น 4. โรงเรยี นใชว้ สิ ัยทัศน์เปน็ ตัวกาหนดนโยบายและ โครงการต่าง ๆ ท่ีจะจัดทาขน้ึ 5. โรงเรยี นใช้ขอ้ มลู ในการเรยี งลาดับความสาคญั ของ กจิ กรรมท่ีจะดาเนินการไปสูวิสยั ทศั น์ทตี่ งั้ ไว้
84 สภำพกำรส่งเสริมกำรสรำ้ งชุมชนกำรเรยี นรู้ทำง มาก ระดบั ความเหมาะสม น้อย วชิ ำชพี ทสี่ ุด มาก ปาน นอ้ ย ทส่ี ดุ 5 4 กลาง 2 1 ทมี เรียนร้แู ละกำรจดั กำรควำมร้รู ว่ มกนั 1. คณะครูมคี วามสัมพนั ธ์อยา่ งเปน็ กัลยาณมิตรซ่งึ 3 สะท้อนให้เหน็ ถงึ พนั ธะสัญญาในความพยายามทจ่ี ะ ปรับปรุงโรงเรียน 2. สถานศึกษามกี ารจัดเวลาหรอื อานวยความสะดวก ให้ครูได้พบปะเพ่ือสะท้อนผลการจดั การเรยี นรูซ้ ึ่งกัน และกัน 3. คณะครูรว่ มพดู คยุ แลกเปล่ียนแนวคดิ ในการ ทางานท่ามกลางบรรยากาศท่ีเปน็ มิตรท่ใี ห้การยอมรบั ซ่ึงกนั และกนั อันจะนาไปสูก่ ารแสวงหาองค์ความรู ใหม่ๆ ตอ่ ไป 4. ครูมีโอกาสสังเกตการสอนและแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และประยุกต์ความรู่ใหม่ ๆ ในการแกปัญหาการ ดาเนนิ งานของโรงเรยี น 5. โรงเรยี นมกี ารส่งเสริมใหค้ รแู สวงหาความรแู้ ละ กลยุทธ์ต่างๆ อย่างต่อเนอื่ ง เป็นระบบและเผยแพร่ เช่น การทาวิจยั การศึกษาดูงาน ด้ำนกำรส่งเสริมแหล่งเรยี นรู้และเทคโนโลยี สำรสนเทศ 1. สถานศึกษามีแหล่งเรยี นรู้ท่หี ลากหลายเพยี งพอตรง กับความต้องการและสะดวก ในการใชบ้ รกิ าร 2. ครูมีการแสวงหาข้อมลู ข่าวสารท่จี ะช่วยพัฒนา วิชาชพี ของตนดว้ ยเทคโนโลยีอยเู่ สมอ 3. โรงเรียนมกี ารเชื่อมโยงระบบการทางานกับ เทคโนโลยีเพอ่ื ให้ครสู ามารถใช้งานได้ทันต่อความ ตอ้ งการ
85 ระดับความเหมาะสม สภำพกำรส่งเสริมกำรสร้ำงชุมชนกำรเรยี นรู้ทำง มาก มาก ปาน นอ้ ย น้อย วิชำชพี ที่สุด 4 กลาง 2 ทีส่ ดุ 531 4. โรงเรียนจดั สรรงบประมาณเพื่อสนบั สนุนการจดั การศกึ ษาในดา้ นต่าง ๆ อย่างเพียงพอ เชน่ การจดั อบรมครู และการพฒั นาแหล่งเรยี นรู้ 5. โรงเรยี นมีกลยุทธ์ในการระดมทรัพยากรจาก ทุกภาคสว่ นเพือ่ สนับสนุนการจดั การเรยี นรู้ ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะวธิ กี ารสง่ เสรมิ การสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชพี สู่การพฒั นาการจัด การเรยี นรู้ในโรงเรียน สังกดั สานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 26 ………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… ………………………..………………………....…………………………………………………………………………………………… …………………………………………………....…………………………………………………………………………………………… …………………………………………………....…………………………………………………………………………………………… ขอขอบคุณในความร่วมมือ
86 แบบประเมนิ ควำมพึงพอใจต่อชุดกจิ กรรมสง่ เสริมกำรสร้ำงชุมชนกำรเรยี นรทู้ ำงวิชำชีพสกู่ ำรพัฒนำ กำรจดั กำรเรียนรใู้ นโรงเรยี น สงั กดั สำนกั งำนเขตพน้ื ทีก่ ำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต 26 --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- คำชีแ้ จง 1. แบบวดั ความพึงพอใจน้ี เพ่ือต้องการทราบถงึ ความพึงพอใจของผูบ้ ริหารและครูทมี่ ตี ่อชุด กิจกรรมสง่ เสรมิ การสร้างชมุ ชนการเรยี นรู้ทางวิชาชพี สู่การพัฒนาการจดั การเรยี นรใู้ นโรงเรยี น สงั กัด สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษ า เขต 26 มที ้งั หมด 15 ขอ้ 2. ใหน้ กั เรยี นพิจารณาวา่ ผบู้ ริหารและครูชอบทาหรือคิดท่ีจะทาตามกิจกรรมที่กาหนดแต่ละ ขอ้ มากน้อยเพยี งใด 3. ใหผ้ บู้ รหิ ารและครตู อบแบบวดั ความพงึ พอใจให้ครบทกุ ขอ้ โดยให้ทาเครื่องหมาย ในช่อง ระดับความพึงพอใจทเ่ี ลอื ก นั้น โดยมี เกณฑ์การให้คะแนน ดังน้ี 5 คะแนน หมายถงึ มคี วามพึงพอใจมากทีส่ ดุ 4 คะแนน หมายถงึ มีความพึงพอใจมาก 3 คะแนน หมายถึง มีความพึงพอใจปานกลาง 2 คะแนน หมายถึง มคี วามพึงพอใจน้อย 1 คะแนน หมายถงึ มีความพึงพอใจน้อยที่สดุ รายการประเมนิ ระดบั ความพึงพอใจ 54321 ดำ้ นควำมพงึ พอใจต่อชดุ กจิ กรรม 1. ผู้เขา้ รับการพัฒนาได้เรยี นด้วยชุดกจิ กรรมอยา่ งสนกุ สนาน 2. ผเู้ ข้ารบั การพฒั นาอยากเรียนดว้ ยชดุ กิจกรรม 3. ผเู้ ข้ารับการพฒั นาชอบทากจิ กรรมในชุดกจิ กรรม 4. การเรียนร้ดู ว้ ยชุดกิจกรรมเป็นวธิ ที ีน่ ่าสนใจ 5. ผูเ้ ข้ารับการพัฒนาทางานกลมุ่ แลว้ มีความสุข 6. ผ้เู ขา้ รับการพฒั นาชอบกรรแลกเปลย่ี นเรียนรู้ในวง PLC 7. ผเู้ ข้ารับการพฒั นาทากจิ กรรมดว้ ยตนเองและกลุม่ PLC 8. ผ้เู ข้ารับการพฒั นาสนใจประเมนิ ผลการทางานของตนเองและกลุ่ม PLC 9. ผเู้ ขา้ รับพฒั นามีความภมู ิใจในการทางานของตนเองและกลุ่ม PLC 10. ผเู้ ข้ารบั พัฒนาคิดวา่ ชดุ กิจกรรมน้ที าให้กลุ่มสามารถทา PLC ชดั เจนขน้ึ
87 รายการประเมิน ระดับความพงึ พอใจ 54321 ด้ำนควำมพึงพอใจต่อกำรพัฒนำครูดว้ ยชุดกิจกรรม 1. สือ่ /เอกสารชดุ กิจกรรมมีความเหมาะสม 2. กจิ กรรมการพัฒนาครูเรยี นร้เู ขา้ ใจงา่ ย 3. เวลาในการจดั กิจกรรมกระชับ สอดคล้องกบั เน้อื หา 4. ตวั อย่างตา่ ง ๆ ในชุดกิจกรรมเกดิ ประโยชน์ตอ่ การพฒั นากลุ่ม PLC 5. วิทยาการใหค้ วามร/ู นากิจกรรม/ตอบข้อซักถามได้ชดั เจน ขอ้ เสนอแนะ โปรดใหข้ ้อเสนอแนะวธิ ีการส่งเสริมการสรา้ งชมุ ชนการเรียนรูท้ างวชิ าชพี สูก่ ารพฒั นา การจดั การเรียนรใู้ นโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 ………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… ………………………..………………………....…………………………………………………………………………………………… …………………………………………………....…………..……………………………………………………………………………… …………………………………………………....…………..……………………………………………………………………………… ขอขอบคุณในความรว่ มมือ
88 ภำคผนวก ข ผลกำรหำคำ่ IOC ของผู้เชี่ยวชำญ
89 ตำรำงที่ 6 วเิ คราะหด์ ชั นคี วามสอดคลอ้ งของแบบสอบถามสภาพสภาพการสง่ เสรมิ การสรา้ งชมุ ชน การเรยี นรูท้ างวิชาชีพสกู่ ารพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ในโรงเรยี น สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ี การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 26 คะแนนความคดิ เห็นของผู้เชย่ี วชาญ รำยกำร คนท่ี คนท่ี คนที่ คนที่ คนท่ี IOC สรุปผล 1 2345 1 ใชไ้ ด้ ด้ำนกำรสนบั สนนุ และกำรเป็นผนู้ ำรว่ ม 1 ใชไ้ ด้ 1 ใชไ้ ด้ 1. คณะครมู ีสว่ นรว่ มในการอภปิ รายและ 1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ 1 ใช้ได้ การตัดสนิ ใจเกี่ยวกับประเด็นสาคญั ของ 1 ใช้ได้ โรงเรียนอย่างสม่าเสมอ 1 ใช้ได้ 1 ใชไ้ ด้ 2. ผูบ้ รหิ ารใหโ้ อกาสแกครใู นการคดิ รเิ ร่ิม 1 1 1 1 1 1 ใชไ้ ด้ การเปลยี่ นแปลงตา่ งๆ ในการทางาน 3. ผู้บริหารแบ่งปันหน้าที่ความรบั ผดิ ชอบ 1 1 1 1 1 และให้รางวลั แกครทู ่ีสรา้ งสรรค์นวตั กรรม 4. ผบู้ ริหารสนบั สนนุ และดแู ลใหค้ รใู ช้ 1 1111 ภาวะผนู้ า 5. ผ้มู สี ว่ นไดสวนเสียเขา้ ร่วมรบั ผดิ ชอบ 1 1 1 1 1 การเรยี นรขู องผ้เู รียนในโรงเรียนโดยไมต องรอใหโ้ รงเรียนเช้อื เชิญ ด้ำนคำ่ นิยมและวสิ ัยทัศนร์ ่วม1. 1 1111 โรงเรียนมกี ระบวนการรว่ มมือในการ ดาเนินงานเพอื่ พฒั นาความรสู ึกเกย่ี วกับค านยิ มรว่ มของคณะครู 2. คณะครสู ร้างวสิ ัยทัศน์ร่วมกันสาหรบั 1 1 1 1 1 การพฒั นาโรงเรยี นโดยมจี ดุ เน้นทกี่ าร เรยี นรขู องนกั เรียน 3. โรงเรียนมเี ป้าหมายเนน้ การเรยี นรูของ 1 1 1 1 1 ผเู้ รยี นมากกว่าคะแนนจากการทดสอบ และเกรดของผู้เรยี น 4. โรงเรียนใชว้ สิ ยั ทัศนเ์ ป็นตวั กาหนด 1 1111 นโยบายและโครงการตา่ ง ๆ ทีจ่ ะจดั ทา ขน้ึ
90 คะแนนความคดิ เหน็ ของผู้เชี่ยวชาญ รำยกำร คนที่ คนที่ คนท่ี คนท่ี คนท่ี IOC สรปุ ผล 1 2345 5. โรงเรยี นใชข้ อ้ มูลในการเรยี งลาดับ 1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ ความสาคญั ของกิจกรรมท่ีจะดาเนินการ ไปสวู สิ ยั ทัศนท์ ต่ี ง้ั ไว้ ทมี เรยี นรแู้ ละกำรจัดกำรควำมรูร้ ่วมกัน ใช้ได้ 1. คณะครมู ีความสมั พันธ์อย่างเปน็ 1 1111 1 กลั ยาณมติ รซง่ึ สะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงพันธะ สญั ญาในความพยายามท่จี ะปรบั ปรงุ โรงเรียน 2. สถานศึกษามกี ารจดั เวลาหรอื อานวย 1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ ความสะดวกใหค้ รไู ดพ้ บปะเพอ่ื สะท้อนผล การจัดการเรยี นรู้ซง่ึ กันและกัน 3. คณะครรู ่วมพดู คยุ แลกเปลีย่ นแนวคดิ 1 1 1 1 1 1 ใชไ้ ด้ ในการทางานทา่ มกลางบรรยากาศท่เี ป็น มติ รทีใ่ หก้ ารยอมรบั ซึ่งกนั และกนั อันจะ นาไปสู่การแสวงหาองค์ความรใู หมๆ่ ตอ่ ไป 4. ครูมีโอกาสสงั เกตการสอนและ 1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ แลกเปลย่ี น เรยี นร้แู ละประยกุ ต์ความรู่ ใหม่ ๆ ในการแกปัญหาการดาเนนิ งาน ของโรงเรียน 5. โรงเรียนมกี ารสง่ เสริมให้ครูแสวงหา 1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ ความรแู้ ละกลยทุ ธต์ า่ งๆ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เปน็ ระบบและเผยแพร่ เชน่ การทาวิจัย การศึกษาดูงาน ดำ้ นกำรสง่ เสรมิ แหลง่ เรียนรู้และ เทคโนโลยีสำรสนเทศ 1 1111 1 ใชไ้ ด้ 1. สถานศึกษามีแหล่งเรียนรู้ทห่ี ลากหลาย เพียงพอตรงกับความต้องการและสะดวก ในการใช้บริการ
91 คะแนนความคดิ เห็นของผ้เู ช่ยี วชาญ รำยกำร คนท่ี คนที่ คนที่ คนท่ี คนที่ IOC สรปุ ผล 1 2345 2. ครมู กี ารแสวงหาข้อมลู ข่าวสารที่จะ 1 1 1 1 1 1 ใชไ้ ด้ ช่วยพัฒนาวิชาชพี ของตนด้วยเทคโนโลยี อยู่เสมอ 3. โรงเรียนมีการเชื่อมโยงระบบการ 1 1 1 1 1 1 ใชไ้ ด้ ทางานกับเทคโนโลยเี พื่อให้ครสู ามารถใช้ งานได้ทันตอ่ ความตอ้ งการ 4. โรงเรยี นจดั สรรงบประมาณเพอื่ 1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ สนับสนนุ การจดั การศกึ ษาในดา้ นต่าง ๆ อยา่ งเพียงพอ เชน่ การจัดอบรมครู และ การพฒั นาแหล่งเรียนรู้ 5. โรงเรยี นมกี ลยุทธใ์ นการระดม 1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ ทรพั ยากรจากทุกภาคสว่ นเพือ่ สนบั สนนุ การจดั การเรยี นรู้ ภาพรวม 1.00 ใช้ได้
92 ตำรำงท่ี 7 วเิ คราะหด์ ัชนคี วามสอดคลอ้ งของแบบประเมินความพงึ พอใจต่อชุดกิจกรรมส่งเสริมการ สรา้ งชมุ ชนการเรยี นรูท้ างวชิ าชีพสกู่ ารพฒั นาการจดั การเรียนร้ใู นโรงเรียน สงั กัดสานักงาน เขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 คะแนนความคดิ เหน็ ของผู้เชยี่ วชาญ รำยกำร คนท่ี คนท่ี คนที่ คนท่ี คนท่ี IOC สรุปผล 1 2345 1 ใช้ได้ ดำ้ นควำมพงึ พอใจต่อชุดกจิ กรรม 1 ใช้ได้ 1 ใชไ้ ด้ 1. ผ้เู ข้ารับการพัฒนาไดเ้ รยี นด้วยชดุ 1 1 1 1 1 1 ใชไ้ ด้ 1 ใชไ้ ด้ กจิ กรรมอยา่ งสนุกสนาน 1 ใชไ้ ด้ 1 ใชไ้ ด้ 2. ผู้เข้ารบั การพัฒนาอยากเรียนด้วย 1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ ชดุ กิจกรรม 1 ใช้ได้ 1 ใช้ได้ 3. ผเู้ ข้ารับการพัฒนาชอบทา 1 1111 กจิ กรรมในชดุ กิจกรรม 4. การเรียนรูด้ ว้ ยชุดกจิ กรรมเปน็ วิธี 1 1 1 1 1 ที่น่าสนใจ 5. ผเู้ ข้ารบั การพฒั นาทางานกลมุ่ 1 1 1 1 1 แลว้ มคี วามสุข 6. ผเู้ ขา้ รับการพฒั นาชอบกรร 1 1111 แลกเปลยี่ นเรยี นร้ใู นวง PLC 7. ผ้เู ข้ารบั การพฒั นาทากิจกรรม 1 1 1 1 1 ดว้ ยตนเองและกลุ่ม PLC 8. ผู้เขา้ รบั การพัฒนาสนใจ 1 1111 ประเมินผลการทางานของตนเอง และกลมุ่ PLC 9. ผ้เู ข้ารับพัฒนามีความภมู ิใจใน 1 1 1 1 1 การทางานของตนเองและกลุ่ม PLC 10. ผู้เขา้ รับพัฒนาคิดวา่ ชุดกิจกรรม 1 1 1 1 1 น้ที าใหก้ ล่มุ สามารถทา PLC ชัดเจนขนึ้
93 คะแนนความคิดเหน็ ของผูเ้ ชีย่ วชาญ รำยกำร คนท่ี คนที่ คนท่ี คนที่ คนที่ IOC สรุปผล 1 2345 1 ใชไ้ ด้ ดำ้ นควำมพึงพอใจตอ่ กำรพัฒนำครู 1 ใช้ได้ ดว้ ยชุดกจิ กรรม 1 ใชไ้ ด้ 1 ใชไ้ ด้ 1. สอ่ื /เอกสารชดุ กจิ กรรมมีความ 1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ ใชไ้ ด้ เหมาะสม 2. กจิ กรรมการพฒั นาครเู รยี นรูเ้ ข้าใจ 1 1 1 1 1 ง่าย 3. เวลาในการจดั กจิ กรรมกระชับ 1 1111 สอดคล้องกบั เนื้อหา 4. ตัวอยา่ งต่าง ๆ ในชุดกจิ กรรมเกิด 1 1 1 1 1 ประโยชน์ตอ่ การพฒั นากลุ่ม PLC 5. วทิ ยาการให้ความร/ู นากิจกรรม/ 1 1 1 1 1 ตอบข้อซกั ถามไดช้ ัดเจน ภำพรวม 1.00
94 ภำคผนวก ค ตวั อยา่ งส่อื ประกอบการนาเสนอการพฒั นาครูดา้ นส่งเสรมิ การใช้นวัตกรรม PLC
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103