ค่มู ือ การประชุมปฏิบตั ิการขบั เคลื่อนโครงการ ลดเวลาเรียนเพิม่ เวลารู้ สานกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 26 สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
ค่มู อื กิจกรรม “ลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้” ในบริบทของโรงเรยี นสงั กัดสานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 ความเป็นมาของกิจกรรม “ลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้” สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารที รงมีพระราชดารัสในเร่ืองการศึกษาว่า การจัดการศึกษาต้องดภู าพรวมท้งั ประเทศ เพราะทกุ วนั นี้การศกึ ษาคอ่ นขา้ งออ่ นแอ และมุง่ เน้นการเรยี น การสอนเน้ือหาบางเรื่องมากเกนิ ไป ทรงมีพระราชดาริให้มีการนาองค์ 4 แหง่ การศึกษา คือ พุทธศิ ึกษา จริยศึกษา หัตถศึกษา และพลศกึ ษา และหัวใจนักปราชญ์ คอื สุ จิ ปุ ลิ หมายถงึ การฟงั การคิด การถาม และการเขียน ซึ่งเปน็ หวั ใจสาคญั ของนกั ปราชญ์และบัณฑิต อกี ท้ังยงั จะเป็นเทคนิคในการชว่ ยให้ผเู้ รียนมี ทักษะการเรียนเก่งมากขึ้น โดยทรงมีพระราชดารใิ ห้นาทั้งสองเรอื่ งมาใช้ในการจดั การศกึ ษา แนวทางการ ปฏริ ูปการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม นโยบายหน่งึ ของรฐั บาล คือ การลดเวลาเรียนภาควิชาการลง แตต่ ้องไม่ กระทบเนื้อหาหลกั ทเ่ี ด็กๆ ควรเรยี นรู้ ซึง่ หมายความว่า ครูต้องใช้ความสามารถในการออกแบบการเรียนรู้ ใหน้ ักเรียนได้สาระทีต่ ้องรูค้ รบถว้ นอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพมากขน้ึ จากนโยบายการลดเวลาเรียนดงั กล่าว จงึ นามาสกู่ ารปฏบิ ัตโิ ดยกาหนดให้โรงเรียนเรยี นภาควชิ าการ ถงึ เวลาบ่าย 2 โมงคร่ึง หรอื เวลา 14.30 น. แต่เวลาทโ่ี รงเรยี นเลกิ ยงั คงเหมือนเดิมตามกาหนดของ แตล่ ะโรงเรียนซ่งึ มักจะเป็นช่วงบา่ ย 4 โมง หรอื เวลา 16.00 น. ดังนน้ั ชว่ งระยะเวลาระหวา่ ง หลังเลิกเรยี นจนกว่านักเรียนจะกลบั บา้ นซึง่ นักเรียนยังคงอยู่ท่ีโรงเรียน โรงเรียนจะต้องจัดกจิ กรรมสร้างสรรคต์ า่ งๆ ให้นักเรียนปฏบิ ัติ และควรเป็นกิจกรรมท่ีมคี วามหลากหลายที่ ชว่ ยเพ่ิมพูนทักษะการคดิ วเิ คราะห์ ความมนี า้ ใจตอ่ กนั การทางานเปน็ ทีม และทีส่ าคญั ควรมีกจิ กรรมกระต้นุ ใหเ้ ดก็ ไดค้ น้ หาศักยภาพและความชอบของตนเอง ซ่งึ เชอ่ื วา่ เดก็ ทุกคนมีความพิเศษ มีความสามารถในแบบ ฉบบั ของตนเอง การจัดกิจกรรมไม่จาเปน็ ต้องเปิดใหเ้ ฉพาะห้องเดียวกนั หรือระดบั ช้ันเดียวกัน บางกิจกรรม สามารถศึกษาหรือทารว่ มกันหลายระดับช้นั ได้ เพ่อื ให้เด็กๆ รู้จักปรบั ตวั การชว่ ยเหลือดูแลกัน การมี ปฏสิ มั พนั ธ์กบั คนหลายชว่ งวยั โดยเปน็ การจาลองสภาพจริงในสงั คมให้เดก็ ได้เรยี นรู้ ซึง่ จะยิ่งช่วยเพิ่มทักษะ ในการแกป้ ญั หาให้กับเด็กไทยตอ่ ไป การลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้ เปน็ กรอบวิสัยทศั น์ ด้านการศึกษา เพอ่ื เตรียมนักเรยี นให้พร้อมเข้าสู่ การเรียนรูใ้ นศตวรรษที่ 21 ของไทยนั้น สอดคล้องกบั ของหลายประเทศทเ่ี ปน็ ผนู้ าด้านการศึกษาของโลก ท่เี หน็ พ้องกนั กบั แนวคดิ สาคัญในศตวรรษท่ี 21 เร่อื งของจิตสานึกตอ่ โลก ความรู้พืน้ ฐานการประกอบ สมั มาอาชีพ ความรู้พ้ืนฐานดา้ นพลเมือง สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม และทกั ษะที่จาเปน็ ในศตวรรษที่ 21 อันได้แก่ ทักษะการเรียนรแู้ ละนวตั กรรม ทักษะดา้ นสารสนเทศ ส่อื และเทคโนโลยี ทักษะการทางาน ทกั ษะ ชีวติ ที่ใช้ได้จรงิ (กบั ครอบครัว โรงเรยี น ชุมชน รัฐ และประเทศชาติ) โลกกาลังเปลย่ี นแปลง คนท่มี คี วามรู้ และทักษะในการรับมอื กับความเปลี่ยนแปลงทีเ่ กิดข้ึนอยา่ งตอ่ เนอื่ ง และสามารถปรบั ตัวเองให้เข้ากบั สถานการณ์ใหม่ ๆ ไดเ้ ทา่ น้ันทีจ่ ะประสบความสาเรจ็ ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 จะช่วยใหน้ ักเรียนสามารถ เรยี นรู้ และปรบั ตัวตอ่ การเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 1
นอกจากน้นั จากผลการสังเคราะห์เอกสาร งานวจิ ยั เก่ียวกับหลักสตู ร และผลการใชห้ ลกั สูตร แกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ตลอดจนผลการประเมนิ คุณภาพการศกึ ษาต่าง ๆ พบวา่ - ผลการประเมินคุณภาพการศึกษาของนักเรยี นตา่ กวา่ เกณฑท์ กี่ าหนด ทั้งผลการทดสอบ ระดับชาติ (O-NET) ผลการสอบ PISA ทงั้ ๆ ทีโ่ รงเรยี นใชเ้ วลาจดั การเรยี นการสอนมากขึ้น เปน็ เวลา 7 หรอื 8 ชวั่ โมงตอ่ วนั - เด็กคิดไม่เปน็ วิเคราะห์ไม่ได้ ขาดทักษะชีวิต อัดแนน่ เน้อื หาวชิ าการมากกวา่ ให้เรียนรู้ ด้วยตนเอง - เดก็ นกั เรยี นมภี าระงาน การบ้านมากเกนิ ไป หรอื ตอ้ งนาการบา้ นไปทาท่บี า้ น - เดก็ เครียด และต้องเรียนพเิ ศษมาก จากท่ีกลา่ วข้างต้น สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน โดยสานักวชิ าการและมาตรฐาน การศกึ ษา ได้นอ้ มนาพระราชดารสั ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และนโยบาย ของรฐั บาลเกยี่ วกบั การบริหารจัดการเวลาเรียน “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” มาสูก่ ารปฏิบตั ใิ นโรงเรยี น อย่างเป็นรูปธรรม ครูผูส้ อนมีการปรับเปลย่ี นรูปแบบการจัดการเรียนรู้ท่เี นน้ ใหน้ ักเรยี นได้ปฏบิ ัติและเรียนรู้ ด้วยตนเองมากข้นึ นักเรียนได้รับการพฒั นาให้มีคุณภาพ และมีความสุขในการเรยี นร้อู ย่างแทจ้ รงิ วัตถุประสงค์ วตั ถปุ ระสงค์ของการบรหิ ารจัดการเวลาเรียน “ลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้” 1. เพอื่ ขบั เคลอื่ นการนาหลักสตู รสถานศกึ ษา ไปสกู่ ารปฏิบัติได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ตามหลกั การของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 2. เพ่ือใหส้ ถานศกึ ษาสามารถบริหารจดั การหลกั สูตรสถานศกึ ษา ส่งเสรมิ และพัฒนา นกั เรยี นให้มคี ุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู้ มีทกั ษะในการคิดวเิ คราะห์ และไดร้ บั การพัฒนาเตม็ ตาม ศักยภาพ ตามความสนใจและถนัดของนกั เรียนแตล่ ะบุคคล 3. เพอ่ื ให้สถานศกึ ษาสามารถการบริหารจัดการเวลาเรยี น และจัดกจิ กรรม “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” ได้อย่างเหมาะสม ทง้ั ดา้ นวิชาการ ด้านปฏบิ ัติ นกั เรยี นไดร้ ับการพฒั นาเต็มตามศักยภาพ ตามความสนใจและถนดั ของแตล่ ะบุคคล 4. เพอ่ื ให้นักเรียนมคี ุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ มีความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ พัฒนาตนเองตามความสนใจและความถนัดอย่างเต็มตามศักยภาพ และมีความสุขกับการเรยี นรู้ 5. เพอ่ื ให้พอ่ แม่ ผู้ปกครอง และผเู้ กย่ี วขอ้ งกับการจัดการศึกษามีความพึงพอใจในการจดั การศึกษาของโรงเรยี นและมีส่วนร่วมในการจดั การศึกษา คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ สพม.เขต 26 2
ความหมาย เพอื่ ให้การนานโยบาย “ลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้” ไปสกู่ ารปฏิบตั มิ ีความชดั เจนตรงกนั สานกั งาน คณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน จึงกาหนดความหมายของคาสาคัญ ไว้ดงั นี้ 1. ลดเวลาเรยี น หมายถงึ การลดเวลาเรยี นภาควชิ าการและการลดเวลาของการจัดกิจกรรม การเรียนรทู้ ี่ผเู้ รียนเป็นผรู้ บั ความรู้ เช่น การบรรยาย การสาธติ การศึกษาใบความรู้ ใหน้ ้อยลง 2. เพ่มิ เวลารู้ หมายถงึ การเพ่ิมเวลาและโอกาสใหผ้ เู้ รยี นได้ลงมือปฏบิ ัตจิ ริง มีประสบการณ์ตรง คิดวเิ คราะห์ ทางานเป็นทีม และเรียนรูด้ ้วยตนเองอย่างมีความสขุ จากกิจกรรมสร้างสรรค์ทห่ี ลากหลายมากขึ้น 3. การบรหิ ารจัดการเวลาเรยี น หมายถงึ การจดั สัดส่วนเวลาของการจดั กจิ กรรมการเรียนรทู้ ี่ ผู้เรียนเปน็ ผ้รู บั ความรใู้ หน้ ้อยลง และเพิม่ เวลาของกิจกรรมการเรยี นรู้ทผ่ี เู้ รียนเป็นผลู้ งมือปฏิบัติจริง และ สรา้ งความรูด้ ว้ ยตนเองมากข้ึน เพ่ือให้ผู้เรยี นไดร้ ับการพฒั นาตามความสนใจ ความถนดั และความต้องการ ไดเ้ พ่ิมพูนทกั ษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะชวี ติ ความมนี ้าใจ การทางานเปน็ ทมี และมคี วามสุขในการเรยี นรู้ แนวคดิ การ “ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้” “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” อาจจะไม่ใชเ่ รื่องใหม่สาหรับการจดั การเรียนรใู้ นปัจจุบันเพราะ โรงเรยี นหลายแหง่ ดาเนินการอยู่แลว้ แตอ่ ยา่ งไรก็ตาม ยังมีผูเ้ กี่ยวข้องทงั้ ผ้บู รหิ ารสถานศึกษา ครผู ้สู อน นกั เรียน ผู้ปกครอง มคี วามกังวล สงสยั ว่าทาไมต้องลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้ ในประเดน็ นี้ถ้าเราพิจารณา แลว้ จะพบว่า ในปจั จบุ นั นีก้ ารเรยี นรขู้ องเด็กนกั เรยี นได้เปล่ียนแปลงไป อนั เนือ่ งมาจากมีแหล่งเรยี นรู้ส่ือ และเทคโนโลยี เช่น Internet, Computer, Tablet หรอื Smart Phone และอน่ื ๆ อีกมากมายท่ี นกั เรียนสามารถใช้ในการเรยี นรูไ้ ดด้ ว้ ยตนเอง และการเรียนรู้ดงั กล่าวไม่จาเปน็ ต้องจากัดเฉพาะในห้องเรียน ตามเวลาทคี่ รกู าหนด นักเรยี นสามารถเรียนรไู้ ด้ทกุ แห่ง ทุกเวลา ท้งั ในห้องเรยี นและนอกหอ้ งเรยี น ตามความพรอ้ ม ความสามารถของนกั เรยี น ครผู สู้ อนต้องปรับวิธกี ารจัดการเรียนรู้ และนักเรยี นต้องเปลย่ี น วธิ กี ารเรียนรู้ของตนเอง จดั การเรียนร้โู ดยเนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั ด้วยวธิ กี ารทีห่ ลากหลาย อาทิเช่น การจัด การเรยี นรโู้ ดยใชก้ ระบวนการกล่มุ (Group Process) การจดั การเรียนรโู้ ดยใช้โครงงาน (Project-Base Learning) เรยี นร้จู ากกจิ กรรมการปฏิบตั จิ ริง จากประสบการณต์ รง ใช้คาถามเพอ่ื กระตุ้นให้ผู้เรียน คดิ วิเคราะห์และสืบค้นข้อมลู นกั เรียนมที ักษะการเรียนรู้ตลอดชวี ติ สามารถนาไปใชใ้ นชวี ติ จริงได้ มีการจัด กิจกรรมโดยใหน้ ักเรยี นทุกคนไดเ้ รยี นรรู้ ว่ มกนั ครูจะเปลีย่ นบทบาทจากผสู้ อนมาเป็นผู้อานวยความสะดวก เป็นที่ปรกึ ษา ช้แี นะ ชว่ ยเหลอื นักเรยี นให้ประสบผลสาเรจ็ และนักเรยี นเรียนร้ดู ้วยตนเอง เรยี นรู้เป็นทีม หรอื จากกลุ่มเพ่ือนมากขนึ้ ซง่ึ การเรยี นร้ลู กั ษณะนี้ทาใหน้ ักเรียนได้เรยี นรอู้ ย่างมคี วามสุข ภายใต้แนวคิด ดังน้ี 1. กจิ กรรมเปน็ ทางเลอื ก สนองตอบความสนใจความถนัดของผเู้ รยี นอยา่ งหลากหลาย 2. เรียนรหู้ ลักการ สรา้ งความรผู้ ่านกระบวนการและกจิ กรรม (Process and Content) 3. ลงมือปฏิบตั ิและสร้างความรใู้ นบรรยากาศที่อบอนุ่ อสิ ระ และปลอดภยั 4. ปรับบทบาทครจู ากการเป็นผ้สู อนเป็นผ้ใู ห้คาปรกึ ษาช้ีแนะ (Coach & Mentor) คู่มอื การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 3
5. ครผู ูส้ อนควรใช้วิธีการประเมนิ ผลท่ีหลากหลาย และเป็นการประเมนิ ตามสภาพจริง วิเคราะห์ คณุ ภาพและพฒั นาการของนักเรียน มากกวา่ การประเมินนักเรียนจากการสอบเท่านน้ั ทฤษฎกี ารเรียนรทู้ ีส่ นบั สนนุ แนวคิด “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” ทฤษฎีการเรียนรู้ที่สนบั สนนุ แนวคิด การลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้ คอื ทฤษฎีคอนสตรคั ตวิ สิ ต์ (Constructivist) ซึง่ เปน็ ทฤษฎีทีใ่ ห้ความสาคญั กบั ตวั ผเู้ รียน เชือ่ วา่ ผเู้ รยี นสามารถสรา้ งความรไู้ ดด้ ว้ ย ตนเอง จากการมปี ฏสิ มั พนั ธ์กับบคุ คลอน่ื และสิง่ แวดล้อมอย่างกระตือรือร้น ดังนี้ 1. นักเรยี นเปน็ ผ้สู รา้ งความรู้ดว้ ยตนเอง และนกั เรยี นแตล่ ะคนสรา้ งความรู้ดว้ ยวิธกี ารที่ แตกต่างกนั รวมท้ังอาจแตกต่างกับแนวทางของผสู้ อน 2. ประสบการณเ์ ดิมของนักเรียนเป็นพืน้ ฐานท่ีสาคัญของการสรา้ งความรู้ใหมแ่ ละนกั เรียน แตล่ ะคน มคี วามรแู้ ละประสบการณเ์ ดิมทแ่ี ตกตา่ งกนั 3. การมปี ฏสิ มั พนั ธ์กับสิง่ แวดล้อม การมีประสบการณ์ตรง และการแลกเปลีย่ นความคดิ เหน็ กันของผูเ้ รยี นมีสว่ นชว่ ยในการสรา้ งความร้ใู หม่ 4. ครูมบี ทบาทในการจดั บรบิ ทการเรยี นรูต้ งั้ คาถามท่ีทา้ ทายความสามารถ กระตุ้นสนบั สนนุ ใหน้ ักเรยี นเกิดการสรา้ งความรู้ และให้ความช่วยเหลอื นักเรียนในทุก ๆ ดา้ น ทฤษฎคี อนสตรคั ตวิ สิ ต์ มีสมมติฐานเก่ียวกับการสรา้ งความร้ขู องนักเรียน ดังนี้ 1. มนษุ ย์สรา้ งความรผู้ า่ นกจิ กรรมการไตร่ตรอง การส่อื สาร และการอภิปราย ซง่ึ ทาให้ พวกเขาสร้างประสบการณใ์ นการแกป้ ัญหา โดยมีแผนภาพโมเดลการเพม่ิ พลงั การเรยี นรู้ของผู้เรียน ในการ อธิบายความอยากรู้อยากเห็นการมีปฏสิ ัมพันธ์ ความขัดแย้ง การไตรต่ รอง การจัดโครงสรา้ งใหม่ การสร้าง พลังกบั เพ่ือนทางปญั ญาการเรยี นรู้ ดงั นี้ 1.1 ความอยากรูอ้ ยากเห็นและความขัดแย้งเป็นกลไกสาคญั ในการกระตนุ้ ให้นกั เรียน อยากเรยี น 1.2 การมีปฏิสัมพนั ธ์กับเพ่อื นเป็นองคป์ ระกอบทีก่ ่อให้เกดิ ความขัดแย้งทางปัญญา 1.3 ความขัดแย้งทางปญั ญานามาซึ่งการไตรต่ รอง 1.4 การไตร่ตรองกระตุ้นให้เกดิ การจดั โครงสร้างใหม่ทางปญั ญา 1.5 จากข้อท่กี ล่าวขา้ งตน้ เกิดเป็นวงจร โดยประสบการณข์ องนักเรียนมีผลต่อการ เกดิ ของวงจรและวงจรนี้เองที่ทาให้นกั เรียนสามารถสรา้ งพลังการเรียนรใู้ หก้ ับตนเอง 2. การสร้างความรู้ของนกั เรียนแตล่ ะคนแตกตา่ งกันและต่างจากท่ีผู้สอนคาดหวังผู้สอน ตอ้ งยอมรบั และจดั การท่ีจะสนับสนุนสงิ่ ทผ่ี ู้เรยี นคดิ 3. องค์ประกอบสาคัญในการจัดการเรียนรู้ มดี ังนี้ 3.1 การรวบรวมสิง่ ท่ีนักเรียนสรา้ งขนึ้ ใหเ้ ปน็ ไปในแนวทางทถี่ ูกตอ้ ง 3.2 การสร้างแรงจงู ใจภายในเป็นปจั จยั ทส่ี าคญั ในการสรา้ งความรู้ 3.3 การวิเคราะห์ความคิดของนักเรยี นในกระบวนการเรียนการสอน คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 4
ดงั นัน้ การจัดการเรียนรู้ “ลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้” ครผู ู้สอนต้องใช้เวลาสอนเนือ้ หาสาระให้ นอ้ ยลง แต่จัดเวลาสง่ เสริมให้นักเรียนเกิดการเรยี นร้ดู ้วยตนเองมากขนึ้ ครูผ้สู อนตอ้ งกระตนุ้ ให้นกั เรียน สามารถสรา้ งความรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง ซึ่งบทบาทการสอนของครูผู้สอนแม้จะนอ้ ยลง แต่บทบาทที่เพ่มิ มากขน้ึ ของครผู ้สู อน คือ ต้องมกี ารวางแผนและออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน เตรียมสอื่ แหลง่ เรียนรู้ และเตรยี มคาถามที่กระตนุ้ ให้นกั เรยี นเกิดการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง หลักการของการจดั กจิ กรรม “ลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้” การจดั กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” มหี ลักการทส่ี าคัญ ดังนี้ 1. จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ทม่ี ุง่ เพิม่ พูนทักษะการคดิ วิเคราะห์ ทักษะชีวติ ทกั ษะการแกป้ ญั หา การทางานเปน็ ทีม สรา้ งเสริมคุณลักษณะ ค่านยิ มทด่ี งี ามและความมนี ้าใจตอ่ กัน 2. จดั กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีครอบคลมุ หลักองค์ 4 แหง่ การศึกษา ไดแ้ ก่ 2.1 ด้านพุทธศิ ึกษา คือ ความรอบรวู้ ชิ าการที่จาเป็นสาหรับการดารงชีวติ การศึกษา และ การเรียนรู้ 2.2 ดา้ นจริยศกึ ษา คือ การมศี ลี ธรรมจรรยาทีด่ ี มคี วามซอ่ื สตั ย์ต่อตนเองและผู้อน่ื มีความ รบั ผิดชอบตอ่ หน้าที่และมีสานกึ ท่ีดีต่อสว่ นรวม 2.3 ดา้ นหัตถศึกษา คอื ความร้แู ละทักษะในการทางาน มีความคดิ สรา้ งสรรค์ มีทศั นคติทด่ี ี ตอ่ งาน และเห็นคุณค่าของการทางาน 2.4 ดา้ นพลศึกษา คอื การมีสขุ ภาพแขง็ แรง การกนิ อาหารท่ถี ูกต้อง และการออกกาลงั กาย ใหเ้ หมาะสม รวมทงั้ ความสะอาด และสุขาภิบาลด้วย 3. จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ทส่ี นองตอบความสนใจ ความถนัด และความต้องการของผูเ้ รียน ทุกคน โดยคานงึ ถงึ ความแตกต่างระหว่างบุคคล 4. จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคญั เพม่ิ โอกาสให้ผ้เู รียนไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ิจรงิ มีประสบการณต์ รง สรา้ งความรู้ด้วยตนเอง และเรียนร้อู ยา่ งมคี วามสุข 5. จดั กิจกรรมการเรยี นรู้อย่างมีความหมายและเชื่อมโยงกับชีวิตจริงของผู้เรยี น ใช้ชมุ ชน ภูมปิ ัญญา สงิ่ แวดล้อม และเทคโนโลยีสารสนเทศรอบตวั เป็นแหล่งเรยี นรู้ 6. จดั กจิ กรรมการเรียนรู้เปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนได้วางแผน คิดวเิ คราะห์ อภปิ ราย สรปุ ความรู้ นาเสนอ จดุ ประกายความคดิ สร้างแรงบันดาลใจ สรา้ งความมุ่งมั่นเพ่อื แสวงหาความรู้ การแก้ปัญหา และสร้างสรรค์นวตั กรรม 7. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เกิดขึน้ ได้ทุกเวลา ทกุ สถานท่ี มีการประสานความร่วมมือกับบดิ า มารดา ผู้ปกครอง และบุคคลในชมุ ชนทุกฝา่ ย เพือ่ รว่ มกนั พฒั นาผ้เู รยี นตามศกั ยภาพ 8. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ใหผ้ ้เู รยี นเรยี นรู้รว่ มกนั เปน็ ทีม เปน็ การเรยี นรู้ในระหว่างการทางาน ท่ที ุกคนในทีมเน้นความเป็นระบบ มวี จิ ารณญาณร่วมกันตลอดเวลาวา่ กาลงั ทาอะไร จะทาให้ดีข้นึ อย่างไร คู่มอื การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ สพม.เขต 26 5
แลกเปลย่ี นประสบการณซ์ งึ่ กันและกนั มกี ารชว่ ยเหลือเก้ือกลู มีความสามัคคี มีน้าหนง่ึ ใจเดยี วกันมี ความเปน็ ผนู้ าผูต้ ามที่ดี 9. จัดกจิ กรรมเรยี นรคู้ วบคู่กับการประเมินผลการเรยี นรู้ทเี่ น้นการประเมินสภาพจรงิ (Authentic Assessment) โดยใชเ้ ทคนิควิธีการประเมนิ สภาพจรงิ ทีห่ ลากหลาย ทใ่ี หค้ วามสาคญั กบั การประเมนิ การปฏิบัติ (Performance Assessment) บทบาทครใู นการจัดการเรียนร้กู ิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้” ครูผ้สู อน ตอ้ งลดบทบาทจากเดมิ ทค่ี อยสอนเน้ือหา สาระ ใช้เวลาในชั้นเรียนมาก สั่งการให้ นักเรียนได้ทาตามท่ีครูกาหนด มาเป็นผทู้ ีค่ อยอานวยความสะดวก ลดเวลาเรยี นเนอื้ หาในช้ันเรียน ให้น้อยลง และส่งเสรมิ กระตุ้นให้นักเรียนเกิดการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง กล่มุ เพ่ือนมากข้ึน เพมิ่ เวลารจู้ ากส่อื เทคโนโลยีและแหลง่ เรียนรู้ หรอื กจิ กรรมสร้างสรรค์ต่าง ๆ ท่คี รูจัดให้ทั้งในและนอกห้องเรียน ตามความถนดั ความสนใจและความต้องการของนักเรียน ซง่ึ มปี ระเดน็ สาคญั ทีค่ รูผสู้ อนต้องคานงึ ถงึ ในการจัดการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ดังน้ี 1. ครูผู้สอนต้องเข้าใจแนวคิดทว่ี า่ ผู้เรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ได้ดว้ ยตวั เอง โดยเชอื่ มโยง ความร้เู ดิมที่มีอยู่ภายในเขา้ กับการได้ลงมือปฏิบัติกจิ กรรมตา่ ง ๆ ดงั นน้ั ครูจึงควรนาแนวคิดนไ้ี ปพฒั นา วางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อใหน้ ักเรียนเกิดความรทู้ ค่ี งทนและเกิดทกั ษะท่ตี อ้ งการ 2. ครผู ู้สอนต้องตระหนักวา่ ในการจัดการศกึ ษาแก่นักเรยี นน้นั ควรส่งเสริมใหน้ กั เรียนเกิดความ สนใจในการเรยี นรู้ และมีกาลังในการเรยี นรู้ ไม่ใชเ่ นน้ แตเ่ พียงเนื้อหา ความรทู้ จี่ ะสอนเท่าน้นั 3. ครูมีบทบาทเป็นผู้แนะนา สรา้ งบรรยากาศและจัดสถานการณท์ ่ีกระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นเกดิ การเรยี นรู้ ดว้ ยตนเอง มากกวา่ การเรยี นจากคาบอกของผู้สอน 4. ครูต้องจดั กิจกรรมให้เชื่อมโยงระหวา่ งผู้เรยี นด้วยกัน ผเู้ รียนกบั ครู และครูภายในสถานศกึ ษา เดยี วกนั หรอื ต่างสถานศึกษา ระหวา่ งสถานศึกษา และสถานศึกษากับชมุ ชน เพ่ือสร้างสภาพแวดล้อม ในการเรยี นรู้ทเ่ี ป็นประโยชน์ ให้นกั เรยี นไดล้ งมือปฏบิ ัติอันจะก่อให้เกดิ ประสบการณต์ รงกับนกั เรียน 5. ครมู ีบทบาทในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ในลักษณะการเรยี นร้แู บบรว่ มมอื ระหว่างนักเรยี นกับ ครูและนักเรยี นกับนักเรยี นด้วยกนั เพื่อฝกึ ทักษะการทางานเป็นทมี การเรียนรูด้ ้วยตนเอง และทักษะสาคญั อ่นื ๆ ท่ีเกีย่ วข้อง 6. ครอู อกแบบ สร้างสรรค์กจิ กรรมการเรียนรู้ จดั สภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง ของผเู้ รียนมากกวา่ การเป็นผู้ถา่ ยทอดความรู้หน้าห้องเพยี งอยา่ งเดยี ว 7. ครูผูส้ อนควรสอนใหน้ ักเรียนเกดิ ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั มโนทศั น์ และแนวคิดที่สาคัญ มากกวา่ การทอ่ งจาได้ 8. ครผู สู้ อนควรกระตนุ้ ให้นกั เรียนเห็นคณุ คา่ มที ศั นคตทิ ี่ดี และสามารถนาความรู้ไปประยกุ ตใ์ ช้ ในชวี ติ จรงิ มากกวา่ ที่จะนาความร้ไู ปใช้ในการสอบเทา่ นนั้ 9. ครูผ้สู อนควรสอนให้นกั เรียนเห็นภาพรวมของเน้อื หาและเขา้ ใจการเช่ือมโยงกันของเน้ือหา คู่มอื การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 6
มากกวา่ ที่จะสอนเน้ือหาแยกกันเปน็ เร่อื ง ๆ 10. เน้นทกี่ ระบวนการของการเรยี นรู้ของนักเรยี นมากกวา่ การเน้นไปทผ่ี ลการเรียนรู้เพียงอยา่ งเดียว 11. สง่ เสรมิ ให้นกั เรยี นคิดอย่างมีวิจารณญาณโดยการใช้คาถามกระตุ้น มากกว่าการให้นักเรยี น ปฏิบัติตามคาส่งั เทา่ นนั้ 12. ครเู อาใจใส่ผูเ้ รียนเป็นรายบุคคล และแสดงความเมตตาตอ่ ผเู้ รยี นอยา่ งท่วั ถึง 13. ครูจดั กจิ กรรมและสถานการณเ์ พ่ือสง่ เสรมิ ใหผ้ ูเ้ รียนได้แสดงออกและคดิ อย่างสรา้ งสรรค์ 14. ครูส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นฝกึ คิด ฝกึ ทา และฝกึ ปรบั ปรุงตนเอง 15. ครสู ง่ เสริมกจิ กรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากกล่มุ พรอ้ มทง้ั สังเกตส่วนดแี ละปรบั ปรุงส่วนดอ้ ย ของผู้เรยี น 16. ครูใชส้ ่ือและแหลง่ เรียนรทู้ ี่หลากหลายและเช่ือมประสบการณก์ ับชีวิตจริงเพื่อฝึกการคิด การแก้ปัญหา และการคน้ พบความรู้ 17. สง่ เสรมิ ใหน้ ักเรยี นมีความกระตือรือรน้ และเรยี นรู้ไดด้ ้วยตนเอง มากกว่าการท่นี กั เรียนเรียนรู้ จากการทาแบบฝกึ หดั และท่องจา 18. คานงึ ถึงความแตกต่างระหว่างบคุ คลของนกั เรยี น ทงั้ ในดา้ นความเหมาะสมกับนกั เรียน มากกว่าการใช้วิธสี อนแบบเดียวกนั กับนักเรียนทัง้ หมดทุกคน 19. ใช้วธิ กี ารประเมนิ ผลทหี่ ลากหลาย และเป็นการประเมินตามสภาพจริง ในการวเิ คราะห์ คุณภาพและพฒั นาการของนักเรียนมากกว่าการประเมินนักเรียนจากการสอบเท่านนั้ แนวทางการบรหิ ารจัดการ “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” แผนภมู ิแนวทางการบรหิ ารจัดการ “ลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้” ของสถานศึกษาแนวทางการกาหนด กิจกรรม “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” สถานศกึ ษาพิจารณาเลอื กแนวทางการกาหนดกจิ กรรมทสี่ อดคล้องกับ บรบิ ทและศักยภาพของสถานศึกษา ดงั นี้ คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ สพม.เขต 26 7
การบริหารจัดการเวลาเรยี นและการจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้” มแี นวทาง ดังต่อไปนี้ 1. ส่งเสริม สนบั สนนุ สร้างความเข้าใจในการนานโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพ่มิ เวลารู้” สูก่ ารปฏิบตั ิ แก่ครูและผู้เก่ียวข้องทุกฝ่าย 2. ปรับโครงสรา้ งเวลาเรียนของสถานศกึ ษาและจดั ทาตารางเรียนให้เหมาะสมกบั การจัดกจิ กรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” แต่ละช่วงชั้น คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 8
3. เลือกกาหนดกิจกรรมให้ตอบสนองต่อความสนใจ ความถนัดและความต้องการของผู้เรียน อย่างหลากหลาย สอดคล้องกับช่วงวัย และวฒุ ภิ าวะของผเู้ รยี น 4. จดั ระบบข้อมลู สารสนเทศเก่ยี วกบั กิจกรรม แหลง่ เรียนรู้ ภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่นตามบริบทของ สถานศกึ ษาและชมุ ชน 5. สง่ เสรมิ และสนับสนนุ งบประมาณ สื่อการเรยี นรู้และส่ิงอานวยความสะดวกใหเ้ ออ้ื ต่อการจดั กจิ กรรมอย่างมีประสทิ ธิภาพ 6. กากบั ตดิ ตามการจัดกิจกรรมอยา่ งเปน็ ระบบ 7. ใชก้ ารนเิ ทศภายใน การเสวนาสะท้อนผลหลงั การปฏบิ ัติ (After Action Review : AAR) เป็นเครอ่ื งมือในการศกึ ษาและพฒั นาประสทิ ธภิ าพกระบวนการและกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” และเป็นเครื่องมือการพัฒนาบุคลากรอย่างสม่าเสมอ ตอ่ เนอ่ื ง 8. ศึกษา วิจัยและพฒั นา “กระบวนการบรหิ ารจัดการเวลาเรยี น” อย่างเป็นระบบ การขบั เคลอ่ื นนโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้” สกู่ ารปฏิบัติ การขบั เคลื่อนนโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” ไปสูก่ ารปฏิบัติอยา่ งเปน็ รูปธรรมน้ัน มีหน่วยงาน ตา่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วข้องกับการจดั การศึกษาหลายหน่วยงาน ในการดาเนนิ การต้องมีความชดั เจนและสอดคล้องกัน มสี านกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน เปน็ หนว่ ยงานหลัก ร่วมกบั สานกั ตา่ ง ๆ ของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน โดยมบี ทบาทของหนว่ ยงานและ ขัน้ ตอนการดาเนินงาน ดงั น้ี สานักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษา (สพม.) 1. สง่ เสรมิ สนบั สนุน การนานโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” สกู่ ารปฏิบตั ิระดบั เขตพื้นท่ี การศกึ ษา และกาหนดแนวทางการขบั เคล่อื นระดับเขตพน้ื ที่การศึกษาอย่างชดั เจน 2. ศกึ ษาคู่มือการบริหารการจดั เวลาเรียน “ลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้” และชดุ เอกสารกจิ กรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ประกอบการดาเนินงานทเี่ ก่ียวข้อง 3. ประชมุ ชแ้ี จง โรงเรียน/ผู้เกย่ี วข้อง 4. นเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม และประเมนิ ผลการทานโยบายไปสกู่ ารปฏบิ ัติ 5. ประชมุ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ 6. สรปุ และรายงานผล สถานศึกษา 1. ศกึ ษาวิเคราะห์นโยบาย คู่มอื การบรหิ ารจดั การเวลาเรียน “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” และชุดเอกสารกจิ กรรม “ลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้” 2. กาหนดตวั ช้ีวดั ภาพความสาเรจ็ ของการบรหิ ารจดั การเวลาเรยี น “ลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้” ของโรงเรียน ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ครผู ้สู อน และนักเรียน อยา่ งชัดเจน มีความเขา้ ใจตรงกัน คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 9
3. สร้างความตระหนัก ความเขา้ ใจในการดาเนนิ งานแกค่ รผู ู้สอน และผู้เกย่ี วข้องในสถานศึกษา 4. จดั ทาขอ้ มูลสารสนเทศเกย่ี วกับความสนใจ ความถนัด และความต้องการของผเู้ รยี นเป็นรายบุคคล 5. วิเคราะห์โครงสรา้ งหลกั สตู รสถานศึกษาและการนาหลกั สูตรไปใช้ หลักสูตรระดบั ชัน้ เรียน ความพร้อมของครผู ู้สอน สือ่ แหล่งเรียนรู้ อาคารสถานท่ี และหอ้ งปฏิบัติการ 6. ปรบั และออกแบบตารางเรียนทีเ่ อ้ือต่อการ “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” ตามแนวทางการบริหาร จัดการเวลาเรียนทลี่ ดเวลาเรียนและเพิ่มเวลารู้ โดยแนวทางการจดั กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้” มรี ายละเอยี ดพร้อมตวั อย่างในเอกสารคู่มือการบรหิ ารจัดการเวลาเรยี น “ลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้” และใน ชุดเอกสารกจิ กรรม “ลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้” ประกอบการดาเนินงาน 7. ออกแบบกจิ กรรมท่หี ลากหลาย สอดคล้องกับช่วงวัย สนองความสนใจ ความถนัด และความ ต้องการของผู้เรียน ซง่ึ อาจพิจารณาจากกจิ กรรมท่ีโรงเรียนดาเนินการอยู่ และหรอื เลอื กจากกจิ กรรม ในชุดเอกสารกจิ กรรม “ลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้” หรือจากสอื่ และแหล่งเรยี นรู้อื่น ๆ 8. ดาเนนิ การจดั การเรยี นรแู้ ละจัดกิจกรรม ตามตารางเรียนทก่ี าหนด 9. นิเทศ ตดิ ตาม ประเมินผลการดาเนินงาน 10. ประชมุ เสวนา ทบทวนหลงั การปฏิบัติงาน (After Action Review : AAR) นาผลไปใช้ในการพัฒนา 11. สรุปรายงานและเผยแพร่ผลการดาเนินงาน บทบาทผู้บริหารสถานศึกษา 1. เปน็ ผู้นาการขบั เคล่ือนนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ระดบั โรงเรยี น และการบรหิ าร จัดการเวลาเรียนทเ่ี อ้ือต่อการ “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” 2. อานวยความสะดวก ปรบั ปรุงและพฒั นาปจั จยั ต่าง ๆ ให้มคี วามพร้อมในการปฏิบัติ 3. ประสานและแสวงหาความร่วมมอื จากชมุ ชน แหลง่ เรยี นร้นู อกสถานศึกษาแล ะ ภูมิปัญญาตา่ ง ๆ มารว่ มในการบริหารจัดการเวลาเรยี น การจัดการเรียนรู้ และการจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” 4. นิเทศ กากบั ตดิ ตาม อยา่ งเป็นระบบและต่อเน่ือง 5. จัดเวทเี สวนาทบทวนหลังการปฏบิ ัติงาน (After Action Review : AAR) 6. นาผลการทบทวนหลงั การปฏิบัตงิ าน (After Action Review : AAR) และผลการประเมินไปใช้ในการ พัฒนาการบรหิ ารจดั การเวลาเรียนและการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ใหส้ ง่ ผลตอ่ คุณภาพของผเู้ รยี น บทบาทของครูผูส้ อน 1. วเิ คราะหผ์ ู้เรียนเป็นรายบุคคล และจดั ทาฐานข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับความสนใจ ความถนดั และ ความตอ้ งการ จาแนกเปน็ ระดบั ชัน้ เรยี น และเป็นรายบคุ คล 2. ออกแบบกจิ กรรม เพ่ิมเวลารู้ สื่อ แหล่งเรยี นรู้ การวัดและประเมนิ ผล หลักการและแนวทางการจัด กจิ กรรม “ลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้” 3. จดั การเรยี นรู้ และจัดกจิ กรรม “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” โดยเนน้ การสรา้ งแรงจูงใจนักเรียนให้มี ความกระตือรือรน้ ในการเรียนรู้ จดั การเรียนโดยเน้นผูเ้ รยี นเป็นสาคัญ จัดการเรียนร้แู บบบรู ณาการและ คู่มอื การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ สพม.เขต 26 10
กจิ กรรมการเรียนรอู้ ยา่ งหลากหลาย 4. ร่วมเสวนา ทบทวนหลังการปฏบิ ัติ และนาผลมาพัฒนาการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง 5. ประเมนิ และพัฒนานักเรยี นเต็มตามศักยภาพของนักเรยี นแต่ละคน 6. รว่ มกิจกรรมแลกเปล่ียนเรียนรู้เพอื่ พฒั นาตนเองอยา่ งต่อเนอ่ื ง 7. รายงานผลการเรยี นร้ขู องนกั เรยี น บทบาทของผเู้ รยี น 1. สนใจและเขา้ ร่วมกิจกรรมตามตารางเรียน และวธิ ีการเรียนรทู้ กี่ าหนดอยา่ งกระตือรือร้น และ สนองตอบตอ่ กจิ กรรมเต็มตามศักยภาพและขดี ความสามารถของตนเอง 2. สารวจความสนใจ ความต้องการ และศักยภาพของตนเองเพื่อวางแผนการเรยี นรู้ และพฒั นา ตนเอง 3. คน้ หาความถนดั ความต้องการของตนเอง 4. ฝกึ ฝน พัฒนาเพิ่มพนู ความสามารถของตนเอง 5. ประเมนิ และปรบั ปรงุ วธิ กี ารเรยี นร้แู ละผลการเรยี นร้ขู องตนเองอย่างต่อเนอ่ื ง 6. ใหข้ อ้ มูลป้อนกลับในการปรับปรุงพัฒนาการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ของครูผ้สู อน 7. รว่ มนาเสนอผลการเรียนรูข้ องตนเองอยา่ งภาคภูมิ ผูป้ กครอง 1. ส่งเสรมิ สนับสนุน ผู้เรยี นในการปฏิบตั ิกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” และให้ความรว่ มมอื กับโรงเรยี น ในการดาเนนิ งานตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” 2. ให้ขอ้ มลู ป้อนกลบั ในการปฏิบตั กิ ิจกรรม “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” ของผเู้ รยี น 3. ประเมนิ ความกา้ วหน้าการปฏิบัตกิ จิ กรรมของผ้เู รียน และรว่ มช่ืนชมผลงานของผู้เรียน คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 11
เทคนิคการใช้คาถามกบั การพฒั นาการคดิ ในกิจกรรมลดเวลาเรยี นเพมิ่ เวลารู้ ดร.ปริณดา ลิมปานนท์ พรหมรตั น์ คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย การตั้งคาถาม เปน็ เทคนิคที่สาคัญอยา่ งมากในการตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรยี นและการประเมนิ ประสทิ ธภิ าพของการเรียนการสอน นอกจากน้ีคาถามยังมีบทบาทอย่างย่ิงในการกระตนุ้ ความสนใจใครร่ ู้ และ ทา้ ทายการคิดของผเู้ รยี น การตัง้ คาถามที่มีประสิทธภิ าพอนั จะช่วยพฒั นาการคิดของผ้เู รยี นได้จาเป็น ต้องคานึงถึงระดบั ความคดิ ของผูเ้ รียน ดังน้ี การจดั ระดับความคดิ ของบลมู (Bloom’s Taxonomy) การต้ังคาถามท่ีสอดคลอ้ งกับกระบวนการคดิ จากระดบั ตา่ ไปสงู ทร่ี ู้จักกันดีคือแนวทางการจดั ระดับ ความคิดของบลูม (Bloom’s Taxonomy) ซึ่งแบง่ เป็น 6 ระดับ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ความรคู้ วามจา (Knowledge) 2. ความเขา้ ใจ (Comprehension) 3. การนาไปใช้ (Application) 4. การวเิ คราะห์ (Analysis) 5. การสังเคราะห์ (Synthesis) 6. การประเมนิ ผล (Evaluation) แนวทางการจดั ระดับความคิดของบลูมนี้ ต่อมาไดร้ ับการทบทวนและปรบั ปรงุ โดย Anderson โดย ปรบั การใชภ้ าษาโดยเฉพาะส่วนของระดับความคดิ จากเดิมซึง่ เปน็ คานามใหเ้ ป็นคากริ ิยา เพอ่ื เนน้ การกระทา ของผู้เรยี นซ่งึ นาไปสู่การพัฒนาการคิดทช่ี ดั เจนย่งิ ข้ึน และปรับขั้นการประเมินผลให้อย่รู ะดับต่ากว่าการ สงั เคราะห์ ดงั แผนภาพ Bloom’s Taxonomy Revision of Bloom’s Taxonomy คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ สพม.เขต 26 12
การใชค้ าถามตามระดบั จุดมุ่งหมายทางดา้ นพุทธพิ ิสยั ของบลูม (เรยี บเรียงจาก ทศิ นา แขมมณี, 2545) ระดับ ความหมาย พฤติกรรม สงิ่ ทีถ่ ามถึง ความรู้ ความจา การเรยี นรใู้ นระดบั ท่ผี เู้ รยี น บอก/รวบรวม/เล่า/ ศัพท/์ วิธกี าร/เกณฑ/์ (knowledge) สามารถตอบไดว้ ่า ส่งิ ท่ไี ด้ ประมวล/ช้ี/จัดลาดบั /ระบ/ุ หมวดหม/ู่ กระบวนการ/ เรียนรมู้ ามสี าระอะไรบา้ ง ให้ความหมาย/จาแนก/ให้ ระบบ/รายละเอยี ด/ ตอบไดเ้ น่ืองจากการจดจา ค่านิยม/ท่อง/เลือก ความสัมพนั ธ/์ ระเบยี บ/ คาถามมกั ถามถงึ ข้อมลู บคุ คล/สาเหต/ุ แบบแผน/ สาระ รายละเอียดของสิ่งท่ี เหตกุ ารณ/์ หลักการ-ทฤษฎี/ เรียนรู้ ผเู้ รียนแสดง โครงสรา้ ง/สถานที่/ พฤตกิ รรมว่า ตนมีความรู้ องคป์ ระกอบ/สญั ลักษณ/์ ความเข้าใจเรือ่ งนั้น ๆ เวลา/กฎ/คุณลักษณะ ระดับ ความหมาย พฤติกรรม ส่ิงท่ีถามถงึ ความเข้าใจ การเรยี นรใู้ นระดับทผ่ี เู้ รียน อธบิ าย (โดยใชค้ าพดู )/ ศพั ท/์ ความหมาย/คานยิ าม/ ส่ิงท่ี (comprehension) เป็นนามธรรม/ผลทีจ่ ะเกดิ ขึน้ / เข้าใจในเรื่องใดเรอื่ งหน่ึง เปรียบเทยี บ/แปลความหมาย/ ผลกระทบ/วิธกี าร/ กระบวนการ/ การนาไปใช้ ทฤษฎี หลักการ/แบบแผน (application) ในด้านความหมาย ตคี วามหมาย/คาดการณ์ โครงสรา้ ง/ความสัมพันธ/์ เหตกุ ารณ์ สถานการณ์ วเิ คราะห์ ความสัมพนั ธ์ และ คาดคะเน/สรปุ ย่อ/ทานาย/ (analysis) กฎ/หลักการ/ทฤษฎี/ ปรากฏการณ/์ โครงสรา้ งของสงิ่ ท่เี รียน บอกใจความสาคญั /กะ สง่ิ ท่ีเป็นนามธรรม/วิธกี าร/ กระบวนการ/ปัญหา/ ขอ้ สรุป/ และสามารถแสดงออกได้ ประมาณ ขอ้ เท็จจรงิ ขอ้ มูล ข้อความ เร่อื งราว เหตกุ ารณ/์ ดว้ ยพฤตกิ รรมต่าง ๆ เหตุและผล องค์ประกอบ ความ คิดเหน็ /สมมติฐาน ขอ้ ยตุ ิ ความมงุ่ การเรยี นรู้ในระดับทผ่ี เู้ รยี น ประยกุ ต์ ปรบั ปรุง/แกป้ ญั หา/ หมาย/รูปแบบ ระบบ โครงสร้าง/ วธิ ีการ กระบวนการ นาความรไู้ ปใชใ้ นการหา เลอื ก/จัด/ทา ปฏบิ ตั ิ แสดง คาตอบและแกไ้ ขปญั หาใน สาธติ ผลิต สถานการณ์ต่าง ๆ การเรยี นรู้ในระดบั ท่ีผเู้ รยี น จาแนกแยกแยะ/หาเหตุและ คิดอย่างมีวิจารณญาณและ ผล/หาความสัมพันธ/์ หา คดิ อย่างลกึ ซึ้ง เนอ่ื งจากไม่ ข้อสรปุ /หาหลกั การ/หาข้ออ้าง สามารถหาขอ้ มลู ทม่ี อี ย่ไู ด้ องิ /หาหลกั ฐาน/ตรวจสอบ/จัด โดยตรง มี 2 ลกั ษณะ คือ กลุ่ม/ระบุ ช้ี 1. วิเคราะหข์ ้อมลู ท่มี อี ยู่ เพ่อื ให้ไดข้ ้อสรุปและ หลกั การทสี่ ามารถนาไปใช้ ในสถานการณ์อ่ืน ๆ ได้ 2. วิเคราะหข์ อ้ สรปุ ข้อ อ้างอิง หรอื หลกั การต่าง ๆ เพื่อหาหลกั ฐานทส่ี นบั สนนุ หรือปฏิเสธขอ้ ความนัน้ คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ สพม.เขต 26 13
สงั เคราะห์ การเรยี นรใู้ นระดับทผ่ี เู้ รียน เขยี นบรรยาย อธบิ าย เลา่ บอก ความคิด การศึกษาคน้ ควา้ (synthesis) สามารถคิดประดษิ ฐส์ ง่ิ ใหม่ เรียบเรยี ง/สรา้ ง จัด ประดิษฐ์ แผนงาน/สมมตฐิ าน จุดมุ่งหมาย/ ทานายสถานการณใ์ น แต่ง ดดั แปลง ปรบั แกไ้ ข ทา ทฤษฎี หลกั การ โครงสรา้ ง ประเมนิ ผล อนาคต คดิ วิธีแกไ้ ขปญั หา ใหม่ ออกแบบ ปฏบิ ัต/ิ คดิ ริเริ่ม รูปแบบ แบบแผน สว่ นประกอบ (evaluation) ตั้งสมมตฐิ าน ตง้ั จุดมุง่ หมาย ความสมั พนั ธ์ แผนภาพ แผนภูมิ ทานาย/แจกแจงรายละเอียด ผงั กราฟกิ จดั หมวดหม/ู่ สถานการณ์ วิธี แก้ปญั หา การเรยี นรู้ในระดับทผี่ เู้ รียน วพิ ากษว์ จิ ารณ์ ตัดสิน ประเมนิ ขอ้ มูล ข้อเท็จจรงิ การกระทาความ ต้องใช้การตดั สนิ คณุ ค่า ค่า ตคี ่า สรปุ /เปรยี บเทยี บ จัด คิดเหน็ /ความถกู ต้อง ความแม่นยา/ โดยต้องมีการตง้ั เกณฑใ์ น อันดบั กาหนดเกณฑ์ กาหนด มาตรฐาน เกณฑ์ หลกั การ ทฤษฎี/ การประเมินและแสดง มาตรฐาน/ตัดสนิ ใจ แสดงความ คุณภาพ ประสทิ ธภิ าพ/ความเชื่อมน่ั ความเหน็ ในเร่ืองน้ัน ๆ ได้ คดิ เห็น ให้เหตุผล บอกหลกั ฐาน ความคลาดเคล่ือน อคต/ิ วิธีการ ประโยชน์ ค่านยิ ม คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ สพม.เขต 26 14
กจิ กรรมที่ 1 ภารกิจ : ทบทวนโครงสรา้ งการเปิดรายวิชา ม.ต้น ผ้รู บั ผดิ ชอบ : กรรมการบรหิ ารวิชาการและหลกั สูตร วตั ถุประสงค์ 1. เพอ่ื ตรวจสอบจานวนช่วั โมงโครงสรา้ งการจัดการเรียนการสอนและการจบหลกั สูตร (1,200 ชม/ปี) 2. เพือ่ วางแผนการเปดิ วชิ าพ้ืนฐาน กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน วชิ าเพมิ่ เติม (5 ชม.) คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 15
วชิ าเพ่ิมเติม ภาคเรียนที่ 1/2559 ม.1 (5 ชม./สัปดาห)์ ม.2 (5 ชม./สัปดาห)์ ม.3 (5 ชม./สัปดาห์) รายวิชา ชม/สปั ดาห์ รายวชิ า ชม/สัปดาห์ รายวิชา ชม/สัปดาห์ หน้าที่พลเมอื ง 1 หนา้ ท่พี ลเมือง 1 หน้าที่พลเมือง 1 คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ สพม.เขต 26 16
กิจกรรมท่ี 2 ภารกิจ : จัดตารางสอนระดบั ช้ัน ม.ตน้ ผู้รับผดิ ชอบ : กรรมการบริหารวิชาการและหลกั สูตร วัตถุประสงค์ 1. เพ่อื ออกแบบตารางสอนเพื่อให้เกิดชัว่ โมง “เพ่มิ เวลารู้” (5+1+3) และกิจกรรมหน้าเสาธงอยา่ งเปน็ ระบบ 2. เพอ่ื วางแผนจัดตารางสอนกจิ กรรม “เพม่ิ เวลารู้” ตามบรบิ ทและจดุ เนน้ โรงเรยี น (6 ชม 4 H.) ตวั อยา่ ง ม.1 ชม.1 ชม.2 ชม.3 ชม.4 ชม.5 ชม.6 ชม.7 จนั ทร์ องั คาร พธุ พฤหสั ศุกร์ ม.2 ชม.1 ชม.2 ชม.3 ชม.4 ชม.5 ชม.6 ชม.7 จันทร์ องั คาร พธุ พฤหสั ศกุ ร์ ม.3 ชม.1 ชม.2 ชม.3 ชม.4 ชม.5 ชม.6 ชม.7 จันทร์ อังคาร พธุ พฤหสั ศกุ ร์ คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 17
กิจกรรมที่ 3 ภารกิจ : จดั ทาสารสนเทศการกจิ กรรมเพมิ่ เวลารู้ ผรู้ บั ผดิ ชอบ : กรรมการบรหิ ารวชิ าการและหลักสตู ร วัตถุประสงค์ 1. เพื่อสารวจความต้องการของผ้เู รยี นตามกรอบกิจกรรมเพมิ่ เวลารู้ (6 ชม 4 H.) 2. เพื่อจดั ทาสารสนเทศความต้องการของผ้เู รยี นตามกรอบกจิ กรรมเพ่มิ เวลารู้ (6 ชม 4 H.) ตัวอย่าง : แบบสารวจความต้องการในการทากจิ กรรม “ลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้” โรงเรยี น ............................................... สหวทิ ยาเขต .............. ภาคเรยี นท่ี 2/2558 ชอ่ื -สกลุ นักเรยี น ............................................................................................... หอ้ ง ................ เลขที่ .......... คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนระบุโดยเขียนชือ่ กจิ กรรมตามประเภท/ลักษณะมคี วามสนใจต้องการเขา้ รว่ มกจิ กรรม กิจกรรมเพิ่มเวลารู้ กิจกรรมชมุ นมุ Head Heart Hand Health ตวั อย่างกจิ กรรมเพิ่มเวลารู้ กจิ กรรมชมุ นมุ Head Heart Hand Health ชมุ นมุ นกั คิด ชุมนุมดนตรีสากล -กจิ กรรมคา่ ย (.....) -ทาดเี พื่อ (.....) -อาชีพเกษตร (.....) -กีฬาสากล (.....) ชมุ นุม to be No1 ชมุ นุมคณิตศาสตร์ -นกั ประดษิ ฐ์ (STEM) -ค่านิยม 12 -อาชีพหตั ถกรรม (.....) -มวย (.....) ชุมนุมภาษาอังกฤษ ชุมนุมโภชนาการ -เกมท้าความคดิ -หนา้ ทค่ี นดี -อาชีพแปรรูป (.....) -กฬี าไทย (.....) ชุมนุมพฤกษศาสตร์ ชุมนมุ มารยาทไทย -ตอบปญั หา -รักษส์ ่ิงแวดลอ้ ม -อาชพี ช่าง (.....) -การละเล่นไทย (.....) ชมุ นุมนาฏศลิ ป์ ชมุ นมุ รีไซเคิล -ปริศนาคาทาย -รร.สวยดว้ ยมือเรา -คนศลิ ป์ (วาด/ปัน้ ) -การละเลน่ อาเซยี น ... -ส่อื น้มี คี วามหมาย -คนดีศรี (.....) -นกั เลา่ /นักพดู -เกม (.....) -โครงงานวทิ ย์ (.....) -คนบรกิ าร -นกั เทคโนโลยี -กายบรหิ าร (.....) -โครงงานคณิต (.....) -คนกตญั ญู -นกั ดนตร/ี นักร้อง -แอโรบิค (.....) -โครงงานคอมฯ (.....) -ฟงั ธรรมตามกาล -มคั คเุ ทศกน์ ้อย -หมากกระดาน (.....) -โครงงานอาชพี (.....) -โครงงานคณุ ธรรม -นาฏศลิ ป/์ การแสดง -รกั ตลก (.....) คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 18
กิจกรรมท่ี 4 ภารกิจ : จัดทาสารสนเทศครูเพมิ่ เวลารู้ ผรู้ ับผดิ ชอบ : กรรมการบรหิ ารวชิ าการและหลกั สตู ร วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ วิเคราะหแ์ ละเลือกกจิ กรรมเพิ่มเวลารู้ (6 ชม 4 H.) 2. เพื่อจดั ทาสารสนเทศการจัดครเู ขา้ รบั ผิดชอบกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ (9 ชม 4 H.) ตวั อย่าง : สารสนเทศการจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” โรงเรียน ............................................... สหวทิ ยาเขต .............. ภาคเรียนที่ 2/2558 ช่ือ-สกลุ ครู ............................................................................................... ห้อง ................ เลขที่ .......... 1. รูปแบบการบรหิ ารชั่วโมงกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้” 1.1 วชิ าหน้าทพ่ี ลเมือง ระดบั ............... จานวน ............... ห้อง รวม …………….. ชว่ั โมง 1.2 กิจกรรมแนะแนว ระดบั ............... จานวน ............... ห้อง รวม …………….. ชว่ั โมง 1.3 กจิ กรรมเครอื่ งแบบ ระดับ ............... จานวน ............... หอ้ ง รวม …………….. ช่ัวโมง 1.4 กิจกรรมเพ่มิ เวลารู้ ระดบั ............... จานวน ............... หอ้ ง รวม …………….. ชวั่ โมง ดังนี้ ระดับ เพมิ่ เวลารู้ จานวนชัว่ โมง ช่ัวโมง/W ด้านการเรียนรู้ ด้านคุณลกั ษณะ ด้านทักษะ ดา้ นสุขอนามยั ม.1 ม.2 ม.3 รวม 2. รายชอ่ื กจิ กรรมตามประเภท/ลักษณะที่จดั ในโรงเรยี น 2.1 กิจกรรมชมุ นุม ดา้ นการเรียนรู้ 2.2 กิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ดา้ นทกั ษะ ดา้ นสขุ อนามยั คู่มอื การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 19
3. ขอ้ มลู ตารางสอน ชม.5 ชม.6 ชม.7 ชม.1 ชม.2 ชม.3 ชม.4 จนั ทร์ องั คาร พธุ พฤหัส ศุกร์ คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 20
กิจกรรมที่ 5 ภารกิจ : จดั ทาแผนจดั กิจกรรม ผู้รบั ผิดชอบ : ครผู ู้รับผดิ ชอบ วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ครูวางแผนจัดกจิ กรรมที่รับผิดชอบเพ่มิ เวลารตู้ ลอดแนว (18 สัปดาห์) 2. เพื่อให้ครูจัดทาเครอ่ื งมือประเมนิ ผลการจดั กจิ กรรม ตัวอย่าง : แบบฟอร์มแผนจัดกจิ กรรม “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” ชือ่ -สกุล ...................................................................... ตาแหน่ง .................................................................... โรงเรียน ..................................................................... กจิ กรรมด้าน ............................................................... ช่อื กจิ กรรม ................................................................................................................... สัปดาห์ที่ ช่วั โมงที่ กจิ กรรมหลักท่นี กั เรยี นปฏบิ ตั ิ QSCCS/PDCA 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 คู่มอื การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ สพม.เขต 26 21
ตวั อย่าง : แบบฟอรม์ แผนจดั กจิ กรรม “ลดเวลาเรยี น เพ่มิ เวลารู้” ช่ือ-สกลุ ...................................................................... ตาแหนง่ .................................................................... โรงเรยี น ..................................................................... กจิ กรรมดา้ น ............................................................... ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. ชือ่ กิจกรรม ______________________________________________________________ 2. เวลาท่ใี ช้ __________ครั้ง : __________ชัว่ โมง 3. วัตถุประสงค์ ________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________ 4. ขน้ั ตอน/กจิ กรรม ________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________ 5. ส่อื การเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้ ________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________ 6. การวัดผลและประเมนิ ผล 6.1 การตรวจผลงาน/ช้นิ งาน ไม่มีผลงาน/ชนิ้ งาน ยอดเยย่ี ม 6.2 พฤตกิ รรมการปฏบิ ตั ิงาน ไม่ต้งั ใจปฏบิ ตั ิ ดมี าก 6.3 ความพึงพอใจต่อการร่วมกิจกรรม คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 22
กิจกรรมที่ 6 ภารกิจ : การทบทวนภารกจิ การจดั กิจกรรม (AAR) ผรู้ ับผดิ ชอบ : ครผู ูร้ ับผิดชอบ/กก.วชิ าการ วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือให้ครกู ารทบทวนภารกจิ การจัดกจิ กรรม (AAR) อย่างเป็นระบบ 2. เพื่อใหโ้ รงเรียนไดจ้ ดั AAR แลกเปลี่ยนเรยี นรูแ้ ละจดั ทาข้อสนเทศกิจกรรม “ลดเวลาเรียนเพ่ิมเวลารู้” ตัวอย่าง : แบบรายงานการสะท้อนคิด (AAR : After Action Review) ชือ่ -สกลุ ...................................................................... ตาแหน่ง .................................................................... กิจกรรมดา้ น .............................................................. ชอื่ กิจกรรม................................................................. วันจดั กจิ กรรม ........................................................... หอ้ ง/กลมุ่ .................................... จานวน ........... คน 1. สิง่ ท่คี าดว่าจะได้รบั จากกจิ กรรมคอื อะไร ? 2. ส่ิงที่เกิดขึ้นจรงิ ทสี่ งู กว่าท่คี าดหวงั คืออะไร ? ……………………………………………………………….…………….… ………………………………….……………………………………………… ……………………………………………………………….………………. ………………………………………..………………………..……………… 3. สิ่งทเ่ี กิดขึน้ จริงท่ีต่ากวา่ ท่คี าดหวังคอื อะไร ? ………………………………………………….…………………….……….. ………………………………………………………..……………………….. ……………………………………………………………….………………… 4. สงิ่ ทไี่ ด้เรยี นรู้และเป็นประโยชน์คืออะไร ? ……………………………………………………………………………….……………………………………………………………………..……………………… ……………………………………………………………………………………….……………………………………………………………………..……………… 5. คิดว่าอุปสรรคหรือข้อจากดั คืออะไร ? 6. หากตอ้ งทาคร้ังตอ่ ไป จะปรับปรงุ อะไรใหด้ ขี นึ้ ? ………………………………………………………………….……………… ………………………………..…………………………………..…………… ……………………………………………………………….………………… ………………………………..………………………………………….…… …………………………………………………………………………………. ……………………………..…………………………………………………. …………………………………………………………………………………. ……………………………..…………………………………………………. ภาพกจิ กรรมการเรียนรู้ ภาพกจิ กรรมการเรยี นรู้ ภาพกจิ กรรมการเรียนรู้ คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ สพม.เขต 26 23
ภาคผนวก คู่มอื การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 24
ภาคผนวก ก สื่อหลักที่ใชเ้ ป็นคมู่ ือในการบริหารการจดั กจิ กรรม คู่มอื การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 25
คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 26
ภาคผนวก ข ตัวอย่างรูปแบบการจัดชั่วโมงเพ่ิมเวลารู้ คู่มอื การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ สพม.เขต 26 27
ภาคผนวก ข รปู แบบการจดั กิจกรรมในโรงเรียน คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 28
คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 29
ภาคผนวก ค ตัวอยา่ งการเขยี นแผนการจัดกจิ กรรมเพ่ิมเวลารู้ คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ สพม.เขต 26 30
ตวั อยา่ งแผนจดั กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ชือ่ -สกลุ นายอภิชาต เขม็ พิลา ตาแหน่ง ศกึ ษานเิ ทศก์ สพม. เขต 26. หนว่ ยงาน สานกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษาเขต 26 กิจกรรมพัฒนาดา้ นการเรียนรู้ (Head) ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. ช่อื กจิ กรรม นกั ประดิษฐ์นอ้ ย 2. เวลาทใี่ ช้ 18 คร้ัง : 18 ชัว่ โมง (สปั ดาหล์ ะ 1 ครง้ั ) 3. วัตถุประสงค์ 3.1 ผเู้ รียนไดส้ บื คน้ สิง่ ประดษิ ฐใ์ นชวี ติ ประจาวนั ทต่ี นเองให้ความสนใจ 3.2 ผูเ้ รยี นไดว้ ิเคราะห์สิง่ ประดษิ ฐ์ท่ตี นเองสนใจตามแนวหมวก 6 ใบ ของโบโน 3.3 ผเู้ รียนประดิษฐ์ส่ิงประดษิ ฐ์โดยการดัดแปลง หรอื ออกแบบใหมเ่ พื่อใช้ประโยชน์ 3.4 ผเู้ รยี นไดน้ าเสนอแลกเปลี่ยนเรยี นรกู้ ารสบื คน้ การวิเคราะห์ และการประดษิ ฐ์ผลงาน 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ 4.1 ผู้เรียนรายบคุ คล หรอื เปน็ กลุ่ม (ไมเ่ กนิ 3 คน) วางแผนสบื ค้นขอ้ มลู ส่ิงประดษิ ฐใ์ นชีวติ ประจาวนั ทีต่ นเองใหค้ วามสนใจ (เคร่ืองมือ, เครอ่ื งใช้, เครื่องอานวยความสะดวก, เครอื่ งเล่น, เกม ฯลฯ) 2 สปั ดาห์/1 ช้ิน 4.2 ผเู้ รยี นไดว้ ิเคราะห์สิ่งประดษิ ฐ์ท่ีตนเองสนใจตามแนวหมวก 6 ใบ ของโบโน 3 สัปดาห์/ 1 ช้ิน 4.3 ผ้เู รียนประดิษฐ์สง่ิ ประดิษฐโ์ ดยการดัดแปลง หรือออกแบบใหม่เพ่ือใช้ประโยชน์ ตามกระบวนการ STEM Education ขั้นตอน เดือนละ 1 ชน้ิ งาน 4.4 ผูเ้ รียนไดน้ าเสนอผลการสืบค้น การวเิ คราะห์ และการประดษิ ฐ์ผลงาน เดือนละ 1 ชน้ิ งาน 5. สือ่ การเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้ 5.1 สื่อการเรียนรู้ - การสืบค้นดว้ ย ICT ทางอินเทอร์เนต็ โดย PC/Notebook/Smart Phone 5.2 แหล่งการเรยี นรู้ - CD ฐานข้อมูลสงิ่ ประดษิ ฐ์ที่ครจู ดั เตรียมไว้ (สืบค้นผา่ นเวบ็ ไซต/์ นา เชน่ อาวุธไอเดยี -นกั ประดิษฐ์1000ล้าน-วจิ ยั ไทยประดิษฐ์-ส่ิงประดิษฐ์ญ่ีปนุ่ ) - หนังสอื /เอกสารเกี่ยวกบั ส่งิ ประดิษฐ์ ในห้องสมุด หรอื ที่ครูจัดเตรียมไว้ คู่มอื การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ สพม.เขต 26 31
6. การวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1 การตรวจผลงาน/ชิ้นงาน ไม่มีผลงาน/ชน้ิ งาน ยอดเยี่ยม 6.2 พฤติกรรมการปฏบิ ตั งิ าน ไม่ตง้ั ใจปฏิบัติ ดมี าก 6.3 ความพึงพอใจต่อการร่วมกจิ กรรม คู่มอื การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 32
ตวั อย่างแผนจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้” ช่ือ-สกลุ นายอภชิ าต เข็มพิลา ตาแหน่ง ศกึ ษานเิ ทศก์ สพม. เขต 26. หนว่ ยงาน สานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษาเขต 26 กจิ กรรมดา้ นคุณธรรม/ค่านยิ ม (Heart) ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. ชอื่ กิจกรรม สานึกดี 2. เวลาทใี่ ช้ 18 คร้ัง : 18 ช่ัวโมง (สปั ดาหล์ ะ 1 ครั้ง) 3. วตั ถุประสงค์ 3.1 ผเู้ รยี นไดศ้ ึกษาขอ้ มลู ในชีวิตประจาวันผ่าน ICT 3.2 ผเู้ รยี นไดว้ ิเคราะหข์ ้อมูลด้วยกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 3.3 ผูเ้ รียนได้เสนอแนวคดิ แลกเปล่ียนเรียนรู้ และนาไปประยกุ ตป์ ฏิบตั ใิ นชีวิตประจาวนั 4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.1 ผู้เรียนรายบุคคล หรือเป็นกลมุ่ (ไม่เกิน 3 คน) วางแผนสืบคน้ สอ่ื ข้อมูลเกย่ี วกบั การพัฒนาคุณลักษณะ คา่ นยิ ม คณุ ธรรม จรยิ ธรรม จาก ICT (เพลง, คลปิ , ข่าวสาร, โฆษณา, ละคร, เกม, รายการโทรทัศน,์ รายการวทิ ยุ, ประสบการณ์ในชวี ติ ประจาวัน, ฯลฯ) 1 ชิน้ /เดือน 4.2 ผู้เรียนได้วิเคราะหส์ ่ือตาม BLOOM’s Taxonomy ดา้ น Affective Domain 5 ข้ันตอน และใช้ กระบวนการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ 1 ชิน้ /เดอื น 4.3 ผู้เรยี นนาเสนอผลการสืบคน้ ผลการวิเคราะห์ และการนาไปประยกุ ตใ์ ช้ 1 ชิน้ /เดือน 5. สือ่ การเรยี นรู/้ แหลง่ เรยี นรู้ 5.1 สื่อการเรียนรู้ - การสืบค้นด้วย ICT ทางอินเทอรเ์ นต็ โดย PC/Notebook/Smart Phone 5.2 แหล่งการเรียนรู้ - CD ฐานขอ้ มูลส่อื (เพลง, คลปิ , ข่าวสาร, โฆษณา, ละคร, เกม, รายการโทรทัศน,์ รายการวิทย,ุ ประสบการณใ์ นชวี ติ ประจาวัน, สารคดี ฯลฯ) ท่คี รจู ดั เตรยี มไว้ - หนงั สือ/เอกสารเกีย่ วกบั กรณตี ัวอย่างในการพัฒนาคณุ ธรรม คา่ นิยม หรือที่ครูจัดเตรียมไว้ 6. การวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1 การตรวจผลงาน/ช้ินงาน ไมม่ ีผลงาน/ชน้ิ งาน ยอดเยยี่ ม 6.2 พฤตกิ รรมการปฏิบตั งิ าน ไมต่ ง้ั ใจปฏบิ ตั ิ ดมี าก 6.3 ความพึงพอใจต่อการร่วมกจิ กรรม คู่มอื การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ สพม.เขต 26 33
ตัวอยา่ งแผนจดั กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” ช่ือ-สกุล นายอภิชาต เข็มพลิ า ตาแหนง่ ศกึ ษานเิ ทศก์ สพม. เขต 26. หนว่ ยงาน สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษาเขต 26 กิจกรรมทักษะการทางาน/ทักษะชวี ติ (Hand) ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. ชื่อกจิ กรรม สดุ ท้ายคืออาชพี 2. เวลาทใี่ ช้ 18 ครัง้ : 18 ช่ัวโมง (สปั ดาหล์ ะ 1 ครงั้ ) 3. วตั ถุประสงค์ 3.1 ผ้เู รยี นไดศ้ ึกษาข้อมลู อาชีพในท้องถน่ิ และอาชีพท่ีน่าสนใจจากส่ือต่าง ๆ 3.2 ผเู้ รียนได้วิเคราะหข์ ้อมูล และเลอื กอาชีพท่ตี นเอง/กลุ่มสนใจสู่การปฏบิ ัติ 3.3 ผู้เรียนไดเ้ สนอแนวคิด แลกเปลย่ี นเรียนรู้ประสบการณ์ดา้ นอาชีพและการทางาน 4. กิจกรรมการเรียนรู้ 4.1 ผูเ้ รยี นรายบุคคล หรอื เปน็ กลุม่ (ไม่เกนิ 3 คน) วางแผนสืบค้นสบื ขอ้ มลู เกี่ยวกบั อาชีพและการทางาน จาก ICT และแหล่งอ่นื ๆ (คลปิ จาก นา, ขา่ วสาร, โฆษณา, เกม, รายการโทรทัศน,์ รายการวทิ ยุ, ผ้รู ู้ในชุมชน, ฯลฯ) อย่างนอ้ ย 3 อาชีพ 4.2 ผู้เรยี นไดว้ เิ คราะหข์ ้อมูลจากสือ่ และเลือกปฏิบัติชน้ิ งาน/ภาระงานตาม BLOOM’s Taxonomy ด้าน Psychomotor Domain 1 ชิ้น/เดือน 4.3 ผเู้ รยี นนาเสนอผลการสืบค้น ผลการวิเคราะห์ และการนาไปประยุกต์ใช้ เดอื นละ 1 คร้งั 5. สือ่ การเรยี นรู้/แหล่งเรียนรู้ 5.1 ส่ือการเรียนรู้ - การสบื คน้ ดว้ ย ICT ทางอนิ เทอร์เน็ต โดย PC/Notebook/Smart Phone 5.2 แหล่งการเรยี นรู้ - CD ฐานขอ้ มลู อาชพี จากสอ่ื (คลปิ , ขา่ วสาร, โฆษณา, เกม, รายการโทรทัศน,์ รายการวทิ ยุ, ประสบการณจ์ ากผู้รู้/ชมุ ชน, สารคดี ฯลฯ) ท่ีครจู ดั เตรยี มไว้ - หนงั สอื /เอกสารเก่ียวกบั กรณตี ัวอยา่ งในการประกอบอาชีพจากห้องสมุด หรือท่ีครจู ดั เตรยี มไว้ 6. การวดั ผลและประเมินผล 6.1 การตรวจผลงาน/ชน้ิ งาน ไม่มผี ลงาน/ช้นิ งาน ยอดเยี่ยม 6.2 พฤติกรรมการปฏิบตั งิ าน ไม่ต้ังใจปฏบิ ัติ ดีมาก 6.3 ความพงึ พอใจต่อการร่วมกจิ กรรม คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ สพม.เขต 26 34
ตัวอยา่ งแผนจัดกจิ กรรม “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” ชอ่ื -สกลุ นายอภชิ าต เข็มพลิ า ตาแหน่ง ศกึ ษานเิ ทศก์ สพม. เขต 26. หนว่ ยงาน สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษาเขต 26 กจิ กรรมด้านสุขภาพกาย/ใจ (Health) ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. ชือ่ กิจกรรม สขุ ภาพกาย-สขุ ภาพจิต 2. เวลาท่ใี ช้ 18 คร้งั : 18 ชัว่ โมง (สปั ดาหล์ ะ 1 ครั้ง) 3. วตั ถุประสงค์ 3.1 ผเู้ รียนไดร้ ว่ มกิจกรรมพฒั นาสขุ ภาพกาย 3.2 ผู้เรยี นไดร้ ว่ มกจิ กรรมพฒั นาสขุ ภาพจิต 3.3 ผเู้ รยี นสร้างสขุ นิสยั ท่ีดใี นการดารงชีวติ 3.4 ผู้เรยี นไดน้ าเสนอแลกเปล่ียนเรียนรู้แนวทางการพัฒนาสขุ ภาพการบ-สขุ ภาพจิต 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ 4.1 ผู้เรยี นรายบคุ คล หรือเป็นกลุ่ม (ไม่เกิน 3 คน) วางแผนสบื คน้ /ศึกษาข้อมูลกิจกรรมพัฒนาสุขภาพกาย ตามทสี่ นใจ (กีฬา, การละเลน่ ฯลฯ) เดือนละ 1 ชิ้น (เดือนท่ี 1, 3) วางแผนสืบคน้ ข้อมลู กิจกรรม พัฒนาสขุ ภาพจิตตามความสนใจ (เกม, การประดิษฐ,์ เพลง, ดนตร,ี การแสดง ฯลฯ) เดอื นละ 1 ชิน้ (เดอื นที่ 2, 4) 4.2 ผู้เรียนทาตามแบบ หรอื ดัดแปลง หรอื ประดิษฐ์ใหม่ เกีย่ วกับกิจกรรมพฒั นาสุขภาพกายและกจิ กรรม พัฒนาสขุ ภาพจิตตามความสนใจ ตาม BLOOM’s Taxonomy ดา้ น Psychomotor Domain 1 ช้ิน/ เดอื น (ทา่ ชุดกายบริหาร, ชดุ เกมคลาดเครียด, ชุด อปุ กรณ์เสริมสรา้ งสมรรถนะทางกีฬา........., ชดุ การละเล่น......., ชุดการแสดง........, ชดุ ปรศิ นาคาทาย 4.3 ผเู้ รยี นได้นาเสนอผลและเผยแพร่การสืบค้น การวเิ คราะห์ และการนาไปใช้ เดอื นละ 1 ช้นิ งาน 5. สอื่ การเรียนร/ู้ แหลง่ เรยี นรู้ 5.1 ส่ือการเรียนรู้ - การสบื ค้นดว้ ย ICT ทางอนิ เทอร์เนต็ โดย PC/Notebook/Smart Phone 5.2 แหลง่ การเรียนรู้ - CD ฐานขอ้ มูลดา้ นสุขภาพกาย-สขุ ภาพจิตท่ีครจู ัดเตรียมไว้ (สบื ค้นผ่านเวบ็ ไซต์/นา เช่น อาหารสุขภาพ, เครอ่ื งด่ืมสมนุ ไพร, กีฬาสากล, กีฬาไทย, การละเล่น ดนตรี, นาฏศลิ ปแ์ ละการแสดง, จิตรกรรม, ประติมากรรม, ภาพยนตร์สนั้ ) - หนังสอื /เอกสารเกี่ยวกบั สุขภาพกาย-สุขภาพจติ ในห้องสมุด หรือท่คี รูจดั เตรียมไว้ คู่มอื การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 35
6. การวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1 การตรวจผลงาน/ชิ้นงาน ไม่มผี ลงาน/ชนิ้ งาน ยอดเยยี่ ม 6.2 พฤติกรรมการปฏบิ ัติงาน ไมต่ ั้งใจปฏิบตั ิ ดมี าก 6.3 ความพึงพอใจต่อการร่วมกิจกรรม คู่มอื การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 36
ภาคผนวก ง ตัวอย่างการเขียนแผนรายงาน AAR ของครผู ู้รับผิดชอบกิจกรรมเพ่มิ เวลารู้ คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ สพม.เขต 26 37
ตัวอย่าง : แบบรายงานการสะท้อนคิด (AAR : After Action Review) ชอื่ -สกุล ..นายอภชิ าต เข็มพิลา ............................... ตาแหนง่ .......คร.ู ........................................................ กิจกรรมดา้ น ...พัฒนาการเรยี นรู้ (Head) ................. ชอื่ กิจกรรม....นกั ประดิษฐ์น้อย................................... วนั จดั กจิ กรรม ...2-30 พย...2558............................... ห้อง/กลมุ่ ....ม.ตน้ คละ ......... จานวน ...30........ คน 1. สง่ิ ท่คี าดวา่ จะไดร้ ับจากกิจกรรมคืออะไร ? 2. สิง่ ทีเ่ กิดขน้ึ จริงทส่ี ูงกว่าที่คาดหวงั คอื อะไร ? -นกั เรียนเรียนรสู้ ิ่งประดิษฐ์ 1 ชน้ิ ท่ีสนใจ (วา่ วพนื้ บา้ น) -มผี ลงานหลายรปู แบบ -นกั เรยี นไดอ้ อกแบบ สร้าง ทดลอง และเผยแพรผ่ ลงาน -มหี นง่ึ กลมุ่ สามารถประดษิ ฐ์ว่าวได้ 3. ส่งิ ท่ีเกิดขน้ึ จริงที่ต่ากว่าท่ีคาดหวังคอื อะไร ? -มนี ักเรียน 2 คน ไมส่ ่งชิน้ งาน -นักเรียน 2 คน ท่ีไม่ส่งชน้ิ งาน ไมเ่ ข้าร่วมกิจกรรม 2 ครง้ั 4. สิง่ ท่ไี ดเ้ รยี นรูแ้ ละเปน็ ประโยชนค์ อื อะไร ? ทง้ั และเข้ารว่ มกจิ กรรม -นกั เรยี นท่สี นใจดา้ นการประดษิ ฐค์ ิดคน้ ไดร้ บั แรงบัลดาลในในกาไรมเร่คียรนบร4ู้ สคบื รคั้ง้น เสาะแสดวงหาจากสอื่ ต่าง ๆ และไดม้ ี โอกาสออกแบบ ประดิษฐ์ ทดลองการทางาน จนไดช้ ้ินงานด้วยความสนใจ มุ่งม่นั มานะ อดทน และมโี อกาสได้ แลกเปล่ียนเรยี นรู้ เกิดความมน่ั ใจในการนาเสนอ การสอื่ สาร และมคี วามภาคภมู ิใจ เกดิ เจตคติทดี่ ีในการเรยี นรู้ 5. คิดว่าอปุ สรรคหรือข้อจากดั คืออะไร ? 6. หากตอ้ งทาครงั้ ต่อไป จะปรบั ปรงุ อะไรใหด้ ีขนึ้ ? -การเตรยี มวสั ดุอุปกรณใ์ นการปฏบิ ัติ -นักเรียนฝกึ การทาปฏทิ นิ นัดหมาย -ข้นั การออกแบบและวางแผนยงั ขาดความรอบคอบ -โรงเรยี นจดั วสั ดสุ ารองให้นักเรยี น -นักเรยี น 2 คน เลือกกิจกรรมไม่ตรงตามความสนใจแทจ้ รงิ -ให้โอกาสนกั เรยี นทางานตอ่ ท่ีบา้ นโดยมผี ูป้ กครองเป็น -ขาดการปรกึ ษาหารอื PLC ท่ีเปน็ ระบบ เครอื ขา่ ยการเรยี นรู้ (ลงช่อื ) ผรู้ ายงาน (ลงช่อื ) ผู้รับรอง (นายอภชิ าต เข็มพลิ า) (นางชนิสรา ดวงบุบผา) ครู/ศึกษานเิ ทศก์ สพม.เขต 26 ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษาเขต 26 คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 38
ภาคผนวก จ รายงานการดาเนนิ งานตามนโยบายลดเวลาเรียนเพมิ่ เวลารู้ องคป์ ระกอบสาคญั ของรายงาน ประกอบดว้ ย ประเด็นหัวข้อ ดังนี้ 1. การเตรยี มการ 1.1 การปรับหลักสตู ร และการเปิดรายวิชาเพม่ิ เตมิ ในแตล่ ะภาคเรยี น 1.2 การจดั ตารางสอน/ตารางเรียนที่สะท้อนถงึ 6 ชวั่ โมงที่เกดิ ขนึ้ เพ่อื เพมิ่ เวลารู้ 1.3 สารสนเทศผลการสารวจความต้องการรว่ มกิจกรรม (4H) 1.4 สารสนเทศ/สถิติการจดั กิจกรรมจาแนกตามดา้ น (4H) 1.5 การเตรยี มบคุ ลากรครู นักเรยี น ผู้ปกครอง และผเู้ กี่ยวขอ้ ง 1.6 สารสนเทศแหลง่ เรยี นรู้ แหล่งประกอบการ วทิ ยากรท้องถน่ิ และเครือข่าย 2. ขนั้ ดาเนินการ 2.1 การจัดตารางสอน/ตารางเรียน 2.2 แผนการจดั กิจกรรมของครู 2.3 รายงานการจัดกจิ กรรม (AAR) ระดบั ครผู สู้ อน 3. ข้นั ติดตาม ประเมินผล และรายงาน 3.1 สรปุ ผลการดาเนนิ กิจกรรม 3.2 รายงานการถอดบทเรยี นการจดั กิจกรรม (AAR) ระดับโรงเรยี น 3.3 ประมวลภาพภาพกจิ กรรม/วดิ ีทศั น์การดาเนินกจิ กรรม 3.4 กิจกรรมเดน่ ในโครงการ คู่มอื การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 39
คณะทางาน ทีป่ รกึ ษา ผู้อานวยการสานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 นางชนิสรา ดวงบบุ ผา รองผอู้ านวยการสานกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 26 นายองอาจ เทยี มกลาง ศึกษานเิ ทศกส์ านักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 ยกร่างต้นฉบับ นายอภชิ าต เขม็ พลิ า ศึกษานเิ ทศกส์ านักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 ศึกษานเิ ทศกส์ านกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 บรรณาธกิ าร ศกึ ษานิเทศกส์ านกั งานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 นายอทุ ิน นิตกิ านตก์ ารุณ ศึกษานเิ ทศกส์ านกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 ดร.สมั ภาษณ์ คาผยุ ศึกษานิเทศกส์ านกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 นายไวรชั ตะวัน ศึกษานเิ ทศก์สานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 26 ดร.นวพรรด์ิ นามพุทธา ศึกษานเิ ทศกส์ านักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 นางวราภรณ์ คชโคตร ศกึ ษานิเทศก์สานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 นางรพพี รรณ ปางทอง ธุรการ กลุ่มนิเทศ ตดิ ตาม และปนะเมินผลการจดั การศกึ ษา นางเอมอร จนั ทนนตรี ดร.ฐติ ารยี ์ วิลัยเลิศ ศึกษานเิ ทศกส์ านกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 นางสาวชลธิชา การถาง ออกแบบและการพมิ พ์ นายอภิชาต เข็มพิลา คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 40
คมู่ อื การจดั กิจกรรม ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้ ตามบริบทของสถานศึกษา สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 กลุม่ นเิ ทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผลการจัดการศกึ ษา สานักงานเขตพนื้ ทคกีู่่มอื ากรารศจัดึกกิจษกรารมมลัธดเยวลมาเรศียนกึ เษพ่มิ าเวลเารขู้ สตพม.2เข6ต 26 41
คานา จากการทร่ี ฐั บาลมีนโยบายสนับสนุนแนวทางการปฏิรูปการศกึ ษาอย่างเปน็ รูปธรรม นโยบายหนงึ่ คอื การปรับลดเวลาเรยี นของเดก็ ใหน้ อ้ ยลง เป็นการ “ลดเวลาเรียนเพมิ่ เวลารู้” โดยใหส้ านักงานคณะ กรรมการการศึกษาขนั้ พนื้ ฐานพิจารณาปรบั ลดชว่ั โมงเรยี นของบางวิชาให้นอ้ ยลง แตต่ ้องไม่กระทบเนื้อหา หลักท่เี ด็ก ๆ ควรเรียนรู้ ครูต้องใชค้ วามสามารถในการอธิบายและบรู ณาการให้ครบถว้ นอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ มากขึ้น และกาหนดให้สถานศึกษาตอ้ งจัดกจิ กรรมสร้างสรรคใ์ หผ้ ้เู รียนอยา่ งหลากหลาย เพอื่ เพมิ่ พนู ทักษะ การคดิ วิเคราะห์ ความมนี ้าใจตอ่ กนั การทางานเปน็ ทีม กระตนุ้ ให้ผู้เรียนได้คน้ หาศักยภาพและความชอบ ของตนเองสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐาน สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 ซึ่งเปน็ หน่วยงานเช่อื มโยงนโยบายและแนวปฏิบัตจิ ากหน่วยเหนือส่โู รงเรียนซึ่งเป็นหน่วยปฏบิ ตั ิที่ตอ้ งปรับ กลยทุ ธ์ กระบวนการ และวิธกี ารปฏิบตั งิ านงานใหส้ อดคล้องกบั บริบทของแตล่ ะโรงเรียน ผลการการทดลองนานโยบายลดเวลาเรียนเพม่ิ เวลารู้ ของโรงเรยี นนาร่องจานวน 4 โรงเรยี น ได้แก่ โรงเรยี นประชาพัฒนา (ขนาดเลก็ ) โรงเรียนนาดูนประชาสรรพ์ (ขนาดกลาง) โรงเรยี นบรบือ (ขนาดใหญ)่ และโรงเรยี นพยัคฆภูมวิ ทิ ยาคาร (ขนาดใหญ่พิเศษ) พบวา่ มีท้ังการปฏิบัติทีค่ ลา้ ยคลงึ และแตกตา่ ง ดงั น้ัน เพ่อื ใหโ้ รงเรยี นในสังดักทีจ่ ะเข้าร่วมโครงการในภาคเรียนท่ี 1/2559 ไดเ้ ตรยี มการอย่างถูกตอ้ ง สร้างความ ม่นั ใจในการปฏิบัติงานอยา่ งมีคุณภาพ สานกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 จงึ ไดจ้ ดั ทาเอกสาร ฉบับนข้ี ึ้น โดยใช้ควบคูกับคูม่ ือบรหิ ารจัดการเวลาเรียน “ลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้” และแนวทางการจัด กจิ กรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1-3 ที่สานกั วชิ าการและมาตรฐาน การศึกษา จดั ทาขนึ้ ขอขอบคุณคณะทางานทุกคน ท่ไี ดน้ าความรแู้ ละประสบการณม์ ารว่ มแลกเปล่ยี นและจัดทาเป็น เอกสารฉบับนี้ สานกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 26 หวังเป็นอย่างยิง่ วา่ เอกสารฉบบั นีจ้ ะเป็น ประโยชนอ์ ยา่ งยงิ่ ในการขบั เคลอ่ื นการนานโยบาย “การลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลาเรียน” ส่กู ารปฏิบตั ิได้อย่าง มปี ระสทิ ธิภาพ สานักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 คู่มอื การจดั กิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 42
สารบญั หนา้ เรือ่ ง ก ข คานา 1 สารบัญ 2 ความเปน็ มาของกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” 2 วตั ถปุ ระสงค์ 3 ความหมาย 3 แนวคิดการ “ลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้” 4 ทฤษฎีการเรยี นรู้ท่สี นับสนนุ แนวคิด “ลดเวลาเรยี น เพ่มิ เวลารู้” 5 หลักการของการจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้” 6 บทบาทครูในการจดั การเรยี นรู้กิจกรรม “ลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้” 7 แนวทางการบรหิ ารจัดการ “ลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้” 11 การขบั เคลื่อนนโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้” สกู่ ารปฏิบัติ 13 เทคนิคการใชค้ าถามกบั การพัฒนาการคิดในกจิ กรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ 21 ชุดใบกจิ กรรม 22 ภาคผนวก 23 25 ภาคผนวก ก ส่ือหลกั ท่ใี ชเ้ ปน็ คู่มอื ในการบรหิ ารการจัดกิจกรรม 29 ภาคผนวก ข รปู แบบการจดั กิจกรรมในโรงเรยี น 30 ภาคผนวก ค ตัวอยา่ งการเขียนแผนการจัดกจิ กรรมเพิ่มเวลารู้ 31 ภาคผนวก ง ตัวอย่างการเขียนแผนรายงาน AAR ของครูผรู้ ับผิดชอบกิจกรรมเพิ่มเวลารู้ ภาคผนวก จ รายงานการดาเนนิ งานตามนโยบายลดเวลาเรยี นเพมิ่ เวลารู้ คณะทางาน คู่มอื การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ สพม.เขต 26 43
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: