หน่วยที่ 3 ภูมิศาสตร์ประเทศไทย รายวชิ าภูมศิ าสตร์การท่องเทยี่ ว (ส30224) ภาคเรียนที่ 1/2564 ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 5 โรงเรียนปักธงชัยประชานิรมติ
สาหรับการท่องเที่ยวลักษณะทางกายภาพและความอุดมสมบูรณ์ ของทรัพยากรธรรมชาติดังกล่ าวมีส่ วนสาคัญอย่างมากต่ อศักยภ าพด้ าน การท่องเท่ียวของประเทศ เนื่องจากสิ่งต่างๆเหล่าน้ันเป็ นทรัพยากร ท่องเทย่ี ว (Tourism Resources) ทมี่ ีความดงึ ดูดใจ (Attraction) ลักษณะภูมิประเทศท่ีหลากหลาย ทาให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงาม และแปลกตา เช่น ภูเขา ถา้ หน้าผา น้าตก แม่น้า ทะเล ตลอดจนเกาะต่างๆ ซ่ึงสิ่งเหล่านี้ เป็ นแหล่งดงึ ดูดนักท่องเทีย่ วให้เข้ามาท่องเทีย่ วมากขนึ้ ดังน้ันในการศึกษาเรื่ องภูมิศาสตร์ การท่ องเที่ยวของประเทศจึง จาเป็ นท่จี ะต้องศึกษาเกย่ี วกบั ลกั ษณะภูมิประเทศที่สาคัญของแต่ละภูมิภาค เพื่อเป็ นพืน้ ฐานในการศึกษาเกยี่ วกบั สถานทท่ี ่องเทย่ี วของประเทศไทย
ข้อมูลเบือ้ งต้นเกยี่ วกบั ประเทศไทย ทำเลทต่ี งั้ - ประเทศไทยต้งั อยู่บนคาบสมุทรอินโดจีน ภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ - ประเทศไทยต้งั อยรู่ ะหวา่ ง ละติจูดท่ี 5 องศา 37 ลปิ ดาเหนือ กบั 20 องศา 27 ลปิ ดาเหนือ ลองติจูดที่ 97 องศา 22 ลปิ ดาตะวนั ออกถึง 105 องศา 37 ลปิ ดาตะวันออก
ขนาดและรูปร่าง - ประเทศไทยมีเน้ือท่ี 513,115 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 321 ลา้ นไร่
ขนาดและรูปร่าง - ความยาวสุดของประเทศ จากเหนือสุดที่อาเภอแม่สาย จังหวดั เชียงราย ถึงใตส้ ุดที่อาเภอเบตง จังหวดั ยะลา ประมาณ 1,620 กิโลเมตร
- ความกว้างที่สุด จากด่านเจดีย์สามองค์ อาเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ถึง อาเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 780 กม.
- ส่วนท่ีแคบท่สี ุดของประเทศไทยอยอู่ ยทู่ ่ี บา้ นโขดทราย ต.หาดเลก็ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด วดั ระยะทางได้ 450 ม. หรือ 0.45 ก.ม. ซ่ึงวดั จากชายฝ่ังทะเลดา้ นทิศตะวนั ตกจรดทิวเขาบรรทดั แนวพรมแดน ธรรมชาติก้นั แบ่งเขตแดนระหวา่ งประเทศไทยกบั กมั พชู า
อาณาเขตติดต่อ 1) พรมแดนด้านเหนือ ติดต่อกบั ประเทศพม่า มีทิวเขา แดนลาว ทิวเขาถนนธงชัยและแม่น้าเมย เป็ นพรมแดน ธรรมชาติ ส่วนด้านตะวนั ออกของภาคเหนือติดต่อกับ ประเทศลาว มีทิวเขาหลวงพระบาง เป็นพรมแดนธรรมชาติ
อาณาเขตติดต่อ 2) พรมแดนด้านตะวันออก ติดต่อกบั ประเทศลาว กัมพูชา มีแม่นา้ โขง ทิวเขาพนมดงรัก และทิวเขาบรรทัด เป็ นพรมแดน ธรรมชาติ
อาณาเขตตดิ ต่อ 3) พรมแดนด้านตะวนั ตก ติดต่อกบั ประเทศพม่า มีทวิ เขาถนนธงชัย ทวิ เขาตะนาวศรี แม่นา้ เมย แม่นา้ กระบุรี เป็ นพรมแดนธรรมชาติ
อาณาเขตตดิ ต่อ 4) พรมแดนด้านใต้ ติดกับประเทศมาเลเซียมีพ้ืนท่ี 4 จังหวัด คือ จงั หวดั สตูล สงขลา ยะลา และนราธิวาส โดยมีทิวเขาสันกาลาคีรี และ แม่นา้ โก-ลก เป็ นพรมแดนธรรมชาติ
ลกั ษณะภูมปิ ระเทศในภูมภิ าคต่างๆของไทย
1. ภำคเหนอื 1. ภาคเหนือถือว่าเป็ นภูมภิ าคทมี่ คี วามซับซ้อนทางธรณี 2. ภูมปิ ระเทศทส่ี าคญั คือ เทือกเขาและทวิ เขาทเ่ี ป็ นสันวางตวั ในแนวเหนือใต้ 3. ระหวา่ งสันเขาจะมีหุบเขาและแอ่งต่าสลบั เป็นหยอ่ มๆ ทาให้ ภาพลกั ษณ์ภูมปิ ระเทศของภาคเหนือได้ ชื่อว่า “แผ่นดินแห่ง สันเขาและหุบเขา” 4. แนวเทือกอยใู่ นแนวเดียวกบั เทือกเขาหิมาลยั และเทือกเขา ในแควนั ยนู านทางตอนใต้ ของประเทศจีน ไดแ้ ก่ ภูเขาแดนลาว ผปี ันน้า หลวงพระบาง และขนุ ตาล 5. ยอดเขาทส่ี ูงทสี่ ุด คือ ยอดดอยอนิ ทนนท์
6. แม่น้าสายส้ันๆ และไหลเชี่ยว คือ วงั ปิ ง ยม น่าน แม่นา้ เหล่านี้ จะกดั เซาะพืน้ แผ่นดนิ เป็ นหุบเขาและเหวลกึ 7. ภูมปิ ระเทศบางแหล่งเป็ นท่ีราบระหว่างภูเขาและเชิงเขา ซึ่งบางที่เป็ นที่ราบที่เกดิ จากการกดั เซาะและพดั พา เอาตะกอนต่างๆ มาทบั ถมกนั และพืน้ ทบ่ี างแห่งที่ทรุดตา่ มนี ้าขงั อยู่ตลอด เช่น กว๊านพะเยา 8. ท่รี าบตามข้อ 7 มีความสาคัญทางเกษตร การประกอบ อาชีพ ตลอดจนการต้ังถน่ิ ฐานของประชากรในภูมภิ าคนี้ 9. มแี หล่งท่องเทยี่ วทางธรรมชาตทิ ส่ี วยงามหลายแบบ เช่น ป่ าไม้ ภูเขา นา้ ตก ตลอดจนทวิ ทศั น์ต่างๆมากมาย
2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1. พ้นื ที่ส่วนใหญ่เป็นท่ีราบสูง มีความเป็นเอกลกั ษณ์ทางธรรมชาติ คือ “เป็ นแผ่นดนิ หนิ ทราย” 2. เน่ืองดว้ ยภูมิประเทศเป็นหินทราย และมีช่วงฤดูแลง้ ยาวนานกวา่ ฤดูฝน ทาใหพ้ ืชพรรณส่วนใหญ่เป็ นป่ าเตง็ รัง 3. แหล่งท่องเทย่ี วทางธรรมชาติทเี่ ป็ นภูมลิ กั ษณ์ของหินทรายเป็นส่วนใหญ่ 4. แผน่ ดินท่ีถูกยกตวั สูงข้ึนท้งั สองดา้ น คือ ดา้ นตะวนั ตก และดา้ นใต้ 5. ทางดา้ นตะวนั ตกมีแนวเทือกเขาเพชรบูรณ์ และเทือกเขาดงพญาเยน็ พ้ืนท่ีที่สูงชนั น้ีจะค่อยๆ ลาดลงสู่บริเวณ ตอนกลาง และค่อยๆสูงข้ึน ทางดา้ นตะวนั ออกของภาค 6. บริเวณตอนใตข้ องภาค จะเป็นแนวของเทือกเขา สนั กาแพง และเทือกเขาดงรัก 7. บริเวณตอนกลางของภาคมีลกั ษณะเป็นแอ่งคลา้ ยกน้ กระทะ ส่วนท่ีต่าที่สุดอยบู่ ริเวณลุ่มแม่น้าชี และแม่น้ามูล
3. ภาคตะวันตก 1. ลกั ษณะภูมิประเทศของภาคตะวนั ตก ประกอบดว้ ยภูเขา เทือกเขาสูง และหุบเขาแคบๆ 2. ภาคตะวนั ตกไดช้ ื่อวา่ เป็นแผน่ ดินตน้ น้าลาธาร จากคุณสมบตั ิความ เป็นภูเขาสลบั ซบั ซอ้ น และป่ าไมป้ กคลุม 3. มีสภาพนิเวศนข์ องพ้ืนที่ป่ าไมแ้ บบต่างๆ ท้งั ป่ าดิบช้ืน ป่ าดิบแลง้ ป่ าดิบเขา ป่ าสน ป่ าเบญจพรรณ ป่ าเตง็ รัง และป่ าทุ่งหญา้ 4. เทือกเขาทางภาคตะวนั ตกเป็ นเทือกเขาต่อจากเทือกเขาทางภาคเหนือของประเทศไทย เป็นแนวยาว จากเหนือลงมาใตก้ ้นั เป็นพรมแดนระหวา่ งไทยกบั สหภาพพม่า 5. ภาคน้ีไม่มีที่ราบระหวา่ งหุบเขาที่กวา้ งขวางเหมือนภาคเหนือ แต่เป็ นทรี่ าบล่มุ แม่นา้ แคบๆ บริเวณที่แม่น้า แควนอ้ ยไหลผา่ นหุบเขาจะลึกและสูงช้นั มาก เกิดเป็นน้าตกสวยงามตามร่องน้าลาธารหลายแห่ง เช่น น้าตกเอราวณั
6. พบแร่ธาตุท่ีมีค่าหลายชนิดเช่น ดีบุก ทองแดง ฟลูออไรท์ ตะกว่ั เหลก็ และแร่รัตนชาติ 7. เทือกเขาในภูมิภาคน้ี เป็นบ่อเกิดของแม่น้าเมย แม่น้าแควนอ้ ย แควใหญ่ ซ่ึงไหลรวมกนั เป็นแม่น้าแม่กลอง และแม่น้าสายส้นั ๆ เช่น แม่น้าเพชรบุรี แม่น้าปราณบุรี 8. เทือกเขาในภูมิภาคน้ี มีลกั ษณะเด่นอีกอยา่ งคือ มีถ้าท่ีสวยงาม มีหินงอกหินยอ้ ยเป็นจานวนมาก เช่น ถ้าจอมพล ถา้ เขาบิน ถ้าพระธาตุ 9. บริเวณน้ีมีปริมาณน้าฝนตกชุกจึงทาใหม้ ีป่ าไมท้ ี่อุดมสมบูรณ์ เป็นลกั ษณะพเิ ศษอีกอยา่ งท่ีดึงดูดความสนใจของนกั ท่องเท่ียว เช่น อุทยานแห่งชาติน้าตกเอราวณั เป็นตน้
4. ภาคกลาง 1. ลกั ษณะภูมิประเทศของภาคกลางส่วนใหญ่ประกอบดว้ ยทร่ี าบล่มุ แม่นา้ 2. ท่ีราบเหล่าน้ีเกิดจากการทบั ถมของ เศษหิน ดิน กรวด ทราย และตะกอนต่างๆ ที่ถูกกระแสน้าพดั พามาทบั ถมกนั เป็นเวลานาน 3. ที่ราบลุ่มแม่น้าปกคลุมอาณาบริเวณต้งั แต่ตอนใตข้ องจงั หวดั อุตรดิตถ์ ลงไปจนถึงอ่าวไทย 4. มีพ้นื ที่เป็นท่ีราบที่มีขนาดกวา้ งใหญ่กวา่ ภูมิภาคอื่นๆ 5. เป็นบริเวณที่อุดมสมบูรณ์และมีประชากรอยหู่ นาแน่น 6. มบี างบริเวณเท่าน้ันทมี่ ภี ูเขาโดดๆ เช่น ในเขตจงั หวดั นครสวรรค์ และพษิ ณุโลก เป็นตน้
บริเวณภาคกลางถึงแมว้ ่าพ้ืนท่ีส่วนใหญ่จะเป็ นที่ราบ แต่บริ เวณด้านตะวันตกและตะวันออกของภูมิภาคน้ี มีลกั ษณะพ้ืนท่ีสูงๆ ต่าๆ เกิดจากการสึกกร่อนและการโก่ง ตัวของหินเปลือกโลก จึงมีภูเขาเต้ียๆปรากฏอยู่ทั่วไป จะพบได้ในเขตจังหวัดอุทัยธานี พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี หินเปลือกโลกประกอบด้วยหินทราย หินปูน หินดาน ซ่ึงผ่านการกดั กร่อนและการกระทาของ น้ าฝนแม่น้า น้ าใต้ดินมาเป็ นเวลานานทาให้บริ เวณน้ี มีลกั ษณะภูมิประเทศเป็ นภูเขาและถ้าต่างๆ มีหินงอก หิน ยอ้ ยที่สวยงามไม่แพภ้ มู ิภาคอ่ืนๆ เช่น ถ้าทอง ถ้าพระยาพาย เรือ จงั หวดั อทุ ยั ธานี เป็นตน้
5. ภาคตะวันออก 1. เป็ นภาคทปี่ ระกอบด้วยเทือกเขา ภูเขา ท่ีราบลูกฟูก และ ที่ราบชายฝ่ังทะเล 2. ลกั ษณะภูมิประเทศประกอบไปด้วยภูเขา ท่ีสูง และ ที่ราบแคบๆ ทางตอนบนในเขตจังหวัดปราจนี บุรีและ บริเวณชายฝ่ังทะเล 3. ภูเขาท่สี าคญั ในภาคตะวันออก ได้แก่ เทือกเขาจันทบุรี เทือกเขาบรรทดั ซ่ึงกนั เขตแดนระหว่างไทยกบั กมั พชู า 4. ลกั ษณะของหินส่วนใหญ่เป็ นหินแกรนิต หินช้ันและ หินบะซอลด์ ทาให้บริเวณนี้ โดยเฉพาะจงั หวดั จันทบุรี มีแร่ธาตุทม่ี ีค่า คือ แร่รัตนชาติ
5. นอกจากลกั ษณะภูมปิ ระเทศทเ่ี ป็ นเทือกเขาสูงแล้ว พืน้ ทสี่ ่วนใหญ่เป็ นทร่ี าบลกู ฟูก คือ เนินเขาเตีย้ ๆ สลบั กบั ทร่ี าบ 6. บางบริเวณมภี ูเขาอยู่ตดิ กบั ฝ่ังทะเล บางบริเวณ เป็ นทรี่ าบตดิ กบั ชายทะเลเป็ นบริเวณทมี่ ปี ระชากร อาศัยอยู่หนาแน่น 7. มชี ายหาดทส่ี วยงาม เช่น บางแสน พทั ยา 8. บริเวณชายฝั่งทะเลทเ่ี ว้าแหว่งเป็ นที่ล่มุ 9. บริเวณปากแม่นา้ ทพี่ ดั ตะกอนมาทบั ถม มกั จะเป็ นพืน้ ท่ี ป่ าชายเลน หรือป่ าโกงกางอยู่ทว่ั ไป 10. แม่น้าสายส้ันๆ ได้แก่ แม่น้าเวฬุ แม่น้าประแส แม่น้า จนั ทบุรี และแม่นา้ ระยอง
11. ชายฝ่ังทะเลจะมเี กาะขนาดเลก็ และใหญ่เรียงรายอยู่ เป็ นจานวนมาก ได้แก่ เกาะช้าง เกาะกูด เกาะสีชัง และ เกาะล้าน เป็ นต้น 12. ลกั ษณะชายฝั่งทะเลและเกาะ ทาให้ภูมภิ าคนี้ กลายเป็ น สถานทท่ี ่องเทย่ี วทางทะเลทมี่ ชี ่ือเสียงแห่งหน่ึงของ ประเทศไทย 13. มปี ริมาณฝนตกมาก โดยเฉพาะจนั ทบุรี และตราด ซึ่งมปี ระโยชน์ต่อการเพาะปลูก ประชาชนจงึ นิยมปลูก สวนผลไม้ เช่น เงาะ ลางสาด ทุเรียน และยงั สามารถ ปลกู ยางพาราได้เช่นเดยี วกบั ภาคใต้อกี ด้วย 14. บริเวณท่ีมีฝนน้อย เช่น ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา จะเป็ นแหล่งปลูกพืชไร่ คือ อ้อย และมันสาปะหลัง ซ่ึงเป็ น พืชเศรษฐกจิ ของประเทศ
6. ภาคใต้ 1. เป็ นภูมภิ าคทมี่ ภี ูเขาสูงเป็ นแกนกลางและพืน้ ทล่ี าดลงสู่ฝั่งทะเล ท้งั สองด้าน 2. ลกั ษณะของภาคใต้เป็ นคาบสมุทรแคบๆ ส่วนทแี่ คบทสี่ ุดอยู่ท่ี คอคอดกระ จังหวดั ระนอง 3. ประกอบด้วยทรี่ าบแคบมที ะเลขนาบอยู่ท้งั 2 ด้าน คือ ด้าน อ่าวไทยและด้านทะเลอนั ดามนั 4. มเี ทือกเขาภูเกต็ ทอดยาวจาก จ.ชุมพร ถงึ จ.พงั งา ถัดจากน้ัน เป็ นภูเขาหนิ ปูนเตีย้ ๆ ต่อจากเทือกเขาภูเกต็ คือเทือกเขา นครศรีธรรมราช จากจงั หวดั สุราษฏร์ธานี จนถงึ จังหวดั สตูล 5. ทางตอนใต้สุดเป็ นเทือกเขาสันกาลาครี ี กนั เป็ นเขตแดนระหว่างไทยกบั มาเลเซีย ทร่ี าบด้านตะวนั ออก จะกว้างกว่าทางด้านตะวนั ตก
ภาคใต้แบ่งออกได้เป็ น 2 บริเวณ คือ 6.1 บริเวณชายฝั่งด้านตะวันออกด้านอ่าวไทย เป็ นชายฝั่งยกตัวมีลักษณะราบเรียบมีบริเวณเขตน้า ตื้นกว้างขวางนับจากชายฝ่ังทะเลออกไป มีท่ีราบ ชายฝ่ังกว้างประมาณ 5–35 กโิ ลเมตร เริ่มจากจังหวัด ชุมพรถึงนราธิวาส ฝั่งทะเลเรียบและตื้นมีชายหาดที่ สวยงามหลายแห่ง มีแม่น้าสายส้ันๆ ไหลผ่านหลาย สายแม่เหล่าน้ันไหลลงสู่อ่าวไทย เช่น แม่น้าตาปี แม่น้าคีรีรัฐ แม่น้าปัตตานี แม่น้าโกลก บริเวณนี้ มี เกาะท่ีสาคัญ ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพงัน หมู่เกาะ อ่างทอง มีทะเลสาบภายในคือ ทะเลสาบสงขลา
ภาคใต้แบ่งออกได้เป็ น 2 บริเวณ คือ 6.2 บริเวณชายฝ่ังด้านตะวนั ตกท่ีติดกบั ทะเลอันดามัน เป็ นชายฝ่ังยุบตัว มีท่ีราบ ชายฝั่งแคบๆ ฝ่ังทะเลเว้าแหว่ง มีอ่าวและ เกาะแก่งต่างๆ มากมาย เช่น เกาะภูเก็ต เกาะ ตะรุเตา เกาะลันตา เกาะพระทอง เกาะยาว ใหญ่ แม่น้าในบริเวณนี้ ได้แก่ แม่น้ากระบุรี และแม่น้าตรัง บริเวณปาก แม่น้าจะเป็ นป่ า ชายเลนต้งั แต่พงั งาถงึ สตูล
ภาคใต้มีปริมาณน้าฝนมาก จึงทา ให้ภูมิภาคนี้ มีป่ าไม้ท่ีอุดมสมบรูณ์ โดยเฉพาะจังหวัดระนองมีฝนตกมาก ทสี่ ุด จากลกั ษณะดงั กล่าวทาให้ภาคใต้ เ ป็ น แ ห ล่ ง ท่ อ ง เ ที่ ย ว ที่ ส า คั ญ มี ทัศนียภาพที่สวยงาม โดยเฉพาะ ทัศนียภาพทางทะเล เป็ นแหล่งดึงดูด ความสนใจของนักท่องเทย่ี ว นารายได้ ให้แก่ประเทศเป็ นจานวนมาก
ลักษณะภมู อิ ากาศและฤดกู าลของประเทศไทย 1. ลกั ษณะภูมอิ ากาศของประเทศไทย ประเทศไทยน้ัน มีท่ีต้ังอยู่ในเขตร้อนใกล้เส้ น ศูนย์สูตร ทาให้ภูมิอากาศของประเทศมีลักษณะเป็ น แบบร้อน ทั่วประเทศมีอุณหภูมิเฉลี่ยระหว่าง 19-38 องศาเซลเซียส เป็ นเขตที่มีอุณหภูมิสูงตลอดปี พิสัย ของอุณหภูมริ ะหว่างฤดูร้อนหนาวมนี ้อย มีความชื้น สูง ลักษณะอากาศของประเทศไทยแบ่งออกเป็ น 3 ชนิด ดงั นี้
1.1 อากาศแบบป่ าฝนเมืองร้อนตลอดปี ป่ า ดงดิบ หรื ออากาศแบบศูนย์สูตร(Tropical RainForest หรือแบบ AF) ไดแ้ ก่ ชายฝั่งดา้ น ตะวนั ออกของคาบสมุทรภาคใตซ้ ่ึงอยใู่ กลเ้ ส้น ศูนยส์ ูตร และไดร้ ับอิทธิพลของลมมรสุม 2 ฤดู คือ บริเวณชุมพร สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ใน บริเวณน้ี ต้งั แต่ชุมพรลงไปจะมีปริมาณฝนตก สูงมากทุกเดือนๆ ละไม่ต่ากวา่ 2.4 นิ้ว/ปี
1.2 อากาศแบบมรสุมเมืองร้อน (Tropical Monsoon หรือ AM) ลกั ษณะอากาศแบบน้ี มี 2 บริเวณ คือ 1.2.1 บริเวณชายฝ่ังตะวนั ตกของคาบสมุทร ภาคใต้ คือ ระนอง และภเู กต็ 1.2.2 บริเวณชายฝ่ังตะวนั ออกเฉียงใตข้ องไทย คือ จนั ทบุรี ตราด บริเวณท้งั 2 เขตน้ี มีลกั ษณะอากาศแบบน้ี เพราะ มีภูเขาต้ังรับลมท่ีพดั มาจากทะเล ทาให้มีฝนตกมาก ปริมาณฝนบางคร้ังมากกว่าแบบ AF แต่จะมีบางเดือนที่ มีฝนนอ้ ยกวา่ 2.4 นิ้ว
1.3 อากาศแบบฝนเมืองร้อนเฉพาะฤดู แบบ ท่งุ หญ้าเมืองร้อน (Tropical Savanna หรือ AW) บริเวณต้งั แต่ หัวหินข้ึนไปจนถึงเหนือสุดของ ประเทศ ไดแ้ ก่ บริเวณภาคกลาง ภาคเหนือ และ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ฉะน้นั พ้ืนที่ส่วนใหญ่ ของประเทศจึงมีอากาศแบบน้ี คือ มีฤดูฝนและ ฤดูแลง้ ที่แตกต่างกนั อย่างเห็นไดช้ ดั พืชพรรณ ธรรมชาติที่ข้ึนเป็ นทุ่งหญา้ ป่ าโปร่งแบบป่ าไม้ ผลดั ใบ
Search
Read the Text Version
- 1 - 32
Pages: