44 กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดบั การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน สมรรถนะหลกั ด้านทกั ษะอาชพี และการเปน็ ผ้ปู ระกอบการ (Career Skills and Entrepreneurship) ระดับ สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะท่ี 4 สมรรถนะที่ 5 สมรรถนะท่ี 6 การรจู้ กั และคน้ พบตนเอง การจดั การ การมงุ่ เนน้ ผลลพั ธ ์ การตลาด การจดั การทรพั ยากร การเงนิ และบญั ชี ตอ่ ความเปลยี่ นแปลง ระดบั 1 คำอธบิ าย รจู้ กั ตนเอง และแสดง รจู้ กั ตนเอง แสดงความ ทำงานด้วยความเอาใจใส่ ตั้งเป้าหมายในการทำงาน แสดงความคิดรเิ รม่ิ ใชท้ รัพยากรในการผลิต ร้คู วามหมายและคา่ ของ ความสนใจเกย่ี วกบั อาชพี ของ สนใจในอาชพี ทต่ี นเอง มีความเพียร อดทน และต้งั ใจทำงานได้สำเรจ็ สรา้ งสรรค์ ผา่ นการทำงาน ชน้ิ งานง่าย ๆ และทำงาน เงนิ การใชจ้ า่ ยเงินและ ตนเองในอนาคต มีเจตคต ิ รู้จัก และมีเจตคตทิ ่ดี ีตอ่ พยายามทำงานใหส้ ำเร็จ ตามเป้าหมายทค่ี ดิ ไว ้ จากกจิ กรรมงานศิลปะ อยา่ งเหน็ คณุ คา่ ของ การออมง่าย ๆ รวู้ ่าเงิน ทดี่ ีตอ่ อาชพี สจุ รติ และ การประกอบอาชพี สจุ รติ และดีทส่ี ดุ ตามความ ดนตรี นาฏศลิ ป์ ทรพั ยากรดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม มาจากการทำงาน แสดง คุณลกั ษณะนสิ ัยทดี่ ี สามารถ การประดิษฐ์ หตั ถกรรม ทดี่ ี เกดิ ประโยชน์ และ ความคิดเหน็ เกี่ยวกบั ในการทำงาน มเี ปา้ หมาย การเล่น การใชส้ ื่อและ เพอ่ื เปน็ พนื้ ฐานการทำงาน อาชีพอย่างงา่ ย ๆ โดยใช้ ในการทำงาน และพยายาม เทคโนโลยี ของผปู้ ระกอบการท่ดี ี เหตุผล และความ ทำงานใหส้ ำเรจ็ ตามเปา้ หมาย พอประมาณตามวยั มที ักษะ มีความเพยี ร ความอดทน ความซื่อสัตย์ และความรบั ผดิ ชอบ มที กั ษะ พน้ื ฐานด้านการเงนิ ท้ังดา้ น การใชจ้ า่ ยและการออม และ สามารถแสดงความคดิ สรา้ งสรรคผ์ า่ นกจิ กรรมตา่ ง ๆ
45กรอบสมรรถนะหลกั ของผูเ้ รียนระดบั การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน สมรรถนะหลักดา้ นทักษะอาชพี และการเปน็ ผูป้ ระกอบการ (Career Skills and Entrepreneurship) ระดบั สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะท่ี 4 สมรรถนะที่ 5 สมรรถนะท่ี 6 การรจู้ กั และคน้ พบตนเอง การจดั การ การมงุ่ เนน้ ผลลพั ธ์ การตลาด การจดั การทรพั ยากร การเงนิ และบญั ชี ตอ่ ความเปลย่ี นแปลง ระดบั 2 คำอธิบาย แสดงความสนใจ ความถนัด แสดงความสนใจของ ทำงานด้วยความเอาใจใส่ กำหนดเปา้ หมายทีเ่ ป็น ประยุกตใ์ ช้ความรู้ และ คดิ วางแผน การผลติ สนิ คา้ รคู้ า่ ของเงนิ การใชจ้ า่ ยเงนิ ของตนเองเก่ยี วกบั อาชีพ ตนเองเกี่ยวกับอาชพี แสดงความคดิ แกป้ ัญหา ไปได้ วางแผน สร้างสรรค์ ทกั ษะพนื้ ฐาน คดิ สรา้ งสรรค์ และการบริการ ประยกุ ต์ การออม และจัดทำบญั ชี มเี จตคตแิ ละคณุ ลกั ษณะนสิ ยั อย่างสมเหตุสมผล และ การทำงานเหมาะสมกับ ผลงาน แกป้ ญั หา พฒั นา มองเหน็ โอกาสทเี่ ปน็ ไปได ้ ใช้ทรัพยากรอย่างคมุ้ คา่ รบั -จา่ ยครอบครัว เพอ่ื ทดี่ ใี นการทำงาน ตงั้ เปา้ หมาย มีเจตคติท่ีดีตอ่ การ การเปล่ียนแปลงใน งานและประยกุ ตใ์ ช้ความ ในการจดั จำหนา่ ย การสรา้ ง เพ่อื สรา้ งสิ่งแวดลอ้ มที่ดี ประโยชนต์ ่อตนเองและ วางแผน และพฒั นาการ ประกอบอาชพี สจุ รติ สถานการณ์ต่าง ๆ รเู้ พอ่ื ใหบ้ รรลเุ ป้าหมายใน รายได้ และพฒั นาตอ่ ยอด เกิดประโยชนส์ งู สดุ ต่อ ครอบครวั เป็นพนื้ ฐาน ทำงานใหส้ ำเรจ็ ตามเปา้ หมาย มคี วามอดทน ซ่ือสัตย์ การทำงานและการบรกิ าร สนู่ วตั กรรม เพอ่ื เปน็ พน้ื ฐาน ตนเอง และชุมชน เพอื่ การประกอบอาชีพ สามารถประยกุ ต์ ใช้ความรู้ เพยี รพยายามทำงาน ทกี่ ำหนด การประกอบอาชีพ เปน็ พนื้ ฐานการเป็น โดยยึดหลกั ปรัชญาของ ทักษะ คิดสร้างสรรคส์ ินคา้ ทีเ่ ปน็ พ้ืนฐานงา่ ย ๆ ผปู้ ระกอบการที่ด ี เศรษฐกจิ พอเพียง การบรกิ าร และพฒั นาตอ่ ยอด ในการประกอบอาชีพ สนู่ วตั กรรมเพอื่ การประกอบ ให้สำเรจ็ อาชีพ มีพ้นื ฐานการเปน็ ผู้ประกอบการท่ดี ี ท้งั ดา้ น การเงิน-บญั ชีการใช้จ่ายและ การออมเพอ่ื ประโยชน์ต่อ ตนเอง ครอบครัว โดยยดึ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
46 กรอบสมรรถนะหลักของผ้เู รยี นระดบั การศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน สมรรถนะหลักดา้ นทักษะอาชพี และการเป็นผ้ปู ระกอบการ (Career Skills and Entrepreneurship) ระดับ สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะท่ี 4 สมรรถนะท่ี 5 สมรรถนะที่ 6 การรจู้ กั และคน้ พบตนเอง การจดั การ การมงุ่ เนน้ ผลลพั ธ ์ การตลาด การจดั การทรพั ยากร การเงนิ และบญั ช ี ตอ่ ความเปลย่ี นแปลง ระดบั 3 คำอธบิ าย การคน้ พบความชอบและ คน้ พบความชอบและ ทำงานดว้ ยความ เอาใจใส่ แสวงหาความรแู้ ละโอกาส ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ และ คดิ วางแผน การผลติ สนิ คา้ คิดรอบคอบ ด้านการเงนิ ความถนดั ของตนเองเกยี่ วกบั ความถนัดเก่ียวกบั อาชีพ แสดงความคดิ แก้ปัญหา ทางอาชีพเพอ่ื การกำหนด ทกั ษะพนื้ ฐาน คดิ สรา้ งสรรค์ และการบรกิ าร ประยุกต์ การทำบญั ชี การรับ-จา่ ย อาชีพ แสวงหาความร้แู ละ ทีเ่ หมาะสมกับตนเองใน ใชเ้ หตผุ ลและมกี ารตดั สนิ ใจ เปา้ หมาย ทีเ่ ป็นไปได้และ บรกิ ารท่ีแปลกใหม่ ใชท้ รพั ยากรทมี่ อี ยอู่ ยา่ ง เพ่ือการอาชพี งา่ ย ๆ และ โอกาสเพ่อื ตง้ั เป้าหมาย อนาคต มีความอดทน ท่ีดี มีความมุง่ มน่ั เพียร นำมาใช้วางแผน และ นา่ สนใจ มองเห็นโอกาส คมุ้ คา่ ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ มทด่ี ี การออมเพื่อประโยชน ์ วางแผน และพัฒนา ม่งุ มน่ั ในการทำงานให้ พยายามทำงานเพอ่ื แกป้ ัญหา พฒั นางาน ทเี่ ป็นไปได้ในการจัด เกดิ ประโยชนส์ ูงสุดตอ่ ตอ่ ตนเองและครอบครัว การทำงานใหส้ ำเร็จ มีเจตคติ สำเร็จ และพร้อมรับตอ่ การประกอบอาชพี ให้ อยา่ งเปน็ ระบบ เพื่อให้ จำหน่าย การสรา้ งรายได้ ชมุ ชน สงั คมและประเทศ เปน็ พื้นฐานการเปน็ และคุณลกั ษณะนิสยั ทดี่ ี ความลม้ เหลวทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ สำเรจ็ ดว้ ย บรรลเุ ปา้ หมายในการ และพัฒนาตอ่ ยอดสู่ เพ่อื เปน็ พนื้ ฐานการเปน็ ผปู้ ระกอบการทีด่ ีโดยยดึ ในการทำงาน ปรบั ตวั ทนั ตอ่ มคี ณุ ธรรมในการประกอบ ทำงาน และมคี ณุ ลักษณะ นวตั กรรม เพอื่ เปน็ พน้ื ฐาน ผปู้ ระกอบการทีด่ ี หลกั ปรชั ญาของ การเปลยี่ นแปลง และ อาชพี และมเี จตคติท่ดี ีต่อ นสิ ัยท่ดี ีในการทำงาน การเปน็ ผู้ประกอบการที่ดี เศรษฐกจิ พอเพยี ง บรหิ ารจัดการเงนิ และบญั ชี การประกอบอาชีพสจุ ริต ทรพั ยากรในการทำงาน ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ ทกั ษะ สรา้ งนวัตกรรม สรา้ งคุณคา่ ในการประกอบอาชพี และ การเปน็ ผปู้ ระกอบการท่ดี ี เพอ่ื ประโยชน์ตอ่ ตนเอง ครอบครวั และสงั คม โดยยดึ หลกั ปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง
47กรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รียนระดับการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน สมรรถนะหลกั ด้านทกั ษะอาชีพและการเปน็ ผปู้ ระกอบการ (Career Skills and Entrepreneurship) ระดบั สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะที่ 4 สมรรถนะที่ 5 สมรรถนะท่ี 6 การรจู้ กั และคน้ พบตนเอง การจดั การ การมงุ่ เนน้ ผลลพั ธ์ การตลาด การจดั การทรพั ยากร การเงนิ และบญั ชี ตอ่ ความเปลยี่ นแปลง ระดับ 4 คำอธบิ าย วเิ คราะห์ตนเอง ตดั สนิ ใจ วิเคราะห์ตนเอง ตดั สนิ ใจ ทำงานดว้ ยความ เอาใจใส่ ปฏบิ ตั งิ านดา้ นอาชพี อยา่ ง ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ และ คิดวางแผนการผลติ สินคา้ รอบรดู้ ้านการเงินโดย เลอื กอาชพี สุจริตตามความ เลือกอาชพี ตามความ แสดงความ คดิ แก้ปญั หา มุ่งม่นั อดทน รบั ผิดชอบ ทกั ษะพน้ื ฐาน คดิ สรา้ งสรรค์ และการบรกิ าร การใช้ ศกึ ษาขอ้ มลู และจัดทำ สนใจและความถนัดของ สนใจและความถนัดของ ใชเ้ หตผุ ลและมกี ารตดั สนิ ใจ มคี วามเพียรพยายาม บริการที่แปลกใหม ่ และสร้างทดแทน แผนการเงิน การทำบญั ชี ตนเอง แสวงหาความรสู้ ร้าง ตนเอง ในอนาคตอยา่ ง ทด่ี ีทำงานด้วยความ ในการทำงาน เพอ่ื ใหบ้ รรล ุ มีรูปแบบทน่ี ่าสนใจ ทรพั ยากรทม่ี อี ยอู่ ยา่ งคมุ้ คา่ การรับ-จา่ ย เพื่อการ องค์ความรู้ มเี ป้าหมาย สมเหตสุ มผล มคี วามอดทน เอาใจใส่ มคี วามคิดแก้ ผลลัพธท์ คี่ าดหวังของตน มองเหน็ โอกาสทเี่ ปน็ ไปได ้ ค้มุ ทนุ เกิดประโยชน์ ประกอบอาชพี เพอื่ ประโยชน ์ วางแผน และพฒั นาการทำงาน ม่งุ มัน่ ในการทำงานให้ ปัญหาแสวงหาความรู้ มีจรรยาบรรณและความ ในการจัดจำหนา่ ย สูงสดุ ต่อส่งิ แวดลอ้ มของ ตอ่ ตนเอง ครอบครัว ใหส้ ำเรจ็ มีทักษะ เจตคติ สำเร็จ และพร้อมรับ สรา้ งองคค์ วามรู้ใหม่ ๆ รบั ผิดชอบตอ่ สังคมใน การสรา้ งรายได้ และ ชุมชน สงั คม และโลก สงั คม ประเทศ และโลก และคณุ ลกั ษณะนสิ ัยทีด่ ีใน ตอ่ ความลม้ เหลวที่อาจ เพื่อปรับตวั ได้ทันตอ่ การ ฐานะ ผู้ประกอบการท่ดี ี พฒั นาตอ่ ยอดสู่การสรา้ ง เพือ่ เปน็ พน้ื ฐานในการ มีพน้ื ฐานการเปน็ การทำงาน ปรับตวั ทันตอ่ เกดิ ขนึ้ มีคณุ ธรรมในการ เปลี่ยนแปลงทางอาชีพ นวัตกรรมในการประกอบ เป็นผปู้ ระกอบการทีด่ ี ผู้ประกอบการทดี่ โี ดย การเปลย่ี นแปลงสามารถ ประกอบอาชพี และมี กำหนดเปา้ หมายการ อาชพี ทเ่ี ปน็ ประโยชน ์ ยึดหลักปรชั ญาของ ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ มที กั ษะ เจตคตทิ ด่ี ตี อ่ การประกอบ ทำงาน วางแผน จดั เรียง ต่อตนเอง ครอบครัว เศรษฐกจิ พอเพยี ง พนื้ ฐานในการเปน็ ผปู้ ระกอบ อาชพี สุจริต ลำดับความสำคัญของ สังคม และโลก การท่ีดี สามารถคิดสร้างงาน งานและบรหิ ารเวลาอยา่ ง สร้างนวัตกรรมในการ มีประสทิ ธภิ าพ ประกอบอาชีพ ทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ ตนเอง ครอบครวั สงั คมและโลก โดยยดึ หลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง
48 กรอบสมรรถนะหลกั ของผูเ้ รียนระดับการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน 3. สมรรถนะหลกั ดา้ นการคดิ ขั้นสูงและการพัฒนานวัตกรรม (Higher - Order Thinking Skills and Innovation Development) HOTS: Critical Thinking, Problem solving, Creative Thinking ทักษะการคิด คือความสามารถในการดำเนินการคิด เพ่ือให้ได้คำตอบหรือผลลัพธ์ท่ีต้องการ เม่ือบุคคลได้รับส่ิงเร้าหรือข้อมูลต่าง ๆ เข้ามา สมองจะมี กระบวนการในการจดั กระทำต่อสิ่งเรา้ นนั้ ในลกั ษณะต่าง ๆ กัน เกิดเปน็ กระบวนการคิดท่หี ลากหลาย ซึ่งจัดจำแนกได้เปน็ กลุ่มสำคญั 3 กลมุ่ ไดแ้ ก่ 1) ทกั ษะการคดิ พ้นื ฐาน (basic thinking skills) คือ ทักษะการคิดทโ่ี ดยมากใชใ้ นการส่อื ความหมายหรือการติดต่อสื่อสารกันในชวี ติ ประจำวัน เชน่ ทกั ษะการรบั รู้ ทกั ษะการฟงั อ่าน พูด เขียน ทกั ษะการจำ การเก็บความรู้ การนำความรมู้ าใช้ การอธิบาย 2) ทักษะการคดิ ทเ่ี ปน็ แกนสำคัญ (core thinking skills) คอื ทกั ษะทีเ่ ปน็ หลกั ใช้เปน็ ฐาน ในการคิดทั่ว ๆ ไป มีลักษณะไม่ซับซ้อนมาก เช่น ทักษะการสังเกต การเปรียบเทียบ การจัดกลุ่ม จัดประเภท การแปลความ ขยายความ การเช่ือมโยง การสรุป 3) ทักษะการคิดขนั้ สูง (higher order thinking skills) คือ ทกั ษะการคิดทม่ี คี วามซับซ้อนมากขึ้น มักประกอบด้วยกระบวนการหรอื ขนั้ ตอนทซ่ี ับซอ้ น ตอ้ งอาศัยทักษะ การสื่อสารและทักษะการคิดที่เป็นแกนหลากหลาย ทักษะในแต่ละข้ัน เช่น ทักษะการนิยาม การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การหาแบบแผน การจัดระบบ โครงสร้าง การสรา้ ง การคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ เพอื่ ให้ไดค้ ำตอบหรือบรรลวุ ัตถุประสงคท์ ่ตี ้องการ เชน่ การตดั สินใจ การแก้ปญั หาตา่ ง ๆ สมรรถนะหลักด้านการคิดขั้นสูงและการพัฒนานวัตกรรม (Higher Order Thinking Skills and Innovation Development: HOTS) หมายถึง การคิดทีม่ ีความซบั ซ้อนประกอบดว้ ยกระบวนการหรอื ขนั้ ตอนของการคดิ หลายข้ันตอน ในแตล่ ะขน้ั ตอนต้องอาศยั ทกั ษะการส่ือสารและทักษะ การคดิ ทเ่ี ปน็ แกนหลาย ทักษะ เพอ่ื ใหไ้ ดค้ ำตอบหรือบรรลวุ ัตถุประสงคท์ ต่ี อ้ งการ เช่น การตัดสนิ ใจ การแก้ปญั หา การสร้างสรรคส์ งิ่ ใหม่ ในที่นี้ กำหนดเป็นสมรรถนะ 5 ดา้ น ได้แก่ การสืบสอบ เป็นกระบวนการคิดที่มุ่งการสืบเสาะหาความรู้จากสิ่งที่ตนเองสงสัยใคร่รู้ โดยการตั้งคำถาม สำรวจ ตรวจสอบ และลงข้อสรุป เพ่ือให้ได้คำตอบ ในเรื่องท่อี ยากรจู้ ากปรากฏการณร์ อบตัว
49กรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรียนระดบั การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน การคิดอย่างมีวิจารณญาณ เป็นกระบวนการคิดที่มุ่งไปที่การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล เหตุผล และหลักฐานของเร่ืองท่ีพิจารณาว่ามี ความน่าเชื่อถือ เพยี งใด มปี ระเด็นอะไรท่ีเป็นจุดออ่ น สามารถโต้แย้งไดโ้ ดยมหี ลกั ฐานสนับสนุน ซ่งึ ผลการวิพากษแ์ ละประเมนิ ข้อมลู นจ้ี ะเปน็ ขอ้ มูลสำคญั ที่นำไปพจิ ารณาร่วมกับข้อมูล ด้านอ่ืน ๆ เช่นความเหมาะสมตามหลักกฎหมาย ศีลธรรม คุณธรรม ค่านิยม ความเชื่อและบรรทัดฐานทางสังคมและวัฒนธรรม อันจะนำไปสู่การตัดสินใจอย่างม ี วิจารณญาณ การคิดแก้ปัญหา เป็นกระบวนการคิดที่มุ่งไปที่ความเข้าใจเหตุและผลของปัญหา การแก้ปัญหาให้ได้ผลจะต้องหาต้นเหตุของปัญหาน้ัน และขจัดท่ีเหตุซ่ึงต้อง อาศัยวิธีการที่เหมาะสม เม่ือได้วิธีการที่น่าจะดีที่สุดแล้ว ก็ต้องวางแผนดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ันอย่างเป็นลำดับขั้นตอน และลงมือทำตามแผนน้ัน เก็บและวิเคราะห์ ข้อมลู สรปุ ผล ปรับปรงุ จนบรรลุผลตามเปา้ หมายทีต่ อ้ งการ การคิดสร้างสรรค์ เป็นกระบวนการคิดที่มุ่งนำเสนอความหลากหลาย ริเริ่ม การประเมินปรับปรุงและพัฒนาต่อยอดความคิด เพื่อการแก้ปัญหาหรือสร้าง ทางเลือกท่ีมีประสิทธิภาพ การสร้างความก้าวหน้าในความรู้ หรือการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ โดยอาศัยจินตนาการและทักษะพ้ืนฐานด้านการคิดริเร่ิม คิดคล่อง คดิ ยดื หย่นุ คิดละเอยี ดลออ คดิ หลากหลาย คดิ วิเคราะห์และสังเคราะห์ เพ่ือใหไ้ ดส้ ง่ิ ใหม่ทด่ี กี วา่ แตกต่างไปจากเดมิ มีประโยชน์ และมีคณุ ค่าต่อตนเอง ผอู้ ืน่ และสงั คม มากกวา่ เดมิ ซึ่งสง่ิ ใหม่ในทนี่ ีอ้ าจเป็นการปรบั หรือประยุกตส์ ง่ิ เดิมให้อย่ใู นรูปแบบใหม่ หรอื เปน็ การต่อยอดจากส่งิ เดมิ หรือเป็นการริเร่มิ ส่ิงใหมข่ ึน้ มาทง้ั หมด สำหรับการพัฒนานวัตกรรมน้ันเป็นสมรรถนะในการออกแบบและดำเนินงานตามกระบวนการพัฒนานวัตกรรมตั้งแต่การวางแผน การระบุปัญหา การกำหนด วัตถุประสงค์ การศึกษาขอ้ มูล การรา่ ง การประดิษฐ์ การใช้ การประเมิน การปรับปรุง และการเผยแพร่ จนไดน้ วัตกรรม ซ่ึงในความหมายสำหรบั ผูเ้ รียนระดับการศกึ ษา ขั้นพื้นฐาน หมายถึง ส่ิงประดิษฐ์ แนวคิด วิธีการ หรือกระบวนการใหม่ที่ได้พัฒนาข้ึนตามแนวคิดหรือหลักการต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะท่ีสอดคล้องกับ ความต้องการจำเป็นหรือสภาพปัญหาในบริบทหน่ึง ๆ ผ่านกระบวนการพัฒนานวัตกรรมอย่างเป็นระบบ จนได้ผลงานท่ีสร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ สามารถนำไปใช ้ แก้ปัญหา พัฒนางาน หรือนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ซึ่งผลงานดังกล่าวได้รับการยอมรับและนำไปใช้ในบริบทใดบริบทหน่ึง โดยยังไม่ได้ใช้อย่างเป็นปกติในบริบท น้ัน ๆ สมรรถนะการพัฒนานวัตกรรมน้ีมีพ้ืนฐานมาจากการสืบสอบ การคิดวิจารณญาณ การคิดแก้ปัญหา และการคิดสร้างสรรค์ ด้วยเหตุนี้เอง ความสามารถหรือ ทักษะพ้ืนฐานที่เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนานวัตกรรมจึงปรากฏอยู่ทั้งในส่วนของการคิดวิจารณญาณ การคิดแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ ท้ังน้ี ความคิดสร้างสรรค์ ในที่น้ีจะมีความแตกต่างไปจากการพัฒนานวัตกรรม ตรงท่ีความคิดสร้างสรรค์จะมุ่งเน้นที่ความสามารถในการคิด ในขณะท่ีการพัฒนานวัตกรรมจะมุ่งเน้นที่ความ สามารถในการดำเนินงานตามกระบวนการพัฒนานวัตกรรมโดยสามารถนำเสนอหรือสร้างผลผลิตทางความคิดท่ีชัดเจนเป็นรูปธรรมและได้รับการยอมรับว่าเป็น นวัตกรรมได้
50 กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรยี นระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน สมรรถนะหลักดา้ นทักษะการคดิ ขน้ั สงู และนวตั กรรม (Higher - Order Thinking Skills and Innovation Development) HOTS: Critical Thinking, Problem solving, Creative Thinking ระดบั สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะที่ 4 สมรรถนะท่ี 5 การสบื สอบ การคดิ วิจารณญาณ การคดิ แก้ปญั หา การคิดสรา้ งสรรค ์ การพัฒนานวตั กรรม ระดบั 1 คำอธบิ าย สามารถใชก้ ารคดิ เปน็ เครอ่ื งมอื ในการใชช้ วี ิต ใช้การคิดอย่าง มเี หตผุ ลกอ่ นท่จี ะกระทำหรอื 1. ตง้ั คำถามเกีย่ วกับ 2. สรปุ ความเข้าใจของตน 3. ระบปุ ัญหาอย่างง่ายท ่ี 5. บอกเล่าความคดิ ของ 6. ใช้ความคดิ ของตนเอง ไมก่ ระทำการใด ๆ โดยทกุ ครง้ั สง่ิ ตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั และแสดงความคิดเห็น ไม่ซับซ้อน บอกความ ตนเองหรอื จนิ ตนาการ หรือจนิ ตนาการออกแบบ ท่ใี ชก้ ารคิดจะรบั ร้สู ง่ิ ที่กำลงั คดิ วิธกี ารหาคำตอบ อยา่ งมีเหตุผลเกี่ยวกบั ทแี่ ปลกใหม่ไปจาก สิง่ ประดิษฐ์ทีส่ ามารถ คิด ทบทวนสิง่ ทก่ี ำลงั คิดเพื่อ เรอื่ งน้ันไดจ้ ากการต้ัง เก่ียวข้องระหว่างปัญหา สิ่งรอบตัว ค้นหาเหตผุ ลหรือปัญหา/ โดยใชป้ ระสาทสมั ผสั ทง้ั 5 คำถาม การฟงั /อา่ นขอ้ มลู น้ันกบั ตนเอง คดิ หา นำไปใชจ้ รงิ ในชวี ติ ประจำวนั สาเหตุของปัญหา เพอื่ ใหไ้ ด้ หรอื เครอ่ื งมอื ในการสำรวจ เรือ่ งราวทไี่ มม่ คี วามสลับ สาเหตุและวิธกี ารแก้ไข ข้อสรปุ ที่เป็นขอ้ ความรสู้ ู่ ตรวจสอบ เก็บรวบรวม ซบั ซอ้ นซงึ่ ตอ้ งอาศยั การ ที่มคี วามเปน็ ไปไดจ้ ริง การคิดตดั สนิ ใจ/การปฏิบัติ ข้อมลู และสรปุ ข้อมลู จำแนกระหวา่ งขอ้ เทจ็ จรงิ ในทางปฏิบตั ิ บนฐานของเหตผุ ลหรอื ได้ เพ่อื ตอบคำถามนนั้ และข้อคดิ เหน็ 4. ลงมอื แก้ปญั หาดว้ ย แนวทางแกไ้ ขปัญหาท่ปี ฏบิ ตั ิ ตนเอง ด้วยวธิ ีการ ไดจ้ ริงจนสามารถแกไ้ ขปัญหา 3. อธิบายเหตผุ ลและความ อย่างงา่ ยจนปญั หาได้รบั ได้ผลสำเร็จ นำแนวทางแก้ไข เหมาะสมในการตัดสินใจ การแก้ไข ปัญหาดงั กล่าวมาสรา้ งสรรค์ ในเรื่องต่าง ๆ ในชวี ิต จนเกิดเป็นความใหมห่ รอื ประจำวันของตน สิ่งประดิษฐอ์ ย่างงา่ ย
51กรอบสมรรถนะหลักของผ้เู รียนระดบั การศกึ ษาข้ันพื้นฐาน สมรรถนะหลักดา้ นทักษะการคิดขั้นสูงและนวตั กรรม (Higher - Order Thinking Skills and Innovation Development) HOTS: Critical Thinking, Problem solving, Creative Thinking ระดับ สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะที่ 4 สมรรถนะที่ 5 การสืบสอบ การคดิ วิจารณญาณ การคิดแกป้ ญั หา การคดิ สร้างสรรค์ การพฒั นานวตั กรรม ระดบั 2 คำอธิบาย สามารถใชก้ ารคดิ เปน็ เครอื่ งมอื ในการเรียนรู้และการใชช้ วี ติ ใชก้ ารคิดให้รอบคอบก่อนที่ 1. ตง้ั คำถามที่นำไปสู่การ 2. สรปุ ความเข้าใจของตน 4. ระบปุ ญั หาที่ซับซ้อน 6. แสดงความคิดในเร่อื ง 7. ใชค้ วามคดิ หรอื จนิ ตนาการ จะกระทำหรือไม่กระทำการ ออกแบบการสำรวจ และแสดงความคดิ เหน็ บอกความเก่ียวขอ้ ง ตา่ ง ๆ บอกเล่าความคิด ออกแบบนวตั กรรมเพื่อ ใด ๆ บนฐานของขอ้ มูลท่ี ตรวจสอบ และดำเนิน อยา่ งมเี หตุผลเกี่ยวกบั ระหวา่ งปัญหากับตนเอง จนิ ตนาการหรอื ความคดิ แก้ปญั หาหรอื เพือ่ นำไป เพยี งพอ โดยทกุ ครั้งทีใ่ ช้การ การสำรวจตรวจสอบด้วย เรื่องนั้นได้จากการ และผู้อน่ื คดิ หาสาเหตุ ของตนเองท่ีแปลกใหมไ่ ป ใช้ได้จริงในชวี ติ ประจำวนั คดิ จะกำหนดเป้าหมายหรอื วธิ กี ารที่ออกแบบไวโ้ ดย ตัง้ คำถาม การฟงั /อ่าน และวิธีการแก้ไขปัญหาท่ี จากสิ่งรอบตวั ของตนเอง โดยนวัตกรรมน้ัน ผลผลิตของสงิ่ ที่กำลงั คดิ ใช้เครอ่ื งมือชว่ ยในการ ข้อมลู เรอื่ งราวทีม่ ี หลากหลายและมคี วาม และบรบิ ทแวดลอ้ ม และ ประมวลขอ้ มลู และองคป์ ระกอบ สำรวจตรวจสอบและ เปน็ ไปไดจ้ ริงในทาง ตอ่ ยอดความคดิ ของตนเอง ตอบสนองความต้องการ ของสง่ิ ทกี่ ำลงั คดิ เพอ่ื วเิ คราะห ์ สรุปเพื่อตอบคำถาม หลากหลายมุมมองซึ่ง ปฏบิ ตั ิ และคาดเดาผลท่ี จำเป็นหรือสภาพปญั หา เหตแุ ละผลหรือปัญหา/ ตอ้ งอาศัยการวเิ คราะห์ จะเกดิ ข้ึนจากวิธีการ ใหแ้ ตกตา่ งไปจากเดิม ในบรบิ ท สาเหตุของปัญหาจากข้อมลู และการตีความ แก้ไขปญั หาเหล่านนั้ และหลักฐานต่าง ๆ เพ่ือให้ได้ ข้อสรุปที่เปน็ ขอ้ ความรสู้ ู ่ 3. อธิบายเหตผุ ลของการ 5. ลงมอื แกป้ ญั หาดว้ ยตนเอง การคดิ ตัดสินใจ/การปฏิบตั ิ ตัดสนิ ใจในเรื่องต่าง ๆ ใน ด้วยวิธีการท่ีคัดเลอื กไว้ บนฐานของเหตผุ ล หรือไดช้ ดุ ชวี ติ ประจำวันของตน ของแนวทางแกไ้ ขปัญหาที่ และบอกไดว้ า่ การตดั สนิ ใจ และดำเนินการตามข้นั เป็นระบบ เลือกแนวทาง ของตนมคี วามเหมาะสม ตอนของวธิ กี ารจนปัญหา แก้ไขปัญหาหรอื ทางออกท่ี โดยสามารถระบุหลักฐาน ไดร้ บั การแก้ไข เหมาะสม และนำแนวทาง สนับสนุนความคดิ ได ้ แกไ้ ขปัญหาดงั กล่าวมา
52 กรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรยี นระดับการศึกษาข้นั พื้นฐาน สมรรถนะหลักดา้ นทกั ษะการคิดข้นั สูงและนวตั กรรม (Higher - Order Thinking Skills and Innovation Development) HOTS: Critical Thinking, Problem solving, Creative Thinking ระดบั สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะที่ 4 สมรรถนะท่ี 5 การสืบสอบ การคดิ วิจารณญาณ การคดิ แก้ปญั หา การคิดสรา้ งสรรค์ การพัฒนานวตั กรรม สร้างสรรคจ์ นเกดิ นวัตกรรม ทีน่ ำไปใช้ไดจ้ ริง รวมท้งั สามารถสอ่ื สารใหผ้ ้อู ่นื เขา้ ใจ ในความคดิ และผลงานของตนได ้ ระดับ 3 คำอธิบาย สามารถใชก้ ารคดิ เปน็ เครอื่ งมอื ในการเรยี นร้แู ละการใช้ชีวติ ใช้การคิดให้รอบคอบก่อนท่ี 1. ตงั้ คำถามทีส่ ามารถนำไป 2. สรปุ ความเขา้ ใจของตน 4. ระบุปัญหาทย่ี ากและ 6. แสดงความคดิ ในเรอื่ ง 7. ใชค้ วามคดิ หรอื จนิ ตนาการ จะกระทำหรือไม่กระทำการ ส่กู ารสำรวจตรวจสอบ และแสดงความคดิ เห็น ซบั ซอ้ น บอกความเกย่ี วขอ้ ง ตา่ ง ๆ บอกเลา่ ความคิด ออกแบบนวตั กรรมและ ใด ๆ บนฐานของขอ้ มลู ท่ี ออกแบบและประเมนิ อยา่ งมีเหตผุ ลเกีย่ วกับ ระหวา่ งปญั หากบั ตนเอง จินตนาการหรือความคิด นำไปใชจ้ รงิ ในชวี ติ ประจำวนั เพียงพอ โดยทุกครัง้ ท่ีใช้ เลือกแนวทางท่อี อกแบบ เรอื่ งนน้ั ไดจ้ ากการตงั้ คำถาม ผู้อน่ื และสงั คม คิดหา ของตนเองท่แี ปลกใหม่ไป โดยนวตั กรรมนน้ั ตอบสนอง การคดิ จะกำหนดเป้าหมาย เพ่อื รวบรวมขอ้ มูล สาเหตุและวิธีการแกไ้ ข จากสง่ิ รอบตวั ของตนเอง ความต้องการจำเปน็ หรอื หรือผลผลติ ของสิง่ ท่ีกำลงั คิด สารสนเทศ โดยใชว้ สั ดุ การฟงั /อา่ นขอ้ มลู เรอื่ งราว ปญั หาทห่ี ลากหลายและ และบริบทแวดลอ้ ม สภาพปญั หาในบรบิ ท ประมวลขอ้ มลู และองคป์ ระกอบ อปุ กรณ์และเครือ่ งมือ ทม่ี หี ลากหลายมมุ มองซ่งึ มคี วามเปน็ ไปไดจ้ รงิ ใน ตอ่ ยอดและ/หรอื ดดั แปลง ระบแุ นวคิดหรือหลกั การ ของสงิ่ ทีก่ ำลงั คดิ เพอ่ื ชว่ ยในการสำรวจตรวจสอบ ทางปฏบิ ตั ิ และคาดการณ ์ ทใี่ ชอ้ อกแบบนวตั กรรม วิเคราะห์เหตแุ ละผลหรือ ตอ้ งอาศยั การวิเคราะห์ ผลกระทบทงั้ ทางบวก ความคิดของตนเองหรอื ส่ือสารรายละเอยี ดของ ปัญหา/สาเหตุของปญั หาจาก และสรุปเพอื่ ตอบคำถาม การตคี วาม การแปลความ และทางลบทีจ่ ะเกดิ ข้ึน ผอู้ น่ื ใหแ้ ตกตา่ งไปจากเดมิ นวัตกรรมท่อี อกแบบขึน้ ข้อมูลและหลกั ฐานต่าง ๆ การสังเคราะห ์ อันเป็นผลจากวิธีการ และประเมนิ จดุ เดน่ และ เพ่ือใหไ้ ด้ขอ้ สรุปท่เี ปน็ และการประเมนิ ความ แก้ไขปัญหาเหล่านั้น และสอ่ื สารใหผ้ อู้ นื่ เขา้ ใจได้ ข้อจำกัดของนวัตกรรม ข้อความรสู้ กู่ ารคิดตดั สินใจ/ นา่ เชื่อถอื ของข้อมลู และคัดเลอื กวิธกี ารแก้ไข 3. ชีแ้ จงเหตุผลของการ ท่เี หมาะสมท่ีสดุ ตัดสินใจในเรื่องตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวันของตน และบอกไดว้ า่ การตดั สนิ ใจ
53กรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรยี นระดบั การศึกษาข้นั พน้ื ฐาน สมรรถนะหลกั ดา้ นทกั ษะการคิดข้ันสงู และนวตั กรรม (Higher - Order Thinking Skills and Innovation Development) HOTS: Critical Thinking, Problem solving, Creative Thinking ระดับ สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะที่ 4 สมรรถนะที่ 5 การสืบสอบ การคดิ วจิ ารณญาณ การคิดแก้ปัญหา การคิดสรา้ งสรรค ์ การพฒั นานวตั กรรม การปฏิบัตบิ นฐานของเหตุผล หรือได้ชดุ ของแนวทางแก้ไข ของตนมีความเหมาะสม 5. ลงมอื แก้ปัญหาดว้ ย ปัญหาทเ่ี ป็นระบบ ประเมนิ ตามหลักการใด ตวั เอง ดว้ ยวธิ กี ารทค่ี ดั เลอื ก ความเป็นไปได้และผลทจ่ี ะ เกดิ ขน้ึ ของแตล่ ะแนวทาง โดยสามารถแสดงหลกั ฐาน ไวแ้ ละดำเนนิ การตาม แกไ้ ขปัญหาเพ่ือพจิ าณาเลอื ก สนบั สนุนความคิด ขัน้ ตอนของวิธกี ารอยา่ ง แนวทางแกไ้ ขปญั หาหรอื ทน่ี ่าเชอ่ื ถือได ้ ทางออกท่เี หมาะสมที่สดุ เป็นระบบจนปัญหาได้รบั จนสามารถแก้ไขปัญหาได้ การแกไ้ ข ผลสำเรจ็ และนำแนวทางแกไ้ ข ปญั หาดงั กลา่ วมาสรา้ งสรรค์ จนเกดิ นวัตกรรมทมี่ แี นวคิด และหลักการสนับสนนุ และ ปฏบิ ตั ิได้จริง ส่อื สารให้ผู้อนื่ เข้าใจในความคดิ และผลงาน ของตนได ้
54 กรอบสมรรถนะหลักของผเู้ รียนระดับการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน สมรรถนะหลกั ดา้ นทกั ษะการคิดขนั้ สงู และนวตั กรรม (Higher - Order Thinking Skills and Innovation Development) ระดบั HOTS: Critical Thinking, Problem solving, Creative Thinking สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะที่ 4 สมรรถนะที่ 5 ระดับ 4 คำอธบิ าย การสืบสอบ การคิดวจิ ารณญาณ การคดิ แกป้ ัญหา การคิดสรา้ งสรรค ์ การพฒั นานวตั กรรม สามารถใชก้ ารคดิ เปน็ เครอ่ื งมอื ในการเรียนรู้ และการใชช้ วี ิต จนเป็นอปุ นิสัย ใช้การคิดให้ รอบคอบก่อนทจ่ี ะกระทำหรือ 1. สบื สอบความรโู้ ดย 2. สรุปความเขา้ ใจของตน 4. ระบปุ ญั หาที่ยากและ 6. แสดงความคดิ ในเรอ่ื งตา่ ง ๆ 7. ใชค้ วามคดิ หรอื จนิ ตนาการ ไม่กระทำการใด ๆ บนฐาน สามารถตัง้ คำถามสำคญั แสดงความคิดเหน็ อยา่ งมี ซบั ซอ้ น บอกความเกย่ี วขอ้ ง บอกเลา่ ความคิด ออกแบบนวตั กรรมและ ของข้อมูลทีเ่ พยี งพอ ออกแบบและวางแผน เหตผุ ล โดยมีข้อมูลอย่าง ระหว่างปญั หากบั ตนเอง นำไปใชจ้ รงิ ในชวี ติ ประจำวนั โดยทุกครัง้ ที่ใชก้ ารคดิ จะ การสำรวจตรวจสอบ เพียงพอรอบดา้ นเก่ียวกบั ผูอ้ น่ื และสงั คม คดิ หา จินตนาการหรอื ความคดิ โดยนวัตกรรมน้นั กำหนดเปา้ หมายหรอื ผลผลิต ขอ้ มลู เลอื กใชว้ สั ดอุ ปุ กรณ ์ เรอ่ื งนน้ั ไดจ้ ากการตงั้ คำถาม สาเหตแุ ละวธิ กี ารแกไ้ ข ของตนเองท่แี ปลกใหมไ่ ป ตอบสนองความตอ้ งการ ของส่งิ ท่ีกำลงั คดิ ประมวล การฟงั /อา่ นขอ้ มลู เรอ่ื งราว ปัญหาทหี่ ลากหลายและ จากส่ิงรอบตวั ของตนเอง จำเป็นหรือสภาพปญั หา ข้อมูลและองคป์ ระกอบของ และเครือ่ งมอื ที่เหมาะสม มีความเปน็ ไปได้จริงใน และบริบทแวดลอ้ ม ในบรบิ ท ระบุแนวคดิ ส่ิงที่กำลังคิดเพื่อวิเคราะห์ เก็บรวบรวมขอ้ มูล ทีต่ อ้ งอาศยั การวิเคราะห์ ทางปฏบิ ตั ิ และคาดการณ ์ ตอ่ ยอดและ/หรอื ดดั แปลง หรอื หลกั การทใ่ี ชอ้ อกแบบ เหตแุ ละผลหรอื ปัญหา/ วิเคราะหข์ อ้ มลู และ การตคี วาม การแปลความ ผลกระทบทง้ั ทางบวก ความคิดของตนเองหรือ นวตั กรรม สอ่ื สาร สาเหตุของปัญหาจากข้อมูล และทางลบ ประเมิน ผอู้ น่ื ใหแ้ ตกตา่ งไปจากเดมิ รายละเอยี ดของนวตั กรรม และหลักฐานต่าง ๆ เพ่ือใหไ้ ด ้ นำเสนอผลการสำรวจ การสงั เคราะห์ และ ความเส่ยี งท่ีจะเกิดขึ้นอนั สื่อสารใหผ้ ู้อน่ื เขา้ ใจได้ ข้อสรปุ ที่เป็นข้อความรู้สู่ ตรวจสอบ รวมทง้ั หลกั ฐาน การประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื เป็นผลจากวิธกี ารแก้ไข ประเมินและปรบั ปรงุ ที่ออกแบบขนึ้ ประเมนิ การคิด ตดั สนิ ใจ/การปฏิบตั ิ ของขอ้ มลู ปญั หาเหลา่ น้นั คัดเลอื ก การคิดท่ตี อ่ ยอดหรือ จดุ เด่นและขอ้ จำกัดของ บนฐานของเหตผุ ลและ เชงิ ประจกั ษ์ทีไ่ ด้รบั 3. ช้แี จงเหตผุ ลของการ วธิ กี ารแก้ไขท่เี หมาะสม ดดั แปลงให้ดขี ้ึน นวตั กรรม สรปุ ผลการนำ สอดคล้องกับบรรทัดฐานของ การยอมรบั ทสี่ ุด และวางแผนการ นวตั กรรมไปใช้ปรบั ปรุง สงั คมและวัฒนธรรม ตดั สินใจในเรอื่ งต่าง ๆ ดำเนินการแก้ปญั หา นวตั กรรมได้ดยี ิง่ ขึ้น และ เศรษฐกจิ และสิ่งแวดลอ้ ม ในชวี ติ ประจำวันของตน อยา่ งเปน็ ข้ันตอน เผยแพรน่ วตั กรรมได ้ หรือไดช้ ุดของแนวทางแกไ้ ข ปญั หาทเ่ี ป็นระบบ จากนนั้ และบอกไดว้ า่ การตดั สนิ ใจ 5 ลงมอื แกป้ ญั หาดว้ ยตนเอง ประเมินความเป็นไปได้และ ของตนมคี วามเหมาะสม ดว้ ยวิธีการท่ีคัดเลือกไว้ ตามหลกั การใด และ/หรอื การตดั สินใจของตนนั้นได้ ดำเนนิ การตามข้ันตอน พจิ ารณาอยา่ งรอบด้าน ของวธิ กี ารอยา่ งเปน็ ระบบ ทง้ั ในดา้ นคุณโทษ จนปัญหาไดร้ บั การแกไ้ ข สอดคลอ้ งตามหลกั กฎหมาย และประเมนิ ผลการ ศลี ธรรม คณุ ธรรม ค่านยิ ม รวมท้ังความเช่ือ
55กรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รียนระดับการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน สมรรถนะหลกั ดา้ นทกั ษะการคิดขนั้ สูงและนวัตกรรม (Higher - Order Thinking Skills and Innovation Development) HOTS: Critical Thinking, Problem solving, Creative Thinking ระดบั สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะท่ี 4 สมรรถนะท่ี 5 การสบื สอบ การคิดวิจารณญาณ การคิดแกป้ ญั หา การคดิ สร้างสรรค์ การพฒั นานวตั กรรม ผลท่จี ะเกดิ ขน้ึ ของแตล่ ะ แนวทางแกไ้ ขปญั หาเพอื่ พจิ าณา และบรรทดั ฐานของสงั คม ดำเนนิ การจนได้ขอ้ สรุป เลอื กแนวทางแก้ไขปัญหา และวฒั นธรรม ตลอดจน ของวิธกี ารแกไ้ ขปัญหา หรอื ทางออกท่ีเหมาะสมที่สดุ จนสามารถแก้ไขปัญหาได ้ สามารถพิสจู น์ตรวจสอบ ผลสำเรจ็ และนำแนวทาง ข้อสรปุ ดังกลา่ วได้ แกไ้ ขปญั หาดงั กล่าวมา สรา้ งสรรคจ์ นเกดิ เป็นผลผลติ ที่มลี ักษณะเป็นแนวคดิ ใหม่ กระบวนการใหม่ ส่ิงประดิษฐ์ หรอื ผลติ ภณั ฑท์ ผี่ า่ นการวพิ ากษ์ และปรับปรุงให้สมบรู ณจ์ น ผู้อืน่ สามารถนำไปใชใ้ น สถานการณห์ รือบรบิ ทอน่ื ๆ ท่มี คี วามใกล้เคยี งกนั ได ้
56 กรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรียนระดับการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน 4. สมรรถนะหลกั ดา้ นการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั (Media Information and Digital Literacy) สมรรถนะหลักด้านการรเู้ ท่าทันส่อื สารสนเทศ และดิจทิ ัล (Media Information and Digital Literacy) คือ ความสามารถในการเข้าถึง เข้าใจ สรา้ ง และใชส้ อื่ สารสนเทศและเทคโนโลยดี จิ ทิ ัล เพื่อการเรยี นรแู้ ละใช้เปน็ เครื่องมอื ในการเปล่ยี นแปลงสังคมอย่างร้เู ท่าทันตนเอง รเู้ ท่าทันสอ่ื และรู้เท่าทนั สังคม โดยเฉพาะ สื่อ ซ่ึงมีการพัฒนาอย่างซับซ้อน กลายเป็นสื่อหลอมรวม (Convergence) สามารถจำแนกสมรรถนะ ของผู้เรียน ตามช่องทางและลักษณะ ของสื่อได้ 3 ประการคือ 1) การรู้เทา่ ทันสอ่ื (Media Literacy) คือ ความสามารถในการอ่านสอ่ื ให้ออก มที ักษะ ในการเขา้ ถึงส่ือ วิเคราะห์สื่อ ตีความเนือ้ หาของส่อื ประเมนิ คณุ ค่าและเข้าใจ ผลกระทบของส่ือ และสามารถใช้สื่อให้เกิดประโยชน์ได้ 2) การรู้เท่าทันสารสนเทศ (Information Literacy) คือ ความสามารถในการประเมิน เลือกใช้ และส่ือสาร ข้อมูลในหลากหลายรปู แบบไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ เพ่ือการเรียนรดู้ ้วยตนเอง และเรียนร้ตู ลอดชีวติ และ 3) การรเู้ ท่าทนั ดิจิทัล (Digital Literacy) คอื ความสามารถ ในการใช้เทคโนโลยีดจิ ิทัล เคร่ืองมือส่ือสาร ส่อื ออนไลนต์ ่าง ๆ เพ่ือค้นหาขอ้ มูล ประมวลผล และสร้างสรรคข์ ้อมูลได้ หลากหลายรปู แบบ
57กรอบสมรรถนะหลักของผูเ้ รยี นระดบั การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน สมรรถนะหลกั ด้านการรู้เทา่ ทนั สอ่ื สารสนเทศ และดิจิทัล (Media Information and Digital Literacy) สมรรถนะท่ี 1 ระดบั การเลอื กใช้เครอื่ งมือ สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะท่ี 4 ส่ือสารสนเทศและดิจทิ ัล การจัดการเวลาและ การประเมินคุณคา่ และ การสรา้ งและเผยแพร ่ และเรียนร้ทู กั ษะเบอ้ื งตน้ การควบคุมตนเอง ความน่าเชื่อถอื ของการผลติ สือ่ ระดับ 1 คำอธิบาย เลอื กและจัดการเวลาในการใช้ส่อื สารสนเทศ และดิจทิ ลั ไม่ใหเ้ กิด ผลเสียต่อตนเองและผอู้ ืน่ ปฏิบตั ิ 1. เลือกใช้เคร่ืองมือ สื่อ 1. จดั การเวลาและสถานท่ ี 1. แยกแยะเปา้ หมายของ 1. เลา่ เรอ่ื งดว้ ยการพูด การเขียน ตามสอื่ สารสนเทศโดยการตดั สนิ ใจ สารสนเทศ และดจิ ทิ ัลเพื่อ ในการใช้สอื่ ดจิ ทิ ัลอย่าง สารสนเทศได้ เช่น เป้าหมาย การใชภ้ าพในสอื่ ดจิ ทิ ลั เกย่ี วกบั อย่างมเี หตุผล เข้าใจผลกระทบ การสืบคน้ ข้อมูลอยา่ งงา่ ยท่ี เพอ่ื ใหค้ วามรหู้ รอื ความบนั เทงิ ของสื่อ สารสนเทศ ดจิ ทิ ลั และ เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของ ระมดั ระวงั ภายใตก้ ารกำกบั หรือเพือ่ บอกเล่าเหตุการณ์ ส่ิงทเี่ ห็นรอบตวั ดว้ ยโปรแกรม สามารถสรา้ งและเผยแพร ่ ตนเองและเสริมความรู้ใน ดูแลของครอบครวั โดยไม่ให้ คอมพิวเตอร์อยา่ งงา่ ย ๆ สารสนเทศใหเ้ กิดประโยชน์ต่อ ห้องเรียน เกดิ ผลเสียตอ่ ตนเองและผู้อนื่ 2. ตงั้ คำถามกบั สารสนเทศท่ีพบ ตนเองและครอบครวั 2. อธบิ ายเหตผุ ลทีต่ ้องใชส้ ่ือ ในสื่อเกย่ี วกับประโยชน์ 2. รับฟงั ขอ้ เสนอแนะ และ 2. บำรุงรักษาและปกปอ้ ง ดจิ ทิ ลั ในเวลาและสถานท ่ี คณุ คา่ ท่ีมตี ่อตนเองและผอู้ ่นื คำวิจารณจ์ ากเพือ่ น เก่ยี วกับ เครอ่ื งมอื สอ่ื สาร รวมท้ัง นั้น ๆ ได ้ ด้วยความเคารพและมเี หตุผล สิง่ ทเ่ี ลา่ หรอื ทนี่ ำเสนอด้วย รวมท้ังตัดสนิ ใจปฏิบตั ิตาม ความเคารพความเห็นของ ขอ้ มูลสว่ นบุคคลของตนเอง สารสนเทศ อยา่ งมีเหตผุ ล ผอู้ ่นื และเขา้ ใจผลกระทบของ สือ่ สารสนเทศ
58 กรอบสมรรถนะหลักของผเู้ รียนระดบั การศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน สมรรถนะหลกั ด้านการรูเ้ ท่าทนั ส่ือ สารสนเทศ และดิจทิ ัล (Media Information and Digital Literacy) ระดับ สมรรถนะที่ 1 การเลือกใช้เคร่ืองมือ สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะที่ 4 ส่ือสารสนเทศและดจิ ิทลั การจัดการเวลาและ การประเมนิ คุณคา่ และ การสรา้ งและเผยแพร ่ และเรียนรทู้ ักษะเบ้ืองต้น การควบคุมตนเอง ความนา่ เชอื่ ถือ ของการผลิตสอื่ ระดับ 2 คำอธบิ าย เลอื กใช้ จดั การอารมณแ์ ละ ความตอ้ งการในการใชส้ อื่ สารสนเทศอยา่ งเหมาะสม ประเมนิ 1. เลือกใช้เครือ่ งมอื 1. เลอื กเขา้ ถงึ สือ่ ดจิ ิทลั ในชว่ ง 1. ประเมนิ ประโยชนแ์ ละโทษ 1. สร้างเรือ่ งเลา่ เก่ยี วกบั โรงเรียน ความนา่ เชือ่ ถอื และคุณค่า สอ่ื สารสนเทศ และดิจทิ ลั เวลาท่ไี มก่ ระทบการเรยี นและ ความนา่ เชื่อถอื และคุณค่า และชุมชนดว้ ยการพูด การใช้ ประโยชน์ โทษของสอ่ื โดยอธิบาย การอยูร่ ว่ มกบั ผอู้ น่ื และ ของสารสนเทศทเ่ี ข้าถึง ภาพกราฟฟิกและงานเขียน ผลกระทบจากการใชส้ ่ือสาร เพอ่ื การสบื คน้ และเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ควบคุมตนเองในการใช้ส่อื ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สนเทศอย่างสมเหตสุ มผล และ ทตี่ อ้ งการอย่างเหมาะสม ท่ีมีต่อตนเองและผู้อืน่ อยา่ งง่าย ๆ โดยคำนึงถึงเรื่อง สามารถสรา้ งและเผยแพรข่ อ้ มลู เพอื่ นำมาใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ โดยการรบั รกู้ ารมอี ยูข่ องโลก 2. ตดั สนิ ใจเชอ่ื ถือ ปฏิบัติตาม การละเมดิ ลิขสิทธิ์และสทิ ธิ สารสนเทศอย่างมจี รยิ ธรรม และ กายภาพและโลกเสมอื นจริง ความเป็นส่วนตวั รับผดิ ชอบเพื่อให้เกดิ ประโยชน์ ต่อตนเองและครอบครวั หรอื ใชส้ ารสนเทศ อย่างมี ตอ่ ตนเองและชุมชน 2. บำรงุ รักษาและปกปอ้ ง 2. อธิบายเหตผุ ลท่ีตอ้ งใชส้ ่ือ เหตุผล รเู้ ทา่ ทัน โดยการ 2. เผยแพร่สารสนเทศอย่างมี ดจิ ทิ ลั ในเวลาและสถานทนี่ นั้ ๆ วเิ คราะหข์ อ้ มลู จรงิ ขอ้ มลู เทจ็ จริยธรรม จติ สำนกึ สาธารณะ เครื่องมอื สอ่ื สาร รวมทงั้ ขอ้ มูลบิดเบอื น หรอื ขอ้ มูลท่ี และรับผิดชอบ เพอ่ื ให้เกดิ ขอ้ มลู สว่ นบุคคลของตนเอง โดยไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ ผลเสยี ตอ่ ตนเอง มุ่งรา้ ยในโลกออนไลนแ์ ละ ประโยชนต์ อ่ ตนเองและชมุ ชน และครอบครวั และผอู้ ่ืนได ้ เขา้ ใจผลกระทบของสอ่ื สาร 3. รทู้ กั ษะเบอื้ งตน้ ของการผลิต 3. เขา้ ใจและยอมรบั ความแตกตา่ ง สนเทศทม่ี ีต่อตนเองและผู้อ่ืน 3. รับฟังขอ้ เสนอแนะ และคำ สื่อ ได้แกร่ ูปแบบและวธิ กี าร ทางวฒั นธรรมทเ่ี หน็ ในสอื่ ดจิ ทิ ลั ดว้ ยความเคารพและมีเหตผุ ล วิจารณจ์ ากผู้อนื่ เกยี่ วกบั สงิ่ ท่ี เลา่ เรอ่ื งด้วยการพดู การเขยี น โดยคำนงึ ถึงอัตลักษณ์ความ เล่าหรอื ท่ีนำเสนอโดยเคารพ การใชภ้ าพ ตั้งคำถาม และ ความเห็นของผู้อื่น และ หาคำตอบเกยี่ วกับเร่อื งท่ี เป็นไทยของตน สืบคน้ มา นำประเดน็ ปญั หามาสอ่ื สารและ หาทางออกร่วมกันโดยสนั ติวธิ ี
59กรอบสมรรถนะหลักของผูเ้ รยี นระดบั การศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน สมรรถนะหลกั ด้านการรเู้ ทา่ ทนั สอื่ สารสนเทศ และดจิ ทิ ัล (Media Information and Digital Literacy) สมรรถนะที่ 1 ระดบั การเลอื กใชเ้ ครอ่ื งมอื สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะท่ี 4 สอ่ื สารสนเทศและดจิ ิทลั การจัดการเวลาและ การประเมินคุณค่าและ การสร้างและเผยแพร ่ และเรียนร้ทู กั ษะเบื้องตน้ การควบคุมตนเอง ความนา่ เช่ือถือ ของการผลติ ส่อื ระดับ 3 คำอธบิ าย เลอื กใช้และจดั การเวลาในการใช้ สอื่ สารสนเทศ และดจิ ิทัลอยา่ ง เหมาะสม เกดิ ประโยชนท์ ้งั ตอ่ 1. เลอื กใชเ้ ครอื่ งมอื สอ่ื สารสนเทศ 1. จัดการเวลาและสถานทใ่ี น 1. ประเมนิ ประโยชน์และโทษ 1. สรา้ งเรือ่ งเล่าเก่ยี วกับโรงเรยี น ตนเองและผู้อนื่ ควบคุมการใช ้ และดิจทิ ลั เพอ่ื การสบื คน้ การใช้ส่ือสารสนเทศ และ ทพ่ี ึงได้รบั จากสอื่ สารสนเทศ ชมุ ชน สงั คม ดว้ ยการพดู ไมใ่ หเ้ กดิ ผลเสยี วเิ คราะหแ์ ละ และเข้าถึงข้อมูลที่ตอ้ งการ ดิจิทัลอยา่ งเหมาะสม มีเหต ุ และดจิ ิทัล การใช้ภาพกราฟฟิกและ ประเมินความน่าเชอื่ ถอื ของส่ือ มผี ล และควบคุมตนเอง อย่างรูเ้ ทา่ ทนั และสามารถสร้าง ไดอ้ ยา่ งหลากหลาย เหมาะสม 2. วเิ คราะห์ และประเมินความ งานเขียนด้วยโปรแกรม และเผยแพรส่ ารสนเทศอย่างมี เกิดประโยชนต์ ่อตนเอง ในการใช้สอ่ื โดยไม่กอ่ ให้เกดิ น่าเชอ่ื ถอื คณุ คา่ และ คอมพวิ เตอร์ หรอื แอปพลเิ คชนั จรยิ ธรรมและรบั ผดิ ชอบ โดย ผลเสยี รักษาความสัมพันธ์โลกจรงิ และ ครอบครัวและชมุ ชน จดุ ประสงคข์ องสารสนเทศ อย่างเหมาะสม โดยคำนึงถงึ โลกเสมอื น เพือ่ ให้เกดิ ประโยชน์ 2. บำรงุ รกั ษาและปกปอ้ งเครอ่ื งมอื 2. รบั และส่งตอ่ สารสนเทศ ท่เี ข้าถึงในด้านทีม่ าของข้อมูล เรื่องการละเมิดลขิ สิทธ์แิ ละ ต่อตนเอง ชุมชน และสงั คม ทห่ี ลากหลายอย่างมีสติ สทิ ธิความเป็นสว่ นตวั สอ่ื สาร รวมทง้ั ขอ้ มลู สว่ นบคุ คล โดยไมก่ อ่ ใหเ้ กิดผลเสยี ตอ่ ลำดบั เวลา เหตกุ ารณแ์ วดลอ้ ม ของตนเองและครอบครวั ภาษาและอคติในการสอื่ สาร 2. เผยแพร่สารสนเทศอยา่ งมี รวมทง้ั แนะนำเพอื่ น คนใกลช้ ดิ ตนเอง ครอบครัว และชุมชน รวมท้ังความสอดคลอ้ ง จริยธรรม จติ สำนึกสาธารณะ ใหป้ กป้องขอ้ มูลสว่ นบคุ คลได ้ 3. เข้าใจความแตกตา่ งทาง สมเหตสุ มผล และรับผิดชอบ เพื่อใหเ้ กดิ 3. รทู้ กั ษะเบ้อื งตน้ ของการผลติ 3. ตัดสนิ ใจเชอื่ ถอื ปฏบิ ัตติ าม ประโยชน์ตอ่ ตนเองและ ส่ือแบบข้ามศาสตรจ์ ากสื่อ วฒั นธรรมของชมุ ชนและของ หรอื ใชส้ ารสนเทศ อย่างมี ชมุ ชน และสังคม แอนะล็อกไปส่ดู จิ ิทลั และ นานาชาติ มองเห็นตนเองใน เหตผุ ล รเู้ ทา่ ทนั โดยการวเิ คราะห ์ สามารถผลิตสอ่ื ท่สี ะท้อน เชงิ สัมพันธก์ บั ชมุ ชนและโลก ข้อมลู จริง ข้อมูลเทจ็ ขอ้ มลู 3. รับฟงั ขอ้ เสนอแนะ และ คุณคา่ ทสี่ ำคัญ เชน่ สทิ ธิ บิดเบอื น หรอื ข้อมลู ทีม่ ุ่งร้าย คำวจิ ารณ์จากผู้อ่ืน ท้ังในโลก เสรภี าพของตนเองและผูอ้ ื่น ในโลกออนไลนแ์ ละเขา้ ใจ การไม่เลอื กปฏิบัติ โดยการ ผลกระทบของส่อื สารสนเทศ ความจรงิ และโลกเสมือน คดิ อย่างถถี่ ้วนและใชข้ ้อมลู ทม่ี ตี อ่ ตนเอง ผอู้ ื่น และสงั คม เกย่ี วกบั สงิ่ ทเี่ ลา่ หรอื ทน่ี ำเสนอ หลายดา้ น ดว้ ยความเคารพและมเี หตผุ ล โดยเคารพความเห็นของผอู้ ื่น และนำประเดน็ ปัญหามา สอ่ื สารและหาทางออกรว่ มกนั โดยสนั ตวิ ธิ ี
60 กรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รยี นระดับการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน สมรรถนะหลักด้านการรู้เท่าทนั สอื่ สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั (Media Information and Digital Literacy) สมรรถนะท่ี 1 ระดับ การเลอื กใชเ้ ครื่องมอื สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะที่ 4 สื่อสารสนเทศและดจิ ทิ ลั การจัดการเวลาและ การประเมินคณุ คา่ และ การสร้างและเผยแพร ่ และเรียนรู้ทักษะเบื้องตน้ การควบคมุ ตนเอง ความนา่ เชอ่ื ถอื ของการผลติ สื่อ ระดบั 4 คำอธิบาย เลอื กใชแ้ ละจัดการเวลาในการใช้ สื่อ สารสนเทศ และดิจิทัลอยา่ ง เหมาะสม หลากหลาย เกดิ ประโยชน ์ 1. เลอื กใชเ้ ครอื่ งมอื สอื่ สารสนเทศ 1. จัดการเวลาและสถานที่ใน 1. ประเมินประโยชน์และโทษ 1. สรา้ งสรรค์ส่ือ ขอ้ มลู ทีเ่ ปน็ ท้งั ต่อตนเองชุมชน สงั คม ควบคุม และดจิ ทิ ัลเพ่ือการสืบคน้ และ การใช้ สร้างสรรค์ และ ที่พงึ ได้รับจากส่อื สารสนเทศ ประโยชน์ ก่อให้เกดิ การ การใช้ไม่ใหเ้ กดิ ผลเสยี วเิ คราะห์ เขา้ ถึงข้อมูลข่าวสารทต่ี ้องการ นำเสนอสอื่ สารสนเทศและดจิ ทิ ลั และดจิ ทิ ัล โดยการวิเคราะห์ เปลยี่ นแปลงตอ่ ตนเอง ชมุ ชน วพิ ากษแ์ ละประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ไดอ้ ยา่ งหลากหลาย เหมาะสม อย่างเหมาะสม มเี หตมุ ีผล วิพากษ์ ใช้ขอ้ มลู ข่าวสาร หรอื สังคม ดว้ ยการพูด การใช้ จดุ ประสงคใ์ นการสรา้ งและ เกิดประโยชนต์ ่อตนเอง และควบคมุ ตนเองในการใช้ อยา่ งรอบดา้ น เพอื่ ประกอบ ภาพกราฟฟิกและงานเขยี น บทบาทของสอื่ สารสนเทศอย่างรู้ ชุมชน และสงั คม ในระดับ สอ่ื โดยไม่กอ่ ใหเ้ กิดผลเสีย การพจิ ารณา ด้วยโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ เทา่ ทนั และสามารถสรา้ ง เผยแพร ่ ทส่ี ูงข้นึ หรือแอปพลิเคชนั อย่าง สารสนเทศอยา่ งมจี รยิ ธรรมและ ตอ่ ตนเอง ผูอ้ ่ืน และสังคม 2. วเิ คราะห์และประเมนิ ความ เหมาะสม โดยคำนงึ ถึงเรอื่ ง รบั ผดิ ชอบ โดยรกั ษาความสมั พนั ธ ์ 2. บำรุงรกั ษาและปกปอ้ ง 2. รับและสง่ ตอ่ สารสนเทศท่ี น่าเช่อื ถือ คณุ คา่ จดุ ประสงค์ การละเมดิ ลิขสทิ ธ์ิและสิทธิ โลกความจริงและโลกเสมอื น เครอ่ื งมอื สอื่ สาร รวมทง้ั ขอ้ มลู และความซับซ้อนของ ความเปน็ ส่วนตัว เพ่อื ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทเี่ ปน็ หลากหลายรวมท้ังแสดงออก ประโยชน์ตอ่ ตนเอง ชุมชน สงั คม สว่ นบคุ คลของตนเอง และ ในส่ือออนไลน์อยา่ งมีสต ิ สารสนเทศทเี่ ขา้ ถึงในด้าน 2. เผยแพรส่ ารสนเทศอย่างมี ดูแล แนะนำใหค้ รอบครัว รู้เท่าทันและเขา้ ใจอารมณ์ ท่มี าของขอ้ มูลเป้าประสงค ์ จริยธรรม จิตสำนกึ สาธารณะ ของผู้อน่ื โดยการใคร่ครวญ ในการผลิตสารสนเทศ และสำนกึ สากลสะทอ้ นการมอง คนใกล้ชิดปกปอ้ งขอ้ มลู เหตกุ ารณท์ ่ีเกดิ ข้นึ และใช้ ส่วนบคุ คลได้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั โลกพนื้ ฐาน ความเปน็ เจา้ ของสอ่ื ลำดบั เวลา รอบด้าน และรบั ผดิ ชอบ เพ่ือ และโลกออนไลน์ และสะพาน เหตุการณแ์ วดลอ้ มภาษาและ ใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงทเ่ี ป็น 3. ศกึ ษาและคดั สรร แอปพลเิ คชนั ท่เี ชอ่ื มต่อกนั ประโยชน์ต่อตนเอง ชุมชน รว่ มสมยั เพอื่ ผลติ สอ่ื สรา้ งสรรค์ 3. ยอมรับความแตกต่างทาง อคตใิ นการสอื่ สาร รวมทง้ั และสงั คม ประกอบภาพและเสยี งทส่ี ะทอ้ น ความคดิ และความแตกตา่ งทาง ความสอดคล้องสมเหตุสมผล คณุ ค่าทีส่ ำคัญ เช่น สิทธิ วฒั นธรรมของชมุ ชนและของ โดยใชก้ ารสอบทานเปรยี บเทยี บ นานาชาติทเี่ ห็นในสอื่ ดจิ ทิ ัล สารสนเทศกับสือ่ หลากหลาย เสรีภาพของตนเองและผ้อู ่นื ชนดิ ในประเด็นเดยี วกนั การไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ิ โดยการคดิ
61กรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรียนระดบั การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน สมรรถนะหลกั ด้านการร้เู ท่าทนั สอ่ื สารสนเทศ และดิจทิ ัล (Media Information and Digital Literacy) สมรรถนะที่ 1 ระดบั การเลือกใช้เครือ่ งมอื สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะที่ 4 สอ่ื สารสนเทศและดจิ ทิ ัล การจัดการเวลาและ การประเมนิ คณุ คา่ และ การสรา้ งและเผยแพร ่ และเรียนรูท้ ักษะเบื้องตน้ การควบคมุ ตนเอง ความน่าเชอื่ ถอื ของการผลิตส่อื อย่างถ่ถี ว้ นและใชข้ ้อมลู 3. ตดั สนิ ใจเชอ่ื ถอื ปฏบิ ตั ติ าม หรอื 3. รับฟงั ขอ้ เสนอแนะและ หลากหลายดา้ น ใช้สารสนเทศ อย่างมเี หตผุ ล คำวจิ ารณจ์ ากผู้อื่น รวมทงั้ เสนอแนะ และวจิ ารณ์ขอ้ มลู รเู้ ทา่ ทัน โดยการวิเคราะห์ สารสนเทศ ทง้ั ในโลกความจรงิ ข้อมูลจริง ขอ้ มูลเท็จ ข้อมลู และโลกเสมอื น โดยเคารพ บดิ เบอื น หรอื ขอ้ มูลทมี่ งุ่ ร้าย ความเหน็ ของผอู้ ่ืนและ ในโลกออนไลน์ และอนั ตราย ประเมินผลท่เี กดิ ขึ้นเพ่ือ หลากหลายชนดิ ในโลกออนไลน ์ ท่ีใชเ้ ทคนิควิธีแตกต่างกัน การปรบั ปรงุ ส่ือสารและหา รวมทัง้ เข้าใจผลกระทบของ ทางออกรว่ มกนั โดยสันติวิธี สือ่ สารสนเทศทีม่ ตี อ่ ตนเอง ผอู้ นื่ และสงั คมดว้ ยความเคารพ และมีเหตุผล
62 กรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รียนระดับการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน 5. สมรรถนะหลักด้านการส่อื สาร (Communication) สมรรถนะหลักด้านการส่ือสาร (Communicative competency) หมายถงึ ความสามารถในการรบั สาร การสง่ สาร และ การแลกเปลยี่ น/ถา่ ยทอดข้อมูล สารสนเทศ ประสบการณ์ ความรู้ ความคิด ไดถ้ ูกตอ้ งตามโครงสร้างและกฎเกณฑ์ทางภาษาด้วยวจั นภาษา รวมถึงการใช้ อวัจนภาษาในการสือ่ สาร ผา่ นสาร/ข้อความ/ ภาพ/สัญลักษณ์ และสามารถเลือกเน้ือหาและกลวิธีในการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ได้เหมาะสมตามระดับ การส่ือสาร บริบท สังคม วัฒนธรรม บนฐานคุณธรรม จรยิ ธรรม เข้าใจความต้องการในการสอื่ สารของตนเอง และเขา้ ใจความรูส้ กึ ของผู้อนื่ ส่อื สารไดบ้ รรลตุ ามวัตถุประสงค์ สอดคล้องกับกาลเทศะ เกดิ ความราบรื่น สอ่ื สาร อยา่ งมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรคเ์ พือ่ ให้เกิดประโยชน์ในการพฒั นาตนเองในดา้ นสตปิ ญั ญา อารมณ์ จิตใจ และก่อประโยชน์แกส่ งั คม รวมถึงเพ่ือสรา้ งสมั พนั ธภาพท่ีดี กับผอู้ ่นื ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
63กรอบสมรรถนะหลกั ของผูเ้ รียนระดบั การศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน สมรรถนะการสอ่ื สาร (Communicative competency) ระดับ สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะท่ี 3 การรับสาร การส่งสาร การแลกเปลีย่ น/สนทนา ระดบั 1 คำอธิบาย ความสามารถในการรับสาร การสง่ สาร สามารถรับสารท่ไี ดร้ บั ในรปู แบบตา่ ง ๆ สามารถพดู หรือเขียนหรอื ถ่ายทอดสาร สามารถแลกเปลยี่ นสารดว้ ยการฟงั -พดู และการแลกเปลีย่ น/ถ่ายทอดขอ้ มูล ผ่านการฟงั การดู การอา่ น โดยใชค้ วามรู้ ในรปู แบบต่าง ๆ ดว้ ยวัจนภาษารว่ มกบั อ่าน-เขียน ทัง้ คำ ขอ้ ความ ภาพ กราฟกิ ประสบการณ์ ความรู้ ความคิด ได้ถูกต้อง ความเขา้ ใจ ประสบการณ์ ในการแปลความ อวจั นภาษาท่สี อดคลอ้ งตามวตั ถุประสงค์ ผ่านชอ่ งทางตา่ ง ๆ ท้งั แบบเผชิญหน้า ตามโครงสรา้ งและกฎเกณฑ์ทางภาษาดว้ ย สรุปใจความสำคัญ ร้จู กั รูปแบบของสาร ของการส่งสารทีม่ คี วามแตกตา่ งกันได้ หรอื ไม่เผชิญหน้า หรือในรปู แบบออนไลน์ วจั นภาษา รวมถึงการใชอ้ วจั นภาษาในการ ทม่ี คี วามหลากหลาย เลอื กรบั สาร สามารถใช้ภาษาในการสอ่ื สารความ ทง้ั การส่ือสารแบบประสานเวลาและ สอ่ื สาร โดยสามารถตีความ และทำความ ท่สี อดคล้องกบั ความสนใจของตนเอง ตอ้ งการ ความคิด ความรู้สึกของตนเองได้ ไม่ประสานเวลา ในระหวา่ งสือ่ สารกับ เข้าใจทมี่ ีต่อสาร เลือกเนือ้ หาและกลวธิ ี และเป็นประโยชน์ เขา้ ใจความคดิ และ ส่งสารไดส้ อดคล้องกบั กลุ่มเป้าหมาย คู่สนทนา ในการสนทนากลมุ่ ย่อย ในการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ได้เหมาะสม พฤตกิ รรมของบคุ คลหรือเข้าใจเร่ืองราวทมี่ ี และวัตถุประสงค์ตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจำวัน การสนทนากลุ่มใหญ่ สามารถปรบั เปลีย่ น ตามระดบั การสอ่ื สาร บริบท สงั คม ความหลากหลาย ลำดบั เหตกุ ารณ์ท่ี เขา้ ใจความตอ้ งการของตนเองในการ บทบาทการสื่อสารเป็นท้งั ผู้ส่งสารและ วฒั นธรรม บนฐานคณุ ธรรม จริยธรรม ดำเนนิ ไปในสถานการณต์ ่าง ๆ ได้ เขา้ ใจ สง่ สาร สงั เกตความเหมาะสมของการสอ่ื สาร ผู้รับสารได้ในสถานการณ์หนง่ึ ๆ เพื่อให้ เข้าใจในความต้องการในการสอ่ื สารของ ความแตกต่างของการแสดงสีหนา้ ท่าทาง ท่ีเกิดขนึ้ ในบริบทต่าง ๆ มีความฉลาดทาง เกิดประโยชนใ์ นการแลกเปล่ียนความรู้ ตนเอง และเข้าใจความรู้สึกของผู้อนื่ รับฟัง อากปั กรยิ า น้ำเสยี ง แววตา อารมณ์ อารมณแ์ ละสังคม เข้าใจพฤตกิ รรมทาง ขอ้ มลู ขา่ วสาร ประโยชน์ในการดำเนิน ความคิดเห็นและขอ้ เสนอของผอู้ ่ืนทม่ี ี ความรสู้ ึก ของผูอ้ ่นื รับฟงั ความคิดเห็น สงั คมและอารมณข์ องบคุ คลอ่ืน ๆ ทดลอง ชีวิตประจำวนั การสรา้ งสัมพันธภาพที่ดี ความแตกตา่ งจากความคิดของตนเอง และขอ้ เสนอของผอู้ ่ืนท่มี คี วามแตกต่าง ใช้วธิ ีการส่งสารใหม่ ๆ เม่อื กลวธิ ีทเ่ี ลือกใช้ ระหว่างบคุ คล การลดความขัดแย้ง หรือ สอ่ื สารไดบ้ รรลตุ ามวัตถปุ ระสงค์ สอดคลอ้ ง จากความคิดของตนเอง สนใจรับสารใน ไมเ่ หมาะสม มีมารยาทในการส่งสาร เพือ่ การพัฒนาตนเองได้ มคี วามฉลาดทาง กับกาลเทศะ ประเมินความเหมาะสมของ บรบิ ทตา่ ง ๆ บนฐานคณุ ธรรม มคี วามฉลาด เลอื กขอ้ มูลและกลวธิ ีส่งสารโดยคำนงึ ถงึ อารมณ์และสงั คม รูจ้ ักสังเกตพฤติกรรม การส่ือสารของตน และปรบั ปรงุ การสอ่ื สาร ทางอารมณ์และสงั คม เขา้ ใจพฤติกรรม ความแตกตา่ งของบคุ คลอนื่ ในด้านวัย เพศ ทางสงั คมและอารมณข์ องบคุ คลอืน่ ๆ ใหม้ คี ณุ ภาพ ส่ือสารอยา่ งสรา้ งสรรค์ ทางสังคมและอารมณข์ องบุคคลอ่ืน ๆ และกาลเทศะ เคารพความคดิ เหน็ ของผอู้ น่ื ระหวา่ งการสนทนาสอ่ื สาร ปรบั บทสนทนา เพื่อใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ นการพฒั นาตนเองใน รูจ้ กั สำรวจความเขา้ ใจจากการรบั สาร ใช้ภาษาในการสื่อสารในทางสรา้ งสรรค์ เพื่อใหส้ ถานการณก์ ารสอื่ สารราบรืน่ ด้านสตปิ ัญญา อารมณ์ จติ ใจ และ ของตนเอง เพอ่ื ให้ไดร้ บั ประโยชนท์ ้งั ในแง่ และเหมาะกบั วัย เพอ่ื สรา้ งความเขา้ ใจและ มีมารยาทในการส่อื สาร ให้ความสนใจ กอ่ ประโยชน์แก่ชมุ ชน สังคม รวมถงึ เพือ่ ของความรู้ ความคิด ความเพลดิ เพลิน สมั พนั ธภาพทด่ี รี ะหวา่ งบคุ คลและหลกี เลยี่ ง ตอ่ คู่สนทนา ปรับพฤติกรรมการส่อื สารให้
64 กรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รียนระดบั การศกึ ษาขั้นพื้นฐาน สมรรถนะการสือ่ สาร (Communicative competency) ระดบั สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะที่ 3 การรับสาร การสง่ สาร การแลกเปลย่ี น/สนทนา สร้างสัมพันธภาพท่ดี กี ับผู้อืน่ ในสงั คม และนำประโยชน์และคณุ คา่ จากสาร วิธีการส่งสารทีอ่ าจสร้างความเขา้ ใจผิด สอดคล้องได้ตามบรบิ ทและสอดคลอ้ งกับ ไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ ทไี่ ด้รบั ไปใช้พัฒนาตนเองและบริบท หรอื ความขัดแยง้ ระหวา่ งกนั ส่งสารด้วย ระดับของผู้สง่ สาร/หรอื ผู้ฟัง/ผู้รับสาร ใกล้ตัวได้ ความซือ่ สตั ย์ ไมบ่ ิดเบอื นขอ้ มูล หลีกเลย่ี ง โดยคำนึงถงึ คณุ ธรรม การส่งสารทีผ่ ิดศีลธรรม จรยิ ธรรม มีอสิ ระ ทางความคดิ ในการส่งสารผา่ นการพูด การเขียน ทางชอ่ งทางตา่ ง ๆ บนฐานของ คุณธรรม ศีลธรรม ระดบั 2 คำอธบิ าย ความสามารถในการรบั สาร การส่งสาร สามารถรับรู้ ตีความสารท่ีไดร้ บั ในรูปแบบ สามารถพดู หรือเขียนหรือถ่ายทอดสาร สามารถแลกเปลีย่ นสารที่อยใู่ นรปู แบบ และการแลกเปลีย่ น/ถ่ายทอดขอ้ มูล ที่หลากหลาย ผ่านการฟัง การดู การอ่าน ในรปู แบบต่าง ๆ ด้วยวจั นภาษาร่วมกบั ตา่ ง ๆ ดว้ ยการฟงั -พดู อ่าน-เขยี น ท้ังคำ ประสบการณ์ ความรู้ ความคิด ไดถ้ กู ตอ้ ง โดยใช้ความรูค้ วามเขา้ ใจ ประสบการณ์ อวจั นภาษาท่ีสอดคล้องตามวตั ถุประสงค์ ข้อความ ภาพ กราฟิก ผา่ นชอ่ งทางต่าง ๆ ตามโครงสรา้ งและกฎเกณฑ์ทางภาษาดว้ ย ในการแปลความ ตคี วาม สรปุ ใจความสำคญั ของการส่งสารที่มคี วามแตกตา่ งกนั ได้ ทั้งแบบเผชญิ หน้า หรอื ไม่เผชญิ หน้า หรอื วจั นภาษา รวมถงึ การใชอ้ วัจนภาษาในการ วเิ คราะห์ ประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื และคณุ คา่ เขา้ ใจความแตกต่างระหวา่ งสารท่สี ่งผา่ น ในรปู แบบออนไลนท์ ้ังการส่ือสารแบบ สือ่ สาร โดยใชค้ วามสามารถในการตคี วาม ของสารท่ไี ด้รับ เลอื กใชก้ ลวิธีท่ีเหมาะสม ภาษาพูดและภาษาเขียน สามารถใช้ภาษา ประสานเวลาและไมป่ ระสานเวลา วเิ คราะห์ ทำความเขา้ ใจท่ีมีต่อสาร เลอื ก ในการรับสารไดส้ อดคล้องกับรูปแบบของ ในการสอ่ื สารไดอ้ ยา่ งชดั เจน สอดคล้องกับ ในระหวา่ งสอื่ สารกบั คสู่ นทนา ในการสนทนา เนอ้ื หาและกลวิธีในการสือ่ สารในรูปแบบ สารและเปา้ หมายในการฟัง การดู หรอื กลุ่มเป้าหมาย รูปแบบการส่ือสาร กล่มุ ยอ่ ย การสนทนากล่มุ ใหญ่ หรือ ตา่ ง ๆ ได้เหมาะสมตามระดบั การสือ่ สาร การอา่ น ตีความสาร/พฤตกิ รรม และ (ระหว่างบคุ คล กลมุ่ ยอ่ ย สาธารณชน) การสนทนาในท่สี าธารณะ สามารถปรบั บริบท สังคม วัฒนธรรม บนฐานคณุ ธรรม ทำความเขา้ ใจความคิด มุมมอง อารมณ์ เหน็ ความสำคัญของการส่งสารเพอ่ื เปลี่ยนบทบาทการสือ่ สารเปน็ ทั้งผ้สู ง่ สาร จรยิ ธรรม เขา้ ใจในความตอ้ งการในการสอ่ื สาร ความรสู้ กึ และวตั ถปุ ระสงคข์ องผู้ส่งสาร วตั ถุประสงค์ตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจำวัน และผรู้ บั สารได้ในสถานการณห์ น่งึ ๆ ของตนเอง และเขา้ ใจความรู้สกึ ของผู้อ่นื ท่ีมีความหลากหลาย จากภาษาพดู / เข้าใจความคิดและพฤตกิ รรมของตนเอง เพือ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ นการแลกเปลย่ี น รับฟังความคดิ เหน็ และข้อเสนอของผู้อื่น หรอื ภาษาเขยี น รว่ มกับการแสดงสหี น้า ในการสง่ สารท่ีอาจส่งผลตอ่ ผอู้ ืน่ สามารถ ความรู้ ข้อมลู ขา่ วสาร ประโยชน์ในการ ที่มคี วามแตกตา่ งจากความคดิ ของตนเอง ท่าทาง อากปั กรยิ า นำ้ เสยี ง แววตา ประเมนิ ความเหมาะสมของการสอ่ื สาร ดำเนินชีวิตประจำวนั การสร้างความเขา้ ใจ
65กรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รยี นระดับการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน สมรรถนะการส่อื สาร (Communicative competency) ระดับ สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะท่ี 3 การรบั สาร การส่งสาร การแลกเปลย่ี น/สนทนา ส่ือสารไดบ้ รรลตุ ามวตั ถุประสงค์ สอดคล้อง อารมณ์ ความร้สู ึก เพอื่ ทำความเขา้ ใจ ท่เี กดิ ขนึ้ ในบริบทตา่ ง ๆ สามารถพิจารณา ซึ่งกันและกัน การสรา้ งสมั พันธภาพทีด่ ี กับกาลเทศะ เกิดความราบรน่ื ประเมนิ ความหมายและวัตถุประสงค์ของผสู้ ง่ สาร และประเมินความเหมาะสมของสารท่สี ง่ ระหว่างบุคคล การลดความขัดแยง้ หรอื ความเหมาะสมของการส่อื สารของตน และ ระบแุ ละจำแนกวตั ถุประสงค์ของสารท ่ี บนฐานของคุณธรรม มคี วามฉลาดทาง เพื่อการพัฒนาตนเองได้ มคี วามฉลาดทาง ปรบั ปรงุ การสื่อสารใหม้ ีคุณภาพ ส่ือสาร ได้รบั ท่มี ีความแตกต่างกันได้ โดยคำนงึ ถึง อารมณ์และสังคม เขา้ ใจพฤตกิ รรมทาง อารมณ์และสังคม รูจ้ ักสงั เกตพฤตกิ รรม อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ เพอื่ ให้ ความแตกต่างของช่วงวยั และเพศของ สังคมและอารมณ์ของบคุ คลอน่ื ๆ มคี วาม ทางสงั คมและอารมณ์ของบุคคลอน่ื ๆ เกดิ ประโยชน์ในการพัฒนาตนเอง ในดา้ น แตล่ ะบคุ คล รบั ฟงั ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอ รบั ผดิ ชอบตอ่ การสง่ สารเมอ่ื กลวิธีท่เี ลอื ก ระหวา่ งการสนทนาสอื่ สาร ปรบั บทสนทนา สติปญั ญา อารมณ์ จิตใจ และกอ่ ประโยชน์ ของผอู้ นื่ ท่ีมคี วามแตกตา่ งจากความคดิ ใชไ้ ม่เหมาะสม มมี ารยาทในการส่งสาร เพ่ือให้สถานการณ์การส่ือสารราบรื่น แก่ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ ของตนเอง ประเมินความเหมาะสม คำนงึ ถึงความแตกต่างของบรบิ ททาง มมี ารยาทในการสอ่ื สาร ให้ความสนใจและ รวมถึงเพอื่ สรา้ งสมั พันธภาพทดี่ ีกบั ผู้อ่นื ของสารทไี่ ด้รับในบริบทตา่ ง ๆ บนฐาน วฒั นธรรม ไมย่ ดึ ความคดิ และความเชือ่ ให้เกยี รตติ ่อคสู่ นทนา ร้จู กั ควบคมุ อารมณ์ ในสังคมได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ คุณธรรม จริยธรรม เหน็ ความสำคญั ของ ของตนเป็นสำคัญ เลอื กขอ้ มลู และกลวธิ ี ระหวา่ งการสอื่ สารทไี่ มเ่ ปน็ ไปตามเปา้ หมาย การรับสารเพือ่ วัตถปุ ระสงค์ตา่ ง ๆ ในชีวติ สง่ สารโดยคำนงึ ถึงความแตกตา่ งระหวา่ ง หรือความตอ้ งการของตนเอง ปรบั ประจำวัน มีความฉลาดทางอารมณ์และ บคุ คล ในดา้ นวยั เพศ และกาลเทศะ พฤติกรรมการสือ่ สารใหส้ อดคล้องได้ตาม สงั คม เข้าใจพฤตกิ รรมทางสังคมและ เคารพความคดิ เหน็ ของผ้อู ืน่ ใช้ภาษา บรบิ ทและสอดคลอ้ งกบั ระดบั ของผสู้ ง่ สาร/ อารมณข์ องบุคคลอน่ื ๆ รู้จักสำรวจ ในการสอ่ื สารในทางสรา้ งสรรค์ เพ่ือสรา้ ง หรือผู้ฟัง/ผู้รบั สารโดยคำนึงถงึ คุณธรรม ความเขา้ ใจจากการรับสารของตนเอง ความเขา้ ใจและสัมพนั ธภาพท่ีดีระหว่าง ศีลธรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณีที่ดีงาม ใชป้ ระโยชนจ์ ากการรบั สารทง้ั ในดา้ นความรู้ บุคคลและหลีกเล่ยี งวธิ ีการส่งสารทีอ่ าจ ความคดิ ความเพลดิ เพลนิ และนำประโยชน ์ สร้างความเข้าใจผิดหรือความขดั แยง้ และคณุ คา่ จากสารทไี่ ดร้ บั ไปใชพ้ ฒั นาตนเอง ระหวา่ งกัน ส่งสารด้วยความซือ่ สตั ย ์ และบริบทใกล้ตัวได ้ ไมบ่ ดิ เบือนข้อมลู หลีกเล่ยี งการส่งสาร ท่ีผดิ ศลี ธรรม จริยธรรม มีอสิ ระทาง ความคดิ ในการสง่ สารผา่ นการพูด การเขียน ทางชอ่ งทางต่าง ๆ บนฐานของ คุณธรรม ศีลธรรม จรยิ ธรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณี และจารตี อนั ดงี าม
66 กรอบสมรรถนะหลักของผ้เู รียนระดับการศึกษาขัน้ พื้นฐาน สมรรถนะการส่ือสาร (Communicative competency) ระดบั สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะที่ 3 การรับสาร การส่งสาร การแลกเปล่ียน/สนทนา ระดับ 3 คำอธิบาย ความสามารถในการรับสาร การส่งสาร สามารถรบั รู้ ตีความสารทีไ่ ด้รับในรูปแบบ สามารถพูดหรอื เขียนหรอื ถ่ายทอดสาร สามารถแลกเปลี่ยนสารทอี่ ยู่ในรปู แบบ และการแลกเปลี่ยน/ถา่ ยทอดขอ้ มูล ทห่ี ลากหลาย ผ่านการฟัง การดู การอา่ น ในรปู แบบต่าง ๆ ด้วยวัจนภาษาร่วมกบั ตา่ ง ๆ ดว้ ยการฟัง-พดู อา่ น-เขียน ทงั้ คำ สารสนเทศ ประสบการณ์ ความรู้ ความคิด โดยใช้ความรู้ความเข้าใจ ประสบการณ์ อวจั นภาษา เพอื่ เพิ่มประสิทธิภาพในการ ขอ้ ความ ภาพ กราฟกิ ผา่ นช่องทางตา่ ง ๆ ได้ถูกต้องตามโครงสร้างและกฎเกณฑ์ทาง และแหล่งข้อมลู ตา่ ง ๆ ในการประมวล สอ่ื สารไดอ้ ยา่ งเหมาะสม สอดคล้องตาม ทง้ั แบบเผชิญหน้า หรอื ไม่เผชญิ หนา้ หรือ ภาษาดว้ ยวจั นภาษา รวมถงึ การใชอ้ วจั นภาษา ใจความสำคัญ วเิ คราะห์ ประเมินความ วตั ถปุ ระสงคข์ องสารทมี่ คี วามแตกตา่ งกนั ได้ ในรปู แบบออนไลนท์ ั้งการสื่อสารแบบ ในการสือ่ สาร โดยใช้ความสามารถ นา่ เช่อื ถือและคุณค่าของสารท่ไี ด้รับ เข้าใจความแตกตา่ งระหว่างสารทส่ี ง่ ผ่าน ประสานเวลาและไม่ประสานเวลา ในการตคี วาม วเิ คราะห์ ประมวลความเขา้ ใจ โดยเลือกใชก้ ลวิธที ่ีเหมาะสมในการรบั สาร ภาษาพูดและภาษาเขียน สามารถใช้ภาษา ในระหวา่ งสอ่ื สารกบั คสู่ นทนา ในการสนทนา ทม่ี ีต่อสาร และสามารถเลือกเนอื้ หาและ ไดส้ อดคลอ้ งกบั รปู แบบของสารและเปา้ หมาย ในการสอ่ื สารไดอ้ ยา่ งชัดเจน สอดคล้องกบั กลมุ่ ย่อย การสนทนากลุม่ ใหญ่ หรอื การ กลวิธีในการสื่อสารในรปู แบบต่าง ๆ ในการฟัง การดู หรอื การอา่ น ตีความสาร/ กล่มุ เปา้ หมาย รปู แบบการสื่อสาร สนทนาในทสี่ าธารณะ สามารถปรบั เปลยี่ น ไดเ้ หมาะสมตามระดับการส่อื สาร บรบิ ท พฤตกิ รรม และทำความเข้าใจความคิด (ระหวา่ งบคุ คล กลุ่มย่อย สาธารณชน) บทบาทการสื่อสารเปน็ ท้ังผ้สู ่งสารและ สังคม วัฒนธรรม บนฐานคุณธรรม มมุ มอง อารมณ์ ความรสู้ กึ และวตั ถปุ ระสงค ์ เห็นความสำคัญของการสง่ สาร ผรู้ บั สารได้ในสถานการณห์ นงึ่ ๆ เพอ่ื ให้ จรยิ ธรรม เลอื กใช้ข้อมูลทีม่ คี วามนา่ เชอื่ ถือ ของผูส้ ง่ สารทมี่ ีความหลากหลาย เพื่อวตั ถุประสงคต์ ่าง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั เกิดประโยชนใ์ นการแลกเปลย่ี นความรู้ ในการสนับสนุนการส่อื สาร เขา้ ใจในความ จากภาษาพดู /หรอื ภาษาเขียน ร่วมกบั เขา้ ใจความคิดและพฤตกิ รรมของตนเอง ขอ้ มูล ขา่ วสาร ประโยชนใ์ นการดำเนนิ ตอ้ งการในการส่อื สารของตนเอง และเข้าใจ การแสดงสหี นา้ ทา่ ทาง อากปั กรยิ า นำ้ เสยี ง ในการส่งสารทอี่ าจส่งผลตอ่ ผอู้ ื่น สามารถ ชีวติ ประจำวัน การสรา้ งความเขา้ ใจซ่ึงกนั ความรสู้ กึ ของผู้อื่น สอ่ื สารโดยปราศจาก แววตา อารมณ์ ความรสู้ กึ เพอ่ื ทำความเขา้ ใจ ประเมนิ ความเหมาะสมของการสือ่ สารที่ และกนั การสรา้ งสัมพันธภาพท่ดี ีระหว่าง อคติ ไม่ยึดความคดิ และความเช่อื ของตน ความหมายและวตั ถุประสงค์ของผู้สง่ สาร เกดิ ขนึ้ ในบริบทต่าง ๆ และปรับพฤติกรรม บคุ คล การลดความขัดแยง้ หรือเพอ่ื การ เปน็ สำคญั รบั รวู้ า่ ความคดิ และพฤติกรรม ระบแุ ละจำแนกวัตถุประสงค์ของสาร การสอ่ื สารใหส้ อดคล้องได้ตามบรบิ ทและ พฒั นาตนเองและสังคมได้ มีความฉลาด ของตนเองอาจส่งผลตอ่ ผู้อน่ื ระหว่าง ทไ่ี ดร้ บั ทมี่ คี วามแตกตา่ งกนั ได้ โดยคำนงึ ถงึ สอดคล้องกับผูฟ้ ัง/ผู้รบั สารได้ สามารถ ทางอารมณ์และสังคม เข้าใจพฤติกรรม การสอ่ื สารได้ สอื่ สารไดบ้ รรลตุ ามวตั ถปุ ระสงค์ ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลและวฒั นธรรม พิจารณาและประเมนิ ความเหมาะสมของ ทางสังคมและอารมณ์ของบุคคลอนื่ ๆ สอดคลอ้ งกับกาลเทศะ เกิดความราบร่นื รบั สารโดยปราศจากอคติ ไมย่ ดึ ความคดิ สารที่ส่งบนฐานของคุณธรรม จรยิ ธรรม ระหวา่ งการสนทนาสอ่ื สาร ปรบั บทสนทนา ตรวจสอบและประเมินความเหมาะสม และความเชอ่ื ของตนเป็นสำคัญ ระบุสง่ิ ที่ มีความฉลาดทางอารมณแ์ ละสังคม เข้าใจ และอารมณ์ความร้สู ึกในการส่ือสารเพอื่ และประสิทธภิ าพของการส่อื สารของตน เปน็ อปุ สรรคในการรับสารของตนเองได้ พฤตกิ รรมทางสงั คมและอารมณข์ องบคุ คล สร้างบรรยากาศทีด่ ีระหว่างการสนทนาได้
67กรอบสมรรถนะหลักของผเู้ รยี นระดับการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน สมรรถนะการสอ่ื สาร (Communicative competency) ระดับ สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะที่ 3 การรบั สาร การสง่ สาร การแลกเปล่ียน/สนทนา และปรับปรุงการสอ่ื สารให้มีคณุ ภาพ ประเมินความเหมาะสมของสารทีไ่ ดร้ บั ใน อื่น ๆ มีความรบั ผดิ ชอบตอ่ การส่งสารเม่ือ มีมารยาทในการส่อื สาร ให้ความสนใจและ สอื่ สารอย่างมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์ บรบิ ทต่าง ๆ บนฐานคุณธรรม จริยธรรม กลวิธที เ่ี ลือกใชไ้ ม่เหมาะสมหรือขาด ใหเ้ กยี รตติ อ่ คสู่ นทนา รู้จักควบคุมอารมณ์ เพอ่ื ให้เกิดประโยชนใ์ นการพัฒนาตนเอง ตระหนกั ถงึ ความสำคญั ของการรบั สารเพ่อื ประสทิ ธภิ าพ มีมารยาทในการส่งสาร ระหวา่ งการสอื่ สารทไี่ มเ่ ปน็ ไปตามเปา้ หมาย ในด้านสตปิ ญั ญา อารมณ์ จติ ใจ และก่อ วัตถปุ ระสงคต์ า่ ง ๆ ในชวี ิตประจำวัน สื่อสารบนฐานของความแตกต่าง คำนงึ ถงึ หรือความตอ้ งการของตนเอง ปรบั ประโยชนแ์ กส่ งั คม และประเทศชาติ มคี วามฉลาดทางอารมณแ์ ละสงั คม เขา้ ใจ ความแตกตา่ งของบริบททางวฒั นธรรม พฤติกรรมการสื่อสารใหส้ อดคลอ้ งได้ตาม รวมถึงเพ่ือสรา้ งสัมพันธภาพทด่ี กี บั ผอู้ ่นื พฤตกิ รรมทางสงั คมและอารมณข์ องบุคคล ไมย่ ดึ ความคดิ และความเชือ่ ของตนเป็น บรบิ ทและสอดคลอ้ งกบั ระดบั ของผสู้ ง่ สาร/ ในบรบิ ทวฒั นธรรมทหี่ ลากหลายไดอ้ ยา่ งมี อน่ื ๆ รจู้ กั สำรวจความเขา้ ใจและพฤตกิ รรม สำคัญ เลอื กข้อมลู และกลวิธีสง่ สารโดย หรือผฟู้ ัง/ผ้รู ับสารโดยคำนึงถึงคุณธรรม ประสทิ ธิภาพ การรบั สารของตนเอง สามารถใช้ คำนงึ ถงึ ความแตกต่างระหว่างบคุ คล จริยธรรม ศีลธรรม ขนบธรรมเนียม จารีต ประโยชนจ์ ากการรับสารทง้ั ในแงข่ อง กาลเทศะ บรบิ ทสังคมและวัฒนธรรม ประเพณีท่ีดงี าม ความรู้ ความคิด ความเพลิดเพลนิ เคารพความคดิ เหน็ ทมี่ ีความหลากหลาย และนำประโยชน์และคุณคา่ จากสาร ใชภ้ าษาในการส่ือสารในทางสรา้ งสรรค์ ท่ไี ดร้ บั ไปใชพ้ ัฒนาตนเองและสังคมได ้ เพ่ือสร้างความเขา้ ใจและสมั พันธภาพทดี่ ี ระหว่างบคุ คลและหลกี เล่ียงวิธกี ารสง่ สาร ที่อาจสร้างความเขา้ ใจผิดหรอื ความขัดแย้ง ระหว่างกนั ให้ความสำคัญกบั ทุกคนในการ สื่อสารอยา่ งเทา่ เทียม ส่งสารด้วยความ ซือ่ สตั ย์ ไมบ่ ดิ เบือนขอ้ มูล หลีกเลี่ยง การสง่ สารท่ผี ิดศีลธรรม จริยธรรม มอี สิ ระ ทางความคดิ ในการส่งสารผ่านการพดู การเขียน ทางชอ่ งทางต่าง ๆ บนฐาน ของคณุ ธรรม ศีลธรรม จรยิ ธรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณี และจารตี อนั ดงี าม
68 กรอบสมรรถนะหลักของผเู้ รยี นระดบั การศึกษาขัน้ พื้นฐาน สมรรถนะการสื่อสาร (Communicative competency) ระดบั สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะท่ี 3 การรับสาร การสง่ สาร การแลกเปลย่ี น/สนทนา ระดบั 4 คำอธิบาย ความสามารถในการรบั สาร การสง่ สาร สามารถรับรู้ ตีความสารท่ไี ด้รับในรูปแบบ สามารถพดู หรือเขียนหรอื ถ่ายทอดสาร สามารถแลกเปลย่ี นสารทอ่ี ยใู่ นรปู แบบตา่ ง ๆ และการแลกเปลี่ยน/ถ่ายทอดขอ้ มูล ท่หี ลากหลาย ผ่านการฟงั การดู การอ่าน ในรปู แบบต่าง ๆ ดว้ ยวจั นภาษารว่ มกบั ดว้ ยการฟัง-พูด อ่าน-เขยี น ท้ังคำ ข้อความ สารสนเทศ ประสบการณ์ ความรู้ ความคดิ โดยใชค้ วามรูค้ วามเขา้ ใจ ประสบการณ์ อวัจนภาษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการ ภาพ กราฟิก ผา่ นช่องทางตา่ ง ๆ ทงั้ แบบ ได้ถกู ต้องตามโครงสร้างและกฎเกณฑท์ าง และแหล่งข้อมูลอ้างอิงทน่ี า่ เช่ือถือในการ ส่อื สารได้อยา่ งเหมาะสม สอดคลอ้ งตาม เผชญิ หนา้ หรอื ไมเ่ ผชญิ หนา้ หรอื ในรปู แบบ ภาษาด้วยวัจนภาษา รวมถงึ การใชอ้ วจั น- ประมวลใจความสำคญั วเิ คราะห์ ประเมนิ วัตถุประสงคข์ องสารท่ีมคี วามแตกตา่ งกนั ออนไลนท์ ั้งการส่ือสารแบบประสานเวลา ภาษาในการสอื่ สาร โดยใชค้ วามสามารถใน ความนา่ เชอ่ื ถอื และคุณคา่ ของสารทไ่ี ดร้ ับ ได้ เข้าใจความแตกตา่ งระหวา่ งสารท ี่ และไมป่ ระสานเวลา ในระหว่างส่อื สาร การตคี วาม วิเคราะห์ ประมวลความเขา้ ใจ โดยเลอื กใช้กลวิธีท่เี หมาะสมในการรับสาร สง่ ผ่านภาษาพดู และภาษาเขียน สามารถ กับคู่สนทนา ในการสนทนากลมุ่ ยอ่ ย ท่ีมตี อ่ สาร เลอื กเนอ้ื หาและกลวิธีในการ ให้สอดคลอ้ งกับรปู แบบของสารและ ใชภ้ าษาในการสื่อสารไดอ้ ยา่ งชดั เจน การสนทนากลุ่มใหญ่ หรือการสนทนา สอ่ื สารในรูปแบบตา่ ง ๆ ได้เหมาะสมตาม เปา้ หมายในการฟงั การดู หรอื การอ่าน สอดคลอ้ งกับกล่มุ เป้าหมาย รูปแบบ ในทส่ี าธารณะ สามารถปรบั เปลย่ี นบทบาท ระดับการสอื่ สาร บรบิ ท สงั คม วัฒนธรรม ตคี วามสาร/พฤตกิ รรม และทำความเขา้ ใจ การสือ่ สาร (ระหว่างบุคคล กลุ่มย่อย การสอ่ื สารโต้ตอบเปน็ ท้ังผ้สู ่งสารและ บนฐานคุณธรรม จรยิ ธรรม เลอื กใช้ขอ้ มูล ความคิด มุมมอง อารมณ์ ความร้สู กึ และ สาธารณชน) เลือกใช้ขอ้ มลู ทมี่ ี ผรู้ ับสารได้ในสถานการณ์หน่งึ ๆ เพือ่ ให้ ทม่ี ีความน่าเชื่อถอื ในการสนบั สนนุ การ วตั ถปุ ระสงคข์ องผสู้ ง่ สารทม่ี คี วามหลากหลาย ความนา่ เชอ่ื ถอื ในการสนบั สนนุ ขอ้ ความ/สาร เกดิ ประโยชนใ์ นการแลกเปล่ียนความรู้ สอื่ สาร เข้าใจในความต้องการในการสือ่ สาร จากภาษาพดู /หรือภาษาเขยี น รว่ มกับ ตระหนักถึงความสำคญั ของการสง่ สารเพอื่ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ประโยชนใ์ นการดำเนนิ ชวี ติ ของตนเอง และเขา้ ใจความรู้สกึ ของผู้อนื่ การแสดงสหี นา้ ทา่ ทาง อากปั กรยิ า นำ้ เสยี ง วตั ถปุ ระสงคต์ า่ ง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั เขา้ ใจ ประจำวนั การสรา้ งความเขา้ ใจซง่ึ กนั และกนั ส่ือสารโดยปราศจากอคติ ไมย่ ึดความคดิ แววตา อารมณ์ ความรสู้ กึ เพอื่ ทำความเขา้ ใจ และตระหนกั ในความคดิ และพฤตกิ รรม การสร้างสัมพันธภาพที่ดรี ะหวา่ งบุคคล และความเช่อื ของตนเปน็ สำคญั ตระหนัก ความหมายและวัตถปุ ระสงคข์ องผ้สู ่งสาร ของตนเองในการสง่ สารทอี่ าจสง่ ผลตอ่ ผอู้ นื่ การลดความขัดแยง้ หรอื เพ่ือการพัฒนา ในความคิดและพฤติกรรมของตนเองในการ ระบแุ ละจำแนกวตั ถุประสงคข์ องสาร สามารถประเมนิ ความเหมาะสมและ ตนเองและสังคมได้ มีความฉลาดทาง สง่ สารทอี่ าจสง่ ผลตอ่ ผอู้ น่ื ได้ สอื่ สารไดบ้ รรล ุ ทไี่ ดร้ บั ทม่ี คี วามแตกตา่ งกนั ได้ โดยคำนงึ ถงึ ประสิทธิภาพของการส่ือสารทเ่ี กดิ ข้นึ อารมณ์และสงั คม เข้าใจพฤตกิ รรมทาง ตามวตั ถปุ ระสงค์ สอดคลอ้ งกับกาลเทศะ ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลและวฒั นธรรม ในบรบิ ทตา่ ง ๆ และปรบั พฤตกิ รรมการสอ่ื สาร สงั คมและอารมณ์ของบคุ คลอน่ื ๆ ระหว่าง เกิดความราบรื่น ตรวจสอบและประเมนิ รบั สารโดยปราศจากอคติ ไม่ยดึ ความคดิ ให้สอดคลอ้ งได้ตามบริบทและสอดคล้อง การสนทนาสื่อสาร ปรบั บทสนทนาและ ความเหมาะสมและประสิทธิภาพของ และความเชอ่ื ของตนเป็นสำคญั ระบสุ ิง่ กบั ผู้ฟัง/ผรู้ บั สารได้ สามารถพิจารณาและ อารมณค์ วามรู้สึกในการส่อื สารเพ่ือสรา้ ง การสื่อสารของตน และปรบั ปรงุ การสอื่ สาร ที่เป็นอุปสรรคในการรบั สารและกำจดั ประเมนิ ความเหมาะสมของสารทส่ี ง่ บนฐาน บรรยากาศทดี่ ีระหวา่ งการสนทนาได้
69กรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รียนระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน สมรรถนะการสอ่ื สาร (Communicative competency) ระดบั สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะที่ 3 การรบั สาร การสง่ สาร การแลกเปล่ียน/สนทนา ใหม้ คี ณุ ภาพอยา่ งสม่ำเสมอ สื่อสารอย่างมี อปุ สรรคดังกลา่ วเพ่ือใหก้ ารรบั สารเกดิ ของคุณธรรม จรยิ ธรรม มีความฉลาด มีมารยาทในการส่ือสาร ให้ความสนใจและ วิจารณญาณและสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิด ประสิทธิภาพ ประเมินความเหมาะสม ทางอารมณแ์ ละสังคม เขา้ ใจพฤติกรรม ให้เกยี รตติ ่อคู่สนทนา รู้จักควบคมุ และ ประโยชน์ในการพฒั นาตนเองในดา้ น ของสารที่ไดร้ ับในบรบิ ทต่าง ๆ บนฐาน ทางสังคมและอารมณ์ของบคุ คลอ่นื ๆ จัดการกบั อารมณร์ ะหว่าง การสอ่ื สาร สตปิ ัญญา อารมณ์ จติ ใจ และกอ่ ประโยชน์ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ตระหนกั ถงึ ความสำคญั มคี วามรบั ผดิ ชอบต่อการสง่ สาร เม่ือกลวิธี ทไี่ มเ่ ปน็ ไปตามเปา้ หมายหรอื ความตอ้ งการ แกส่ งั คม ประเทศ นานาชาติ รวมถงึ เพอ่ื สรา้ ง ของการรบั สารเพื่อวัตถุประสงคต์ ่าง ๆ ทเ่ี ลอื กใชไ้ มเ่ หมาะสมหรอื ขาดประสทิ ธภิ าพ ของตนเอง สามารถประเมนิ ความเหมาะสม สมั พนั ธภาพทีด่ ีกบั ผูอ้ ่นื ในบริบทวัฒนธรรม ในชวี ติ ประจำวัน มีความฉลาดทางอารมณ์ และนำขอ้ มูลปอ้ นกลบั มาใช้ปรับปรงุ และประสิทธิภาพของการสื่อสารท่ีเกดิ ขึ้น ทหี่ ลากหลายไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ และสงั คม เข้าใจพฤติกรรมทางสังคมและ การสอ่ื สารในโอกาสตอ่ ไป มมี ารยาทในการ ในบรบิ ทตา่ ง ๆ และปรับพฤตกิ รรมการ อารมณข์ องบคุ คลอน่ื ๆ สำรวจความเข้าใจ ส่งสาร สื่อสารบนฐานของความแตกตา่ ง สือ่ สารใหส้ อดคล้องไดต้ ามบรบิ ทและ และพฤตกิ รรมการรับสารของตนเองอย่าง คำนึงถงึ ความแตกต่างของภูมหิ ลัง สอดคลอ้ งกับระดบั ของผู้ส่งสาร/หรือผู้ฟงั / สม่ำเสมอ เพ่อื ให้ได้รบั ประโยชนท์ ัง้ ในแง่ ประสบการณ์ บริบททางวฒั นธรรม ส่งสาร ผูร้ บั สารโดยคำนึงถงึ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ของความรู้ ความคดิ ความเพลิดเพลิน โดยปราศจากอคติ ไมย่ ดึ ความคดิ และ ศลี ธรรม ขนบธรรมเนยี ม จารตี ประเพณที ด่ี งี าม และนำประโยชน์และคุณคา่ จากสารทไ่ี ด้ ความเช่ือของตนเปน็ สำคัญ เลอื กขอ้ มลู รบั เป็นพ้ืนฐานในการสร้างความร้ใู หม่เพอ่ื และกลวิธสี ง่ สารโดยคำนึงถึงความแตกตา่ ง ใช้พฒั นาตนเองและสงั คมได ้ ระหว่างบุคคล กาลเทศะ บรบิ ทสงั คมและ วัฒนธรรม ยอมรบั การตีความสารท่ีอาจ แตกตา่ งกนั ไปตามผู้รบั สารและเคารพ ความคิดเห็นที่มีความหลากหลาย ใช้ภาษา ในการสื่อสารในทางสรา้ งสรรค์ เพื่อสร้าง ความเขา้ ใจและสมั พนั ธภาพทด่ี รี ะหวา่ งบคุ คล และหลีกเล่ยี งวิธีการสง่ สารทีอ่ าจสร้าง ความเขา้ ใจผิดหรือความขดั แย้งระหวา่ งกนั ให้ความสำคัญกบั ทกุ คนในการสอื่ สาร อย่างเท่าเทียม ส่งสารดว้ ยความซื่อสตั ย์
70 กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดบั การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน สมรรถนะการส่อื สาร (Communicative competency) ระดับ สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะที่ 1 การสง่ สาร สมรรถนะที่ 3 การรบั สาร การแลกเปลีย่ น/สนทนา ไม่บดิ เบือนขอ้ มลู หลกี เลี่ยงการส่งสารที่ ผดิ ศลี ธรรม จรยิ ธรรม มีอิสระทางความคิด ในการสง่ สารผ่านการพดู การเขยี น ทางชอ่ งทางต่าง ๆ บนฐานของคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และจารตี อันดีงาม
71กรอบสมรรถนะหลักของผเู้ รียนระดบั การศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน 6. สมรรถนะหลกั ดา้ นการทำงานแบบรวมพลงั เปน็ ทมี และมีภาวะผ้นู ำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) สมรรถนะหลักด้านการทำงานแบบรวมพลังเป็นทีม และมีภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) หมายถึง ความสามารถ ในการรว่ มกันทำงานตามบทบาทเพอ่ื ให้บรรลเุ ปา้ หมายทก่ี ำหนดรว่ มกัน อีกท้ังส่งเสริม บ่มเพาะความสมั พนั ธท์ างบวก โดยผเู้ ก่ยี วข้องตระหนักในการสนับสนนุ แบ่งปนั แลกเปลี่ยนความรู้ และความคิด พร้อมสนับสนุนเกื้อกูลกันทุกด้าน นอกจากน้ีต้อง ใส่ใจในการประสานความคิด ประนีประนอม เสนอทางเลือกและแนวปฏิบัต ิ ทีท่ ุกฝ่ายยอมรับ สรา้ ง และรกั ษาความสมั พนั ธท์ างบวกกบั สมาชิก ภาวะผู้นำ เป็นคุณลักษณะของบุคคลที่สามารถแก้ปัญหาและใช้มนุษยสัมพันธ์ท่ีดีเพ่ือชี้แนะแนวทางให้ไปสู่เป้าหมายและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อ่ืนได้พัฒนา ตนเองและนำจุดเดน่ ของแตล่ ะคนมาใช้ปฏิบัติงานในฐานะสมาชกิ กลุ่มทดี่ ี เพ่อื ใหบ้ รรลุผลสำเรจ็ ร่วมกนั
72 กรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรยี นระดับการศึกษาขนั้ พื้นฐาน สมรรถนะหลกั ดา้ นการทำงานแบบรวมพลงั เปน็ ทมี และมีภาวะผ้นู ำ (Collaboration Teamwork and Leadership) ระดบั ภาวะผสมูน้ รำตรแนถลเนะอะกงทา รี่ 1พ ฒั นา การส อ่ื สสมารรรทถ่มี นีปะรทะ่ี ส2ทิ ธิผล สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะที่ 4 กาสรสมรร้ารงถแ นละะทรี่ กั 5ษ า กระบวนการทำงาน การแกป้ ัญหาดว้ ยสันตวิ ธิ ี ระดับ 1 คำอธิบาย รว่ มกนั แบบรว่ มมือรวมพลงั มีทักษะในการทำงานร่วมกัน ความสัมพนั ธ ์ โดยเปน็ ผนู้ ำและเปน็ สมาชกิ ทด่ี ี ของกลมุ่ มมี ารยาทในการรบั ฟงั ความคิดเห็นของผ้อู ่ืน ใหก้ าร สนบั สนนุ หรือโต้แย้งอย่างมี 1. เป็นผู้นำและเป็นสมาชิก 1. รับฟังความคดิ เหน็ ของ 1. รว่ มกนั กำหนดเป้าหมาย 1. แกป้ ญั หาทเี่ กดิ ขึ้นในการ 1. สรา้ งและรกั ษาความ เหตผุ ล รว่ มกนั กำหนดเปา้ หมาย ทด่ี ขี องกลมุ่ แสดงออก ผอู้ นื่ สนบั สนนุ หรอื โตแ้ ยง้ มีกระบวนการทำงาน ทำงานกลมุ่ ด้วยสันติวิธี สมั พนั ธอ์ ันดีในกลมุ่ มีกระบวนการทำงานกลุม่ ที่ ความคิดเหน็ ของผูอ้ น่ื กลมุ่ ที่สอดคลอ้ งกบั ชดั เจน รบั ผดิ ชอบตามบทบาท ได้อย่างเหมาะสมตามวัย อย่างมีเหตุผล เป้าหมาย และรบั ผิดชอบ และยอมรบั ผลท่เี กิดจาก หนา้ ท่ที ี่ไดร้ บั มอบหมาย ตามบทบาทและหน้าท ี่ การทำงานรว่ มกนั ประเมนิ การทำงานรว่ มกนั เปน็ ที่ได้รับมอบหมาย ระยะ ช่วยเหลอื และแกป้ ญั หา ชว่ ยเหลอื กัน ประเมนิ ท่ีเกิดข้ึนในการทำงานกลุ่ม การทำงานรว่ มกันเป็น ดว้ ยสนั ติวิธี สร้างและรกั ษา ระยะ เพ่ือให้บรรลุตาม ความสัมพันธอ์ นั ดีเพอื่ ความ เปา้ หมายทก่ี ำหนด สำเรจ็ ในการทำงานร่วมกนั
73กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน สมรรถนะหลกั ดา้ นการทำงานแบบรวมพลงั เป็นทีม และมีภาวะผ้นู ำ (Collaboration Teamwork and Leadership) ระดับ ภาวะผสมนู้ รำตรแนถลเนะอะกงทา ร่ี 1พ ฒั นา การส อื่ สสมารรรทถีม่ นปี ะรทะ่ี ส2ิท ธผิ ล สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะท่ี 4 กาสรสมรร้ารงถแ นละะทร่ี ัก5ษ า กระบวนการทำงาน การแกป้ ัญหาดว้ ยสนั ตวิ ธิ ี ระดับ 2 คำอธบิ าย รว่ มกันแบบร่วมมอื รวมพลงั มีทกั ษะในการทำงานร่วมกนั ความสมั พนั ธ ์ โดยเป็นผนู้ ำและเปน็ สมาชิก ทดี่ ขี องกลุม่ มแี รงบนั ดาลใจ ในการพฒั นาตนเองใหเ้ ปน็ ท่ี ไวว้ างใจ เปดิ ใจ รบั ฟงั ยอมรบั 1. เป็นผนู้ ำและเปน็ สมาชกิ 1. เปดิ ใจ รับฟงั ยอมรับ 1. รว่ มกันกำหนดเป้าหมาย 1. ปรบั และประสานความคดิ 1. สร้างและรกั ษา และเคารพความคิดเหน็ ใน ทด่ี ีของกล่มุ แสดงออก และเคารพความคิดเหน็ มกี ระบวนการทำงาน ในการแกไ้ ขปญั หาดว้ ย ความสมั พันธอ์ ันดใี นกลมุ่ มมุ มองทีแ่ ตกต่าง ให้การ ในมุมมองที่แตกตา่ ง กลุ่มทีส่ อดคลอ้ งกับ สนบั สนุนหรือโตแ้ ย้งอยา่ งมี ได้อย่างเหมาะสม เปา้ หมาย และรบั ผิดชอบ สนั ตวิ ิธ ี ให้ความไวว้ างใจและ เหตผุ ล รว่ มกนั กำหนดเปา้ หมาย มีแรงบันดาลใจในการ 2. สนบั สนนุ หรือโต้แยง้ ตามบทบาทหน้าท่ีด้วย ยอมรับผลทีเ่ กดิ จาก มีกระบวนการทำงานกลมุ่ ความคดิ เห็นของผอู้ ืน่ ความใสใ่ จ มคี วามพยายาม การทำงานรว่ มกันด้วย ทชี่ ดั เจน รับผิดชอบตาม พัฒนาตนเองใหเ้ ปน็ ท่ี อยา่ งมีเหตผุ ล ความเตม็ ใจ บทบาทหนา้ ทที่ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ไว้วางใจ เพือ่ ใหเ้ กดิ ความสำเรจ็ ดว้ ยความใสใ่ จ เตม็ ใจ พยายาม ในการทำงาน อยา่ งเตม็ ใจ และชว่ ยเหลอื กนั ประเมิน ช่วยเหลือกนั ประเมิน การทำงานร่วมกันเปน็ ระยะ ปรับ ประสานความคิดและ การทำงานรว่ มกัน แก้ปัญหาด้วยสนั ติวธิ ี สรา้ ง เปน็ ระยะ เพอ่ื นำไป และรกั ษาความสมั พันธอ์ ันดี ปรับปรุง ให้บรรลตุ าม เพื่อความสำเร็จในการทำงาน เป้าหมายทกี่ ำหนด ร่วมกัน
74 กรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรยี นระดบั การศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน สมรรถนะหลกั ดา้ นการทำงานแบบรวมพลงั เปน็ ทีม และมภี าวะผูน้ ำ (Collaboration Teamwork and Leadership) ระดับ ภาวะผสมู้นรำตรแนถลเนะอะกงทา รี่ 1พ ฒั นา การส อ่ื สสมารรรทถีม่ นีปะรทะี่ ส2ิท ธผิ ล สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะที่ 4 กาสรสมรรา้รงถแ นละะทร่ี กั 5ษ า กระบวนการทำงาน การแกป้ ัญหาด้วยสันติวธิ ี ระดบั 3 คำอธิบาย ร่วมกนั แบบรว่ มมือรวมพลงั มีทกั ษะในการทำงานรว่ มกัน ความสัมพนั ธ์ โดยเป็นผู้นำและเป็นสมาชกิ ท่ดี ีของกลุ่ม มีแรงบันดาลใจ ในการพัฒนาตนเอง สร้าง แรงจูงใจใหก้ ลมุ่ เหน็ คณุ คา่ 1. เป็นผนู้ ำและเปน็ สมาชกิ 1. เปดิ ใจ รับฟงั ยอมรับ 1. รว่ มกนั กำหนดเปา้ หมาย 1. ปรบั และประสานความคดิ 1. สรา้ งและรกั ษา ในความสามารถที่แตกตา่ งกนั ทด่ี ีของกล่มุ แสดงออก และเคารพความคดิ เห็น กลยุทธ ์ ท่ีชดั เจน ในการแกไ้ ขปัญหาความ ความสัมพนั ธอ์ ันดใี นกล่มุ และนำจุดเด่นของแตล่ ะคน ในมุมมองท่แี ตกตา่ งดว้ ย มกี ระบวนการทำงาน ขัดแย้งดว้ ยสันติวิธีอยา่ ง มาใชใ้ นการทำงาน เปิดใจ ไดอ้ ย่างเหมาะสม ความจรงิ ใจ กลมุ่ ที่สอดคลอ้ งกับ เต็มใจ ใหค้ วามไวว้ างใจและเหน็ รบั ฟงั ยอมรบั และเคารพ มีแรงบนั ดาลใจในการ เปา้ หมาย และรับผิดชอบ คุณค่าในความสามารถที่ ความคดิ เหน็ ในมมุ มองทแี่ ตกตา่ ง 2. สนับสนนุ หรอื โตแ้ ยง้ ตามบทบาทหนา้ ทด่ี ว้ ย สนับสนนุ หรือโต้แย้งอย่างมี พฒั นาตนเอง สรา้ ง ความคดิ เหน็ ของผู้อ่นื ความใสใ่ จ มีความ แตกตา่ งกันของสมาชกิ เหตผุ ล รว่ มกนั กำหนดเปา้ หมาย แรงจงู ใจใหก้ ลมุ่ นำจดุ เดน่ อยา่ งมีเหตุผล พยายามเพื่อให้เกดิ ความ ด้วยความเต็มใจ กลยทุ ธ์ มีกระบวนการทำงาน ของแต่ละคนมาใช้ในการ สำเร็จในการทำงาน กลมุ่ ท่ีชัดเจน รบั ผดิ ชอบตาม อย่างเตม็ ใจ ชว่ ยเหลอื กัน บทบาทหนา้ ที่ดว้ ยความใส่ใจ ทำงานให้บรรลุผลสำเร็จ และใหค้ วามไว้วางใจกัน เตม็ ใจ ไวว้ างใจกนั ชว่ ยเหลอื กนั ตามเป้าหมาย และกัน กำกบั และ สร้างและรักษาความสมั พันธ์ ตดิ ตามการทำงานเปน็ อันดี มีความพยายามเพือ่ ให้ ระยะ วเิ คราะหแ์ ละ เกิดความสำเรจ็ ในการทำงาน ประเมนิ กระบวนการ กำกบั และติดตามการทำงาน ทำงานร่วมกนั เพ่ือนำไป เป็นระยะ ประสานความคิด ปรบั ปรุง ใหบ้ รรลุตาม แก้ปัญหาในการทำงานกลุ่ม เปา้ หมายที่กำหนด
75กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรยี นระดับการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน สมรรถนะหลักด้านการทำงานแบบรวมพลังเป็นทีม และมภี าวะผนู้ ำ (Collaboration Teamwork and Leadership) ระดบั ภาวะผสมนู้ รำตรแนถลเนะอะกงทา รี่ 1พ ฒั นา การส ่อื สสมารรรทถ่มี นปี ะรทะ่ี ส2ทิ ธผิ ล สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะท่ี 4 กาสรสมรรา้รงถแ นละะทรี่ ัก5ษ า กระบวนการทำงาน การแกป้ ญั หาด้วยสนั ตวิ ิธ ี รว่ มกันแบบรว่ มมือรวมพลัง และปญั หาความขดั แย้งดว้ ย ความสมั พันธ์ สนั ตวิ ิธี วิเคราะหแ์ ละประเมนิ กระบวนการทำงานร่วมกัน แลว้ นำไปปรบั ปรุง เพอ่ื ให้ บรรลผุ ลสำเร็จตามเปา้ หมาย ระดับ 4 คำอธิบาย มที ักษะในการทำงานเปน็ ทมี ทม่ี ปี ระสิทธภิ าพ สามารถใช้ ภาวะผนู้ ำไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั 1. เปิดใจ รับฟงั ยอมรบั 1. ร่วมกนั กำหนดเป้าหมาย 1. ปรบั ตวั ประสานความคดิ สถานการณ์ สรา้ งแรงบนั ดาลใจ 1. เป็นผู้นำและเป็นสมาชกิ และมคี วามตระหนกั ใน 1. สรา้ งและรกั ษาความสมั พนั ธ ์ ให้ผอู้ ืน่ ได้พัฒนาตนเอง ท่ีดขี องกลมุ่ ใช้ภาวะผู้นำ และเคารพความคิดเหน็ กลยทุ ธ ์ ท่ีชัดเจน อันดีในกลมุ่ ใหค้ วาม ใช้จดุ เดน่ และความสามารถ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั ในมมุ มองทแี่ ตกตา่ งดว้ ย มกี ระบวนการทำงานกลมุ่ คณุ คา่ ของการแก้ไข ไว้วางใจซึ่งกันและกนั ของแต่ละคน มกี ารแบ่งปัน สถานการณ์ มแี รงบนั ดาลใจ ความจริงใจสนบั สนุน ทส่ี อดคลอ้ งกบั เปา้ หมาย ปญั หาความขดั แยง้ ดว้ ย แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ ปฏบิ ัตติ น ในการพัฒนาตนเอง ข้อมูลและแลกเปลี่ยน และรบั ผดิ ชอบตามบทบาท สันตวิ ธิ ีอย่างสร้างสรรค ์ ดว้ ยการตระหนกั ในคณุ คา่ ในฐานะสมาชกิ กลมุ่ ทดี่ ี ทำงาน สรา้ งแรงจงู ใจใหก้ ลมุ่ เรยี นรู้อยา่ งมเี หตุผล หนา้ ท่ดี ้วยความใส่ใจ ของสมั พนั ธภาพที่ดี เพื่อ ร่วมกันด้วยความไวว้ างใจ นำจุดเดน่ ของแต่ละคน 2. เพอ่ื ใหเ้ กิดความเข้าใจ มคี วามพยายามเพอ่ื ใหเ้ กดิ เปดิ ใจ เคารพความคดิ เหน็ มาใชใ้ นการทำงานให้ อนั ดี และบรรลุผลตาม ความสำเรจ็ ในการทำงาน ให้บรรลตุ ามเป้าหมาย และมมุ มองทีแ่ ตกตา่ ง ร่วมกัน บรรลุผลสำเร็จตาม เป้าหมาย อยา่ งเตม็ ใจ ช่วยเหลอื กนั ทีก่ ำหนด กำหนดเป้าหมาย กลยทุ ธ์ เปา้ หมาย และใหค้ วามไว้วางใจกนั มกี ระบวนการทำงานกลมุ่ และกนั กำกบั และตดิ ตาม ท่ชี ัดเจน รบั ผดิ ชอบตาม การทำงานเปน็ ระยะ บทบาทหน้าท่ดี ว้ ยความใสใ่ จ วิเคราะห์และประเมิน กระบวนการทำงานร่วม กนั เพอ่ื นำไปปรับปรุง ให้บรรลุตามเป้าหมาย
76 กรอบสมรรถนะหลักของผูเ้ รยี นระดบั การศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน สมรรถนะหลกั ดา้ นการทำงานแบบรวมพลงั เปน็ ทีม และมีภาวะผนู้ ำ (Collaboration Teamwork and Leadership) ระดบั ภาวะผสมนู้ รำตรแนถลเนะอะกงทา ร่ี 1พ ฒั นา การส ื่อสสมารรรทถีม่ นีปะรทะี่ ส2ทิ ธผิ ล สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะท่ี 4 กาสรสมรรา้รงถแ นละะทรี่ ัก5ษ า กระบวนการทำงาน การแก้ปัญหาด้วยสันตวิ ธิ ี เตม็ ใจ ไวว้ างใจกนั ชว่ ยเหลอื กนั ร่วมกันแบบรว่ มมอื รวมพลงั มคี วามพยายามเพือ่ ให้เกิด ความสัมพันธ ์ ความสำเรจ็ ในการทำงาน ประสานความคดิ กำกบั และ ท่ีกำหนด เห็นคุณคา่ ของ ติดตามการทำงานเปน็ ระยะ การทำงานแบบร่วมมือ ตระหนกั ในคณุ ค่าของการ รวมพลัง ทำงานแบบร่วมมือรวมพลัง แกป้ ัญหาการทำงานกล่มุ และปัญหาความขดั แย้งดว้ ย สันตวิ ิธีอยา่ งสร้างสรรค์ วเิ คราะห์และประเมนิ กระบวนการทำงานร่วมกัน เพอื่ นำไปปรับปรงุ ใหบ้ รรลผุ ล สำเรจ็ ตามเป้าหมายทก่ี ำหนด และรกั ษาไวซ้ ง่ึ สมั พนั ธภาพทดี่ ี
77กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน 7. สมรรถนะหลักดา้ นการเปน็ พลเมอื งตนื่ รทู้ ีม่ สี ำนึกสากล (Active Citizenship with Global Mindedness) สมรรถนะหลักด้านพลเมืองตื่นรู้ท่ีมีสำนึกสากล (Active Citizens with Global Mindedness) หมายถึง การเป็นพลเมืองที่ตระหนักในศักยภาพ ของตนเอง ศรทั ธา และเชอ่ื เรอื่ งศกั ดิ์ศรคี วามเป็นมนษุ ย์ การอยู่ร่วมกนั ท่ามกลางความหลากหลาย มคี วามรู้ ความสามารถเชิงการเมืองทีเ่ อ้ือให้สามารถอยู่ร่วมกนั และ ปกครองกันเอง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตระหนักในบทบาทและหน้าท่ี สิทธิและเสรีภาพ ความเท่าเทียมและเป็นธรรม มีความเป็นเหตุเป็นผล มีสำนึกการเป็นเจ้าของประเทศ ร่วมกันปรึกษาหารือเพื่อแสวงหาแนวทางการแก้ปัญหา/ความขัดแย้งด้วยสันติวิธี หรือพัฒนาสร้างสรรค์สังคม โดยรวมร่วมกนั ในระดบั ตา่ ง ๆ ได้แก่ ชมุ ชน ทอ้ งถิน่ ประเทศชาติ อาเซยี นและโลก เห็นความเกีย่ วเน่อื งเชื่อมโยงท่ีสง่ ผลถงึ กนั และกนั ท้งั หมด
78 กรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รียนระดบั การศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน สมรรถนะการเป็นพลเมอื งทีเ่ ข้มแข็ง/ตน่ื รทู้ ม่ี สี ำนึกสากล (Active Citizenship with Golbal Mindedness) ระดับ สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะท่ี 4 สมรรถนะท่ี 5 การเป็นพลเมอื ง การเป็นพลเมืองรับผดิ ชอบ พลเมอื งทีม่ ี การเปน็ พลเมือง การเป็นพลเมอื งผสู้ ร้าง ระดับ 1 คำอธบิ าย วิจารณญาณ รู้จกั และปกป้องสิทธิเสรีภาพ ร้เู คารพสทิ ธิ ตอ่ บทบาทหน้าที ่ มสี ่วนรว่ ม การเปลย่ี นแปลง ของตนเอง เคารพสทิ ธเิ สรภี าพ ของผอู้ น่ื ช่วยเหลือผูอ้ ืน่ รับผดิ ชอบและปฏบิ ัติตน อย่างเหมาะสมตามบทบาท 1. ร้จู ักและปกปอ้ งสทิ ธิ 1. รบั ผิดชอบและปฏบิ ัตติ น 1. ติดตามข้อมลู ข่าวสาร 1. มีสว่ นร่วมในกจิ กรรม 1. หาทางออกรว่ มกนั กบั เพอื่ น หน้าทข่ี องตนเอง เคารพต่อ เสรีภาพของตนเอง อย่างเหมาะสมตาม และปัญหาทเ่ี ก่ยี วข้องกบั สว่ นรวมต่าง ๆ ในระดบั และครู ในการแกป้ ญั หา สถาบนั หลกั ของชาติ ตดิ ตาม เคารพสทิ ธเิ สรีภาพของ บทบาทหนา้ ทต่ี นเอง ตัวเอง ครอบครวั เพื่อน ชั้นเรียนหรือโรงเรียนที่ ขอ้ มูลขา่ วสารท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั ผูอ้ นื่ ชว่ ยเหลือผูอ้ ่ืนเม่ือ เคารพตอ่ สถาบนั หลัก รว่ มชนั้ เรยี น และโรงเรยี น เหมาะสมตามวยั หรือความขดั แย้งใน ตนเอง ครอบครวั เพอ่ื นร่วม ได้รบั การร้องขอ (พอ่ แม่ ของชาติ ในฐานะสมาชิก ช้นั เรียนอย่างมเี หตุผล ชนั้ เรยี น มสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรม ผปู้ กครอง เพื่อน และครู) ของครอบครวั ชัน้ เรียน อยา่ งเหมาะสม สว่ นรวมตา่ ง ๆ ในระดบั ใชข้ องส่วนรวมอยา่ ง และโรงเรยี น ช้นั เรยี นหรอื โรงเรียน แกไ้ ข ระมัดระวัง ปญั หาความขดั แยง้ ในชนั้ เรยี น อย่างมเี หตุผล
79กรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รียนระดบั การศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน สมรรถนะการเป็นพลเมืองทเ่ี ขม้ แข็ง/ต่ืนรู้ท่มี ีสำนกึ สากล (Active Citizenship with Golbal Mindedness) ระดบั สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะที่ 4 สมรรถนะท่ี 5 การเป็นพลเมือง การเป็นพลเมืองรับผดิ ชอบ พลเมอื งท่มี ี การเป็นพลเมือง การเปน็ พลเมืองผ้สู รา้ ง วิจารณญาณ ระดบั 2 คำอธิบาย รเู้ คารพสิทธ ิ ต่อบทบาทหนา้ ท่ี มสี ว่ นร่วม การเปลยี่ นแปลง รจู้ ักและปกปอ้ งสทิ ธเิ สรภี าพ ของตนเอง และผอู้ นื่ ไมด่ ว่ น ตดั สนิ ผอู้ น่ื โดยใชอ้ คติ ชว่ ยเหลอื และแบง่ ปนั กบั ผอู้ นื่ รบั ผดิ ชอบ 1. รจู้ กั และปกปอ้ งสิทธิ 1. รับผดิ ชอบและปฏิบตั ติ น 1. ตดิ ตามขา่ วสาร และ 1. เขา้ รว่ มกจิ กรรมและร่วม 1. หาทางออกรว่ มกนั กับผทู้ ่ี และปฏบิ ตั ิตนอยา่ งเหมาะสม เสรภี าพของตนเองและ อยา่ งเหมาะสมตามบทบาท ตรวจสอบข้อมูลเก่ยี วกบั เปน็ อาสาสมคั รในกจิ กรรม เกีย่ วข้องในการแกป้ ญั หา ตามบทบาทหน้าทใี่ นฐานะ ผอู้ ื่น ไม่กลัน่ แกลง้ เพ่ือน เหตุการณ์ สถานการณ์ ความขดั แยง้ หรอื ทบทวน พลเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตย ทางร่างกายและวาจา หนา้ ที่ ระเบยี บ กฎ กตกิ า ปญั หาทีเ่ กย่ี วข้องกบั สาธารณะประโยชน์ อันมพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ไม่ดว่ นตดั สินผอู้ ่นื โดยใช้ ตลอดจนแนวปฏบิ ตั ติ าม ตวั เอง โรงเรยี น ชมุ ชน ระดับโรงเรียนหรือชมุ ชน กฎ ระเบียบ กตกิ า ประมขุ เคารพตอ่ สถาบันหลกั อคติ ช่วยเหลอื ผ้อู ่ืนเมื่อ ท้องถ่นิ และประเทศ ท่เี หมาะสมตามวัย ในชนั้ เรยี น อยา่ งมเี หตผุ ล ของชาติ ตดิ ตามและตรวจสอบ ไดร้ บั การร้องขอหรอื เมอื่ วิถวี ัฒนธรรมของชมุ ชน โดยใชก้ ระบวนการ ขอ้ มลู ขา่ วสาร เขา้ รว่ มกจิ กรรม เหน็ ว่าตอ้ งการความ และทอ้ งถนิ่ ดว้ ยความ โดยคำนึงถงึ ผลดแี ละ และร่วมเปน็ อาสาสมัครใน เขา้ ใจ เคารพตอ่ สถาบัน ผลเสยี ทีจ่ ะเกดิ ข้นึ ปรึกษาหารือตามวิถี กจิ กรรมสาธารณะประโยชน์ ชว่ ยเหลือ แบง่ ปันสงิ่ ของ หลกั ของชาติ ในฐานะ ประชาธปิ ไตย หาทางออกร่วมกนั กับ ต่าง ๆ ของตนใหก้ ับผอู้ ่นื พลเมอื งในระบอบ ผู้เกยี่ วข้องในการแก้ปัญหา ประชาธปิ ไตยอนั ม ี โดยใช้กระบวนการปรกึ ษา ตามความเหมาะสม พระมหากษัตริยท์ รงเป็น หารือตามวถิ ีประชาธิปไตย ประมุข
80 กรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รียนระดบั การศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน สมรรถนะการเปน็ พลเมืองทเ่ี ขม้ แขง็ /ตนื่ รทู้ ่ีมสี ำนึกสากล (Active Citizenship with Golbal Mindedness) ระดบั สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะท่ี 4 สมรรถนะที่ 5 การเปน็ พลเมอื ง การเปน็ พลเมืองรับผดิ ชอบ พลเมอื งท่มี ี การเป็นพลเมอื ง การเปน็ พลเมืองผสู้ รา้ ง ระดบั 3 คำอธิบาย วิจารณญาณ รู้จกั และปกป้องสิทธิเสรีภาพ รเู้ คารพสิทธิ ตอ่ บทบาทหน้าท ่ี มีส่วนรว่ ม การเปลยี่ นแปลง ของตนเอง และผอู้ นื่ ใหเ้ กยี รติ พยายามเขา้ อกเขา้ ใจ ชว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ โดยไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ิ เคารพ และปฏบิ ัตติ นตามกฎกตกิ า 1. รู้จกั และปกปอ้ งสทิ ธิ 1. เคารพและปฏบิ ตั ิตนตาม 1. ติดตามและประเมิน 1. รเิ ร่มิ และมสี ว่ นรว่ มทาง 1. กระตอื รอื รน้ ในการหา ทางสงั คม มคี วามรับผดิ ชอบ เสรภี าพของตนเองและ กฎ กติกา ข้อตกลง และ ความถกู ตอ้ งและนา่ เชอ่ื ถอื สงั คมในประเดน็ ที่สนใจ ทางออกรว่ มกนั เก่ยี วกับ ต่อบทบาทหนา้ ทพี่ ลเมอื ง ผู้อ่นื ไม่กลน่ั แกล้งผูอ้ ่นื กฎหมายอยา่ งเหมาะสม ของข้อมูลข่าวสารที่ ด้วยจติ สาธารณะ ประเดน็ ปัญหาของ ประชาธปิ ไตย ตดิ ตามและ ทงั้ ทางรา่ งกาย วาจา และ ตามบทบาทหน้าท่แี ละ เกยี่ วขอ้ งกบั การเปลย่ี นแปลง (Public Mind) โดยคำนึง ท้องถน่ิ ภมู ภิ าค และ ประเมินความถกู ต้องและ ความรบั ผดิ ชอบ ตลอดจน ถงึ ผลกระทบทีจ่ ะเกิดข้นึ ประชาคมโลก โดยคำนงึ ถงึ น่าเชื่อถือของขอ้ มูล รเิ ริม่ และ ความสัมพนั ธ์ ใหเ้ กียรติ แนวปฏบิ ัติตามวถิ ี ทางการเมอื ง เศรษฐกจิ ทง้ั ในระดับท้องถิน่ มสี ว่ นรว่ มทางสงั คมในประเดน็ (พยายาม) เขา้ อกเขา้ ใจ วฒั นธรรมทีม่ คี วาม สงั คมวัฒนธรรม และ ภมู ภิ าค และประชาคมโลก ความเท่าเทยี มเป็นธรรม ทีส่ นใจด้วยจิตสาธารณะ (Empathy) ชว่ ยเหลอื ประเดน็ ปญั หาของทอ้ งถนิ่ ดว้ ยสนั ติวธิ แี ละวิถี กระตอื รอื รน้ ในการหาทางออก หลากหลายดว้ ยความเขา้ ใจ ประชาธิปไตย ร่วมกันเกยี่ วกบั ประเด็น ผ้อู ่ืนโดยไม่เลือกปฏิบัต ิ ในฐานะพลเมืองใน ประเทศ ภมู ิภาค และ ปญั หา โดยคำนงึ ถงึ ความ ประชาคมโลก เทา่ เทยี มเปน็ ธรรม ดว้ ยสนั ตวิ ธิ ี ระบอบประชาธิปไตย และวถิ ีประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ ทรงเป็นประมขุ
81กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดบั การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน สมรรถนะการเปน็ พลเมอื งที่เขม้ แข็ง/ตืน่ รูท้ ีม่ ีสำนึกสากล (Active Citizenship with Golbal Mindedness) ระดับ สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะที่ 4 สมรรถนะท่ี 5 การเปน็ พลเมือง การเป็นพลเมอื งรับผิดชอบ พลเมืองทมี่ ี การเปน็ พลเมือง การเปน็ พลเมอื งผสู้ ร้าง ระดับ 4 คำอธบิ าย วิจารณญาณ ยึดมัน่ ในหลกั สทิ ธเิ สรีภาพ ร้เู คารพสิทธ ิ ต่อบทบาทหน้าท่ี มสี ่วนร่วม การเปลี่ยนแปลง และความเสมอภาค เคารพ และปฏิบตั ติ ามกฎ กตกิ าทาง สงั คม มคี วามรบั ผิดชอบตอ่ บทบาทหน้าที่พลเมอื ง 1. เคารพสทิ ธเิ สรีภาพของ 1. เคารพและปฏิบัติตามกฎ 1. ใช้วิจารณญาณในการ 1. รเิ รม่ิ และมีส่วนรว่ มทาง 1. กระตือรอื ร้นในการร่วม ประชาธิปไตย ยอมรับ ผู้อื่น ตระหนกั ในสิทธิ กตกิ า และกฎหมาย ตดิ ตามสถานการณ ์ สงั คมในประเดน็ ทห่ี ลากหลาย สรา้ งการเปลี่ยนแปลง ความแตกตา่ งหลากหลาย เสรภี าพของตนเอง ตามบทบาทหน้าทแ่ี ละ บา้ นเมอื ง นโยบายภาครฐั ดว้ ยจติ สาธารณะ เชิงบวก เกยี่ วกบั ประเดน็ ใช้วิจารณญาณในการติดตาม ความรบั ผดิ ชอบของ การเคล่ือนไหวทาง ปญั หาของทอ้ งถน่ิ สถานการณแ์ ละประเดน็ ปญั หา ช่วยเหลือ ให้เกียรติ และ พลเมืองในระบอบ การเมอื งของพลเมอื ง (Public Mind) และ ภูมิภาค และประชาคม รเิ ริ่มและมีส่วนร่วมทางสังคม เขา้ อกเขา้ ใจผูอ้ ืน่ ประชาธิปไตย อนั ม ี และกลุม่ ผลประโยชน์ สำนึกสากล (Global โลก ด้วยความเชื่อมน่ั ใน ในประเด็นทห่ี ลากหลายดว้ ย (Empathy) บนพืน้ ฐาน การเปลยี่ นแปลงทาง Mindedness) โดยคำนึง สงั คมทเี่ ทา่ เทยี มเปน็ ธรรม จิตสาธารณะและสำนึกสากล ของการพ่ึงพาอาศยั กัน พระมหากษัตริย์ทรงเป็น สังคมวฒั นธรรมและ ถึงประโยชนท์ จี่ ะเกดิ ขนึ้ คา่ นิยมประชาธปิ ไตย กระตอื รือร้นในการร่วมสร้าง โดยปราศจากอคต ิ ประมขุ ดว้ ยความเขา้ ใจและ เศรษฐกจิ รวมทง้ั ประเดน็ ท้งั ในระดบั ชมุ ชน สังคม และแนวทางสันติวธิ ี การเปลย่ี นแปลงเชงิ บวก ปัญหาระดับทอ้ งถ่นิ และประชาคมโลก เกย่ี วกับประเดน็ ปญั หาของ ไม่เลอื กปฏบิ ตั ิ ยอมรับในความแตกตา่ ง ภมู ภิ าค และประชาคมโลก ท้องถ่ิน ดว้ ยความเช่ือม่ันใน (Non-Discrimination) หลากหลายของสงั คมไทย สงั คมทเี่ ทา่ เทียมเป็นธรรม คา่ นยิ มประชาธิปไตย และ เพอ่ื การอยูร่ ว่ มกนั อย่าง และประชาคมโลก แนวทางสันติวิธี สนั ติ
82 กรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรียนระดบั การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน ภาคผนวก การเปรยี บเทียบกรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รียนระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ฉบับเผยแพร่ พ.ศ. 2562 และฉบบั แกไ้ ขเพ่มิ เติม สิงหาคม พ.ศ. 2563 ในช่วงกลางปี 2562 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาได้ดำเนินการเผยแพร่กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานท่ีปรากฏ สมรรถนะหลัก 10 ประการดังแสดงตามแผนภาพซ้ายมือ และได้ดำเนินการปรับปรุงพัฒนาเร่ือยมาจนในขณะนี้ได้ภาพกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนท่ีใช้ในเอกสาร ฉบับนี้ดังแสดงในภาพขวามือ ซ่งึ นอกจากรายละเอยี ดคำอธบิ ายของแตล่ ะสมรรถนะแล้ว ทง้ั สองภาพมคี วามแตกต่างกนั ในประเด็นหลักดังตอ่ ไปนี้ 1 1 4 ฉบับเผยแพร่ พ.ศ. 2562 1 3 2 ฉบับแก้ไขเพิ่มเตมิ สิงหาคม พ.ศ. 2563
83กรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรียนระดบั การศึกษาขน้ั พื้นฐาน ในภาพรวม เมื่อพิจารณาความครบถ้วนขององค์ประกอบต่าง ๆ พบว่า ยังคงมีองค์ประกอบและสมรรถนะต่าง ๆ ครบถ้วนตามเดิม โดยนอกจากการแก้ไข ในรายละเอียดในคำอธิบายของแต่ละสมรรถนะตามประเด็นข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากการสำรวจและการวิพากษ์โดยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ใช้กรอบสมรรถนะแล้ว ในคร้งั น้ีไดม้ ีการปรบั ปรุงแก้ไขเชงิ โครงสร้างการจัดกลุ่มสมรรถนะในภาพรวมและการนำเสนอเพื่อสอ่ื ความให้ชดั เจนยงิ่ ขน้ึ ในประเดน็ หลักดงั นี้ 1. จัดกลุ่มสมรรถนะเป็น 2 กลมุ่ หลัก เพือ่ ใหส้ อดคลอ้ งกับการนำไปใชพ้ ฒั นาผู้เรียน ไดแ้ ก่ กลุ่มท่ี 1 สมรรถนะในความฉลาดรู้พ้ืนฐาน (Competencies in Basic Literacy) ซึ่ง ประกอบดว้ ยสมรรถนะ 4 ประการ ไดแ้ ก่ (1) ภาษาไทยเพ่ือ การสื่อสาร (Thai Language for Communication) (2) ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร (English for Communication) (3) คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน (Mathematics in Everyday Life) และ (4) การสืบสอบทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ (Scientific Inquiry and Scientific Mind) ซ่ึงสมรรถนะเหล่าน ้ ี เป็นส่วนหนึ่งของความฉลาดรู้ (Literacy) และมีลักษณะใกล้เคียงกับสมรรถนะเฉพาะ (specific competency) หรือมีความเกี่ยวพันกับเนื้อหาสาระในศาสตร์สาขา วิชานัน้ (content - related) ซึง่ สมรรถนะหรอื ความฉลาดรูเ้ หลา่ นีถ้ อื เปน็ พืน้ ฐานสำคญั ในการเรียนรู้ของผ้เู รียนระดับการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน กลุ่มที่ 2 สมรรถนะหลักสำคัญ 7 ประการ ได้แก่ (1) ทักษะชีวิตและความเจริญแห่งตน (Life Skills and Personal Growth) (2) ทักษะอาชีพและ การเปน็ ผปู้ ระกอบการ (Career Skills and Entrepreneurship) (3) การคิดขน้ั สูงและการพฒั นานวตั กรรม (Higher - Order Thinking Skills and Innovation Development) (4) การร้เู ท่าทนั สอ่ื สารสนเทศ และดิจทิ ลั (Media Information and Digital Literacy) (5) การส่ือสาร (Communication) (6) การทำงานแบบ รวมพลงั เป็นทีม และมภี าวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) และ (7) การเป็นพลเมืองต่นื รทู้ มี่ สี ำนกึ สากล (Active Citizenship with Global Mindedness) ซึ่งเป็นสมรรถนะหลักที่สำคัญจำเป็นต้องพัฒนาแก่ผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และมีลักษณะเป็นสมรรถนะท่ัวไปหรือสมรรถนะที่เป็นแกน (Generic/ Core Competency) ดังน้ัน ในการนำเสนอภาพของกรอบสมรรถนะฉบับปรับปรุงน้ี จึงได้นำสมรรถนะท้ัง 4 ประการในความฉลาดรู้พ้ืนฐานมาหลอมรวมกันไว้ในวงพื้นท่ีสีขาว ด้านในเพอื่ สื่อความถึงการเป็นสมรรถนะพื้นฐานในการเรยี นรแู้ ละการพฒั นาสมรรถนะหลกั อื่น ๆ ของผู้เรยี น และย้ายคุณลกั ษณะ คนไทยฉลาดรู้มาไวใ้ นพื้นท่เี ดยี วกนั เพอื่ ให้เหน็ ว่าสมรรถนะทั้ง 4 ประการในความฉลาดรพู้ นื้ ฐานนน้ี ำไปสกู่ ารสรา้ งคุณลกั ษณะคนไทยฉลาดรู้ 2. ปรับแกไ้ ขเพิ่มเตมิ สมรรถนะหลกั ดา้ นการส่อื สาร ใหม้ ลี ักษณะเปน็ สมรรถนะทั่วไป (Generic Competency) ท่มี คี วามครอบคลมุ การสอื่ สารในทกุ ภาษา ไม่ยึดติดกับสาระหรือศาสตร์ภาษาใดภาษาหน่ึง เป็นสมรรถนะการส่ือสารท่ีสามารถพัฒนาและใช้ได้ในทุกภาษา ซึ่งกล่าวได้ว่ายังคงมีความครอบคลุมสมรรถนะหลัก ดา้ นภาษาไทยเพ่ือการสื่อสาร และสมรรถนะหลักด้านภาษาองั กฤษเพื่อการสื่อสารทีม่ อี ยใู่ นกรอบสมรรถนะเดมิ
84 กรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รียนระดับการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน 3. ขยายขอบข่ายสมรรถนะหลักด้านการคิดขั้นสูงและการพัฒนานวัตกรรมให้ครอบคลุมสมรรถนะหลักท่ีมีความเหลื่อมซ้อนและสัมพันธ์กันโดยตรง คือ สมรรถนะหลักด้านคณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน และสมรรถนะหลักการสืบสอบทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ ที่มีอยู่ในกรอบสมรรถนะเดิม และเพิ่มเติม ใหค้ รอบคลุมการคิดและกระบวนการต่าง ๆ ทเี่ ก่ยี วข้องมากยงิ่ ขนึ้ อาทิ กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking Process) การคดิ เชงิ นวตั กรรม (Innovative Thinking) 4. ปรับการนำเสนอภาพกรอบสมรรถนะโดยนำสมรรถนะหลักท่ีมีความสำคัญจำเป็นกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ที่ส่งผลต่อความอยู่ดีมีสุข มาไว้ด้านบน ให้เด่นชัดย่ิงข้ึนซึ่งได้แก่ สมรรถนะหลักด้านทักษะชีวิตและความเจริญแห่งตน และสมรรถนะหลักด้านทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นสมรรถนะที่ช่วย ให้เด็กและเยาวชนสามารถอยู่รอด ดำรงชีพได้ และเป็นคนไทยท่ีดี มีคุณธรรม และความสุข แล้วจัดเรียงลำดับสมรรถนะที่มีความสัมพันธ์กันใหม่ให้มีความสอดคล้อง ต่อเน่ืองยิ่งข้ึน ตลอดจนนำข้อความค่านิยมร่วมและคุณธรรมให้มาปรากฏเด่นชัดที่พื้นที่แกนกลางสีชมพูเข้มเพ่ือส่ือความว่าสมรรถนะหลักท้ังหมดเหล่านี้อยู่บนพ้ืนฐาน ของการมีค่านิยมร่วมและคุณธรรม ซึ่งถือเป็นแก่นแกนสำคัญของความเป็นมนุษย์และการพัฒนาผู้เรียน ทั้งหมดนี้ เพื่อส่ือภาพความเป็นคนไทยและความเป็นมนุษย ์ ท่สี มบูรณ์ ซ่ึงอยบู่ นพ้นื ฐานของการมีสมรรถนะหลกั ท่สี ำคญั จำเป็นของผเู้ รียนระดับการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน
85กรอบสมรรถนะหลักของผเู้ รียนระดบั การศึกษาขั้นพื้นฐาน ความสัมพนั ธ์ของกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรยี นระดบั การศึกษาข้ันพื้นฐาน กับมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 ในรปู แบบของผลลพั ธ์ที่พงึ ประสงค ์ จากแผนภาพข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์สอดคล้องกับกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กับมาตรฐานการศึกษาของชาต ิ พ.ศ. 2561 โดยกรอบสมรรถนะนรี้ ะบุถึงคณุ ลกั ษณะของผเู้ รียนระดบั การศึกษาข้ันพน้ื ฐาน 4 ประการ คอื การเปน็ (1) คนไทยที่ดี มคี ณุ ธรรม และความสุข (2) คนไทย ที่มีความสามารถสูง และ (3) พลเมืองไทยที่ใส่ใจสังคมและมีจิตสำนึกสากล บนพื้นฐานของการเป็น (4) คนไทยท่ีฉลาดรู้ ซ่ึงมีพื้นฐานมาจากสมรรถนะหลักต่าง ๆ ทง้ั 7 ประการและสมรรถนะในความฉลาดรูพ้ ้นื ฐานทง้ั 4 ประการตามทไ่ี ดก้ ล่าวถึงรายละเอยี ดไว้แล้ว โดยคณุ ลกั ษณะทง้ั 4 ประการนม้ี คี วามสอดคลอ้ งกับคุณลักษณะ ท้ัง 3 ประการท่ีปรากฏในมาตรฐานการศึกษาของชาติ อันได้แก่ ผู้เรียนรู้ ผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม และพลเมืองท่ีเข้มแข็ง ดังแสดงด้วยเส้นลูกศรที่โยงแสดง ความสมั พนั ธ์ไว้ ตลอดจนการระบถุ งึ คา่ นิยมรว่ มและคณุ ธรรมพนื้ ฐานเช่นเดียวกันกับตามทรี่ ะบุไวใ้ นมาตรฐานการศกึ ษาของชาติ
86 กรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รียนระดับการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน มโนทัศนส์ ำคัญและทม่ี าของการกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผ้เู รยี น ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพ่ิมเติมเก่ียวกับมโนทัศน์สำคัญและที่มาของการกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และกรอบ สมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีท่ี 4 - 6 สามารถศึกษาได้จากเอกสารจำนวน 2 รายการ (QR code เชื่อมโยง ไปยัง E - book) ซ่ึงเป็นผลผลิตของ การดำเนินการกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน และกรอบสมรรถนะผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีท่ี 1 - 3 ท่ีสำนักงานเลขาธิการ สภาการศกึ ษาไดด้ ำเนินการแล้วเสร็จเม่ือปี 2562 ดงั ตอ่ ไปนี ้ 1) มโนทัศน์พื้นฐานของสมรรถนะและหลกั สตู รฐานสมรรถนะ 2) รายงานการวจิ ัยและพัฒนากรอบสมรรถนะผ้เู รยี นระดับประถมศึกษาตอนตน้ สำหรับหลักสตู รการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน ท้ังน้ี สำหรับการกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 และการทบทวนกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษา ขั้นพืน้ ฐาน ซ่งึ สำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษาได้เรมิ่ ดำเนินการตง้ั แต่เม่ือตน้ ปี 2563 มรี ายละเอียดดงั นี ้
87กรอบสมรรถนะหลักของผูเ้ รยี นระดับการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน แนวทางการกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผูเ้ รียนระดับประถมศกึ ษาปที ี่ 4 - 6 และ การทบทวนกรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรยี นระดับการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน เพื่อให้การกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีท่ี 4 - 6 สำหรับหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐานเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล คณะทำงาน ของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ได้ดำเนนิ การดังนี้ 1. การวิเคราะหแ์ ละทบทวนกรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รยี นระดบั การศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐานกบั ขอ้ มูลกรอบสมรรถนะและผลลัพธ์ทางการศึกษาของหนว่ ยงาน ตา่ ง ๆ โดยการวิเคราะห์เอกสารและการรับฟังความเหน็ ของผูท้ รงคณุ วุฒ ิ เนื่องด้วยในช่วงปลายปี 2562 ท่ีผ่านมา มีหลายหน่วยงานที่ให้ความสำคัญกับการร่างกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนเพื่อใช้จัดการศึกษาในบริบท ทแ่ี ตกต่างกันไป รวมถึงมีการเสนอขอ้ มูลเชิงนโยบายในการจัดการศึกษาทง้ั การกำหนดมาตรฐานการศึกษาของชาติ และการเสนอร่างพระราชบัญญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ ดังน้ัน เพื่อให้การกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีท่ี 4 - 6 สำหรับหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐานเป็นไปอย่างมีประสิทธิผลและครอบคลุม ในทุกมิติของการจัดการศึกษา คณะทำงานจึงได้ดำเนินการวิเคราะห์และทบทวนกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (ซ่ึงได้ดำเนินการแล้วเสร็จ ตัง้ แตเ่ มื่อกลางปี 2562) กอ่ นดำเนนิ การต่อไป ดว้ ยถอื เปน็ ขอ้ มลู พนื้ ฐานทส่ี ำคัญในการดำเนนิ การกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผ้เู รยี นระดับประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 ในครง้ั นี้ คณะทำงานได้ดำเนินการวิเคราะห์และทบทวนกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานกับข้อมูลกรอบสมรรถนะและผลลัพธ์ทาง การศึกษาของหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ (1) มาตรฐานการศึกษาของชาติ ในรูปของผลลพั ธท์ ่พี งึ ประสงค์ของการศึกษา (Desired Outcomes of Education : DOE) (2) ร่างกรอบหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน (สพฐ.) เอกสารนำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการยกร่าง แนวทางการพัฒนาหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน วันท่ี 3 มกราคม พ.ศ. 2563 (3) รา่ งสมรรถนะหลักผู้เรยี น (Core Competency) ในโครงการวจิ ยั เพื่อคน้ หาและพัฒนาผลลพั ธท์ ี่คาดหวงั ต่อผเู้ รยี นและกรอบสมรรถนะหลักของผ้เู รยี น (วีรพล วีระโชติวศิน และคณะ, 2562) สนับสนุนโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) เอกสารนำเสนอในท่ีประชุม คณะกรรมการยกรา่ งแนวทางการพัฒนาหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน วันท่ี 6 - 7 ธันวาคม พ.ศ. 2562
88 กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน (4) สมรรถนะหลักของโรงเรียนรุ่งอรุณ เอกสารนำเสนอในท่ีประชุมคณะกรรมการยกร่างแนวทางการพัฒนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน วันท่ี 6 - 7 ธนั วาคม พ.ศ. 2562 (5) เกณฑม์ าตรฐานคุณวุฒิอาชีวศกึ ษาระดบั ปวช. 2562 และสมรรถนะยอ่ ยระดบั อาชวี ศกึ ษา (6) ร่างพระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ
89กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรยี นระดับการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พร้อมกันนี้ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิต่อกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนประดับประถมศึกษาปีท่ี 1 - 3 และแนวทางการกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีท่ี 4 - 6 เมื่อวันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563 ณ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ซ่ึงจากผลการวิเคราะห์ข้อมูลและจากความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิสามารถสรุปได้ว่า กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ที่ได้นำเสนอไว้ยังคงมีความครอบคลุมและสอดคล้องกับกรอบสมรรถนะและผลลัพธ์ทางการศึกษาของ หน่วยงานต่าง ๆ จึงถือได้ว่าในการดำเนินงานกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีท่ี 4 - 6 ยังสามารถใช้ข้อมูลจากกรอบสมรรถนะหลักของ ผเู้ รียนระดับการศึกษาข้นั พ้นื ฐานเปน็ กรอบแนวคดิ ไดต้ ่อไป 2. การประชุมเชิงปฏิบตั ิการเพอ่ื รา่ งกรอบสมรรถนะหลักของผูเ้ รยี น ระดับประถมศึกษาปที ี่ 4 - 6 สำหรบั หลกั สตู รการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ในวันที่ 7 – 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อร่างกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับ ประถมศึกษาปีท่ี 4 - 6 สำหรับหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน โดยเชิญนักวิชาการ ครู ผู้บริหาร และผู้เช่ียวชาญในศาสตร์สาขาต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง จำนวน 80 ราย เข้าร่วมร่างรายละเอียดของกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 ตลอดจนทบทวนและเพ่ิมเติมข้อมูลในกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับ การศึกษาข้ันพ้ืนฐานท้ังหมดให้สมบูรณ์ ซึ่งผู้ร่วมประชุมเห็นพ้องว่าไม่ควรร่างเฉพาะกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 เท่านั้น แต่ควร ร่างกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนให้ครบถ้วนในทุกระดับเพื่อความต่อเนื่องสัมพันธ์กัน จึงเป็นผลให้การประชุมคร้ังนี้ได้ผลผลิตท้ังกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียน ระดับประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 ตลอดจนทบทวนความต่อเน่ืองสัมพันธ์กันในภาพรวมท้ังหมด ซ่ึงทำให ้ ได้กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ฉบับร่าง ที่ครบถ้วนสำหรับผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในทุกช่วงวัย (กรอบสมรรถนะหลักของ ผเู้ รียนระดับประถมตอนต้น และระดับมธั ยมศึกษาตอนปลายเปน็ ผลผลติ ที่มีอยกู่ ่อนแล้ว แต่นำมาทบทวนร่วมดว้ ยอกี ครั้ง) ทั้งน้ี ทีป่ ระชมุ ได้มแี นวทางการกำหนดกรอบสมรรถนะ คำอธบิ ายสมรรถนะ ระดบั สมรรถนะ และพฤตกิ รรมบ่งชี้ของแต่ละสมรรถนะ โดยพิจารณารว่ มกัน จากท้ัง (1) พัฒนาการของผเู้ รียน และ (2) ธรรมชาติและลักษณะเฉพาะของแตล่ ะสมรรถนะ ใหม้ ีความสอดคลอ้ งและเชอ่ื มโยงกับกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรยี นระดบั การศึกษาขัน้ พื้นฐานและกรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รยี นระดับช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 - 3 ที่ไดผ้ า่ นกระบวนการวจิ ยั และพฒั นามาแล้ว เปน็ ผลใหไ้ ดก้ รอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรียนระดับการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน ซ่งึ ไดจ้ ำแนกระดบั สมรรถนะออกเป็น 4 ระดับดงั แสดงไว้ในเอกสารฉบับน้ีแลว้
90 กรอบสมรรถนะหลักของผเู้ รียนระดับการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน 3. การสำรวจความคิดเหน็ ของผ้ทู รงคณุ วฒุ แิ ละผใู้ ชต้ ่อกรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรียนระดบั ประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 และกรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รียน ระดบั การศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน ในระหว่างเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม พ.ศ. 2563 คณะทำงานได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ใช้กรอบสมรรถนะ โดยใช้ แบบประเมินกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียน ซึ่งเป็นเอกสารสำหรับผู้วิพากษ์ใช้ประเมินและแสดงความคิดเห็นต่อกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษา ปีท่ี 4 - 6 และกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานท้ังหมดในภาพรวมและในแต่ละสมรรถนะ ทั้งในรูปแบบของการรับและส่งเอกสารคืนทาง ไปรษณีย์ และการรบั ไฟลท์ างไปรษณยี ์อิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) ไปยังกลมุ่ เปา้ หมาย ซึง่ ไดค้ ดั เลือกไว้เพอื่ ใหไ้ ด้รับมุมมองท่หี ลากหลายตามเกณฑด์ งั นี้ 1) ผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย 1.1) ผู้ทรงคุณวุฒิที่สามารถให้ข้อเสนอแนะในภาพรวม ซ่ึงเป็นผู้เช่ียวชาญด้านหลักสูตรและการสอน ด้านการวัดและ ประเมนิ ผลดา้ นพัฒนาการเดก็ และ 1.2) ผู้ทรงคณุ วฒุ ทิ ่ีมีความเชีย่ วชาญในสมรรถนะแต่ละดา้ น 2) ผู้ใช้กรอบสมรรถนะและผู้เกย่ี วขอ้ ง มีเกณฑใ์ นการคัดเลอื กในหลากหลายมิติ ได้แก่ (1) เปน็ ผทู้ ่ปี ฏิบัตงิ านในหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ครอบคลมุ ในทุกสังกัดที่มี ความเก่ียวข้องกับการจัดการศึกษาในระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และ นวัตกรรม ภาคเอกชน (2) เป็นผู้ที่ปฏิบัติงานอยู่ในพ้ืนท่ีที่หลากหลายท้ังโรงเรียนที่ดำเนินการปกติ และโรงเรียนในพ้ืนที่นวัตกรรม ตลอดจนมีความหลากหลายทาง ภูมิภาค และ (3) เป็นผู้ท่ีมีประสบการณ์ทำงานตั้งแต่ช่วง 3 ปีแรกของการทำงาน ผู้มีประสบการณ์ 10 - 20 ปี ไปจนถึงผู้ที่เกษียณอายุ ท้ังน้ี เพื่อให้ได้รับมุมมอง ความเหน็ จากกลมุ่ บุคคลทมี่ ีบทบาทในการจดั การศกึ ษาทีแ่ ตกตา่ งหลากหลายและครอบคลมุ ในทุกมติ ขิ องการจดั การศึกษา ตลอดจนมีการเปิดให้แสดงความคิดเห็นแบบสาธารณะโดยการตอบแบบประเมินและแสดงความเห็นออนไลน์ทาง Link หรือ QR code ซึ่งมีผู้แสดง ความคิดเหน็ จำนวนรวมทง้ั สนิ้ 94 คน 4. การประชมุ วิพากษ์กรอบสมรรถนะหลักของผูเ้ รยี น ระดับประถมศกึ ษาช้นั ปีที่ 4 - 6 และระดบั การศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน ในวนั ท่ี 5 สงิ หาคม พ.ศ. 2563 ณ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และผ่านระบบ Zoom ซ่ึงเป็นการประชุมสนทนากลุ่ม (focus group) เพ่ือเสนอผลการสำรวจความคิดเห็น หารือ และระดม ความคิดจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนผู้ใช้กรอบสมรรถนะ เพ่ือให้ได้ข้อสรุปในการปรับกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนให้สมบูรณ์และมีความเป็นไปได้จริงในการนำไปใช้ พฒั นาผู้เรียนในระดบั การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐานใหม้ ากทีส่ ุด 5. การทดลองใช้กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนในโรงเรียนสังกัด สพฐ. กทม. และ สช. ในโครงการวิจัยผลการทดลองใช้กรอบสมรรถนะผู้เรียนระดับ ประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 สำหรับหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน ในความร่วมมือของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาและคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหวา่ งกนั ยายน พ.ศ. 2563 - มิถุนายน พ.ศ. 2564 6. การประชุมเพื่อพัฒนากรอบสมรรถนะหลักของผ้เู รยี นโดยคณะทำงานและผู้วจิ ยั ซึง่ ได้ดำเนินการเป็นระยะคขู่ นานไปกับการดำเนินงานต่าง ๆ ข้างตน้
91กรอบสมรรถนะหลักของผเู้ รยี นระดบั การศกึ ษาขั้นพื้นฐาน รายชอื่ คณะทำงานร่างกรอบสมรรถนะหลักของผ้เู รยี นระดับประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 และระดบั การศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา ก. รายชอ่ื คณะทำงานเพื่อร่างกรอบสมรรถนะหลักของผเู้ รียนในการประชมุ เชิงปฏิบตั ิการ ระหว่างวนั ท่ี 7 - 9 ก.พ. 2563 และ คณะผ้วู จิ ัยพฒั นากรอบสมรรถนะหลักของผเู้ รยี นระดบั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 - 6 และระดบั การศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน (มถิ ุนายน - สงิ หาคม 2563) ท่ปี รึกษา ราชบณั ฑติ รองศาสตราจารย์ ดร.ทศิ นา แขมมณี คณะผู้วิจยั มหาวิทยาลยั ราชภัฏบ้านสมเด็จเจา้ พระยา ศาสตราจารย์ ดร.บงั อร เสรีรตั น์ คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ชารณิ ี ตรีวรัญญ ู คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ยศวรี ์ สายฟา้ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สุมาลี เช้ือชัย คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั อดุ รธานี ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.เรวณี ชัยเชาวรตั น ์ คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ผู้ช่วยศาสตราจารย.์ ดร.ฉตั รวรรณ์ ลัญฉวรรธนะกร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร ดร.เฉลิมชยั พันธ์เลิศ ข้าราชการบำนาญ สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน ดร.ทรงพร พนมวัน ณ อยุธยา สำนักการศึกษา กรงุ เทพมหานคร ดร.วรี ะชาติ ภาษชี า โรงเรียนปรชั ชาธร ดร.กุณฑลี บริรักษส์ นั ติกลุ โรงเรยี นสจุ ิปลุ ิ ดร.นาฎฤดี จิตรรงั สรรค ์ คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั อาจารย์ ดร. กรกนก เลิศเดชาภัทร
92 กรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรียนระดับการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน อาจารยก์ มลชนก สกนธวฒั น ์ โรงเรียนสาธติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝา่ ยมธั ยม นางสุทธดิ า ธาดานิติ โรงเรียนนานาชาตเิ ซนตแ์ อนดรวู ์ นายธรี ะศกั ด์ิ จริ ะตราชู นักวิชาการอิสระ นิสิตบณั ฑติ ศึกษา สาขาวิชาหลกั สตู รและการสอน คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย: นางสาวองั ค์สุมล เช้อื ชัย นางสาวอรวิภา ดรุ งคธ์ รรม นายชนตั อินทะกนก นางสาวภิชา ใบโพธ ์ิ ข. รายช่ือผเู้ ช่ยี วชาญที่รว่ มรา่ งกรอบสมรรถนะหลักของผ้เู รยี นระดบั ประถมศึกษาปที ี่ 4 - 6 และระดับการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน ในการประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร ระหว่างวันท่ี 7 - 9 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ณ สำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา 1. รองศาสตราจารย์ ดร.ณัฏฐภรณ์ หลาวทอง คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย 2. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.จณิ ดิษฐ์ ละออปกั ษณิ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั 3. คณุ วรณัน ขุนศร ี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน 4. อาจารย์ศริ ิรตั น์ ปัญจศุภวงศ ์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 5. ดร.ปยิ ะมาศ เมดิ ไธสง สำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา 6. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พรเทพ จนั ทราอกุ ฤษฎ์ คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 7. ดร.กศุ ลิน มสุ กิ ุล สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) 8. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ปัฐมาภรณ์ พมิ พ์ทอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 9. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ภาวิณี โสธายะเพช็ ร คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 10. นางสาวภัสรำไพ จ้อยเจริญ นักวิชาการอิสระ 11. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.นิติกร ออ่ นโยน มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ 12. อาจารยพ์ ธิ ุลาวัลย์ ศุภอทุ ุมพร โรงเรียนสาธติ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั ฝา่ ยมธั ยม
93กรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรียนระดับการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน 13. นางสาวนรู ียา วาจ ิ สำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา 14. นางมนศิ รา ศุภกิจ โคลเยส โรงเรยี นนานาชาติ KIS 15. นางสาวเก้ือกมล นยิ ม สำนักพมิ พ์สานอักษร 16. นางสาวกรกมล จงึ สำราญ สำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา 17. นางสาวสชุ ีรา มธั ยมจนั ทร ์ โรงเรยี นจารุวัฒนานกุ ลู กรงุ เทพฯ 18. ดร.พทิ ักษ์ นิลนพคณุ มหาวิทยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ์ 19. อาจารย์ ดร.วราพร ทองจนี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร 20. ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.มาลนิ ี ประพณิ วงศ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 21. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.กีรติ ควุ สานนท์ คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย 22. ดร.วภิ าดา วานิช สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา 23. นางสาวปานใจ จารวุ ณิช สถาบันอาศรมศิลป์ 24. นางสาวสุวรรณา ชวี ะพฤกษ ์ โรงเรียนรุ่งอรณุ 25. นางสาวฝายวารี ประภาสะวตั โรงเรยี นคขู่ นาน 26. รองศาสตราจารย์ ดร.ศศิลักษณ์ ขยันกจิ คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั 27. ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ปนดั ดา ธนเศรษฐกรณ์ สถาบันแห่งชาติเพ่ือการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวทิ ยาลยั มหิดล 28. ดร.พชั รนิ ทร์ เสรี มหาวิทยาลยั มหดิ ล 29. นางสาวอุษา คงสาย สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา 30. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ระพนิ ทร์ ฉายวิมล บรษิ ัทแพคริมเอด็ ดเู คช่นั 31. ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.เรขา อรญั ญวงศ ์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ ์ 32. ดร.ศุภลกั ษณ์ มปี าน สำนักงานการศึกษากรงุ เทพมหานคร 33. ดร.วีระชาติ ภาษีชา สำนักงานการศึกษากรงุ เทพมหานคร 34. นายสรวิศ ไพบลู ย์รตั นากร Saturday School 35. นายวีระพล วีระโชตวิ ศิน Edvisory 36. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สรัญญา จันทร์ชสู กุล คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108