วินยั มุข เล่ม ๒ \" สกิ ขาบทนอกพระปาตโิ มกข์ \" สกิ ขาบท ๒ สิกขาบทในพระปาติโมกข์ = ๑๕๐ ขอ้ : อุเทส ๓ - ปาราชกิ ๔ วินัย ๒ - สงั ฆาทิเสส ๑๓ - นิสสัคคยิ ปาจติ ตยี ์ ๓๐ - ปาจติ ตียน์ ๙๒ - ปาฏิเทสนีย ๔ - อธกิ รณสมถะ ๗ สิกขาบทนอกพระปาติโมกข์ : ไม่บอกจํานวน - อนิยต ๒ - เสขยิ วตั ร ๗๕ - ฯลฯ ภาพรวมของวนิ ัย ปาราชกิ ุทเทส ปาราชิก ๔ สงั ฆาทิเสสุทเทส สังฆาทเิ สส ๑๓ ข้อหา้ ม วติ ถารทุ เทส = ถุลลจั จัย - นสิ สคั คยี ปาจิตตยี ์ ๓๐ = ทุกกฎ - ปาจิตตยี ์ ๙๒ - ปาฏิเทสนีย ๔ - อธกิ รณสมถะ ๗ อาทพิ รหมจริยกาสกิ ขา = เบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ อภิสมาจารกิ าสิกขา = ขนบธรรเนียม & มารยาทที่ดงี าม อภิสมาจาร ข้ออนญุ าต ขันธกะ นอกขันธกะ - อุโบสถ - ตน้ บญั ญัติ - จวี ร - วินีตวัตถุ - อรรถกถา เน้อื หา \" อภิสมาจาร\" ประกอบด้วย ๑. กายบรหิ าร ๒. บริขารบรโิ ภค ๓. นิสสัย ๔. วตั ร ๕. คารวะ ๖. จาํ พรรษา ๗. อุโบสถ - ปวารณา ๘. อุปปถกิรยิ า ๙. กาลิก ๑๐. ภณั ฑะต่างเจา้ ของ ๑๑. วนิ ัยกรรม ๑๒. ปกิณกะ
กัณฑท์ ี่๑๑ \" กายบรหิ าร \" กายบริหาร = การปฏิบัตติ ่อร่างกาย มี ๑๔ ประการ : เลบ็ ๑, ผิว ๒, ปาก ๒ , ตูด ๒, ตวั ๓, ขน ๔ เลบ็ ๑ ----› ๑. อยา่ ไวเ้ ลบ็ ยาว ตวั ๓ ----› ๘. อยา่ ประดับรา่ งกาย ผวิ ๒ ----› ๙. อยา่ เปลือยกายในสถานท่ี / เวลาทีไ่ มบ่ ังควร ปาก ๒ ----› ๒. อยา่ ผัดหน้า ----› ๑๐. อยา่ นงุ่ หม่ อย่างคฤหสั ถ์ ตดู ๒ ----› ๓. อยา่ สอ่ งกระจก / สอ่ งหน้า ขน ๔ ----› ๑๑. อย่าไว้ผมยาว (> ๒ เดือน / > ๒ นวิ้ ) ----› ๔. ตอ้ งแปรงฟัน (ใชไ้ มช้ าํ ระฟัน) ----› ๑๒. อยา่ ไว้หนวดเครา ----› ๕. ตอ้ งด่มื นา้ํ ท่กี รองแลว้ เทา่ นัน้ ----› ๑๓. อย่าไว้ขนจมูกยาว ----› ๑๔. อยา่ โกนขนในที่แคบ (รกั แร้ / หวั หนา่ ว / ทวาร) ----› ๖. ต้องล้างกน้ หลงั ถา่ ยทกุ คร้งั ----› ๗. อย่าผา่ กน้ / ผูกรัดก้น Note : การเปลอื ยกาย = ไม่มีทง้ั ผ้านุง่ & ผา้ หม่ กณั ฑท์ ่ี๑๒ \" บริขารบริโภค \" ๑. หมวดจีวร ๒. หมวดบาตร ๓.หมวดเคร่อื งอปุ โภค ๔. หมวดเครอื่ งเสนาสนะ ๑. หมวดจวี ร ๑. ผา้ ไตรจวี ร ๒. ผ้าอน่ื ๆ หา้ ม!!! ใชส้ ี ๗ สี คือ สงั ฆาฏิ ๑ ๒.๑) ผา้ อาบน้าํ ฝน (๖ x ๒ ๑/๒ คบื พระสุคต) อตุ ราสงค์ ๑ (หม่ ) ๒.๒) ผา้ ปดิ ฝี (๔ x ๒ คืบพระสคุ ต) ๑ คราม อนั ตรวาสก ๑ (สบง) ๒.๓) ผา้ ปนู ่งั (๒ x ๑ คบื พระสุคต) (ชาย ๑ คืบ) ๒ ดาํ ๒.๔) ผา้ ปนู อน ๓ เหลอื ง ๒.๕) ผ้าเช็ดหนา้ -ปาก ๔ แสด ๒.๖) ผ้าบรวิ าร (ถงุ บาตร, ยา่ ม เปน็ ต้น) ๕ แดง ๖ ชมพู ๗ บานเย็น ไตรจวี ร ทรงอนุญาตใิ ห้ย้อมดว้ ยของ ๖ ชนิด ดงั น้ี ผา้ สาํ หรับทาํ จีวร มี ๖ ชนดิ : โข-กปั -โก-กมั -สา-ภงั --------> (โข กบั โก กาํ ซะพัง) ๑.โขมะ ----› ทําดว้ ย เปลอื กไม้ เชน่ ผา้ ลินนิ ๖. ผล ๕. ดอก ๒.กัปปาสิกะ ----› ทําด้วย ฝ้าย ๔. ใบ ๓. เปลอื ก ๓.โกเสยยะ ----› ทาํ ดว้ ย ใยไหม เชน่ ผา้ แพร ๒. ตน้ ๔.กมั พละ ----› ทําดว้ ย ขนสตั ว์ เขน่ ผา้ สกั หลาด, ผา้ กาํ มะหริด (ขนสัตว+์ ไหม) ฯลฯ ๕.สาณะ ----› ทําด้วย เปลอื กปา่ น ๖.ภงั คะ ----› ทาํ ด้วย ของ ๕ อยา่ ง (อยา่ งใดอย่างหนง่ึ ปนกนั ) หา้ ม!!! ยกเวน้ พืชดังตอ่ ไปน้ี : ๑. ราก/เหงา้ ใชเ้ ครื่องนุ่งหม่ ท่ีทาํ จากวสั ดดุ ังน้ี ๑. ราก/เหง้า -------> ขม้นิ ๒. ตน้ -------> ฝาง, แกแล, มะหาด ปอ ๑ กรอง ๓ ผม ๑ ขน ๓ -------> โลท, คลา้ ๓. เปลือก -------> มะเกลือ, คราม - ปอ - คากรอง - ผมคน - ขนหาง -------> ดอกทองกวาว, ดอกคาํ - เปลอื กกรอง - ขนปกี นกเค้า ๔. ใบ - ผลไมก้ รอง - ขนเสือ ๕. ดอก
๒. หมวดบาตร ทรงอนญุ าต ๒ ทรงหา้ มใช้ ๑๑ ดนิ เผา เหลก็ แก้ว ๔ เงิน ๑ ทอง ๓ โลหะ ๒ ไม้ ๑ ๑. มณี ๑. ทอง ๑. ดบี ุก ๒. ไพฑรู ย์ ๒. ทองแดง ๒. สงั กะสี ๓. แก้วผลกึ ๓. ทองเหลือง ๔. แกว้ หงุ ธรรมเนียมการรักษาบาตร \" เตียง - ตั่ง - ตัก - พนกั - พรงึ - แขวน - ร่ม - คมแข็ง - มอื \" การวาง และการเกบ็ หา้ ม ๙ อยา่ ง : ๖. หา้ มมใิ หแ้ ขวนบาตร ๑. หา้ มมิให้วางบาตรไวบ้ นเตียง ๗. หา้ มมิให้วางบาตรบนร่ม ๒. หา้ มมิใหว้ างบาตรไวบ้ นต่ัง ๘. ห้ามมิให้ควา่ํ บาตรที่พ้ืนคมแขง็ ๓. ห้ามมิให้วางบาตรไวบ้ นตัก ๙. มบี าตรอยูใ่ นมอื ห้ามมใิ หผ้ ลักประตู ๔. หา้ มมใิ ห้วางบาตรไว้บนพนกั ๕. หา้ มมใิ หว้ างบาตรไว้บนพรงึ การรกั ษาบาตร ๑. หา้ มใขบ้ าตรต่างกระโถน ๒. หา้ มลา้ งมือ / บว้ นปากในบาตร ๓. มือเป้ือนไมค่ วรจบั บาตร ๔. ฉันแล้วตอ้ งล้างบาตร ๕. หา้ มเกบ็ บาตรทง้ั ยังเปยี ก ต้องผง่ึ ใหแ้ หง้ ก่อน ๖. หา้ มผง่ึ แดดทั้งยังเปียก ต้องเช็ดให้แหง้ กอ่ น ๗. ห้ามผ่ึงแดดไวน้ าน ๓. หมวดเคร่ืองอปุ โภค อุปาหนา : ลักษณะและชนดิ ทท่ี รงอนุญาต มี ๗ ประการ คอื ทาํ เอง ==> นสิ สัคคยี ปาจติ ติย์ ชั้นเดยี ว -----> ใช้ไดท้ วั่ ไป ๑. กลอ่ งเขม็ : ห้ามใช้ กระดกู , งา, เขา ๑. ทําดว้ ยหนังสามํญ ของเก่า ---> ใช้ได้ทั่วไป ≥๔ (อนญุ าตเฉพาะลูกดุม และลูกถวนิ ) ใช้ให้เขาทาํ ==> ทุกกฎ ผา้ ผืน (อธิษฐานผา้ สังฆาฏิเปน็ ผา้ กรองนา้ํ ได้) ของใหม่---> เฉพาะปัจจันตชนบท ๒. เคร่ืองกรองนํา้ (ธมกรก) ๒. สตี อ้ งหา้ ม ๗ สี กระบอกกน้ ผูกผา้ ขาบ - ดาํ - เหลอื ง - แสด - แดง - ชมพู - บานเยน็ ๓. มีดโกน ๔. ร่ม ---> ไม่ฉดู ฉาด ๓. หหู รอื สายรดั ไมม่ สี ีต้องหา้ ม ๔. ไมข่ ลิบด้วยหนังสตั ว์ที่ตอ้ งห้าม ๘ ชนดิ ปาทกุ า (เขียงเทา้ ) \" เกย�ี \" ๕. ไมห่ ุ้มสนั ไม่ปกหลังเท้า ไม่หมุ้ แข็ง ๖. พ้ืนรองเท้าไมย่ ดั นุ่น ไม่แต่งด้วยขนนกกระทา/นกยูง ๕. รองเท้า ๗. ไม่มีหูเปน็ ช่องเขาแกะ ดงั เขาแพะ ดังง่ามแมงป่อง อปุ าหนา (รองเทา้ ไม่มีสน้ )
๔. เครอ่ื งเสนาสนะ ๑. เตียง ≤ ๘ นวิ้ พระสคุ ต (เกนิ ขนาด ----> ปาจติ ตยี ์ / ทกุ กฎ ๒. ตง่ั สัตตังคะ => เทา้ ๔ / พนกั ๓ ๓. อาสันทิ = ม้านงั่ ปัญจังคะะ => เทา้ ๔ / พนกั ๑ ๔. ฟูกเตยี ง หา้ ม!!! ยดั นุ่น หรอื สาํ ลี ฟกู ทคึ่ วรใชม้ ี ๕ อยา่ ง คอื ๕. ฟูกต่งั ๑. ยดั ดว้ ย ขนแกะ ขนปีกนก และขนสตั ว์ ๔ เทา้ (เวน้ ผม-ขนคน) ๒. ยดั ดว้ ย เศษผา้ ๖. หมอนหนุนศีรษะ -----> ยดั นนุ่ หรือ สําลไี ด้ ๓. ยดั ดว้ ย เปลอื กไม ้ เชน่ ใยมะพรา้ ว ๗. มงุ้ ๘. เครอื่ งลาด ----> ห้าม!!! เป็นของวจิ ิตร กาววาว ๔. ยดั ดว้ ย หญา้ แลฟาง ๕. ยดั ดว้ ย ใบไม ้ (เวน้ ใบพมิ เสนลว้ นๆ ) Note : ๑. สมานาสนกิ = ภิกษทุ มี่ ีพรรษาไลเ่ ล่ยี กัน (± ๓ พรรษา) ----------- > ห้ามน่งั บนต�งั เดียวกัน ๒. อสมนาสนิก = ภิกษทุ มี่ ีพรรษาห่างกนั > ๓ พรรษา กณั ฑท์ ่ี๑๓ \" นสิ สัย \" มูลเหตทุ ่ที รงอนญุ าตให้มอี ปุ ัชฌาย์ : เม่ือมภี ิกษุมากข้ึนการปกครองก็ยากขึน้ ตามลําดับ พระพุทธองค์จึงทรงกระทาํ ดังนี้ ๑. ทรงบัญญัตสิ ิกขาบท ตงั้ เป็น \"พทุ ธอาณา\" ๒. ทรงตงั้ ขนบธรรมเนยี มเปน็ \"อภิสมาจาร\" ภกิ ษุผบู้ วชใหมไ่ มส่ ามารถรูท้ ่วั ถงึ และประพฤติให้ถูกตอ้ งตามระเบียบโดยลําพัง พระพุทธองค์จงึ ทรงอนุญาติใหม้ อี ุปัชฌาย์ เปน็ ผ้อู บรมสง่ั สอน วิธีถืออุปัชฌาย์ และรับ : ภิกษุบวชยังไม่ถึง ๕ พรรษา ตอ้ งถอื ภกิ ษุรูปใดรูปหนึง่ เป็นอปุ ชั ฌาย์ ๑. ภิกษนุ วกะห่มผา้ เฉวียงบา่ เขา้ ไปหาทา่ น ๒. กราบเท้าท่านแล้วนงั่ กระโหย่ง ๓. ประนมมอื กลา่ ว \" อปุ ชฺ ฌาโย เม ภนฺเต โหหิ \" แปลว่า ขอท่านจงเปน็ พระอปุ ้ชฌายข์ องข้าพเจา้ ( ว่า ๓ ครงั้ ) ๔. พระอปุ ัชฌายร์ ับวา่ \" สาธุ \" แปลวา่ ดลี ะ \" ลหุ \" แปลวา่ เบาใจเถดิ \" โอปายกิ ํ \" แปลวา่ ชอบแก่อุบาย \" ปฏิรูปํ \" แปลว่า สมควรอยู่ \" ปาสาทิเกน สมปฺ าเทหิ \" แปลวา่ ให้ถงึ พรอ้ มด้วยอาการอนั น่าเลอื่ มใสเถดิ ศัพทส์ าํ คัญ : ๑. อปุ ัชฌาย์ = ภิกษผุ รู้ ับใหพ้ ึง่ พงิ / ผ้ฝู ึกสอน หรือ ผู้ดูแลภิกษผุ พู้ งึ่ พงิ ๒. สทั ธิวหิ าริก = ผอู้ ยู่ดว้ ยกิรยิ าทีพ่ ง่ึ พงิ / ผอู้ ยู่ดว้ ยนิสสัย ๓. นสิ สัย = กิริยาทพี่ ง่ึ พิง เหตทุ ี่นิสสัยระงับจากอปุ ัชฌาย์ มี ๕ ประการ ๑. อุปชั ฌาย์หลกี ไป ๓. มรณภาพ ๒. ลาสิกขา ๔. เข้ารตี เดยี รถยี ์ (ไปนบั ถอื ศาสนาอ่ืน) ๕. สั่งบังคบั : มี ๒ มติ คอื ภกิ ษุที่ได้รบั ยกเวน้ ในการถือนสิ สัย ไดพ้ รรษาครบ ๕ แลว้ แตไ่ ม่ ประฌาม คอื ไลไ่ ปจากสํานัก ๑. ภกิ ษเุ ดินทาง ถงึ ๑๐ มคี วามรพู ้ ระธรรม ๒. ภกิ ษผุ ู้พยาบาลคนไข้ วนิ ัยพอรกั ษาตวั ไดแ้ ลว้ การประฌามประกอบดว้ ยองค์ ๕ ประการ คอื ๓. ภิกษุเข้าปา่ เพ่ือเจรญิ สมณธรรมชวั่ คราว ทรงอนุญาตใหพ้ น้ จากนสิ สยั คาํ ขอนิสสัยในการถืออาจารย์ : อยตู่ ามลําพงั ได ้ เรยี กวา่ ๑. ไม่รกั \"นสิ สยั มตุ ตกะ\" ๒. ไม่เล่อื มใส ๓. ไมล่ ะอาย ๔. ไมเ่ คารพ ในพระอปุ ัชฌาย์ ๕. ไมห่ วงั ดี \" อาจริโย เม ภนฺเต โหหิ อายสฺมโต นสิ สฺ าย วจฉฺ ามิ \" ขอท่านจงเป็นอาจารยข์ องข้าพเจ้า ขา้ พเจ้าจกั อย่อู าศยั ทา่ น ( ว่า ๓ ครงั้ )
องคแ์ ห่งนิสสยั มตุ ตกะ คอื ผ้ทู ถี่ งึ พร้อมดว้ ย หนา้ ท่ขี องพระเถระ คอื พระภกิ ษุท่ีมีพรรษาครบ ๑๐ แล้ว ทรงอนุญาติหน้าท่ีดังน้ี ๑. ศรทั ธา, หิริ, โอตตปั ปะ, วิรยิ ะ, สติ ๒. ศลี , อาจาระ, สัมมาทฏิ ฐ,ิ สตุ ะ, ปญั ญา ๑. เปน็ อปุ ชั ฌาย์ ๓. รู้จักอาบตั ,ิ จาํ ปาติโมกขไ์ ด้แม่นยาํ , มีพรรษา ≥ ๕ (พรรษาครบ ๕ นส้ี ําคญั ทสี ดุ + ขาดไม่ได)้ ๒. เปน็ อาจารย์ องค์สมบตั ิแหง่ พระเถระ : กําหนดเพ่มิ สาํ หรับพระเถระ ๓. บรรพชาสามเณรได้ ๔. พยาบาลอาการอาพาธ, ระงบั ความกระสนั , บรรเทาความเบือ่ หนา่ ยทเ่ี กดิ แก่สัทธวิ หิ าริก- ๔. ปกครองบริษัท (ปริสปุ ัฏฐาปกะ คือ ผู้ใหบ้ รษิ ทั อปุ ฏั ฐาก หรอื ผใู้ ช้บรษิ ทั ) อนั เตวาสกิ และร้จู ักอาบัติ/วธิ อี อกจากอาบัติ ๕. ฝกึ ปรอื อภสิ มาจาร, แนะนาํ เรื่องอาทพิ รหมจาริกา เปล้อื งทิฏฐทิ ่ผี ดิ อนั เกิดแก่สัทธวิ ิหารกิ - อันเตวาสิก และมีพรรษา ๑๐ หรือมากกวา่ วตั ร = ขนบธรรมเนียม หรือแบบอยา่ งอันภกิ ษุควรประพฤตใิ น กัณฑ์ท่ี๑๔ ให้บรบิ รู ณ์ จึงไดช้ ือ่ วา่ \" อาจารสมฺปนโฺ น \" = ถงึ พร้อมด้วยมารยาท \" วตตฺ สมฺปนฺโน \" = ถงึ พรอ้ มด้วยวัตร \" วตั ร \" กาลนน้ั ๆ กจิ นั้นๆ บคุ คลน้นั ๆ กิจวตั ร • กจิ ทค่ี วรทาํ ----> การคารวะ กิจวัตร ๑๒ ๑. อุปชั ฌายวัตร จริยวตั ร • มารยาททค่ึ วร ----> การขบฉัน ๒. สัทธิวิหารกิ วัตร = สทั ธวิ หิ ารกิ --พ--งึ -ท-าํ-แ-ก--่ ---> อปุ ัชฌาย์ ประพฤดิ = อปุ ชั ฌาย์ --พ--งึ -ท-าํ-แ-ก--่ ---> สทั ธวิ หิ าริก วิธีวตั ร • แบบอย่าง ----> การปลงอาบตั ิ ๓. อาคันตุกวัตร = แขก --พ--งึ -ท-าํ-แ-ก--่ ---> เจ้าถนิ่ ๔. อาวาสิกวตั ร วตั ร ๕. คมิกวตั ร = เจา้ ถ่ิน --พ--งึ -ท-าํ-แ-ก--่ ---> แขก ๖. ปิณฑปาตกิ วตั ร = วตั รของผจู้ ะไปอยู่ที่อืน่ ควรกระทํา ๗. ภตั ตัคควตั ร กจิ วตั รที่น่าจาํ ๘. เสนาสนคหาปกวัตร อุปชั ฌายวัตร ๗ = แล - เรยี น - รกั - กัน - รพ - ลา - พยาบาล ๙. เสนาสนคาหกวตั ร = วัตรของภกิ ษุผู้จะเขาไปบิณฑบาตในบา้ น = วตั รในโรงฉนั ๑. แล = ดแู ลอุปัฏฐากท่านในกจิ ทุกอย่าง ๑๐. วจั จกุฏิกวัตร ๑๑. คิลานุปัฏฐากวัตร ๒. เรียน = หวงั ศึกษากบั ท่าน (ตั้งใจเรยี น) ๑๒. คิลานกวัตร ๓. รกั = รกั ษาน้ําใจทา่ น อย่าทาํ ให้ทา่ นระแวงแคลงใจ = วตั รขอภกิ ษุผู้แจกเสนาสนะสงฆ์ = วตั รของภิกษผุ ู้รบั เสนานสะสงฆ์ ๔. กนั = ปอ้ งกัน และระงับความเส่ือมเสีย อันจะเกิดกบั ทา่ น ๕. รพ = เคารพในท่าน ๖. ลา = ไมเ่ ทีย่ วไปตามอําเภอใจ ควรบอกลาท่านก่อน = วัตรในเวจกุฏี = วัตรของภกิ ษผุ ู้พยาบาลไข้ ๗. พยาบาล = เม่ือทา่ นเจ็บปว่ ย ควรเอาใจใสพ่ ยาบาลจนหาย หรือมรณภาพ = วตั รของภกิ ษผุ ไู้ ข้ ภัตตคั ควัตร ๑๑ = นุง่ - นัง่ - ไมน่ ง่ั - รบั - คอย - เส - พร้อม - ระวงั - โม - กลับ - ห้าม ๑. นุ่ง = นงุ่ ห่มให้เรียบร้อย (ในวดั ห่เฉวียง นอกวดั ห่มคลุม) ๒. นงั่ = รจู้ กั อาสนะทีส่ มควรแกต่ น ๓. ไม่นัง่ = ไมใ่ หน้ ่งั พับผ้าสังฆาฏใิ นบา้ น (เปน็ ธรรมเนียมของผ้าหม่ เล็ก ปัจจบุ นั ไมใ่ ชแ้ ลว้ ) ๔. รบั = รับนํา้ และโภชนะทท่ี ายกถวายโดยเอือ้ เฟ้อื ๕. คอย = คอยใหภ้ ิกษุในโรงฉันไดภ้ ัตตาหารครบแลว้ จึงฉันพร้อมกนั (กรณีโรงฉันเลก็ ) ๖. เส = ฉันให้เรยี บร้อยตามโภชนปฏสิ งั ยตุ ในเสขิยวัตร ๗. พรอ้ ม = อมิ่ พรอ้ มกัน ๘. ระวงั = ระวังอยา่ งใหน้ ้าํ บ้วนปาก หรือล้างมอื กระเด็นไปถกู ภกิ ษุอนื่ ๙. โม = ฉันเสร็จตอ้ งอนุโมทนาทาน ๑๐. กลบั = เดินแถวกลับใหเ้ รยี บรอ้ ย ๑๑. หา้ ม = หา้ มเอานํา้ ลา้ งบาตรทีม่ เี ศษอาหารเททิง้ ในบ้าน
จรยิ าวตั ร มารยาททค่ี วรประพฤติ วธิ วี ตั ร แบบแผนทคี่ วรปฏบิ ตั ใิ นกรณียกจิ ตา่ งๆ ๑. ห้ามเหยยี บผ้าขาวปูอาสนะในทนี่ มิ นต์ (เว้นแตเ่ ป็นผา้ รองยืน และผ้าเชด็ เทา้ ) ๑. วิธคี รองผ้า เช็ดผา้ แหง้ กอ่ น แล้วจึงเชด็ ผ้าเปยี ก ๒. วิธใี ช้บาตร เกบ็ ไว้ใต้เตยี งหรือต่ัง ๒. ควรดใู หถ้ ่ีถว้ นก่อนนงั่ และลุก เพื่อความเรยี บร้อย / สง่างงาม ๓. วธิ พี บั จวี รเกบ็ ๕. วิธเี ชด็ เทา้ ห่มเฉวียงบา่ น่งั คกุ เข่า ประนมมอื ๓. การน่ังบนอาสนะ : ๔. วธิ ีเกบ็ บาตร ๖. วิธพี ดั ใหพ้ ระเถระ - หา้ มนั่งบนอาสนะยาวเดียวกบั หญิง หรอื คนพนั ทาง ๗. วธิ เี ปดิ - ปดิ หนา้ ตา่ งตามฤดู - หา้ มนั่งบนอาสนะยาวเดยี วกบั พระผู้มีพรรษาออ่ นหรอื แก่กวา่ ๓ ๘. วิธเี ดิน ๙. เมื่อจะทําวินัยกรรม และอนุปสัมปัน เว้นแต่อาสนะไมเ่ สมอกัน - อนุญาตให้นัง่ บนอาสนะยาวเดยี วกบั พระผู้มพี รรษาอ่อนหรอื แกก่ ว่าไม่เกิน ๓ ได้ ๔. เมอื่ ฉันแล้วแมภ้ ิกษผุ ้มู พี รรษามากกวา่ มาภายหลังก็ไมค่ วรลุกให้ เวน้ แต่ทา่ นดึงดนั จะน่งั ๕. ภกิ ษพุ ักกลางวัน พงึ พกั ในท่ีกาํ บังและตอ้ งปดิ ประตู หรือถ้าสถานทน่ี นั้ มคี นคอย ระวงั ใหไ้ ม่ต้องกําบังก็ได้ วิธคี รองผ้า : ๖. ห้ามทง้ิ สิ่งปฏิกลู ลงทางหนา้ ตา่ ง (สุขาภิบาลสง่ิ แวดล้อม) - อนั ตรวาสก(สบง) : ปดิ สะดือ ปกเข่าถงึ ครึ่งแขง้ ๗. ห้ามปีนต้นไม้ เวน้ แต่มธี ุระจาํ เปน็ เชน่ หลงทาง หรือหนสี ตั วร์ า้ ย - อุตราสงค์(จวี ร) : ปดิ บา่ ซา้ ย เปดิ บ่าขวา (ในวดั ) ๘. ห้ามดกู ารฟอ้ นราํ ขับร้อง ประโคมดนตรี และการละเลน่ อื่นทีไ่ ม่ควร นอกวัดหม่ คลุม กลัดรังดมุ - สงั ฆาฏิ : ซอ้ นผา้ อตุ ราสงค์เขา้ บ้าน ๙. หา้ มขบั ธรรมดว้ ยเสียงยาวๆ คลา้ ยการรอ้ งเพลง ซงึ่ ทําใหเ้ สยี สมณสารูป ในเมืองไทยนยิ มพาดบา่ ซา้ ยทบั จวี ร ๑๐. หา้ มจับตอ้ งวตั ถอุ นามาส วัตถุอนามาส : ๑. หญงิ , เครอ่ื งแต่งกายหญิง, รปู ภาพหญิง, สัตว์ตวั เมยี ๒. ทอง, เงิน, รัตนชาติ ๘ ประการ Note : วธิ วี ตั รท้งั หลาย ไม่ตายตวั อาจจะมีการเปลย่ี น แปลงไปตามกาลเวลา เมือ่ เวลาผ่านไปใช้ไม่ได้ ๓. ศัตราวุธชนดิ ต่างๆ กต็ อ้ งมวี ธิ ีใหมข่ ึ้นมาแทน แต่ตอ้ งรกั ษาวิธีเก่าๆ ที่เป็นแบบฉบบั ไวบ้ า้ ง ๔. เครื่องดกั สตั ว์ ๕. เครื่องดนตรี ๖. ข้าวเปลอื ก และผลไม้ท่ีเกิดอยู่กบั ที่ กณั ฑท์ ๑ี่ ๕ \" คารวะ \" วธิ ีการแสดงความเคารพ มี ๔ ประการ คอื ๑. การกราบไหว้ งดไหว้ในเวลาดงั ตอ่ ไปน้ี มี ๘ โอกาส ปรบั อาบตั ทิ กุ กฏ ๑. ประพฤตวิ ุฏฐานวิธี (อย่ปู รวิ าสกรรม) ๒. การลุกรบั ๒. ถูกสงฆล์ งอกุ เขปนียกรรม ไม่ต้องลุกรบั ผใู้ ดในเวลาตอ่ ไปนี้ ๓. เปลือยกาย ๑. เวลานัง่ อยกู่ บั พระผูใ้ หญ่ ๓. การทําอัญชลี (ประนมมอื ไหว้) ๔. เขา้ หมบู่ ้าน / ขณะเดนิ ตามทาง ๒. เวลาน่ังในบ้าน ๓. เวลาเข้าประชมุ สงฆภ์ ายในวัด ๔. การทาํ สามีจิกรรม ๕. มดื มองไมเ่ ห็นกนั ๖. ย่งุ อย่ดู ว้ ยธรุ ะการงาน, นอนหลับ ไมไ่ หว้บุคคล ๔ ประเภท ๑. อนปุ สมั บัน (สามเณร และบุคคลท่ีไม่ใช่ภกิ ษ)ุ และเหม่อลอย ๒. ภิกษพุ รรษาออ่ นกว่า ๗. ฉันภตั ตาหาร ๓. ภกิ ษตุ า่ งนิกาย ๘. ถา่ ยอุจาระ / ปสั สาวะ ๔. ภิกษุผู้พูดไม่เป็นธรรม ศัพท์สาํ คญั : การประนมมอื ทาํ ได้แม้แกภ่ กิ ษผุ ู้มพี รรษาออ่ นกวา่ ในเวลาดงั น้ี \" สมานสังวาส \" คือ ภกิ ษุผูร้ ว่ มนิกายเดียวกัน มีธรรมอยูเ่ ปน็ เหตุเสมอกัน ๑. ขอขมาโทษ ๒. ทาํ วินยั กรรม เชน่ ปลงอาบัติ
กณั ฑท์ ี่๑๖ \" จําพรรษา \" กาล : ดิถีที่กาํ หนดใหเ้ ขา้ จาํ พรรษา เรยี กวา่ \" วัสสปู นายกิ า \" ในบาลกี ลา่ วไว้ ๒ ช่วง คอื ๑. ปรุ ิมมิกา วัสสปู นายิกา = วันเขา้ พรรษาต้น (แรม ๑ คํา่ เดอื น ๘) คําอธิษฐานพรรษา : \" อิมสมฺ ึ อาวาเส อมิ ํ เตมาสํ วสสฺ ํ อเุ ปมิ \" ๒. ปจั ฉิมกิ า วัสปู นายกิ า = วันเขา้ พรรษาหลงั (แรม ๑ คํา่ เดอื น ๙) ข้าพเจ้าเขา้ พึงฤดูฝนในอาวาสน้ี ตลอด ๓ เดือน สถานที่ : ภกิ ษุผูจ้ ะเข้าจาํ พรรษา ตอ้ งมเี สนาสนะทีม่ งุ ท่บี ัง มบี านประตปู ดิ -ปิดได้ ข้ออนญุ าตเิ ปน็ กรณพี เิ ศษ : ภกิ ษุกําลังเดินทาง แต่ถึงวันเขา้ พรรษาพอดี หา้ ม!!! มิใหจ้ ําพรรษาในสถานท่เี หลา่ น้ี คือ จาํ แบบย่อ ท่านแนะนําให้อธิษฐานใจ ว่า \" อธิ วสฺสํ อุเปมิ \" แปลวา่ ข้าพเจ้าเขา้ จําพรรษา ๑. ในกระทอ่ มผี ต๊อบ ในทน่ี ี้ เมื่อถึงตาํ บลทภี่ กิ ษปุ ระสงค์ ท่านยอมให้อยจู่ าํ พรรษากบั พวกภกิ ษทุ น่ี ั้นได้ ๒. ในกลดพระธุดงค์ หรอื เต็น เตน็ หากยังไม่ถงึ ท่ีหมาย แตค่ าราวานส้ินสดุ การเดินทางแล้ว ทา่ นแนะให้ ๓. ในต่มุ ตมุ่ อย่กู บั พวกภิกษุในตําบลนั้นกอ่ น ๔. ในโพรงไม้ โพรง กรณีข้างตน้ ท่านวา่ พรรษาไม่ขาด และไดเ้ พือ่ จะปวารณาด้วย ๕. บนคา่ คบต้นไม้ ต้น สตั ตาหกรณยี ะ = มีธุระจริงๆ ทรงอนุญาตใหไ้ ปได้ ไมเ่ กิน ๗ วัน อานิสงส์แห่งการจาํ พรรษา ๕ ประการ : นบั จากวันปาฏิบทไป ๑ เดอื น เหตุทีท่ รงอนุญาตใหส้ ตั ตาหกรณียะ มีดงั นี้ ( \" วนั ปาฏิบท \" = แรม ๑ คํา่ เดอื น ๑๑ ) ๑. ไปเพ่ือรกั ษาพยาบาล สหธรรมกิ / มารดาบดิ า ๒. ไประงับเหตสุ หธรรมิกกระสันจะสึก ๑. เทย่ี วไปโดยไม่ตอ้ งบอกลา ๓. มีกิจสงฆ์ เชน่ ปฏิสังขรณห์ รือซอ่ มแซม ๔. ทายกนิมนต์ ๒. เท่ยี วจาริกไปไม่ต้องเอาผา้ ไตรจีวรไปครบสาํ รบั ๓. ฉนั คณะโภชน์ และ ปรมั ปราโภชนไ์ ด้ ๔. เก็บอดิเรกจีวรได้ตามประสงค์ ๕. จีวรอันเกิดขึน้ ในที่นน้ั เป็นของไดแ้ กพ่ วกเธอ เหตทุ ีภ่ กิ ษุพรรษาขาด แตไ่ มเ่ ปน็ อาบัติ (อยตู่ อ่ ไมไ่ ด้ ---> ไปเสยี ) Note : ไดก้ รานกฐินแล้ว อานสิ งค์ต่อไปอีก ๔ เดอื น รวมเป็น ๕ เดอื น ๑. สตั ว์ - โจร - ปศี าจเบียดเบียน ๒. ถกู ไฟไหม้ / น้ําทว่ มเสนาสนะ ถา้ อกี ๗ วนั จะสน้ิ สดุ การจาํ พรรษา สามารถไปไดเ้ ลยโดยไมต่ อ้ งกลบั มา ๓. ภยั เกิดแกโ่ คจรคาม ลาํ บากด้วยบณิ ฑบาต (อพยพตามชาวบา้ นไป) ๔. ขัดสนดว้ ยอาหาร / ยา ๕. เปน็ อันตรายตอ่ พรหมจรรย์ ๖. ไปเพื่อจะหา้ ม / สมานสามคั คีแก่สงฆ์ (ไปดว้ ยสตั ตหกรณยี ะ) กัณฑท์ ี่๑๗ ≥๔ •สวดปาฏิ โมกข์ \" อโุ บสถ ปวารณา \" สงฆ์ การก อุโบสถ = การเขา้ อยู่ (การบาํ เพญ็ พรตอยา่ งหนึ่ง ซง่ึ เก่ียวเน่อื งกบั การอดอาหาร) ≥๕ •ปวารณา การก = ภกิ ษุผู้ทําอุโบสถ มี ๓ ประการ คณะ ๒-๓ •สวดปาฏิ โมกข์ กําหนดให้สมาทานในวนั ต่อไปน้ี ๑. วนั เพ็ญ = วันขึ้น ๑๕ คา่ํ ๒-๔ •ปวารณา บคุ คล ๒. วนั เดือนดบั = วนั แรม ๑๕ คาํ่ อาการทีจ่ ะพงึ ทําอุโบสถและปวารณา มี ๓ ประการ ดงั น้ี ๑ รปู = วันแรม ๑๔ ค่าํ อาการทําอุโบสถ การก อาการทําปวารณา ๓. วันพระจนั ทรค์ ร่ึงดวง = วันขนึ้ ๘ ค่ํา ๑. สวดพระปาติโมกข์ สงฆ์ ปวารณาตอ่ ท่ปี ระชมุ สงฆ์ = วนั แรม ๘ คา่ํ ๒. บอกปาริสทุ ธ�ิ คณะ ปวารณากันเอง วนั อโุ บสถ พระพทุ ธองค์ทรงรบั ส่งั ให้ใชเ้ ป็นวันประกอบศาสนกจิ ดงั น้ี ๓. อธิษฐาน บคุ คล อธษิ ฐานใจ ๑. ประชุมกนั แสดงธรรม / ฟงั ธรรม บพุ กรณ์ ๔ กิจอันพึงทําในโบสถก่อนลงอโุ บสถ บุพกจิ ๔ กิจอนั ภิกษุพงึ ทําก่อนสวดปาตโิ มกข์ จัดสถานที่ : ๑. ปดั กวาด บอก ๑. นําปาริสทุ ธขิ องภิกษุผอู้ าพาธมา ๒. สมาทานอโุ บสถของคฤหสั ๓. ทาํ อโุ บสถ = ภิกษุฟังพระปาตโิ มข์ (เฉพาะวันเพ็ญและวันเดอื นดบั ) ๒. ตามประทีป ข้อกาํ หนด ๒. นําฉันทะของเธอมาด้วย ๓. ต้งั น้ําด่มื วนั ทาํ อโุ บสถของภกิ ษุ มี ๓ ประการ คือ ๔. จดั ต่งั / ปูอาสนะ ๓. บอกฤดู ๑. วันจตทุ ทสี = วันแรม ๑๔ คาํ่ ๔. นับจาํ นวนภิกษุ ๒. วันปัณณรสี = วนั แรม ๑๕ ค่าํ และ แรม ๑๕ ค่าํ ๕. ให้โอวาทภิกษณุ ี ๓. วันสามคั คี = วนั ปรองดองของภิกษผุ ู้แตกกนั
การทาํ สงั ฆอโุ บสถ ตอ้ งประกอบดว้ ยองค์ ๕ คอื อุเทส ๕ ในพระปาติโมก ประกอบดว้ ย ๑. นทิ านทุ เทส ๑. เป็นวนั ขนึ้ ๑๕ ค่ํา / แรม ๑๔ คํ่า /แรม ๑๕ คาํ่ / วนั สามัคคี ๒. ปาราชกิ ทุ เทส ๒. ภิกษุมีจํานวนอย่างน้อย ๔ รปู + นัง่ หตั ถบาส ๓. สังฆาทิเสสุทเทส ๓. ภิกษุน้ันไมต่ ้องสภาคาบตั ิ ๔. อนิยตทุ เทส ๔. อยูใ่ นเขตสมี าท่ถี กู ต้องตามพระวนิ ัย ๕. วิตถารทุ เทส => มี ๕ ประการ ๔. \" บุคคลควรเวน้ \" ต้องไม่มีในหตั ถบาส ๕.๑) นิสสัคคยิ ุทเทส ๑. อนุปสมั บัน / ภิกษุณี ๕.๒) ปาจิตติยุทเทส ๒. ผ้ตู อ้ งอาบัติปาราชกิ / เขา้ รเี ดยี รถีย์ / ลาสิกขาแล้ว ๕.๓) ปาฏเิ ทสนยี ุทเทส ๓. ถกู สงฆล์ งอกุ เขปนยี กรรม (แตอ่ นโุ ลมไดถ้ ้าสงฆ์ไมค่ รบ ๔) ๕.๔) เสขยิ ทุ เทส ๕.๕) สมถุทเทส กณั ฑท์ ี่๑๘ \" อปุ ปถกริยา \" อปุ ปถกรยิ า การประพฤตนิ อกรีตนอกรอยของสมณะ แบ่งได้ ๓ ประเภท ๑. อนาจาร = ความประพฤตไิ ม่ดไี มง่ าม & การเล่นทไี่ มเ่ หมาะสม ๒. ปาปสมาจาร = ความประพฤตเิ ลวทราม \" ประทุศร้ายตระกลู \" ๓. อเนสนา = การเลี้ยงชีพในทางไม่สมควร ๑. การเล่นต่างๆ มี ๕ ประการ เดก็ คะนอง เล่นพนนั ปยู้ ี่ปูย้ าํ องึ คนงึ ๒. การรอ้ ยดอกไม้ มี ๖ ชนิด อนาจาร ๓ ๓. การเรยี นดิรจั ฉานวชิ า มี ๕ ประการ ตรงึ ควบ แทง ผกู วง กรอง เสน่ห์ วิบตั ิ ภูตผี ทํานาย งมงาย ปาปสมาจาร ๗ กาํ นลั ดอกไม้ ประจบ ยอม เป็นหมอ รับฝาก รกุ ราน ปรบั อาบตั ทิ ุกฏทุกขอ้ ฐานะท่จี ะลงโทษ มี ๓ สถาน การรกุ ราน / ตดั รอนคฤหสั ถ์ มีดังน้ี = ตําหนิ ๑. ตชั ชนยี กรรม = ถอดยศ ตดั ลาภ เส่อื มเสยี อยไู่ มไ่ ด้ ดา่ ว่า ยยุ ง พดู กด ไมท่ ํา ๒. นยิ สกรรม = ขับออกจากวดั ๓. ปพั พาชนียกรรม การลงโทษ : \" ปฏิสารนยี กรรม \" ให้สํานึกความผดิ & ขอขมาคฤหัสถ์ กลุ ปสาทโก : การประพฤตพิ อดี พองาม ยงั ความเลือมใส นับถือ ให้เกดิ เชน่ พระกาฬทุ ายี เปน็ ตน้ อเนสนา ๗ แสดงไว้ ๒ ประการ เชน่ โจรกรรม หลอกลวง ชกั ส่อื เปน็ ตน้ มโี ทษทางโลก \" โลกวัชชะ \" เชน่ การทําวิญญัตติ คือ ออกปากขอต่อคน / เวลาที่ไมค่ วรขอ มีโทษทางพระบญั ญัติ ๑. การแสวงหาทีเ่ ป็น ๒. การแสวงหาท่ีเปน็ \" ปณั ณตั ติวัชชะ \" วินีวตั ถอุ นุญาตให้ทาํ แก่คนต่อไปนี้ สหธรรมกิ , คนเตรยี มบวช, ไวยาจจั กร, เวชกรรมท่ตี อ้ งห้าม จัดเปน็ เวชกรรมตอ้ งห้ามใน มารดาบดิ า, คนอุปฏั ฐากมารดาบดิ า, ญาต,ิ ๑. การทํานอกรตี นอกรอย เช่น ปรุงยาทาํ ให้มบี ตุ ร / แทง้ ญาตขิ องอุปชั ฌาย,์ ฯลฯ แต่อยา่ หวงั การ ในวนิ ตี วัตถุ ตดยิ ปาราชิกสิกขาบท ตอบแทน ผูร้ ักษาที่ไม่สันทดั ในการแพทย์ รักษาผิดๆ ถูกๆ ซ่งึ เปน็ อันตรายต่อผู้ปว่ ย ปรบั อาบตั ิ : ทุกกฏ ๒. การยอมตนรักษาคนในสกุล (ใหเ้ ขาใช้สอย) เปน็ ปาปสมาจาร ๓. การรักษาโรคเรียกค่ารกั ษา (หาผลประโยชน์) เปน็ อเนสนา
กณั ฑ์ท่ี๑๙ \" กาลิก ๔ \" = \" ของกนิ \" มีกาํ หนดใหร้ ับ - เกบ็ ไว้ - ฉันได้ ในเวลาทกี่ ําหนด มี ๔ อย่าง คือ กาลิก ๔ ๑. ยาวกาลิก เช้า - เทย่ี ง ๒. ยามกาลิก ๑ วนั ๑ คนื กาลิกจริงๆ ๓. สตั ตาหกาลิก ๗ วนั ๔. ยาวชีวกิ ตลอดไป ๑. ยาวกาลกิ ของบริโภคประเภทอาหาร มี ๒ อย่าง ๑.๑) โภชนะ ๕ ข้าวสกุ ขนมสด ขนมแห้ง ปลา เนอื้ สัตวน์ ํ้า สัตว์บก ประเภท : บพุ พณั ณชาติ (กนิ ก่อน) อปรัณณชาต(ิ กนิ หลัง) บริสุทธิ�โดยสว่ น ๓ ๑.๒) ขาทนียะ = ขนมขบเคีย้ ว คือ ผลไม้และเหง้า ตอ้ งทําให้เปน็ กปั ปิยะก่อน ๑. ไมเ่ ห็น เน้ือตอ้ งหา้ ม ๑๐ ชนดิ ๒. ไมไ่ ด้ยิน คน ถลุ ลจั จัย การทําพชื / ผลไม้ให้เป็นกปั ปิยะ มี ๓ วธิ ี ๓. ไม่สงสัย ชา้ ง ม้า ๑. ไฟจ้ี อาบตั ทิ กุ กฏ หมี ไม่เป็นอาบตั ิ หมา ทุกกฏ ๒. มดี กรีด / ปอกเปลือก ใหอ้ นุปสมั ปันเป็นผ้ทู ําให้เปน็ กปั ปยิ ะแล้วจึงถวาย ราชสหี ์ เสือ ๓ ๓. เอาเลบ็ จิก / เดด็ ให้ขาดออกจากกัน งู Note : \" อทุ ทสิ สมงั สะ \" = เนื้อที่เขาฆา่ เจาะจงตน ฉัน \" ปวตั ตมังสะ \" = เนื้อทีเ่ ขาฆา่ เพอ่ื ขายตามท้องตลาด ฉัน ๒. ยามกาลิก ปานะ = น้ําสําหรบั ด่มื ที่ค้ันออกมาจากผลไมช้ นิดต่างๆ = น้ําผลไมค้ ั้น ๓. สัตตาหกาลกิ ไดแ้ ก่ เภสัช ๕ เนยใส เนยขน้ นํ้ามนั นํา้ ผึ้ง ปานะ ๘ ชนดิ : นาํ้ มะม่วง ทําเองได้ น้าํ ออ้ ย ทาํ เองไมไ่ ด้ นํ้าชมพู่ หรือน้ําลูกหว้า (แข้น/แข็ง) ผาณติ นาํ้ กลว้ ยมเี มล็ด นํ้ากล้วยไมม่ ีเมล็ด น้าํ มะซาง พืช สตั ว์ ๑. ยาวกาลิก(ถวั่ / งา) หมี นํา้ ลกู จันทร์ หรอื องุ่น หมู ๒. ยาวชีวกิ ปลา นา้ํ เหงา้ บวั (เมล็ดผกั กาด) ลา นา้ํ มะปรางค์ หรอื นํ้าล้ินจ่ี ๔. ยามชีวกิ ของท่ีใช้ประกอบยา มี ๖ อยา่ ง ดงั นี้ วานนาํ้ ว่านเปราะ อตุ พิด ข่า แฝก หญ้าแห้วหมู ๑. รากไม้ ขมิ้น ขงิ กระดอม บอระเพด็ ๒. น้าํ ฝาด (มลู เภสัช) สะเดา มกู มัน กระดอม กระเพรา กระถนิ พิมาน ๓. ใบไม้ (กสาวเภสัช) สะเดา มกู มนั พรกิ สมอไทย ๔. ผลไม้ ปัณณเภสชั ) ส้ม ดปี ลี ฝ้าย ๕. ยางไม้ (ผลเภสัช) ๖. เกลอื (ชตเุ ภสชั ) เกลือสมุทร สมอพิเภก มะขามป้อม โกศ (โลณเภสัช) ดีเกลือ เกลอื สนิ เธาว์ เกลอื ดนิ โปง่
กณั ฑท์ ่ี ๒๐ \" ภัณฑต์ า่ งเจา้ ของ\" \" ของสงฆ์ \" ภณั ฑท์ เี่ ขาถวายเป็ นสาธารณะแกภ่ กิ ษุ ไมเ่ ฉพาะตวั ลหภุ ณั ฑ์ = ของเบา ครภุ ณั ฑ์ = ของหนัก ๑. บณิ ฑบาต (อาหาร) ภตั ตทุ เทสกะ ๑. ทดี่ นิ +สง่ิ ปลกู สรา้ งเป็ นอาราม/ตน้ ไม ้ ๒. เภสชั (ยา) อปั ปมตั ตกวสิ ชั ชกะ ๒. ทดี่ นิ +สง่ิ ปลกู สรา้ งเป็ นวหิ าร/กฏุ ิ ๓. บรขิ ารสว่ นตวั ผา้ ๒, เหล็ก ๓ ๓. ของทเี่ ป็ นสาธารณะ (เตยี ง-ตงั่ -ฟกู -หมอน) ๔. เครอ่ื งโลหะ (หมอ้ , มดี , ขวาน, จอบ ฯลฯ) Note : - ผแู ้ จกจวี ร = \" จวี รภาชกะ \" - การจําหน่ายครภุ ณั ฑ์ = \" ผาตกิ รรม \" กณั ฑท์ ่ี ๒๑ \" วินัยกรรม \" ลหกุ าบตั ิ = การเปิดเผยความผดิ ของตนแกภ่ กิ ษุรปู อน่ื วธิ แี สดงอาบตั ิ ครกุ าบตั ิ = สงั ฆาทเิ สส อธษิ ฐาน วนิ ัยกรรม ๓ วกิ ปั บรขิ าร ๑๐ ชนดิ คอื ผา้ ไตร นงั่ นอน ฝี ฝน เช็ด บรขิ าร บาตร อธษิ ฐานใชค้ รัง้ ละ ๑ ผนื เทา่ นัน้ ! = การทําให้เปน็ ของสองเจา้ ของ โดยภกิ ษสุ ามเณรอ่ืนรว่ มเป็นเจ้าของบริวารน้ันๆ ด้วย ทําใหไ้ มต่ ้องอาบัติ เพราะเก็บไวเ้ กินกําหนด (วิกปเฺ ปมิ) อธษิ ฐาน ๑. อธษิ ฐานด้วยกาย = ใชม้ อื สมั ผสั ๒. อธษิ ฐานดว้ ยวาจา = เปลง่ วาจา ๑. อธิษฐานในหตั ถบาส (≤ ๑-๒ ๑/๒ ศอก) => อิมํ / อมิ านิ ๒. อธษิ ฐานนอกหัตถบาส (> ๑-๒ ๑/๒ ศอก) => เอตํ (อมิ ํ) / เอตานิ (อมิ านิ) สาเหตุแห่งการเสียอธิษฐาน ๙ ประการ ลา ตาย เพศ ถอน ทะลุ ให้ โจร มิตร เลว - วสิ าสะ - ปาราชิก - เข้ารตี ๑. การแสดงอาบตั ิ = การเปดิ เผยความผดิ ของตนแก่ภกิ ษอุ ื่น ลงโทษดว้ ยการทํา \"อกุ เขปนยี กรรม\" (ห้ามสังวาส+อยรู่ วม) Note : ๒. สภาคาบัติ = อาบตั ทิ มี่ ีส่วนเสมอกนั => มวี ตั ถเุ ดียวกัน ภิกษุต้องเหมือนกนั = ผอู้ ันสงฆย์ กเสียแลว้ => ไมย่ อมรบั / ยอมรับแตไ่ มย่ อมแสดงคืน ๓. อกุ ฺขติ ฺตโก กัณฑท์ ี่ ๒๒ હ‹ ½¹› ËÃÍ× àÎÃâÕ ÃÍ¹Õ äÁ·‹ çËÒŒ Áà¾ÃÒÐÂØ¤¹éÑ¹Â§Ñ äÁ‹ ÁÕ áµ¨‹ Ѵ໹š ÂÒàʾµ´Ô àËÁÍ× ¹¡ºÑ ÊÃØ ҫէ໚¹¢Í§äÁ¤‹ Çà \" ปกณิ ณกะ \" ´§Ñ ¹¹éÑ ¡ç໚¹¢Í§äÁ¤‹ ÇÃàʾàËÁ×͹¡Ñ¹!!! มหาปเทส ๔ = ข้อสําหรับอา้ งใหญ่ มหาปเทสขอ้ ที� สง�ิ ใด แตเ่ ป็น และขัดกบั สง�ิ ทเี� ป็น สงิ� น�นั ๑ ๑. ไม่ทรงห้าม อ๑. กัปปยิ ะ กปั ปยิ ะ ไมค่ วร ๒ ควร ๓ ๒. ไมท่ รงอนญุ าต ๒. กปั ปยิ ะ อกัปปยิ ะ ๔ ไมค่ วร อ๑. กัปปยิ ะ กัปปยิ ะ ควร ๒. กัปปิยะ อกปั ปยิ ะ ศพั ทส์ าํ คัญ กปั ปยิ ะ = ของอันควรเสพหรอื ใช้ เหมาะแก่สมณะบริโภค = ของไม่ควรเสพหรือใช้ ไมเ่ หมาะแกส่ มณะบรโิ ภค อกปั ปิยะ
พระพทุ ธานุญาตพเิ ศษ ๕ ประการ ทรงอนุญาตเฉพาะ สง�ิ ท�ีทรงอนญุ าต ๑ . อาพาธ - ยามหาวิกฏั ๔ (มูตร, คูถ, เถ้า, ดิน) ถกู งกู ัด ๒ . บคุ คล - น้าํ ขา้ วใส, นํา้ ขา้ วตม้ ไม่มกี าก และนํ้าเนอื้ ต้มไม่มีกาก ในเวลาวิกาลได้ ๓. กาล ๔ . ถน�ิ - อาหารท่ีเรอ หรือสาํ รอกขน้ึ มาถงึ ลําคอ แล้วกลืนกลบั ลงไปในเวลาวิกาล ๕ . ยา - เลือดออกในปาก แล้วกลืนกลบั ลงไป (ภกิ ษุกินเลอื ด ถลุ ลจั จัย) - เจียวมันเองเปลวกอ่ นเที่ยง (แมม้ ันของเน่ืออกปั ปิยะกอ็ นุญาติ) - ใหอ้ าบนาํ้ เป็นนิตย์ ในปจั จันตชนบท - ให้ใชร้ องเทา้ เป็นนิตย์ ในปจั จนั ตชนบท - นาํ้ มนั , นา้ํ เมา, กระเทยี ม ใช้เปน็ กระสายยา วบิ ตั ิ ๔ นิยาม หมายเอา วิบัติ ความเสยี แหง่ ศีล ปาราชกิ / สังฆาทเิ สส ความเสยี แห่งมรรยาท ลหุกาบตั ิ (ถุลลจั จัย - ทุพภาสิต) ๑. สลั วบิ ัติ ความเห็นผดิ ธรรม-วินยั อาบัติบางอย่าง ๒. อาจารวิบตั ิ ความเสยี หายแห่งการเลีย้ งชพี อาบัตจิ ากการเลี้ยงชพี ๓. ทฏิ ฐิวบิ ตั ิ ๔. อาชีววบิ ัติ อโคจร ๖ ๑. หญิงแพศยา หญงิ หากนิ ทางกามทุกชนิด ๒. หญิงหมา้ ย หญิงสามตี าย / หย่า ๓. สาวเทื�อ หญ่งิ โสด ๔. ภกิ ษณุ ี หญง่ิ นักบวช ๕. บัณเฑาะก์ บุรุษทีเ่ ขาตอนแลว้ ๖. ร้านสรุ า ขายสุรา / ยาเสพตดิ ¢ÍãËŒÊͺ¼‹Ò¹¡Ñ¹·¡Ø ÃÙ»àŹФÃѺ Í¹âØ Á·¹ÒºÞØ ¤ÃѺ
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: