Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ณัฐทิกานต์ สมจริง

ณัฐทิกานต์ สมจริง

Published by Guset User, 2023-02-03 06:11:49

Description: ณัฐทิกานต์ สมจริง

Search

Read the Text Version

หนงั สอื อิเลก็ ทรอนิกส์ เรอ่ื ง สอื่ ส่งิ พิมพ์ จดั ทําโดย นางสาว ณฐั ทิกานต์ สมจรงิ เลขท่ี 15 ประกาศนียบตั รวิชาชีพชน้ั ปี ท่ี 3 เสนอ อาจารย์ เบญจมาศ ถนอมนอ้ ย วิทยาลยั เทคโนโลยีทกั ษิณอาชีวศึกษา

คาํ นาํ หนงั สอื จดั วา่ ป็นสื่อสิง่ พิมพท์ ่ีมคี วามจาํ เป็น เพ่ือส่ือใหผ้ อู้ า่ น เขา้ ใจ ถึงความหมาย ความรู้ ทงั้ ศาสตรแ์ ละวิชาการต่างๆ ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งและ ยงั สามารถเผยแพร่ขอ้ มูลข่าวสารไดอ้ ย่างแพร่หลายกว่าสื่อ ชนิดอ่ืน ซ่ึง หนงั สือแบง่ เป็นหลายประเภทตามลกั ษณะการใชง้ าน และ มกี ระบวนการ ขนั้ ตอนการผลิตท่ีหลากหลายดว้ ยวิธีตา่ งๆ มากมาย เพ่ือ ใหห้ นงั สือนนั้ มี ความถูกต้องสมบูรณ์ กองการพิมพ์ ซ่ึงเป็นหน่วยงานสนับสนุนด้าน ภารกิจหลกั ของ กรมท่ีดิน ท่ีม่งุ เนน้ พฒั นาและเพ่ิมความสามารถในการ ปฏิบตั ิงานดว้ ย เทคโนโลยีท่ีทนั สมยั อย่เู สมอเพ่ือตอบสนองความตอ้ งการ ของหน่วยงาน ภายในกรมท่ีดินและประชาชน จึงมีแนวคิดในการจัดทาํ “กระบวนการ ผลิตส่ือสิ่งพิมพป์ ระเภทหนังสือ” เพ่ือใชเ้ ป็นคู่มือการให้ ความรู้ เพ่ือ เพ่ิมศักยภาพการปฏิบตั ิงานและบริหารจัดการความรูข้ อง บคุ ลากรใน หน่วยงาน และเป็นแนวทางการจดั ทาํ หนงั สือใหถ้ กู ตอ้ งและ สมบูรณ์ เป็ นประโยชน์กับผู้ปฏิบัติงานและสอดคล้องกับประเด็น ยทุ ธศาสตรข์ อง กรมท่ดี ิน

ความหมายของส่อื สิง่ พมิ พ์ ส่อื สิง่ พิมพ หมายถึง คำวา ส่ิงพมิ พ หมายถึงสมุด แผนกระดาษหรือวัตถุใด ๆ ที่พิมพขึ้น รวมตลอดทั้งบทเพลง แผนที่ แผนผังภาพ ภาพวาด ภาพ ระบายสี ใบประกาศ แผน เสียง หรอื สิ่งอืน่ ใดอนั มลี กั ษณะเชน เดียวกัน คำวาสื่อ หมายถึง ทำการติดตอใหถึงกันชักนำใหรูจักกันผูหรือสิ่งที่ ทำการตดิ ตอใหถึงกันหรอื ชักนำใหรูจกั กัน คำวา พิมพ หมายถึง ถายแบบ ใชเครื่องจักรกดตัวหนังสือหรือภาพ ใหติดบนวัตถุ เชน แผนกระดาษ ผา ทำใหเปนตวั หนงั สือหรอื รูปรอยอยางใด ๆ โดยการกดหรือการใชพิมพหิน เครื่องกล วิธีเคมี หรือวิธีอื่นใด อันอาจให เกดิ เปน สง่ิ พมิ พขนึ้ หลายสำเนา ดงั นัน้ สอ่ื สิง่ พิมพ จงึ หมายถึงส่ิงท่ีพมิ พขึน้ ไมวาจะเปนแผน กระดาษ หรอื วัตถุใด ดวยวิธกี ารตา ง ๆ อันเกดิ เปน ชนิ้ งานทม่ี ลี ักษณะเหมอื น ตนฉบับ ขน้ึ หลายสำเนาในปริมาณมากเพือ่ เปนสง่ิ ที่ทำการติดตอ หรือชักนำใหบุคคล อน่ื ไดเ ห็นหรอื ทราบ ขอความตา ง

ประวตั สิ ือ่ ส่งิ พิมพ์ หลักฐานทางประวัติศาสตรศิลปะไดปรากฏบนผนังถ้ำอัลตามิรา (Altamira) ในสเปนและถ้ำลาสควักซ (Lascaux) ในฝรั่งเศสมีผลงาน แกะสลักหินแกะสลักผนังถา เปนรูปสัตวล ายเสนจึงเปน หลักฐานในการ แกะพิมพเปนครั้งแรกของมนุษยหลังจากนั้นไดมีบุคคลคิดวิธีการทำ กระดาษขึ้นมาจนมาเปนการพิมพในปจจุบันนั่นคือไชลั่น ซึ่งมีเชื้อสาย จนี ชาวจนี ไดผลติ ทำหมกึ แทง ซง่ึ เรยี กวา “บก๊ั ประวตั กิ ารพมิ พใ์ นประเทศไทย ในสมัยสมเด็จพระนารายมหาราช กรุงศรีอยุธยา ไดเริ่มแตง และพิมพ หนังสือคำสอนทางศาสนาคริสตขึ้น และหลังจากนั้นหมอบรัดเลยเขามา เมืองไทย และไดเริ่มดานงานพิมพจนสนใจเปนธุรกิจดานการพิมพ ใน เมืองไทย พ.ศ. 2382 ไดพิมพเอกสารทางราชการเปนชิ้นแรกคือหมาย ประกาศหา มสบู ฝน ซึง่ พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลาเจา อยหู ัวทรงโปรดใหจาง พิมพจำนวน 9,000 ฉบับ ตอมาเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2387 ไดออกหนังสื่อ ฉบับแรกขน้ึ คือ บางกอกรคี อรด เดอร

(Bangkok Recorder) เปนจดหมายเหตุอยางสั้น ออกเดือนละ 2 ฉบับและ ใน 15 ม.ิ ย.พ.ศ. 2404 ไดพิมพหนงั สอื เลม ออกจำหนายโดยซ้ือลิขสิทธิ์จาก หนังสือนิราศลอนดอนของหมอมราโชทัย และไดเริ่มตนการซื้อขายลิขสิทธ์ิ จำหนายในเมืองไทย หมอบรัดเลยไดถึงแกกรรมในเมืองไทย กิจการการ พิมพของไทยจึงไดเริ่งเปนตนของไทย หลังจากนั้นใน พ.ศ. 2500 ประเทศ ไทยจึงนำเครื่องพิมพแบบโรตารี ออฟเซต (Rotary off set) มาใชเปนคร้ัง แรก โรงพิมพไทยวัฒนาพานิชนำเครื่องหลอเรียงพิมพ(Monotype) มาใช กับตัวพิมพภาษาไทยธนาคารแหงประเทศไทยไดจัดโรงพิมพธนบัตรใน เมอื งไทยขึน้ ใชเ อง บทบาทของสอื่ สงิ่ พมิ พ์ สือ่ สิง่ พมิ พม บี ทบาท ดงั ตอไปนี้ 1. บทบาทของสื่อสิ่งพิมพในงานสื่อมวลชน สื่อสิ่งพิมพมีความสำคัญในดาน การนำเสนอขอมูล ขาวสาร สาระ และความบันเทิงซึ่งเมื่องานสื่อมวลชน ตองเผยแพรจึงตองผลิตส่ือส่งิ พมิ พ เชน หนงั สือพิมพ วารสาร นิตยสาร เปน ตน 2. บทบาทสื่อสิ่งพิมพในสถานศึกษา สื่อสิ่งพิมพถูกนำไปใชใน สถานศึกษา โดยทั่วไป ซึ่งทำใหผูเรียนผูสอนเขาใจเนื้อหามากขึ้น เชน หนังสือ ตำรา แบบเรียน แบบฝกหัด สามารถพัฒนาไดเปนเนื้อหาใน ระบบเครือขาย อนิ เทอรเนต็ ได

3. บทบาทของสื่อสิ่งพิมพในงานดานธุรกิจ สื่อสิ่งพิมพที่ถูกนำไปใช ในงาน ธุรกิจประเภทตางๆ เชน งานโฆษณา ไดแก การผลิต หัวจดหมาย ซอง จดหมาย ใบเสร็จรับเงนิ ใบสง ของ โฆษณาหนา เดียว นามบตั ร เปนตน 4. บทบาทของสื่อสิ่งพิมพในงานธนาคารงานดานการธนาคาร ซึ่ง รวมถึง งานการเงิน และงานที่เกี่ยวกับหลักฐานทางกฎหมาย ไดนำสื่อ สิ่งพิมพ หลายๆ ประเภทมาใชในการดำเนนิ งาน เชน ใบนำฝาก ใบถอน ธนบัตร เชค็ ธนาคาร ต๋ัวแลกเงิน และหนังสอื เดนิ ทาง 5. บทบาทของสื่อส่ิงพิมพในหางสรรพสินคา และรานคาปลีก สื่อ สิ่งพิมพท่ี ทางหางสรรพสินคา หรือรานคาปลีก ใชในการดำเนินธุรกิจ ไดแก ใบปด ปโฆรษะณเภาตทา ขงๆองใบสปิิอ่ื ลสิวงิ่ แพผนิมพพับ์ จลุ สาร สือ่ ส่งิ พิมพส ามารถแบง ออกไดเ ปน 4 ประเภทใหญ ๆ คือ 1. สอื่ ส่ิงพมิ พป ระเภท หนงั สอื พมิ พ (Newspapers) 2. สือ่ สิ่งพิมพประเภท นิตยสารและวารสาร (Magazines and Journals) 3. สอ่ื สงิ่ พิมพป ระเภท หนังสอื (Book) 4. สอ่ื สง่ิ พิมพเฉพาะกิจตางๆ เชน ใบปลิว (Leafl ets), แผน พับ (Folders), เอกสารเลมเล็กหรือจุลสาร (Booklets หรือ Pamphlets) และ จดหมาย ขา ว (News letters)

1. สื่อสิ่งพิมพประเภท หนังสอื พมิ พ (Newspapers) หนังสือพิมพเปนสื่อสิ่งพิมพที่เปนสื่อมวลชนประเภทหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะ เฉพาะตัว คือ มีเนื้อหาเนนหนักในเรื่องของการรายงานขาว และ เหตุการณ สำ หรับคนทั่วไป มีความหลากหลายในเนื้อหา ไมเนนเฉพาะ เรื่องใดเรื่อง หนึ่ง นอกจากนี้หนังสือพิมพจะตองพิมพเปนรายประจำ แนนอนสม่ำเสมอ อาจเปนรายวันหรือรายสัปดาหก็ได และพิมพเผย แพรสูสาธารณชนจำนวน มากๆ เปดโอกาสใหคนซื้ออานได ปจจุบันนี้มี หนังสือพิมพรายวันภาษาไทย อยูหลายฉบับ เชน ไทยรัฐ เดลินิวสคนชัด ลึก มติชน ขาวสด สยามกีฬา รายวัน ฯลฯ สวนหนังสือพมิ พภาษาอังกฤษ ไดแก บางกอกโพสตเดอะเนช่ัน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีหนังสือพิมพ ประเภทธุรกิจอีกหลายฉบับ เชน ฐานเศรษฐกจิ ประชาชาติธุรกจิ ผู จัดการ ฯลฯ และยังมีหนงั สือพิมพในสวน ภมู ิภาคทีพ่ ิมพเผยแพรเฉพาะ ในบางจังหวดั อกี เปน จำนวนมาก

2. สื่อสิ่งพิมพประเภทนิตยสารและวารสาร (Magazines and Journals) นิตยสารและวารสารเปนหนังสือที่มีระยะเวลาออกเปนรายคาบ ไว แนนอน เชน รายสัปดาหรายปกษ (ครึ่งเดือน) รายเดือน ราย 3 เดือน เปน ตน นิตยสาร (Magazines) มีลักษณะตางจากสิ่งพิมพอื่นๆ คือ เนน หนักทางดานเสนอบทความ สารคดี และขอเขียนตาง ๆ ที่ใหความรู ความบันเทิงกับผูอานโดยทั่วไป มีการจัดหนาและรูปเลมที่สวยงามใน ประเทศไทยมีนิตยสารอยูมากมายหลายฉบับ ทั้งนิตยสารที่ใหความรู ความ บันเทิงเฉพาะดานแตกตางกันไป เชน เศรษฐกิจ การเมือง ศิลปะ วัฒนธรรม ธุรกิจ การทองเที่ยว บันเทิง สุขภาพ กีฬา ตลอดจนนิตยสาร ที่ออกมาเพื่อ ผูอานเฉพาะวัย ไดแก นิตยสารสำหรับเด็ก ผูใหญ ผูชาย ผูหญิง ฯลฯ นติ ยสารและวารสารที่จัดวามีประโยชนมากตองานสง เสรมิ และเผยแพร คือ นิตยสารประเภทธุรกิจ การคา อุตสาหกรรม นิตยสาร วิชาชีพ เชน ธุรกิจ เกษตร อุตสาหกรรมไทย ใกลห มอชวี ติ และสุขภาพ เปนตน วารสาร (Journals) ตางจากนติ ยสารตรงท่ีวารสารมักจะเปน สิ่งพิมพทางวิชาการของหนวยงานตางๆ ซึ่งจัดพิมพโดยสถาบัน สมาคม

หนวยงานของรัฐ และเอกชน เนื่องจากวารสารเปนสิ่งพิมพที่ใหความรู เฉพาะดานจึงมักมีผูสนใจเฉพาะกลุมเทานั้น และบางฉบับไมมีการจำหนาย แพรหลายโดยทั่วไปตองสั่งซื้อจากหนวยงานนั้นๆ หรือบางหนวยงานก็พิมพ เพ่อื เผยแพรใ นรูปแบบของการใหเ ปลา 3. สอ่ื สิ่งพมิ พประเภท หนงั สือ (Book) หนงั สือ คือ ส่ิงพิมพท เ่ี ย็บรวมกันเปนเลม ทมี่ ีความหนาและมี ขนาดตา งๆ กัน ไมมีกำหนดออกแนนอน และไมตอเนื่องกัน แสดงเนื้อหา วิชาการในศาสตร ความรูตา งๆ เพื่อสื่อใหผูอ านเขาใจความหมาย ดวย ความรูที่เปนจริงจงึ เปน สื่อสิ่งพิมพที่เนนความรูอยางถูกตองและมีความ สมบูรณในตัวเอง หนังสือ แบงออกเปนหลายประเภทตามแตลักษณะของ เนื้อหา เชน หนังสือนิยาย หนังสือเรียน หนังสือวิชาการ สารคดีหนังสือ เพลง หนังสือการตูน บทกวี นิพนธ หนังสือเปนสิ่งพิมพที่มีผูสนใจเฉพาะ กลุม เชนเดียวกับหนังสือ วารสาร เชน กลุมนักเรียน นักศึกษาหรือกลุม อาชีพที่มีความสนใจเฉพาะ

ดาน ยกเวนแตหนังสือที่เนนหนักไปทางดาน บันเทิง สวนใหญหนังสือจะมี จำนวนพิมพไ มม ากนักขึ้นอยกู บั การนำไปใชง าน 4. สื่อสิ่งพิมพเฉพาะกิจ เปนหนังสือพิมพที่ผลิตขึ้นเพื่อใชในกิจการใด กิจการหนึ่งโดย เฉพาะเชน การโฆษณาประชาสัมพันธโครงการเผยแพร ความรูดานตางๆ ซึ่งอาจเปนสิ่งพิมพที่กลาวมาแลวใน 3 ชนิดแรกที่ผลิตข้ึน เฉพาะเพื่อใชใน งานใดงานหนึ่ง แตในที่นี้จะขอเนนเฉพาะ สิ่งพิมพใน รปู แบบอืน่ ๆ ทีน่ อก เหนือไปจากสิง่ พมิ พ3 แบบทกี่ ลา วมาแลวคอื 1. แผนปลิวหรือใบปลิว (Leaflets, Handbill) เปนสื่อสิ่งพิมพใบ เดียว ที่ เนนการประกาศหรือโฆษณา มักมีขนาด A4 เพื่องายในการแจก จาย ลักษณะการแสดงเน้อื หาเปน ขอความที่ผอู านอานแลวเขาใจงา ย 2. แผนพับ (Folder) เปนสื่อสิ่งพิมพที่ผลิตโดยเนนการนำ เสนอ เนื้อหา ซ่ึง เนือ้ หาที่นำ เสนอนน้ั เปนเน้ือหา ท่ีสรปุ ใจความสำคัญ ลักษณะ มกี ารพับเปน รูปเลมตางๆ 3. เอกสารเย็บเลม (Brochures) เปนสื่อสิ่งพิมพที่มีลักษณะ เปน สมุดเลมเล็กๆ เย็บรวมกันเปนเลมบางๆ สีสันนาอาน ใชเผยแพร แนะนำ มีเนื้อหาละเอียดขนึ้ จากแผน พบั 4. จุลสาร (Booklets หรือ Pamphlet) เปนสื่อสิ่งพิมพเอกสาร ที่เย็บเลม เชนเดียวกัน มีปกหนามีเนื้อหาใหรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบาย ของ หนวยงาน และคูมือการปฏิบัติงานในหัวขอเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อาจเปน เอกสารที่ใชในการเรียนการสอนและการศึกษารายบุคคลก็ได สำ หรับ จุล สารทเี่ รียกวา Pamphlets เปน จุลสารชนิดหนึ่งที่รวมกันหลายๆ หนา แตไม เยบ็ เลม

5. จดหมายเวียน (Circular letters) เปนสื่อสิ่งพิมพที่มีลักษณะ เชนเดยี วกันกับแผนปลิว ใชสำ หรับแจงใหทราบขาวเฉพาะเรื่อง หรือ ชักจูง ใจสน้ั ๆ เชน รายกจิ กรรมตา งๆ หรือขา วความรูใหมๆ 6. หนังสือพิมพฝาผนัง (Wall papers) เปนหนังสือพิมพที่ทำเปนแผนๆ ไว ติดบนกำแพงหรือที่บอรด ใหผูสนใจอาน มีเพียงแผนเดียว เนื้อหาประกอบ ไปดวยขาว การพาดหัวขาว เปนตน 7. โปสเตอร (Posters) เปนสื่อสิ่งพิมพ โฆษณาโดยใชป ด ตามสถาน ที่ตางๆ มีลักษณะเปน กระดาษเพยี งแผนเดียว มี ขอความหรือรูปภาพ ประกอบชวยสื่อความหมายในการบอกขาว ชักจูงใจ หรือดึงดดู ความ สนใจเพอื่ รณรงคใ นเรอื่ งตาง ๆ 7. โปสเตอร (Posters) เปนส่ือสิ่งพมิ พโฆษณาโดยใชปดตามสถานที่ตางๆ มี ลักษณะเปนกระดาษเพียงแผนเดียวมีขอความหรือรูปภาพ ประกอบชวยส่ือ ความหมายในการบอกขาวชักจูงใจ หรือดึงดูดความ สนใจเพื่อรณรงคใน เร่ืองตา ง ๆ

โปรแกรมที่ใชในการผลิตส่อื สิ่งพิมพ ปจ จุบนั นมี้ ีโปรแกรมสำเรจ็ รปู ที่นำมาใชใ นการผลติ สอื่ ส่ิงพิมพ มากมายท่ี ไดร ับความนิยมนำมาใชใ นการออกแบบหรือจัดหนาส่ือส่ิงพิมพ ทำการผลิต ส่อื ส่ิงพมิ พใหมคี วามนาสนใจมากขึ้น ซง่ึ ในหัวขอนจี้ ะกลา ว ถึงโปรแกรมที่ ไดรบั ความนิยมในการผลติ สิง่ พมิ พเทาน้นั โดยมีโปรแกรมตา งๆ ดงั น้ี 1. โปรแกรมไมโครซอฟตเวิรด (Microsoft Word) โปรแกรมไมโครซอฟตเวริ ดเปนโปรแกรมท่ีผลติ โดยบริษัท ไมโครซอฟต โดยผลิตรนุ 2.0 มากอ น จากนน้ั พัฒนาเปน รุน 6.0 ซึ่ง ทำงานบนระบบวินโดวส 3.1 ตอมามีการปรบั ปรุงแกไขขอบกพรอ ง ตา งๆ โดยมีการพฒั นาโปรแกรมไมโครซอฟตเวิรด ใหรองรบั การใชงาน บนระบบ ปฏิบตั งิ านตา งๆ ซึง่ โปรแกรมไมโครซอฟตเ วริ ด เปนโปรแกรม ทีช่ ว ยในการ จัดการสงิ่ พิมพ หนวยงานตางๆ มกั จะนำโปรแกรมนีไ้ ปใช ในเอกสาร รายงานตา งๆ มากมาย

2. โปรแกรมโฟโตช อพ (Adobe Photoshop) เปน โปรแกรมสำหรับจัดการกับภาพหรืองานกราฟกท่ตี องการ ความ ละเอยี ดสูง เหมาะสำหรับงานออกแบบทวั่ ไป เชน โปสเตอร โบรชัวร ออกแบบหนา ปกหนงั สอื งานทเ่ี นน การทำงานเกย่ี วกับภาพเปนหลกั ไม วา จะเปนภาพถา ยจากกลอ งดจิ ติ อลหรอื ภาพที่ไดม าจาก Photostock เปน โปรแกรมตง้ั ตน สำหรบั จัดการกราฟฟค และเปนโปรแกรมที่ไดร ับ ความนยิ ม สงู ในการแตง ภาพ สามารถเปดไฟลร ปู ไดหลากหลาย เชน JPEG, TIFF, DNG, Traga, BMP, PICT นอกจากนย้ี งั สามารถตกแตง สี ใหก ับรปู ภาพ คมชัดขึ้นเพอ่ื นำไปใชก ับโปรแกรมอ่ืนๆไมเ หมาะกบั การนำ มาออกแบบ หนงั สือเปน เลมโดยตรง ถงึ แมวาจะทำไดก็ตาม

3. โปรแกรม Illustrator เปนโปรแกรมที่ชวยในการสรางภาพกราฟกแบบเวกเตอรเพื่อใชใน การ ประกอบขอความที่ไดจากการพิมพโดยโปรแกรม Ms – word เหมาะ สำหรับงานออกแบบทั่วไป ไมวาจะเปน โปสเตอร โบรชัวร หนาปก หนังสือ กลองบรรจุภัณฑตางๆ การทำงานสวนใหญจะทำใน Illustrator เปนหลัก ในที่นี้แนะนำใหต กแตงภาพใหเ สร็จเรียบรอยใน Photoshop เสร็จแลวคอย นำภาพเขา มาใช (Place) ใน Illustrator อกี ทีหนงึ่ 4. โปรแกรม Page Maker เปนโปรแกรม ป ร ะ เ ภ ท Desktop Publishing หรือโปรแกรม สำหรับงานออกแบบสื่อสิ่งพิมพตางๆ เชน หนังสือ แผนพับ ประกาศ กระดาษหัวจดหมาย ฯลฯ ลักษณะการทำงาน

ของโปรแกรมจะคลายกับ การตัดปะ หรือจัดภาพกับขอความเขาดวยกัน ภาพหรือขอความสวน ใหญจะสรางในโปรแกรมอื่นแลวนำเขามาจัดเขา ดวยกันใน PageMaker อีกที จะวาไปแลวหนาที่หลักของโปรแกรมนี้ก็คือ การจดั หนา จัดภาพและ ขอความเขา ดว ยกนั ใหเ ปนส่งิ พมิ พท ส่ี มบรู ณ 5. โปรแกรม Adobe InDesign เปน โปรแกรมสำหรบั นักออกแบบส่ือส่ิงพมิ พ ไมว า จะเปนนติ ยสาร โบชัวร ปกหนังสือ หรืองานพิมพอื่นๆ ก็ทำไดงาย เหมาะสำหรับการ ออกแบบงานหนังสือที่เปนลักษณะเลมมีจำนวนหนาที่เยอะลักษณะการ ใช งานจะเปน ในลักษณะ“จดั หนา หนังสอื ”มากกวา “ออกแบบกราฟฟค ” ประโยชนข องสือ่ สงิ่ พิมพ 1 ส่ิงพมิ พเปนส่ือที่มีความนาเชอ่ื ถอื เพราะเปนลายลกั ษณอักษรชดั เจน 2.สะดวกสบายสำหรบั การใชงานและราคาถูก 3. เปนสอ่ื ท่มี คี วามคงทนถาวร 4.สามารถเขากลุมเปาหมายไดอยางกวางขวางสะดวกรวดเร็ว และยังเลือก กลมุ เปาหมายที่ตอ งสอื่ ขอมลู ขา วสารไดดว ย

5.มีความเปนอิสระ สามารถออกแบบสื่อสิ่งพิมพไดอยางเต็มที่ เพราะไมมี ขอ จำกัดเรอื่ ง ขนาดและเน้ือที่ ขอ ดแี ละขอจำกดั ของส่ือสงิ่ พิมพ 1 ขอ ดขี องสอ่ื สิง่ พมิ พ 1.1 กระบวนการในการผลิตสื่อสิ่งพมิ พส ามารถจะทำไดห ลาย แบบ เปดโอกาสใหเลือกในรปู แบบที่เหมาะสมกับสถานการณน ้นั ๆ เชน การพิมพเ ปน เอกสารโรเนยี ว ซงึ่ เปน วิธที ี่งายทีส่ ดุ เปน ตน หากตอ งการใหมี คุณภาพยง่ิ ข้นึ ก็ใชก ารพมิ พด วยเครื่องพิมพ ซึ่งสามารถเลอื กพมิ พเปนขาว ดำหรือสีไดต ามตองการ 1.2 สามารถจัดพิมพไดหลายรูปแบบตามวัตถปุ ระสงคท ี่จะ นำไปใช เชน ใบปด จดหมายเวยี นหรอื เอกสารเผยแพร เปนตน 1.3 สามารถใชส่ือสิ่งพมิ พไดห ลาย ๆ ทางอาจใชเ ปน สื่อใน การศึกษาโดยตรงหรอื ใชส นบั สนนุ ส่ืออื่น ๆ 1.4 สามารถเลือกจัดพมิ พใ หม ีระยะเวลาการใชง านตา ง ๆ กนั เชน พิมพเ พอ่ื ใช งานระยะสัน้ อา นแลว ทงิ้ ไป หรอื พมิ พเ พื่อเกบ็ ไวใ ชอ ยา ง ถาวร สามารถออกแบบใหใชเ ฉพาะบุคคล ใชเปน กลมุ หรอื เปน มวลชนได 1.5 ส่ิงพมิ พส ามารถผลิตเพอื่ ใชใ หเหมาะกับกลมุ เปาหมายเฉพาะ ดา นได 1.6 สงิ่ พมิ พเขา ถงึ กลุมเปา หมายไดอยางกวา งขวางในทุกระดับ ของสงั คม

1.7 การผลิตสิ่งพิมพสามารถปรับใชใหเหมาะสมกับกระบวนการ ใชแ ละผลลพั ธท่ตี องการตามสภาพของเคร่อื งอำนวยความสะดวกที่มอี ยู 1.8 การใชสื่อสิ่งพิมพเปนไปอยางอิสระ ในการศึกษาสิ่งพิมพไม จำเปนตองใชวิธีพิเศษหรือเครื่องอำนวยความสะดวกอยางอื่นเขามาชวยแต อยา งใด 1.9 ผูอานสามารถใชสื่อสิ่งพิมพในการเรียนรูและอานซ้ำๆ กันได หลายๆคร้ัง 1.10 สอ่ื สง่ิ พมิ พม ีราคาถูก หาซ้อื ไดงา ย 1.11 สื่อสิ่งพิมพมีอายุยาวนาน มีความคงทนถาวรสามารถเก็บ รกั ษาไวไ ดน าน 2 ขอ จำกัดของสือ่ ส่งิ พิมพ 2.1 ไมสามารถเขาถึงผูอานที่อานหนังไมออก และผูที่มีปญหา ทางดานสายตาเชน คนตาบอดหรอื ผสู ูงอายทุ ีส่ ายตาไมดีเปน ตน 2.2 วสั ดุทใ่ี ชผลติ มีความบอบบางและฉกี ขาดไดง าย 2.3 เก็บรักษายากเนื่องจากมลี ักษณะ รูปทรง และขนาดแตกตาง กนั มาก 2.4 การเก็บรักษาในระยะยาว ตองมีความระมัดระวังในการเก็บ เขน ควรระวงั ความชนื้ วามรอ นและฝุนละออง เปนตน

หลักการออกแบบสอ่ื ส่งิ พิมพ หลกั การออกแบบสอื่ ส่งิ พิมพ มดี ังน้ี 1. ความสมดุล (Balance) สมดุล คือ การกระจายอยา งทวั่ ถงึ ของน้ำหนักใน งานออกแบบสิ่ง พิมพ น้ำหนักของสวนประกอบตางๆ เปนน้ำหนักที่สายตา รูสึกเมื่อมอง สวนประกอบนั้นๆ ทุกสวนบนเลยเอาทมีน้ำหนักซึ่งรูสึกไดจาก ขนาด ความมืดหรอื ความสวา ง สแี ละความเขมของสี ความหนาและบางของ เสน ความสมดลุ ในงานออกแบบสือ่ ส่ิงพิมพ 2. จังหวะ (Rhythm) ลักษณะของจังหวะในการจัดภาพ ไดแก การวาง องคประกอบ มูลฐานทางศิลปะใหมีระยะตําแหนงขององคประกอบเปน ชวงๆกอใหเกิด ความรูสึกเคลื่อนไหวตอเนื่องและความมีทิศทางแกผูอาน การออกแบบ สิ่งพิมพตองมีจังหวะ เชน ชองวางในการพักสายตาใหกับ ผูอา นดวยความ สวยงาม และเอกลกั ษณท ่ีสําคญั ของการจัดวางหนา สอื่ สงิ่ พิมพ( lay out) 3. การเนน (Emphasis) การเนนจุดแหงความสนใจ หลักการเนนจุด แหงความสนใจใน การออกแบบสื่อสิง่ พิมพ หมายถึง การสรางจุดแหง ความสนใจ (center of interest) ใหเกิดขึ้นในงานออกแบบ โดยการ กำหนดบริเวณใด บริเวณหนึ่งในภาพที่เหมาะสมใหมีลักษณะพิเศษ กวา บริเวณอื่น

4. เอกภาพ (Unity) หลักความมีเอกภาพในการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ หมายถึง การจัด วางองคประกอบใหมีการรวมตัวเปนอันหนึ่งอัน เดียวกันโดยไมแตกแยก กระจัดกระจาย งานออกแบบที่ขาดเอกภาพ จะทําใหผูอานเกิดความรูสึก แปลกแยกและไมนาสนใจ เทคนิคของ การสรางความมเี อกภาพใหก ับงาน ออกแบบส่อื ส่งิ พิมพ 5. ความมีสัดสวน หลักความมีสัดสวนในการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ หมายถึง การจัดวางองคประกอบโดยคํานึงถึงความสัมพันธของขนาด รูปรางขององคประกอบ เชน ตัวอักษร รูปภาพประกอบ บน หนากระดาษสิ่งพิมพความสัมพันธระหวางดานกวางและดานยาวของ สิ่งพิมพ รวมทั้งความเหมาะสมของสัดสวน ขนาด รูปแบบ รูปเลมของ ส่ือสง่ิ พมิ พ 6. ความเรยี บงาย การวางองคป ระกอบในการจดั ภาพ ควรเนน ท่ีความ เรยี บงา ยไมรก รุงรัง เพราะแมวานักออกแบบจะสามารถออกแบบใหผลงานสื่อ สิ่งพิมพหรูหราสักเพียงใดก็ตามหากไมสามารถสือ่ ความหมายไดตามท่ี ตองการแลว กน็ ับเปน ความสูญเปลานนั่ เอง ดังนน้ั หลกั ความเรียบงา ย ของการออกแบบสือ่ สง่ิ พิมพก ็เพือ่ ใหงา ยตอ การรับรขู องผูอาน

ปกหลงั “ความสําเร็จคือการกา้ วเดินจากความ ลม้ เหลวหน่ึงส่อู ีกความลม้ เหลวหนึ่ง โดย ไม่สญู ส้ินซึ่งแรงศรทั ธา”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook