Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สื่อวัฒนธรรมพื้นบ้าน

สื่อวัฒนธรรมพื้นบ้าน

Published by hathairat Petpinit, 2018-04-24 06:06:07

Description: อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์

Search

Read the Text Version

วฒั นธรรมพื้นบ้านอำ�เภอทองแสนขัน จังหวดั อุตรดติ ถ์

สารบญัเครอื่ งราง ของขลัง ลกู ประคำ� ผสมแร่เหลก็ น้ำ�พี ้ 1 ดาบเหล็กน้ำ�พ้ี 2เครือ่ งมือ เครอ่ื งใช้ เคร่อื งแต่งกาย ผา้ ซ่ินตีนจก 3 เครื่องโมแ่ ปง้ 4 ครกตำ�ข้าว 5 ครนื ดกั ไก่บา้ น 6 หวดนง่ึ ข้าวเหนียว 7 กระด้ง 8 กระตบิ๊ ขา้ วเหนยี ว 9 ขันโตก 10 ฝาชี 11

สารบญั (ต่อ)อาหารพืน้ บา้ น เตา 12 ผำ� 13 น้ำ�พริกน้ำ�ป ู 14 กบนา 15 หนูนา 16 หมูป่า 17 ต้มเปรตปลาไหล 18 ไกบ่ า้ น 19

เคร่อื งราง ของขลงั

ลูกประคำ� เหลก็ นำ้ �พ้ี ลกู ประคำ�เหล็กน้ำ�พีิ้ แม้ในอดตี บ้านน้ำ�พจ้ี ะมีชื่อเสยี งในการทำ�ดาบเหลก็ น้ำ�พ้ี แต่ปัจจบุ นั มกี ารปรับเปลย่ี นวธิ กี ารด้วยการนำ�เหลก็ นำ้ �พีม้ าเปน็ ส่วนผสมของผลติ ภัณฑ์แร่เหล็กน้ำ�พ้ี ฝมี ือชาวบา้ นอนั จะนำ�มาซ่ึงอาชพี และรายไดใ้ ห้แก่คนในชมุ ชนในปัจจุบนั จนเปน็ ท่มี าของการเปิดหมู่บา้ นโอทอ็ ปเพือ่ การทอ่ งเท่ยี ว โดยมบี อ่ เหลก็ น้ำ�พ้ี เปน็ สถานท่ีสำ�คัญทีด่ ึงดดู ความสนใจแกผ่ ู้มาเยือน “ปจั จบุ นั นแี้ รเ่ หลก็ นำ้ �พ้ี เขาจะเอามาทำ�เป็นเคร่อื งประดบั คอื เอาแร่มาบดละเอยี ดผสมกับดนิ เหนยี ว กาว มวลสารอะไรต่างๆ ที่เปน็ มงคลแล้วนำ�มาปน้ั เปน็ สรอ้ ยประคำ� เป็นพระ สร้อยขอ้ มอื ต่างหู เปน็ เครือ่ งรางของขลัง และของทีร่ ะลึก 1

ดาบเหลก็ นำ้ �พ้ี ดาบเหล็กนำ้ �พ้ี กบั ชาวอุตรดิตถ์มีความเกี่ยวเนือ่ งกนั มาจากบุคคลทาง ประวตั ศิ าสตร์ คือ “ทา่ นพระยาพชิ ัยดาบหกั ” ซ่ึงทา่ นพระยาพชิ ยั เป็นเจา้ เมืองใน สมัยธนบุรี ซ่งึ ในตำ�นานไดเ้ ล่าสบื ตอ่ กนั มาวา่ ข้าศึก ศตั รใู นสมยั โบราณมกี ารลง อักขระไว้ทรี่ ่างกาย ซง่ึ ท่านยาพชิ ัยได้ใชด้ าบเหลก็ น้ำ�พ้ปี ราบขา้ ศึกศตั รจู นชนะมา หลายคร้ังแล้ว ทำ�ใหค้ นโบราณเช่ือกนั วา่ ดาบเหลก็ น้ำ�พ้สี ามารถฟนั ฝา่ อักขระบนตวั ของข้าศกึ ได้ แลว้ ถา้ ใครไดค้ รอบครองดาบเหล็กน้ำ�พก้ี ็จะช่วยปอ้ งกนั สิ่งชว่ั รา้ ยทีเ่ ข้า มาได้ และยงั ชว่ ยเสริมสร้างบารมไี ดอ้ กี ด้วย ของขลัง และของทร่ี ะลึก2

เครอ่ื งมือ เครอ่ื งใช้ เครอื่ งแต่งกาย

ผ้าซิ่นตีนจก ผ้าซน่ิ ตนี จก ผา้ นงุ่ ของผหู้ ญงิ ที่เยบ็ เป็นถุงประกอบด้วยหวั ซนิ่ อยู่ บนสดุ หรือสว่ นทีอ่ ยู่ตรงเอว ตวั ซนิ่ อย่ถู ัดลงมาและตนี ซ่นิ หรอื เชงิ ซน่ิ ซง่ึ ทอเปน็ ลวดลายด้วยการจกจึงเรียกตนี จกและ เรยี กซ่ินชนิดน้วี า่ ซิ่นตีนจก ขนาดกว้างแคบและสั้นหรอื ยาว ของตนี จกตา่ งกันไปตามรปู รา่ งของผ้าน่งุ และวธิ ีการนงุ่ โดยเฉพาะตนี ซิ่นจะมีลวดลายและสีสนั แตกตา่ งกันไป จะเรมิ่ หัดทอด้วยผา้ ตีนจกนีเ้ องซงึ่ เปน็ การทอที่มีกรรมวิธียงุ่ ยากทส่ี ุด หญิงสาวทกุ คนจะมีผ้าซนิ่ ตีนจกประจำ�ตัวของตนเอง เพราะผ้าซน่ิ ตีนจกเปน็ ผา้สำ�คญั ทีใ่ ชน้ ุง่ ในพิธีตา่ งๆ ไม่วา่ จะงานบุญ งานแต่ง งานศพ เปน็ ตน้3

เคร่อื งโม่แปง้ เครอื่ งโม่แปง้ ทำ�มาจากหนิ หรือซีเมนต์ มีหลากหลายขนาด ขนาดเล็กที่สุดมีเส้นผ่าศูนยก์ ลางประมาณ 45 เซนติเมตร ขนาดใหญท่ ่ีสดุ ใหญก่ วา่ ขนาดเลก็ประมาณสามเทา่ (มเี ส้นผา่ ศนู ย์กลางประมาณ 135 เซนติเมตร) ครกบดเป็นเครื่องมอื ทม่ี ใี ช้กนั แทบทุกบ้าน การท่ีมีครกบดทำ�ใหบ้ ้านทกุบา้ นโมแ่ ป้งมาใชเ้ องได้ ครกบดจึงถือเป็นเคร่อื งมอื ทอี่ ย่คู ู่กบั ครัวไทยมานาน ในปจั จบุ นั การใช้ครกบดไดร้ ับความนิยมลดลง เนอ่ื งจากมแี ปง้ สำ�เร็จรูปขายตามท้องตลาดซึง่ หาซอ้ื ไดง้ า่ ย ครกบดจงึ ค่อยๆ หายไปจากครัวไทย 4

ครกตำ�ข้าว ครกตำ�ขา้ ว ตัวครกทำ�จากทอ่ นไม้เน้อื แขง็ มีความยาว 80-90 เซนตเิ มตร เส้นผา่ ศนู ย์กลาง 50-60 เซนตเิ มตร ใช้ขวานเจาะเป็นร่องลกึ ตรงกลางแล้วนำ�แกลบใส่เป็นเชือ้จดุ ไฟเผาสว่ นกลางใหเ้ ป็นโพรงลึกตามต้องการ แลว้ จงึ ขัดภายในให้เกลี้ยง ตวั สากทำ�จากไม้เน้อื แขง็ ยาว 2 เมตร ปลายทั้งสองข้างโคง้ มน หัวสากจะทมุ่ ใหญ่ สว่ นปลายสากจะมนเรยี วเล็ก บริเวณกลางคอดกลมดกี ับมอื กำ�อยา่ งหลวม ในการตำ�ข้าวนน้ั มเี คลด็ ลับเพ่ือใหไ้ ดเ้ มล็ดขา้ วสวยนั้นขึน้ อยู่กบั จงั หวะการตำ�ข้าว ถ้าตำ�เป็นบาทแบบช้าเนบิ ๆ ท้งิ ช่วงช้า ๆ จะทำ�ใหข้ า้ วหักเมล็ดข้าวไม่สวยเพราะการกระแทกสากลงท่ีครกมนี ้ำ�หนักมากท้งิ ชว่ งนาน แต่ถา้ จงั หวะตำ�ข้าวเร็วเป็นจังหวะถี่ ๆ เรว็ สมำ่ �เสมอจะทำ�ใหไ้ ดข้ ้าวเมล็ดสวย จึงตอ้ งใช้ความเพียรพยายามและเทคนคิ การตำ�ข้าวที่ละเอียดออ่ น ซ่งึ เปน็ สิ่งทีล่ ูกผู้หญิงในอดีตนน้ั ต้องเรียนรู้5

ครนื ดกั ไก่ปา่ ครืน เปน็ บ่วงสำ�หรับดักไก่ป่าหรือนำ�ไปดกั นกก็ได้ ครนื 1 ชุดเรียกว่า 1 ปาก จะมบี ่วงทเ่ี ชอ่ื มโยงติดตอ่ กนั ประมาณ 10-20 บ่วง บว่ งหนึง่ ๆ ดักไก่ได้ 1 ตัว ดงั น้ันการใชค้ รืนในคราวหนึ่งๆ จะสามารถดักไกไ่ ดห้ ลายตัว เมอื่ ใชง้ านครนื จะครอบคลมุ พน้ื ท่ีเป็นบริเวณกวา้ ง เมอ่ื คลีค่ รนื ออกใช้งาน ครืน 1 ชุดจะมคี วามยาวไม่ตำ่ �กว่า 3-4 เมตรบางชุดอาจจะมีความยาวนบั สิบๆ เมตร วัสดุท่ีใชท้ ำ�ครืน ได้แก่ ไม้ไผ่ เชอื ก ส่วนสำ�คญัคือสว่ นของบว่ งต้องใช้วัสดุทล่ี ่ืนและเหนียว เชน่ ขนหางมา้ ขนหางชา้ ง ขนแผงหลังหมปู ่าหรือหวาย เหลาจนเปน็ เสน้ เลก็ ๆ บางๆ 6

หวดนึ่งขา้ วเหนียว หวดนง่ึ ขา้ ว ก็เปน็ เครือ่ งใชอ้ ยา่ งหน่ึง ทเ่ี กย่ี วข้องกบั ชีวิตประจำ�วนั ของชาวบา้ นทุกวนัจะต้องใช้หวดนง่ึ ขา้ วเปน็ ประจำ� การน่งึ ขา้ วเหนยี วดว้ ยหวดน้นั นบั ว่าเป็นวิธีง่ายและสะดวกที่สุดดงั น้นั หวดน่ึงข้าวจงึ เป็นเครอื่ งใช้ ท่ีผูผ้ ลิตสามารถทำ�รายไดใ้ ห้กับครอบครวั โดยทำ�เป็นอาชพีเสริมได้ การสานหวดนง่ึ ข้าวเป็นกระบวนการทตี่ อ่ เนือ่ ง ผสมสานกับงานศิลปะของชาวบา้ นท่ีสามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น แมว้ ่าสงั คมปัจจุบันจะเปล่ียนแปลงไปตามยุคตามสมัยกต็ าม เราก็ควรจะอนุรกั ษห์ วดนงึ่ ข้าว อนั เป็นมรดกภูมิปัญญาชาวบ้านไว้ใหค้ งอยสู่ ืบตอ่ ไป เปน็ การอนุรกั ษ์และสบื ทอดการสวนหวดน่ึงขา้ วมาหลายชั่วอายคุ นแล้ว ถงึ แมว้ ่าในปจั จุบันความเจรญิ กา้ วหน้าทางการผลิตเครื่องมือ เครื่องใช้ตา่ ง ๆ มากกต็ าม หวดนงึ่ ขา้ วกย็ งั เปน็ ทนี่ ยิ มกนั อยู่7

กระด้ง กระด้ง เปน็ อปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในการล่อนข้าวหรือตากเมล็ดพนั ธ์ตุ า่ งๆ นอกจากนี้ ยังใช้รองในการทำ�ขนม ตัวกระด้งทำ�มาจากไมไ้ ผ่ และในการสานกระดง้ นน้ั จะสานจากสว่ นกลางให้เรยี บร้อยกอ่ น แล้วจากนนั้ จะทำ�การตัดขอบและดดั ใหโ้ คง้ เปน็ วงกลมเพ่ือทจ่ี ะทำ�สันกระดังหรือขอบกระด้ง ซงึ่ การทำ�ขอบกระด้งนัน้ เพอื่ ใหก้ ระด้งแขง็ แรงทนทานกบั การใชง้ าน สว่ นมากม้งจะนำ�ไปผิงไฟไว้ เพอื่ ให้เนือ้ ไมไ้ ผแ่ ห้งสนทิ สีสวย การใชภ้ ูมปิ ัญญาดังกลา่ ว มมี าแต่คร้งั สุโขทัยหรอื อาจจะก่อนหน้าน้นั ปจั จบุ ันเครือ่ งจักสานไดพ้ ฒั นาการไปมาก มกี ารประดษิ ฐ์คิดคน้ ทำ�ให้ไดร้ ูปแบบต่างๆ เครอื่ งจักสานเป็นสิ่งทอี่ ยคู่ วบคู่มากบั สงั คมกสิกรรมรับใชช้ ีวิตมนุษย์ เป็นมรดกตกทอดมาจนทุกวนั นแ้ี ละเชื่อว่าจะไมส่ ญู หายไปจากโลกนแ้ี นน่ อน 8

กระต๊ิบขา้ วเหนียว กระต๊บิ ขา้ วเหนยี ว เปน็ ภาชนะในการเก็บอาหารที่เปน็ งานหตั ถกรรมอนั ทรงคุณคา่ ชนิดหนึ่งทม่ี ากดว้ ยภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ เปน็ ของที่มปี ระจำ�บา้ นของชาวไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนอื และภาคเหนอื มายาวนาน ใชส้ ำ�หรับบรรจุขา้ วเหนียวทนี่ ึง่ สกุ แลว้ หรือใชเ้ ก็บเมลด็ พันธพุ์ ืช หรือแม้แตใ่ ช้เป็นเครอ่ื งประดับในครัวเรอื นหรอื ประดับสถานท่ีต่างๆเปน็ เครอื่ งจักสานที่ทำ�จากวัสดธุ รรมชาติ เชน่ ไม้ไผ่ ใบจาก ใบตาล ใบลาน ตน้ คล้าหรือ จากตน้ พชื ที่มีลกั ษณะยาวเรียว ชใ้ี หเ้ ห็นคณุ คา่ ทางอารธรรมในการเข้าใจใช้วัสดุธรรมชาตใิ ห้กลมกลนื กบั สภาพแวดล้อมของการดำ�รงชีวิต อกี ทงั้ ยังคงไวซ้ ึ่งเอกลกั ษณท์ างวฒั นธรรมทส่ี ืบทอดกันมาอย่างยาวนานอีกด้วย9

ขนั โตก ขนั โตก เปน็ ภาชนะท่ีทำ�ด้วยไม้ โดยนำ�มากลึงใหเ้ ป็นลกั ษณะกลมเหมอื นถาดขันโตกขนาดเล็กนัน้ จะมีขนาดเสน้ ผ่าศูนย์กลางประมาณ 14 นิ้ว และขนาดใหญ่ จะมีขนาดอยูท่ ป่ี ระมาณ 20 น้ิว หรอื ถ้าเป็นขันโตกสำ�หรบั เจ้านายฝ่ายเหนือ หรอื คหบดกี ็จะดัดแปลงใหห้ รูหราตามแต่ฐานะ บ้างกใ็ ช้เงินทำ�หรอื “ทองกาไหล”่ หรอื ไม่กล็ งรัก ปิดทองในสมยั กอ่ น ชาวเหนือนิยมรบั ประทานอาหารกับพื้น เมื่อแมบ่ ้านทำ�กบั ขา้ ว เสร็จเรียบร้อยแล้ว กจ็ ะยกออกมาตัง้ โตก โดยในขนั โตกน้ันจะมีกบั ขา้ วพรอ้ ม และเมื่อรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วกย็ กไปเกบ็ ท้งั โตก เป็นการประหยดั เวลาในการจัดและเกบ็ถอื เปน็ วฒั นธรรมอย่างหนึง่ ของชาวเหนือทปี่ ฏบิ ัตสิ บื ต่อกันมา ซึ่งการเล้ยี งขนั โตกกย็ งั ไดร้ บัความนยิ มและใชเ้ ล้ยี งรับรองผมู้ าเยือนอยูเ่ สมอๆ 10

ฝาชี ฝาชี มมี านานตัง้ แตส่ มยั สโุ ขทัยโดยเร่ิมจากการนำ�วสั ดใุ กลต้ ัว เช่น ต้น หวายหรอื ไมไ้ ผม่ าดัดแปลงเปน็ ภาชนะครอบอาหาร เพ่อื ปอ้ งกนั ฝุ่นผงและแมลงตา่ งๆ เป็นการทำ�เพือ่ ตอบสนองต่อความตอ้ งการของมนุษย์ในด้านการเกบ็ รักษาอาหารให้ สะอาดไมม่ สี งิ่ สกปรก ในปัจจุบนั สามารถพบการใช้ฝาชีในชีวิตประจำ�วันเปน็ จำ�นวน มากเพราะเป็นวสั ดุจากธรรมชาตแิ ละหาซือ้ ไดง้ ่ายไม่ทำ�ลายสิ่งแวดล้อมให้เสยี หาย การใชฝ้ าชจากหวายหรอื ไมไ้ ผย่ ังเปน็ การชว่ ยอุดหนุนรายไดใ้ ห้คนในตำ�บลและคนที่ ประกอบอาชีพอีกด้วย ช่วยปกป้องสิ่งสกปรกท่ีมาทำ�รา้ ยอาหาร ช่วยใหอ้ าหารไมม่ ี11 สงิ่ อนั ตรายมาลงปนเป้ือน ชว่ ยคลมุ อาหารหลาย ๆ อย่าง

อาหารพื้นบา้ น

เตา หรือสาหร่ายชนดิ หน่ึง เตา เป็นคำ�เรยี กภาษาพน้ื เมืองของสาหร่ายนำ้ �จดื ชนดิ หนง่ึ ท่ชี อบขึ้นตาม แหล่งนำ้ �ธรรมชาติ ตามหนองในนา ลำ�หว้ ย มลี กั ษณะเปน็ เส้นใยอ่อนนุม่ สเี ขยี ว นยิ มเอา เตาอ่อน ๆ ที่ช้อนข้ึนมาได้ นำ�ไปปรงุ เป็นอาหารท่นี ิยมทำ�กันมากที่สุด คอื “ยำ�เตา” หรอื บางท่ีอาจเรยี ก “ตำ�เตา” ก็ได้ โดยนำ�เตา (สาหรา่ ยชนดิ หนง่ึ ) มาลา้ งสะอาดหลายๆคร้งั จะใช้สดหรือลวกกไ็ ด้ สับให้ละเอยี ดผสมเคร่อื งปรงุ คือ น้ำ�พรกิ พรกิ สดเผา กระเทียม ข่า ตะไคร้ เกลือ มะเขอื มนื่ และมะแว้ง โขลกรวมกบั เครือ่ งปรุงใส่นำ้ �ปู เตมิ นำ้ �เล็กน้อยแลว้ คนให้เขา้ กัน ใส่ตน้ หอมซอย12

ผำ� ผำ� เปน็ พชื มีดอกทม่ี ขี นาดเล็กที่สุด อาศัยลอยอยูบ่ นผิวน้ำ� อาจลอยอยู่เปน็ กลุ่มลว้ น ๆ หรอื ลอยปนกับพืชชนิดอ่นื ๆ เช่น แหน แหนแดง กไ็ ด้ มีรูปรา่ งรี ๆ คอ่ นข้างกลม มขี นาดยาวประมาณ 1 มิลลเิ มตรแตล่ ะตน้ มีสเี ขยี ว ไมม่ ีราก นยมนมประกอบอาหาร เชน่ แกงผำ� แกงคว่ั ผำ� เปน็ ตน้ มลี กั ษณะเปน็ ไม้น้ำ� ใบเปน็ ก้อนกลมสีเขยี วลอยอยู่เหนอื ผวิ นำ้ � มขี นาดของเม็ดรวมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.1 - 0.2 ม.ม. ซ่งึ มีขนาดเลก็ มาก ดเู ผินๆ คล้ายไขป่ ลา แต่เป็นสเี ขยี วจำ�นวนแสนหรอื ล้านตน้ ลอยกระจายคลุมผิวน้ำ�ที่เป็นแหล่งน้ำ�นิ่งเตม็ ไปหมด 13

น้ำ�พรกิ นำ้ �ปู นำ้ �ปู เปน็ อาหารทม่ี ีคุณค่าทางโภชนาการ คือโปรตีน ไขมนั และ แคลเซียม ซงึ่ อย่ใู นรูปของสารอาหารเขม้ ข้น สามารถนำ�มาปรงุ อาหารไดห้ ลาย อยา่ ง เชน่ นำ้ �พรกิ นำ้ �ปู ใสป่ รุงรสในแกงหนอ่ ไม้ ใสป่ รุงรสยำ�หน่อไม้ ใส่ ส้มตำ�มะละกอ และตำ�สม้ โอเน่ืองจากเป็นอาหารทม่ี ไี ขมนั บางชนดิ สูง การรับ ประทานมากเกินไป อาจทำ�ให้ง่วงนอน หรือมีอาการหาวเรอ14

กบนา กบนา เปน็ สัตวค์ รึ่งบกครึง่ นำ้ �ที่มหี ลายชนดิ แตท่ นี่ ยิ มเล้ียง และนำ�มาประกอบอาหาร ได้แก่ กบนา ซง่ึ พบได้ทวั่ ไปตามทุ่งนาหรือแหล่งน้ำ�ขงั ในทกุ ภาค กบชนิดน้เี ป็นกบขนาดกลาง ออกไขจ่ ำ�นวนมาก เล้ียงงา่ ย เตบิ โตเรว็ ใหเ้ น้อื เหนียวนุม่ และมีรสชาตอิ รอ่ ย มกั นำ�มาประกอบอาหาร กบทอดกระเทยี ม ควั่ กบ ผัดเผ็ด ผัดกระเพรา และยังนำ�มาประกอบอาหารอย่างอ่ืนได้อีกมากมาย เป็นอาหารพื้นบา้ น 15

หนนู า ประโยชน์ทไี่ ด้จากหนูนากค็ อื โปรตนี ทไ่ี ด้จากเน้อื สัตว์ตามปกติ ยังมไี ม่ รายงานวจิ ยั แน่ชดั ว่ามคี ณุ ค่าทางสารอาหารทีพ่ เิ ศษ หรอื มากไปกวา่ เนือ้ สตั ว์อนื่ ๆ เช่น หมู ไก่ วัว หรอื ไม่ แต่ทเ่ี ปน็ ทน่ี ยิ มเพราะเป็นเนอื้ สัตว์ท่ชี าวบา้ นสามารถหาทานกันเองไดโ้ ดย ไม่ตอ้ งหาซอ้ื และรสชาติทไ่ี ม่เหมอื นเนือ้ หมู หรอื ไกธ่ รรมดา ใหค้ วามรสู้ กึ เหมือนทานเนื้อ กระตา่ ย หมปู ่า ท่จี ะออกเหนยี วนิดๆ ถกู ใจผทู้ ี่ชอบทานอาหารสไตล์อาหารปา่ ปรุงด้วย รสเผด็ จัดจ้าน และสมุนไพรเยอะๆ เพอ่ื ดับกลิน่ คาว ทส่ี ำ�คญั นอกจากการปรุงสุก และ รักษาความสะอาดแลว้ ไมค่ วรทานบ่อยเกินไป ควรทานอาหารให้หลากหลาย เพ่ือให้ได้ คณุ ค่าทางสารอาหารครบ และช่วยหลีกเลยี่ งความเส่ยี งต่อการตดิ เช้ือโรค หรือพยาธไิ ด้16

หมปู า่ หมปู า่ เป็นสัตว์ท่อี ยใู่ นป่า เปน็ หมทู ่ีอยู่ในป่า หมูป่าจะเป็นสัตวท์ ่ีมไี ขมนั ไม่มาก เหมอื นหมูทีเ่ ล้ียงกนั ในฟารม์ คนจึงนยิ มจับมารับประทาน แตต่ อ่ มาภายหลัง ไดม้ ีการเพาะเลยี้ งหมูปา่ ในระบบฟารม์ หมปู า่ จงึ กลายเป็นแคช่ ่ือในตอนนี้ แตห่ มทู อี่ ยใู่ นป่ากย็ ังมอี ยจู่ ะเหน็ ตามปา่ ได้ไมย่ าก ดว้ ยความที่หมูป่าเปน้ สตั ว์ที่ไขมันไมม่ าก จงึ ถกู นำ�มาทำ�อาหาร เป็นอาหารป่า อาหารรสจัดจา้ น ผัดเผ็ดกเ็ ปน้ อกี หนงึ่ เมนูเดด็ จากหมูป่าเช่นกนั เราจึงนำ�เสนอ เมนูหมปู ่าผดั เผ็ด 17

ต้มเปรตปลาไหล ปลาไหลนา จดั เปน็ ปลาในวงศป์ ลาไหลนาท่พี บมากทีส่ ดุ ในประเทศไทย และเป็นชนิดทมี่ ีขนาดใหญท่ ่สี ดุ ด้วย โดยพบได้ทกุ ภาค ทกุ แหล่งนำ้ � พบชุกชมุ ทั่วไป เปน็ ปลาทก่ี นิ เนอ้ื เป็นอาหาร โดยกนิ ได้แมก้ ระทง่ั ซากสัตว์ที่เน่าเปื่อย มีพฤติกรรมชอบ รวมตวั กันหาอาหาร เป็นปลาทค่ี นไทยรจู้ ักกนั เปน็ อยา่ งดี เพราะนยิ มบริโภคกนั มาแต่โบราณ อกี ทั้งยงั มคี วามเชื่ออกี ว่า หากปล่อยปลาไหลนาแลว้ จะช่วยให้ทกุ ขโ์ ศกไหลไปตามชือ่ ปัจจุบนั มกี ารเพาะเลย้ี งกันในเชิงพาณิชย์ โดยนิยมเลย้ี งในบอ่ ปนู ในปลาท่ีมีสกี ลาย ออกไป นยิ มเล้ียงเป็นปลาสวยงาม18

ไก่บ้าน ไก่บ้าน เปน็ สตั วท์ ี่ถูกเลย้ี งมานานมากแล้วในสมัยกอ่ น แถวชนบทผูค้ นนยิ มเลยี้ งไกไ่ ว้เพื่อจดุ ประสงคม์ ากมาย ไมว่ ่าจะเป็นการเลี้ยงไก่ไข่เพ่ือกนิ ไข่ การเล้ียงไก่เพอื่ กนิ เนื้อ การเล้ียงไกเ่ ลยี้ งเพ่ือเปน็ ไกช่ นเราจะเห็นแทบทกุ บา้ นเล้ยี งไกเ่ อาไว้ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เกษตรกรท่ีทำ�นา ปลูก ผัก เลย้ี งสตั ว์ สตั ว์หนึง่ ในน้ันท่เี กษตรกรจะเลอื กเล้ยี งไวก้ ็คือ “ไก่บา้ น” เป็นสัตว์ท่เี ลย้ี งงา่ ย ความเปน็ อยู่และการให้อาหารก็งา่ ยมาก ๆ แต่ละบา้ นทเ่ี ล้ยี งไกบ่ า้ น ถา้ ไม่ไดเ้ ป็นเกษตรกรจรงิ ๆ มงี านประจำ�อยู่แล้ว หรอื อาจจะไม่ได้มีรายไดจ้ ากทางอื่น กส็ ามารถเลีย้ งไกบ่ ้านเพ่อื เป็นรายไดเ้ สริมใหค้ รอบครัวอีกทางหน่ึง ถา้ เลี้ยงไว้จำ�นวนมากกจ็ ะสามารถเพ่มิ รายได้กลับมามากข้ึนเพราะว่าเนื้อไก่กเ็ ป็นเนอื้ สตั ว์ทีถ่ ูกนำ�มาทำ�เป็นเมนอู าหารมาก 19


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook