Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore reaction rate

reaction rate

Published by 5915891012, 2020-01-06 09:50:13

Description: reaction rate

Search

Read the Text Version

อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ปฏิกริ ิยาเคมี คอื การท่สี ารตงั้ ตน เปลีย่ นเปนสารใหม เมอ่ื เวลาผานไป สารต้ังตนจะลดลง สารใหม จะเกดิ ข้นึ จนในที่สุด 1. เกิดสารใหมอ ยา งเดียว สารต้ังตน หมดทกุ ตัวเหนอื เหลือตัวใดตวั หนึง่ เรียกวา ปฏกิ ิริยาเกิดสมบูรณ 2. เกิดสารใหมข ึน้ สารต้ังตนทุกตวั ยงั เหลืออยูทุกตัว เรยี กวา ปฏิกิรยิ าไมสมบรู ณ ทฤษฎอี ธิบายการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า 1. ทฤษฎีการชนของโมเลกลุ (Collision Theory) กลาววา โมเลกุลตองมกี ารชนกันทกุ คร้ังไมจ ําเปน ตองเกดิ ปฏิกริ ิยา 2. ทฤษฎจี ลนข องโมเลกลุ (Kinetic Theory) กลาววา โมเลกลุ ตอ งมีการดรอพ ทซ่ี ่ึงกอ ใหเ กิดพลัง งานจลนแ ละโมเลกลุ ตองมพี ลงั งานสูงพอจงึ จะเกิดปฎกิ รยิ าได ปจจัยทจี่ ะเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี 1. ตอ งมจี ํานวนโมเลกุลมากพอ 2. ตอ งมกี ารชนกนั 3. ตอ งมีพลงั งานสูงพออยา งนอยเทากับพลังงานกอ กมั มันต 4. ตอ งมที ศิ ทางท่ีเหมาะสม พลังงานกระตนุ (พลงั งานกอ กัมมนั ต = Activation energy) เปน พลงั งานอยางต่าํ ท่ีโมเลกลุ ของสารตองมีจงึ จะเกดิ ปฏิกริ ิยาได สว นใหญเปนพลงั งานจลน คา พลังงานกระตุนไมเกย่ี วขอ งกับความรอ นของปฏกิ ิริยา แตผ ลตา งของพลงั งานกระตนุ จะเปน ตัวบอกความรอ นของ ปฏิกริ ยิ า คา พลงั งานกระตนุ จะเปน ตัวบอกอัตราของปฏิกิรยิ า E E Ea1 Ea2 การดําเนินไปของปฏกิ ริ ิยา การดาํ เนนิ ไปของปฏกิ ริ ยิ า Ea1 = Ea2 → อาจเปนคายหรือดดู

79 E Ea1 Ea2 Ea1 > Ea2 (เกิดชา) (เกิดเร็ว) การดําเนินไปของปฏิกิรยิ า E Ea2 Ea1 = Ea ไปขางหนา ≡ A → B Ea1 ∆H B = Ea ไปยอ นกลบั ≡ B → A = Ea ของปฏกิ ิริยา A การดาํ เนนิ ไปของปฏกิ ริ ยิ า Ea2 = Ea ยอ นกลับของ ≡ A→B = Ea ไปขางหนา ≡ B→A ∆H = Ea1-Ea2 ในการเกิดปฏกิ ริ ิยาจะมสี ารต้ังตนมารวมตวั กนั เกิดเปนสารใหม ซึ่งในระหวางเกิดปฏกิ ิรยิ าจะมีการ สลายพนั ธะเดมิ และมกี ารสรางพันธะใหม เราเรียนสารท่เี กิดชว่ั คราวน้วี า สารเชงิ ซอ นถูกกระตนุ (Activated Complex) และทส่ี ภาวะเชนนีเ้ รียก Transition state จะเปนสารท่ไี มเสถียร คือ พันธะเดิมกําลงั สลายตวั ออกพันธะ ใหมก าํ ลังสรา ง A2 + B2 ⎯⎯→ 2AB A-A B-B A-B A A สารเชิงซอนถูกกระตนุ B B Transition state E Ea A2 + B2 2AB ∆H การดาํ เนินไปของปฏิกริ ยิ า

80 กลไกของปฏกิ ริ ยิ า ในการเกิดปฎกิ รยิ าของปฎิกรยิ าเกดิ ข้นึ เดียวซึง่ แสดงจึงความพรอ มของปจจัยตา ง ๆ แต บางปฏิกริ ยิ าเกดิ หลายชั้น เรียกวา ปฏกิ ริ ิยาลูกโซ (Chain Reaction) จะมีข้นั ตอนยอย เรยี กวา ขบวนการประถม (Elementary process) ซึง่ ในแตละขั้นตอนจะมอี ตั ราเรว็ ไมเ ทา กนั ขนั้ ตอนท่เี กิดชาสุดจะเกนิ ขั้นท่กี ําหนดอัตราเรว็ ของปฏิกิรยิ า (Rate determining step) P S EQ E R E4 E1 E2 E3 C B A D การดาํ เนนิ ไปของปฏกิ ริ ยิ า ตอบคําถามตอไปนี้ 1. สารตัง้ ตนคือ 2. สารผลติ ภณั ฑคือ 3. ปฏกิ ิรยิ าเกิดกีข่ ัน้ อะไรบา ง 4. ขั้นใดเกิดเร็วสุด 5. ดดู หรือคาย 6. ขัน้ ใดกําหนดอัตราไวของปฏกิ ิรยิ า 7. พลังงานกระตนุ ของปฏกิ ิรยิ า 8. สาร Acticated complex 9. สาร Intermecdiate 10. ขัน้ ใดยอ นกลบั ได การพิจารณาปฏกิ ริ ยิ ายอ นกลับ E Ea2 Ea3 ปฏกิ ริ ยิ า A→ C ดูด Ea1 B ∆H C 1. A→ B ชา ไมย อ น A 2. B→ C เรว็

81 E Ea3 A→ C คาย Ea1 Ea2 ∆H C 1. A B ดูดยอนกลับ A 2. B → C คาย การดาํ เนินไปของปฏกิ ิรยิ า E A ⎯⎯→ C การดําเนนิ ไปของปฏกิ ริ ยิ า 1. A ⎯⎯→ C เกิด 2 ขั้น ดดู ความรอน 2. B ⎯⎯→ C เร็วและไมย อ น ชา โจทย ปฏกิ ริ ยิ า A ⎯⎯→ B มี Ea ไปขา งหนา = 100 Ea ยอ นกลบั = 130 จงหา ∆H ของ ≡ A ⎯⎯→ B ∆H = 130-100 100 = 30 คาย 130 AB โจทย ปฏิกริ ิยา A ⎯⎯→ B มี Ea ไปขา งหนา = 150 ยอนกลับ = 120 จงหา ∆H ของ ≡ B ⎯⎯→ A 150 120 ∆H ของ A→B = 30 = ดูด A B ∴ ∆H ของ B→A = 30 คาย โจทย ปฏิกิริยา C ⎯⎯→ D มี Ea ไปขางหนา = 80 ความรอ นปฏิกริ ิยา = -60 คาย จงหา Ea ยอ นกลับของปฏกิ ริ ยิ า C ⎯⎯→ D

โจทย 3A2 ⎯⎯→ 2A3 82 2A3 ⎯⎯→ 3A2 2A3 ⎯⎯→ 3A2 Ea ไปขางหนา = 140 ∆H = -40 Ea ยอ นกลับ = ? โจทย ปฏิกิรยิ ายอนกลับของ ≡ A ⎯⎯→ B มี Ea ยอ นกลบั เทากบั 140 พบวา มีความรอนลดลง 50 จงหา Ea ไปขา งหนาของ ≡ A ⎯⎯→ B อัตราเรว็ ของปฏกิ ิริยา หาไดจ ากอตั ราสวนของปรมิ าณสารที่เปลย่ี นไปในหน่ึงเวลา ซึ่งอาจเปนสารต้ังตนท่ีลดลงหรือสารใหมท ี่เกดิ ขึ้น Rate = ปรมิ าณสารตงั้ ตน ทล่ี ดลง หรอื = ปริมาณสารใหมท เี่ กิดขึ้น เวลา เวลา ชนดิ ของ Rate 1. Rate เฉลีย่ คอื ปริมาณสารท่เี ปล่ยี นแปลงในหน่ึงหนว ยเวลาที่ใช 2. Rate ขณะใดขณะหนึ่ง คือ ปริมาณสารทเี่ ปลีย่ นแปลงในหนึ่งหนวยเวลาของชว งนัน้ หนว ยของ Rate ก็คอื หนว ยของปริมาณสารตอ หนึ่งหนว ยเวลาซ่งึ มีหลายแบบ ถาเปนของแข็ง ⎯⎯→ กรัม/วนิ าที กาซ ⎯⎯→ cm3/sec, dm3/sec สารละลาย ⎯⎯→ mol/dm3 การศกึ ษาอัตราเร็วของปฏิกริ ยิ า Mg + 2HCl ⎯⎯→ MgCl2 + H2 H2 0 00 Mg 1 00 2 0 0 HCl 3 00 4 00 00 H2O

83 ปรมิ าตรกาซ H2 (cm3) เวลา (วนิ าท)ี 1 2 10 3 30 4 80 5 150 270 1. แตละชว ง 1 cm3 ของการเกิดการ H2 จะใชเวลาเทากันหรือไม 2. เมอื่ เวลาผานไปการเกิด H2 จะเปนอยา งไร 3. อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเฉลีย่ เปน เทา ใด 4. อัตราการเกดิ การ H2 ขณะท่ไี ด 2-3 cm3 เปนเทาใด 5. เขยี นกราฟระหวางตัวแปรตอไปนี้ ก. ปรมิ าณ Mg กบั เวลา ข. ปริมาณ H2 กบั เวลา ค. Rate กบั เวลา จากปฏิกิริยาใด ๆ Rate ของปฏิกิริยาสามารถหาจากสารใดก็ได เชน Mg + 2HCl ⎯⎯→ MgCl2 + H2 Rate ≡ = Rate Mg ลด = ½ Rate HCl ลด = Rate MgCl2 เกิด = Rate H2 เกดิ สมการท่วั ไป aA + bB ⎯⎯→ cC + dD Rate ≡ = 1 RATE A ลดลง = - 1 Rate A = aa = = 1 RATE B ลดลง b 1 RATE C เกิดข้ึน = + 1 Rate C c c 1 RATE D เกดิ ขึ้น d

84 โจทย 6 ปฏกิ ิรยิ า 2 A + 3 B ⎯⎯→ 4 C จงหา Rate ≡ Rate ≡ = โจทย 7 ปฏกิ ริ ิยาหนึ่งสามารถหา Rate ของปฏิกิรยิ าไดจ าก 1 เทาของ Rate A ท่ลี ดลงหรอื 3 เทา ของ โจทย 8 2 Rate B ทลี่ ดลงหรอื 2 เทาของ Rate C ที่เกดิ ขนึ้ จงหาปฏกิ ิรยิ าที่เกดิ 2A + 1 B → 1 C ⇒12A + 2B →3C 3 2 1 ปฏกิ ริ ยิ าหนึง่ สามารถหา Rate ของปฏิกริ ิยาไดจ า 3 เทา ของ Rate A ท่ีเกดิ ขน้ึ หรอื 2 เทา ของ Rate C ทลี่ ดลงหรือ 2 เทาของ Rate B ที่ลดลง จงหาจํานวนโมลของปฏิกิรยิ า 3 โจทย 9 เมื่อใช Al 10 กรัม ทําปฏกิ ริ ิยาสารละลาย HCl 0.8 M 100 cm3 เมอื่ เวลาผานไป 20 นาที หาวา มี HCl เหลืออยู 0.3 M จงหา 2Al + 6HCl →2AlCl3+3H2 ก. Rate ของปฏกิ ิรยิ า (mol/dm3.sec) ก. Rate ≡= 1 Rate HCl ข. Rate ของ H2 (dm3/sec) 6 ค. Rate ของ Al (g/sec) = 1 ⎡0.8 − 0.3 ⎤ 6 ⎢⎣ 20 × 60 ⎥⎦ ข. 1 Rate H2= 1 Rate HCl ค. 1 Rate Al = 1 Rate HCl 6 3 26 Rate H =2 3 ⎡ (0.8 − 0.3)100 ⎤ Rate Al = 2 ⎡ (0.8 − 0.3)100 ⎤ 6 ⎢ ⎥ ⎢ 1000 ⎥ 6 ⎢ 1000 ⎥ ⎢ 20x 60 ⎥ ⎢ 20x 60 ⎥ ⎥ ⎣⎢ ⎦⎥ ⎢ ⎣⎢ ⎥⎦ = A mol/sec = A x 22.4 dm3/sec = B mol/sec = 27 B g/sec โจทย 10 ปฏกิ ิรยิ า 2A + 3B ⎯⎯→ 4 C เมอ่ื ใช A 10 กรมั ทําปฏิกิรยิ ากับ B 3.01 x 1022 โมเลกุล เมื่อเวลาผานไป 10 นาที จงหา Rate การเกดิ C (A = 20) โจทย 11 ปฏิกิรยิ า 3A + 4B ⎯⎯→ 5C เม่ือเวลาผา นไป 10 และ 15 นาที พบวามี C เกดิ ข้นึ 5.2x10-7 และ 7.52 x 10-6 โมลตอลิตร จงหา Rate การลดลงของ A (g/sec) เม่ือ A = 30

85 Law of Mass Action กลาววา อัตราการเกดิ ปฏิกิรยิ าจะเปนสดั สว นโดยตรงกับผลคูณของความเขมขนของสารที่เขา ทํา ปฏกิ ิรยิ ากนั k aA + bB ⎯⎯→ cC + dD Rate = k [A]m [B]n เมอื่ k = คา คงที่ของอตั ราเร็ว m, n = อันดับของปฏิกริ ิยาท่ีเกย่ี วกบั สาร A และ B [A], [B] = ความเขม ขนของสาร A และ B m + n = อนั ดบั ปฏิกรยิ ารวม คา m, n จะเปน ตัวบอกถึงผลของความเขม ขนของสารท่มี ตี อ อัตราการเกิดปฏกิ ิริยา และถา ตัวใด มคี า มาก ก็จะมผี ลตอ Rate มาก คา m, n สามารถหาไดจากโจทยกาํ หนดข้ันตอนของปฏกิ ิริยาหรอื ขอมลู การทดลอง ซึง่ ในแตล ะ ปฏกิ ริ ิยาจะมคี า แตกตา งกนั ไป 1. โจทยก ําหนดขน้ั ตอนของปฏกิ ริ ยิ า 1.1 ปฏิกิริยาเกดิ ขนั้ เดียว คา m, n เทากับสัมประสิทธห์ิ นา สารท่เี ขา ทาํ ปฏกิ ิริยากัน เชน 2 A + B → 3 C + D เกิดขั้นเดยี ว Rate = k [A]2[B] 1.2 ปฏกิ ริยาเกิดหลายขนั้ คา m, n เทากับสมั ประสิทธิ์หนาสารในช้นั ที่เกดิ ชาท่ีสุด เชน 2A + B ⎯⎯→ C + 3D เกดิ 2 ข้นั ดงั น้ี 1. 2A + B ⎯⎯→ 3D + X ชา 2. X + 2B ⎯⎯→ C เรว็ Rate = k [A]2[B] 1. A + 2B ⎯⎯→ C + 2D + Y ชา เร็ว 2. Y + A + B ⎯⎯→ D Rate = 1. 2A ⎯⎯→ C + 2D + Q ชา เร็ว 2. Q + 3B ⎯⎯→ D Rate =

86 2. โจทยกาํ หนดขอ มลู การทดลอง เชน 2A + 3B ⎯⎯→ C + 3D [B] Rate [A] 0.1 3.5 x 10-4 14 x 10-4 1 0.1 31.5 x 10-4 2 0.2 0.1 ⎯⎯→ n ⎯⎯→ o 3 0.1 0.3 ⎯⎯→ p จาก Rate = k[A]m[B]n จากการทดลองที่ 1. 3.5 x 10-4 = k]0.1]m[0.1]n จากการทดลองที่ 2. 14 x 10-4 = k[0.2]m[0.1]n o /n 4 = 2m ⇒ m = 2 จากการทดลองที่ 3. 31.5 x 10-4 = k[0.1]m[0.3]n p /n 9 = 3n ⇒ n = 2 จะได Rate = k[A]2[B]2 โจทย 12 CO + Cl2 ⎯⎯→ COCl2 [CO] [Cl]2 Rate 1 0.14 2m 0.21 2 0.28 8 x 10-5 2 3 0.56 0.21 1.6 x 10-4 4 0.28 2n 0.21 8 3.2 x 10-4 1.28 x 10-3 0.42 จงหา ก. กฎอตั ราเรว็ [B] [C] Rate 0.4 0.03 9 x 10-6 ข. คา คงท่ขี องอตั ราเร็ว 0.4 0.03 4.5 x 10-6 โจทย 13 2A + 3B + C ⎯⎯→ 3D + E 0.8 0.03 7.2 x 10-5 0.4 0.09 9 x 10-6 [A] 1 0.02 2 0.04 3 0.02 4 0.02

87 ก. จงหากฎอตั ราเรว็ ข. หาคา K ค. สารตัง้ ตน ใดมีผลตอ อัตราเรว็ ง. ถา [A] = 0.1 [B] = 0.02 [C] = 0.01 จะมีคา อตั ราเร็วเทาใด โจทย 14 จากการทดลองของปฏิกริ ิยาหน่งึ พบวา เมอ่ื เพิ่ม [A] 2 เทา โดยให [B] คงที่ Rate จะเปน 4 เทา แตเมื่อเพิ่ม [B] 3 เทา โดยให [A] คงที่ Rate จะเปน 8 เทา จงหากฎอตั ราเรว็ ของปฏิกิริยา โจทย 15 จากโจทยข อท่แี ลว ถา เพ่มิ [A] เปน 3 เทาและเพ่มิ [B] 5 เทา อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาจะเปนกเ่ี ทา ของอัตราปฏกิ ริ ิยาเดิม โจทย 16 จากการทดลองหน่งึ พบวา เม่ือเพิ่ม [A] 2 เทา โดยให [B] คงที่ Rate จะลดลง 2 เทา แตถ า ลด [B] 3 เทา โดยให [B] คงที่ Rate จะลดลง 9 เทา จงหากฎอตั ราเร็วของปฏิกิรยิ า โจทย 17 ปฏิกิรยิ าหนึง่ พบวา Rate ปฏิกริ ิยาหาไดจ าก 13 Rate การลดลงของ A หรือ 2 เทา Rate การเกิด ขึ้นของ B หรือพบวา เมื่อให [A] คงทีแ่ ตเ พิ่ม [C] 2 เทา Rate จะเปน 8 เทา จงหา ก. ปฏิกิรยิ าท่เี กดิ ขนึ้ ข. ถา ปฏิกิริยาเกดิ 2 ข้ัน จงเขยี นขั้นตอนยอ ย ค. สารใดมผี ลตอ Rate ของปฏกิ ริ ยิ า ปจ จยั ทม่ี ผี ลตอ Rate 1. ธรรมชาติของสาร 2. ความเขม ขน ของสาร 3. พื้นทีผ่ วิ 4. อณุ หภูมิ 5. คาตะไลส 6. ความดัน

88 1. ธรรมชาติของสารมีผลตอ Rate Na2S2O3 1.1 ปฏกิ ิรยิ าของสารพวกฮอออนิกจะเกดิ เรว็ กวา พวกโควาเลนต Pb2+(aq) + 2I-(aq) ⎯⎯→ PbI2(s) CH4(g) + 2O2(g) ⎯⎯→ CO2(g) + 2H2O(g) 1.2 ปฏิกริ ิยาทเี่ ปนกาซจะเกิดเรว็ กวาตา งสถานะกาซ 2H2(g) + O2(g) ⎯⎯→ 2H2O(g) C(s) + O2(g) ⎯⎯→ CO2(g) 2. ความเขมขนของสารมผี ลตอ Rate HCl ศกึ ษาปฏิกิริยาระหวางโซเดยี มไธโอซัลเฟตกบั กรดไฮโดรคลอริก Na2S2O3(aq) + HCl(aq) ⎯⎯→2NaCl(aq) + H2O(l) + SO2(g) + S(s) 3. พื้นทผ่ี ิวของสารมีผลตอ Rate ศกึ ษาปฏิกิรยิ าระหวางลวดมกั เนเซียมกบั กรดไฮโดรคลอริก Mg(s) + 2HCl(aq) ⎯⎯→ MgCl2(aq) + H2(g) 4. อณุ หภูมิมผี ลตอ Rate ศึกษาปฏกิ ริ ิยาระหวา งดางทบั ทมิ กรดซัลฟูริกและกรดออกซารกิ 2KMnO4(aq) + H2SO4(aq) + 5H2C2O4(aq) ⎯⎯→ K2SO4(aq) + 2MnSO4(aq) + 8H2O(l) + 10CO2(aq) 5. คะตะไลตม ีผลตอ Rate ศึกษาปฎกิ รยิ าระหวา งโซเดียมโพทัสเซียมทาเทรดกับไฮโดรเจนเปอรอ อกไซด NaKC4H4O6(aq) + H2O(l) ⎯⎯→ O2(g) เรว็ ⎯C⎯o⎯Cl2→ O2(g) เร็วขนึ้ CoCl2 ชมพู ⎯⎯→ เขยี ว ⎯⎯→ ชมพู ประเภทของคะตะไลต 1. คะตะไลสเนื้อเดยี ว - จะมสี ถานะเดยี วกบั สารตง้ั ตน 2. คะตะไลสเน้อื ผสม - จะมีสถานะตา งจากสารตั้งตน ตัวยับยงั้ ปฏิกริ ยิ า (Inhibitor) หรือ ตัวหนว ยปฏกิ ิรยิ าซง่ึ ทําใหอ ตั ราการเกดิ ปฏิกริ ิยาชา ลง เชน H2O2(l) ⎯P⎯O⎯34−→ H2O(l) + O2(g) Na(s) + H2O(l) ⎯⎯→ NaOH(aq) + H2(g) Hg ⇒ Na - Hg ⎯⎯→ ชา ลง

89 6. ความดันมผี ลตอ Rate ปฏกิ ริ ิยาทเ่ี ปนกาซจะเกดิ ปฎิกริยาไดเรว็ ถาเพ่ิมความดันโดยการลดปรมิ าตรภาชนะจะทําให อตั รา เรว็ ของปฏกิ ริ ิยาสงู ข้นึ การอธิบายผลปจ จยั ทมี่ ีตอ Rate 1. ความเขม ขน เม่ือเพ่มิ ความเขม ขน เทา กบั เปนการเพมิ่ โมลตอ ลติ ร คือ การเพม่ิ จํานวนโมเลกลุ โอกาสชนกันมากข้ึน Rate เร็วข้นึ 2. พ้นื ท่ผี ิว เมื่อเพม่ิ พน้ื ท่ผี วิ เทากับเพม่ิ พืน้ ท่ีการชน โอกาสท่ีโมเลกุลจะชนกนั มากขนึ้ Rate เร็วขึ้น 3. อณุ หภูมิ โดยทั่วไปอุณหภมู ิสงู ข้นึ 10 ํC Rate ของปฏกิ ิรยิ าจะเร็วขนึ้ ประมาณ 2-3 เทา เชน ปฏกิ ริ ิยาหนึ่งที่ 20 ํC ใชเวลา 200 วินาที ที่ 40 ํC จะใชเวลา วนิ าที เม่ือเพมิ่ อณุ หภมู ิ ( Ea เทาเดมิ ) จะเพม่ิ พลังงานใหโ มเลกลุ ทาํ ใหม จี ํานวนโมเลกลุ ท่ีมพี ลงั งานให โมเลกลุ ทาํ ใหมจี ํานวนโมเลกลุ ทม่ี ีพลงั งานมากกวา พลังงานกระตนุ มากขึ้น Rate เรว็ ขน้ึ จาํ นวนโมเลกุล T1 T2 13 24 E 5 Ea จํานวนโมเลกลุ ท่ี T1 = จํานวนโมเลกุลที่ T2 = ท่ี T1 จํานวนโมเลกลุ ที่เกดิ ปฏิกริ ยิ า = ที่ T2 จํานวนโมเลกุลทเี่ กิดปฏิกริ ิยา = จํานวนโมเลกุลที่เหลือ T1 = จาํ นวนโมเลกุลท่เี หลอื T2 = 4. คะตะไลต เม่ือใสค ะตะไลต ทําใหอ ัตราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเร็วขน้ึ อธบิ ายใน 2 ลักษณะ

ก.เกิดทศิ ทางใหม 90 E E การดําเนินไปของปฏิกิริยา การดําเนินไปของปฏกิ ริ ิยา ข. ลดคา พลังงานกระตนุ จํานวนโมเลกลุ E Ea2 < Ea1 การดาํ เนนิ ไปของปฏิกริ ยิ า Ea2 Ea1 E ตวั ยบั ยงั้ ปฏกิ ิริยา จะทําใหอ ัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาชาลง Ea2 > Ea1 จํานวนโมเลกุล E การดําเนินไปของปฏกิ ริ ยิ า Ea1 Ea2 E


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook