Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการใช้แผนวิทยกาย2

รายงานการใช้แผนวิทยกาย2

Published by edeekru, 2019-10-06 23:49:29

Description: รายงานการใช้แผนวิทยกาย2

Search

Read the Text Version

รายงานการใช้แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ าวิทยาศาสตร์กายภาพ 1 (ว 32101) ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โดย นางสาวจันทร์ดี ดีฝ้ัน ตาแหนง่ ครชู านาญการพิเศษ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นศกึ ษาสงเคราะหเ์ ชียงใหม่ สานกั บริหารงานการศกึ ษาพิเศษ กระทรวงศกึ ษาธิการ

บันทกึ ขอ้ ความ ส่วนราชการ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชยี งใหม่ ท…่ี …………………………วันท่ี 4 ตลุ าคม 2562 เรอ่ื ง ขอรายงานผลการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรภู้ าคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2562 เรียน ผอู้ านวยการโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชยี งใหม่ ด้วยข้าพเจ้า รับผิดชอบวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ 1 (ว32101) ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 จานวน 3 ห้อง มีนักเรียนทั้งหมด 104 คน ได้จัดทาแผนการสอนเพื่อใช้เป็นแนวทางในการสอนในรายวิชาดังกล่าว บัดน้ีการ จัดกิจกรรมการเรียนการสอนในรายวิชาดังกล่าวได้ดาเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขอรายงานผลการจัด กิจกรรมการเรยี นการสอนเพื่อใช้เป็นขอ้ มูลในการพฒั นาการเรียนการสอนให้มปี ระสทิ ธิภาพดยี ิ่งขนึ้ จงึ เรยี นมาเพ่ือโปรดพจิ ารณา (นางสาวจันทรด์ ี ดฝี ัน้ ) ครผู ู้สอนวิชาวทิ ยาศาสตร์ เสนอ หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เสนอ รองผู้อานวยการฝา่ ยบริหารงานวชิ าการ ลงช่ือ......................................................... ลงชอื่ ......................................................... (นางสาวเอ้ืองไพร สขุ พนิ จิ ) (นายอรุณไสว ปนิ อินตะ๊ ) .........../.........../.......... .........../.........../.......... เสนอ รองผู้อานวยการ รกั ษาการตาแหน่งผู้อานวยการ ลงชอื่ ......................................................... (นายอรุณไสว ปินอินตะ๊ ) .........../.........../..........

รายงานการใช้แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ 1 (ว32101) ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2562 1. วัตถุประสงค์ 1.1 เพอื่ ศึกษาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนของนักเรยี น 1.2 เพ่อื ประเมินความพึงพอใจในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน 2. ขอบเขตของการรายงาน 2.1 ศกึ ษาแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์กายภาพ 1 3. ดา้ นผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ตาราง แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมลู ดา้ นผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2562 ใบสรุปผลการเรียน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชอื่ วชิ า วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 1 รหสั วิชา ว 32101 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2562 รวม จานวน จานวน จานวนนกั เรยี นทไี่ ด้รบั ระดับผลการเรยี น จานวน ผลการ นกั เรยี นท่ี นกั เรยี นที่ เรยี น ได้รบั ผล ชื่อผู้สอน หอ้ ง นกั เรยี นที่ ได้รบั การ เฉล่ีย X การเรยี น ลงทะเบยี น ตัดสินผล (คน) การเรยี น 0 1 1.5 2 2.5 3 3.5 4 ร มส นางสาวจันทร์ดี ดฝี ้ัน ม.5 104 2 0 0 2 6 23 31 40 104 3.43 0 0 รอ้ ยละ 100.00 1.92 0.00 0.00 1.92 5.77 22.12 29.81 38.46 0.00 100.00 0.00 0.00 รวม 104 2 0 0 2 6 23 31 40 104 00 ลงช่อื ............................................................ผู้สอน (นางสาวจนั ทรด์ ี ดฝี น้ั ) ลงชอ่ื ............................................................หวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ (นางสาวเออ้ื งไพร สขุ พนิ ิจ)

รหัสวชิ า ว32101 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2562 ภาคเรยี นท่ี 1 แผนภูมแิ ท่งแสดงผลการเรยี นของนักเรยี น 40 1 1.5 2 2.5 3 3.5 4 x 35 30 25 20 15 10 5 0 0 สถิตกิ ารเรียนของนักเรยี น ระดับ ความหมาย จานวนนักเรียน ผลการเรยี น ชาย หญิง รวม ร้อยละ 0 ต่ากวา่ เกณฑ์ 20 2 1.92 1 ผ่านเกณฑ์ข้ันตา่ 00 0 0.00 1.5 พอใช้ 00 0 0.00 2 ปานกลาง 11 2 1.92 2.5 คอ่ นข้างดี 34 7 6.73 3 ดี 9 13 22 21.15 3.5 ดีมาก 7 24 31 29.81 4 ดเี ย่ยี ม 7 33 40 38.40 ท เทยี บโอน 00 0 0.00 ผ ผ่าน 00 0 0.00 มก ไม่คดิ หน่วยกิต 00 0 0.00 มส ไม่มสี ิทธิ์สอบ 00 0 0.00 ร รอการตดั สิน 00 0 0.00 X 00 0 0.00 ค่าสถติ ิ หมายเหตุ จานวนนกั เรียน 104 คะแนนเฉล่ีย 77.05 คะแนนต่าสุด 41.00 คะแนนสงู สดุ 93.00 ค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) 8.31 คา่ ความแปรปรวน 69.72 ค่าสัมประสทิ ธ์ิของการกระจาย (C.V.) 8.82 ประสิทธภิ าพอยู่ในระดบั ดมี าก

จากตารางและแผนภมู ิท่ี 1 พบวา่ 1. นกั เรยี นทีม่ ีผลการเรยี น ระหวา่ ง 3.00 - 4.00 มีจานวน 94 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 90.39 2. นกั เรยี นที่มีผลการเรยี น ระหว่าง 2.00 – 2.99 จานวน 8 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 7.69 3. นักเรยี นท่ีมีผลการเรียน ระหว่าง 1.00 – 1.99 มจี านวน 0 คน คดิ เป็นร้อยละ 0.00 4. นกั เรียนทมี่ ีผลการเรยี น 0 มจี านวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.92 5. นักเรียนท่ีสทิ ธิส์ อบ (มส.) มีจานวน 0 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 0.00 4. ผลการประเมินความพึงพอใจในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน แบบประเมินความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ ที่ รายการ ระดับความพึงพอใจ รวม  SD การแปล 54321 ผล X ดา้ นเน้ือหา 52 42 10 0 0 104 4.40 0.66 มาก 1 มีความยากงา่ ยพอเหมาะ 52 52 0 0 0 104 4.50 0.50 มากที่สดุ 2 มีประโยชนน์ า่ สนใจ 52 42 10 0 0 104 4.40 0.66 มาก 3 เหมาะสมกบั เวลา 4.44 0.61 มาก ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน 4 จดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนหลายรูปแบบ 63 41 0 0 0 104 4.61 0.49 มากทส่ี ุด น่าสนใจ 5 จดั กิจกรรมสง่ เสรมิ กระบวนการกลุ่มและ 21 73 10 0 0 104 4.11 0.54 มาก การระดมพลังสมอง 6 จดั กจิ กรรมใหผ้ เู้ รยี นไดฝ้ กึ ฝน ค้นคว้า 42 62 0 0 0 104 4.40 0.49 มาก สงั เกต รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ คิด อย่างหลากหลาย และสรา้ งสรรค์ สามารถสรา้ งองคค์ วามรดู้ ว้ ยตนเอง 7 ครเู ปน็ ผู้ช้แี นวทางใหผ้ ู้เรียนคน้ หาคาตอบ 62 42 0 0 0 104 4.60 0.49 มากทส่ี ุด ด้วยตนเองโดยทากจิ กรรมกลมุ่ 8 มีการสอดแทรกคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และ 62 42 0 0 0 104 4.60 0.49 มากทส่ี ุด ใหแ้ รงเสรมิ ด้วยการยกยอ่ งชมเชย 9 ฝกึ ให้ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมเปน็ ประชาธปิ ไตย 42 62 0 0 0 104 4.40 0.49 มาก ยอมรบั ความคิดเหน็ ของผอู้ ่นื รจู้ กั หน้าที่ ของตนเอง เปน็ ผนู้ าและผู้ตามท่ีดี 10 ลาดับขัน้ ตอนในการจัดกจิ กรรมไม่สับสน 21 83 0 0 0 104 4.20 0.40 มาก 11 กจิ กรรมเหมาะสมกบั เวลา 52 42 10 0 0 104 4.40 0.66 มาก 12 มีความสุขสนุกสนานกบั การเรียน 42 52 10 0 0 104 4.31 0.64 มาก 4.40 0.52 มาก

ด้านสอ่ื การเรียนการสอน 62 42 0 0 0 104 4.60 0.49 มากที่สดุ 13 ส่ือสอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์ 14 ใชส้ ื่อตรงเน้ือหา 62 42 0 0 0 104 4.60 0.49 มากทสี่ ดุ 15 สอื่ มคี วามชดั เจนนา่ สนใจ 42 52 10 0 0 104 4.31 0.64 มาก 16 สอื่ ใชจ้ า่ ย ไม่ยุ่งยาก ซบั ซอ้ น 21 83 0 0 0 104 4.20 0.40 มาก 17 ใช้สอ่ื เหมาะสมกับวัยผ้เู รยี น 42 52 10 0 0 104 4.31 0.64 มาก 4.40 0.53 มาก ที่ รายการ ระดับความพึงพอใจ รวม  SD การแปล 54321 ผล X ด้านการวดั ผลประเมินผล 18 มกี ารวัดผลการเรียนรู้หลายรปู แบบ เน้น 52 52 0 0 0 104 4.50 0.50 มากที่สุด การวดั ผลตามสภาพจรงิ และจากชนิ้ งานที่ มอบหมาย 19 สรา้ งเกณฑก์ ารประเมนิ อยา่ งชัดเจน 42 62 0 0 0 104 4.40 0.49 มาก 20 ผเู้ รยี นมีส่วนร่วมในการประเมิน 52 42 10 0 0 104 4.40 0.66 มาก รวม 4.44 0.55 มาก รวมทงั้ หมด 4.41 0.57 มาก จากตารางพบวา่ ความพงึ พอใจในการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน วชิ าวิทยาศาสตรก์ ายภาพ 1 (ว 32101) ไดผ้ ลการประเมนิ ในด้านตา่ งๆ ดงั นี้ 1. ความพงึ พอใจในการจัดกิจกรรมด้านเน้ือหา พบว่า  = 4.44 SD = 0.61 อยู่ในระดบั มาก X 2. ความพึงพอใจในการจดั กิจกรรมดา้ นการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน พบวา่  = 4.40 X SD = 0.52 อยู่ในระดับ มาก 3. ความพงึ พอใจในการจัดกิจกรรมดา้ นสือ่ การเรยี นการสอน พบว่า  = 4.40 SD = 0.53 X อยใู่ นระดบั มาก 4. ความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมด้านการวัดผลประเมนิ ผลพบว่า  = 4.44 SD = 0.55 อยูใ่ น X ระดับ มาก 6. สรปุ ผลลัพธท์ ่ไี ด้จากการดาเนินการจัดการเรียนการสอน จากการศึกษาผลการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรรู้ ายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ 1 (ว 32101) ปกี ารศกึ ษา 2562 ดังนี้ 6.1 นักเรยี นมีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น ระหวา่ ง 3.00-4.00 มมี จี านวน 94 คน คดิ เป็น ร้อยละ 90.39 สูงกวา่ เป้าหมาย 6.2 ความพงึ พอใจในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน พบว่า  = 4.41 SD = 0.57 อย่ใู น X ระดับ มาก

7. จดุ เดน่ ของแผนการจัดการเรยี นรู้ 1. มกี ารวเิ คราะห์หลักสูตร เนื้อหา กิจกรรมการเรียนรู้ โดยการจดั ทาแผนการเรียนรู้ท่ีเน้นใหน้ ักเรยี น ไดฝ้ ึกทักษะทหี่ ลากหลาย ได้แก่ทักษะการแกป้ ัญหา การคิดคานวณและการวิเคราะห์โจทย์ปญั หา ทาให้ นักเรียนสามารถนาไปเช่ือมโยงกับเนื้อหาในรายวชิ าและประยุกตใ์ ช้ ทาใหเ้ กดิ ความรู้ ความเข้าใจทคี่ งทน 2. มีการจัดกิจกรรมเนน้ ผู้เรยี นเป็นสาคัญ มีการตัง้ คาถามเพอื่ เช่ือมโยงและตรวจสอบความเข้าใจ 8. จุดดอ้ ยของแผนการจัดการเรียนรู้ 8.1 กิจกรรมที่ทาอาจจะมีการทากิจกรรมกลมุ่ เยอะไป จงึ ทาให้นกั เรียนบางคนอาจจะได้เรยี นร้ดู ้วย ตนเองไดอ้ ยา่ งไม่เตม็ ที่ 9. สงิ่ ท่ีควรปรับปรงุ 9.1 เพิม่ กจิ กรรมการคิดวเิ คราะหม์ ากขน้ี 9.2 เพ่มิ การใช้สื่อที่หลากหลายใหม้ ากขึ้น 10. ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะ - โรงเรียนมกี ิจกรรมค่อนข้างมาก อาจทาให้บางช่วงจะต้องสอนให้เร็วขึ้น ลงช่อื .............................................................ผ้สู อน (นางสาวจนั ทรด์ ี ดีฝนั้ ) เอกสารแนบ 1. บันทึกหลังสอนทุกแผน 2. ผลงานนกั เรยี นตามความเหมาะสม 3. สมุดเก็บคะแนนนกั เรียน (ถ้ามี) 4. ภาพถ่าย (ถา้ ม)ี

บันทกึ หลังการสอน ผลการสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5/1 มีความสนใจในการเรียน และนักเรียนสามารถตอบคาถามได้ถูกต้อง ประมาณรอ้ ยละ 80 ของคาถาม และนักเรียนให้ความร่วมมือในการตอบคาถาม จากการทาแบบทดสอบก่อน เรยี น มนี ักเรยี นที่สามารถสอบไดค้ ะแนนเตม็ จานวน 1 คน และนักเรยี นส่วนใหญ่มคี วามรพู้ นื้ ฐานในระดับดี ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5/2 มคี วามสนใจในการเรยี น และนักเรียนส่วนใหญ่สามารถตอบคาถามได้ถูกต้อง นักเรียนให้ความร่วมมือในการตอบคาถาม จากการทาแบบทดสอบก่อนเรียน มีนักเรียนท่ีสามารถสอบได้ คะแนนเต็มจานวน คน และนักเรยี นสว่ นใหญม่ คี วามรพู้ น้ื ฐานในระดับดี ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5/3 นักเรียนสามารถตอบคาถามต่างๆได้ถูกต้อง แต่ต้องมีการเน้นและการพูดซ้า หลายๆครงั้ เพื่อใหน้ ักเรยี นเกิดความเขา้ ใจทถี่ กู ต้อง ต้องกี ารยกตัวอย่างและการใช้รูปภาพแทนอะตอม เพื่อให้ นกั เรยี นมคี วามเขา้ ใจมากขึน้ นกั เรยี นชายไมค่ อ่ ยให้ความสนใจในการเรียน มีการฟุบหลับบ้างระห่างการเรียน ตอ้ งมีการกระตุ้นโดยการให้ตอบคาถามและการเรียกชื่อระหว่างเวลาเรียน เพ่ือให้นักเรียนเกิดความสนใจมาก ขน้ึ ปญั หา / อุปสรรค นกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5/1 นักเรยี นบางคนอาจจะเข้าใจไดไ้ ม่เท่ากับนักเรียนท่ีมีความรู้ความ เข้าใจเดิมทดี่ อี ยู่แล้ว จึงทาให้เวลาตอบคาถามอาจจะตอบช้า หรือตอบตามเพื่อนบ้าง นักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5/2 นักเรียนบางคนอาจจะเข้าใจได้ไม่เทา่ กับนักเรยี นที่มีความรู้ความ เขา้ ใจเดิมทด่ี ีอยู่แล้ว จงึ ทาใหเ้ วลาตอบคาถามอาจจะตอบช้า หรอื ตอบตามเพ่อื นบา้ ง นกั เรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5/3 นกั เรยี นบางกลุ่ม ประมาณร้อยละ 30 ไม่ค่อยให้ความสนใจในการ เรียน โดยสว่ นใหญเ่ ปน็ นกั เรียนชาย ซง่ึ เรียนอยูใ่ นสายช่างเช่ือม ทาให้เมื่อมีการทดสอบหลงั เรยี น นักเรยี นมี คะแนนไม่ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 50 ของข้อสอบ แนวทางการแก้ไขปัญหา นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 อาจจะต้องมีการปรับพนื้ ฐานให้นักเรยี นมีความรูค้ วามเข้าใจท่ีเทา่ กนั กอ่ นจะทาการเรียนการสอน นักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5/2 อาจจะต้องมกี ารปรับพืน้ ฐานใหน้ ักเรียนมีความร้คู วามเข้าใจทีเ่ ท่ากัน กอ่ นจะทาการเรยี นการสอน นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5/3 อาจจะต้องมกี ารจัดกจิ กรรมให้นกั เรียนรว่ มทากจิ กรรม มี กระบวนการทางานกลุม่ ให้ทุกคนมสี ว่ นร่วมในการทากิจกรรม และชว่ ยส่งเสริมให้นักเรียนไดเ้ รียนรู้ผ่านการ ลงมอื ทา …………………….……………………………………ผู้สอน (นางสาวทกั ษ์นปพร เผา่ ปนิ ตา)

บนั ทกึ หลังการสอน ผลการสอน ม.5/1 นักเรียนส่วนใหญ่สามรถสร้างโมเดลแบบจาลองอะตอมได้อย่างถูกต้อง และใช้เวลาในการทา กิจกรรมประมาณ 15 นาที ทุกคนในกลุ่มมีส่วยร่วมในการทากิจกรรม แต่อาจจะมีนักเรียนประมาณ 3 คน ท่ี ไม่สามารถคานวณหาจานวนโปรตอน นิวตรอนและอิเล็กตรอนได้ นักเรียนส่วนใหญ่สามารถจัดเรียง อิเล็กตรอนได้ถูกต้อง และสามารถทาให้เสร็จได้ในเวลาท่ีกาหนด เม่ือสอนเรื่องไอโซโทป พบว่านักเรียนส่วน ใหญ่มีความเข้าใจที่ถูกต้องและสามารถหาธาตุที่มีความสัมพันธ์แบบไอโซโทปได้ แต่อาจมีนักเรียนบางคนที่ สับสน ระหว่างชอ่ื เรยี กขอความสมั พันธไ์ อโซโทป ไอโซโทนและไอโซบาร์ ม.5/2 นักเรยี นสามารถสร้างโมเดลแบบจาลองอะตอมได้ แตอ่ าจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด เน่ืองจากคาใบ้ ทีใ่ หอ้ าจจะยังไมช่ ดั เจน โดยมีนักเรียนกลุ่มหนึง่ ท่ีสร้างโมเดลแบบจาลองอะตอมของโบร์ โดยไม่เป็นชั้นๆ แต่ทา ออกมาเป็นขดเหมือนกันหอย ซึ่งในความเข้าใจของนักเรียนก็เป็นช้ันๆเช่นกัน จากการคานวณหาจานวน โปรตอน นวิ ตรอนและอเิ ลก็ ตรอน นกั เรยี นสามารถหาจานวนตา่ งๆได้ แต่ตอ้ งมกี ารยกตวั อย่างให้มากกวา่ เดมิ ม.5/3 นักเรียนสามารถสร้างโมเดลแบบจาลองอะตอมได้ โดยต้องมีครูคอยแนะนาแต่ละกลุ่มว่าควร จะใช้สีที่เหมือนหรือแตกต่างกัน แล้วต้องมีการแจกใบความรู้ควบคู่ไปด้วย นักเรีนจึงจะสามารถสร้างโมเดล แบบจาลองอะตอมได้ หลังจากน้ันต้องมีการอธิบายเพิ่มเติม นักเรียนสามารถระบุจานวนโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนได้ แต่ต้องมีการถามย้าหลายๆรอบเพื่อให้นักเรียนเกิดความเข้าใจ แต่จากการทาแบบฝึกหัด นักเรยี นส่วนใหญก่ ส็ ามารถทาแบบฝึกหัดได้ถกู ตอ้ ง ปญั หา / อุปสรรค คาใบท้ ี่ใช้ในการใบน้ ักเรียนอาจจะไม่คอ่ ยชดั เจน จงึ ทาให้นักเรียนเกิดความเขา้ ใจผิด ทักษะการ คานวณของนักเรียน ทาให้นักเรียนคานวณเลขผิดหรอื ชา้ ไปบ้าง นกั เรยี นบางคนให้ความร่วมมอื ในการเรียน การสอน อาจมีการเลน่ กับเพ่ือนหรอื นอนกับโต๊ะบ้าง ระยะเวลาในการสอนหอ้ ง ม.5/2 เนอื่ งจากระยะเวลา การสอนไปตรงกบั การจัดกิจกรรมของโรงเรียน จึงอาจทาใหเ้ กิดความลา่ ชา้ ในการเรยี นได้ แนวทางการแกไ้ ขปัญหา การปรบั เปลยี่ นคาใบ้ใหเ้ ขา้ ใจงา่ ยและชดั เจนมากข้ึน การเสรมิ ทักษะการคานวณให้กับนกั เรียน ระหว่างการเรยี นการสอน ต้องคอยดูแลและควบคมุ พฤติกรรม พยายามเรยี กช่ือเพือ่ ให้นักเรยี นท่ีไม่สนใจหรือ นอน มีความกระตือรือร้นนมากขน้ึ อาจจะมีการใหท้ ากจิ กรรมกลมุ่ มากขนึ้ เพอ่ื ให้นกั เรียนที่เขา้ ใจแลว้ อธบิ าย ให้เพอ่ื ฟังได้ …………………….……………………………………ผู้สอน (ทกั ษน์ ปพร เผา่ ปินตา)

บนั ทกึ หลังการสอน ผลการสอน นักเรียนชั้น ม.5/1 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถระบุหมู่และคาบของธาตุและระบุว่าธาตุเป็นโลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ กลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟ หรือกลุ่มธาตุแทรนซิชันจากตารางธาตุได้ จากการทาแบบฝึกหัด พบว่านักเรียนส่วนใหญ่สามารถทาแบบฝึกหัดได้ถูกต้อง และมีการซักถามเก่ียวกับการเรียนตลอด นักเรียน ส่วนใหญ่สามารถทากิจกรรมในการแบ่งหมู่ของธาตุได้ตามความเข้าใจของตนเองและสามารถนาเสนอชิ้นงาน ของตนเองได้เปน็ อยา่ งดี นักเรียนชั้น ม.5/2 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถระบุหมู่และคาบของธาตุและระบุว่าธาตุเป็นโลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ กลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟ หรือกลุ่มธาตุแทรนซิชันจากตารางธาตุได้ แต่อาจจะมีการสับสนใน การเรียกชื่อธาตุ นักเรียนบางคนมีความสับสนในการบอกคาบ เนื่องจากนับคาบผิด จากการทาแบบฝึกหัด พบว่านักเรียนส่วนใหญ่สามารถทาแบบฝึกหัดได้ถูกต้อง นักเรียนส่วนใหญ่สามารถทากิจกรรมในการแบ่งหมู่ ของธาตไุ ดต้ ามความเขา้ ใจของตนเองและสามารถนาเสนอชน้ิ งานของตนเองไดเ้ ปน็ อย่างดี นักเรียนช้ัน ม.5/3 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถระบุหมู่และคาบของธาตุและระบุว่าธาตุเป็นโลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ กลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟ หรือกลุ่มธาตุแทรนซิชันจากตารางธาตุได้ แต่อาจจะมีการสับสนใน การเรียกช่ือธาตุ นักเรียนบางคนมีความสับสนในการบอกคาบ เนื่องจากนับคาบผิด จากการทาแบบฝึกหัด พบว่านักเรียนส่วนใหญ่สามารถทาแบบฝึกหัดได้ถูกต้อง นักเรียนส่วนใหญ่สามารถทากิจกรรมในการแบ่งหมู่ ของธาตไุ ด้ตามความเข้าใจของตนเองและสามารถนาเสนอช้นิ งานของตนเองไดเ้ ปน็ อย่างดี ยกเว้นกลุ่มนักเรียน ชายหลงั หอ้ งจะมคี นทากิจกรรมเพียงแค่ 1 คน สว่ นสมาชิกในกลุ่มไมใ่ ห้ความร่วมมือในการทากจิ กรรม ปญั หา / อุปสรรค นักเรียนอ่านชื่อธาตุท่ีเป็นภาษาอังกฤษได้แค่บางคา บางคาอาจจะเป็นคาที่ยากและยาวจึงทาให้ นักเรียนไม่สามารถอ่านได้ การระบุหมู่กับคาบ นักเรียนบางคนมีความสับสนในการแบ่งหมู่และแบ่งคาบ โดย ส่วนใหญ่จะเข้าใจผิดว่าคาบที่ 1 นับจากธาตุ Li และการระบุหมู่ของธาตุแทรนซิชัน นักเรียนมีความเข้าใจผิด ในการระบุหมู่ ซง่ึ ตอ้ เรม่ิ นับหมูท่ ่ี 1B จาก ธาตุ Cu แต่นักเรียนบางคนจะนับหมู่ 1B จาก ธาตุ Sc แนวทางการแกไ้ ขปัญหา ต้องมีการส่งเสริมเรื่องการอ่านและการออกเสียงของธาตุแต่ละชนิด ซึ่งอาจจะให้นักเรียนพูดตามครู ให้นกั เรียนดูคลิปวีดโิ อของการอ่านธาตุ ในการจดั กจิ กรรมทนี่ กั เรยี นไม่ให้ความรว่ มมืออาจจะต้องมีการจัดกลุ่ม ให้นักเรียนชายอยู่คละกับนักเรียนหญิง เพื่อท่ีจะได้ช่วยกันทางาน และให้มีการแจกคะแนน หักคะแนนกลุ่ม เพื่อให้นกั เรยี นมคี วามรับผดิ ชอบในงานกลมุ่ ของตนเอง …………………….……………………………………ผูส้ อน (นางสาวทกั ษน์ ปพร เผา่ ปนิ ตา)

บนั ทึกหลังการสอน ผลการสอน นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 นักเรียนทุกคนสามารถระบุจานวนธาตุองค์ประกอบในโมเลกุลของ สารโคเวเลนต์จากสูตรโมเลกุลหรือสูตรโครงสร้างได้ถูกต้อง และสามารถระบุว่าพันธะโคเวเลนต์เป็นพันธะ เด่ียวพันธะคู่หรือพันธะสามและระบุจานวนคู่อิเล็กตรอน ระหว่างอะตอมคู่ร่วมพันธะ จากสูตรโครงสร้างได้ นกั เรยี นส่วนใหญส่ ามารถแสดงบทบาทในการสร้างพนั ธะและเขียนพันธะภายในโมเลกุลของสารได้ นกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5/2 นกั เรยี นสว่ นใหญ่สามารถระบจุ านวนธาตอุ งคป์ ระกอบในโมเลกุลของ สารโคเวเลนต์จากสูตรโมเลกุลหรือสูตรโครงสร้างได้ถูกต้อง และสามารถระบุว่าพันธะโคเวเลนต์เป็นพันธะ เดี่ยวพันธะคู่ หรือพันธะสามและระบุจานวนคู่อิเล็กตรอน ระหว่างอะตอมคู่ร่วมพันธะ จากสูตรโครงสร้างได้ นักเรยี นสว่ นใหญส่ ามารถแสดงบทบาทในการสร้างพันธะและเขียนพันธะภายในโมเลกุลของสารได้ แต่อาจจะ มีนกั เรยี นทส่ี ับสนเรอื่ งการเกดิ พนั ธะ ซงึ่ มีความเขา้ ใจผิดเกีย่ วกับจานวนอิเลก็ ตรอนที่ใช้ในการสร้างพันธะ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5/3 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถระบุจานวนธาตุองค์ประกอบในโมเลกุล ของสารโคเวเลนต์จากสูตรโมเลกุลหรือสูตรโครงสร้างได้ถูกต้อง และสามารถระบุว่าพันธะ โคเวเลนต์เป็นพันธะเด่ียวพันธะคู่ หรือพันธะสามและระบุจานวนคู่อิเล็กตรอน ระหว่างอะตอมคู่ร่วมพันธะ จากสตู รโครงสรา้ งได้ นักเรียนส่วนใหญส่ ามารถแสดงบทบาทในการสร้างพันธะและเขียนพันธะภายในโมเลกุล ของสารได้ แต่อาจจะมีนักเรียนที่สับสนเรื่องการเกิดพันธะ ซึ่งมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับจานวนอิเล็กตรอนที่ใช้ ในการสร้างพันธะ ปญั หา / อุปสรรค นักเรียนมีปัญหาเร่ืองการระบุจานวนของอิเล็กตรอนทใี่ ชใ้ นการสร้างพนั ธะ นักเรียนสบั สนคาวา่ จานวนอเิ ล็กตรอน และคาว่าจานวนคอู่ เิ ล็กตรอน แนวทางการแกไ้ ขปญั หา อาจจะต้องมีการเนน้ การใชค้ าให้บ่อยๆข้นึ และเน้นให้นักเรียนระบจุ านวนอเิ ลก็ ตรอน นับจานวน อิเล็กตรอนจากการจัดกิจกรรม เพ่ิมเติมเฉพาะการสรา้ งพันธะจากการใช้อิเล็กตรอนในการสรา้ ง …………………….……………………………………ผสู้ อน (นางสาวทกั ษ์นปพร เผา่ ปนิ ตา)

บันทึกหลังการสอน ผลการสอน นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5/1 สามารถระบุสภาพขั้วของสารได้ถูกต้องทุกคน ซ่ึงสามารถตรวจสอบ ได้จากแบบฝึกหัด นักเรียนทุกคนสามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจุดเดือดของสารโคเวเลนต์และสารท่ีมี พันธะไฮโดรเจนได้ถูกต้อง นักเรียนสามารถใช้อุปกรณ์ได้ถูกต้องในการทาการทดลองหาจุดเดือดและจุดเยือก แข็งของน้าและสามารถอ่านค่าที่ได้จากเทอร์โมมิเตอร์ได้ แต่นักเรียนมีความสับสนในการระบุสารโคเวเลนต์ท่ี เกิดพนั ธะไฮโดรเจนระหวา่ งโมเลกุล นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5/2 ส่วนใหญ่สามารถระบุสภาพข้วั ของสารได้แต่อาจจะมีความสับสนบ้าง เล็กน้อย ซ่ึงสามารถตรวจสอบได้จากแบบฝึกหัด นักเรียนส่วนใหญ่สามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจุด เดือดของสารโคเวเลนต์และสารท่ีมีพันธะไฮโดรเจนได้ นักเรียนบางคนมีการเรียกชื่ออุปกรณ์ผิด และมี นักเรียนบางส่วนมคี วามสับสนในการอ่านค่าอุณหภูมิจากเทอร์โมมิเตอร์ และนักเรียนมีความสับสนในการระบุ สารโคเวเลนตท์ ี่เกิดพันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกลุ นกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5/3 ส่วนใหญ่สามารถระบสุ ภาพขว้ั ของสารได้แต่อาจจะมีความสับสนบ้าง เล็กน้อย ซ่ึงสามารถตรวจสอบได้จากแบบฝึกหัด นักเรียนส่วนใหญ่สามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจุด เดอื ดของสารโคเวเลนต์และสารท่ีมีพันธะไฮโดรเจนได้ นักเรียนบางคนไม่รู้จักอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง อาจ มีการจาช่ือผิด หรือเรียกช่ือผิด และมีนักเรียนบางส่วนมีความสับสนในการอ่านค่าอุณหภูมิจากเทอร์โมมิเตอร์ และนักเรียนมีความสบั สนในการระบุสารโคเวเลนต์ทเ่ี กิดพันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกลุ ปัญหา / อุปสรรค การเรยี กชอ่ื อปุ กรณท์ ใี่ ช้ในการทดลอง การใช้อุปกรณ์ในการทดลองผิดวธิ ี การอ่านอุณหภูมจิ าก เทอรโ์ มมเิ ตอร์ และความเข้าใจในเร่อื งของพันธะไฮโดรเจน แนวทางการแก้ไขปัญหา ก่อนการทดลองอาจจะต้องให้นักเรียนทาความรู้จักกับอุปกรณ์ท่ีใช้และวิธีการใช้ท่ีถูกต้องก่อน อาจมีการสาธิตการอ่านอุณหภูมิจากเทอร์โมมิเตอร์ให้นักเรียนก่อนจะให้ทาการทดลอง และมีการอธิบายการ เกดิ พันธะไฮโดรเจนเพม่ิ เตมิ โดยอาจจะใชว้ ดี ิโอของ สสวท. ประกอบการอธบิ าย …………………….……………………………………ผู้สอน (นางสาวทักษน์ ปพร เผ่าปินตา)

บนั ทึกหลังการสอน ผลการสอน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5/1 นักเรียนทุกคนสามารถอธิบายการเกิดพันธะไอออนิกและสามารถ เขียนสูตรเอมพิริคัลของสารประกอบไอออนิกจากไอออนท่ีกาหนดให้ได้ แต่อาจจะมีความสับสนในการเขียน เลขหอ้ ย สับสนในการแยกสารประกอบไอออนกิ ออกเป็นไอออนบวกและไอออนลบ เน่ืองจากนักเรียนจาพวก ไอออนท่ีเป็นกลุ่มไม่ได้ก็จะทาให้เขียนไอออนผิดไปบ้าง นักเรียนทุกกลุ่มสามารถสร้างแบบจาลองของ สารประกอบไอออนิกได้ถูกตอ้ ง โดยมกี ารนบั จานวนของไอออนบวกและไอออนลบได้เท่ากันและมีไอออนบวก และไอออนลบสลบั กันได้ถูกต้อง นักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5/2 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถอธิบายการเกิดพันธะไอออนิกและสามารถ เขียนสูตรเอมพิริคัลของสารประกอบไอออนิกจากไอออนท่ีกาหนดให้ได้ แต่อาจจะมีความสับสนในการเขียน เลขห้อย สับสนในการแยกสารประกอบไอออนิก ออกเป็นไอออนบวกและไอออนลบ เนื่องจากนักเรียนจาพวก ไอออนที่เป็นกลุ่มไม่ได้ก็จะทาให้เขียนไอออนผิดไปบ้าง มีนักเรียน 2 กลุ่มจาก 6 กลุ่มท่ีสามารถสร้าง แบบจาลองของสารประกอบไอออนิกได้ถกู ต้อง นักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5/3 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถอธิบายการเกิดพันธะไอออนิกและสามารถ เขียนสูตรเอมพิริคัลของสารประกอบไอออนิกจากไอออนท่ีกาหนดให้ได้ แต่อาจจะมีความสับสนในการเขียน เลขห้อย สบั สนในการแยกสารประกอบไอออนิก ออกเปน็ ไอออนบวกและไอออนลบ เน่ืองจากนักเรียนจาพวก ไอออนที่เป็นกลุ่มไม่ได้ก็จะทาให้เขียนไอออนผิดไปบ้าง มีนักเรียน 2 กลุ่มจาก 6 กลุ่มที่สามารถสร้าง แบบจาลองของสารประกอบไอออนิกได้ถกู ต้อง ปญั หา / อุปสรรค นักเรยี นไม่สามารถจาธาตุหลักๆที่อยูใ่ นตารางธาตุได้ จงึ เกิดความสบั สนในการเขยี นไอออน ว่าจะต้อง บวกหรอื ลบเทา่ ไหร่ นกั เรยี นไม่สามารถจาชื่อกลุ่มของไอออนได้ จึงทาให้ไม่สามารถเขียนสูตรเอมพริ ิคลั ที่ ถูกต้องได้ และนักเรียนบางคนคณู เลขผดิ ไปบา้ ง จงึ ทาใหเ้ ขียนสูตรเอมพริ ิคลั ผิด นักเรยี นมคี วามเข้าใจผดิ เกี่ยวกับเลขที่ห้อยกับประจุ โดยมีนักเรยี นบางสว่ นคดิ วา่ เลขห้อยและเลขท่ีอย่กู บั ประจเุ ป็นตวั เดยี วกนั จึงทา ใหเ้ วลาเขยี นสตู รเอมพริ ิคลั ผิดไป แนวทางการแกไ้ ขปญั หา อาจจะต้องให้นักเรยี นทาความคนุ้ เคยกบั ตารางธาตุ โดยเฉพาะธาตุ 20 ตวั แรก เนือ่ งจากมีการใช้บ่อย ควรมกี ารให้นักเรียนเลน่ เกมการเรียกชื่อสารประกอบไอออนิกเพ่มิ เพ่ือทาใหน้ ักเรยี นค้นุ เคยกับการเรียกชอ่ื ของไอออน และอาจจะทบทวนเร่ืองการเขียนสูตรเอมพริ ิคัลก่อนใหน้ ักเรียนลงมือทาแบบฝกึ หัดเยอะๆ …………………….……………………………………ผสู้ อน (นางสาวทกั ษ์นปพร เผ่าปนิ ตา)

บันทกึ หลังการสอน ผลการสอน นักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5/1 นักเรยี นทกุ คนสามารถระบุวา่ สารเกดิ การละลายแบบแตกตวั หรอื ไม่ แตกตัวได้ และสามารถให้เหตุผลและระบวุ ่าสารละลายที่ได้เปน็ สารละลายอิเล็กโทรไลต์หรอื นอนอิเลก็ โทรไลต์ และนกั เรยี นสามารถทาการทดลองเก่ยี วกับการหาสมบตั ิความเป็นกรด-เบส ทม่ี ีความสมั พนั ธก์ บั สารละลายอิ เล็กโทรไลต์และนอนอเิ ล็กโทรไลต์ได้ถูกต้อง นักเรียนทกุ คนใหค้ วามสนใจในการเรยี น แต่อาจจะมีบา้ งทส่ี ับสน ระหว่างสารประกอบโคเวเลนต์ที่เปน็ ตัวยกเวน้ แต่เม่ือมีการอธิบายเพมิ่ เตมิ แล้วนักเรียนกส็ ามารถทา แบบฝกึ หัดได้ถูกต้อง นกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5/2 นักเรยี นทุกคนสามารถระบุว่าสารเกดิ การละลายแบบแตกตวั หรือไม่ แตกตวั ได้ และสามารถให้เหตุผลและระบวุ า่ สารละลายที่ได้เปน็ สารละลายอิเล็กโทรไลต์หรอื นอนอิเลก็ โทรไลต์ นกั เรยี นสามารถทาการทดลองเกย่ี วกบั การหาสมบตั คิ วามเปน็ กรด-เบส ท่มี ีความสัมพันธ์กับสารละลายอเิ ล็ก โทรไลตแ์ ละนอนอเิ ล็กโทรไลตไ์ ด้ แต่มีความสบั สนในการเปลย่ี นสขี องกระดาษลติ มสั ทีส่ ลบั กันไปบ้าง มี นักเรยี นจานวน 2 คนไมย่ อมบันทกึ การทดลองในคาบเรียน จึงตอ้ งมีการบังคับใหเ้ ขยี นและจดงานมาสง่ ทหี ลัง นักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 5/3 นักเรยี นสว่ นใหญ่สามารถระบุวา่ สารเกดิ การละลายแบบแตกตัว หรือไม่แตกตัวได้ และสามารถให้เหตุผลและระบุวา่ สารละลายทไ่ี ด้เป็นสารละลายอิเลก็ โทรไลตห์ รือนอนอิเลก็ โทรไลต์ นกั เรยี นสามารถทาการทดลองเกี่ยวกับการหาสมบัตคิ วามเป็นกรด-เบส ท่มี คี วามสมั พนั ธ์กับ สารละลายอเิ ล็กโทรไลตแ์ ละนอนอิเล็กโทรไลต์ได้ แต่มีความสับสนในการเปลย่ี นสขี องกระดาษลิตมสั ที่สลบั กนั ไปบ้าง ปญั หา / อุปสรรค การแยกประเภทของสารประกอบโคเวเลนต์และสารประกอบไอออนกิ โดยนักเรียนมคี วามสับสนใน การแยกว่าธาตชุ นิดนเ้ี ปน็ โลหะ อโลหะ หรือวา่ กงึ่ โลหะ และการเปลยี่ นสีของกระดาษลิตมสั ทีม่ คี วามสบั สน อยู่บา้ ง แนวทางการแกไ้ ขปญั หา อาจจะต้องมีการทบทวนเร่ืองสารประกอบไอออนิกและสารประกอบโคเวเลนต์เพ่ิมเติม ให้นักเรียน เล่นเกมเกี่ยวกับตารางธาตุ เพ่ือให้นักเรียนคุ้นเคยกับธาตุท่ีอยู่ในตารางธาตุ และอาจจะต้องมีการอธิบายการ เปลีย่ นสขี องกระดาษลิตมัส เพอื่ ทาให้นักเรยี นทกุ คนมคี วามเข้าใจที่ถูกต้องก่อนการทดลอง …………………….……………………………………ผู้สอน (นางสาวทักษ์นปพร เผ่าปนิ ตา)

บนั ทึกหลังการสอน ผลการสอน นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5/1 . สามารถอธิบายความหมายของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนได้ ถกู ตอ้ งทุกคน นักเรียนสว่ นใหญ่สามารถระบสุ ารประกอบอนิ ทรียป์ ระเภทไฮโดรคาร์บอนว่าอ่ิมตัวหรือไม่อ่ิมตัว จากสูตรโครงสร้างได้ แต่อาจจะมีความสับสนในเร่ืองของพันธะระหว่าง C กับ O นักเรียนทุกคนสามารถ ปฏิบัติการทดลอง เร่ืองสมบัติและความแตกต่างของกรดไขมันอ่ิมตัวและไม่อ่ิมตัวได้ และนักเรียนทุกคนเห็น ความสาคัญของไขมันและน้ามันในชีวิตประจาวัน โดยระหว่างการเรียนนักเรียนมีการใช้โปรแกรม Plickers ในการทาแบบทดสอบ นกั เรยี นใหค้ วามสนใจและสามารถทาขอ้ สอบในระยะเวลาทจ่ี ากดั ได้ นักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5/2 สว่ นใหญ่สามารถอธิบายความหมายของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ได้ แต่อาจจะมีความสับสนระหว่างสารที่มีแค่ C กับ H กับสารอื่นๆที่มี C H และธาตุอ่ืนๆด้วย นักเรียนส่วน ใหญ่สามารถระบุสารประกอบอินทรีย์ประเภทไฮโดรคาร์บอนว่าอิ่มตัวหรือไม่อิ่มตัวจากสูตรโครงสร้างได้ แต่ อาจจะมีความสบั สนในเรื่องของพันธะระหว่าง C กับ O นักเรียนทุกคนสามารถปฏิบัติการทดลอง เร่ืองสมบัติ และความแตกต่างของกรดไขมันอ่ิมตัวและไม่อ่ิมตัวได้ แต่นักเรียนมีปัญหาในการสังเกตสี โดยนักเรียนไม่ สามารถเขียนได้ว่าสีที่เห็นคือสีใด และนักเรียนทุกคนเห็นความสาคัญของไขมันและน้ามันในชีวิตประจาวัน โดยระหว่างการเรียนนักเรียนมีการใช้โปรแกรม Plickers ในการทาแบบทดสอบ พบว่านักเรียนมีความ กระตอื รอื ร้นมากข้ึน นกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5/3 ส่วนใหญ่สามารถอธิบายความหมายของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ได้ นักเรียนส่วนใหญ่สามารถระบุสารประกอบอินทรีย์ประเภทไฮโดรคาร์บอนว่าอ่ิมตัวหรือไม่อ่ิมตัวจากสูตร โครงสร้างได้ แต่อาจจะมีความสับสนในเรื่องของพันธะระหว่าง C กับ O นักเรียนส่วนใหญ่สามารถปฏิบัติการ ทดลอง เรื่องสมบัติและความแตกตา่ งของกรดไขมันอิม่ ตัวและไมอ่ ่ิมตัวได้ แต่นักเรียนบางคนไม่มีการจดบันทึก หรือเขียนตารางบันทึกผล และนักเรียนส่วนใหญ่เห็นความสาคัญของไขมันและน้ามันในชีวิตประจาวัน ในการเรียนได้มีการใช้โปรแกรม Plickers ในการทาแบบทดสอบ พบว่านักเรียนมีความสุขในการทา แบบทดสอบมากขึ้น ปญั หา / อุปสรรค นกั เรยี นมีความเข้าใจผิดระหวา่ งพนั ธะท่ีเชื่อมต่อระหว่างธาตุ C กับ C และ C กับ O โดยมนี กั เรียน บางส่วนเขา้ ใจวา่ จะสามารถบอกความอ่ิมตัวของกรดไขมนั ไดจ้ ากท้งั พนั ธะทเี่ กิดจากธาตุ C กบั C และ C กบั O แนวทางการแก้ไขปัญหา ต้องมีการเน้นย้าในเร่ืองการสังเกตพันธะว่าความอ่ิมตัวของกรดไขมันจะสามารถสังเกตได้จากธาตุ C และ C หรอื อาจจะมแี บบฝึกหดั ท่ีให้นักเรียนทามาส่ง เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจรายบคุ คล …………………….……………………………………ผสู้ อน (นางสาวทักษน์ ปพร เผ่าปินตา)

บนั ทกึ หลังการสอน ผลการสอน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5/1 นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูลและเปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพ ระหว่างพอลิเมอร์และมอนอเมอร์ของพอลิเมอร์ชนิดนั้นได้ จากการค้นคว้าทั้งในหนังสือและเพ่ิมเติมจาก แหล่งข้อมูลต่างๆ ในการทดลอง นักเรียนสามารถปฏิบัติการทดลองได้เป็นระเบียบ และสามารถสรุปผลการ ทดลองไดต้ ามจดุ ประสงค์ และนักเรยี นทกุ คนสามารถทางานกล่มุ ร่วมกับผู้อน่ื ได้ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5/2 นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูลและเปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพ ระหว่างพอลิเมอร์และมอนอเมอร์ของพอลิเมอร์ชนิดน้ันได้ ในการทดลอง นักเรียนส่วนใหญ่สามารถ ปฏิบัติการทดลองได้ แต่นักเรียนยังไม่ค่อยมีระเบียบในการทาการทดลอง อาจจะมีการเล่นกันซ่ึงอาจก่อ อนั ตรายได้ นักเรียนส่วนใหญส่ ามารถสรปุ ผลการทดลองได้ตามจดุ ประสงค์ และนักเรียนทุกคนสามารถทางาน กลุ่มรว่ มกบั ผู้อืน่ ได้ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5/3 นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูลและเปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพ ระหว่างพอลิเมอรแ์ ละมอนอเมอร์ของพอลิเมอร์ชนิดน้ันได้ ในการทดลอง นักเรยี นบางส่วนสามารถปฏิบัติการ ทดลองไดเ้ ปน็ อยา่ งดี แตน่ กั เรียนชายมักจะมกี ารหยอกลอ้ กนั ซึ่งอาจทาใหเ้ กิดอันตรายขึ้นได้ นักเรียนบางส่วน สามารถสรุปผลการทดลองไดต้ ามจุดประสงค์ และนักเรียนทุกคนสามารถทางานกล่มุ ร่วมกบั ผู้อน่ื ได้ ปญั หา / อุปสรรค การใช้อปุ กรณใ์ นการทดลอง นักเรียนไม่มคี วามรู้พ้นื ฐานในการใช้อปุ กรณ์ หรือบางครง้ั ก็อาจจะมี ความประมาทในการทาการทดลอง โดยมกี ารเลน่ หรือการหยอกลอ้ กนั ซงึ่ ทาให้เพ่ือนกลุ่มอ่นื เสยี สมาธแิ ละ อาจจะเกดิ อนั ตรายได้ เพราะในการทดลองมีการใช้ไฟ แนวทางการแกไ้ ขปญั หา ให้ความรู้เพ่ิมเตมิ เกยี่ วกับความปลอดภยั ในห้องปฏิบตั กิ าร และทาขอ้ ตกลงในการหกั คะแนนสาหรับ นกั เรยี นทกี่ ่อกวนเพอื่ ระหวา่ งทาการทดลอง …………………….……………………………………ผู้สอน (นางสาวทกั ษ์นปพร เผ่าปินตา)

บันทกึ หลังการสอน ผลการสอน นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถระบุสมบัติความเป็นกรด-เบสจาก โครงสรา้ งของสารประกอบอนิ ทรยี ์ได้ ในการปฏบิ ตั ิการทดลอง เรอ่ื งการทดสอบโปรตีน นักเรียนมีการวางแผน ในการทากิจกรรมได้ดี มีการแบ่งหน้าที่ในการทางานได้ชัดเจน แต่มีกลุ่มนักเรียนชายท่ีทางานค่อนข้างไม่เป็น ระเบียบ จงึ ทาใหก้ ารทดลองลา่ ชา้ ลงไปบ้าง แต่นกั เรียนส่วนใหญ่สามารถทางานกลุ่มไดเ้ ป็นอย่างดี นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถระบุสมบัติความเป็นกรด-เบสจาก โครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ได้ แต่อาจจะมีการสับสนในเร่ืองของหมู่คาร์บอกซิลกับหมู่ไฮดรอกซิล จึง ทาให้มีการระบุสมบัติความเป็นกรด-เบสผิดบ้างเล็กน้อย ในการปฏิบัติการทดลอง เรื่องการทดสอบโปรตีน นักเรียนมีการวางแผนในการทากิจกรรมได้ดี มีการแบ่งหน้าท่ีในการทางานได้ชัดเจน และนักเรียนทุกคน สามารถทางานกลมุ่ ได้เป็นอย่างดี นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5/3 นักเรียนสามารถระบุสมบัติความเป็นกรด-เบสจากโครงสร้างของ สารประกอบอินทรีย์ได้ แต่อาจจะมีการสับสนในเรื่องของหมู่คาร์บอกซิลกับหมู่ไฮดรอกซิล จึงทาให้มีการระบุ สมบัติความเป็นกรด-เบสผิดบ้าง ในการปฏิบัติการทดลอง เร่ืองการทดสอบโปรตีน นักเรียนมีการวางแผนใน การทากิจกรรมได้ดี มีการแบ่งหน้าท่ีในการทางานได้ชัดเจน และนักเรียนส่วนใหญ่สามารถทางานกลุ่มได้เป็น อยา่ งดี ปัญหา / อุปสรรค การสังเกตสูตรโครงสร้างของหมคู่ ารบ์ อกซลิ และหมไู่ ฮดรอกซิล ทาใหน้ ักเรียนระบุสมบตั ิความเป็น กรด-เบสผดิ บา้ ง แนวทางการแกไ้ ขปัญหา การจดั กิจกรรมและแบบฝึกหัดท่จี ะช่วยพฒั นาดา้ นการสงั เกตและวเิ คราะห์สตู รโครงสรา้ ง …………………….……………………………………ผสู้ อน (นางสาวทักษ์นปพร เผา่ ปินตา)

บนั ทึกหลังการสอน ผลการสอน นักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5/1 สว่ นใหญ่สามารถอธิบายสมบัตกิ ารละลายในตวั ทาละลายชนดิ ต่างๆ ของสารได้ จากการทดลอง เรื่องละลายได้ไหม ในไขมนั หรือในน้า นักเรยี นสามารถทาการทดลอง สรปุ ผล และอภปิ รายผลทีเ่ ชื่อมโยงกบั เร่ืองการละลายน้าได้ และนกั เรยี นทุกคนสามารถทางานกลุ่มรว่ มกบั ผู้อืน่ ได้ นักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5/2 ส่วนใหญ่สามารถอธิบายสมบัติการละลายในตัวทาละลายชนดิ ต่างๆ ของสารได้ จากการทดลอง เรื่องละลายได้ไหม ในไขมนั หรอื ในนา้ นักเรียนส่วนใหญส่ ามารถทาการทดลอง สรปุ ผล และอภปิ รายผลทีเ่ ชอ่ื มโยงกบั เรื่องการละลายน้าได้ และนกั เรยี นสามารถทางานกล่มุ รว่ มกบั ผ้อู ื่นได้ นกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5/3 ส่วนใหญ่สามารถอธิบายสมบตั ิการละลายในตวั ทาละลายชนิดตา่ งๆ ของสารได้ จากการทดลอง เรื่องละลายไดไ้ หม ในไขมันหรอื ในน้า นกั เรยี นส่วนใหญส่ ามารถทาการทดลอง สรปุ ผล และอภปิ รายผลที่เช่อื มโยงกับเรอื่ งการละลายน้าได้ และนักเรียนสามารถทางานกลมุ่ ร่วมกบั ผู้อื่นได้ ปญั หา / อุปสรรค นกั เรียนบางส่วนไมส่ ามารถทาการบนั ทึกผล สรปุ ผล และอภปิ รายการทดลองได้ ซึง่ จะต้องถามและ ให้ครูชว่ ยตลอดเวลา แนวทางการแกไ้ ขปญั หา ใหน้ ักเรยี นทาการปฏบิ ัติการทดลอง การสรา้ งตารางบันทึกผล การสรุปผลและการอภปิ ราย การทดลองให้มากขึ้น เพือ่ พัฒนาทักษะและกระบวนการการทดลอง …………………….……………………………………ผู้สอน (นางสาวทกั ษ์นปพร เผ่าปนิ ตา)

บันทึกหลังการสอน ผลการสอน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5/1 นักเรียนสามารถวิเคราะห์และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง โครงสร้างกับสมบัติเทอร์มอพลาสตกิ และเทอรม์ อเซตของพอลิเมอร์ได้จากการทาแบบฝึกหัด นักเรียนส่วนใหญ่ สามารถทาแบบฝึกหดั ไดถ้ ูกต้อง นักเรียนสามารถสบื คน้ ขอ้ มูลและนาเสนอผลกระทบของการใช้ผลิตภัณฑ์พอลิ เมอร์ท่มี ีต่อสิ่งมีชีวิตและส่ิงแวดล้อมพร้อมแนวทางป้องกันหรือแก้ไข โดยการนาเสนอและตอบคาถามท้ายบท นักเรียนสามารถประดิษฐ์ส่ิงของที่ใช้แทนพลาสติกได้ โดยการประดิษฐ์ถุงผ้ารักษ์โลก ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ซึง่ นกั เรียนทกุ คนมีสว่ นรว่ มในการทางานกลมุ่ และสามารถสรา้ งสรรคผ์ ลงานได้สวยงาม แต่อาจจะมีการส่งงาน ลา่ ช้าไปบ้าง นักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5/2 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถวิเคราะห์และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง โครงสร้างกับสมบัติเทอร์มอพลาสติกและเทอร์มอเซตของพอลิเมอร์ได้จากการทาแบบฝึกหัด นักเรียนได้ มีการสืบค้นข้อมูลและนาเสนอผลกระทบของการใช้ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ที่มีต่อส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อมพร้อม แนวทางปอ้ งกนั หรือแก้ไข โดยการนาเสนอและตอบคาถามท้ายบท นักเรียนสามารถประดิษฐ์ส่ิงของท่ีใช้แทน พลาสตกิ ได้ โดยการประดิษฐ์ถุงผ้ารักษ์โลก ซ่ึงแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ซึ่งนักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการทางาน กลุ่มและสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้สวยงาม และส่งงานได้ตรงเวลา นกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 5/3 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถวิเคราะห์และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง โครงสร้างกับสมบัติเทอร์มอพลาสติกและเทอร์มอเซตของพอลิเมอร์ได้จากการทาแบบฝึกหัด นักเรียนทุกคน ได้มีการสืบค้นข้อมูลและนาเสนอผลกระทบของการใช้ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม พรอ้ มแนวทางป้องกันหรอื แก้ไข โดยการนาเสนอและตอบคาถามท้ายบท นกั เรยี นสามารถประดิษฐ์สิ่งของที่ใช้ แทนพลาสติกได้ โดยการประดิษฐ์ถุงผ้ารักษ์โลก ซ่ึงแบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม ซ่ึงนักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการ ทางานกลุ่มและสามารถสรา้ งสรรค์ผลงานได้สวยงาม และสง่ งานได้ตรงเวลา ปัญหา / อุปสรรค วสั ดุ อปุ กรณท์ ่ใี ช้ในการประดิษฐม์ จี ากดั อาจทาให้เกิดการทางานล่าช้า แนวทางการแก้ไขปัญหา ควรมีวัสดแุ ละอุปกรณ์ตัวเลือกทหี่ ลากหลายในการประดษิ ฐ์ เพือ่ ให้เกิดความคดิ สรา้ งสรรค์และ ความสวยงามมากขึ้น …………………….……………………………………ผสู้ อน (นางสาวทกั ษน์ ปพร เผา่ ปนิ ตา)

บันทกึ หลังการสอน ผลการสอน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 นักเรียนสามารถระบุสูตรเคมีของสารตั้งต้น ผลิตภัณฑ์ และแปล ความหมายของสัญลักษณ์ในสมการเคมีได้ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ แต่นักเรียนบางคนมีอาจจะมีความเข้าใจผิด เก่ียวกับการเผาและการให้ความร้อน ซ่ึงส่วนใหญ่นักเรียนจะลืมเขียนบ่อยๆ นักเรียนส่วนใหญ่สามารถเขียน สมการเคมไี ด้ แต่อาจจะลมื ระบสุ ถานะของสารแตล่ ะตวั และนกั เรยี นทุกคนใหค้ วามรว่ มมือในการทากิจกรรม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 นักเรียนสามารถระบุสูตรเคมีของสารต้ังต้น ผลิตภัณฑ์ และแปล ความหมายของสัญลักษณ์ในสมการเคมีได้ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ แต่นักเรียนบางคนมีอาจจะมีความเข้าใจผิด เกยี่ วกับสถานะของสาร การเผาและการให้ความรอ้ น ซึ่งสว่ นใหญน่ กั เรียนจะลืมเขียนบ่อยๆ นักเรียนส่วนใหญ่ สามารถเขยี นสมการเคมีได้ และนักเรยี นทุกคนให้ความร่วมมอื ในการทากจิ กรรมไดเ้ ป็นอย่างดี นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5/3 นักเรียนสามารถระบุสูตรเคมีของสารต้ังต้น ผลิตภัณฑ์ และแปล ความหมายของสัญลักษณ์ในสมการเคมีไดถ้ ูกต้องเป็นส่วนใหญ่ แต่นักเรียนบางคนมีอาจจะมีความเข้าใจผิดทั้ง การเขียนสูตรเคมี สถานะของสาร และการคายความร้อนและดูดความร้อน ซ่ึงส่วนใหญ่นักเรียนจะลืมเขียน และเขียนไม่ถูกต้อง นักเรียนส่วนใหญ่สามารถเขียนสมการเคมีได้ แต่อาจจะลืมระบุสถานะของสารแต่ละตัว และนกั เรยี นทกุ คนใหค้ วามรว่ มมอื ในการทากิจกรรม ปญั หา / อุปสรรค นักเรยี นบางส่วนไมส่ ามารถเขียนสตู รเคมีของสารและไม่สามารถระบุสถานะของสารได้ถูกตอ้ งทง้ั หมด แนวทางการแก้ไขปญั หา มีการจดั กจิ กรรมหรือแบบฝกึ หัดเพอ่ื ทบทวนความรเู้ รื่องการเขียนสมการเคมีให้มากขึ้น …………………….……………………………………ผสู้ อน (นางสาวทักษ์นปพร เผ่าปนิ ตา)

บนั ทกึ หลังการสอน ผลการสอน นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5/1 นักเรียนสามารถระบุปัจจัยท่ีมีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี นักเรียนมีการสืบค้นข้อมูลและอธิบายปัจจัยท่ีมีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีได้ นักเรียนทุกคนสามารถ ทดลองปจั จัยทมี่ ีผลต่ออตั ราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี และสามารถอภปิ รายผลจากการทดลองได้ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5/2 นักเรียนสามารถระบุปัจจัยท่ีมีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี นักเรียนมีการสืบค้นข้อมูลและอธิบายปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีได้ นักเรียนส่วนใหญ่สามารถ ทดลองปจั จัยที่มีผลตอ่ อตั ราการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี และสามารถอภปิ รายผลจากการทดลองได้ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/3 นักเรียนสามารถระบุปัจจัยท่ีมีผลต่อกอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี นักเรียนมีการสืบค้นข้อมูลและอธิบายปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีได้ นักเรียนทุกคนสามารถ ทดลองปัจจัยทม่ี ีผลต่ออัตราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี และสามารถอภิปรายผลจากการทดลองได้ แต่มีกลุ่มนักเรียน ชายท่ีทาการทดลองนอกเหนือจากท่ีครูส่ังจึงทาให้เกิดปฏิกิริยาแล้วเลอะโต๊ะ จึงต้องให้มีการทาความสะอาด เพิม่ เตมิ และเสยี เวลาในการทาการทดลอง ปญั หา / อุปสรรค นักเรยี นไม่มีความระมัดระวังในการทาการทดลองและมีการเลน่ กันและทาการผสมสารท่ีอันตราย แนวทางการแกไ้ ขปญั หา ควรมีมาตรการเรื่องคะแนนกลมุ่ และการหักคะแนนกลุ่ม เพือ่ ให้นักเรยี นตระหนกั ถึงหน้าทแ่ี ละ การปฏบิ ัติการ ควรมีการอบรมเรือ่ งความปลอดภยั ในห้องปฏิบตั กิ ารเพมิ่ มากข้นึ …………………….……………………………………ผ้สู อน (นางสาวทกั ษ์นปพร เผา่ ปนิ ตา)

บันทกึ หลังการสอน ผลการสอน นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 สามารถอธิบายความหมายของปฏิกิริยารีดอกซ์ได้ จากการดูวีดิโอ นักเรียนสามารถตอบคาถามได้ นักเรียนสามารถเขียนแผนภาพการเคลื่อนท่ีของอิเล็กตรอนท่ีทาให้เกิด กระแสไฟฟ้าได้ จากการทางานกลมุ่ นักเรียนมกี ารระดมความคิดและช่วยกนั ทางานได้เป็นอยา่ งดี นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถอธิบายความหมายของปฏิกิริยารีดอกซ์ได้ จากการดูวีดิโอ นักเรียนส่วนใหญ่เขียนแผนภาพการเคลื่อนท่ีของอิเล็กตรอนที่ทาให้เกิดกระแสไฟฟ้าได้ จากการทางานกลมุ่ นักเรียนสามารถระดมความคดิ และชว่ ยกนั ทางานได้เปน็ อย่างดี นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5/3 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถอธิบายความหมายของปฏิกิริยารีดอกซ์ได้ จากการดูวีดิโอ นักเรียนส่วนใหญ่เขียนแผนภาพการเคล่ือนท่ีของอิเล็กตรอนท่ีทาให้เกิดกระแสไฟฟ้าได้ จากการทางานกลุ่มนกั เรียนสามารถระดมความคดิ และชว่ ยกันทางานได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะมีการสับสนของ ทศิ ทางในการเคลอื่ นที่ของกระแสไฟฟ้าและทศิ ทางการเคลื่อนท่ีของอิเลก็ ตรอน ปญั หา / อุปสรรค นกั เรียนมคี วามสบั สนระหวา่ งปฏิกิริยานวิ เคลียร์และปฏิกริ ิยาเคมี โดยนกั เรียนบางสว่ นไมส่ ามารถ แยกความแตกต่างของปฏิกริ ิยาท้งั สองได้ แนวทางการแกไ้ ขปญั หา ให้นกั เรียนทาแบบฝกึ หัดและตรวจสอบความเข้าใจให้มากข้ึน มีการใชค้ าถามและยกตัวอยา่ งประกอบมากขึ้น …………………….……………………………………ผสู้ อน (นางสาวทกั ษน์ ปพร เผา่ ปินตา)

บันทกึ หลังการสอน ผลการสอน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5/1 นักเรียนสามารถอธิบายสมบัติของไอโซโทปกัมมันตรังสีได้ จากการ ทาแบบฝึกหดั นกั เรยี นสามารถทาถูก ประมาณ 8 ข้อ จาก 10 ข้อขึ้นไป นักเรียนส่วนใหญ่สามารถคานวณครึ่ง ชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสีได้ แต่อาจจะมีความสับสนในเรื่องการคานวณอยู่บ้าง และนักเรียนทุกคน สามารถทางานทไ่ี ด้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดแี ละตรงเวลา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถอธิบายสมบัติของไอโซโทปกัมมันตรังสีได้ จากการทาแบบฝึกหัดนักเรียนส่วนใหญ่สามารถทาถูก ประมาณ 7 ข้อ จาก 10 ข้อขึ้นไป นักเรียนส่วนใหญ่ สามารถคานวณคร่ึงชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสีได้ แต่อาจจะมีความสับสนในเร่ืองการคานวณอยู่บ้าง และ นักเรียนทกุ คนสามารถทางานที่ได้รับมอบหมายได้เปน็ อย่างดีและตรงเวลา นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5/3 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถอธิบายสมบัติของไอโซโทปกัมมันตรังสีได้ จากการทาแบบฝึกหัดนักเรียนส่วนใหญ่สามารถทาถูก ประมาณ 6 ข้อ จาก 10 ข้อขึ้นไป นักเรียนส่วนใหญ่ สามารถคานวณคร่ึงชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสีได้ แต่อาจจะมีความสับสนในเรื่องการคานวณอยู่บ้าง และ นักเรียนสว่ นใหญ่สามารถทางานที่ไดร้ ับมอบหมายไดเ้ ปน็ อย่างดแี ละตรงเวลา ปัญหา / อุปสรรค การคานวณครง่ึ ชีวติ นักเรียนบางคนไมส่ ามารถประยุกต์ใช้ทักษะการคานวณมาใช้ได้ แนวทางการแก้ไขปญั หา ใหน้ ักเรียนออกมาอธบิ ายโจทยท์ ี่ตนเองได้รบั หน้าชน้ั เรยี น เพอ่ื เปน็ การทบทวนและฝึกอธิบาย …………………….……………………………………ผ้สู อน (นางสาวทกั ษ์นปพร เผ่าปนิ ตา)

บันทึกหลังการสอน ผลการสอน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 นักเรียนสามารถอธิบายประโยชน์ของสารกัมมันตรังสีได้ ตรวจสอบ จากแบบฝึกหัดท้ายบท 4 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถอธิบายแบบฝึกหัดได้ และนักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูล และนาเสนอตัวอย่างประโยชน์ของสารกัมมันตรังสีและการป้องกันอันตรายท่ีเกิดจากกัมมันตภาพรังสีได้อย่าง ถูกตอ้ งและสรา้ งสรรค์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 นักเรียนสามารถอธิบายประโยชน์ของสารกัมมันตรังสีได้ ตรวจสอบ จากแบบฝึกหัดท้ายบท 4 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถอธิบายแบบฝึกหัดได้ และนักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูล และนาเสนอตวั อย่างประโยชน์ของสารกัมมนั ตรงั สีและการป้องกันอนั ตรายทเ่ี กิดจากกัมมันตภาพรงั สีได้ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5/3 นักเรียนสามารถอธิบายประโยชน์ของสารกัมมันตรังสีได้ ตรวจสอบ จากแบบฝึกหัดท้ายบท 4 นักเรียนส่วนใหญ่สามารถอธิบายแบบฝึกหัดได้ และนักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูล และนาเสนอตัวอย่างประโยชนข์ องสารกัมมันตรงั สแี ละการป้องกนั อนั ตรายที่เกดิ จากกัมมนั ตภาพรังสไี ด้ ปญั หา / อุปสรรค การสบื คน้ หาข้อมูล นักเรียนไมม่ ีอปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการสืบค้นข้อมูลทาให้ไดข้ ้อมูลท่ไี ม่แตกต่างและได้รบั ขอ้ มลู อยา่ งจากัด แนวทางการแกไ้ ขปญั หา อาจจะต้องมีการจัดทาใบความรู้เพ่ิมเติม แล้วให้นักเรียนแบ่งกันศึกษาหาข้อมูลท่ีหลากหลาย หรือ อาจจะใหน้ ักเรยี นทาการค้นคว้าจากอปุ กรณ์ของครู …………………….……………………………………ผสู้ อน (นางสาวทักษ์นปพร เผา่ ปินตา)

ผลงานนักเรยี น



ภาพถา่ ย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook