คาอธิบายรายวิชา 1.5 หนว่ ยกิต พื้นฐานวิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว21101 วิทยาศาสตร์ 1 ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 1 เวลา 60 ชว่ั โมง ศึกษา วิเคราะห์ การเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ สมบัติของสารบริสุทธ์ิ การจาแนกและองค์ประกอบของสาร บริสุทธิ์ เซลล์ การลาเลียงสารเข้าออกเซลล์ การสืบพันธ์ุและขยายพันธ์ุพืชดอก การสังเคราะห์ด้วยแสง การ ลาเลียงน้า ธาตุอาหาร และอาหารของพืช แนวคิดหลักของเทคโนโลยีในชีวิตประจาวันและวิเคราะห์สาเหตุ หรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ปัญหาหรือความต้องการในชีวิตประจาวัน ออกแบบ วิธีการแกป้ ญั หา ทดสอบ ประเมินผล โดยใช้การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะการ เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน มีจิต วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านยิ มที่เหมาะสม ตวั ชี้วัด ว 1.2 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ม.1/8 ม.1/9 ม.1/10 ม.1/11 ม.1/12 ม.1/13 ม.1/14 ม.1/15 ม.1/16 ม.1/17 ม.1/18 ว 2.1 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ม.1/8 รวมทัง้ หมด 26ตวั ช้ีวัด
โครงสรา้ งรายวชิ า รหสั ว21101 วชิ าวิทยาศาสตร์ 1 ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 60 ช่ัวโมง 1.5 หนว่ ยกิต ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง เวลา นา้ หนกั ช่วั โมง คะแนน หนว่ ยการเรยี นรู้1 เรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ 10 10 อย่างไร หนว่ ยการเรยี นรู้2 ว.2.1 -ธาตุแต่ละชนดิ มีสมบัตเิ ฉพาะตัวและ 22 20 สมบัติของสาร -ม 1/1 อธบิ ายสมบตั ทิ าง มีสมบัติทางกายภาพบางประการ บรสิ ุทธิ์ กายภาพบางประการของธาตุ เหมือนกนั และบางประการต่างกัน โลหะ อโลหะ และกงึ่ โลหะ โดย ซงึ่ สามารถนามาจดั กลุม่ ธาตุ เป็น ใชห้ ลกั ฐานเชิงประจักษ์ที่ได้ โลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ ธาตุโลหะ จากการสังเกตและทดสอบและ มีจุดหลอมเหลวสูง มผี วิ เป็นมันวาว ใช้สารสนเทศทีไ่ ดจ้ าก นาความร้อนนาไฟฟ้า ดงึ เป็นเส้น แหล่งข้อมลู ตา่ งๆ รวมท้ังจดั หรอื ตเี ปน็ แผน่ บางๆได้ และมีความ กล่มุ ธาตุ เป็นโลหะ อโลหะ หนาแนน่ ทงั้ สงู และต่า และกึ่งโลหะ ธาตุอโลหะมีจุดเดือด จุดหลอมเหลว ตา่ มผี ิวไม่มันวาวไม่นาความร้อน ไม่ นาไฟฟา้ เปราะแตกหักงา่ ย และมี ความหนาแนน่ ต่า ธาตุกึ่งโลหะมี สมบัตบิ างการเหมือนโลหะ และ สมบัตบิ างประการเหมือน อโลหะ -ม 1/2วเิ คราะหผ์ ลจากการใช้ -ธาตโุ ลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะท่ี ธาตุโลหะ อโลหะก่งึ โลหะ และ สามารถแผ่รังสไี ด้จัดเป็นธาตุ ธาตกุ ัมมนั ตรังสี ที่มตี ่อส่งิ มีชวี ติ กัมมันตรงั สี ส่งิ แวดลอ้ ม เศรษฐกิจและ
ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง เวลา นา้ หนัก ชัว่ โมง คะแนน สงั คม จากข้อมูลท่ีรวมรวมได้ -ม 1/3 ตระหนกั ถึงคุณคา่ ของ -ธาตุมีทั้งประโยชน์และโทษการใช้ การใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่ง ธาตุโลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ ธาตุ โลหะ และธาตุ กมั มันตรังสี ท่ีมี กมั มันตรังสี ควรคานงึ ถงึ ผลกระทบ ต่อส่ิงมชี วี ิต ส่ิงแวดลอ้ ม ต่อส่ิงมีชีวติ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกจิ เศรษฐกจิ และสงั คมจากข้อมลู ท่ี และสงั คม รวมรวมได้ -ม 1/4 เปรยี บเทยี บจุดเดือด -สารบริสุทธ์ประกอบไปดว้ ยสาร จุดหลอมเหลวของสารบรสิ ุทธิ์ เพียงชนดิ เดียว ส่วนสารผสม และสารผสมโดยการวดั ประกอบดว้ ยสารตั้งแต่ 2 ชนิด ขึ้น อณุ หภูมิ เขียนกราฟ แปล ไป สารบรสิ ทุ ธแ์ ต่ละชนดิ มสี มบัติ ความหมายข้อมลู จากกราฟ บางประการทเี่ ป็นค่าเฉพาะตัว หรอื สารสนเทศ เชน่ จดุ เดือดและจุดหลอมเหลว คงท่ี แต่สารผสมมจี ุดเดือดและจุด หลอมเหลวไม่คงที่ ข้นึ อยกู่ ับชนิดและสัดสว่ นของสารที่ ผสมอยูด่ ว้ ยกัน -ม 1/5 อธบิ ายและ -สารบริสทุ ธแ์ิ ต่ละชนดิ มคี วาม เปรยี บเทยี บความหนาแน่นของ หนาแนน่ หรือมวลต่อหนึ่งหน่วย สารบริสทุ ธิ์และสารผสม ปรมิ าตรคงท่ีเป็นคา่ เฉพาะของสาร นนั้ ณ สถานะและอุณหภูมิหนึง่ แต่ สารผสมมีความหนาแน่นไมค่ งที่ ขึ้นอย่กู ับชนิดและสดั ส่วนของสารท่ี ผสมอยู่ด้วยกนั -ม 1/6ใช้เคร่อื งมือเพ่ือวัดมวล -สารบรสิ ทุ ธิแ์ ต่ละชนิดมคี วาม และปริมาตรของสารบรสิ ุทธ์ หนาแนน่ หรือมวลตอ่ หน่ึงหน่วย และสารผสม ปริมาตรคงที่เปน็ คา่ เฉพาะของสาร นนั้ ณ สถานะและอุณหภมู ิหนึ่ง แต่ สารผสมมคี วามหนาแนน่ ไม่คงที่ ข้นึ อยกู่ ับชนดิ และสัดสว่ นของสารท่ี ผสมอย่ดู ้วยกัน -ม 1/7อธบิ ายเก่ียวกับความสัน สารบรสิ ุทธแ์ิ บง่ ออกเปน็ ธาตแุ ละ พนั ธร์ ะหวา่ งอะตอมธาตุ และ สารประกอบ ธาตุประกอบดว้ ย สารประกอบโดยใช้แบบจาลอง อนภุ าคท่ีเลก็ ที่สุดที่ยังแสดงสมบัติ และสารสนเทศ ของธาตนุ น้ั เรยี กว่า อะตอม ธาตแุ ต่
ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง เวลา น้าหนัก คะแนน ชว่ั โมง -ม 1/8อธิบายโครงสร้างอะตอม ละชนิดประกอบดว้ ยอะตอมเพยี ง ทปี่ ระกอบไปดว้ ยโปรตอน ชนิดเดยี วและไม่สามารถแยกสลาย นิวตรอน และอิเล็กตรอน โดย เปน็ สารอื่นไดด้ ว้ ยวธิ ที างเคมี ธาตุ ใชแ้ บบจาลอง เขียนแทนด้วยสญั ลักษณ์ธาตุ สารประกอบเกดิ จากอะตอมของธาตุ ตั้งแต่ 2 ชนดิ ขน้ึ ไป รวมตวั กันทาง เคมีในอัตราส่วนคงที่ มสี มบตั ิท่ี แตกต่างจากธาตุท่ีเปน็ องค์ประกอบ สามารถแยกเป็นธาตุไดด้ ้วยวิธที าง เคมี ธาตุและสารประกอบสามารถ เขียนแทนได้ด้วยสูตรเคมี -อะตอมประกอบด้วยโปรตอน นวิ ตรอน และอิเล็กตรอนโปรตอนมี ประจุไปไฟฟา้ บวก ธาตุ ชนิด เดยี วกันมีจานวนโปรตอนเท่ากันเปน็ ค่าเฉพาะของธาตุนนั้ นวิ ตรอนเป็น กลางทางไฟฟ้า ส่วนอิเล็กตรอนนั้นมี ประจุไฟฟ้าลบ เมื่ออะตอมมีจานวน โปรตอนเท่ากับอิเลก็ ตรอน จะเปน็ กลางทางไฟฟา้ โปรตอนและ นวิ ตรอนรวมกนั ตรงกลางอะตอม เรียกว่านวิ เคลยี ส ส่วนอเิ ลก็ ตรอน เคลอื่ นที่อยูใ่ นที่ว่างรอบนวิ เคลยี ส หนว่ ยการเรียนรู้ 3 ว.1.2 -เซลล์เป็นหนว่ ยพ้ืนฐานของส่ิงมชี วี ติ 16 20 หน่วยพืน้ ฐานของ สิ่งมชี วี ิต -ม 1/1 เปรยี บเทยี บรปู ร่าง สง่ิ มีชีวิตบางชนดิ มีเพยี งเซลล์เดียว ลักษณะและโครงสรา้ ง เช่น อะมีบา พารามเี ซยี ม ยสี ต์ บาง ของเซลล์พืชและเซลลส์ ตั ว์ ชนดิ มหี ลายเซลล์ เช่น พชื สตั ว์ รวมท้งั บรรยายหน้าท่ขี องผนัง -โครงสร้างพืน้ ฐานทีพ่ บท้งั เซลล์พืช เซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซมึ และเซลลส์ ตั ว์ ได้แก่ ผนงั เซลลแ์ ละ นิวเคลียส แวควิ โอล ไมโทคอน คลอโรพลาสต์ เดรีย และคลอโรพลาสต์ โครงสรา้ งตา่ งๆ ของเซลล์มหี น้าท่ี แตกต่างกัน -ม 1/2 ใชก้ ลอ้ งจุลทรรศน์ ใช้ ผนังเซลล์ ทาหนา้ ทีใ่ หค้ วามแขง็ แรง
ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง เวลา นา้ หนกั ช่วั โมง คะแนน แสงศึกษาเซลล์ และโครงสรา้ ง ตา่ งๆ ภายในเซลล์ แกเ่ ซลล์ เยอื่ หมุ้ เซลล์ ทาหนา้ ทคี่ วบคุมการ ทางานของเซลล์ ไซโทพลาซีม มีออรแ์ กแนลล์ท่ีทา หน้าท่ีแตกต่างกัน แวคิวโอล ทาหนา้ ที่เกบ็ น้าและสาร ต่างๆ ไมโทคอนเดรีย ทาหน้าที่เก่ียวกบั การ สลายสาร อาหารเพื่อใหไ้ ด้พลังเซลล์ คลอโรพลาสต์ เป็นแหลง่ ที่เกิดการ สังเคราะหด์ ้วยแสง -ม 1/3 อธบิ ายความสัมพันธ์ -เซลล์ของส่งิ มีชีวิตมีรูปร่าง ลักษณะ ระหวา่ งรปู รา่ ง กบั การทาหน้าท่ี ทห่ี ลากหลาย และมีความเหมาะสม เซลล์ กบั หน้าท่ีของเซลล์น้นั เชน่ เซลล์ ประสาทสว่ นใหญ่ มเี สน้ ใยประสาท เป็นแขนงยาว นากระแสประสาทไป ยงั เซลลอ์ ่ืนๆ ท่ีอยู่ไกลออกไป เซลล์ ขนราก เปน็ เซลลผ์ วิ ของรากท่ีมีผนัง เซลล์และผนังเซลล์และเย่ือหุ้มเซลล์ ยนื่ ยาวออกมาลักษณะคลา้ ยขนเส้น เล็กๆ เพ่ือเพิ่มพ้นื ที่ผิวในการดูนา้ และธาตุอาหาร -ม 1/4 อธบิ ายการจัดระบบ -พืชและสตั วเ์ ปน็ ส่ิงมีชวี ติ หลายเซลล์ ของสงิ่ มชี วี ติ โดยเร่ิมจาก เซลล์ มกี ารจัดระบบโดยเร่มิ จากเซลล์ไป เนอื้ เยื่อ อวยั วะ ระบบอวยั วะ เปน็ เน้ือเยอื่ อวยั วะ ระบบอวัยวะ จนเปน็ ส่ิงมีชวี ติ และสงิ่ มชี ีวิตตามลาดับ เซลล์หลายเซลลม์ ารวมกันเป็น เนอื้ เยื่อ เนื้อเย่ือหลายชนิดมารวมกนั และทางาน รว่ มกนั เป็นอวยั วะ อวยั วะทุกระบบ ทางานร่วมกนั เป็นสิ่งมีชวี ติ -ม 1/5 อธิบายกระบวนการ -เซลล์มีการนาสารเขา้ สูเ่ ซลล์เพื่อใช้ แพรแ่ ละออสโมซิสจากหลักฐาน ในกระบวนการต่างๆ ของเซลล์และมี เชิงประจกั ษ์ และยกตวั อยา่ ง การขจัดสารบางอย่างทเ่ี ซลล์ไม่
ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง เวลา นา้ หนกั ชัว่ โมง คะแนน การแพร่และออสโมซสิ ใน ตอ้ งการออกนอกเซลล์ การนาสาร ชวี ติ ประจาวนั เข้าและออกจากเซลลม์ ีหลายวิธเี ช่น การแพร่ เปน็ การเคลื่อนทข่ี องสาร จากบรเิ วณที่มีความเข้มข้นของสาร สูงไปสูบ่ รเิ วณที่มีความเข้มข้นของ สารต่า สว่ นออสโมซสิ เปน็ การแพร่ ของน้าผา่ นเย่ือหุ้มเซลล์ จากทีม่ ีความเข้มข้นของสารต่าไปยงั ด้านทม่ี ีความเขม้ ข้นของสารละลาย สูงกวา่ หน่วยการเรยี นรู้4 -ม 1/6 ระบปุ ัจจยั ที่จาเปน็ ใน -กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของ 12 10 การดารงชีวิตของพชื การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงและ พชื ท่เี กิดขึ้นในคลอโรพลาสต์ ผลผลิตทเ่ี กิดขึ้นจากการ จาเปน็ ต้องใชแ้ สง แกส๊ คาร์บอนได สงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ออกไซค์ คลอโรฟิลล์ และน้า โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ผลผลติ ท่ีไดจ้ ากการสังเคราห์ดว้ ย แสง ไดแ้ ก่ นา้ ตาลและแกส๊ ออกซิเจน -ม 1/7 อธบิ ายความสาคัญของ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช -การสงั เคราะห์ด้วยแสงเป็น ตอ่ ส่ิงมชี ีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม กระบวนการท่ีสาคญั ต่อสงิ่ มีชีวติ -ม 1/8 ตระหนักในคุณค่าของ เพราะเปน็ กระบวนการเดียวที่ พชื ที่มตี ่อสิง่ มีชวี ติ และ สามารถนาพลังงานแสงมา สิง่ แวดลอ้ มโดยการร่วมปลูก เปล่ียนเปน็ พลังงานในรปู แบบ และดูแลรักษาตน้ ไม้ในโรงเรยี น สารประกอบอินทรียแ์ ละเกบ็ สะสม และชมุ ชน ในรูปแบบ ต่างๆในโครงสรา้ งของพืช พชื จงึ เปน็ แหลง่ อาหารและพลังงาน สาคัญของส่ิงมชี วี ิตอืน่ นอกจากนี้ กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงยงั เปน็ กระบวนการหลักในการสร้าง แก๊สออกซเิ จนใหก้ บั บรรยากาศ เพอื่ ให้สงิ่ มชี ีวติ อ่นื ใช้ในกระบวนการ หายใจ
ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง เวลา น้าหนกั คะแนน ชั่วโมง -ม 1/9 บรรยายลักษณะและ -พืชมไี ซเลม็ และโฟลเอม็ ซ่งึ เปน็ หนา้ ท่ีของไซเล็มและโฟลเอ็ม เนือ้ เย่ือมีลกั ษณะคล้ายท่อเรยี งตัวกนั -ม 1/10 เขียนแผนภาพที่ เปน็ กลุ่มเฉพาะทโ่ี ดยไซเลม็ ทาหนา้ ท่ี บรรยายทิศทางการลาเลียงของ ลาเลยี งน้าและธาตุอาหาร มที ิศทาง สารในไซเล็มและโฟลเอ็มของ ลาเลียงจากรากไปส่ลู าต้น ใบ และ พชื ส่วนต่างๆของพืช เพื่อใชใ้ นการ สงั เคราะห์แสง รวมถึงกระบวนการ อืน่ ๆ สว่ นโฟลเอม็ ทาหนา้ ท่ลี าเลียง อาหาร ที่ไดจ้ ากการสงั เคราะห์ด้วย แสง มที ศิ ทางการลาเลียงจากบริเวณ ที่มีการสังเคราะหด์ ้วยแสงไปสสู่ ว่ น ต่างๆของพืช -ม 1/11 อธบิ ายการสบื พนั ธ์ -พชื ดอกทกุ ชนิดสามารถสืบพันธ์ แบบอาศยั เพศ และไม่อาศัย แบบอาศัยเพศได้ และบางชนิด เพศของพืชดอก สามารถสืบพันธ์แบบไม่อาศัยเพศได้ -ม 1/12 อธิบายลกั ษณะ -การสบื พันธแ์ บบอาศยั เพศเป็นการ โครงสรา้ งของดอกท่ีมีสว่ นทาให้ สบื พนั ธ์ที่มกี ารผสมกันของสเปิร์มกับ เกิดการถ่ายเรณู รวมทงั้ เซลล์ไข่ การสืบพันธ์ุ แบบอาศยั เพศ บรรยายการปฏิสนธขิ องพชื ของพืชดอกเกิดข้นึ ที่ดอก โดยภายใน ดอก และการเกดิ ผลและเมลด็ อับเรณูของสว่ นเกสรเพศผู้มเี รณู ซ่งึ การกระจายเมลด็ และการงอก ทาหนา้ ที่สรา้ งสเปิรม์ ภายในออวลุ ของเมล็ด ของส่วนเกสรเพศเมยี มีถงุ เอ็มบรโิ อ ทาหน้าท่สี รา้ งเซลลไ์ ข่ -ม 1/13 ตระหนกั ถึง -การสบื พนั ธแ์ บบไม่อาศยั เพศ เป็น ความสาคัญของสัตวท์ ช่ี ่วยใน การสบื พันธท์ ่ีพชื ต้นใหม่ไม่ไดเ้ กดิ จาก การถา่ ยเรณุของพืชดอกโดยไม่ การปฏิสนธริ ะหวา่ งสเปิร์มกับเซลล์ ทาลายชีวติ ของสัตวท์ ี่ชว่ ยใน ไข่ แตเ่ กดิ จากส่วนตา่ งๆของพชื เชน่ การถา่ ยเรณู ราก ลาตน้ ใบ มกี ารเจรญิ เติบโตและ พัฒนาขน้ึ มาเป็นต้นใหม่ได้ -การถ่ายเรณู คือ การเคล่ือนย้าย ของเรณู จากอบั เรณูไปยงั ยอดเกสร เพศเมยี ซึ่งเกีย่ วข้องกบั ลักษณะ และโครงสรา้ งของดอก เช่น สขี อง กลีบดอกตาแหนง่ ของเกสรตัวผแู้ ละ เกสรเพศเมีย โดยมีสิ่งท่ีชว่ ยในการ
ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง เวลา นา้ หนกั ชวั่ โมง คะแนน ถา่ ยเรณเู ชน่ แมลง ลม -การถ่ายเรณูจะนาไปสู่การปฏิสนธิ ซง่ึ จะเกิดข้นึ ที่ ถงุ เอ็มบรโิ อภายใน ออวุล หลงั การปฏิสนธจิ ะได้ไซเกต และเอนโดสเปริ ม์ ไซเกตจะพัฒนา ตอ่ ไปเปน็ เอ็มบริโอ ออวลุ พัฒนาไป เป็นเมลด็ และรังไข่ พัฒนาไปเปน็ ผล -ผลและเมลด็ มีการกระจายออกจาก ต้นเดมิ โดยวธิ กี ารต่างๆเม่ือเมล็ดตก ไปในสภาพแวดล้อมทีเ่ หมาะสมจะ เกดิ การงอกของเมล็ด โดยเอ็มบริโอ ภายในเมล็ดจะเจรญิ ออกมา โดย ระยะแรก จะอาศยั อาหารท่ีสะสม ภายในเมล็ด จนกระท่งั ใบแท้พัฒนา จนสามารถสังเคราะห์ดว้ ยแสงได้ เตม็ ที่ และสรา้ งอาหารได้เอง ตามปกติ -ม 1/14 อธบิ ายความสาคญั -พืชตอ้ งการธาตุอาหารที่จาเป็น ของธาตุอาหารบางชนดิ ท่ีมีผล หลายชนดิ ในการเจรญิ เติบโตและ ตอ่ การเจริญเตบิ โตและการ การดารงชวี ติ ดารงชวี ิตของพชื -พืชต้องการธาตุอาหารบางชนิดใน -ม 1/15 เลอื กใชป้ ุ๋ยท่มี ีธาตุ ปริมาณไดแ้ ก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรสั อาหารเหมาะสมกับพชื ใน โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซยี ม สถานการณ์ทีก่ าหนด และกามะถัน ซงึ่ ในดนิ อาจมีไม่ เพียงพอสาหรับการเจรญิ เติบโตของ พชื จึงต้องมกี ารให้ธาตุอาหารในรปู ของปุ๋ยกับพืชอย่างเหมาะสม -ม 1/16 เลือกวิธีการขยาย -มนุษย์สามารถนาความรเู้ ร่ืองการสืบ พันธพ์ ืชให้เหมาะสมกับความ พนั ธแ์ บบอาศยั เพศและไม่อาศยั เพศ ต้องการของมนษุ ย์ โดยใช้ มาใช้ในการขยายพันธ์เพอื่ เพ่ิม ความร้เู กยี่ วกับการสบื พนั ธุ์ของ จานวนพืช เชน่ การใช้เมลด็ ท่ไี ด้จาก พืช การสืบพันธแ์ บบอาศัยเพศมา
ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง เวลา นา้ หนกั ชวั่ โมง คะแนน -ม 1/17 อธิบายความสาคญั เพาะเลย้ี ง วธิ กี ารนจ้ี าได้พืชใน ของเทคโนโลยี การเพาะเลี้ยง ปริมาณมาก แต่อาจมีลกั ษณะ เนอ้ื เย่ือในการใช้ประโยชน์ด้าน แตกต่างไปจากพ่อแม่ ส่วนการตอน ตา่ งๆ ก่ิง การปักชา การต่อกงิ่ การตดิ ตา การทาบกิง่ การเพาะเลย้ี ง เน้อื เย่อื -ม 1/18 ตระหนกั ถงึ ประโยชน์ เป็นการนาความรูเ้ ร่ืองการสบื พันธ์ ของการขยายพนั ธพุ์ ืชโดยการ แบบไม่อาศัยเพศของพชื มาใชข้ ยาย นาความรไู้ ปใช้ในชีวิตประจาวนั พันธ์ เพ่ือให้ได้พืชท่ีมลี ักษณะเหมอื น ตน้ เดิม ซึ่งการขยายพันธ์แต่ละวิธีมี ขนึ้ ตอนแตกต่างกัน จึงควรเลือกให้ เหมาะสมกบั ความต้องการของ มนษุ ย์ โดยตอ้ งคานึงถึงชนดิ ของพชื และลักษณะการสืบพนั ธข์ องพืช -เทคโนโลยกี ารเพาะเลี้ยงเนอ้ื เยอื่ พืช เปน็ การนาความรเู้ กี่ยวกบั ปัจจัยท่ี จาเป็นต่อการเจริญเตบิ โตของพืชมา ใช้ในการเพ่ิมจานวนพืช และทาให้ พืชสามารถเจริญเตบิ โตไดใ้ นหลอด ทดลอง ซงึ่ จะได้พชื จานวนมากใน ระยะเวลาอันสน้ั และสามารถนา เทคโนโลยีการเพาะเลย้ี งเน้ือเย่อื มา ประยกุ ต์ เพื่อการอนรุ ักษ์พันธุกรรม พืช ปรบั ปรุงพนั ธุ์พืชที่มคี วามสาคัญ ทางเศรษฐกจิ การผลิตยาและ สาระสาคญั ในพชื และอ่ืนๆ รวม 60 60 ระหวา่ งภาค 70 20 ปลายภาค 30 20 รวมทัง้ สัน้ 60 100
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: