ทำเนยี บแหลง่ เรยี นรู้ และภูมิปัญญำท้องถนิ่ ประจำเดือน เมษำยน 2563 รวบรวมโดย กศน.อำเภอศรบี ญุ เรอื ง
คำนำ ทำเนยี บแหล่งเรยี นรู้ เล่มน้ี ไดร้ วบรวมแหลง่ เรยี นรดู้ ำ้ นต่ำง ๆ ทง้ั 9 ด้ำน ประจำเดือน เมษำยน 2563 เพื่อเก็บรวบรวมเปน็ ข้อมูลพ้ืนฐำนด้ำนแหล่งเรียนรู้ประจำอำเภอศรีบุญเรือง หำกผดิ พลำดประกำรใด ขออภยั มำ ณ ที่นี้ด้วย กศน.อำเภอศรบี ุญเรือง เมษำยน 2563
สำรบัญ แหลง่ เรยี นรตู้ ำบล หน้ำ เมอื งใหม่ 1 โนนมว่ ง 5 โนนสะอำด 9 กดุ สะเทียน 12 ทรำยทอง 15 นำกอก 22 ยำงหลอ่ 26 ศรบี ุญเรือง 29 หนองแก 32 หนองบัวใต้ 35 หันนำงำม 38 หนองกุงแกว้ 41
1 ตำบลเมอื งใหม่ ประวตั ิและผลงำนครูภูมิปญั ญำทอ้ งถ่ินจังหวดั หนองบัวลำภู ดำ้ น...หมอดิน / ศนู ยเ์ รียนรู้เศรษฐกจิ พอเพียง สำขำ...ปรำชญ์ชำวบ้ำนด้ำนหมอดนิ นายทวี กวา้ งขวาง
2
3 ประวตั ิประวัติและผลงำนครูภูมปิ ัญญำท้องถ่นิ จงั หวดั หนองบัวลำภู ด้ำน... หมอดนิ / ศูนยเ์ รียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง สำขำ... ปรำชญช์ ำวบำ้ นด้ำนหมอดนิ 1. ประวัตแิ ละผลงำน ไร่สวนผสม...ไรผ่ กั และไม้ดอกปลอดสำรพษิ ผลงำนทโี่ ดดเด่นของนำยทวี กว้ำงขวำง มีควำม โดดเด่นเพรำะเปน็ คนแรกของจังหวดั หนองบวั ลำภู ทเ่ี ป็นเกษตรกรปลูกผกั และไม้ดอกไมป้ ระดบั รำยใหญ่ของ อำเภอศรีบุญเรือง ที่ร่วมมือกับสำนักงำนเกษตร มีกำรพัฒนำเพอื่ ใหเ้ หมำะสมกับสภำพพ้นื ดินหรอื บรบิ ทของ ชมุ ชนและควำมต้องกำรของตลำด มกี ำรสร้ำงงำน สรำ้ งอำชีพที่มั่นคงใหก้ บั ชมุ ชน และสรำ้ งชื่อเสียงให้กับ กลุม่ ปลกู พชื เศรษฐกจิ ท่มี กี ำรร่วมมอื กันในหมู่บ้ำนชมพทู อง ตำบลเมอื งใหม่ ของอำเภอศรบี ุญเรือง 2. องค์ควำมรู้และควำมเชย่ี วชำญ ตลอดเวลำ 8 ปี ท่ผี ่ำนมำ นำยทวี กว้ำงขวำง มคี วำมรคู้ วำมชำนำญดำ้ นกำรปลูกพืช เศรษฐกิจทุกประเภทเป็นอย่ำงดี มกี ำรพฒั นำสำยพนั ธ์ตลอดเวลำและเผยแพร่แลกเปล่ียนเรียนรูด้ ำ้ นกำร ปลูกผกั และไมด้ อกไม้ประดับและปลกู พชื เศรษฐกจิ กบั ทุกกลุ่ม ทกุ ชมุ ชนเพื่อนำเอำควำมรู้ที่ได้มำปรบั เปล่ยี น หรอื พัฒนำให้มคี วำมเหมำะสมกับบริบทและควำมนยิ มต่ำงๆตลอดเวลำ 3. กำรถำ่ ยทอดควำมรแู้ ละควำมเชีย่ วชำญ ทีผ่ ่ำนมำ นำยทวี กวำ้ งขวำง มคี วำมรคู้ วำมชำนำญด้ำนกำรปลกู พืชเศรษฐกิจทสี่ รำ้ งรำยได้ แกค่ รอบครัวและชมุ ชนเป็นอย่ำงดี มกี ำรพัฒนำสำยพนั ธต์ุ ลอดเวลำและเผยแพร่แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ดำ้ นกำร พฒั นำสำยพนั ธขุ์ องพืชตำ่ งๆกับทกุ กลุม่ ทุกชุมชนเพื่อนำเอำควำมรทู้ ไี่ ดม้ ำปรบั เปลี่ยนหรือพัฒนำให้มคี วำม เหมำะสมกับบริบทและควำมนยิ มตำ่ งๆตลอดเวลำ 4. ลักษณะของเครือขำ่ ยและกำรสร้ำงเครอื ข่ำย มกี ำรแลกเปลี่ยนเรยี นรู้กับทุกองค์กร ทกุ ชุมชน เพ่ือสรำ้ งควำมเชือ่ ถอื กับเครือข่ำยหรอื ลูกคำ้ เปดิ โอกำสใหท้ ุกภำคเี ครือข่ำยแลกเปลย่ี นควำมร้เู พ่อื พฒั นำสำยพนั ธใุ์ หท้ นั สมัยและเหมำะสมกับควำมต้องกำร ของลกู คำ้ เช่นพัฒนำกำรปลกู พชื อนื่ ลงในชอ่ งวำ่ งระหวำ่ งแถว ในรูปแบบของไร่สวนผสม และมีกำรเล้ียงสตั ว์ เศรษฐกิจเชน่ เลย้ี ง วัว ไก่ เป็ด และ หมู ทม่ี ีกำรประกนั คณุ ภำพและรำคำ และมีกำรพฒั นำเปน็ แหลง่ เรียนรู้ สำหรบั ผู้สนใจในกำรศกึ ษำดงู ำนดว้ ย 5. ผลงำนท่ีเป็นประโยชน์ต่อชมุ ชนและสังคม สรำ้ งรำยได้ ลดรำยจ่ำยและใชเ้ วลำวำ่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์ เปดิ โอกำสให้คนในชมุ ชนมำรวมกลุ่ม กันเพื่อสรำ้ งจดุ แข็งใหก้ ับกับชุมชน มีเอกลกั ษณ์ที่โดดเด่นทำให้เปน็ ทส่ี นใจกับชมุ ชนอนื่ ๆเพ่อื นำเป็นแบบอยำ่ ง เปน็ ทีส่ นใจและพูดถึงในด้ำนกำรปลกู พืชเศรษฐกจิ แบบไร่สวนผสม ทเี่ หมำะสมกับควำมต้องกำรของตลำดใน ปจั จุบนั และอนำคต
4 6. รำงวลั หรือเกยี รติคุณทไ่ี ด้รับ - รำงวลั เกษตรกรดีเด่นดำ้ นพืชเศรษฐกจิ ใหม่ ระดบั ดเี ดน่ ของจงั หวดั หนองบวั ลำภู - รำงวลั ดเี ดน่ ปรำชญช์ ำวบ้ำนดำ้ นหมอดินและปยุ๋ อินทรีย์ของอำเภอศรบี ุญเรือง
5 ตำบลโนนมว่ ง ประวัตแิ ละผลงำนครูภูมิปัญญำทอ้ งถิ่นจังหวดั หนองบัวลำภู ด้ำนอุตสำหกรรมและหัตถกรรม สำขำคลังปญั ญำ รูปภำพ นำยทองแสง สีถำพล
6 * หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รูปขึ้นไป รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ
7 นำยทองแสง สถี ำพล ประวัติและผลงำนครภู ูมิปัญญำทอ้ งถ่ินจังหวดั หนองบัวลำภู ด้ำนคลังปัญญำ สำขำคลงั ปญั ญำอุตสำหกรรมและหัตถกรรม 1. ประวตั ิและผลงำน ที่อยู่นำยทองแสง สีถำพล เกิดวันท่ี 15 ต.ค.2489 ท่ีอยู่ 125 หมู่ท่ี 4 บ้ำนโนนสงวน ตำบลโนนม่วง อำเภอศรบี ญุ เรอื ง จังหวัดหนองบัวลำภู ควำมเปน็ มำ จำกวิถีชีวิตควำมเป็นอยู่ ของประชำชนทำงภำคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีค่ำนิยมในกำร รับประทำนข้ำวเหนียวเป็นอำหำรหลัก ทำให้มีนักคิดค้น และประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันขึ้น ด้วยกำรนำเอำวัสดุที่มีอยู่ตำมธรรมชำติ ท่ีหำง่ำยและใช้ภูมิปัญญำ ที่แฝงด้วยศิลปะแขนงหนึ่ง เช่นศิลปะเช่น ศิลปะกำรจักสำน กำรถักทอ เป็นต้น ในกำรประดิษฐ์เครื่องมือต่ำง ๆ กำรสำนกระติบข้ำว เป็นกำรสืบทอดมำ จำกบรรพบุรุษจนถึงปัจจุบัน ซ่ึงถือว่ำเป็นหัตถกรรม ให้รำยได้ให้กับครอบครัว อีกท้ังยังเป็นกำรสืบสำนภูมิ ปัญญำทอ้ งถ่นิ และถ่ำยทอดควำมรูใ้ หก้ ับลูกหลำนและชมุ ชน โดยพ่อทองแสง ได้เร่ิมกำรสำนกระติ๊บข้ำวจำกผู้เป็นญำติคือคุณพ่อทองมำ โดยได้เร่ิมฝึกกำรสำน กระต๊ิบ ต้ังแต่อำยุ 13 ปี ทีบ้ำนเกิดของตนในจังหวัดกำฬสินธ์ จนได้เรียนรู้กำรสำนด้วยตนเองและคิดค้น ประดิษฐ์ตัวอักษรลงไปในกระติ๊บและเครื่องจักสำนท่ีใช้เป็นภำชนะ เช่น กระจำด ฝำชี กระติบข้ำว กระด้ง เพื่อใหเ้ กิดควำมสวยงำมและเป็นของทีร่ ะลึก เพอื่ เพิ่มมูลคำ่ ผลิตภณั ฑ์ 2. องคค์ วำมร้แู ละควำมเช่ยี วชำญ กำรถ่ำยทอดควำมรู้ เน้นกำรถ่ำยทอดควำมรู้โดยตรงจำกผู้ถ่ำยทอดสู่ผู้รับกำรถ่ำยทอด ในอดีต จะถ่ำยทอดให้กับบุคคลในครอบครัว แตใ่ นปัจจบุ ันจะถำ่ ยทอดควำมรู้ให้กับสมำชิกหรือบุคคลท่ัวไปที่สนใจโดย จะมีกำรผสมผสำนกนั ท้ังวธิ ีกำรสำธิตและกำรให้ลงมือปฏิบัติจริง เป็นวิธีท่ีดีที่สุดท่ีจะทำให้ผู้เรียนสำมำรถสำน ได้ ผู้เรียนจะต้องสังเกตจนเกิดควำมเข้ำใจและจดจำขั้นตอนต่ำงๆ ของกำรสำนกระติ๊บข้ำว ผู้สอนจะอธิบำย ข้ันตอนและเทคนิควิธีกำรสำนกระต๊ิบข้ำวในระหว่ำงกำรสำธิต จำกน้ันจึงให้ผู้เรียนหรือผู้รับกำรถ่ำยทอดฝึก ปฏิบตั กิ ำรสำนทุกข้นั ตอนวิธีกำรถำ่ ยทอดควำมรกู้ ำรสำนกระต๊ิบข้ำวท่ีได้ผลดีที่สุด ส่วนใหญ่จะสอนแบบตัวต่อ ตวั หรือสอนเป็นรำยคน ซงึ่ เป็นวิธสี อนแบบด้ังเดมิ 3. กำรถ่ำยทอดควำมรูแ้ ละควำมเชย่ี วชำญ กำรนำควำมรู้ไปใช้ กำรสำนกระติ๊บมำเป็นอำชีพเสริม ควำมรู้ท่ีนำไปประยุกต์ใช้ มำจำกกำร กำหนดควำมรแู้ ละกำรแสวงหำควำมรู้จำกแหล่งต่ำง ๆ ได้แก่ ควำมรู้ภูมิปัญญำที่ได้รับกำรถ่ำยทอดจำกบรรพ บุรุษ ควำมรจู้ ำกประสบกำรณ์ทผี่ ู้จักสำนได้ลงมือปฏบิ ตั ิมำอยำ่ งยำวนำนจนเกิดทักษะ ควำมรู้ทีได้รับจำกแหล่ง ควำมร้ตู ่ำงๆ และเทคนคิ ใหมๆ่ ควำมรทู้ ไี่ ด้รับจำกกำรแลกเปล่ียนเรียนรู้ รวมทั้งควำมรู้ของผู้จักสำนควำมรู้เดิม ผสมผสำนกับควำมร้ใู หม่ให้เกิดลำยใหมๆ่ และกำรประดิษฐต์ วั อกั ษรลงบนกระติ๊บขำ้ ว
8 4. ลกั ษณะของเครือขำ่ ยและกำรสร้ำงเครือข่ำย กำรถำ่ ยทอดกระบวนกำรสำนกระต๊ิบข้ำวทั้งสองวิธีดังกล่ำวเป็นกำรถ่ำยทอดโดยตรง และใช้วิธี เดียวกันในกำรถ่ำยทอดให้ผู้เรียนเทคนิคสำคัญของวิธีกำรถ่ำยทอดควำมรู้กำรสำนกระติ๊บข้ำว ที่ได้ผลดีที่สุด ส่วนใหญ่จะสอนแบบตวั ตอ่ ตวั หรือสอนเปน็ รำยคน ซง่ึ เปน็ วธิ ีสอนแบบดงั้ เดมิ 5. ผลงำนที่เปน็ ประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและสังคม กจิ กรรมจดุ เรียนรูประจำตำบล 6. รำงวลั หรือเกยี รติคณุ ท่ไี ด้รบั เป็นวิทยำกรด้ำนกำรสำนกระติ๊บขำ้ วประจำหมู่บ้ำน /ผ้ผู ลติ และสง่ เสริมผลติ ภัณฑ์ของชุมชน อำเภอศรบี ุญเรอื ง
9 ตำบลโนนสะอำด ประวัติและผลงำนครภู มู ปิ ัญญำทอ้ งถิน่ จังหวดั หนองบัวลำภู ดำ้ นทอผำ้ พ้ืนเมือง สำขำศิลปะหัตถกรรม นำงบสุ ดี ผลำนสิ งค์
10
11 ประวตั แิ ละผลงำนครูภมู ิปัญญำทอ้ งถ่นิ ต.โนนสะอำด อ.ศรบี ญุ เรอื ง จงั หวดั หนองบัวลำภู ดำ้ นทอผำ้ พ้ืนเมอื ง สำขำศิลปะหตั ถกรรม 1. ประวตั ิและผลงำน นำงบุสดี ผลำนิสงค์ อยู่บำ้ นเลขท่ี 12 ม.13 บ้ำนโนนนำใหม่ ตำบลโนนสะอำด อำเภอศรีบุญเรือง จงั หวัดหนองบัวลำภู ทอผ้ำตั้งแต่ ยงั สำวไดร้ บั กำรถ่ำยทอดมำจำกรนุ่ แม่ จนถงึ ปจั จุบัน ได้เปิดกล่มุ สร้ำงอำชีพกบั คนในชุมชน และทำยงั ทำอยู่ 2. องค์ควำมรูแ้ ละควำมเชีย่ วชำญ กำรทอผ้ำพืน้ เมือง ไดแ้ ก่ ผ้ำลำยนำ้ ไหล ผ้ำขำวมำ้ 3. กำรถ่ำยทอดควำมรู้และควำมเช่ยี วชำญ ถ่ำยทอดควำมรใู้ ห้กับชำวบ้ำนในชุมชน 4. ลักษณะของเครือขำ่ ยและกำรสร้ำงเครือข่ำย เครอื ข่ำยเทศบำลตำบลโนนสะอำด กศน. พฒั นำชมุ ชน 5. ผลงำนท่เี ป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม กำรใหค้ วำมร้ดู ้ำนกำรทอผำ้ กับคนในชมุ ชน 6. รำงวัลหรอื เกยี รตคิ ุณท่ไี ด้รบั ไดร้ ับ 4 ดำวจำกศูนย์ OTOP จำกจังหวดั หนองบวั ลำภู
12 ตำบลกดุ สะเทียน ประวัตแิ ละผลงำนครูภมู ปิ ญั ญำทอ้ งถ่ินจงั หวดั หนองบัวลำภู ดำ้ นกรรมกรรม สำขำปลูกพืชผสม นำยออ๊ ต เคนนนั ท์
13 ชอื่ – สกลุ : นำยอ๊อต เคนนนั ท์ อำยุ : 52 ปี จบกำรศึกษำ : ประถมศกึ ษำ ประวัตกิ ำรทำงำน : เจ้ำหนำ้ ท่ีกรมกำรปกครอง
14 นำยออ๊ ต เคนนันท์ ประวัติและผลงำนครูภมู ปิ ญั ญำทอ้ งถ่นิ จงั หวดั หนองบัวลำภู 1. ประวตั แิ ละผลงำน ชื่อ – สกลุ : นำยอ๊อต เคนนนั ท์ อำยุ : 52 ปี จบกำรศกึ ษำ : ประถมศกึ ษำ ประวัตกิ ำรทำงำน : เจ้ำหนำ้ ท่กี รมกำรปกครอง เปน็ วทิ ยำกรถำ่ ยทอดควำมร้กู ำรปลกู พืชผสมผสำนบำ้ นคลองเจรญิ ต.กดุ สะเทยี นจ. หนองบัวลำภู 2. องคค์ วำมรู้และควำมเชี่ยวชำญ มีควำมรดู้ ้ำนกำรปลูกพืชผสมผสำน 3. กำรถ่ำยทอดควำมรูแ้ ละควำมเชย่ี วชำญ ถ่ำยทอดควำมรไู้ ดใ้ นตำบลและพื้นทีใ่ กล้เคยี ง 4. ลกั ษณะของเครอื ข่ำยและกำรสร้ำงเครือขำ่ ย เปน็ แหล่งเรียนรู้ในพืน้ ท่ตี ำบลกดุ สะเทียนทไ่ี ด้รับผดิ ชอบ 5. ผลงำนทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ ่อชุมชนและสังคม ให้ควำมรู้ในเรื่องกำรปลูกพืชผสมผสำน 6.รำงวลั หรอื เกียรตคิ ุณที่ได้รับ ไม่มี
15 ตำบลทรำยทอง ประวัตแิ ละผลงำนครูภมู ิปญั ญำทอ้ งถน่ิ จังหวดั หนองบัวลำภู ดำ้ นกำรทอผ้ำลำยพ้ืนเมือง สำขำดำ้ นอตุ สำหกรรมและหัตถกรรม นำงรำนูล ผำแดง
16 * หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รปู ขึ้นไป รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ พ
17 นำงรำนลู ผำแดง ประวตั ิประวัติและผลงำนครภู มู ปิ ญั ญำท้องถิน่ จังหวัดหนองบัวลำภู ดำ้ นกำรทอผำ้ ลำยพืน้ เมือง สำขำด้ำนอุตสำหกรรมและหัตถกรรม 1. ประวัติและผลงำน นำงรำนลู ผำแดง อำศยั อยู่บำ้ นเลขที่ 239 หมูท่ ี่ 7 ถนน ตำบลทรำยทอง อำเภอศรบี ุญเรอื ง จังหวดั หนองบวั ลำภู จบกำศึกษำระดบั มัธยมศึกษำตอนปลำย ปจั จบุ นั ดำรงตำแหน่งหัวหนำ้ กลมุ่ วสิ ำหกจิ ชุมชนกล่มุ ทอผ้ำบำ้ นทรำยมูล 2. องคค์ วำมร้แู ละควำมเช่ยี วชำญ นางรานูล ผาแดง หัวหนา้ กลุม่ วิสาหกิจชมุ ชนกลุ่มทอผ้าบ้านทรายมูล วัย ๖๐ ปี บอกว่า เริ่มต้นทอผา้ ต้ังแต่ เด็ก โดยมีแมแ่ ละยายเป็นผูถ้ า่ ยทอดความรู้ จนส่งั สมประสบการณ์ ไดร้ ับการยอมรบั จาก ชาวบา้ นว่ามีฝีมอื ใน การทอผ้าไดป้ ระณีตและสวยงาม โดยใชเ้ วลาวา่ งหลังจากทานามาทอผา้ ไวใ้ ชใ้ นครวั เรือน การทอผ้าฝ้ายนนั้ ต้องใช้เวลาตอ้ งมีความละเอียดตอนหลังผ้าทท่ี อนั้นบางครง้ั นาไปขายมรี ายได้ไว้ใชจ้ า่ ยใน ครอบครัว 3. กำรถ่ำยทอดควำมรแู้ ละควำมเชี่ยวชำญ การทอผ้า การทอผา้ นั้นตอ้ งอาศยั ฝมี อื และความรคู้ วามชานาญของผู้ทอเป็นอยา่ งมาก เป็นงานศิลปะทม่ี ี อยู่เพยี งชิ้นเดยี ว ในโลก เพราะแต่ละคนท่ที าแต่ละขนั้ ตอน จะมคี วามแตกต่างกนั สีไมเ่ หมือนกนั นอกจากนนั้ แล้ความสามารถ ในการทอ การสอดกระสวย ความแรงในการตกี ระทบหรือการฟดั ทาให้ได้สีเข้มอ่อนตา่ งกนั การเรยี งเส้นดา้ ย ให้ตรงลายจะแสดงถึงความคมชดั และความชานาญของผทู้ อแต่ละคน อากาศ อณุ หภูมิ หรือ แมแ้ ต่อารมณ์ ความรสู้ กึ ของผู้ทอ สงิ่ เหล่าน้มี ีผลกบั ความสวยงามของผา้ ผนื นน้ั ๆ จึงทา ใหผ้ า้ ทอมือแตล่ ะผืน ที่ทอ มี เอกลักษณ์เป็นของตัวเองและมเี พยี งผนื เดียวในโลกเทา่ นัน้ ชาวบา้ นโนนอดุ มใช้ กพ่ี ้ืนบา้ น เป็นเครอ่ื งมือสาหรบั การทอผา้ ไหมและผา้ ฝ้าย เพราะในระหว่าง ทอจะต้องมกี ารเรยี งจับลายของเส้นพุ่งอยู่ตลอดเวลา นางรานูล ผาแดง ไดก้ ล่าวถึงอปุ กรณส์ าหรับทอผ้าไว้ โดยมรี ายละเอยี ดดังน้ี ๑.โครงหูกหรอื โครงกี่ ประกอบด้วยเสา ๔ ต้น มีรางหูกหรอื รางก่ี ๔ ดา้ น ทงั้ ดา้ นบนและ ด้านลา่ ง เสาแตล่ ะดา้ ยมีไม้ยดึ ติดกนั เปน็ แบบด้ังเดิมทน่ี ยิ มใช้กันมาตง้ั แต่อดตี ถงึ ปัจจุบนั ๒.ฟมื หรือ ฟนั หวี มฟี นั เปน็ ช่ี คลา้ ยหีว ใชส้ าหรับสอดเส้นดา้ ยยนื เพ่ือจัดเสน้ ดา้ ยให้อยูห่ ่างกัน และ ใช้กระทบดา้ ยเสน้ พ่งุ ให้สานขดั กับดา้ ยเสน้ ยืนทอี่ ักแน่นเปน็ เนอ้ื ผ้า ฟันฟืมอาจจะทาดว้ ยไม้ หรอื เหลก็ หรอื สแตนเลสก็ได้ มหี ลายขนาด ข้นึ กับว่าผู้ใช้จะต้องการผา้ กว้างขนาดเท่าใด เช่น ฟืมอาจะมี ๓๕ –๕๐ หลบ หรอื มากกว่านี้ แตล่ ะหลบมี ๔๐ ช่องฟัน แต่ละซ่องจะสอดเสน้ ไหมยืน ๒ เส้น ดังนั้นการทอผ้าคร้ังหน่งึ ๆ อา จะใช้เส้นดา้ ยยืนประมาณ ๒,๘๐๐ - ๔,๐๐๐ เส้น ชาวบ้านโนนอดุ มจะนยิ มใช้ฟมื ๕๐ หรือ ๖๐
18 ๓.เขาหูก หรอื ตะกอ คือ เชือกทาดว้ ยด้ายไนลอนที่ร้อยคล้องไหมยนื เพ่ือแบ่งเสน้ ด้ายเป็น หมวดหมู่ ตามท่ตี ้องการเมื่อยกเขาหูกหรือตะกอขน้ึ ก็จะดึงเส้นดา้ ยยืนเปดิ เป็นช่อง สามารถพงุ่ กระสวยเข้าไป ใหเ้ ส้นดา้ ย พงุ่ สานขดั กบั เสน้ ดา้ ยยืนได้ เวลาสอดเส้นด้ายยืนต้องสอดสลับกนั ไปเส้นหนงึ่ เวน้ เส้นหนงึ่ และมี เชอื กผูกเขาหูก แขวนไวก้ ับโครงกด่ี ้านบนสามารถเล่ือนไปมาได้ ส่วนดา้ นล่างผกู เชอื กติดกบั คานเหยียบ เม่ือ ต้องการดึงแยก เส้นด้ายใหเ้ ป็นช่องจะใช้เทา้ เหยียบท่ีคานเหยียบทาใหเ้ ขาหูกเลื่อนขึ้น-ลง เกิดเปน็ ชอ่ ง สาหรบั ใส่เส้นดา้ ยพ่งุ หากต้องการทอผา้ เป็นลวดลายที่งดงาม จะต้องใชต้ ะกอและคานเหยียบจานวนหลายอัน วธิ ีการเก็บตะกอหรือ เก็บเขาจะแตกต่างกนั ไปตามลักษณะของผา้ และลวดลายของผ้าท่ีจะทา การทอผา้ ของ ชาวบา้ นโนนอุดมสว่ น ใหญจ่ ะใช้แบบ ๒ ตะกอ ๔.ไมห้ น้าหกู คือ ไม้ท่อี ยูส่ ่วนหน้าสุดของหูก สาหรบั ผกู ขงึ ลูกตงุ้ ทาดว้ ยไมไ้ ผท่ ้ังลา ๕.ไม้รางหูก คือ ไม้ท่ีพาดขวางโครงหกู ส่วนบนทาดว้ ยไม้ไผท่ ้ังลามี ๓ -๔ ทอ่ น ใช้สาหรับผกู แขวน ลกู ตุ้ง ไม้ขา้ งเขา และฟืม ๖.กระดานม้วนหกู เป็นไม้กระดานทีใ่ ชส้ าหรบั มว้ นปลายด้านหนงึ่ ของเส้นด้ายยนื ซึ่งม้วนเกบ็ และ จดั เส้นยนื ให้เปน็ ระเบยี บ นอกจากนย้ี ังชว่ ยใหเ้ ส้นดา้ ยในหูกตงึ โดยที่ปลายอกี ด้านหนง่ึ ผกู ติดหรือพันไว้ กบั มว้ นผา้ ๗.ลูกตุง้ คอื ไมท้ ี่สอดดา้ งกระดานมว้ นหกู มี ๒ ลกู ทาดว้ ยไมเ้ นื้อแข็ง ส่วนหัวของลูกตงุ้ เจา้ สาหรับ แขวนไวก้ บั รางหกู และตอ้ งผูกยึดติดลูกตุง้ ไว้กบั ไมห้ น้าหูก เพื่อไม่ให้ลกู ตงุ้ แกว่งไปมา ๘.ไมค้ ้างเขาหรือไมค้ ้างตะกอ เปน็ ไม้ ๒ อนั สาหรบั แขวนเขาหูกหรอื ตะกอ ส่วนปลายทงั้ สอง ด้าน จะเจาะรผู ูกเชอื กแขวนไว้กบั ไม้ท่ีพาดขวางรางหกู ๙. คานแขวน เปน็ ไม้หาบหูก โดยสอดกับเชอื กทผ่ี ูกกบั เขาด้านบน เพอื่ ใหห้ ูกยดึ ตดิ กบั กี่ โดย ไม้ หาบหูกจะมีอันเด่ยี วไม่วา่ จะใช้ฟืมทมี่ ีเขา ๒ เขา ๓ เขา หรอื ๔ เขา ๑๐. ตีนฟืม หรอื ตนี เหยียบ หรือคานเหยียบ คือ ไม้ ๒ – ๔ อัน ขนึ้ กับจานวนเขาหรอื ตะกอ โดย ตีนเหยยี บนจี้ ะผูกเชือกเชอื่ มดยงกับเขาหูก เพื่อใช้สาหรับเหยียบดึงเขาหูก ๒ -๔ ตบั ใหร้ ้งั เส้นไหมยนื ข้ึน หรือ ลงสลบั กันและเปิดช่องว่างให้กระสวยพุง่ ผา่ น ตนี ฟืมจะมลี กั ษณะกลม ยาวประมาณ ๑.๕ – ๒ เมตร และ จะ วางขวางกับโครงหูก ๑๑.ไมม้ ว้ นผา้ หรอื ไม้พนั ผ้า หรอื ไม้้คา้ พัน คือ ไมท้ ่ีใช้ผกู ปลายด้านหนึ่งของไหมยนื ซ่ึงสอดผ่าน ฟนั หวีแล้วใช้ผ้าไหมที่ทอเปน็ เน้ือผา้ แล้ว โดยส่วนใหญ่ไม้ม้วนผ้าทาด้วยไม้เหลย่ี มยาวประมาณ ๑๒๐-๑๘๐ เซนติเมตร ๑๒.บ่าก่ี คอื ไมท้ ่ใี ชร้ องรบั ส่วนปลายสองด้านของไม้มว้ นผา้ มี ๒ หลกั แต่ละหลกั มีระยะห่างกัน ตาม ความกว้างของหูก ๑๓.ไมน้ ่ัง เป็นไม้กระดานท่ีใช้สาหรับนั่งทอผ้า ความยาวของไมน้ ง่ั เท่ากับความกวา้ งของโครง หูก ๑๔.ผงั เป็นไมท้ ีใ่ ชข้ งึ ไวต้ ามความกว้างของริมผา้ ที่ทอ เพ่อื ใหห้ น้าผ้าตึงพอดีกับฟืม ปลายทง้ั สอง ของ ผงั อาจเหลาแหลมเป็น ๒ แฉกหรอื เปน้ ทองเหลอื งที่มี ๒ แฉกสวมทัง้ สองข้าง
19 อปุ กรณใ์ นการมดั หมี่ ๑)ม้ามดั หม่ี ๒)แบบลายมัดหมี่ท่ีออกแบบและถอดแบบลงบนตารางกราฟแลว้ ๓)เชอื กฟาง ๔)กรรไกร ๕)เหล็กสอดมัดหมี่ ขน้ั ตอนในการมัดหมี่ ๑)นาปอยมดั หมี่มาขึงบนมา้ มัดหมี่ ๒)นาเชือกจากปอยมัดหมี่สอดเขา้ ไปในหลกั หม่ีขา้ งไดขา้ งหน่ึง ผูกกลมุ่ มัดหมไี่ ว้เป็นวง โดยระวัง ไมใ่ ห้หม่ี หลุดออกจากกนั และใช้เป็นหหู ิ้วจบั เพ่ือนาไปย้อมสีและจะถอดฝา้ ยมัดหมี่ออกเมอื่ นาไปทอ ๓)มดั หมดี่ ว้ ยเชอื กฟางจนครบหลกั หมี่ ตามลวดลายในแบบจากตารางกราฟจนถงึ เชงิ ผา้ โดย อาจจะมดั จากดา้ นบนลงล่างหรือมดั จากลา่ งขน้ึ ไปด้านบน หรืออาจจะเร่ิมจากตรงกลางก่อนแล้วจึงขยาย ออกไปให้เต็ม หลักหม่ีก็ได้ ๔)เริม่ ตน้ มดั ปลายเชือกกับลูกหมี่ แลว้ จึงพันปลายอีกข้างหนง่ึ ซอ้ นทับใหแ้ น่น เพื่อไมใ่ หส้ ียอ้ ม ซมึ เข้าข้อ หมี่เมอ่ื พนั ทับกนั ไปจนได้ความยาวตามแบบลายมดั หมแี่ ลว้ จงึ มดั ปลายเชือกกบั ลกู หม่ีให้แนน่ โดย เหลอื ปลาย เชือกไวเ้ พื่อใหส้ ามารถแก้เชอื กมดั ออกได้ง่าย ๕)มัดลูกหมใ่ี นแต่ละลาดว้ ยวิธีเดียวกนั ไปจนหมดตามแบบลายท่ีถอดลงในกระดาษกราฟ ๖)การที่ลายหมจ่ี ะเลก็ หรือใหญ่ ข้นึ กับการมัดลูกหม่ใี นแต่ละลาหม่ี หากมัดลกู หม่ีกว้างลายก็จะ ขยายใหญ่ หากมัดลูกหม่ีแคบลายก็จะเลก็ ลง ๗)เม่อื มดั ลายตามแบบในกระดาษกราฟเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ถอดปอยมัดหมอ่ี อกจากม้ามัดหม่ี และนาไป ย้อมสตี ามต้องการในขน้ั ตอ่ ไป อุปกรณ์การย้อมสี มีอปุ กรณ์ คือ เตา หม้อต้ม กะละมัง ทคี่ บี ผา้ และสีตามแบบที่ออกไว้ ข้ันตอนในการยอ้ มสีมัดหม่ี ๑.กาหนดสีของผนื ผา้ ท่ตี ้องการ ๒.กาหนดสีของลายตามลวดลายในแบบจากตารางกราฟว่าตอ้ งการสีอะไรบา้ ง ๓.เชือกฟางทมี่ ดั ลกู หมใ่ี นแตล่ ะลาหมี่ จะป้องกันไม่ให้สซี ึมเข้าไปในปอยไหมในจุดทมี่ ดั หาก ต้องการให้ ไหมบรเิ วณใดเปน็ สีใดเม่อื จะย้อมสนี ้ันกจ็ ะตอ้ งแกะเชอื กบรเิ วณท่ีต้องการออก เมือ่ ยอ้ มสีนัน้ แล้วก็ ตอ้ งมดั เชือก ฟางกลับคืนในจุดนนั้ เพ่ือกันไมใ่ ห้สีที่ไม่ต้องการซึมเข้าไปผสม ๔.ในการย้อมสีมัดหมี่จะต้องย้อมสอี ่อนก่อน แลว้ จึงย้อมสีเข้มภายหลัง เชน่ ตอ้ งการผา้ ลายสี เหลืองก็ ต้องนาไปยอ้ มสเี หลอื งก่อนแลว้ จึงนาไปย้อมสีอ่นื ๆ ท่มี ีความเขม้ ข้ึนที่ละลาดับ เพราะหากนาไปยอ้ มสี เขม้ ก่อน เช่น ยอ้ มสนี า้ เงนิ แล้วนามายอ้ มสเี หลืองกจ็ ะไม่ไดผ้ า้ สเี หลืองเพราะสีจะผสมกนั เป็นสเี ขียวตาม หลกั การผสมสี
20 ๕.เม่ือนาผา้ ไปย้อมสีอ่อน เช่น ยอ้ มสเี หลืองแล้ว หากต้องการใหบ้ ริเวณใดยงั คงเป็นสีเหลอื ง ก็ ตอ้ งนา เชือกฟางมัดกนั ลกู หมี่ในลามัดหมีบ่ รเิ วณสเี หลอื งไปตามลาดับสใี นแบบลายทถี่ อดลงในกระดาษกราฟ เมื่อเสร็จแล้วจึงนาไปย้อมสีเข้มตอ่ ไป วธิ กี ารยอ้ มสี ๑.ตัง้ นา้ ประมาณ ๒ ลิตร ต่อสเี หลอื ง ๑ ซอง ต่อมัดหม่ี ๑ ปอย ตม้ ให้เดือด ๒.นาปอยมดั หมี่ลงต้มนานประมาณ ๒๐–๓๐ นาที ๓.ขณะต้มต้องพลกิ หรือกลับปอยมัดหมี่ไปมาเพ่ือใหส้ ซี ึมเข้าไปในเส้นไหมอย่างท่วั ถงึ และต้อง ระวัง เชอื กทส่ี อดในช่วงหลกั หมีข่ า้ งใดขา้ งหน่งึ ที่ผกู กลุ่มมัดหมีเ่ ปน็ วงไวไ้ ม่ใหห้ มี่หลุดออกจากกัน โดยใช้เป็นหู ห้วิ สาหรับจับนาไปย้อมสี ๔.เมอ่ื ยอ้ มเรียบร้อยและทงิ้ ปอยมัดหมี่ไวจ้ นเย็นแล้ว นาใส่ภาชนะไปลา้ งจนน้าใสไมม่ ีสตี กผสม ในนา้ ๕.นาปอยมัดหมี่ข้นึ ผึง่ ลมทิ้งไว้ให้แหง้ จะได้เสน้ ไหมเป็นสเี หลอื งหมด ๖.นาไหมมดั หม่ีไปขงึ บนมา้ มัดหมแ่ี ลว้ ใช้เชอื กฟางมดั ลูกหม่ี ตามลายท่ถี อดลงในกระดาษกราฟ ใหเ้ สรจ็ เรียบร้อยเพื่อมัดเก็บลายใหเ้ ป็นสีเหลือง ๗.หลงั จากน้นั นาไปยอ้ มสนี ้าเงนิ ตอ่ ไป โดยใช้ข้นั ตอนเช่นเดียวกับ ๑ – ๕ ๘.เสร็จเรยี บรอ้ ยแลว้ จึงนาไปทอเป็นผืนผา้ ได้ตามต้องการ ข้ันตอนการทอผา้ คือ การเอาเส้นไหมมากกวา่ ๒ เส้นขึน้ ไปมาขัดสลับกัน ซ่ึงมวี ธิ กี ารทอเป็นขั้นๆ ดงั น้ี ๑.เม่อื เตรยี มเสน้ ไหมพุง่ และไสห้ กู เรยี บรอ้ ยแลว้ นาเอาเสน้ หกู อันใหม่สบื ต่อกับไส้หกู ทีค่ ้างอยใู่ น เขา หูกและร่องฟนั ฟืมเดมิ กางกี่หรอื หูกให้เรียบร้อย ๒.เอาหลอดไหมเข้าร่องกระสวย รอ้ ยดา้ ยจากหลอดผ่านรูเลก็ ๆ ขา้ งกระสวย หากเสน้ ไหมหมด จาก หลอดแรก ต้องเอาหลอดที่ ๒,๓...ตามลาดับหลอดท่รี ้อยไว้ บรรจุเข้ากระสวยและทอตามลาดบั ๓..คล้องเชือกจากเขาหูกอันหนง่ึ เข้ากับไม้คันเหยียบขา้ งใดขา้ งหนงึ่ และคล้องเชือกเขาหูกที่ เหลืออกี อนั เข้ากบั ไมค้ นั เหยียบอกี อนั เม่ือเหยยี บไมค้ นั เหยียบขา้ งหน่งึ ไส้หูกกางออกเปน็ ชอ่ งเน่อื งจากการดึง ของเขาหูก พุ่งกระสวยผา่ นชอ่ งวา่ งนัน้ แลว้ ดึงฟืมกระทบเส้นฝา้ ยทอ่ี อกมาจากกระสวยเข้าไปเกบ็ ไว้ เหยียบไม้ คันเหยยี บ อีกอัน พุ่งกระสวยผา่ นช่องวา่ ง กลับมาทางเดมิ ดึงฟมื กระทบเส้นฝา้ ยเข้าเก็บ เหยียบไม้คนั เหยียบ อีกอนั พุ่ง กระสวย ดึงฟืมกระทบ เหยียบไมค้ ันเหยียบ ทาสลบั กันไปเร่ือย ๆ จนได้ผนื ผ้าเกดิ ข้นึ ยากมากแล้ว จงึ พันผนื ผา้ ไวด้ ว้ ยไม้กาปั้น จากประสบการณ์การทอผ้า ในเวลา ๑ วัน จะทอผ้าไหมได้ประมาณ ๑ เมตร ถ้าอากาสดี ทอ้ งฟ้า มแี ดด จะทอผ้าได้สวยกวา่ วนั ที่ฝนตก อากาศข้ึน เพราะไหมจะเหนยี ว เส้นไหมไมต่ งึ ทอยาก จะเกิด การ ลองผดิ ลองถกู จนเกิดการชานาญ การที่พยายามคน้ หาภูมปิ ัญญาหรอื บุคคลในการมดั ยอ้ มและทอผา้ มา พัฒนาความรูใ้ ห้กบั บคุ คลทั่วไปเพอ่ื เผยแพร่ และพฒั นาลายผา้ ไหมมดั หมจ่ี นเกิดนวัตกรรมใหม่ เปน็ เอกลกั ษณ์เฉพาะตน ในปัจจุบนั
21 4. ลักษณะของเครือข่ำยและกำรสรำ้ งเครือขำ่ ย นางรานูล ผาแดง ได้รบั เกยี รตเิ ปน็ วิทยากรให้กับหลายหน่วยงาน เชน่ อบต.ทรายทอง กศน. ตาบลทรายทอง รพ.สต.บ้านทรายมลู พัฒนาชุมชน 5. ผลงำนทเี่ ป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม บคุ คลท่มี ภี ูมปิ ัญญาคือ นางรานลู ผาแดง ทอผา้ พ้ืนเมืองบา้ นทรายมูล หมู่ท่ี 7 ตาบลทราย ทอง อาเภอศรีบุญเรือง จงั หวัดหนองบวั ลาภู ผมู้ ีส่วนสาคญั ในการผลติ ลายพ้ืนบ้าน และได้รว่ มกจิ กรรม หนึ่ง ตาบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ และได้รบั การคัดสรรเปน็ ผลิตภณั ฑ์ OTOP ห้าดาว ประเภทผลติ ภณั ฑผ์ ้าไหมมดั หม่ี กลมุ่ หวงั เปน็ อย่างย่งิ วา่ ผ้าไหมมดั หม่ี จะเป็นอีกหนงึ่ ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมและผ้าฝา้ ยไทยท่ีอาจสรา้ งช่อื เสยี งให้แก่ อ อาเภอศรีบุญเรือง จงั หวดั หนองบัวลาภู และประเทศไทยดว้ ยในอนาคตอันใกลน้ ี้ 6. รำงวัลหรือเกยี รติคณุ ทีไ่ ด้รบั ๑.รางวลั ผา่ นมาตรฐานงานพฒั นาชุมชน ปี ๒๕๕๕ หนว่ ยงานสานักงานพัฒนาชมุ ชน จังหวัดหนองบวั ลาภู ๒.รางวลั ผู้มีสว่ นสาคญั ในการผลติ ผ้าไหมและไดร้ ่วมกจิ กรรมยอดหนงึ่ ตาบล หนึง่ ผลติ ภัณฑ์ และได้รบั การคดั สรรเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ประเภทผลิตภณั ฑ์อนรุ ักษล์ วดลายพนื้ บา้ น จากกรมการพฒั นา ชมุ ชน
22 ตำบลนำกอก ประวัตแิ ละผลงำนครูภมู ิปัญญำท้องถนิ่ จังหวัดหนองบัวลำภู ด้ำน.....เศรษฐกิจพอเพียง สำขำ....ด้ำนกำรเลี้ยงสตั ว์ . นำยสมยศ หมู่หมน่ื ศรี
23 * หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รปู ขึ้นไป พ
24 นำยสมยศ หม่หู ม่นื ศรี ประวตั ปิ ระวัตแิ ละผลงำนครูภมู ปิ ญั ญำท้องถ่นิ จังหวัดหนองบวั ลำภู ดำ้ นเศรษฐกจิ พอเพียง สำขำดำ้ นกำรเลย้ี งสตั ว์ 1. ประวตั แิ ละผลงำน เปน็ ปรำฃญช์ ำวบ้ำนโนนสำรำญ เป็นหมอดนิ ก่อนท่ีผมจะกลับมำช่วยครอบครวั ของผมอยำ่ งเตม็ ตวั ผมเปลย่ี นวิถีกำรทำเกษตรหลังจำกเรียนร้เู กษตรทฤษฎีใหม่วำ่ ดว้ ยเรื่องกำรแบ่งพืน้ ท่ีเปน็ 4 ส่วน มนี ำ้ มนี ำ มี พ้ืนที่ปลูกผัก และท่ีอยู่อำศยั ส่ิงท่พี ผมทำไม่ใชก่ ำรหยิบยกวิธีกำรทั้งหมดมำทำอย่ำงไม่ประมำณตน แต่ท่ำนดู บริบทที่สำคัญและทำไดจ้ รงิ ก่อน ซ่งึ ผมพบวำ่ น้ำมคี วำมสำคญั ในกำรทำเกษตร ถ้ำมถี นน มไี ฟฟ้ำ และอน่ื ๆ แต่ ไม่มีน้ำ ยังไงกท็ ำเกษตรไม่ได้ จึงขุดสระนำ้ ข้ึนมำ ซงึ่ ก็ตอ้ งใชเ้ งิน แต่ไม่มีใครยอมให้กู้ พอดผี มรจู้ ักกบั คนขดุ ดิน ขำยกเ็ ลยยกดิน 1 ไรใ่ หเ้ ขำแลกกบั หนองนำ้ ไว้ทำเกษตร พอมนี ำ้ กป็ ลูกพริก กะเพรำ มะเขือ มกี นิ แลว้ ยังมี รำยได้เขำ้ มำ 2. องค์ควำมรู้และควำมเชย่ี วชำญ เปน็ เร่ืองงำ่ ยมำกทใี่ ครจะเร่ิมทำเกษตรแบบมักงำ่ ย และเลีย้ งสตั วท์ ี่ใชบ้ ริโภคแบบตำมมีตำมเกดิ แล้ว นัง่ หวังกับฟำ้ กบั ฝนวำ่ จะได้ผลผลติ ท่ีดี “กม็ ีคนมำเสนอขำยปุ๋ยถึงทนี่ ีเ่ หมอื นกนั นะ ยำฆ่ำแมลงก็เยอะ เวลำพูดเร่ืองเกษตรอินทรีย์ทุกคนจะนกึ ถึงกำร ปลกู พืชผลไมโ้ ดยไม่ใชส้ ำรเคมี ยำฆ่ำแมลง มขี ้อจำกัดมำกมำยเต็มไปหมด เกษตรกรจึงไม่ค่อยอยำกทำ แต่ใน ควำมเขำ้ ใจของเรำ เกษตรอนิ ทรียค์ ือกำรปลูกไวก้ ิน ไวแ้ บง่ ปันคนอน่ื เม่ือนิยำมคนละแบบวิธกี ำรก็คนละแบบ เลย เรำจะคิดถงึ ควำมปลอดภัยและกำรปลอดสำรกบั ทุกเรื่อง ซึ่งหำกเอำตวั เลขผลกำไรจำกผลิตภณั ฑเ์ กษตร อนิ ทรีย์มำเป็นแรงจงู ใจให้ทำเกษตรอินทรยี ์ เมื่อไม่เปน็ ตำมทค่ี ำดหวงั เกษตรกรกร็ ู้สึกล้มเหลว 3. กำรถ่ำยทอดควำมรแู้ ละควำมเชีย่ วชำญ ที่มำของชดุ ควำมคิดนี้มำจำกกำรปฏิบตั ิจรงิ ในบำ้ นของเขำ ซ่งึ ตอนแรกอำจจะเรมิ่ จำกไม่มีเงนิ แต่ แทนท่จี ะหำแต่รำยได้เขำต้องรู้จกั กำรลดรำยจ่ำย มีวิธกี ำรและองคค์ วำมรู้มำกมำยเพียงเลือกใชใ้ หเ้ หมำะสมกบั ภมู ิศำสตรแ์ ละสังคมของตวั เอง ขอยกตวั อยำ่ งในพนื้ ท่ีแปลงผักทบ่ี ุญล้อมเล่ำว่ำเขำไมม่ ีเงินซื้อผ้ำมำคลุม จึงเลือกปลูกกล้วยให้ใบโต พรำงแสง เขำบอกว่ำ ปลูกกล้วยไดท้ ั้งเครือ ได้ท้งั หน่อ ก้ำนกล้วยก็ใช้เป็นทคี่ ้ำผักให้เครือของบวบ ถั่ว และ ตำลึง พนั ก้ำนขนึ้ ไป ปกตเิ กษตรกรนิยมใชต้ ำข่ำยหรือไมล้ อ้ มซึ่งใช้ได้หนเดียวกต็ ้องทิง้ แต่ก้ำนกลว้ ยทหี่ มด อำยขุ ัย เมื่อวำงลงไปในดิน รำดด้วยนำ้ หมกั เข้มขน้ กลบด้วยดนิ ทิ้งไว้ 2 สัปดำหแ์ ล้วสับใหก้ ลำยเป็นปุ๋ย ก้ำน เหลำ่ นั้นจะยอ่ ยสลำย ดนิ ก็ได้ธำตุอำหำรเพิ่มข้ึน ไม่ต้องย้ำยท่ีปลกู เพรำะเรำร้จู ักปรุงดินใหด้ ี 4. ลักษณะของเครอื ข่ำยและกำรสร้ำงเครือข่ำย กำรให้ผลผลิตทุกๆอยำ่ งในบ้ำนของเรำกับทุกๆหนว่ ยงำนท่ีมำเยี่ยมชอบและแลกเปลีย่ นองค์ควำมรู้
25 5. ผลงำนทเี่ ป็นประโยชนต์ ่อชุมชนและสังคม นน้ั กค็ อื กำรไปบรรยำยรว่ มเป็นวิทยำกรให้กับชมุ ชนในตำบลนำกอกและหนว่ ยงำนท่ีไดร้ ับเชิญให้ ควำมรู้ 6. รำงวัลหรอื เกียรติคณุ ทไ่ี ด้รับ เกษตรกรดเี ดน่ ด้ำนกำรเลี้ยงสัตวต์ ำบลนำกอก
26 ตำบลยำงหลอ่ ประวัติและผลงำนครภู ูมิปัญญำท้องถ่ินจงั หวดั หนองบัวลำภู ด้ำน.....หัตถกรรม สำขำ....เครอ่ื งมอื เคร่ืองใชพ้ ื้นบำ้ น นำยผล ศรอี ำกำศ
27 * หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รปู ข้นึ ไป
28 ประวัตแิ ละผลงำนครภู มู ิปญั ญำท้องถ่นิ จงั หวัดหนองบัวลำภู ด้ำน.....หตั ถกรรม สำขำ....เครื่องมอื เครือ่ งใชพ้ ื้นบ้ำน 1. ประวัตแิ ละผลงำน เปน็ ปรำฃญ์ชำวบำ้ นปำ่ คำ 130 ม.2 ต.ยำงหล่อ อ.ศรีบุญเรอื ง จ.หนองบัวลำภู เป็น ตวั แทนเขำ้ แขง่ ขันงำนของดีศรีบญุ เรือง 2. องค์ควำมรู้และควำมเชีย่ วชำญ ได้ถ่ำยทอดองค์ควำมรู้ไดท้ ำกำรฝึกให้กบั คนในชุมชนเพ่ือมีอำชีพเสรมิ เพ่มิ รำยได้ใน ครัวเรือนและยงั สำมำรถทำเป็นอำชพี หลักได้รบั จ้ำงสำนแหและส่งไปยังลูกค้ำโดยตรง 3. กำรถำ่ ยทอดควำมรู้และควำมเชี่ยวชำญ ท่ีมำของชดุ ควำมคิดน้มี ำจำกกำรปฏบิ ัตจิ ริงในบำ้ นของเขำ ซึง่ ตอนแรกอำจจะเรม่ิ จำกไม่มี เงนิ แต่แทนท่จี ะหำแตร่ ำยได้เขำต้องรู้จักกำรลดรำยจ่ำย มวี ธิ ีกำรและองค์ควำมรู้มำกมำยเพียงเลือกใช้ให้ เหมำะสมกับภมู ศิ ำสตรแ์ ละสังคมของตัวเอง ขอยกตัวอย่ำงในพ้ืนที่ของชมุ ชนทำกำรเกษตรอยแู่ ล้วและได้ เกิดแนวคดิ กำรรวมกล่มุ ของชมุ ชน เพื่อเกดิ พลงั ของชุมชนใหม้ ีควำมย่ังยนื และไม่ตอ้ งรอกำรชว่ ยเหลือจำก ภำครัฐตอ่ ไป 4. ลกั ษณะของเครอื ข่ำยและกำรสร้ำงเครอื ข่ำย กำรไดแ้ ลกเปลีย่ นเรียนรูข้ องคนในครบั ครัว ชุมชน สงั คมจึงเกดิ แนวคดิ สำนแหขำยแบบเปน็ จรงิ ผำ่ นทำงโลกออนไลน์ 5. ผลงำนทเ่ี ปน็ ประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม นัน้ กค็ ือกำรไปบรรยำยรว่ มเปน็ วทิ ยำกรใหก้ บั ชุมชนในตำบลยำงหล่อและหนว่ ยงำนทไี่ ดร้ ับ เชิญให้ควำมรู้ 6. รำงวัลหรอื เกียรติคณุ ที่ได้รับ ประธำนกลมุ่ ดเี ด่นระดับจังหวัด ระดบั ภำค ระดับประเทศ
29 ตำบลศรบี ญุ เรือง ประวตั แิ ละผลงำนครูภูมปิ ญั ญำท้องถ่นิ จงั หวัดหนองบัวลำภู ด้ำน หัตถกรรม สำขำ กำรจกั สำน นำงวิระวรรณ โกศล
30
31 นำงวริ ะวรรณ โกศล ประวัติประวัตแิ ละผลงำนครูภูมิปญั ญำท้องถิน่ จังหวดั หนองบัวลำภู ดำ้ น หัตถกรรม สำขำ กำรจักสำน 1. ประวัตแิ ละผลงำน วิทยำกรกล่มุ กำรจกั สำนกระตบิ ข้ำว 2. องค์ควำมร้แู ละควำมเชี่ยวชำญ กระตบิ ขำ้ ว (หรือก่องขำ้ วเหนียว) เปน็ ของใช้ประจ้ำบำ้ นท่ีใช้บรรจขุ ้ำวเหนียว ทกุ ครัวเรอื น ทุกพืน้ ท่ที ร่ี ับประทำนข้ำวเหนยี ว โดยเฉพำะในภำคอสี ำนของไทย ซ่งึ ชำวอีสำนนิยมบรโิ ภคข้ำวเหนียว จำกวถิ ี ชวี ติ ควำมเปน็ อยู่ ของประชำชนทำงภำคตะวันออกเฉียงเหนือ ท่ีมีค่ำนิยมในกำร รับประทำนข้ำวเหนียวเป็น อำหำรหลกั ท้ำใหม้ ีนกั คิดค้น และประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใชใ้ นชวี ิตประจำ้ วนั ขึ้นด้วยกำรนำ้ เอำวสั ดุที่มีอยู่ตำม ธรรมชำติ ที่หำงำ่ ยและใชภ้ มู ิปัญญำ ทแ่ี ฝงด้วยศลิ ปะแขนงหนึง่ เชน่ ศิลปะ เชน่ กำรจักสำน กำรถกั ทอ 3. กำรถ่ำยทอดควำมร้แู ละควำมเช่ียวชำญ 1. บรรยำยใหค้ วำมรู้ 2. สำธิต 3. ลงมอื ปฏิบัติ 4. ลกั ษณะของเครอื ข่ำยและกำรสรำ้ งเครอื ข่ำย 1. จัดอบรม สัมมนำเพ่ือใหเ้ กิดควำมรคู้ วำมเข้ำใจและใหค้ วำมรว่ มมอื ของประชำชน 2. มกี ำรสง่ ข่ำวสำร ใหค้ วำมรแู้ ก่ผสู้ นใจ แลกเปลีย่ นเรียนรกู้ นั ในชุมชน 3. เขำ้ รว่ มโครงกำรตำ่ ง ๆ ของภำครฐั ดว้ ยควำมเตม็ ใจและเสยี สละ 5. ผลงำนท่ีเป็นประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนและสังคม 1. ทำใหเ้ กดิ อัตรำกำรว่ำงงำน และเป็นอำชีพที่สุจรติ และเพิ่มรำยไดใ้ ห้แกค่ รอบครัว 6. รำงวัลหรอื เกียรตคิ ุณทไ่ี ด้รับ 1. ผลิตภณั ฑท์ ี่ไดจ้ ำกกำรจกั รสำรแจกจ่ำยแก่สมำชกิ ในชุมชน 2. สร้ำงองค์ควำมรู้แลกเปล่ยี นแนวควำมคิดด้ำนกำรจกั รสำนให้แก่ชมุ ชน
32 ตำบลหนองแก ประวัตแิ ละผลงำนครูภูมปิ ญั ญำทอ้ งถิน่ จังหวดั หนองบัวลำภู ด้ำน ภมู ปิ ัญญำดำ้ นหมอลำพ้ืนบ้ำน นำยคำไส เขื่อนสูงเนนิ
33
34 นำยคำไส เขื่อนสูงเนิน ประวัติประวัตแิ ละผลงำนครูภูมิปญั ญำท้องถน่ิ จังหวดั หนองบัวลำภู ดำ้ น หมอลำพน้ื บ้ำนอสี ำน 1. ประวตั ิและผลงำน เป็นแหล่งเรยี นรู้ที่มีกำรสบื สำน ประเพณีวฒั นธรรมด้ำน ศิลปะพ้นื บำ้ นอีสำน ด้ำนร้องเพลง เป็นนักร้องประจำตำบลหนองแก ผำ่ นเวทีประกวด และได้รบั รำงวลั หลำยรำงวัล 2. องค์ควำมร้แู ละควำมเชีย่ วชำญ นำยคำไส เขื่อนสงู เนนิ เป็นปรำชญช์ ำวบ้ำนในเรอ่ื งกำรร้องหมอลำพ้ืนบ้ำน มีนำเสยี งท่ี ไพเรำะในกำร้องหมอลำพนื้ บ้ำนอีสำน และถ่ำยทอดควำมรู้ให้กับผทู้ ่สี นใจในหมู่บ้ำน สำมำรถท่ีนำควำมรทู้ ่ี ไดร้ ับไปใช้เพื่อควำมบันเทิงในชมุ ชน ตลอดจนรักษำขนบธรรมเนียมประเพณีของชำวอีสำน และนำยคำไส เขือ่ นสงู เนินยังเคยไดร้ บั รำงวัลรองชนะเลศิ ในกำรประกวดร้องเพลงลูกทุ่งหมอลำ ในงำนมหกรรมวิชำกำร กศน.จงั หวัดหนองบวั ลำภู ในปี 2558 นบั เป็นปรำชญช์ ำวบำ้ นในกำรดำ้ นกำรแสดงดนตรีศิลปวฒั ธรรมของ ชำวอสี ำนได้เปน็ อย่ำงดี 3. กำรถ่ำยทอดควำมรแู้ ละควำมเชย่ี วชำญ ถำ่ ยทอดควำมร้โู ดยนำยคำไส เข่อื นสูงเนิน ไดม้ ีโครงกำรสอนลกู หลำนในหมู่บ้ำนในกำร ถ่ำยทอดศิลปะด้ำนกำรร้องเพลงหมอลำให้กับลกู หลำนในหมบู่ ำ้ น 4. ลักษณะของเครือขำ่ ยและกำรสร้ำงเครือข่ำย แนะนำประชำสมั พนั ธ์ใหห้ น่วยงำนหรือบคุ คลทส่ี นใจกำรร้องเพลงหมอลำพนื้ บ้ำน เข้ำมำ เรยี นรโู้ ดยกำรปฏิบตั ิจรงิ โดยกำรสนับสนุนจำกสำนักงำนเทศบำลตำบลหนองแก ศน.ตำบลหนองแก พัฒนำ ชมุ ชนอำเภอศรีบุญเรือง 5. ผลงำนทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อชมุ ชนและสังคม เป็นสถำนทถี่ ่ำยทอดศลิ ปะพนื้ บำ้ น บ้ำนโนนประดู่ หมู่ที่ 5 ตำบลหนองแก อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบวั ลำภู เปน็ กำรสบื สำนวัฒนธรรมไทยมำแต่โบรำณ 6. รำงวลั หรอื เกยี รตคิ ณุ ท่ีได้รับ รำงวัลรองชนะเลิศอันดบั สองกำรประกวดรอ้ งเพลงลูกทุ่ง จำกสำนักงำน กศน.จงั หวัด หนองบัวลำภู
35 ตำบลหนองบวั ใต้ ประวัตแิ ละผลงำนภมู ปิ ัญญำทอ้ งถิ่น ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรบี ญุ เรือง จงั หวดั หนองบัวลำภู ด้ำนกำรเกษตร สำขำเกษตรกรรม นำยอนภุ ำพ มนฑำ
36
37 ช่ือ-สกุล นำยอนภุ ำพ มนฑำ ประวัติและผลงำนภมู ปิ ัญญำท้องถิ่น ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรบี ุญเรือง จงั หวัดหนองบวั ลำภู ดำ้ นกำรเกษตร สำขำเกษตรกรรม 1. ประวัติและผลงำน ที่อยู่ 58 หม่ทู ี่ 1 บ้ำนหนองบวั ใต้ ตำบลหนองบวั ใต้ อำเภอศรบี ุญเรือง จงั หวดั หนองบัวลำภู เบอร์โทรศัพท์ 0892673462 ไดศ้ ึกษำหำควำมรูจ้ ำกกำรศึกษำดูงำน และประสบกำรณใ์ นกำรทำกำรเกษตร นำมำปรับใชท้ ำ ให้ประสบผลสำเรจ็ พร้อมท้ังถ่ำยทอดควำมรู้ใหค้ นรนุ่ หลังที่สนใจเข้ำมำเรียนรู้กำรเกษตรผสมผสำน 2. องค์ควำมรแู้ ละควำมเช่ียวชำญ เปน็ ระบบกำรเกษตรทมี่ ีกจิ กรรมกำรผลิตหลำย ๆ กิจกรรมเพ่อื ตอบสนองต่อกำรบรโิ ภคหรือลด ควำมเสี่ยงจำกรำคำ ผลติ ผลทีม่ ีควำมไม่แน่นอนเทำ่ น้ัน โดยมไิ ด้มีกำรจดั กำรให้กจิ กรรมกำรผลิตเหลำ่ นัน้ มกี ำร ผสมผสำนเกื้อกลู กนั เพื่อ ลดตน้ ทุนกำรผลติ 3. กำรถ่ำยทอดควำมรูแ้ ละควำมเชีย่ วชำญ มีกำรถ่ำยทอดควำมรู้ด้ำนกำรเกษตรผสมผสำนให้แก่ประชำชนในหมู่บ้ำน และเป็นวทิ ยำกร ใหก้ ับหนว่ ยงำนตำ่ งๆ 4. ลักษณะของเครอื ขำ่ ยและกำรสรำ้ งเครอื ขำ่ ย เครอื ข่ำยทใี่ ห้กำรสง่ เสรมิ และสนับสนุนคอื หน่วยงำนรำชกำรต่ำงๆ อบต. เปน็ ต้น 5. ผลงำนท่เี ป็นประโยชนต์ อ่ ชุมชนและสังคม เป็นแหลง่ เรียนรใู้ ห้กบั ประชำชนได้เขำ้ มำศกึ ษำเรียนรู้เกีย่ วกับกำรเกษตรผสมผสำน 6. รำงวลั หรอื เกียรตคิ ณุ ทีไ่ ด้รับ ใบประกำศเกียรตคิ ุณจำกส่วนรำชกำรต่ำงๆ
38 ตำบลหันนำงำม ประวัตแิ ละผลงำนครภู มู ิปญั ญำท้องถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู ดำ้ น...ปรชั ญำ ศำสนำ และประเพณี สำขำ กำรร้อยมำลยั . นำงสุดำรตั น์ พลสภุ ี
39 * หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รปู ข้นึ ไป
40 ประวตั ปิ ระวัติและผลงำนครภู มู ปิ ญั ญำท้องถ่นิ จังหวัดหนองบัวลำภู 1.ประวัตแิ ละผลงำน นำงสดุ ำรัตน์ พลสภุ ี บำ้ นเลขที่ 37 หม่ทู ี่ 6 บ้ำนโนนข่ำ ตำบลหันนำงำม อำเภอศรญี เรือง จังหวดั หนองบวั ลำภู 39180 2. องค์ควำมรูแ้ ละควำมเชี่ยวชำญ บรรพบรุ ุษของไทยเรำมชี ่อื เสียงในงำนด้ำนศิลปะกำรประดิษฐ์อยำ่ งมำกมำย โดยเฉพำะ กำรประดิษฐ์ ตกแตง่ พวงดอกไม้ ใบไม้ ผลไม้ และวัสดอุ ืน่ ๆ เป็นที่ขึน้ ชอ่ื มำนำนแตโ่ บรำณกำลแลว้ แต่ไม่ปรำกฏแนช่ ัดวำ่ ได้ มกี ำรเรม่ิ ตน้ มำแต่ในสมยั ใดแน่ คงเนอ่ื งมำแต่ไมม่ ีกำรจดบันทกึ เป็นลำยลกั ษณ์อักษรไวน้ ั่นเอง จึงไมม่ หี ลกั ฐำน ใดๆ ให้อนชุ นรุ่นหลงั ไดส้ ืบค้น และสืบทอดต่อไป 3. กำรถ่ำยทอดควำมรู้และควำมเชยี่ วชำญ ท่มี ำของชุดควำมคดิ นี้มำจำกกำรปฏบิ ตั ิจรงิ ในบำ้ นของเขำ ซง่ึ บริบทของพ้ืนที่ภำค ตะวันออกเฉียงเหนอื มีวัฒธรรม ควำมเช่อื ท่งี ดงำม จงึ ทำให้จำเป็นตอ้ งเรียนรู้เพือ่ สืบสำนและถำ่ ยทอดกำร รอ้ ยมำลยั โดยกำรสอนเยำวชนเปน็ กำรส่วนตัวในเวลำว่ำง และกำรพำไปเรียนรู้ประสบกำรณจ์ รงิ ในงำนตำ่ ง ๆ 4. ลักษณะของเครอื ขำ่ ยและกำรสรำ้ งเครอื ขำ่ ย กิจกรรมในชมุ ชนทุกกิจกรรม เข้ำรว่ มกิจกรรมชุมชน แนะนำตวั เองถงึ ควำมสำมำรถเฉพำะทำงของ ตัวเอง ใหส้ ังคมรจู้ ัก แล้วจะเกิดกำรแนะนำปำกต่อปำก 5. ผลงำนทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ ชุมชนและสังคม เป็นวทิ ยำกรงำนมงคลตำ่ งๆ ในตำบลหันนำงำม 6. รำงวัลหรือเกยี รติคุณทีไ่ ด้รับ
41 ตำบลหนองกงุ แกว้ ประวตั ิและผลงำนครูภูมปิ ญั ญำทอ้ งถิน่ จงั หวดั หนองบวั ลำภู ดำ้ น........กำรตดั เยบ็ เสื้อผ้ำ........ สำขำ....อตุ สำหกรรมและหัตถกรรม.... นำงธำรำทพิ ย์ พิมพำเรือ
42
43 นำงธำรำทพิ ย์ พมิ พำเรือ ประวตั ปิ ระวัติและผลงำนครภู ูมปิ ญั ญำท้องถนิ่ จงั หวัดหนองบัวลำภู ดำ้ น......กำรตัดเยบ็ เสอ้ื ผำ้ .... สำขำ.......อตุ สำหกรรมและหตั ถกรรม..... 1. ประวตั ิและผลงำน นำงธำรำทพิ ย์ พิมพำเรือ อยู่บ้ำนเลขที่ 151 หมู่ที่ 5 บ้ำนผำสุก ตำบลหนองกุงแก้ว อำเภอศรี บุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู ซ่ึงเป็นหมู่บ้ำนท่ีอยู่ห่ำงไกลจำกตัวอำเภอศรีบุญเรืองมำกท่ีสุด ท่ำนเป็นครูภูมิ ปัญญำท้องถิ่นที่มีควำมสำมำรถหลำกหลำยด้ำน โดยเฉพำะด้ำนกำรตัดเย็บเสื้อผ้ำชนิดต่ำงๆ ไม่ว่ำจะเป็นกำร ตัดเย็บด้วยมือหรือจักร ท่ำนจะมีควำมชำนำญ กำรออกแบบเสื้อผ้ำชนิดต่ำงๆ เป็นที่ยอมรับของชุมชน ได้รับ เชญิ ใหเ้ ป็นวิทยำกรจำกหน่วยงำนและชมุ ชนตำ่ งๆมำกมำย 2. องคค์ วำมร้แู ละควำมเชย่ี วชำญ ท่ำนเป็นครูภูมิปัญญำท้องถ่ินท่ีมีควำมสำมำรถหลำกหลำยด้ำน โดยเฉพำะด้ำนกำรตัดเย็บ เส้ือผ้ำชนิดต่ำงๆ ไม่ว่ำจะเป็นกำรตัดเย็บด้วยมือหรือจักร ท่ำนจะมีควำมชำนำญ กำรออกแบบเสื้อผ้ำชนิด ต่ำงๆ เป็นท่ยี อมรับของชมุ ชน ไดร้ บั เชญิ ใหเ้ ปน็ วิทยำกรจำกหน่วยงำนและชุมชนตำ่ งๆมำกมำย 3. กำรถำ่ ยทอดควำมรู้และควำมเชี่ยวชำญ นำงธำรำทิพย์ พิมพำเรือ เป็นผู้มีประสบกำรณ์ในด้ำนกำรตัดเย็บเสื้อผ้ำอย่ำงยำวนำน และมี ควำมเป็นวิทยำกำรที่มีควำมเช่ียวชำญ สำมำรถถ่ำยทอดควำมรู้ให้กับผู้เรียนได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ ท่ำน ประกอบอำชพี รับจำ้ งตดั เยบ็ เสอื้ ผำ้ และได้รบั เชิญเปน็ วิทยำกรหลำยจงั หวดั 4. ลักษณะของเครือข่ำยและกำรสร้ำงเครอื ข่ำย นำงธำรำทพิ ย์ พิมพำเรอื เป็นผู้มีประสบกำรณใ์ นดำ้ นกำรตัดเย็บเส้ือผ้ำอย่ำงยำวนำน มีควำมรู้ ควำมสำมำรถในด้ำนกำรตัดเย็บเส้ือผ้ำ เป็นท่ีรู้จักของบุคคล หน่วยงำน ทำให้ท่ำนได้รับเชิญเป็นวิทยำกร ถำ่ ยทอดองค์ควำมรู้ในหลำยจงั หวดั ทำใหไ้ ด้ร้จู กั กบั เครอื ข่ำยต่ำงๆมำกมำย 5. ผลงำนทเี่ ป็นประโยชน์ต่อชมุ ชนและสังคม นำงธำรำทิพย์ พิมพำเรือ ถือได้ว่ำเป็นบุคคลท่ีมีควำมสำคัญต่อชุมชน ได้เป็นวิทยำกรมำอย่ำง ยำวนำน มีลูกศิษย์ที่ได้รับกำรถ่ำยทอดควำมรู้ไปประกอบอำชีพ และประสบผลสำเร็จมำกมำย ถือเป็น ประโยชน์ต่อชุมชนและสงั คมเปน็ อันมำก 6. รำงวัลหรอื เกยี รตคิ ุณท่ไี ด้รับ ท่ำนได้รบั รำงวลั ตำ่ งๆมำกมำย ทงั้ เปน็ บุคคลตัวอย่ำงของชุมชน ได้รับรำงวลั จำกหนว่ ยงำน รำชกำรต่ำงๆ เชน่ พัฒนำชมุ ชน อบต. เทศบำล เป็นตน้
คณะผจู้ ดั ทำ นำยประมวล ไชยศรี ผอ.กศน.ศรีบญุ เรือง น.ส.สุรรี ตั น์ ชัยวี บรรณำรักษ์ปฎิบัติกำร น.ส.ปรทิ ัศน์ กองคำ ครอู ำสำสมัครฯ ครู กศน.ตำบล ครู ศรช. ครผู สู้ อนคนพกิ ำร
Search
Read the Text Version
- 1 - 47
Pages: