Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แหล่งเรียนรู้ เดือน มิถุนายน 2563

แหล่งเรียนรู้ เดือน มิถุนายน 2563

Published by library sriboon, 2020-07-01 10:35:41

Description: แหล่งเรียนรู้ เดือน มิถุนายน 2563
รวบรวมโดย กศน.อำเภอศรีบุญเรือง

Keywords: แหล่งเรียนรู้, ทำเนียบแหล่งเรียนรู้

Search

Read the Text Version

ทำเนยี บแหลง่ เรียนรู้ และภูมปิ ัญญำทอ้ งถ่นิ ประจำเดอื น มิถุนำยน 2563 รวบรวมโดย กศน.อำเภอศรบี ุญเรอื ง

คำนำ ทำเนียบแหล่งเรยี นรู้ เล่มน้ี ได้รวบรวมแหลง่ เรียนรู้ด้ำนต่ำง ๆ ท้งั 9 ด้ำน ประจำเดอื น มิถุนำยน 2563 เพื่อเก็บรวบรวมเป็นขอ้ มูลพ้ืนฐำนดำ้ นแหล่งเรียนรปู้ ระจำอำเภอศรีบญุ เรือง หำกผิดพลำดประกำรใด ขออภัยมำ ณ ทีน่ ีด้ ว้ ย กศน.อำเภอศรบี ุญเรอื ง มิถุนำยน 2563

สำรบัญ แหล่งเรียนรตู้ ำบล หนำ้ เมอื งใหม่ 1 โนนม่วง 5 โนนสะอำด 9 กุดสะเทยี น 13 ทรำยทอง 16 นำกอก 20 ยำงหลอ่ 24 ศรบี ุญเรอื ง 27 หนองแก 30 หนองบัวใต้ 33 หนั นำงำม 36 หนองกงุ แกว้ 39

1 ตำบลเมืองใหม่ แหลง่ เรียนรู้ชมุ ชน กลุ่มทอผำ้ พน้ื เมืองบ้ำนชมพทู อง หม่ทู ี่ ๕ บำ้ นชมพทู อง ตำบลเมืองใหม่ อำเภอศรบี ญุ เรือง จงั หวัดหนองบวั ลำภู กลมุ่ ทอผ้าพนื้ เมืองบ้านชมพูทอง

2

3 ประวตั ปิ ระวัติและผลงำนของกลุม่ ทอผำ้ พ้ืนเมอื งบำ้ นชมพทู อง ดำ้ น...สิ่งทอพ้ืนเมือง สำขำ... กำรทอผ้ำพ้นื เมอื ง 1. ประวัติและผลงำน กลุ่มทอผำ้ บำ้ นชมพทู อง หมู่ที่ ๕ บำ้ นชมพูทอง ตำบลเมืองใหม่ อำเภอศรีบญุ เรอื ง จงั หวดั หนองบัวลำภู ผลงำนท่โี ดดเดน่ ของกลุ่มทอผ้ำพื้นเมือง มคี วำมโดดเด่นเพรำะเปน็ กลมุ่ ทอผ้ำที่เขม้ แข็งสร้ำง งำน สรำ้ งอำชพี ใหก้ บั ชำวบ้ำนชมพทู อง มำตลอดเวลำ 10 ปี เปน็ กลมุ่ ทอผ้ำท่ีสร้ำงชื่อเสยี งใหก้ ับอำเภอศรี บญุ เรืองตลอดมำ มีกำรพฒั นำเพอ่ื ใหเ้ หมำะสมกบั สภำพพ้นื ดินหรือบรบิ ทของชุมชนและควำมต้องกำรของ ตลำด มกี ำรสรำ้ งงำน สร้ำงอำชพี ทม่ี ่นั คงให้กับชุมชน และสรำ้ งชอ่ื เสียงให้กับอำเภอศรีบุญเรืองตลอดมำ 2. องคค์ วำมร้แู ละควำมเช่ียวชำญ ตลอดเวลำ 10 ปี ที่ผ่ำนมำ กลุม่ ทอผ้ำพืน้ เมอื งบ้ำนชมพทู อง สมำชกิ ในกลุม่ มีควำมรู้ควำม ชำนำญด้ำนกำรออกแบบผ้ำ กำรทอผ้ำและกำรย้อมสผี ้ำทกุ ประเภทเป็นอยำ่ งดี มีกำรพัฒนำสินค้ำให้ ทนั สมัยตลอดเวลำและเผยแพร่แลกเปลีย่ นเรยี นรู้ดำ้ นกำรทอผำ้ พ้ืนเมืองกับทกุ ชุมชนเพอื่ นำเอำควำมร้ทู ีไ่ ดม้ ำ ปรับเปลย่ี นหรือพัฒนำให้มคี วำมเหมำะสมกบั บริบทและควำมนยิ มต่ำงๆตลอดเวลำ 3. กำรถำ่ ยทอดควำมรแู้ ละควำมเชี่ยวชำญ ท่ีผำ่ นมำ นำงหวำนใจ สำริยำ หวั หนำ้ กลมุ่ ทอผ้ำพ้นื เมืองบ้ำนชมพทู อง เป็นผู้ทม่ี ีควำมรู้ ควำมชำนำญด้ำนกำรทอผำ้ กำรออกแบบผำ้ ทกุ ชนดิ สำมำรถสรำ้ งรำยไดแ้ กค่ รอบครวั และชุมชนเป็นอยำ่ งดี มีกำรพฒั นำผลติ ภณั ฑ์สิ่งทอตลอดเวลำและเผยแพรแ่ ลกเปลี่ยนเรียนรู้ดำ้ นกำรพฒั นำสงิ่ ทอตำ่ งๆกบั ทกุ กล่มุ ทุกชมุ ชนเพอื่ นำเอำควำมรทู้ ่ไี ด้มำปรบั เปลย่ี นหรือพัฒนำใหม้ คี วำมเหมำะสมกับบรบิ ทและควำมนยิ มตำ่ งๆ ตลอดเวลำ 4. ลกั ษณะของเครือข่ำยและกำรสรำ้ งเครือข่ำย มีกำรแลกเปลี่ยนเรียนร้กู ับทกุ องค์กร ทุกชมุ ชน เพือ่ สรำ้ งควำมเชอ่ื ถือกบั เครอื ข่ำยหรือลกู ค้ำ เปดิ โอกำสให้ทกุ ภำคีเครอื ขำ่ ยแลกเปล่ียนควำมร้เู พ่ือพฒั นำผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยและเหมำะสมกับควำม ตอ้ งกำรของลกู คำ้ เชน่ พัฒนำกำรปลูกพชื ธรรมชำตเิ พอ่ื มำเป็นสยี อ้ มผำ้ ทีอ่ ิงธรรมชำตแิ ละมกี ำรพัฒนำดำ้ นพืช พันธ์ุและสง่ิ ทอตลอดเวลำ มีกำรประกันคณุ ภำพและรำคำ และมกี ำรพฒั นำเป็นแหลง่ เรียนรสู้ ำหรบั ผู้สนใจใน กำรศึกษำดงู ำนดว้ ย 5. ผลงำนท่ีเป็นประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและสงั คม สรำ้ งรำยได้ ลดรำยจำ่ ยและใช้เวลำวำ่ งให้เกิดประโยชน์ เปดิ โอกำสให้คนในชมุ ชนมำรวมกลุ่ม กนั เพ่ือสรำ้ งจุดแขง็ ให้กบั กับชมุ ชน มีเอกลักษณ์ท่โี ดดเด่นทำให้เปน็ ทสี่ นใจกบั ชมุ ชนอืน่ ๆเพือ่ นำเป็นแบบอยำ่ ง เป็นทสี่ นใจและพูดถึงในดำ้ นกำรปลกู พืชเศรษฐกิจแบบไรส่ วนผสม ทเี่ หมำะสมกับควำมต้องกำรของตลำดใน ปจั จุบนั และอนำคต

4 6. รำงวัลหรอื เกยี รติคุณทไ่ี ด้รบั - รำงวัลเกษตรกรดเี ด่นดำ้ นพืชเศรษฐกจิ ใหม่ ระดบั ดีเดน่ ของจังหวดั หนองบวั ลำภู - รำงวัลผลิตภณั ฑด์ ีเด่นระดบั อำเภอและจังหวัด - รำงวัลกลมุ่ ออมทรัพย์เขม้ แขง็ ของอำเภอศรบี ุญเรอื ง 3 ปีซอ้ น

5 ตำบลโนนมว่ ง ประวัติและผลงำนครูภมู ปิ ัญญำทอ้ งถ่ินจงั หวัดหนองบัวลำภู ดำ้ นอตุ สำหกรรมและหัตถกรรม สำขำคลงั ปัญญำ รูปภำพ นำยบุญเพง็ ที่บำ้ นบ่อ

6 * หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รูปขึ้นไป รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ

7 นำยบญุ เพ็ง ท่ีบำ้ นบ่อ ประวัติและผลงำนครภู ูมปิ ญั ญำท้องถ่นิ จงั หวดั หนองบวั ลำภู ดำ้ นคลงั ปัญญำ สำขำคลังปัญญำอตุ สำหกรรมและหัตถกรรม 1. ประวตั ิและผลงำน นำยบุญเพ็ง ท่ีบ้ำนบ่อ เกิดเม่ือวันที่ 13 มี.ค.2493 ที่อยู่ 58 หมู่ท่ี 10 บ้ำนห้วยไร่ ตำบลโนนม่วง อำเภอศรีบุญเรือง จงั หวัดหนองบวั ลำภู ควำมเปน็ มำ จำกวิถชี วี ติ ควำมเป็นอยู่ ของประชำชนทำงภำคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีค่ำนิยมในกำร รบั ประทำนขำ้ วเหนียวเปน็ อำหำรหลัก ทำให้มีนักคิดค้น และประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันข้ึน ด้วยกำรนำเอำวัสดทุ ี่มีอยู่ตำมธรรมชำติ ท่ีหำง่ำยและใช้ภูมิปัญญำ ท่ีแฝงด้วยศิลปะแขนงหนึ่ง เช่นศิลปะกำร จักสำน กำรถกั ทอ เปน็ ตน้ ในกำรประดษิ ฐเ์ ครื่องมอื ตำ่ ง ๆ กำรสำนกระติบข้ำว เป็นกำรสืบทอดมำจำกบรรพ บรุ ุษจนถึงปัจจบุ ัน ซ่ึงถอื ว่ำเป็นหตั ถกรรม ใหร้ ำยไดใ้ หก้ บั ครอบครวั อีกทั้งยงั เปน็ กำรสืบสำนภูมิปญั ญำท้องถ่ิน และถ่ำยทอดควำมรใู้ ห้กบั ลูกหลำนและชมุ ชน โดยพ่อบุญเพ็ง ท่ีบ้ำนบ่อ ได้เร่ิมกำรจำกสำนกระต๊ิบข้ำวจำกผู้เป็นคุณพ่อ โดยได้เร่ิมฝึกกำรสำน กระติบ๊ และกระดง้ ตง้ั แต่อำยุ 10 ปี ตัง้ แต่เรียนอยูช่ นั้ ป.4 ทบี ้ำนเกิดของตนใน ทบ่ี ำ้ นหนองกงุ ช้ำงตำย ตำบล บ้ำนโคก อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น จนได้เรียนรู้กำรสำนด้วยตนเองและคิดค้น เครื่องจักสำนที่ใช้เป็น ภำชนะ เช่น กระจำด ฝำชี กระติบข้ำว กระด้งเพื่อให้เกิดควำมสวยงำมและเป็นของทีนำมำใช้กับ ชวี ิตประจำวนั ของคนในปัจจบุ นั 2. องคค์ วำมรู้และควำมเชย่ี วชำญ กำรถ่ำยทอดควำมรู้ เนน้ กำรถำ่ ยทอดควำมรู้โดยตรงจำกผู้ถ่ำยทอดสู่ผู้รับกำรถ่ำยทอด ในอดีต จะถ่ำยทอดใหก้ ับบุคคลในครอบครวั แตใ่ นปัจจุบันจะถำ่ ยทอดควำมรู้ใหก้ ับสมำชิกหรือบุคคลทั่วไปท่ีสนใจโดย จะมกี ำรผสมผสำนกันทัง้ วิธีกำรสำธติ และกำรให้ลงมอื ปฏิบัติจริง เป็นวิธีท่ีดีที่สุดท่ีจะทำให้ผู้เรียนสำมำรถสำน ได้ ผู้เรียนจะต้องสังเกตจนเกิดควำมเข้ำใจและจดจำขั้นตอนต่ำงๆ ของกำรจักสำนสำน ผู้สอนจะอธิบำย ขั้นตอนและเทคนิควิธีกำรจกั สำนในระหว่ำงกำรสำธิต จำกนัน้ จึงให้ผู้เรียนหรือผู้รับกำรถ่ำยทอดฝึกปฏิบัติกำร สำนทุกข้ันตอนวิธีกำรถ่ำยทอดควำมรู้กำรจักสำนที่ได้ผลดีที่สุด ส่วนใหญ่จะสอนแบบตัวต่อตัวหรือสอนเป็น รำยคน ซึง่ เป็นวิธสี อนแบบดง้ั เดิม 3. กำรถำ่ ยทอดควำมร้แู ละควำมเช่ียวชำญ กำรนำควำมรไู้ ปใช้ กำรจกั สำนมำเป็นอำชีพเสรมิ ควำมรทู้ นี่ ำไปประยุกต์ใช้ มำจำกกำรกำหนด ควำมรู้และกำรแสวงหำควำมรู้จำกแหล่งต่ำง ๆ ได้แก่ ควำมรู้ภูมิปัญญำท่ีได้รับกำรถ่ำยทอดจำกบรรพบุรุษ ควำมรู้จำกประสบกำรณ์ที่ผู้จักสำนได้ลงมือปฏิบัติมำอย่ำงยำวนำนจนเกิดทักษะ ควำมรู้ทีได้รับจำกแหล่ง ควำมรตู้ ำ่ งๆ และเทคนคิ ใหม่ๆ ควำมรู้ท่ีได้รบั จำกกำรแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมทง้ั ควำมรู้ของผ้จู ักสำนควำมรู้เดิม ผสมผสำนกับควำมรใู้ หม่และประสบกำรณใ์ นกำรจักสำน

8 4. ลักษณะของเครือขำ่ ยและกำรสรำ้ งเครอื ขำ่ ย กำรถ่ำยทอดกระบวนกำรจกั สำนวธิ ดี งั กล่ำวเป็นกำรถ่ำยทอดโดยตรง และใช้วิธีเดียวกันในกำร ถำ่ ยทอดใหผ้ ู้เรยี นเทคนิคสำคัญของวิธีกำรถ่ำยทอดควำมรู้กำรจักสำน ท่ีได้ผลดีท่ีสุดส่วนใหญ่จะสอนแบบตัว ต่อตวั หรือสอนเป็นรำยคน ซง่ึ เปน็ วธิ ีสอนแบบด้ังเดมิ 5. ผลงำนท่เี ป็นประโยชนต์ ่อชมุ ชนและสงั คม กจิ กรรมจุดเรยี นรูประจำตำบล 6. รำงวัลหรอื เกียรติคณุ ท่ไี ด้รบั กำรสำนจกั สำนผลติ ภัณฑ์ท่ีใช้ในชีวติ ประจำวนั และกำรดำรงชีพประจำหมูบ่ ้ำน /ผผู้ ลิตและ สง่ เสริมผลิตภัณฑ์ของชุมชนเกิดรำยไดเ้ สริมจำกอำชีพหลกั

9 ตำบลโนนสะอำด ประวตั แิ ละผลงำนครภู มู ิปญั ญำทอ้ งถนิ่ จังหวัดหนองบวั ลำภู ดำ้ นกำรจกั สำนไมไ้ ผ่ สำขำศิลปหัตถกรรม นำงดวง นำมวงศ์

10 รูปภาพ

11 นำงดวง นำมวงศ์ ประวัตแิ ละผลงำนครูภูมปิ ญั ญำท้องถน่ิ ต.โนนสะอำด อ.ศรีบญุ เรอื ง จังหวัดหนองบวั ลำภู ด้ำนกำรจักสำนไม้ไผ่ สำขำศิลปะหัตถกรรม 1. ประวัตแิ ละผลงำน นำงดวง นำมวงศ์ นำงดวง นำมวงศ์ อยู่บ้ำนเลขท่ี 11 ม.9 บำ้ นนำอุดม ตำบลโนนสะอำด อำเภอศรีบุญเรอื ง จังหวัด หนองบวั ลำภู อำยุ 73 ปี เรม่ิ ทำงำนดำ้ นจกั สำนต้ังแต่เป็นสำว จนถงึ ปัจจุบัน ไดม้ ีหน่วยงำนภำครฐั เขำ้ มำ สนบั สนุนเปดิ กลุ่มอำชีพกำรจกั สำน สร้ำงอำชพี กับคนในชมุ ชน และทำยงั ทำอยู่ มีคนในชมุ ชนมำรับซือ้ สนิ คำ้ ถงึ ที่บำ้ น และนำไปขำยท่ีตลำดบำ้ ง 2. องค์ควำมรแู้ ละควำมเชย่ี วชำญ กำรจักสำนไมไ้ ผ่ กำรทำมวยหุงข้ำว ตะกลำ้ ไมไ้ ผ่ 3. กำรถำ่ ยทอดควำมรแู้ ละควำมเช่ียวชำญ นำงดวงไดถ้ ำ่ ยทอดควำมรูใ้ หก้ บั ชำวบ้ำนในชุมชน มีเด็กวัยรุ่นสนใจเขำ้ มำเรียนรเู้ รอื่ งกำรจัก สำนไม้ไผ่บ้ำง นำงดวงถำ่ ยทอดควำมรูต้ ง้ั แตข่ นั้ ตอนกำรเลอื กไมไ้ ผ่ เร่ิมต้ังแตก่ ำรคัดเลอื กไม้ไผ่ เลือกแบบไมไ้ ผ่ ออ่ น หรอื ไม้ไผ่แก่ ต้องมีอำยเุ ท่ำไหร่ กำรเลือกไม้ไผ่ ควรเลอื กไม้ไผ่ ทม่ี ปี ล้องยำวอำยปุ ระมำณ 10 เดือน ถงึ 1 ปี ได้ไม้ไผ่มำแล้วนำมำจกั ตอกไมไ้ ผ่ให้เป็นเสน้ กำรจกั ตอก ตอ้ งมขี นำดควำมกว้ำง ควำมยำวใหเ้ ทำ่ ๆ กนั ทกุ เส้น เพ่ือจะได้กระติบรปู ทรงสวยงำม 4. ลักษณะของเครือข่ำยและกำรสรำ้ งเครือข่ำย เครือข่ำยเทศบำลตำบลโนนสะอำด , กศน. , พัฒนำชมุ ชน เคยได้รบั กำรสนบั สนุนจำก กศน. ตำบลโนนสะอำด อำเภอศรบี ุญเรอื ง เขำ้ มำเปดิ กลุม่ สร้ำงอำชีพให้คนในชมุ ชน มรี ำยไดเ้ สริม 5. ผลงำนทีเ่ ปน็ ประโยชน์ตอ่ ชุมชนและสังคม กำรให้ควำมร้ดู ำ้ นกำรจักสำนไมไ้ ผก่ ับคนในชมุ ชน และสร้ำงรำยไดใ้ ห้กับคนในชุมชนทำให้คนใน ชมุ ชนมีอำชพี เสรมิ จำกกำรทำไรทำนำ คุณคำ่ ของภมู ิปัญญำไทย ไดแ้ ก่ ประโยชน์ และควำมสำคญั ของภูมิ ปญั ญำ ทบี่ รรพบรุ ษุ ไทย ได้สรำ้ งสรรค์ และสืบทอดมำอย่ำงต่อเนอื่ ง จำกอดีตสู่ปจั จุบัน ทำให้คนในชำตเิ กดิ ควำมรัก และควำมภำคภูมิใจ ที่จะรว่ มแรงรว่ มใจสืบสำนต่อไปในอนำคต เช่น โบรำณสถำน โบรำณวัตถุ สถำปัตยกรรม ประเพณไี ทย กำรมีนำ้ ใจ 6. รำงวัลหรือเกียรติคณุ ที่ได้รบั -

12 ตำบลกดุ สะเทียน ประวตั ิและผลงำนครูภูมปิ ัญญำท้องถิน่ จงั หวัดหนองบวั ลำภู ด้ำนบุคคล สำขำเกษตรผสมผสำน นำยจนั ทร์เพ็ญ บญุ ประคม

13

14 นำยจนั ทรเ์ พ็ญ บญุ ประคม ประวตั ิประวตั ิและผลงำนครภู ูมิปัญญำท้องถนิ่ จงั หวัดหนองบวั ลำภู ด้ำนบุคคล สำขำเกษตรผสมผสำน 1. ประวัตแิ ละผลงำน นำยจันทร์เพญ็ บุญประคมเกดิ วันท่ี 16 กรกฎำคม 2499 อำยุ 64 ปี อยบู่ ำ้ นเลขท่ี187 ม.1 บดิ ำช่ือนำยคูณ บญุ ประคม มำรดำชอ่ื นำงเปน็ บุญประคมเปน็ ปรำชญ์ชำวบ้ำนกุดสะเทียน ตำบลกุดสะเทียน มกี ำรคิดค้นในกำรทำกำรเกษตรผสมผสำนขึ้นเพอื่ ให้เกดิ รำยได้ขนึ้ ต่อตนเองและครอบครัวจึงเริ่มตน้ จำกกำร เลี้ยงไก่ และปลกู ผกั มีกำรส่งขำยตำมทอ้ งถ่นิ และตำมตลำดทำใหเ้ กิดกำรรจู้ ักมำกข้นึ 2. องค์ควำมรู้และควำมเชี่ยวชำญ นำยจนั ทรเ์ พญ็ บญุ ประคม มีองคค์ วำมรู้และควำมเชี่ยวชำญ ดำ้ นกำรทำเกษตรผสมผสำน อย่ำงดี มกี ำรไปอบรมและศึกษำดงู ำน พัฒนำตนเองและกลมุ่ อยู่เสมอจงึ ทำใหเ้ ปน็ ท่ีต้องกำรของตลำด และ ควำมรู้ทไี่ ด้รบั ยงั นำไปถ่ำยทอดให้แก่ผ้เู รยี นและผู้คนท่ีสนใจ โดยใช้กระบวนกำรถำ่ ยทอดควำมร้ทู ่ีหลำกหลำย เช่น กำรอธบิ ำย กำรสำธติ และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัตจิ ริง 3. กำรถ่ำยทอดควำมรแู้ ละควำมเชีย่ วชำญ นำยจันทร์เพญ็ บุญประคมไดร้ บั ควำมไวว้ ำงใจให้ไปสอนถำ่ ยทอดควำมรแู้ ก่ประชำชนผูส้ นใจ ทง้ั ในระบบและนอกระบบ ยังรวมถงึ คณะท่ีมำศึกษำดูงำน มีกำรบรรยำย ถึงควำมสำคญั มีกำรสำธิต และ นำส่กู ำรปฏิบตั ิจริง 4. ลกั ษณะของเครือขำ่ ยและกำรสร้ำงเครือขำ่ ย นำยจันทร์เพญ็ บญุ ประคม เป็น อสม.มีจิตสำธำรณะชว่ ยงำนในชุมชนหรอื ตำมหน่วยงำนตำ่ งๆ จึงมีผูร้ ้จู กั และทำงำนรว่ มกนั อยู่หลำยหน่วยงำน ในบำงครั้งกำรเกิดงำนช้นิ ใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นจำกประสบกำรณ์ กำรแลกเปล่ียนกนั รูจ้ ักกันมำกหนำ้ หลำยตำ ก็ทำให้เกิดจำกประสบกำรณ์ นำยจนั ทรเ์ พญ็ บุญประคม มีเครอื ขำ่ ยภำครฐั และเอกชน ประกอบดว้ ย - สำนักงำนเกษตรอำเภอ - สำนักงำนพัฒนำชมุ ชนอำเภอ - องค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลกดุ สะเทยี น -สำนกั งำนปศสุ ตั วอ์ ำเภอ - ศนู ยก์ ำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศัยอำเภอศรบี ญุ เรอื ง 5. ผลงำนท่เี ป็นประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและสงั คม นำยจนั ทร์เพ็ญ บญุ ประคม เปน็ คนทใ่ี ฝ่หำควำมรู้ มีควำมคดิ ริเร่ิมสร้ำงสรรค์ มคี วำมอดทน เสียสละ มีลักษณะพิเศษอีกอยำ่ ง คือใจเยน็ พร้อมรบั มือกับทุกส่งิ ทกุ อยำ่ งด้วยควำมสุขมุ รอบคอบ

15 6. รำงวัลหรอื เกียรติคุณทีไ่ ด้รับ เกยี รติบัตร จำก อบต. กดุ สะเทียน เปน็ วิทยำกรกำรอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ ำร เกียรตบิ ตั ร จำก สนง.กศน.จ.หนองบวั ลำภู

16 ตำบลทรำยทอง ประวตั แิ ละผลงำนครภู ูมปิ ญั ญำทอ้ งถน่ิ จังหวัดหนองบวั ลำภู ดำ้ น หมอเป่ำ เป็นกลุ่มหมอพนื้ บ้ำน รูปภำพ นำยพลตรี ประเสริฐไทย

17 รู ปภาพ

18 ประวตั ปิ ระวตั แิ ละผลงำนครูภมู ิปัญญำท้องถิ่นจงั หวัดหนองบวั ลำภู ด้ำนหมอเปำ่ เปน็ กลมุ่ หมอพื้นบ้ำน 1. ประวตั แิ ละผลงำน นำยพลตรี ประเสริฐไทย เกดิ วนั ท่ี 3 กุมภำพนั ธ์ 2502 อำยุ 61 ปี อยู่บ้ำนเลขที่ 59 ม.9 ตำบล ทรำยทอง อำเภอศรบี ุญเรือง จงั หวดั หนองบัวลำภู เบอร์โทร 0934175593 2. องค์ควำมรแู้ ละควำมเชย่ี วชำญ ภูมปิ ัญญำ ไดช้ ่อื วำ่ เปน็ ศำสตรห์ น่ึงที่ทำให้คนไทยคนในทอ้ งถิน่ ได้รู้จกั ตัวตนท่แี ทจ้ ริงของ วถิ ีชวี ิตตนเอง และสำมำรถนำไปเปน็ แนวทำงเพือ่ กำรดำรงชวี ติ ได้อยำ่ งถูกต้องและเหมำะสม องคค์ วำมรู้ ของชำวบำ้ น หรอื ทุกส่งิ ทุกอย่ำงที่ชำวบำ้ นคิดทเี่ กิดจำกสติปัญญำ ควำมสำมำรถของชำวบ้ำนที่รู้จักกำร แก้ไขปญั หำ หรอื กำรนำมำใช้ในกำรดำเนินชวี ิตในยคุ ปัจจุบัน และคติ ควำมคดิ ควำมเชอื่ เปน็ พน้ื ฐำน ขององคค์ วำมรู้ที่ได้ส่ังสม และสืบทอดกันมำช้ำนำน หมอเป่ำ เป็นกลุ่มหมอพืน้ บ้ำนทีม่ ีบทบำทต่อสังคมของคนในชนบท กำรเป่ำ เป็นวิธกี ำรรักษำ ของหมอพืน้ บ้ำน รักษำอำกำรเจ็บปว่ ยโดยใช้เวทมนตรค์ ำถำเป่ำไปตำมร่ำงกำยผูป้ ว่ ย บำงครัง้ อำจจะใช้ สมนุ ไพรในกำรรักษำด้วย หมอเป่ำ จะไดร้ ับกำรถ่ำยทอดควำมรู้จำกบรรพบรุ ุษ เช่น ปู่ ตำ พอ่ หรือจำกครู ท่ีสบื ทอดกนั มำ หมอเป่ำเปรียบเสมือนแพทยท์ ่พี อจะรกั ษำอำกำรเจบ็ ไขไ้ ด้ปว่ ยใหผ้ ู้ปว่ ยได้ กำรคดิ ค่ำรกั ษำ อำจเปน็ คำ่ ตอบแทนเล็กน้อยเพอื่ เป็นสนิ นำ้ ใจ หรือถ้ำผู้ปว่ ยไมม่ ีเงนิ อำจรกั ษำใหฟ้ รี และเม่ือผปู้ ว่ ยหำยจำก กำรเจ็บป่วยก็จะจัดเตรยี มของกนิ ของใชห้ รือเงินเพ่ือนำไปตอบแทนท่ำนทไ่ี ดร้ กั ษำให้จนหำยจำกกำรเจบ็ ป่วย ในอำเภอศรบี ญุ เรือง จังหวัดหนองบัวลำภู มภี ูมิปัญญำท่ีเปน็ หมอเปำ่ หรอื หมอพื้นบำ้ นที่ชำวบำ้ นไปรักษำกำร เปำ่ ท่ีมีคนมำรกั ษำ เช่น กำรเปำ่ ตุม่ เปำ่ มะเร็งผิวหนงั แผลเรอ้ื รงั ก้ำงตดิ คอ แมลงกดั ตอ่ ย วธิ กี ำรรกั ษำด้วย กำรทอ่ งคำถำแล้วเปำ่ ลงไปตำมตมุ่ หรอื แผลไฟไหม้ นำ้ รอ้ นลวก โดยกำรเป่ำตดิ กันประมำณ ๕ วนั แผลกจ็ ะฝอ่ แห้งไปวันละเลก็ ละนอ้ ยจน ครบ ๕- ๗ วนั ไม่ลุกลำมต่อไป และหำยขำดในท่สี ุด แมค้ วำมก้ำวหน้ำทำงกำรแพทย์ มโี รงพยำบำล สถำนพยำบำล และมีแพทย์แผนปัจจบุ นั ซึง่ ได้รับควำมนิยมไปรักษำมำกกว่ำหมอพนื้ บำ้ น แตก่ ็ยงั มีชมุ ชนในชนบททไ่ี ดใ้ ห้ควำมสำคญั กับหมอพน้ื บำ้ น และ ชำวบ้ำนก็ยงั คงไปรักษำอยู่ ดงั นั้น หมอพ้ืนบ้ำนจึงยงั อยู่ไดอ้ ย่ำงเหนยี วแนน่ ในชุมชน และกำรรกั ษำด้วยวิธีน้ี หำกไม่มผี ู้สบื ทอดไว้กจ็ ะไม่มีใครรจู้ กั ภูมิปญั ญำด้ำนน้อี กี ตอ่ ไป 3. กำรถ่ำยทอดควำมรูแ้ ละควำมเช่ยี วชำญ หมอพื้นบ้ำนทช่ี ำวบำ้ นไปรกั ษำกำรเปำ่ ทีม่ คี นมำรกั ษำ เชน่ กำรเปำ่ ต่มุ เป่ำมะเร็งผวิ หนัง แผล เรอ้ื รงั กำ้ งติดคอ แมลงกดั ตอ่ ย วธิ กี ำรรักษำด้วยกำรทอ่ งคำถำแล้วเป่ำลงไปตำมตุ่มหรือแผลไฟไหม้ น้ำร้อน ลวก โดยกำรเป่ำตดิ กันประมำณ ๕ วัน แผลกจ็ ะฝ่อแหง้ ไปวันละเลก็ ละนอ้ ยจน ครบ ๕- ๗ วนั ไม่ลุกลำมต่อไป และหำยขำดในท่สี ุดในชนบทท่ีได้ใหค้ วำมสำคญั กบั หมอพืน้ บำ้ น และชำวบ้ำนกย็ งั คงไปรกั ษำอยู่ ดงั นนั้ หมอ

19 พนื้ บำ้ นจึงยงั อยไู่ ด้อย่ำงเหนยี วแน่นในชุมชน และกำรรกั ษำด้วยวธิ นี ้ี หำกไม่มผี ู้สบื ทอดไว้กจ็ ะไมม่ ใี ครรูจ้ ักภมู ิ ปญั ญำดำ้ นนี้อกี ต่อไป 4. ลักษณะของเครอื ข่ำยและกำรสร้ำงเครอื ข่ำย หมอพืน้ บำ้ นทีม่ บี ทบำทต่อสังคมของคนในชนบท กำรเปำ่ เป็นวธิ ีกำรรักษำ ของหมอพน้ื บำ้ น รกั ษำอำกำรเจ็บปว่ ยโดยใชเ้ วทมนตรค์ ำถำเป่ำไปตำมร่ำงกำยผูป้ ่วย ไดร้ บั กำรยกย่องให้เป็น แพทยแ์ ผนไทยในสถำนบรกิ ำรและในชมุ ชนจำก รพ.สต. บำ้ นทรำยมูล ตำบลทรำยทอง อำเภอศรบี ุญเรอื ง จังหวัดหนองบวั ลำภู 5. ผลงำนที่เปน็ ประโยชนต์ อ่ ชุมชนและสงั คม หมอพ้ืนบำ้ นท่มี บี ทบำทตอ่ สังคมของคนในชนบท กำรเป่ำ เปน็ วธิ ีกำรรกั ษำ ของหมอพืน้ บำ้ น รักษำอำกำรเจ็บปว่ ยโดยใชเ้ วทมนตรค์ ำถำเป่ำไปตำมรำ่ งกำยผู้ป่วย บำงครัง้ อำจจะใช้ สมนุ ไพรในกำรรักษำดว้ ย หมอเป่ำ จะไดร้ ับกำรถ่ำยทอดควำมรู้จำกบรรพบุรุษ เชน่ ปู่ ตำ พอ่ หรือจำกครู ที่สืบทอดกันมำ หมอเป่ำเปรียบเสมอื นแพทย์ที่พอจะรกั ษำอำกำรเจ็บไข้ไดป้ ่วยให้ผู้ป่วยได้ กำรคิดค่ำรกั ษำ อำจเป็นคำ่ ตอบแทนเล็กนอ้ ยเพือ่ เปน็ สนิ นำ้ ใจ หรือถ้ำผู้ป่วยไม่มีเงนิ อำจรักษำให้ฟรี และเมอ่ื ผปู้ ่วยหำยจำก กำรเจบ็ ป่วยก็จะจัดเตรยี มของกนิ ของใช้หรอื เงินเพอ่ื นำไปตอบแทนทำ่ นท่ไี ดร้ กั ษำให้จนหำยจำกกำรเจบ็ ป่วย 6. รำงวัลหรือเกยี รติคุณทไี่ ด้รบั ได้รบั กำรยกย่องให้เป็นแพทย์แผนไทยในสถำนบริกำรและในชมุ ชนจำก รพ.สต. บ้ำนทรำยมูล ตำบลทรำยทอง อำเภอศรบี ญุ เรือง จงั หวดั หนองบัวลำภู

20 ตำบลนำกอก ประวัตแิ ละผลงานครูภูมิปญั ญาทอ้ งถน่ิ จังหวัดหนองบวั ลาภู ด้าน.....เศรษฐกิจพอเพียง สาขา...เกษตรผสมผสาน . นางหนแู พง แสงชัย

21 * หมายเหตุ ใสร่ ปู ภาพ 2 – 5 รปู ข้นึ ไป

22 ประวัตปิ ระวัติและผลงานครูภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ จังหวดั หนองบัวลาภู ด้านเศรษฐกิจพอเพยี ง นางหนูแพง แสงชยั สาขาดา้ นการเกษตรผสมผสาน 1. ประวัตแิ ละผลงาน เปน็ ปราฃญ์ชาวบ้านทา่ ปากเปง้ เป็นหมอดิน ก่อนทีผ่ มจะกลับมาช่วยครอบครวั ของผมอยา่ งเต็มตวั ผมเปลย่ี นวถิ กี ารทาเกษตรหลงั จากเรยี นรูเ้ กษตรทฤษฎีใหม่วา่ ด้วยเรือ่ งการแบ่งพื้นทีเ่ ปน็ 4 สว่ น มนี ้า มนี า มี พ้ืนทป่ี ลกู ผกั และทอ่ี ยู่อาศัย ส่งิ ทฉ่ี นั ทาไม่ใชก่ ารหยิบยกวธิ กี ารทงั้ หมดมาทาอย่างไมป่ ระมาณตน แตท่ า่ นดู บรบิ ทท่ีสาคญั และทาได้จรงิ กอ่ น ซ่งึ ผมพบวา่ น้ามคี วามสาคญั ในการทาเกษตร ถา้ มถี นน มีไฟฟ้า และอืน่ ๆ แต่ ไมม่ ีนา้ ยังไงกท็ าเกษตรไมไ่ ด้ จึงขดุ สระนา้ ขึ้นมา ซ่งึ กต็ ้องใช้เงิน แต่ไมม่ ใี ครยอมให้กู้ พอดดี ฉิ ันรจู้ กั กับคนขดุ ดินขายกเ็ ลยยกดนิ 2 ไรใ่ หเ้ ขาแลกกบั หนองนา้ ไวท้ าเกษตร พอมนี า้ ก็ปลกู กล้วย มะละกอ มีกนิ แล้วยังมรี ายได้ เข้ามา 2. องค์ความร้แู ละความเชย่ี วชาญ เปน็ เร่ืองง่ายมากทใี่ ครจะเร่ิมทาเกษตรแบบมักง่าย และเล้ยี งสตั ว์ทใ่ี ช้บริโภคแบบตามมตี ามเกิดแล้ว นง่ั หวงั กบั ฟา้ กบั ฝนว่าจะได้ผลผลิตที่ดี“ก็มีคนมาเสนอขายปยุ๋ ถงึ ทน่ี ่เี หมือนกันนะ ยาฆา่ แมลงก็เยอะ เวลาพดู เร่อื งเกษตรอินทรียท์ ุกคนจะนึกถงึ การปลกู พชื ผลไม้โดยไมใ่ ชส้ ารเคมี ยาฆ่าแมลง มีขอ้ จากัดมากมายเต็มไป หมด เกษตรกรจงึ ไม่คอ่ ยอยากทา แตใ่ นความเขา้ ใจของเรา เกษตรอนิ ทรยี ์คอื การปลกู ไวก้ นิ ไว้แบ่งปนั คนอื่น เมอ่ื นยิ ามคนละแบบวิธกี ารกค็ นละแบบเลย เราจะคดิ ถึงความปลอดภยั และการปลอดสารกบั ทุกเรอ่ื ง ซึง่ หาก เอาตัวเลขผลกาไรจากผลิตภัณฑเ์ กษตรอนิ ทรยี ์มาเป็นแรงจูงใจใหท้ าเกษตรอินทรีย์ เมอื่ ไม่เป็นตามทค่ี าดหวัง เกษตรกรกร็ ู้สกึ ล้มเหลว 3. การถา่ ยทอดความรแู้ ละความเชี่ยวชาญ ทม่ี าของชุดความคิดน้มี าจากการปฏบิ ัติจริงในบ้านของเขา ซงึ่ ตอนแรกอาจจะเร่ิมจากไมม่ เี งนิ แต่ แทนที่จะหาแต่รายไดเ้ ขาตอ้ งรู้จกั การลดรายจ่าย มวี ิธกี ารและองคค์ วามรู้มากมายเพียงเลือกใช้ให้เหมาะสมกบั ภูมศิ าสตรแ์ ละสงั คมของตัวเองขอยกตัวอย่างในพ้ืนทแ่ี ปลงผกั ท่บี ุญลอ้ มเล่าว่าเขาไมม่ ีเงินซื้อผา้ มาคลมุ จึง เลือกปลกู กล้วยใหใ้ บโตพรางแสงเขาบอกวา่ ปลกู กลว้ ยไดท้ ้ังเครอื ได้ทง้ั หน่อ ก้านกลว้ ยก็ใช้เปน็ ที่ค้าผกั ให้ เครอื ของบวบ ถั่ว และตาลงึ พันก้านข้นึ ไป ปกติเกษตรกรนิยมใช้ตาข่ายหรือไม้ล้อมซงึ่ ใชไ้ ดห้ นเดยี วกต็ อ้ งทงิ้ แตก่ า้ นกล้วยที่หมดอายุขัย เมอื่ วางลงไปในดนิ ราดด้วยนา้ หมักเข้มขน้ กลบดว้ ยดนิ ทิ้งไว้ 2 สปั ดาห์แล้วสบั ให้ กลายเปน็ ปยุ๋ ก้านเหล่านัน้ จะย่อยสลาย ดนิ ก็ไดธ้ าตอุ าหารเพิ่มขน้ึ ไม่ต้องย้ายที่ปลกู เพราะเรารู้จักปรุงดนิ ใหด้ ี

23 4. ลกั ษณะของเครอื ขา่ ยและการสร้างเครอื ข่าย การใหผ้ ลผลิตทกุ ๆอย่างในบา้ นของเรากบั ทกุ ๆหน่วยงานท่ีมาเยี่ยมชอบและแลกเปล่ียนองค์ความรู้ 5. ผลงานทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสงั คม น้ันก็คือการไปบรรยายรว่ มเปน็ วิทยากรให้กบั ชมุ ชนในตาบลนากอกและหนว่ ยงานทีไ่ ดร้ ับเชิญให้ ความรู้ 6. รางวัลหรอื เกยี รติคุณที่ได้รบั เกษตรกรดเี ดน่ ดา้ นการปลกู พชื แบบผสมผสานตาบลนากอก

24 ตำบลยำงหล่อ ประวตั แิ ละผลงำนครูภมู ปิ ัญญำทอ้ งถ่นิ จงั หวัดหนองบวั ลำภู ดำ้ นเศรษฐกจิ พอเพียง ครอบครวั ตน้ แบบสัมมำชีพ ระดบั จังหวดั สำขำ....เกษตรกรรม นำยบวั ใบ เฮยี งหล้ำ

25 * หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รปู ข้นึ ไป

26 ประวัติและผลงำนครูภูมิปัญญำทอ้ งถ่นิ จังหวัดหนองบวั ลำภู ดำ้ น.....เศรษฐกจิ พอเพยี ง สำขำ....เกษตรกรรม 1. ประวัติและผลงำน เปน็ ปรำฃญ์ชำวบำ้ นนำหว้ำ 78 ม.14 ต.ยำงหลอ่ อ.ศรีบญุ เรอื ง จ.หนองบวั ลำภู เป็นตวั แทนเขำ้ ประกวดครอบครัวสัมมำชีพ ไดร้ ะดับที่ 1 ระดับจังหวดั หนองบวั ลำภู 2. องค์ควำมรู้และควำมเชย่ี วชำญ ไดถ้ ่ำยทอดองคค์ วำมรูไ้ ดท้ ำกำรฝกึ ใหก้ ับคนในชุมชนเพ่อื มีอำชพี เสริมเพิ่มรำยไดใ้ นครวั เรือนและยงั สำมำรถทำเป็นอำชพี หลกั ไดร้ ับจำ้ งสำนแหและส่งไปยงั ลูกค้ำโดยตรง 3. กำรถ่ำยทอดควำมร้แู ละควำมเชย่ี วชำญ ท่มี ำของชดุ ควำมคดิ นม้ี ำจำกกำรปฏิบตั ิจริงในบำ้ นของเขำ ซึง่ ตอนแรกอำจจะเร่มิ จำกไมม่ เี งิน แต่ แทนทจี่ ะหำแต่รำยไดเ้ ขำต้องร้จู ักกำรลดรำยจ่ำย มีวธิ ีกำรและองค์ควำมรมู้ ำกมำยเพียงเลือกใช้ให้เหมำะสมกับ ภมู ิศำสตรแ์ ละสงั คมของตวั เองขอยกตัวอยำ่ งในพ้นื ท่ีของชุมชนทำกำรเกษตรอยแู่ ลว้ และได้เกิดแนวคดิ กำร รวมกล่มุ ของชมุ ชน เพือ่ เกดิ พลังของชมุ ชนใหม้ คี วำมยง่ั ยืนและไมต่ อ้ งรอกำรช่วยเหลอื จำกภำครฐั ต่อไป 4. ลักษณะของเครือข่ำยและกำรสร้ำงเครือข่ำย กำรไดแ้ ลกเปลยี่ นเรยี นรู้ของคนในครบั ครัว ชมุ ชน สังคมจึงเกดิ แนวคิดสำนแหขำยแบบเปน็ จรงิ ผำ่ น ทำงโลกออนไลน์ 5. ผลงำนทีเ่ ป็นประโยชนต์ ่อชมุ ชนและสงั คม 5.1 นั้นก็คือกำรไปบรรยำยรว่ มเปน็ วทิ ยำกรให้กบั ชมุ ชนในตำบลยำงหลอ่ และหนว่ ยงำนท่ีไดร้ ับเชญิ ให้ ควำมรู้ 5.2 ตัวแทนกล่มุ เกษตรอินทรยี ์ 5.3บคุ คลตวั อย่ำงด้ำนสมั มำชีพ 5.4วิทยำกรเร่ือง กำรทำปยุ๋ อัดเมด็ อินทรยี ์ 5.5เป็นบุคคลตวั อยำ่ งขำยของออนไลน์ดำ้ นสนิ ค้ำเกษตร 6. รำงวัลหรอื เกยี รติคุณทไี่ ด้รับ ประธำนกลุ่มดีเด่นระดบั จังหวดั

27 ตำบลศรีบญุ เรือง ประวัตแิ ละผลงำนครูภูมิปญั ญำทอ้ งถน่ิ จังหวดั หนองบัวลำภู ดำ้ น หัตถกรรมจักสำน สำขำอุตสำหกรรมและหัตถกรรม ชือ่ เจ้ำของ ภูมิปญั ญำท้องถ่นิ นำงสำวอนง พทุ ธำวันดี หมู่ 9 ตำบลศรบี ุญเรือง อำเภอศรีบุญเรอื ง จงั หวัดหนองบัวลำภู 39180

28

29 นำงสำวอนง พุทธำวันดี ประวัติประวัตแิ ละผลงำนครภู ูมิปญั ญำทอ้ งถ่นิ จังหวดั หนองบวั ลำภู ด้ำนหตั ถกรรมจกั สำน สำขำอุตสำหกรรมและหตั ถกรรม 1. ประวตั แิ ละผลงำน ประวัติกระติบขำ้ วต้นคลำ้ หตั ถกรรมท้องถน่ิ เปน็ งำนหตั ถกรรมท่ีเกดิ จำกภมู ิปัญญำของทอ้ งถิ่น ทน่ี ำวสั ดตุ ำ่ งๆ มำใช้ให้เกิดประโยชน์ กำรสำนกระตบิ ข้ำวดว้ ยต้นคล้ำเป็นงำนฝีมอื ท่เี ก่ียวขอ้ งกับกำรดำเนิน ชวี ิตของชุมชน ตน้ คล้ำเปน็ พืชตระกลู ขงิ -ขำ่ ประเภทใบเลี้ยงเด่ยี ว ปลกู งำ่ ยทนตอ่ ทุกสภำพของดินฟ้ำ อำกำศ ต้นคลำ้ เวลำที่สำนเปน็ กระตบิ ข้ำวแลว้ จะมคี ณุ สมบตั ิ คือ สำมำรถเก็บควำมรอ้ นของขำ้ วเหนียวท่ีนง่ึ สุกแลว้ ได้ ดี ลำยทน่ี ิยมสำนเป็นกลอ่ งข้ำวสว่ นมำกเป็น ลำยสองเรยี น ลำยสองยนื ชมุ ชนบำ้ น จอมทอง หว้ ยฮวก-นำฝำย อำเภอศรบี ุญเรอื ง ตัง้ อย่บู นเส้นทำงศรบี ญุ เรอื ง-ภเู วยี ง ประมำณกิโลเมตรท่ี 8 ชำวบ้ำนในหมบู่ ้ำนประมำณ 95% ทำอำชีพจักสำนกระติบขำ้ วดว้ ยคล้ำ เปน็ งำนหัตถกรรมที่มคี วำมงำมจำกวสั ดธุ รรมชำตแิ ละคงทน ทพ่ี รง่ั พร้อมด้วยประโยชนใ์ ช้สอย ที่บ่งบอกถึงแนวคดิ และภูมิปญั ญำของชำวบ้ำนอยำ่ งแท้จริง โดยนิยมทำกันทงั้ ครอบครัว ต้ังแต่อำยุ 6-60 ปี กส็ ำมำรถสำนกระติบข้ำวดว้ ยควำมชำนำญเปน็ ท่ีน่ำภูมใิ จย่ิงและสำมำรถทีจ่ ะ ส่งเสริมเป็นแหล่งทอ่ งเที่ยว ทำงวฒั นธรรมของจงั หวัดได้เป็นอยำ่ งดี 2. องค์ควำมรู้และควำมเชยี่ วชำญ มคี วำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรจกั สำนกระติบขำ้ วไดเ้ ปน็ อยำ่ งดี 3. กำรถ่ำยทอดควำมรแู้ ละควำมเช่ียวชำญ เปน็ วทิ ยำกรให้ควำมรู้ กลุ่มสนใจ ใหก้ ับ กศน.อำเภอศรบี ุญเรือง ระยะเวลำ 3-5 ปี 4. ลักษณะของเครอื ขำ่ ยและกำรสรำ้ งเครอื ขำ่ ย เกดิ กำรสร้ำงงำน สรำ้ งอำชีพ สร้ำงรำยได้ ลดรำยจำ่ ย และขยำยโอกำสในกำรประกอบอำชีพใหม้ ำก ข้นึ และรจู้ กั ใชเ้ วลำว่ำงใหเ้ ป็นประโยชน์และสำมำรถหำรำยได้ใหก้ บั ครอบครัว 5. ผลงำนท่ีเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม 1.ผู้เขำ้ ร่วมโครงกำรเกิดกำรสร้ำงงำน สร้ำงอำชีพ สรำ้ งรำยได้ ลดรำยจ่ำย และขยำยโอกำสในกำร ประกอบอำชีพให้มำกข้ึน 2.ผู้เขำ้ รว่ มโครงกำรร้จู ักใชเ้ วลำว่ำงให้เปน็ ประโยชน์และสำมำรถหำรำยไดใ้ หก้ บั ครอบครัว 6. รำงวัลหรอื เกยี รติคณุ ท่ีได้รับ 1. หมู่บ้ำนตน้ แบบไทยนยิ มนัง่ ยนื 2. หม่บู ้ำนต้นแบบนวัตวถิ ี OTOP ระดับตำบล 3. รำงวัลหมบู่ ำ้ นตน้ แบบสง่ เสริมกำรจัดทำหัตถกรรม กำรจักสำนกระตบิ ขำ้ วดว้ ยคล้ำ

30 ตำบลหนองแก ประวตั ิและผลงำนครูภูมิปัญญำทอ้ งถิ่นจังหวัดหนองบวั ลำภู ด้ำน ภูมิปญั ญำดำ้ นเกษตร ไรอ่ งุ่น นำยสวุ ิทย์ จนั ทรโ์ นรำช

31

32 นำยสวุ ิทย์ จันทรโ์ นรำช ประวัติประวตั ิและผลงำนครภู มู ปิ ญั ญำท้องถิ่นจงั หวดั หนองบัวลำภู ดำ้ น เกษตร ไรอ่ งนุ่ 1. ประวัติและผลงำน เป็นแหลง่ เรยี นรทู้ ่ไี ด้รบั รำงวัลรองชนะเลศิ กำรปลูกพืชเศรษฐกิจ ของบำ้ นหนองแก ตำบล หนองแก อำเภอศรบี ญุ เรอื ง จังหวดั หนองบัวลำภู และเป็นแหล่งศกึ ษำดงู ำนของผู้ที่สนใจในตำบลและ นักเรียนนักศึกษำทสี่ นใจในกำรทำพืชเศรษฐกจิ 2. องค์ควำมรแู้ ละควำมเช่ยี วชำญ จดั กจิ กรรมกำรเรียนกำรสอนโดยยึดหลกั ปรชั ญำเศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ตำมแนว พระรำชดำริ กลำ่ วคอื เศรษฐกิจพอเพียงกบั แนวทำงปฏบิ ัติของเกษตรทฤษฎีใหม่ เปน็ แนวทำงในกำรพฒั นำ ทน่ี ำไปสูค่ วำมสำมำรถในกำรพึ่งตนเองในระดบั ต่ำงๆ อย่ำงเปน็ ขน้ั ตอนโดยลดควำมเสีย่ งเกีย่ วกับควำมผนั แปร ของธรรมชำติหรือกำรเปล่ียนแปลงจำกปจั จัยต่ำงๆ โดยยึดหลกั ควำมพอประมำณ ควำมมีเหตุผล และมี ภูมคิ มุ้ กนั ในตัวท่ดี ี โดยมีสองเง่ือนไขคือ ควำมรู้ และคณุ ธรรม มีควำมเพยี รและควำมอดทน สติและปญั ญำ กำรชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกัน และควำมสำมัคคี กศน.ตำบลหนองแก จงึ จดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ - เกษตรทฤษฏีใหม่ - กำรจดั ทำบญั ชคี รัวเรือน - กำรทำปุ๋ยหมกั นำ้ ยำชวี ภำพ - กำรทำนำ้ หมักจุลรินทรยี ์สังเครำะห์แสง 3. กำรถ่ำยทอดควำมรแู้ ละควำมเชยี่ วชำญ ถ่ำยทอดควำมรโู้ ดยนำยสวุ ทิ ย์ จนั ทรโ์ นรำช เกษตรกรตัวอยำ่ งในตำบลหนองแกโดยกำรทำ แผน่ พบั แนะนำกำรทำเกษตรไรอ่ งนุ่ ใหก้ ับผู้ทเี่ ข้ำมำศกึ ษำดูงำน และกำรทำโดยยึดหลกั ปรชั ญำเศรษฐกิจ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎีใหม่ ตำมแนวพระรำชดำริ 4. ลกั ษณะของเครอื ข่ำยและกำรสร้ำงเครือขำ่ ย แนะนำประชำสมั พนั ธ์ใหห้ นว่ ยงำนหรือบุคคลที่สนใจกำรทำเกษตร ไร่อง่นุ เขำ้ มำเรียนร้ใู น สถำนที่จรงิ โดยกำรสนบั สนุนจำกสำนกั งำนเทศบำลตำบลหนองแก สำนักงำนเกษตรอำเภอศรีบุญเรือง กศน.ตำบลหนองแก พฒั นำชุมชนอำเภอศรีบญุ เรือง 5. ผลงำนทีเ่ ป็นประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและสงั คม เป็นศนู ย์เรยี นรเู้ กษตร ไรอ่ งนุ่ บำ้ นหนองแก หมู่ท่ี 1 ตำบลหนองแก อำเภอศรีบญุ เรือง จงั หวัด หนองบวั ลำภู สรำ้ งรำยได้ลดรำยจำ่ ยในครวั เรอื นของคนในชมุ ชน 6. รำงวลั หรือเกียรติคุณท่ีได้รบั ไม่มขี ้อมูลกำรบั รำงวัล

33 ตำบลหนองบวั ใต้ ประวัตแิ ละผลงำนภูมปิ ัญญำท้องถนิ่ ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรบี ญุ เรอื ง จงั หวัดหนองบวั ลำภู ดำ้ นเกษตรกรรม สำขำกำรเกษตรผสมผสำน นำยพบิ ุญ ชำติแพงตำ

34

35 ชอื่ -สกุล นำยพบิ ญุ ชำติแพงตำ ประวตั แิ ละผลงำนภูมิปัญญำทอ้ งถ่นิ ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรอื ง จงั หวดั หนองบัวลำภู ด้ำนเกษตรกรรม สำขำกำรเกษตรผสมผสำน 1. ประวตั ิและผลงำน เกิดเมอื่ วันท่ี 1 ธันวำคม พ.ศ. 2499 อำยุ 64 ปี ทีอ่ ยู่ 28 หมทู่ ่ี 10 บำ้ นโนนอดุ มพฒั นำ ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง จงั หวัดหนองบัวลำภู เบอร์โทรศพั ท์ 0973024924 แต่เดมิ ทำอำชพี รับจ้ำงสรำ้ งบ้ำนตำมที่ต่ำงๆและรบั จำ้ งทั่วไปพร้อมท้งั ทำนำขำ้ ว เม่ือช่วงท่ไี ม่มี งำนกไ็ ด้มีโอกำสไปศกึ ษำดูงำนเกี่ยวกับกำรทำเกษตรแบบผสมผสำนก็ไดน้ ำมำปรบั ใช้ เป็นระบบกำรเกษตรที่มี กำรเพำะปลกู พืชหรือกำรเลย้ี งสัตวต์ ่ำงๆ ชนิดอยู่ในพ้นื ทีเ่ ดียวกันภำยใต้กำรเก้อื กลู ประโยชน์ตอ่ กันและกัน อยำ่ งมีประสิทธภิ ำพสูงสดุ โดยอำศัยหลกั กำรอยูร่ วมกนั ระหว่ำงพืชและสัตว์ 2. องคค์ วำมรแู้ ละควำมเช่ยี วชำญ ระบบเกษตรผสมผสำนจะต้องมีกำรวำงรูปแบบ และดำเนนิ กำร โดยใหค้ วำมสำคัญตอ่ กิจกรรม แตล่ ะชนดิ อยำ่ งเหมำะสมกับสภำพแวดลอ้ มทำงกำยภำพ เศรษฐกจิ สังคม มีกำรใช้แรงงำน เงนิ ทุน ทดี่ นิ ปัจจัย กำรผลิตและทรพั ยำกรธรรมชำตอิ ยำ่ งมปี ระสิทธภิ ำพ ตลอดจนรจู้ กั นำวสั ดุเหลือใชจ้ ำกกำรผลิตชนดิ หนงึ่ มำหมนุ เวียนใชป้ ระโยชนก์ ับกำรผลติ อีกชนดิ หนง่ึ กบั กำรผลิตอีกชนิดหนงึ่ หรือหลำยชนดิ ภำยในไรน่ ำแบบ ครบวงจร ตัวอย่ำงกจิ กรรมดังกลำ่ ว เช่น กำรเลย้ี งเปด็ ไก่ บนบอ่ ปลำ กำรเล้ยี งปลำในนำขำ้ ว เป็นต้น 3. กำรถำ่ ยทอดควำมรแู้ ละควำมเชยี่ วชำญ มกี ำรถ่ำยทอดควำมรดู้ ำ้ นกำรกำรเกษตรผสมผสำนให้แก่ประชำชนในหม่บู ้ำน และแลกเปลีย่ น เรียนรปู้ ระสบกำรณ์กบั เกษตรกรต่ำงพื้นที่เม่ือมีโอกำศเดินทำงไปศึกษำดงู ำน 4. ลักษณะของเครอื ข่ำยและกำรสรำ้ งเครอื ข่ำย มแี ลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบกำรณ์กับเกษตรกรตำ่ งพน้ื ทีเ่ ม่ือมโี อกำศเดนิ ทำงไปศึกษำดูงำน 5. ผลงำนทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนและสงั คม มีกำรถ่ำยทอดควำมรูด้ ำ้ นกำรกำรเกษตรผสมผสำนใหแ้ ก่ประชำชนในหมูบ่ ้ำน และแลกเปลย่ี น เรียนรปู้ ระสบกำรณ์กับเกษตรกรต่ำงพืน้ ทแ่ี ละนำผลผลิตใหก้ บั ทำงหมู่บ้ำนเพ่ือใชใ้ นงำนบญุ ประเพณีต่ำงๆ 6. รำงวลั หรอื เกียรติคณุ ท่ไี ด้รบั -

36 ตำบลหันนำงำม ประวตั ิและผลงำนครูภมู ปิ ญั ญำท้องถ่นิ จงั หวัดหนองบัวลำภู ดำ้ น ภูมิปญั ญำท้องถ่ิน สำขำ อุตสำหกรรมและหัตถกรรม . นำงเสถียร มลู ตรี

37 * หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รปู ข้นึ ไป

38 ประวัติและผลงำนครภู มู ปิ ญั ญำท้องถนิ่ จงั หวัดหนองบวั ลำภู 1. ประวัตแิ ละผลงำน นำงเสถยี ร มูลตรี เกิดวันที่ - เดือน - พ.ศ 2496 บ้ำนเลขที่ 73/1 หมูท่ ี่ 1 บ้ำนศรีประเสรฐิ ตำบลหันนำงำม อำเภอศรบี ญุ เรือง จงั หวัดหนองบัวลำภู 39180 เบอรโ์ ทรศัพท์ 082-1213812 2. องค์ควำมรู้และควำมเชยี่ วชำญ มัดหม่ี เป็นกรรมวิธีกำรทอผ้ำแบบหน่งึ ทีอ่ ำศยั กำรย้อมเส้นดำ้ ยกอ่ นกำรทอ ทัง้ ทย่ี ้อมเฉพำะด้ำยพงุ่ และยอ้ มดำ้ ยยืน เพอื่ ใหเ้ ม่อื ทอผ้ำออกม้ำเป็นผนื แล้ว เกิดเป็นลวดลำยและสีสนั ตำมที่ตอ้ งกำร เดมิ น้นั นยิ มใช้ เส้นไหม แต่ปัจจุบันพบกำรมัดหมที่ ง้ั เส้นไหม ฝำ้ ย และเส้นใยสงั เครำะห์ 3. กำรถำ่ ยทอดควำมรู้และควำมเช่ียวชำญ ทม่ี ำของชุดควำมคดิ นีม้ ำจำกกำรปฏบิ ัติจรงิ ในชุมชนเป็นกำรสบื ทอดมำจำกบรรพบุรุษ เริ่มแรกเป็น กำรทอใช้เองมีกำรลองผดิ ลองถกู จนเกดิ ควำมชำนำญ และมกี ำรถ่ำยทอดจำกร่นุ สู่รุ่นมีกำรพัฒนำไปตำมบริบท ของชุมชนกำรเลือกใชว้ ัสดุทม่ี ีในท้องถนิ่ มีกำรฝกึ ฝนและปฎบิ ตั ิจริงอย่ำงสมำ่ เสมอ 4. ลกั ษณะของเครอื ข่ำยและกำรสร้ำงเครือขำ่ ย กจิ กรรมในชุมชนทุกกจิ กรรม เข้ำรว่ มกิจกรรมชุมชน แนะนำตัวเองถึงควำมสำมำรถเฉพำะทำงของ ตัวเอง ให้สงั คมรู้จัก แล้วจะเกิดกำรแนะนำปำกต่อปำก 5. ผลงำนทเี่ ป็นประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและสังคม เปน็ วิทยำกรสอนกำรทอผำ้ พื้นเมอื งใหก้ ับเยำวชนและประชำชนท่วั ไปในพ้ืนทีต่ ำบลหันนำงำม 6. รำงวัลหรือเกยี รตคิ ุณทีไ่ ด้รับ 1.ผ้ำลำยสำยน้ำฝน นำงเสถียร มูลตรี ไดร้ ับคัดสรรเป็นผลิตภณั ฑด์ ีเด่น ระดบั สำมดำว ภำค ตะวันออกเฉียงเหนอื ประจำปี 2546 ประเภทเครอ่ื งแต่งกำย 2.กล่มุ อำชพี ทม่ี กี ำรบริหำรจัดกำรดเี ดน่ ในงำนมหกรรม OTOP ประจำปี 2547 3.เครือ่ งแต่งกำยผลิตภัณฑผ์ ้ำฝำ้ ยฉลกุ ้อนเมฆ ไดร้ ับคัดสรรเปน็ ผลิตภัณฑ์ ระดบั สำมดำวประจำปี 2549

39 ตำบลหนองกุงแก้ว ประวัตแิ ละผลงำนครูภูมปิ ญั ญำทอ้ งถน่ิ จังหวัดหนองบัวลำภู ด้ำน กำรเกษตรกรรม สำขำ กำรเกษตรอินทรีปอดสำรพษิ นำงสำวจิตตกรณ์ กำญจนกญั โห ภำพ

40 * หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รูปขึ้นไป รูปภาพ นำงสำวจติ ตกรณ์ กำญจนกญั โห

41 ประวตั ิประวัติและผลงำนครูภูมิปัญญำทอ้ งถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู ด้ำน...เกษตรกรรม . สำขำเกษตรอินทรีย์ ปลอดสำรพษิ 1. ประวตั ิและผลงำน จบมธั ยมศึกษำตอนปลำย จำก กศน.อำเภอผำขำว จงั หวดั เลย ผลงำน เปน็ ประธำนกองทนุ หมบู่ ้ำน ดีเดน่ ระดับจงั หวัดหนองบวั ลำภู เป็นประธำนกลุ่ม กลว้ ยอบเนย ของกลุ่มนวตั วิถีโอทอปของอำเภอศรีบญุ เรือง เปน็ สมำชิกกลมุ่ เกษตรอินทรีย์จังหวัดหนองบวั ลำภู 2. องค์ควำมรูแ้ ละควำมเชีย่ วชำญ ดำ้ นกำรเกษตรอนิ ทรปี ลอดสำรพษิ ปลกู ผักคะน้ำ ผกั สลัด ผักกวำงตุง้ กะหล่ำ มะเขือพวง 3. กำรถำ่ ยทอดควำมรแู้ ละควำมเชีย่ วชำญ กำรเกษตรอินทรีปลอดสำรพษิ เปน็ วิทยำกรใหค้ วำมรูส้ ำหรับผู้ทสี่ นใจ เยีย่ มชม สวนเศรษฐกิจ พอเพยี ง 4. ลกั ษณะของเครอื ขำ่ ยและกำรสรำ้ งเครอื ข่ำย ทำกล้วยอบเนยส่งศนู ยก์ ำรค้ำโอทอป จังหวัดหนองบัวลำภูและ เข้ำรว่ มสง่ เสรมิ โครงกำรอำหำร กลำงวันโรงเรยี นหนองกงุ แก้ว 5. ผลงำนท่เี ป็นประโยชนต์ อ่ ชุมชนและสังคม ทำกลว้ ยอบเนยสง่ ศูนยก์ ำรค้ำโอทอป จังหวัดหนองบัวลำภู เข้ำร่วมส่งเสรมิ โครงกำรอำหำรกลำงวัน โรงเรยี นหนองกงุ แกว้ 6. รำงวลั หรอื เกยี รติคณุ ที่ไดร้ บั ไม่มี

คณะผจู้ ดั ทำ นำยประมวล ไชยศรี ผอ.กศน.ศรีบญุ เรือง น.ส.สุรรี ตั น์ ชัยวี บรรณำรักษ์ปฎิบัติกำร น.ส.ปรทิ ัศน์ กองคำ ครอู ำสำสมคั รฯ ครู กศน.ตำบล ครู ศรช. ครผู สู้ อนคนพกิ ำร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook