คำนำ ทำเนียบแหล่งเรียนรู้ เล่มน้ี ได้รวบรวมแหลง่ เรียนรูด้ ำ้ นต่ำง ๆ ทั้ง 9 ด้ำน ประจำเดอื น กุมภำพนั ธ์ 2563 เพื่อเกบ็ รวบรวมเปน็ ขอ้ มลู พ้ืนฐำนดำ้ นแหลง่ เรยี นรู้ประจำอำเภอศรบี ุญเรือง หำกผิดพลำดประกำรใด ขออภัยมำ ณ ทนี่ ี้ดว้ ย กศน.อำเภอศรบี ุญเรือง มกรำคม 2563
สำรบญั แหล่งเรยี นรู้ตำบล หนำ้ เมืองใหม่ 1 โนนม่วง 4 โนนสะอำด 7 กดุ สะเทียน 10 ทรำยทอง 13 นำกอก 17 ยำงหล่อ 21 ศรบี ญุ เรอื ง 24 หนองแก 27 หนองกงุ แก้ว 30 หนองบัวใต้ 34 หันนำงำม 37
ตำบลเมืองใหม่ ประวัติและผลงำนครูภมู ปิ ญั ญำทอ้ งถิ่นจังหวัดหนองบัวลำภู ด้ำน...ศิลปหตั ถกรรมผำ้ ทอพื้นเมอื ง สำขำ...หตั ถกรรมพ้นื บ้ำน นำง...นำงหวำนใจ สำรยิ ำ
* หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รูปข้นึ ไป
ประวัตปิ ระวัติและผลงำนครภู ูมปิ ัญญำท้องถ่ินจงั หวัดหนองบัวลำภู ด้ำน...ผ้ำทอพืน้ เมอื ง สำขำ... ศลิ ปหตั ถกรรมพ้นื บ้ำน 1. ประวัติและผลงำน ผำ้ ทอพ้ืนบำ้ นผลงำนท่ีโดดเด่นของนำงหวำนใจสำริยำ มีลวดลำยเป็นของตนเอง ผลงำน ละเอยี ด มีกำรพัฒนำเพ่ือใหเ้ หมำะสมกบั สภำพหรือบริบทของชมุ ชนและควำมต้องกำรของตลำด สร้ำงงำน สรำ้ งอำชีพท่ีม่ันคงใหก้ บั ชุมชน และสร้ำงชื่อเสียงให้กับกลุ่มทอผ้ำบำ้ นชมพทู องและอำเภอศรบี ุญเรอื ง 2. องคค์ วำมรู้และควำมเช่ียวชำญ ตลอดเวลำ 10 ปี ที่ผำ่ นมำ นำงหวำนใจ สำริยำ มีควำมรคู้ วำมชำนำญด้ำนผำ้ ทอพ้ืนเมอื ง เป็นอย่ำงดี มีกำรพัฒนำผลติ ภัณฑต์ ลอดเวลำและเผยแพร่แลกเปลีย่ นเรยี นรูด้ ้ำนกำรทอผ้ำพื้นเมืองกับทกุ กลุม่ ทกุ ชุมชนเพื่อนำเอำควำมรู้ท่ีได้มำปรบั เปลย่ี นหรอื พฒั นำให้มีควำมเหมำะสมกบั บรบิ ทและควำมนยิ มต่ำงๆ ตลอดเวลำ 3. กำรถ่ำยทอดควำมรู้และควำมเช่ยี วชำญ ที่ผ่ำนมำ นำงหวำนใจ สำริยำ มคี วำมรู้ควำมชำนำญด้ำนผำ้ ทอพนื้ เมอื งเป็นอย่ำงดี มกี ำร พฒั นำผลิตภัณฑต์ ลอดเวลำและเผยแพร่แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ด้ำนกำรทอผำ้ พ้ืนเมืองกบั ทุกกลุม่ ทกุ ชุมชนเพื่อ นำเอำควำมรู้ทไี่ ด้มำปรับเปลี่ยนหรอื พฒั นำให้มคี วำมเหมำะสมกบั บริบทและควำมนิยมตำ่ งๆตลอดเวลำ 4. ลกั ษณะของเครอื ขำ่ ยและกำรสร้ำงเครือข่ำย มีกำรแลกเปลย่ี นเรียนรู้กบั ทุกองค์กร ทุกชมุ ชน เพ่ือสรำ้ งควำมเช่ือถือกับเครือข่ำยหรอื ลูกคำ้ เปิดโอกำสให้ทุกภำคเี ครือข่ำยแลกเปล่ียนควำมรเู้ พือ่ พฒั นำสนิ คำ้ ให้ทันสมยั และเหมำะสมกบั ควำมต้องกำร ของลูกค้ำ เช่นพัฒนำสีสัน รูปแบบ คุณภำพและรำคำ และกำรบรรจุหีบห่อทสี่ วยงำม 5. ผลงำนท่เี ปน็ ประโยชนต์ ่อชมุ ชนและสังคม สรำ้ งรำยได้ ลดรำยจ่ำยและใชเ้ วลำว่ำงให้เกดิ ประโยชน์ เปดิ โอกำสใหค้ นในชมุ ชนมำรวมกลมุ่ กนั เพื่อสรำ้ งจดุ แขง็ ให้กับกบั ชุมชน มีเอกลักษณ์ทโี่ ดดเด่นทำให้เปน็ ทสี่ นใจกับชุมชนอนื่ ๆเพือ่ นำเป็นแบบอยำ่ ง เป็นทส่ี นใจและพูดถึงในสนิ ค้ำหรอื ผลิตภณั ฑ์ผ้ำทอพื้นเมืองเป็นสนิ คำ้ ที่ทุกคนพูดถึงผ้ำทอพื้นเมืองที่คุณภำพดี รำคำไม่แพง และ สวยงำม ต้องผ้ำทอพน้ื เมืองบำ้ นชมพูทอง 6. รำงวลั หรอื เกียรตคิ ณุ ที่ได้รับ - รำงวลั ผลติ ภัณฑผ์ ำ้ ทอพื้นเมือง ระดับดีเด่นของอำเภอศรีบญุ เรือง - รำงวัลกำรแปรรปู ผำ้ ทอ อันดับ 1 จำกสำนกั งำนพัฒนำชมุ ชนอำเภอศรบี ุญเรือง - รำงวัลหมู่บำ้ น ชุมชนทม่ี ีกำรพัฒนำรูปแบบผำ้ ทอท่ีทนั สมัยเหมำะสมกบั ควำมต้องกำรของ ลูกคำ้ - ผู้นำชุมชนดีเดน่ ระดับอำเภอ
ตำบลโนนม่วง ประวัติและผลงำนครภู ูมิปัญญำท้องถนิ่ จงั หวดั หนองบัวลำภู ด้ำนกำรเกษตร สำขำคลงั ปญั ญำ รปู ภาพ นำยสมยั หงษำ
* หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รูปขึ้นไป รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ
นำยสมยั หงษำ ประวัติและผลงำนครภู ูมิปัญญำทอ้ งถนิ่ จงั หวดั หนองบัวลำภู ดำ้ นเกษตร สำขำคลังปญั ญำ 1. ประวัติและผลงำน ท่ีอยนู่ ำยสมัย หงษำ ที่อยู่ 121 หมูท่ ่ี 12 บำ้ นโนนมว่ ง ตำบลโนนม่วง อำเภอศรบี ุญเรือง จังหวัด หนองบวั ลำภู พื้นท่ีปลูกผักหวำนป่ำ 2 ไร่ เริ่มปลูก จำนวน 400 ตน้ อำยุ 10 ปี แหลง่ ที่มำของพันธุ์ จำก จงั หวัดสระบรุ ี ปลูกครั้งแรกในปี 2549 จำนวน 300 ตน้ ก่อนจะมำเปน็ สวนผกั หวำนป่ำ แมส่ มรตอ้ งกำรมสี วนผกั หวำนปำ่ ควำมคิดเริม่ ตน้ เกิดจำกกำรไปขำย ของในตลำดแล้วเห็นคนนำยอดผกั หวำนปำ่ มำขำย จงึ ต้องกำรมสี วนผักหวำนปำ่ บำ้ ง เพรำะเหน็ วำ่ ในพนื้ ท่ี ตนเองก็พอมผี กั หวำนป่ำตำมธรรมชำติอยู่บำ้ งแล้ว กำรนำมำปลูกในพนื้ ที่กต็ อ้ งเปน็ ไปได้ โดยมลี กู ชำยเปน็ กำลงั สำคญั ในกำรศึกษำดูงำน เรียนรแู้ ละนำพันธุ์มำให้ปลูก สภำพกำรปลกู ปลกู ในสภำพดนิ ลกู รัง พืน้ ที่ป่ำเบจพรรณ ปลกู แซมในพื้นท่ปี ่ำดั้งเดิม โดยเลือกปลกู แทรกลงไประหว่ำงต้นไม้เดิมท่มี ี กำรมีไม้เดิมเป็นพ่ีเล้ียงทำใหก้ ำรปลูกประสบควำมสำเร็จมำก เพรำะมตี ้นที่ รอดตำยกวำ่ ร้อยละ 90 ควำมยำกลำบำกในช่วงตน้ แม้ว่ำจะมีพชื พเ่ี ลี้ยง แต่กำรปลูกชว่ งเริม่ ต้น แม่สมรและพี่สำวตอ้ งหำบ นำ้ จำกบ่อเพื่อนำมำรดต้นผักหวำนปำ่ ในฤดแู ล้ง กำรคอยเฝ้ำระวังกำรทำลำยของแมลงศตั รู รวมไปถงึ กำร ป้องกนั กำจัดวัชพืช 2. องคค์ วำมรู้และควำมเช่ียวชำญ ผลิตผักหวำนปำ่ ในพ้ืนท่ีพอเหมำะสม ผสมผสำนส่งิ ท่มี ีเดิมให้สอดคล้องกบั สิ่งใหม่ทจ่ี ะนำเข้ำมำ มคี วำมพอเพยี งกับแรงงำนท่ีมีในครอบครวั มลี กู ชำยทมี่ แี นวควำมคิดในกำรพัฒนำตำมแนวทำงของเขำทจ่ี ะ สำนตอ่ และสืบทอดกำรผลติ มกี ำรมองอนำคตกำรผลิตผกั หวำนป่ำตำมศกั ยภำพพืช ระยะกำรใหผ้ ลผลติ ให้ สอดคล้องกบั ครอบครวั ชุมชน และมองควำมเปน็ ไปไดใ้ นอนำคตท่ีจะพัฒนำต่อไป 3. กำรถ่ำยทอดควำมร้แู ละควำมเช่ียวชำญ แปลงนำยสมยั หงษำ เปน็ แหล่งศกึ ษำดูงำนและแปลงเรยี นรู้เกษตรผสมผสำนและกำรผลิต ผกั หวำนป่ำ โดยสถำนพี ัฒนำที่ดินหนองบัวลำภไู ดส้ นับสนุนดำ้ นกำรผลติ ปยุ๋ หมัก และน้ำหมักสูตรต่ำงๆ รวมท้ังกำรปรับปรุงบำรงุ ดินด้วยใหคำแนะนำควำมรูเกยี่ วกับกำรใชวสั ดปุ รับปรุงดนิ ตำงๆ รวมถงึ ชวยแจกจ ำยใหเกษตรกรแทนเจำหนำท่ีได้ 4. ลักษณะของเครือขำ่ ยและกำรสรำ้ งเครอื ข่ำย เปน็ หมอดนิ มีควำมพรอมในกำรใหคำแนะนำควำมรูเกยี่ วกับกำรใชวสั ดุปรบั ปรงุ ดินตำงๆ รวม ถงึ ชวยแจกจำยใหเกษตรกรแทนเจำหนำท่ีได้ 5. ผลงำนทเี่ ป็นประโยชนต์ ่อชุมชนและสังคม กจิ กรรมจุดเรยี นรูประจำตำบล / ศนู ยเรยี นรูกำรพัฒนำทด่ี ิน ฯ 6. รำงวลั หรือเกียรตคิ ณุ ท่ไี ดร้ ับ หมอดนิ อำสำประจำหมู่บำ้ น
ตำบลโนนสะอำด ประวัติและผลงำนครูภมู ิปญั ญำท้องถนิ่ จงั หวดั หนองบัวลำภู ดำ้ นเศรษฐกจิ พอเพียง สำขำปยุ๋ หมกั ชีวภำพ นำยบญุ ลอื ศรภี วู งษ์
นำยบุญลอื ศรภี ูวงษ์ ประวัติและผลงำนครูภมู ปิ ัญญำทอ้ งถิ่น ต.โนนสะอำด อ.ศรีบญุ เรอื ง จงั หวดั หนองบวั ลำภู ดำ้ นเศรษฐกิจพอเพียง สำขำปุ๋ยหมักชีวภำพ 1. ประวัติและผลงำน นำยบุญลอื ศรีภวู งษ์ อย่บู ้ำนเลขที่ 125/1 ม.2 บำ้ นหนิ ตลำด ตำบลโนนสะอำด อำเภอศรบี ุญ เรือง จังหวดั หนองบัวลำภู เป็นข้ำรำชกำรชำนำญกำรพเิ ศษเกษียณรำชกำร พอเกษียณรำชกำรเลยหันมำทำ เกษตรผสมผสำนที่บ้ำนซ่ึงมีกำรปลูกผัก ทำบ่อเลยี้ งปลำในไรน่ ำ เล้ยี งไก่พ้ืนเมือง และทำปยุ๋ หมักเองจำกกำร ลองผิดลองถกู จนเปน็ ทีย่ อมรับของคนในชมุ ชนจนไดเ้ ป็นปรำช์ชำวบ้ำน และเปน็ วทิ ยำกร ดำ้ นเศรษฐกิจ พอเพียง 2. องค์ควำมรู้และควำมเชี่ยวชำญ กำรทำปุ๋ยหมักชวี ภำพ 3. กำรถ่ำยทอดควำมรูแ้ ละควำมเช่ียวชำญ ถ่ำยทอดควำมรูใ้ ห้กับชำวบำ้ นในชมุ ชน 4. ลักษณะของเครือขำ่ ยและกำรสร้ำงเครือข่ำย เครือข่ำยเทศบำลตำบลโนนสะอำด กศน. เกษตรตำบล,อำเภอ 5. ผลงำนทเี่ ปน็ ประโยชนต์ ่อชุมชนและสังคม กำรใหค้ วำมรู้ดำ้ นเศรษฐกิจพอเพียงกับคนในชมุ ชน ในเวทีไทยนิยมยง่ั ยนื 6. รำงวัลหรือเกียรติคุณท่ไี ดร้ ับ ได้รบั กำรยกยอ่ งใหเ้ ป็นปรำชญ์ชำวบำ้ นในชมุ ชนดำ้ นเกษตรผสมผสำน
ตำบลกดุ สะเทียน ประวัตแิ ละผลงานครภู ูมปิ ญั ญาท้องถ่นิ จังหวดั หนองบัวลาภู ดา้ นอตุ สาหกรรม สาขาหัตถกรรม นางลาปาง บุญประคม
* หมายเหตุ ใสร่ ปู ภาพ 2 – 5 รูปข้นึ ไป
นำงลำปำง บุญประคม ประวตั ปิ ระวัติและผลงำนครภู ูมิปัญญำท้องถน่ิ จงั หวดั หนองบัวลำภู ด้ำนอตุ สำหกรรม สำขำหัตถกรรม 1. ประวัติและผลงำน เปน็ วิทยำกรถ่ำยทอดควำมรู้ด้ำนกำรทอเสอ่ื กก ณ บ้ำนกุดสะเทียนต.ศรีบุญเรือง จ. หนองบวั ลำภู 2. องคค์ วำมรู้และควำมเช่ียวชำญ มีควำมรูด้ ้ำนกำรทอเสอ่ื กก มีกำรจำหนำ่ ยผลติ ภณั ฑ์ในตำบลและนอกสถำนที่ 3. กำรถำ่ ยทอดควำมรแู้ ละควำมเชย่ี วชำญ ถำ่ ยทอดควำมรู้ได้ในตำบลและพ้นื ท่ใี กลเ้ คียง 4. ลกั ษณะของเครอื ข่ำยและกำรสร้ำงเครอื ข่ำย เปน็ องค์กรชุมชนในพ้ืนท่ีตำบลกดุ สะเทียนที่ไดร้ บั ผิดชอบ 5. ผลงำนที่เปน็ ประโยชนต์ ่อชมุ ชนและสงั คม ให้ควำมรใู้ นเรื่องกำรทอเส่ือกก 6. รำงวัลหรอื เกียรตคิ ณุ ท่ไี ดร้ บั ไดใ้ บวุฒิบตั รจำก สนง.กศน.จ.หนองบัวลำภู
ตำบลทรำยทอง ประวตั ิและผลงานครภู มู ิปญั ญาทอ้ งถ่ินจังหวัดหนองบัวลาภู ด้าน วรรณกรรมและการแสดง สาขา นกั ประพนั ธ์เพลง นายบญุ เพ็ง เหง้าประสทิ ธิ์
* หมายเหตุ ใสร่ ปู ภาพ 2 – 5 รูปขึ้นไป รูปภาพ รูปภาพ รูป ภาพ
ประวัติประวัตแิ ละผลงานครูภูมิปญั ญาท้องถ่ินจังหวดั หนองบวั ลาภู ดา้ น วรรณกรรมและการแสดง สาขา นักประพนั ธ์เพลง 1. ประวตั แิ ละผลงาน นายบุญเพง็ เหง้าประสิทธิ์ อยบู่ า้ นเลขท่ี 28 หม่ทู ี่ 9 ต.ทรายทอง อ.ศรบี ญุ เรือง จ. หนองบัวลาภู 39180 เปน็ ปราชญช์ าวบา้ นระดับตาบลเป็นผู้ทเ่ี คยผ่านการเขา้ ฝึกอบรมทรัพยส์ ินทางปญั ญาใน ดา้ นนกั ประพนั ธ์เพลงหรือในนามครูเพลงตาบลทรายทอง ไดแ้ ตเ่ พลงใหก้ ับนักร้องสาว ส้มนริศรา อาร์สยาม เพลง วอนพ่ีดี สาวน้อยวยั ซิ่ง ซ่งิ ประยุค 2. องค์ความรแู้ ละความเช่ยี วชาญ คาว่า “เพลง” มอี งค์ประกอบ ๒ สว่ น ๑. เน้อื ร้อง หรอื คาร้องหมายถึง ถ้อยคาทน่ี ามาเรียบเรยี งตามหลกั เกณฑ์และแบบแผนของบทประพันธ์ เพ่ือ แสดงความหมายแสดงอารมณ์ให้สอดคล้องตามชอื่ ของเพลง ๒. ทานอง หมายถงึ เสียงสงู ๆ ตา่ ๆ หลาย ๆ เสียงมาต่อกนั จากระดบั เสียงระดับหนึ่งไปสู่ระดับเสียงอนื่ เปน็ วรรค เป็นตอน ตามหลักของการประพนั ธ์ การดาเนนิ ทานองเปน็ ไปตามจังหวะสมา่ เสมอ คงที่ ช้าเรว็ แล้วแต่ ผูป้ ระพนั ธเ์ ป็นผ้กู าหนด เพลงไทย หมายถงึ ทานองที่มีเน้อื รอ้ งตามหลักเกณฑก์ ารประพนั ธข์ องคนไทย บางครัง้ เรียกว่า เพลงไทยเดิม มีลักษณะแตกต่างไปจากเพลงของชาติอ่นื ๆ ในโลก กลา่ วคือ คตี กวีหรือนักแตง่ เพลง จะแต่ง ทานองข้ึนก่อนแลว้ จงึ ตั้งชื่อเพลงนั้น สาหรบั เนือ้ ร้องบางคร้งั คตี กวแี ต่งข้ึนเองก็มี หรือเอาเน้ือร้องจากคา ประพันธ์ท่ีไพเราะในวรรณคดีต่างๆ เช่นจากพระอภัยมณีพระลอ ขุนช้างขนุ แผน ฯลฯ นักแตง่ เพลง แตง่ เพลง ขึ้นตอนแรกจะมจี ังหวะปานกลางแต่บางครั้งก็เอาทานองนั้นไปขยายให้ยาวข้ึนและยุบทานองใหส้ น้ั ลง แลว้ นามาบรรเลงตดิ ต่อกนั โดยเริ่มทานองขยายก่อนด้วยจังหวะชา้ เรยี กว่าจงั หวะ ๓ ชนั้ ต่อด้วยทานองเดิมจงั หวะ ปานกลางเรยี กวา่ ๒ ช้ัน และต่อด้วยทานองทยี่ บุ ให้สนั้ ลงดว้ ยจังหวะเรว็ เรียกวา่ ชน้ั เดยี ว เพลงทมี่ ีลักษณะ อย่างนี้เรยี กว่าเพลงเถา ถา้ นาไปบรรเลงเพยี งจังหวะเดยี วเรียกเพลงเกรด็ และนาเพลงเกรด็ หลาย ๆ เพลงมา บรรเลงตดิ ต่อกนั เรียกวา่ เพลงตบั การที่เพลงไทยอาศัยเนื้อร้องจากคาประพันธ์อื่นมา สวมใส่ทานองท่ีแตง่ ไว้แล้ว ทานองและเน้ือ รอ้ งจึงไม่พอดีกนั เพลงไทยจงึ มกี าร “เอื้อน” ในทานองที่ไม่มีเนือ้ โดยใช้เสียง “เออ” หรือ “เอย” และ ลักษณะน้ีเองทาใหเ้ พลงไทยไมเ่ หมือนเพลงของชาติอ่ืน ๆ ในโลก และเปน็ เอกลกั ษณข์ องเพลงไทย โดยเฉพาะ สมควรทีเ่ ราคนไทยควรศึกษาให้รู้ไว้บ้าง ปัจจุบนั ยังใช้บรรเลงกันอยู่โดยเฉพาะภาคกลางของประเทศ และ โรงเรียนต่าง ๆ ทว่ั ประเทศ เพลงไทยทีใ่ ช้บรรเลงแพร่หลายในปัจจบุ ันหรือเรยี กว่าเพลงไทยสากล ได้รับการพฒั นาและใช้ หลักเกณฑก์ ารดนตรีมากขึ้น คารอ้ งกพ็ อดีกบั ทานองไมต่ ้องเออื้ นเหมือนเพลงไทยเดิม
เพลงพ้นื บ้าน หมายถึง ทานองที่มีเน้ือร้องของคนแต่ละท้องถิ่น เช่น ภาคกลางมลี าตัด เพลง ฉ่อย เพลงอีแซว ภาคเหนือมี จอ๊ ย, ซอ, ฮ่า, คา่ ว, ภาคอีสานมีลากลอน ลายาวหรอื ลาล่อง ลาภูไท ลาผญายอ่ ย เปน็ ต้น 3. การถ่ายทอดความรแู้ ละความเชยี่ วชาญ เป็นวิทยากรประจาตาบลดา้ นประพนั ธเ์ พลง เปน็ พธิ กี รงานบุญต่างๆ แตง่ เพลงแต่งคา กลอนอวยพรในโอกาสสาคัญ เชน่ ปใี หม่ ขึ้นบ้านใหม่ วนั สงกรานต์ เปน็ วทิ ยากรไทยนิยมยง่ั ยืนรับหน้าท่ี ปราชญ์ประจาตาบล 4. ลกั ษณะของเครอื ขา่ ยและการสรา้ งเครอื ขา่ ย ทางานรม่ กับหนว่ ยงานราชการหลายหนว่ ยงานโดยหารรับหนา้ ทีเ่ ปน็ วิทยากร เชน่ รพ.สต.บา้ น ทรายมลู กศน. อบต. โรงเรยี นตา่ งๆในตาบล 5. ผลงานทเ่ี ป็นประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนและสังคม เป็นวิทยากรประจาตาบลด้านประพนั ธเ์ พลง เป็นพิธีกรงานบญุ ต่างๆ เป็นวิทยากรไทยนิยมย่งั ยืนรบั หน้าท่ปี ราชญป์ ระจาตาบล 6. รางวัลหรือเกยี รตคิ ุณที่ได้รบั ได้รบั รางวัลนักประพันธเ์ พลงพืน้ บ้าน จากโครงการทรพั ยส์ ินทางปัญญา ในปี 2547
ตำบลนำกอก ประวัติและผลงำนครูภมู ิปญั ญำทอ้ งถิน่ จังหวดั หนองบัวลำภู ดำ้ น.ควำมคดิ สรำ้ งสรรค์ สำขำหัตถกรรม นำงสวสั ด์ิ สีพรม
* หมำยเหตุ ใสร่ ูปภำพ 2 – 5 รูปขึ้นไป รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ
นำงสวสั ดิ์ สีพรม ประวตั ปิ ระวตั ิและผลงำนครภู มู ิปญั ญำท้องถิ่นจงั หวัดหนองบัวลำภู ด้ำนควำมคิดสร้ำงสรรค์ สำขำ หตั ถกรรม 1. ประวัติและผลงำน ในปัจจุบันบำยศรีเป็นสิ่งประดิษฐ์จำกใบตองกล้วย ทำเป็นชั้นๆ มีขนำดใหญ่เล็กสอยขึ้นไป ตำมลำดับ เป็น 3 ชั้น 5 ชั้น 7 ช้ัน ตกแต่งด้วยดอกไม้มงคลขึ้นอยู่กับควำมเหมำะสมของงำน เช่น งำนบวช นำค งำนแต่งงำน งำนขึ้นบ้ำนใหม่ งำนต้อนรับผูกข้อมือ งำนวันแม่ และงำนสู่ขวัญต่ำงๆ บำยศรีมีช่ือเรียก หลำยช่ือ และใช้ตำมเหมำะสมกบั งำน เช่น บำยศรเี ทพ บำยศรพี รหม บำยศรฉี ตั ร กำเนิดของบำยศรีจะเกิดข้ึน จำกประเพณีวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น กำรทำพำนบำยศรีเป็นหลักสูตรท่ีมุ่งพัฒนำควำมรู้ควำมสำมำรถ ควำมเข้ำใจตลอดจนเกิดทักษะด้ำนอำชีพแก่ประชำชนและผู้สนใจท่ัวไปนำไปประกอบกำรตัดสินใจตำมควำม ถนัดควำมสนใจเลือกงำนอำชีพ หรือปรับปรุงส่งเสริมอำชีพที่ทำอยู่แล้วให้ดียิ่งข้ึนเพื่อเป็นกำรส่งเสริมและ พัฒนำกลุ่มอำชีพเดียวกันในชุมชนให้เกิดกำรเรียนรู้ตลอดชีวิต ส่งเสริม สนับสนุนกำรใช้ต้นทุนของชุมชนและ หน่วยงำนให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพ่ือสร้ำงงำนและเพ่ิมรำยได้ให้กับประชำชน โดยมุ่งเน้น กำรปฏิบัติจริงที่ บรู ณำกำรกับวถิ ีชวี ิตให้กับบุคคลและชมุ ชน 2. องค์ควำมรู้และควำมเชี่ยวชำญ ปญั หำกำรว่ำงงำนและเสริมสรำ้ งควำมเข้มแขง็ ให้กับเศรษฐกิจชุมชน จึงได้จัดทำหลักสูตรในเรื่องของกำร เพ่ิมเอกลักษณ์ รูปแบบ ลวดลำย /ผลิตภัณฑ์ของ กลุ่มอำชีพให้เป็นท่ีต้องกำรของตลำดส่งเสริมกำรพัฒนำ อำชีพด้วย ท่ีสำคัญคือนำควำมรู้ท่ีได้รับไปปรับใช้ในกำรดำเนินกิจกรรมของกลุ่ม อำชีพและพัฒนำสู่กำรมีงำน ทำอย่ำงยั่งยืนและนำไปสู่กำรประกอบอำชีพ อีกทั้งกำรพัฒนำในเร่ืองกำรทำพำนบำยศรีและกำรจัดกำร ทำงดำ้ นกำรตลำดของกล่มุ อำชพี ใหเ้ ป็นท่ีต้องกำรของตลำดและภมู ภิ ำคตอ่ ไป 3. กำรถ่ำยทอดควำมรู้และควำมเช่ยี วชำญ งำนที่ทำด้วยใบตอง เป็นงำนท่ีท้ำทำยมือ ต้องได้ลอง ลองจับ ลองทำ ลองสัมผัสกำรสัมผัส บ่อยๆ พรอ้ มทง้ั บอกหวั ใจตัวเองว่ำ ไมย่ ำกหรอก ทำได้ จับบ่อยๆ เด๋ียวมือก็ไปเองค่ะ มือสองมือที่แม่ให้ มำ บันดล บันดำล อะไรได้หลำยอย่ำงทีเดียวค่ะ ถ้ำใจอยำกทำ เร่ิมแรก ด้วยกำร คัดเลือกใบตอง เป็น สำมประเภทกอ่ นนะวันนีเ้ รำจะเอำแคท่ ำตัวแมงดำ แม่บำยศรี ลกู บำยศรี ให้สำเรจ็ ก่อนนะคะ แรกสดุ เรำควรคัดเลอื กใบตอง แบบสนั้ แบบยำว ไว้ก่อนและฉกี ใบตอง ( ใช้ปลำยเล็บกรีดไปตำมรอยของ ใบตอง )ขนำดกว้ำง หนึ่งน้ิว สองน้ิว สองน้ิวครึ่งไว้ก่อนนะ ส่วนควำมยำวว่ำไปตำมธรรมชำติของใบตอง นั้นหลังจำกได้ตัวแม่บำยศรีแล้ว ทีน้ีมำถึงตัวลูก ตัวลูก น่ี เรำสำมำรถยกนมน้อยๆก็ได้นะคะ เท่ำท่ี สังเกต เค้ำจะทำ สำมชั้น ห้ำชั้น แล้วแต่ ชอบ สำหรับงำนนี้ ทำสำมช้ันนะคะตัวจะเล็กมำก ฉีก ใบตอง ประมำณหนึ่งนิ้วนะค่ะ ยกนม เหมือนภำพด้ำนบน ดังที่กล่ำวมำแล้ว แต่ไม่ต้องใส่ลวดด้ำนใน ใบตอง หลงั จำกนนั้ นำตวั ลกู บำยศรี ( ลกู แมงดำ ) มำเข้ำตัวกบั ตวั แม่ โดยใช้ใบตองขนำดประมำณสองนิ้ว ครึง่ ถึงสำมน้วิ เป็นตัวหอ่ ตวั หอ่ สำคญั มำก จะต้องใชก้ ำลังมือดึงให้ตงึ
4. ลักษณะของเครอื ขำ่ ยและกำรสรำ้ งเครอื ข่ำย มงุ่ พัฒนำคนไทยให้ไดร้ บั กำรศึกษำเพ่ือพัฒนำอำชีพและกำรมีงำนท ำอย่ำงมีคุณภำพทั่วถงึ และ เทำ่ เทยี มกัน สำมำรถสร้ำงรำยไดท้ ี่มน่ั คง และเปน็ บุคคลท่ีมีวินัยเป่ียมไปดว้ ยคุณธรรม จริยธรรม มีจติ ส ำนกึ ควำมรับผดิ ชอบต่อตนเอง ผู้อ่ืน และสังคม 5. ผลงำนทเ่ี ป็นประโยชนต์ ่อชมุ ชนและสังคม ผเู้ รียนรจู้ กั นำทรพั ยำกรในทอ้ งถน่ิ มำใช้ให้เกิดประโยชนอ์ ยำ่ งคุ้มคำ่ 6. รำงวลั หรือเกียรติคุณที่ไดร้ บั ได้รับเกียรตบิ ตั รจำกสำนกั งำน กศน.จังหวัดหนองบัวลำภู
ตำบลยำงหล่อ ประวัติและผลงำนครูภมู ิปญั ญำทอ้ งถิ่นจังหวดั หนองบัวลำภู ด้ำน เกษตรกรรม สำขำ เศรษฐกจิ พอเพียง นำยสังเวียน ลำกุล อำยุ 65 ปี ท่อี ยู่ บำ้ นเลขท่ี 131/1 หมูท่ ี่ 2 ตำบลยำงหลอ่ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวดั หนองบัวลำภู 39180 เบอร์โทรศพั ท์ 087-8647564
ภำพ แหล่งเรยี นรู้
นำยสงั เวยี น ลำกลุ ประวตั ิประวัติและผลงำนครภู มู ิปญั ญำท้องถิ่นจังหวดั หนองบัวลำภู ดำ้ นเกษตรกรรม สำขำเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. ประวัติและผลงำน - วทิ ยำกรผู้นำสมั มำชพี - ทำเกษตรผสมผสำน - เลย้ี งสัตว์ 2. องคค์ วำมรู้และควำมเชี่ยวชำญ - กำรทำนำ้ หมกั - กำรเลี้ยงเปด็ ไก่ - กำรปลูกพชื ผัก 3. กำรถำ่ ยทอดควำมรูแ้ ละควำมเชยี่ วชำญ - บรรยำย - สำธติ - เชยี วชำญกำรทำป๋ยุ หมกั น้ำหมกั ชวี ิติภำพ - กำรตกแตง่ ก่ิง 4. ลักษณะของเครือขำ่ ยและกำรสร้ำงเครือข่ำย -- แลกเปล่ียนเรยี นรูอ้ งคค์ วำมรกู้ บั หน่วยงำนตำ่ งๆ 5. ผลงำนท่เี ป็นประโยชน์ต่อชมุ ชนและสงั คม - แลกเปลยี่ นเรยี นรูอ้ งคค์ วำมรู้ใหก้ ับประชำชนในชุมชน 6. รำงวลั หรือเกียรติคณุ ท่ไี ด้รบั วิทยำกรผนู้ ำสมั มำชีพ
กศน.ตาบลศรบี ุญเรอื ง ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอศรีบญุ เรือง ภายใตก้ ารสง่ เสริมสนบั สนุน ของสานกั งานสานักงาน กศน.จงั หวัดหนองบัวลาภู แหล่งเรียนรู้/ศนู ย์เรยี นรู้ท่ีประสบความสาเรจ็ ชอ่ื ภมู ปิ ัญญา เกษตรกรปราดเปรื่องต้นแบบดา้ นขา้ ว สาขาคลงั ปญั ญา ดา้ นการเกษตร สาขาภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ สาขาเกษตรกรรม ดา้ นปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หม่ ช่อื นายบุญตา ศรมี ลู เรือง บ้านนาแพง หมู่ 4 ตาบลศรีบุญเรือง อาเภอศรบี ุญเรือง จังหวดั หนองบัวลาภู ความเปน็ มาของบุคคลคลงั ปญั ญา ดว้ ยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไดก้ าหนดนโยบายการพัฒนาเกษตรกรใหเ้ ปน็ Smart Farmer โดย มี Smart Officer เปน็ เพื่อนคู่คดิ เพื่อให้เกษตรกรไทย มีความพร้อม มคี วามรู้ ความเช่ยี วชาญ ในการ ประกอบอาชีพดา้ นการเกษตร สอดคล้องกบั วถิ ีชีวิตและลักษณะการประกอบอาชีพของแต่ละบุคคล มกี ารให้ความสาคญั ในการใช้องค์ความรู้ และข้อมูลในการตัดสินใจ มกี ารนาเทคโนโลยภี มู ิปญั ญา และวธิ ีการ ปฏบิ ตั ิท่ีดีมาใชห้ รือพัฒนาการผลติ สินคา้ เกษตร โดยตระหนักถึงคุณภาพและปริมาณความตอ้ งการของตลาด รวมถึงความปลอดภยั ต่อผู้บริโภคและสิง่ แวดลอ้ ม และดาเนินการพฒั นาเกษตรกรมาอย่างตอ่ เน่ือง กรมสง่ เสริมสหกรณ์ ซงึ่ เปน็ หนว่ ยงานทสี่ ่งเสรมิ ดูแลสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เลง็ เห็นวา่ การท่จี ะ ให้เกษตรกรสมาชกิ เกดิ ความเข้มแข็งมคี ุณภาพชวี ิตทดี่ ี นอกจากจะมคี วามรู้ดา้ นการสหกรณแ์ ละด้านการ บริหารการจัดการในรูปแบบสหกรณ์เพ่ือให้เกดิ การรวมกล่มุ ช่วยเหลอื ตนเองและช่วยเหลือซงึ่ กนั และกันตาม วิธกี ารสหกรณ์แล้ว ควรจะมคี วามรู้ในด้านตา่ งๆ ท่ีเหมาะสม ได้แก่ ความร้ใู นเร่ืองการเกษตรทต่ี นทาอยู่ มี ขอ้ มลู ทีจ่ ะใช้ในการประกอบการตัดสินใจในการผลิตและการตลาด รวมทง้ั มีความตระหนักถึงคุณภาพของ สินค้าเกษตรท่ตี นผลิตและความปลอดภยั ตอ่ ผู้บรโิ ภคท่จี ะซื้อสินค้าของตน มีความรับผดิ ชอบต่อสิ่งแวดล้อม
และสงั คมท่ตี นอาศยั อยู่ และท้ายสดุ มคี วามภมู ิใจในอาชพี เกษตรของตน สามารถถา่ ยทอดประสบการณ์ ความรไู้ ปยงั เกษตรกรสมาชกิ รายอื่นได้ เมอื่ ประเมนิ คณุ สมบตั ดิ า้ นรายได้และคุณสมบตั ิพน้ื ฐานเกษตรกร สมาชกิ รายน้นั จะอยู่ในกลุ่ม Existing Smart Farmer เพ่ือพัฒนาไปสู่ Smart Farmer ต้นแบบ ต่อไป กรมฯ จึงได้ดาเนนิ การจดั ทาโครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer) ของกรมส่งเสริมสหกรณข์ ึ้น จดุ เดน่ ของภมู ิปัญญาท้องถิ่น นายบญุ ตา ศรมี ูลเมือง ไดร้ บั การคดั เลือกใหเ้ ปน็ บุคคลต้นแบบในการทาเกษตรกร ดา้ นการผลติ ขา้ ว และไร่นาสวนผสม ของ ตาบลศรบี ญุ เรอื ง และเปน็ บคุ ลตน้ แบบของ อาเภอศรบี ญุ เรืองในดา้ นภูมปิ ญั ญา ท้องถิ่นด้านการเกษตร และไดร้ ับการพฒั นา และอบรมเป็นวทิ ยากรมืออาชีพ กิจกรรมการเรยี นรู้ของแหล่ง/ศูนย์เรยี นรู้ (กลา่ วโดยสรุป) เปน็ แหล่งเรียนรู้การทาไรน่ าสวนผสมตามแนวทางหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เชน่ การปลูก ผักสวนครวั ปลอดสารพษิ การเลี้ยงปลาในบ่อ การปลูกพืชหมุนเวียน ฯลฯ Smart Farmer ต้นแบบ หมายถึง เกษตรกรทผี่ ่านการพิจารณาเปน็ Existing Smart Farmer แลว้ และผ่าน คุณสมบัติของ Smart Farmer ตน้ แบบ ในแตล่ ะสาขา จานวน 10 สาขาหลัก ไดแ้ ก่ ข้าว ปาล์มนา้ มนั ยางพารา ขา้ วโพดเลยี้ งสตั ว์ มันสาปะหลงั อ้อยโรงงาน ประมง ปศสุ ตั ว์ เกษตรผสมผสาน Young Smart Farmer และสาขาอ่นื ๆ ที่มีความโดดเด่นในการทาการเกษตรในสาขานน้ั ของแตล่ ะพ้ืนท่ี และสามารถเป็น ต้นแบบ และเปน็ บทเรยี นใหก้ บั เกษตรกรรายอืน่ ๆ ได้ Smart Member หมายถงึ Smart Farmer ทเ่ี ปน็ สมาชกิ สหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกร สามารถเปน็ ตน้ แบบในการพฒั นาตนเองและพัฒนาอาชีพแกส่ มาชิกสหกรณห์ รือกลมุ่ เกษตรกรรายอ่ืนๆ Young Smart Farmer หมายถึง เกษตรกรรุ่นใหม่ทีป่ ระกอบอาชพี และมีความสามารถ ดา้ นการเกษตร สามารถทดแทนเกษตรกรรนุ่ สูงอายุ นาเทคโนโลยสี มยั ใหมม่ าประยุกต์ใช้เพอื่ เพม่ิ ประสิทธิภาพ การผลติ การบรหิ ารการจัดการ และการตลาดสินคา้ เกษตร ไม่จากัดเพศ อายรุ ะหวา่ ง 17 – 45 ปี จบ การศึกษา ระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 ขน้ึ ไป และเปน็ Smart Farmer เนอื่ งจากผลการคดั กรองสามารถผ่านคุณสมบตั ิ ด้านรายได้ที่ไม่ต่ากวา่ 180,000 บาท/ครัวเรือน/ปี และผ่านคุณสมบตั ิ พ้นื ฐานครบทั้ง 6 ข้อ โดยผ่านตัวบ่งช้ี อย่างน้อย 1 ตัว ในแตล่ ะคุณสมบัติ รายได้ไมต่ ่ากวา่ 180,000 บาท/ครัวเรอื น/ปี หมายถงึ รายไดจ้ ากการทาการเกษตรของ ครัวเรือนเกษตรกร เป็นรายไดท้ ี่เปน็ เงินสดจากการจาหน่ายผลผลติ ผลพลอยได้และสิง่ อื่นใดท่ีได้จาก กระบวนการผลิต ทางการเกษตร ซ่ึงได้จากการจาหนา่ ยตามจานวนหรือปรมิ าณทคี่ รวั เรือนเกษตรกรไดร้ ับ ไม่ ตา่ กวา่ 180,000 บาท /ครัวเรือน/ปี นอกจากน้ใี ห้รวมถึงคาจากดั ความของรายได้ทางการเกษตรตามคา นิยามของการสารวจข้อมลู ความจาเปน็ พื้นฐาน (จปฐ.) ของกรมการพฒั นาชมุ ชน กระทรวงมหาดไทย ข้อมูล
รายไดข้ องเกษตรกรจากธนาคาร เพอ่ื การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และข้อมลู บัญชคี รวั เรือนของกล่มุ อาชพี ของกรมตรวจบญั ชสี หกรณ์ดว้ ย ภาพกิจกรรมในแหลง่ เรยี นรู้
ตาบลหนองแก ประวัติและผลงานครภู ูมิปัญญาทอ้ งถ่ินจังหวดั หนองบัวลาภู ด้าน ภูมปิ ัญญาด้านเกษตรผสมผสาน นางบญุ เพง็ พลหมอ
นางบญุ เพ็ง พลหมอ ประวัติประวตั แิ ละผลงานครูภูมิปญั ญาท้องถน่ิ จงั หวดั หนองบัวลาภู ดา้ น เกษตรผสมผสาน 1. ประวัติและผลงาน เปน็ แหล่งเรียนรทู้ ่ีไดร้ ับรางวัลชนะเลิศ การปลกู ผักปลอดสารพิษ ของบา้ นสาราญสุข ตาบล หนองแก อาเภอศรบี ุญเรอื ง จังหวัดหนองบวั ลาภู และเป็นแหลง่ ศึกษาดูงานของผ้ทู ส่ี นใจในตาบลและ นกั เรยี นนักศึกษาทส่ี นใจในการทาเกษตรผสมผสาน 2. องค์ความร้แู ละความเชี่ยวชาญ จัดกิจกรรมการเรยี นการสอนโดยยดึ หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ ตามแนว พระราชดาริ กลา่ วคือ เศรษฐกิจพอเพยี งกบั แนวทางปฏบิ ัติของเกษตรทฤษฎใี หม่ เปน็ แนวทางในการพัฒนา ทน่ี าไปสู่ความสามารถในการพง่ึ ตนเองในระดบั ตา่ งๆ อยา่ งเป็นข้ันตอนโดยลดความเส่ยี งเกย่ี วกับความผันแปร ของธรรมชาตหิ รือการเปลี่ยนแปลงจากปัจจยั ตา่ งๆ โดยยึดหลกั ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และมี ภมู ิคมุ้ กนั ในตวั ทด่ี ี โดยมสี องเงื่อนไขคือ ความรู้ และคณุ ธรรม มีความเพียรและความอดทน สตแิ ละปัญญา การช่วยเหลอื ซง่ึ กนั และกัน และความสามัคคี กศน.ตาบลหนองแก จึงจดั กิจกรรมการเรียนรู้ - เกษตรทฤษฏใี หม่ - การจัดทาบญั ชีครัวเรือน - การทาปุ๋ยหมกั น้ายาชวี ภาพ 3. การถ่ายทอดความรแู้ ละความเช่ยี วชาญ ถา่ ยทอดความรู้โดยนางบญุ เพ็ง พลหมอ เกษตรกรตัวอย่างในตาบลหนองแกโดยการทาแผ่น พบั แนะนาการทาเกษตรผสมผสาน ให้กับผู้ที่เขา้ มาศึกษาดูงาน และการทาโดยยึดหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ ตามแนวพระราชดาริ 4. ลกั ษณะของเครือข่ายและการสรา้ งเครอื ขา่ ย แนะนาประชาสมั พันธ์ใหห้ น่วยงานหรือบคุ คลท่สี นใจการทาเกษตรผสมผสาน เขา้ มาเรียนร้ใู น สถานท่จี รงิ โดยการสนบั สนุนจากสานกั งานเทศบาลตาบลหนองแก สานักงานเกษตรอาเภอศรบี ุญเรือง กศน.ตาบลหนองแก พัฒนาชมุ ชนอาเภอศรีบุญเรือง 5. ผลงานทเ่ี ป็นประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและสังคม เปน็ ศนู ย์เรยี นร้เู กษตรผสมผสาน บา้ นสาราญสุข หมทู่ ่ี 7 ตาบลหนองแก อาเภอศรบี ุญเรือง จังหวดั หนองบัวลาภู สรา้ งรายไดล้ ดรายจ่ายในครัวเรอื นของคนในชมุ ชน 6. รางวัลหรือเกยี รติคณุ ท่ีได้รับ ชนะเลศิ การประกวดผกั ปลอดสารพษิ ในตาบลหนองแก นางบญุ เพง็ พลหมอ เป็นเกษตรกรตัวอย่างในตาบลหนองแก
ประเพณีตกั บำตรทำงน้ำ เป็นประเพณที ี่จดั ขึ้นเปน็ ประจำทุกปที วี่ ัดป่ำวฑุ ฒำรำม บำ้ นใหม่ทำนตะวัน และอีก สำมชมุ ชนในตำบลหนองกุงแกว้ อำเภอศรบี ญุ เรือง จังหวัดหนองบัวลำภู และแห่งน้ีถือเปน็ อตั ลักษณข์ องคน ลุ่มภู และถือไดว้ ำ่ เปน็ หน่งึ เดียวของภำคอีสำน ท่ีคณะศิษยำนศุ ษิ ยท์ เี่ คำรพและศรทั ธำธรรมแด่หลวงปู่ทองสขุ ฯ พระผู้ปฏบิ ตั ดิ ปี ฏิบตั ชิ อบอกี 49 รปู ถือได้ว่ำเป็นเทศกำลสำคัญ จะมีเพียงปีละ 1 คร้ังเท่ำน้ัน สำหรับกิจกรรมสืบสำนวัฒนธรรมทำง สำยน้ำ ด้วยกำรทำบุญตักบำตรทำงน้ำ โดยหลวงปู่ทองสุขฯจะนั่งเรือโขนมังกรสกุณี ตำมด้วยเรือเทพกินรำ ออกรับบิณฑบำตจำกสำธชุ นรมิ สระน้ำล้ำนหำ้ ซง่ึ เปน็ หนองน้ำขนำดใหญ่ระยะทำงร่วม 200 เมตร ก่อนที่จะ มพี ิธที อดกฐินซ่งึ เปน็ จลุ กฐินสำมคั คี ท่มี ใี นจงั หวดั หนองบวั ลำภู หน่งึ เดียวเชน่ กนั นำงศรัณยำ สวุ รรณพหรม ประธำนสภำวัฒนธรรมจังหวดั หนองบวั ลำภู กล่ำววำ่ ประเพณีกำรตกั บำตร ทำงน้ำ ซ่ึงเป็นอัตลักษณ์หนึ่งของจังหวัดหนองบัวลำภู ท่ีมุ่งส่งเสริมแหล่งท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรมและส่ิงดีๆ ทำงวฒั นธรรมของจงั หวดั หนองบวั ลำภู จลุ กฐนิ
\"กฐนิ แล่น จุลกฐนิ บเ่ คยเห็นจักเทื่อ\" หลวงป่ทู องสขุ ฐติ ปญุ โญ วัดปำ่ วุฑฒำรำม จังหวดั หนองบัวลำภปู รำรภขน้ึ มำลอยๆ จงึ เปน็ ที่มำของปฐมจุล กฐิน ปี 2560 ณ วัดป่ำวุฑฒำรำม เป็นปีแรกที่หลวงปู่จัดกฐินในรูปแบบของจุลกฐิน เพื่ออนุรักษ์สืบสำน ประเพณีกำรทอดกฐนิ แบบนไ้ี ว้ จุลกฐิน คือ คำเรียกกำรทอดกฐินท่ีต้องทำด้วยควำมรีบด่วน โดยต้องอำศัยควำมสำมัคคีของผู้ศรัทธำจำนวน มำก เพ่ือผลิตผ้ำไตรจีวรให้สำเร็จด้วยมือภำยในวันเดียวกล่ำวคือ ต้องเริ่มต้ังแต่เก็บฝ้ำย ตัดเย็บ ย้อม และ ถวำยให้พระสงฆก์ รำนกฐินใหเ้ สรจ็ ภำยในเวลำเชำ้ วันหนง่ึ จนถึงย่ำรงุ่ ของอีกวันหน่งึ ดังนั้น โบรำณจึงนับถือกันว่ำ กำรทำจุลกฐินมีอำนิสงส์มำก เพรำะต้องใช้ควำมอุตสำหพยำยำม มำกกว่ำกฐินแบบธรรมดำ (มหำกฐิน) ภำยในระยะเวลำอันจำกัด โดยจุลกฐินน้ีปัจจุบันมักจัดเป็นงำนใหญ่ มี ผู้เข้ำร่วมเป็นจำนวนมำก ประเพณีกำรทอดจุลกฐินนี้เป็นประเพณีท่ีพบเฉพำะในประทศไทยและลำว ไม่ ปรำกฏประเพณีกำรทอดกฐินชนิดน้ีในประเทศอ่ืนท่ีนับถือพุทธศำสนำ สำหรับประเทศไทยมีหลักฐำนว่ำ มี กำรทอดจุลกฐินมำแล้วตั้งแต่สมัยอยุธยำ ดังปรำกฏในหนังสือคำให้กำรชำวกรุงเก่ำ หน้ำ 268 ว่ำ \"ถึงวันขึ้น ๑๕ คำ่ เดือน ๑๒ โปรดใหท้ ำ จลุ กฐนิ \" ปัจจุบันประเพณีกำรทำจุลกฐินนิยมทำกันเฉพำะชุมชนทำงภำคเหนือและอีสำน โดยอีสำนจะเรียก กฐินชนิดน้วี ำ่ \"กฐินแลน่ \"
ประวัตแิ ละผลงานภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่น ตาบลหนองบัวใต้ อาเภอศรีบญุ เรือง จังหวดั หนองบัวลาภู ด้านอุตสาหกรรมหัตถกรรม สาขาการจักสาน นายทองใบ ยอดคามี
ชอ่ื -สกลุ นายทองใบ ยอดคามี ประวัตแิ ละผลงานภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น ตาบลหนองบัวใต้ อาเภอศรบี ุญเรือง จงั หวดั หนองบัวลาภู ดา้ นอตุ สาหกรรมหตั ถกรรม สาขาการจกั สาน 1. ประวัติและผลงาน เกดิ เมื่อวนั ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2500 อายุ 63 ปี ท่ีอยู่ 128 หม่ทู ี่ 3 บ้านสร้างเสยี่ น ตาบลหนองบัวใต้ อาเภอศรีบุญเรอื ง จังหวัดหนองบวั ลาภู เบอร์โทรศพั ท์ 0817995267 ไดร้ บั สบื ทอดความรู้มาจาก พ่อ แม่ เพ่ือจกั สานสิง่ ของไวใ้ ช้เองกนั ภายในครอบครวั โดยไม่ต้อง ซอื้ เน่ืองจากมรี าคาแพง และยงั ชว่ ยสืบทอดความรู้ให้คนรุ่นหลงั ทีส่ นใจอกี ด้วย 2. องคค์ วามรูแ้ ละความเช่ียวชาญ วัสดุทใ่ี ชใ้ นการจกั สานเป็นวสั ดทุ ห่ี าได้ทวั่ ไปภายในหมูบ่ า้ น คอื ไมไ้ ผ่ โดยเรม่ิ จากการจักตอก ตามขนาดที่ ตอ้ งการ จากนน้ั ก็ดาเนินการสานซ่งึ ต้องใชค้ วามละเอยี ด ตอ่ ไปคือการรมควันเพ่ือเพ่ิมความ แข็งแรง สวยงามใหแ้ ก่เคร่ืองจกั สาน มคี วามเช่ยี วชาญในการสานเปลไม้ไผ่ ส่มุ ไก่ ตะกรา้ ไซ ข้อง เป็นตน้ 3. การถา่ ยทอดความร้แู ละความเชย่ี วชาญ มีการถ่ายทอดความรู้ด้านการจักสานใหแ้ กป่ ระชาชนในหมู่บา้ น และเป็นวทิ ยากรให้กับ หนว่ ยงานตา่ งๆ พรอ้ มทั้งเคยเข้าประกวดการจักสานในงานเทศการต่างๆ ของอาเภอ 4. ลกั ษณะของเครอื ข่ายและการสรา้ งเครือข่าย เครือข่ายท่ใี ห้การสง่ เสรมิ และสนบั สนุนคอื หน่วยงานราชการต่างๆ อบต. เปน็ ต้น 5. ผลงานที่เป็นประโยชนต์ ่อชมุ ชนและสังคม ได้จักสานเปลไมไ้ ผ่ สุ่มไก่ ตะกรา้ ไซ ข้อง ให้กับทางหมู่บา้ นเพื่อใชใ้ นงานบญุ ประเพณีต่างๆ 6. รางวลั หรือเกียรตคิ ณุ ท่ไี ด้รับ ประกาศนียบตั ร ได้รับการคัดเลือกเป็นผลติ ภณั ฑ์ระดบั สามดาว ตามโครงการคัดสรรสุดยอด หนง่ึ ตาบล หน่งึ ผลิตภณั ฑไ์ ทย ในปี พ.ศ. 2555
ตาบลหันนางาม ประวตั ิและผลงานครูภมู ิปัญญาท้องถ่ินจงั หวดั หนองบัวลาภู ดา้ น เกษตรกรรม สาขา เศรษฐกจิ พอเพียง นายอ่อนจันทร์ หดั ทะแสง อายุ 73 ปี ที่อยู่ บา้ นเลขที่ 104 หมู่ที่ 4 บ้านสวนสวรรค์ ตาบลหันนางาม อาเภอศรบี ญุ เรือง จังหวัดหนองบัวลาภู 39180 เบอรโ์ ทรศพั ท์ 081-888-3972
ภาพ แหลง่ เรียนรู้ นายออ่ นจนั ทร์ หดั ทะแสง
ประวตั ปิ ระวตั ิและผลงานครูภูมิปญั ญาท้องถน่ิ จงั หวัดหนองบวั ลาภู ดา้ นเกษตรกรรม สาขาเศรษฐกิจพอเพยี ง 1. ประวตั แิ ละผลงาน - วทิ ยากรผู้นาสมั มาชีพ - ทาเกษตรผสมผสาน - เลยี้ งสตั ว์ 2. องคค์ วามรแู้ ละความเช่ียวชาญ - การทานา้ หมัก - การเล้ียงเปด็ ไก่ - การปลูกพชื ผัก 3. การถ่ายทอดความรูแ้ ละความเชย่ี วชาญ - บรรยาย - สาธติ - เชยี วชาญการทาปุ๋ยหมกั น้าหมักชวี ติ ภิ าพ - การตกแตง่ กิง่ 4. ลักษณะของเครอื ข่ายและการสร้างเครือขา่ ย -- แลกเปลี่ยนเรยี นรูอ้ งค์ความร้กู บั หน่วยงานตา่ งๆ 5. ผลงานที่เป็นประโยชน์ตอ่ ชุมชนและสังคม - แลกเปลยี่ นเรียนรอู้ งคค์ วามรู้ใหก้ ับประชาชนในชมุ ชน 6. รางวัลหรอื เกียรตคิ ณุ ท่ไี ด้รับ วทิ ยากรผนู้ าสมั มาชีพ
คณะผจู้ ดั ทำ นำยประมวล ไชยศรี ผอ.กศน.ศรีบญุ เรือง น.ส.สุรรี ตั น์ ชัยวี บรรณำรักษ์ปฎิบัติกำร น.ส.ปรทิ ัศน์ กองคำ ครอู ำสำสมัครฯ ครู กศน.ตำบล ครู ศรช. ครผู สู้ อนคนพกิ ำร
Search
Read the Text Version
- 1 - 43
Pages: