ทำเนียบแหล่งเรยี นรู้ และภูมิปัญญำท้องถน่ิ ประจำเดอื น พฤษภำคม 2563 รวบรวมโดย กศน.อำเภอศรีบญุ เรอื ง
คำนำ ทำเนียบแหลง่ เรยี นรู้ เลม่ น้ี ได้รวบรวมแหล่งเรียนรู้ดำ้ นต่ำง ๆ ทง้ั 9 ด้ำน ประจำเดือน พฤษภำคม 2563 เพ่ือเก็บรวบรวมเปน็ ข้อมลู พ้ืนฐำนดำ้ นแหล่งเรยี นรู้ประจำอำเภอศรบี ุญเรือง หำกผดิ พลำดประกำรใด ขออภยั มำ ณ ท่นี ้ดี ว้ ย กศน.อำเภอศรบี ญุ เรือง พฤษภำคม 2563
สำรบัญ แหล่งเรียนรตู้ ำบล หน้ำ เมอื งใหม่ 1 โนนม่วง 5 โนนสะอำด 9 กุดสะเทยี น 12 ทรำยทอง 15 นำกอก 19 ยำงหลอ่ 23 ศรบี ุญเรอื ง 26 หนองแก 29 หนองบวั ใต้ 32 หนั นำงำม 35 หนองกงุ แกว้ 38
1 ตำบลเมืองใหม่ แหล่งเรยี นรู้/ภมู ปิ ญั ญำทอ้ งถนิ่ จังหวดั หนองบวั ลำภู ดำ้ น...ศูนยเ์ รยี นรเู้ กษตรวิถี อินดชี้ มพูทอง สำขำ...เศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฏีใหม่ แหลง่ เรยี นรู้ เกษตร อนิ ด้ี วถิ ชี มพูทอง
2
3 ประวัติประวตั ิและผลงำนครูภมู ปิ ัญญำทอ้ งถิ่นจังหวดั หนองบวั ลำภู ดำ้ น...ศนู ยเ์ รยี นรเู้ กษตรวิถี อินด้ีชมพทู อง สำขำ...เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฏใี หม่ 1. ประวัติและผลงำน ไรส่ วนผสม...ไร่ผกั และไม้ดอกปลอดสำรพิษ ผลงำนท่ีโดดเดน่ ของชมชนบำ้ นชมพทู อง หม่ทู ี่ 5 ตำบลเมืองใหม่ อำเภอศรบี ุญเรอื ง มีควำมโดดเดน่ เพรำะเป็นแห่งแรกของจงั หวดั หนองบัวลำภู ทีเ่ ป็น เกษตรกรปลูกผักและไม้ดอกไมป้ ระดับรำยใหญข่ องอำเภอศรีบุญเรอื ง ทรี่ ว่ มมือกับสำนักงำนเกษตร มกี ำร พัฒนำเพ่ือใหเ้ หมำะสมกบั สภำพพ้ืนดนิ หรือบรบิ ทของชุมชนและควำมต้องกำรของตลำด มีกำรสรำ้ งงำน สร้ำงอำชพี ที่ม่ันคงให้กบั ชุมชน และสร้ำงชือ่ เสียงใหก้ ับกลุ่มปลูกพืชเศรษฐกิจที่มกี ำรร่วมมอื กันในหมูบ่ ้ำน ชมพูทอง ตำบลเมืองใหม่ ของอำเภอศรบี ญุ เรือง 2. องค์ควำมร้แู ละควำมเช่ียวชำญ ตลอดเวลำ 5 ปี ทผ่ี ำ่ นมำ แหล่งเรยี นรดู้ ำ้ นเกษตรพอเพียงแห่งน้ี มคี วำมเป็นเอกลักษณ์ของ ตนเองดำ้ นกำรปลกู พชื เศรษฐกจิ ทกุ ประเภทเป็นอยำ่ งดี มีกำรพัฒนำสำยพนั ธ์ของพืชและพันธไ์ มท้ ี่เพำะปลกู ในแหล่งเรียนรแู้ หง่ น้ีตลอดเวลำและเผยแพร่แลกเปลย่ี นเรียนรูด้ ำ้ นกำรปลกู ผักและไม้ดอกไมป้ ระดบั และปลกู พชื เศรษฐกจิ กบั ทุกกลุ่ม ทุกชุมชนเพื่อนำเอำควำมรู้ท่ีได้มำปรบั เปลย่ี นหรอื พัฒนำใหม้ คี วำมเหมำะสมกบั บรบิ ทและควำมนยิ มต่ำงๆตลอดเวลำ 3. กำรถ่ำยทอดควำมรูแ้ ละควำมเชีย่ วชำญ ทผี่ ำ่ นมำ แหล่งเรยี นรแู้ ห่งน้ีมีเกษตรกรท่ี มีควำมรู้ควำมชำนำญดำ้ นกำรปลูกพชื เศรษฐกิจท่ี สรำ้ งรำยได้แกค่ รอบครวั และชมุ ชนบำ้ นชมพูทองเปน็ อย่ำงดี และมกี ำรพฒั นำสำยพันธุต์ ลอดเวลำและเผยแพร่ แลกเปลี่ยนเรียนรดู้ ำ้ นกำรพัฒนำสำยพันธขุ์ องพืชต่ำงๆกบั ทุกกลุม่ ทุกชมุ ชนเพ่ือนำเอำควำมรูท้ ่ีได้มำ ปรับเปลีย่ นหรือพฒั นำให้มีควำมเหมำะสมกับบริบทและควำมนยิ มต่ำงๆตลอดเวลำ 4. ลักษณะของเครอื ขำ่ ยและกำรสร้ำงเครอื ขำ่ ย มีกำรแลกเปลยี่ นเรียนร้กู บั ทุกองค์กร ทกุ ชุมชน เพ่ือสร้ำงควำมเชื่อถือกับเครือข่ำยหรอื ลูกคำ้ เปดิ โอกำสให้ทุกภำคเี ครอื ข่ำยแลกเปล่ยี นควำมรู้เพื่อพัฒนำสำยพันธใ์ุ ห้ทันสมัยและเหมำะสมกับควำมต้องกำร ของลูกค้ำ เชน่ พฒั นำกำรปลกู พชื อน่ื ลงในช่องว่ำงระหวำ่ งแถว ในรูปแบบของไร่สวนผสม และมีกำรเล้ยี งสัตว์ เศรษฐกิจเชน่ เล้ยี ง ววั ไก่ เป็ด และ หมู ทม่ี ีกำรประกันคณุ ภำพและรำคำ และมีกำรพัฒนำเป็นแหลง่ เรยี นรู้ สำหรับผู้สนใจในกำรศกึ ษำดงู ำนดว้ ย
4 5. ผลงำนทีเ่ ป็นประโยชนต์ อ่ ชุมชนและสังคม สรำ้ งรำยได้ ลดรำยจ่ำยและใช้เวลำวำ่ งให้เกดิ ประโยชน์ เปดิ โอกำสให้คนในชมุ ชนมำรวมกล่มุ กันเพื่อสรำ้ งจดุ แขง็ ใหก้ ับกับชุมชน มเี อกลักษณ์ทีโ่ ดดเด่นทำใหเ้ ปน็ ท่สี นใจกบั ชมุ ชนอ่นื ๆเพ่อื นำเปน็ แบบอย่ำง เปน็ ทสี่ นใจและพูดถึงในดำ้ นกำรปลูกพืชเศรษฐกิจแบบไร่สวนผสม ทีเ่ หมำะสมกับควำมตอ้ งกำรของตลำดใน ปัจจบุ ันและอนำคต 6. รำงวัลหรือเกียรตคิ ุณที่ได้รบั - รำงวัลดีเด่นด้ำนหมู่บำ้ นเศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตรทฤษฎีใหม่พชื เศรษฐกิจใหม่ ระดับดีเด่น ของจงั หวัดหนองบัวลำภู - รำงวัลดีเด่นปรำชญ์ชำวบ้ำนดำ้ นหมอดนิ และปุ๋ยอินทรียส์ ำหรบั วทิ ยำกรประจำแหลง่ เรียนรู้ เกษตรอินด้ี วิถีชมพูทอง ของอำเภอศรบี ญุ เรอื ง
5 ตำบลโนนม่วง ประวัตแิ ละผลงำนครูภมู ิปัญญำท้องถิ่นจงั หวดั หนองบัวลำภู ด้ำนอตุ สำหกรรมและหัตถกรรม สำขำคลังปัญญำ นำงลำดวน ตรศี ำสตร์
* หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รูปขึ้นไป 6 รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ
7 นำงลำดวน ตรีศำสตร์ ประวัติและผลงำนครภู มู ปิ ัญญำท้องถิน่ จงั หวัดหนองบวั ลำภู ด้ำนคลังปัญญำ สำขำคลงั ปัญญำอตุ สำหกรรมและหัตถกรรม 1. ประวัติและผลงำน ทอี่ ยนู่ ำงลำดวน ตรีศำสตร์ อำยุ 49 ปี ท่ีอยู่ 71 หมู่ที่ 9 บ้ำนโนนสงวนพัฒนำ ตำบลโนนม่วง อำเภอ ศรีบุญเรือง จงั หวดั หนองบวั ลำภู facebook ลำดวน ตรศี ำสตร์ โทรศพั ท์ 0934275629 “ยำมว่ำงจำกนำ ผหู้ ญิงทอผำ้ ผ้ชู ำยจกั สำน” ในอดตี ที่ผำ่ นมำ กำรทอผ้ำถือเป็นหน้ำท่ีสำคัญของ ผู้หญงิ ชำวอสี ำน เพรำะจะตอ้ งทอผ้ำเพื่อใช้เป็นเครื่องนุ่งห่มในชีวิตประจำวัน ผู้หญิงอีสำนต้องเรียนรู้และ ฝึกหัดกำรทอผ้ำมำต้ังแต่เด็ก จนกลำยเป็นส่วนหน่ึงของวิถีชีวิต กำรทอผ้ำเพื่อใช้ในครอบครัวจึงเป็นส่ิง สำคัญท่ผี ู้หญงิ อีสำนจะต้องเรียนรแู้ ละฝึกหัด โดยเริ่มจำกผู้เป็นแม่ได้ถ่ำยทอดควำมรู้และเทคนิควิธีกำรทอ ผ้ำให้ลูกหลำน สืบทอดกันมำ ผ้ำที่ทอได้ นิยมสวมใส่ไปทำบุญท่ีวัด หรือในงำนพิธีและงำนมงคลต่ำงๆ รวมทง้ั เก็บไว้เป็นมรดกให้ลกู หลำน โดยนำงลำดวน ตรีศำสตร์ ได้เริ่มเรียนรู้กำรทอผ้ำจำกผู้เป็นญำติคือคุณยำย โดยได้เร่ิมฝึกกำรทอผ้ำ ต้ังแต่อำยุ 13 ปี เป็นส่ิงที่ชอบทำ จนได้เรียนรู้ขั้นตอนกำรทำด้วยตนเองและคิดค้นเพื่อให้เกิดลวดลำยใหม่ข้ึน เพือ่ ใหเ้ กิดควำมสวยงำมและเป็นของทรี่ ะลึก เพ่ือเพ่ิมมูลค่ำผลิตภณั ฑ์ 2. องค์ควำมรู้และควำมเช่ียวชำญ กำรถ่ำยทอดควำมรู้ เน้นกำรถ่ำยทอดควำมรู้โดยตรงจำกผู้ถ่ำยทอดสู่ผู้รับกำรถ่ำยทอด ในอดีต จะ ถ่ำยทอดให้กับบุคคลในครอบครัว แต่ในปัจจุบันจะถ่ำยทอดควำมรู้ให้กับสมำชิกกลุ่มทอผ้ำหรือบุคคลท่ัวไปที่ สนใจ โดยจะมกี ำรผสมผสำนกันท้ังวิธีกำรสำธิตและกำรให้ลงมือปฏิบัติจริง เป็นวิธีที่ดีท่ีสุดท่ีจะทำให้ผู้เรียนสำมำรถ ทอผ้ำได้ ผู้เรียนจะต้องสังเกตจนเกิดควำมเข้ำใจและจดจำข้ันตอนต่ำงๆ ของกำรทอผ้ำ ผู้สอนจะอธิบำย ขั้นตอนและ เทคนิควิธีกำรทอผ้ำในระหว่ำงกำรสำธิต จำกน้ันจึงให้ผู้เรียนหรือผู้รับกำรถ่ำยทอดฝึกปฏิบัติกำรทอผ้ำทุก ข้ันตอน วธิ กี ำรถ่ำยทอดควำมรู้กำรกำรทอผ้ำท่ีได้ผลดีท่ีสุด ส่วนใหญ่จะสอนแบบตัวต่อตัวหรือสอนเป็นรำยคน ซ่ึงเป็น วิธสี อนแบบด้งั เดิม 3. กำรถ่ำยทอดควำมรแู้ ละควำมเชี่ยวชำญ กำรนำควำมรู้ไปใช้ สมำชิกกลุ่มทอผ้ำหมัดหมี่ มีกำรทอผ้ำเป็นอำชีพเสริม ควำมรู้ท่ีนำไป ประยกุ ตใ์ ช้ มำจำกกำรกำหนดควำมรู้และกำรแสวงหำควำมรู้จำกแหล่งต่ำง ๆ ได้แก่ ควำมรู้ภูมิปัญญำท่ีได้รับ กำรถำ่ ยทอดจำกบรรพบรุ ุษ ควำมรจู้ ำกประสบกำรณ์ที่ช่ำงทอผ้ำได้ลงมือปฏิบัติมำอย่ำงยำวนำนจนเกิดทักษะ
8 ควำมรู้ทไี ด้รบั จำกแหล่งควำมรู้ต่ำงๆ และเทคนิคใหม่ๆ ควำมรู้ที่ได้รับจำกกำรศึกษำดูงำนและกำรแลกเปล่ียน เรียนรู้ รวมท้ังควำมรู้ที่สมำชิกกลุ่มทอผ้ำได้ประยุกต์จำกควำมรู้เดิมผสมผสำนกับควำมรู้ใหม่ให้เกิดลำยใหม่ๆ และกำรประดิษฐต์ วั อักษรลงบนในกำรมัดหมี่ 4. ลักษณะของเครอื ขำ่ ยและกำรสรำ้ งเครือขำ่ ย กำรถำ่ ยทอดกระบวนกำรทอผำ้ ท้ังสองวิธีดงั กลำ่ วเป็นกำรถ่ำยทอดโดยตรง และใช้วิธีเดียวกันใน กำรถ่ำยทอดให้ผู้เรียนเทคนิคสำคัญของวิธีกำรถ่ำยทอดควำมรู้กำรทอผ้ำ ท่ีได้ผลดีที่สุดส่วนใหญ่จะสอนแบบ ตวั ตอ่ ตัวหรือสอนเปน็ รำยคน ซ่งึ เปน็ วธิ สี อนแบบดงั้ เดมิ 5. ผลงำนทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อชมุ ชนและสังคม กิจกรรมจุดเรยี นรูประจำตำบล / กลมุ่ สมั มำชีพทอผำ้ มัดหมี่บ้ำนโนนสงวนพฒั นำ 6. รำงวลั หรอื เกยี รติคุณทีไ่ ด้รับ เปน็ วิทยำกรด้ำนกำรทอผ้ำมดั หม่ี /ผผู้ ลิตและส่งเสรมิ ผลิตภัณฑ์ของชมุ ชนอำเภอศรีบุญเรอื ง ไดร้ ับรำงวลั ชนะเลศิ กำรประกวดผำ้ ไหมลำยสรำ้ งสรรค์ในงำน “สักกำระสมเดจ็ พระนเรศวรมหำรำช-กำชำด หนองบวั ลำภู” ประจำปี 2547
9 ตำบลโนนสะอำด ประวัตแิ ละผลงำนครูภูมปิ ญั ญำทอ้ งถ่ินจังหวัดหนองบัวลำภู ด้ำนกำรจกั สำนไมไ้ ผ่ สำขำศลิ ปะหัตถกรรม นำยคำ ภไู วย
10 รูปภาพ
11 นายคา ภูไวย ประวัติและผลงานครูภมู ิปญั ญาท้องถิ่น ต.โนนสะอาด อ.ศรบี ญุ เรอื ง จงั หวัดหนองบัวลาภู ด้านการจักสานไม้ไผ่ สาขาศลิ ปะหตั ถกรรม 1. ประวตั แิ ละผลงำน อยบู่ ้ำนเลขท่ี 15 ม.9 บ้ำนนำอดุ ม ตำบลโนนสะอำด อำเภอศรบี ุญเรือง จังหวัดหนองบวั ลำภู อำยุ 74 ปี เร่ิมทำงำนดำ้ นจักสำนตง้ั แตว่ ัยหนุ่ม จนถงึ ปจั จุบัน ไดม้ ีหนว่ ยงำนภำครฐั เขำ้ มำสนับสนุนเปิดกล่มุ อำชพี กำรจักสำน สรำ้ งอำชีพกับคนในชุมชน และทำยงั ทำอยู่ มีคนในชุมชนมำรบั ซ้อื สินคำ้ ถึงท่ีบ้ำน และนำไป ขำยทต่ี ลำดบ้ำง 2. องคค์ วำมรู้และควำมเชยี่ วชำญ กำรจกั สำนไมไ้ ผ่ กำรทำมวยหุงข้ำว กระตบิ ขำ้ วเหนยี ว 3. กำรถ่ำยทอดควำมรแู้ ละควำมเช่ียวชำญ ถ่ำยทอดควำมรใู้ ห้กบั ชำวบ้ำนในชุมชน 4. ลักษณะของเครือข่ำยและกำรสรำ้ งเครือขำ่ ย เครอื ข่ำยเทศบำลตำบลโนนสะอำด , กศน. , พัฒนำชมุ ชน 5. ผลงำนทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนและสังคม กำรให้ควำมรูด้ ้ำนกำรจกั สำนไม้ไผ่กับคนในชมุ ชน 6. รำงวัลหรอื เกยี รตคิ ณุ ทีไ่ ด้รับ -
12 ตำบลกุดสะเทียน ประวัติและผลงำนครูภูมปิ ญั ญำทอ้ งถิ่นจงั หวัดหนองบัวลำภู ดำ้ นบุคคล ตำบลกุดสะเทยี น สำขำกำรทำผำ้ ห่ม, กำรทำแจว่ บอง นำงพุทธำ มีบำ้ นต้น
13 * หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รปู ข้นึ ไป
14 นำงพทุ ธำ มบี ้ำนตน้ ประวัติประวตั ิและผลงำนครูภมู ปิ ญั ญำท้องถ่ินจงั หวดั หนองบัวลำภู ดำ้ นบุคคล สำขำกำรทำผ้ำห่ม,กำรทำแจ๋วบอง 1. ประวัติและผลงำน มผี ลงำนในกำรทำแจ๋วบองขำยออนไลนโ์ ดยมีสมำชิกในกลุ่มและมเี งินสนับสนนุ จำกหลำย หนว่ ยงำนมีกำรทำผ้ำห่มสำลี ได้ 3 ดำว 2. องคค์ วำมรู้และควำมเช่ียวชำญ มคี วำมเชย่ี วชำญในกำรทำและสำมำรถถำ่ ยทอดควำมรู้ได้ 3. กำรถ่ำยทอดควำมรู้และควำมเชย่ี วชำญ มีควำมเชี่ยวชำญในกำรทำและสำมำรถถ่ำยทอดควำมรู้ได้ 4. ลักษณะของเครอื ข่ำยและกำรสรำ้ งเครือข่ำย เป็นเครอ่ื ขำ่ ยชมุ ชน 5. ผลงำนทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนและสังคม มคี วำมเชย่ี วชำญในกำรทำและสำมำรถถ่ำยทอดควำมรู้ได้ 6. รำงวลั หรือเกยี รตคิ ณุ ที่ได้รบั
15 ตำบลทรำยทอง ประวตั ิและผลงำนครูภูมปิ ัญญำทอ้ งถิ่นจังหวดั หนองบัวลำภู ด้ำนอตุ สำหกรรมและหตั ถกรรม สำขำกำรทำไม้กวำดดอกหญ้ำ นำงผ่องศรี นริ ะพนั ธ์
16 * หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รปู ขน้ึ ไป รูป รูป ภาพ ภาพ
17 นางผ่องศรี นิระพนั ธ์ ประวัติประวัติและผลงานครูภมู ิปัญญาท้องถน่ิ จงั หวดั หนองบวั ลาภู ดา้ นอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม สาขาการทาไม้กวาดดอกหญ้า 1. ประวตั ิและผลงาน นางผอ่ งศรี นริ ะพนั ธ์เปน็ ประธานกล่มุ วิสาหกิจชุมชน บ้านดอนข่า หมู่ท่ี 5 ตาบลทรายทอง อาเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบวั ลาภู เมื่อปี พ.ศ.2552 ได้มกี ารรวมกลุ่มภายในหมู่บ้านทาตะกรา้ โครง เหลก็ ไดป้ ระมาณ 1ปี แตไ่ ม่ประสบผลสาเรจ็ เนอื่ งจากมีตน้ ทนุ การผลิตท่ีสงู และไม่มตี ลาดรองรบั สมาชกิ ใน กลมุ่ จึงคดิ หาวธิ ีท่จี ะทาให้กลุ่มคงอย่ตู อ่ ไปจงึ ระดมความคิดกนั ภายในกลุม่ วา่ จะผลิตอะไรออกจาหนา่ ย ตอ่ มา จงึ ได้พบกบั กลุ่มทาไม้กวาดอ่อน ซง่ึ เป็นกลุ่มของแมบ่ ้านในอาเภอนากลาง จงั หวัดหนองบวั ลาภู และได้เกดิ ความสนใจจึงตดั สนิ ใจนาสมาชิกในกลมุ่ ไปเรยี นทาไมก้ วาดอ่อนจากกล่มุ แมบ่ า้ นในอาเภอนากลาง เมือ่ สมาชิก ทกุ คนทาเป็นแลว้ ทางประธานกลมุ่ จงึ ได้รวบรวมเงนิ ภายในกลุ่มเพ่ือนาไปซอื้ อปุ กรณใ์ นการทาไม้กวาดอ่อน ซ่งึ เมือ่ นาออกจาหนา่ ยปรากฏวา่ มรี ายได้เข้ากลมุ่ เปน็ ทีน่าพอใจและสามารถนาไปจนุ เจือครอบครัวได้ 2. องคค์ วามรู้และความเชี่ยวชาญ วิธีการ/ข้นั ตอน 1นาดอกหญา้ (หรือทีเ่ รียกกนั ว่าดอกแขม)ไปตากแดดประมาณ 1 แดดในวนั ท่ีมแี ดดจดั และตาก 2-3 แดดในวนั ทไี่ มค่ ่อยมแี ดด 2.นาดอกหญ้ามาตีหรือฟาดกับพื้นเพื่อใหด้ อกหญ้าดอกเล็กๆหลดุ ออกให้เหลือแต่ กา้ นเล็กๆเพอ่ื ท่ีดอกหญา้ จะไดไ้ ม่ร่วงเวลานาไม้กวาดไปใช้งาน 3 แกะก้านดอกหญา้ ที่ตดิ กันออกจากน้นั นามา มดั รวมกันประมาณ 1 กามอื หรอื 2ขดี 4.ใชเ้ ชือกไนลอนเย็บมดั ดอกหญ้าเขา้ ดว้ ยกันให้แน่น แลว้ ถกั สลบั ฝนั ปลาประมาณ 3-4 ช้ันพรอ้ มทงั้ จดั มดั ดอกหญ้าใหแ้ บนราบ ใชม้ ดี ตัดโคนรัดดอกหญา้ ที่ถักแลว้ ให้เสมอเป็น ระเบียบสวยงาม 5.เตรียมด้ามไม้ทม่ี คี วามยาวประมาณ 80 เซนตเิ มตร(นยิ มนาต้นปอมาทาด้าม) 6. ใช้ดา้ มไม้ เสยี บตรงกลางแล้วตอกตะปูขนาด 1 นิ้ว 2 ตัว เพอ่ื ยึดดอกหญ้ากับดา้ มให้มคี วามแขง็ แรง 7. ทาน้ามันกนั ชืน้ บริเวณโคนท่ีมเี ชือกรดั เพื่อเพ่ิมความแข็งแรงและไมใ่ ห้ก้านดอกหญ้าหลดุ ออกจากเชือก 8. นาไม้กวาดไปวาง ในทีโ่ ล่งเพอื่ ให้สที ากันช้นื แห้ง วัสดุ/อปุ กรณ์ - ดอกแขม(หรอื ท่ีเรียกว่า ดอกหญา้ ) - ด้ามไม้(ซงึ่ ทามาจากตน้ ปอ) - ตะปู - สที ากนั ชน้ื - เชือกไนลอน - เข็มเย็บกระสอบ 3. การถา่ ยทอดความร้แู ละความเชีย่ วชาญ เรียนรู้แบบการสอนปฏิบัติ และทดลองทา 4. ลักษณะของเครือข่ายและการสรา้ งเครือข่าย สาธติ แกน่ กั เรยี นและชาวบ้านทสี่ นใจ
18 5. ผลงานท่เี ปน็ ประโยชน์ต่อชุมชนและสงั คม บา้ นดอนขา่ นอกจากจะมชี อ่ื เสียงด้านการทาไม้กวาดหญา้ แล้วยงั มชี อ่ื เสยี งดา้ นการสานกระติบ ข้าวทที่ าการจากคลา้ ขนาดต่าง ๆ กระเป๋าถือสตรี กระจาด ตะกร้า ชะลอมใสผ่ ลไม้ ถาดรองแกว้ น้า ผอบลายขดิ กระเป๋าสะพาย กระเช้า ในรูปแบบตา่ ง ๆ 6. รางวลั หรือเกียรติคุณท่ไี ด้รับ ได้รบั ใบรองมาตรฐานผลติ ภัณฑ์ชมุ ชนจากสานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดหนองบวั ลาภู ในปีพ.ศ. 2547 ปจั จบุ นั มีเงนิ ทนุ หมุนเวียน 150,000 บาท
19 ตำบลนำกอก ประวัติและผลงานครภู ูมิปญั ญาทอ้ งถน่ิ จงั หวดั หนองบัวลาภู ดา้ น.....เศรษฐกิจพอเพียง สาขา...เกษตรผสมผสาน . นางเพ็ญศรี กัลยาวงษ์
20 * หมายเหตุ ใสร่ ปู ภาพ 2 – 5 รปู ข้นึ ไป
21 นายสมยศ หมู่หม่ืนศรี ประวตั ปิ ระวตั ิและผลงานครูภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ จงั หวัดหนองบัวลาภู ด้านเศรษฐกิจพอเพียง สาขาด้านการเกษตรผสมผสาน 1. ประวัติและผลงาน เปน็ ปราฃญช์ าวบา้ นโคกล่าม เปน็ หมอดนิ ก่อนท่ผี มจะกลับมาชว่ ยครอบครัวของผมอย่างเตม็ ตัว ผม เปลีย่ นวิถีการทาเกษตรหลังจากเรียนรเู้ กษตรทฤษฎใี หม่ว่าดว้ ยเร่อื งการแบ่งพ้ืนทเี่ ป็น 4 ส่วน มีน้า มนี า มี พื้นทป่ี ลกู ผัก และที่อยู่อาศยั สิง่ ที่ฉันทาไม่ใช่การหยิบยกวธิ กี ารทัง้ หมดมาทาอย่างไมป่ ระมาณตน แต่ท่านดู บรบิ ทท่ีสาคญั และทาไดจ้ ริงก่อน ซ่ึงผมพบว่าน้ามคี วามสาคญั ในการทาเกษตร ถา้ มีถนน มีไฟฟา้ และอ่นื ๆ แต่ ไมม่ ีนา้ ยังไงกท็ าเกษตรไมไ่ ด้ จึงขุดสระนา้ ข้นึ มา ซง่ึ ก็ตอ้ งใช้เงิน แต่ไมม่ ีใครยอมให้กู้ พอดีผมรู้จักกบั คนขดุ ดนิ ขายกเ็ ลยยกดนิ 1 ไร่ใหเ้ ขาแลกกับหนองนา้ ไวท้ าเกษตร พอมีน้ากป็ ลูกกล้วย มะละกอ มีกนิ แล้วยังมรี ายได้เขา้ มา 2. องคค์ วามรู้และความเช่ียวชาญ เปน็ เร่อื งง่ายมากทใ่ี ครจะเร่มิ ทาเกษตรแบบมักงา่ ย และเล้ยี งสัตวท์ ่ีใชบ้ รโิ ภคแบบตามมีตามเกิดแล้ว นัง่ หวงั กับฟ้ากับฝนว่าจะไดผ้ ลผลติ ที่ดี “ก็มีคนมาเสนอขายปยุ๋ ถงึ ท่ีนี่เหมอื นกนั นะ ยาฆา่ แมลงกเ็ ยอะ เวลาพูดเรอ่ื งเกษตรอนิ ทรีย์ทกุ คนจะนกึ ถึงการ ปลกู พืชผลไมโ้ ดยไมใ่ ช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง มขี ้อจากดั มากมายเต็มไปหมด เกษตรกรจงึ ไม่ค่อยอยากทา แต่ใน ความเขา้ ใจของเรา เกษตรอินทรียค์ ือการปลกู ไวก้ นิ ไว้แบง่ ปันคนอนื่ เม่ือนิยามคนละแบบวิธีการก็คนละแบบ เลย เราจะคิดถงึ ความปลอดภยั และการปลอดสารกบั ทุกเร่ือง ซง่ึ หากเอาตัวเลขผลกาไรจากผลิตภัณฑ์เกษตร อนิ ทรียม์ าเป็นแรงจูงใจให้ทาเกษตรอนิ ทรีย์ เม่ือไม่เปน็ ตามทีค่ าดหวังเกษตรกรก็รู้สกึ ลม้ เหลว 3. การถ่ายทอดความรแู้ ละความเชยี่ วชาญ ทมี่ าของชุดความคดิ นม้ี าจากการปฏบิ ัตจิ รงิ ในบ้านของเขา ซง่ึ ตอนแรกอาจจะเร่มิ จากไม่มเี งิน แต่ แทนทจี่ ะหาแต่รายไดเ้ ขาต้องรู้จักการลดรายจา่ ย มีวธิ กี ารและองคค์ วามรู้มากมายเพียงเลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกบั ภมู ศิ าสตรแ์ ละสังคมของตัวเอง ขอยกตัวอย่างในพ้นื ท่ีแปลงผักทบ่ี ุญล้อมเล่าวา่ เขาไมม่ ีเงินซ้อื ผ้ามาคลมุ จึงเลือกปลูกกล้วยให้ใบโตพรางแสง เขาบอกว่า ปลกู กล้วยได้ทั้งเครอื ได้ท้ังหน่อ ก้านกลว้ ยกใ็ ช้เปน็ ทีค่ า้ ผกั ใหเ้ ครือของบวบ ถ่ัว และตาลึง พันก้าน ขน้ึ ไป ปกติเกษตรกรนยิ มใชต้ าขา่ ยหรอื ไมล้ อ้ มซง่ึ ใช้ได้หนเดียวกต็ อ้ งทิง้ แตก่ ้านกล้วยท่ีหมดอายุขยั เม่อื วางลง ไปในดนิ ราดด้วยน้าหมักเข้มขน้ กลบดว้ ยดนิ ทง้ิ ไว้ 2 สปั ดาหแ์ ลว้ สับใหก้ ลายเป็นปุ๋ย ก้านเหล่านั้นจะยอ่ ย สลาย ดนิ กไ็ ดธ้ าตุอาหารเพ่ิมข้ึน ไม่ต้องยา้ ยทปี่ ลกู เพราะเรารจู้ ักปรุงดินให้ดี
22 4. ลกั ษณะของเครือข่ายและการสร้างเครอื ข่าย การให้ผลผลติ ทกุ ๆอยา่ งในบ้านของเรากบั ทุกๆหน่วยงานท่ีมาเยี่ยมชอบและแลกเปล่ียนองค์ความรู้ 5. ผลงานท่ีเป็นประโยชน์ต่อชมุ ชนและสงั คม น้นั กค็ ือการไปบรรยายรว่ มเป็นวทิ ยากรใหก้ ับชุมชนในตาบลนากอกและหนว่ ยงานท่ีไดร้ ับเชิญให้ ความรู้ 6. รางวัลหรือเกียรตคิ ณุ ที่ไดร้ ับ เกษตรกรดเี ดน่ ดา้ นการปลกู พืชแบบผสมผสานตาบลนากอก
23 ตำบลยำงหลอ่ ประวัติและผลงำนครูภูมปิ ญั ญำท้องถน่ิ จงั หวดั หนองบัวลำภู ด้ำน จัดกำรบรหิ ำรส่ิงแวดลอ้ มในชุมชน สำขำ จดั กำรบรหิ ำรสิ่งแวดลอ้ ม นำยกิรศกั ด์ิ ฝอยทอง อำยุ 55 ปี หมทู่ ี่ 14 ตำบลยำงหล่อ อำเภอศรบี ุญเรือง จังหวดั หนองบัวลำภู 39180 เบอร์โทรศพั ท์ 089-9434522
24 ภำพ แหลง่ เรยี นรู้
25 นำยกริ ศัดดิ์ ฝอยทอง ประวัติประวตั ิและผลงำนครภู ูมปิ ัญญำทอ้ งถน่ิ จังหวัดหนองบวั ลำภู ดำ้ นจัดกำรบริหำรสิ่งแวดล้อม 1. ประวตั ิและผลงาน - วทิ ยากรผนู้ าสัมมาชีพ - ทาเกษตรผสมผสาน - เลี้ยงสตั ว์ 2. องคค์ วามรู้และความเช่ียวชาญ - การทาน้าหมกั - การเลยี้ งเป็ดไก่ - การปลูกพืช ผัก 3. การถา่ ยทอดความรูแ้ ละความเช่ียวชาญ - บรรยาย - สาธติ - เชยี วชาญการทาปยุ๋ หมกั น้าหมกั ชวี ิตภิ าพ - การตกแต่งกงิ่ 4. ลักษณะของเครือข่ายและการสร้างเครือข่าย -- แลกเปลย่ี นเรยี นรู้องคค์ วามรู้กับหน่วยงานตา่ งๆ 5. ผลงานที่เปน็ ประโยชนต์ ่อชมุ ชนและสังคม - แลกเปลย่ี นเรยี นรู้องคค์ วามรู้ใหก้ ับประชาชนในชมุ ชน 6. รางวลั หรอื เกียรติคณุ ทไ่ี ด้รบั วทิ ยากรผนู้ าสมั มาชีพ
26 ตำบลศรบี ุญเรอื ง แหล่งเรยี นรู้/ศนู ยเ์ รยี นรทู้ ่ีประสบควำมสำเร็จ ชอ่ื ภมู ปิ ัญญำ ทอผำ้ พนื้ เมืองลำยน้ำไหล สำขำคลังปัญญำ ดำ้ นหตั ถกรรม สำขำภมู ปิ ัญญำท้องถิ่น สำขำหตั ถกรรมท้องถิน่ ช่ือ นำงมณีวรรณ บุญหลำ้ บำ้ นโคกสงู หมู่ 6 ตำบลศรีบุญเรอื ง อำเภอศรบี ญุ เรอื ง จังหวดั หนองบวั ลำภู
27 ภำพกจิ กรรมในแหลง่ เรียนรู้
28 ควำมเป็นมำของบคุ คลคลงั ปัญญำ ผ้ำทอพื้นเมืองลำยนำ้ ไหลทเ่ี ป็นเอกลกั ษณ์ของชำวบ้ำนโคกสูง หมู่ 6 ตำบลศรีบญุ เรือง อำเภอศรีบุญ เรือง จังหวดั หนองบวั ลำภู ท่ีไดว้ ำดลวดลำยของผ้ำซน่ิ ของผหู้ ญิงในรปู เป็นลำยผำ้ ซน่ิ ทั้งหมดดว้ ยผ้ำทอลำยนำ้ ไหลที่ดดั แปลงมำจำกผำ้ ลำยชำวล้อื สมัยแรกๆ นิยมใช้ไหมเงนิ และไหมคำดำ้ นลำยผ้ำตรงส่วนทเี่ ป็นหยักของ กระแสนำ้ จำกน้นั ใชล้ ำยมกุ รูปสตั วแ์ ทรกเพื่อแสดงวำ่ ผู้คิดลำยน้ำไหล ไม่ได้ลอกแบบของชำวล้อื มำทงั้ หมด ผ้ำ ทอลำยน้ำไหล สำเหตุทเี่ รยี กผ้ำทอลำยน้ำไหล เพรำะลวดลำยทีอ่ ออกมำมลี ักษณะเหมือนลำยนำ้ ไหล จึงเรยี กว่ำผำ้ ลำย นำ้ ไหล แต่ปัจจุบันได้คดิ พลิกแพลงลวดลำยตำ่ งๆ เพิ่มขนึ้ มำอีกมำกมำย และไดข้ ยำยพน้ื ทีก่ ำรทอผำ้ เพิ่มข้นึ เปน็ จำนวนมำก แตย่ ังคงเรยี กชอ่ื เดมิ วำ่ ผำ้ ลำยนำ้ ไหล ผ้ำทอลำยน้ำไหลจงั หวดั หนองบัวลำภู ปัจจุบันมกี ำรทอ ลวดลำยต่ำงๆ มำกมำย เชน่ ลำยน้ำไหล มีลกั ษณะเปน็ คล่ืนเหมือนข้ันบันไดมองดูเหมอื นสำยนำ้ กำลังไหลเปน็ ทำงยำว นับว่ำเปน็ ลำยตน้ แบบ และดงั้ เดิม จึงเรยี กลำยน้ำไหล นอกจำกนี้ ลำยจรวด เปน็ กำรเพิ่มหยกั ใน ลำยน้ำไหลเป็นลำยทมี่ ลี กั ษณะคล้ำยจรวดกำลังพ่งุ หรือตอปิโด ลำยดอกไม้หรือลำยแมงมมุ เมอื่ นำผำ้ ลำยนำ้ ไหลมำต่อกนั มีจุดช่องวำ่ งตรงกลำงเติมเสน้ ลำยขำเลก็ ๆ แยกออกรอบตวั มองดูคลำ้ ยดอกไม้หรือแมงมุม เรยี กว่ำลำยดอกไม้หรือ ลำยแมงมมุ ลำยปลำหมึก มลี ักษณะลวดลำยคล้ำยแมงมมุ แต่ท้ิงหำงยำวกวำ่ ลำยแมง มมุ ลำยเลบ็ มือนำง คือ กำรนำลำยนำ้ ไหลมำหักมุมให้ทู่ และทอสอดสีด้ำยใหเ้ ลี่ยมเปน็ ชน้ั ๆ ลำยธำตุ เป็น ลวดลำยท่ีประยุกต์ขนึ้ มำตำมลกั ษณะคลำ้ ยเจดีย์เป็นช้นั ๆ ยอดเจดยี ป์ ลำยแหลม ลำยกำบ ลกั ษณะใช้เส้นฝำ้ ย หลำยสที อซอ้ นกันหลำยชัน้ เป็นกำบ ลำยใบมดี มลี ักษณะกำรสอดสดี ำ้ ยหลำยๆ สีในผืนผ้ำดูลักษณะเหมือน ใบมดี โกนบำงๆ สลับสหี ลำยสีในผนื ผ้ำ สำหรบั ลำยลำยน้ำไหลเปน็ ลำยทมี่ ีควำมนิยม และมียอดจำหนำ่ ยมำก ท่ีสดุ และนอกจำกนี้ ยงั มีลำยแมงมุมสลบั กับลำยน้ำไหลเพ่ือเพิ่มควำมสวยงำม จุดเดน่ ของภมู ิปัญญำท้องถิ่น นำงมณีวรรณ บญุ หล้ำ บำ้ นโคกสูง หมู่ 6 ตำบลศรบี ุญเรอื ง อำเภอศรีบุญเรือง จังหวดั หนองบัวลำภู ได้รับกำรคดั เลือกให้เปน็ บุคคลต้นแบบในกำรทำหตั ถรรม กำรทอผ้ำพนื้ เมืองลำยนำ้ ไหล และเป็นชมุ ชน ต้นแบบเร่ืองหตั ถกรรมกำรทอผ้ำพืน้ เมืองลำยน้ำไหล กิจกรรมกำรเรียนร้ขู องแหล่ง/ศนู ยเ์ รียนรู้ (กลำ่ วโดยสรุป) เปน็ แหล่งเรยี นรู้ในกำรทำหัตถกรรม กำรทอผำ้ พื้นเมืองลำยนำ้ ไหล เปน็ ต้นแบบหมบู่ ้ำนเศรษฐกิจ พอเพยี ง
29 ตำบลหนองแก ประวัตแิ ละผลงำนครูภูมปิ ญั ญำทอ้ งถ่นิ จงั หวัดหนองบัวลำภู ดำ้ น ภมู ิปัญญำดำ้ นเกษตรผสมผสำน นำงดวงจนั ทร์ วงษ์อำด
30
31 นำงดวงจันทร์ วงษอ์ ำด ประวตั ิประวตั ิและผลงำนครูภูมปิ ัญญำท้องถน่ิ จังหวดั หนองบัวลำภู ดำ้ น เกษตรผสมผสำน 1. ประวัติและผลงำน เป็นแหล่งเรียนรู้ท่ีได้รับรำงวัลชนะเลิศ กำรปลูกผักปลอดสำรพิษ ของบ้ำนสำรำญสุข ตำบล หนองแก อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู และเป็นแหล่งศึกษำดูงำนของผู้ที่สนใจในตำบลและ นักเรยี นนักศึกษำทีส่ นใจในกำรทำเกษตรผสมผสำน 2. องค์ควำมรู้และควำมเชยี่ วชำญ จัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนโดยยึดหลักปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ตำมแนว พระรำชดำริ กล่ำวคือ เศรษฐกิจพอเพียงกับแนวทำงปฏิบัติของเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นแนวทำงในกำรพัฒนำ ทนี่ ำไปสคู่ วำมสำมำรถในกำรพง่ึ ตนเองในระดับต่ำงๆ อย่ำงเป็นขน้ั ตอนโดยลดควำมเสี่ยงเกี่ยวกับควำมผันแปร ของธรรมชำติหรือกำรเปลี่ยนแปลงจำกปัจจัยต่ำงๆ โดยยึดหลัก ควำมพอประมำณ ควำมมีเหตุผล และมี ภูมคิ ุม้ กนั ในตวั ที่ดี โดยมสี องเงอ่ื นไขคือ ควำมรู้ และคุณธรรม มีควำมเพียรและควำมอดทน สติและปัญญำ กำรช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน และควำมสำมคั คี กศน.ตำบลหนองแก จึงจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ - เกษตรทฤษฏีใหม่ - กำรจัดทำบัญชคี รวั เรือน - กำรทำปุย๋ หมกั น้ำยำชวี ภำพ 3. กำรถ่ำยทอดควำมรู้และควำมเชยี่ วชำญ ถ่ำยทอดควำมรโู้ ดยนำยเฉลมิ วงษอ์ ำด เกษตรกรตวั อยำ่ งในตำบลหนองแกโดยกำรทำแผ่นพับ แนะนำกำรทำเกษตรผสมผสำน ให้กบั ผู้ท่เี ข้ำมำศึกษำดูงำน และกำรทำโดยยึดหลักปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ ตำมแนวพระรำชดำริ 4. ลักษณะของเครอื ขำ่ ยและกำรสร้ำงเครือขำ่ ย แนะนำประชำสัมพันธ์ให้หน่วยงำนหรือบุคคลท่ีสนใจกำรทำเกษตรผสมผสำน เข้ำมำเรียนรู้ใน สถำนท่ีจริง โดยกำรสนับสนุนจำกสำนักงำนเทศบำลตำบลหนองแก สำนักงำนเกษตรอำเภอศรีบุญเรือง กศน.ตำบลหนองแก พัฒนำชุมชนอำเภอศรีบุญเรอื ง 5. ผลงำนทเ่ี ป็นประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนและสังคม เป็นศนู ย์เรยี นรเู้ กษตรผสมผสำน บ้ำนสำรำญสุข หมู่ที่ 7 ตำบลหนองแก อำเภอศรีบญุ เรือง จงั หวัด หนองบัวลำภู สรำ้ งรำยไดล้ ดรำยจำ่ ยในครัวเรือนของคนในชุมชน 6. รำงวัลหรือเกียรตคิ ุณท่ไี ด้รบั ชนะเลศิ ผนู้ ำด้ำนเศรษฐกจิ พอเพยี ง นำงดวงจันทร์ วงษ์อำด เป็นผนู้ ำดำ้ นเศรษฐกิจพอเพยี งตวั อย่ำงในตำบลหนองแก
32 ตำบลหนองบวั ใต้ ประวัติและผลงำนภมู ปิ ัญญำทอ้ งถ่นิ ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรบี ุญเรอื ง จงั หวดั หนองบัวลำภู ดำ้ นอตุ สำหกรรมหัตถกรรม สำขำกำรจักสำน นำยสิงห์ทอง สกี หุ ลำบ
33
34 ชอ่ื -สกลุ นำยสิงหท์ อง สกี หุ ลำบ ประวัตแิ ละผลงำนภมู ปิ ัญญำทอ้ งถ่ิน ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรบี ุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู ดำ้ นอตุ สำหกรรมหัตถกรรม สำขำกำรจักสำน 1. ประวัตแิ ละผลงำน เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษำยน พ.ศ. 2496 อำยุ 67 ปี ทอี่ ยู่ 67 หมู่ที่ 2 บำ้ นดอนปอ ตำบลหนองบวั ใต้ อำเภอศรีบุญเรอื ง จังหวดั หนองบวั ลำภู เบอรโ์ ทรศพั ท์ 0962702107 ไดร้ บั สืบทอดควำมรู้มำจำก พ่อ แม่ ฝึกทำจนมคี วำมชำนำญ และถำ่ ยทอดควำมรู้ให้คนรนุ่ หลัง ท่สี นใจ 2. องคค์ วำมรู้และควำมเชี่ยวชำญ มีควำมชำนำญในกำรสำน สมุ่ ไก่ ตะกร้ำ ไซ ขอ้ ง เปน็ ต้น 3. กำรถำ่ ยทอดควำมรแู้ ละควำมเชี่ยวชำญ มีกำรถ่ำยทอดควำมรดู้ ำ้ นกำรจกั สำนใหแ้ ก่ประชำชนในหมู่บำ้ น 4. ลกั ษณะของเครือขำ่ ยและกำรสรำ้ งเครอื ข่ำย เครอื ข่ำยท่ีให้กำรส่งเสริมและสนับสนุนคอื หน่วยงำนรำชกำรต่ำงๆ อบต. เป็นตน้ 5. ผลงำนท่ีเป็นประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนและสังคม ไดจ้ กั สำน สุม่ ไก่ ตะกร้ำ ไซ ขอ้ ง ใหก้ ับทำงหมูบ่ ้ำนเพื่อใชใ้ นงำนบุญประเพณีต่ำงๆ 6. รำงวลั หรือเกยี รตคิ ณุ ทีไ่ ด้รบั -
35 ตำบลหนั นำงำม ประวตั ิและผลงำนครภู ูมปิ ญั ญำทอ้ งถิน่ จงั หวัดหนองบัวลำภู ด้ำน ปรชั ญำ ศำสนำ และประเพณี สำขำ พธิ กี รทำงศำสนำ ( หมอธรรม ) . นำยสวิน บญุ ประคม
36 * หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รปู ข้นึ ไป
37 ประวตั ิและผลงำนครภู มู ิปญั ญำทอ้ งถิน่ จงั หวดั หนองบัวลำภู 1. ประวัติและผลงำน นำยสวนิ บุญประคม เกดิ วันท่ี 21 เดือน ตุลำคม พ.ศ 2484 บ้ำนเลขที่ 26 หมู่ท่ี 8 บ้ำนเหลำ่ ใหญ่ ตำบลหนั นำงำม อำเภอศรีบุญเรือง จงั หวัดหนองบัวลำภู 39180 เบอรโ์ ทรศัพท์ 090-342-4087 2. องคค์ วำมรูแ้ ละควำมเช่ียวชำญ กำรสู่ขวัญเปน็ เร่ืองเกย่ี วกบั ขวญั และกำลังใจซ่ึงบรรพบุรุษของชำวอีสำนไดเ้ หน็ ควำมสำคญั ของจติ ใจ มำกกำรดำเนินชีวิตแทบทุกอย่ำงตอ้ งอำศยั พลงั ทำงจติ เพ่ือจะไดช้ ว่ ยใหม้ ีจิตใจทเ่ี ข้มแขง็ มีสตสิ ัมปชญั ญะท่ี ม่ันคงซ่งึ จะก่อให้เกดิ ปัญญำและควำมมุง่ มัน่ ทุ่มเทไปสู่เปำ้ หมำยสำมำรถเอำชนะฟนั ผำ่ อุปสรรคท่อี ำจจะเกิดขนึ้ จงึ เปน็ มรดกทำงภูมิปัญญำที่ควรถอื ปฏิบตั ิสืบทอดกัน 3. กำรถ่ำยทอดควำมร้แู ละควำมเชยี่ วชำญ ท่ีมำของชดุ ควำมคิดน้มี ำจำกกำรปฏบิ ัตจิ รงิ ในบ้ำนของเขำ ซึ่งบรบิ ทของพนื้ ทีภ่ ำค ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ มวี ัฒธรรม ควำมเชื่อ ทง่ี ดงำม จงึ ทำให้จำเป็นตอ้ งเรยี นรู้เพอ่ื สืบสำนและถำ่ ยทอดกำรสู่ ขวญั โดยกำรสอนเยำวชนเป็นกำรส่วนตัวในเวลำวำ่ ง และกำรพำไปเรียนรูป้ ระสบกำรณ์จริงในงำนตำ่ ง ๆ 4. ลกั ษณะของเครอื ขำ่ ยและกำรสร้ำงเครอื ข่ำย กิจกรรมในชมุ ชนทุกกิจกรรม เขำ้ รว่ มกจิ กรรมชมุ ชน แนะนำตวั เองถงึ ควำมสำมำรถเฉพำะทำงของ ตัวเอง ใหส้ ังคมร้จู ัก แล้วจะเกิดกำรแนะนำปำกตอ่ ปำก 5. ผลงำนที่เป็นประโยชน์ตอ่ ชุมชนและสงั คม เปน็ พธิ กี รงำนมงคลต่ำงๆ ในหมู่บ้ำนและในพน้ื ท่ีตำบลหนั นำงำม 6. รำงวลั หรือเกยี รตคิ ุณทีไ่ ดร้ ับ -
38 ตำบลหนองกงุ แกว้ ประวตั ิและผลงำนครูภูมปิ ญั ญำทอ้ งถิน่ จงั หวดั หนองบวั ลำภู ดำ้ น........กำรตดั เยบ็ เสื้อผ้ำ........ สำขำ....อตุ สำหกรรมและหัตถกรรม.... นำงธำรำทพิ ย์ พิมพำเรือ
39
40 นำงธำรำทพิ ย์ พิมพำเรอื ประวตั ปิ ระวัติและผลงำนครูภูมิปัญญำท้องถิ่นจงั หวดั หนองบัวลำภู ดำ้ น......กำรตัดเยบ็ เสือ้ ผำ้ .... สำขำ.......อุตสำหกรรมและหตั ถกรรม..... 1. ประวตั ิและผลงำน นำงธำรำทพิ ย์ พิมพำเรอื อยูบ่ ้ำนเลขที่ 151 หมู่ท่ี 5 บ้ำนผำสุก ตำบลหนองกุงแก้ว อำเภอศรี บญุ เรือง จังหวัดหนองบัวลำภู ซ่ึงเป็นหมู่บ้ำนท่ีอยู่ห่ำงไกลจำกตัวอำเภอศรีบุญเรืองมำกท่ีสุด ท่ำนเป็นครูภูมิ ปัญญำท้องถิ่นที่มีควำมสำมำรถหลำกหลำยด้ำน โดยเฉพำะด้ำนกำรตัดเย็บเส้ือผ้ำชนิดต่ำงๆ ไม่ว่ำจะเป็นกำร ตัดเย็บด้วยมือหรือจักร ท่ำนจะมีควำมชำนำญ กำรออกแบบเสื้อผ้ำชนิดต่ำงๆ เป็นที่ยอมรับของชุมชน ได้รับ เชญิ ใหเ้ ป็นวิทยำกรจำกหน่วยงำนและชุมชนตำ่ งๆมำกมำย 2. องคค์ วำมร้แู ละควำมเชย่ี วชำญ ท่ำนเป็นครูภูมิปัญญำท้องถิ่นที่มีควำมสำมำรถหลำกหลำยด้ำน โดยเฉพำะด้ำนกำรตัดเย็บ เสื้อผ้ำชนิดต่ำงๆ ไม่ว่ำจะเป็นกำรตัดเย็บด้วยมือหรือจักร ท่ำนจะมีควำมชำนำญ กำรออกแบบเสื้อผ้ำชนิด ต่ำงๆ เป็นท่ยี อมรับของชมุ ชน ไดร้ บั เชญิ ใหเ้ ปน็ วิทยำกรจำกหน่วยงำนและชมุ ชนตำ่ งๆมำกมำย 3. กำรถำ่ ยทอดควำมรู้และควำมเชย่ี วชำญ นำงธำรำทิพย์ พิมพำเรือ เป็นผู้มีประสบกำรณ์ในด้ำนกำรตัดเย็บเสื้อผ้ำอย่ำงยำวนำน และมี ควำมเป็นวิทยำกำรที่มีควำมเช่ียวชำญ สำมำรถถ่ำยทอดควำมรู้ให้กับผู้เรียนได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ ท่ำน ประกอบอำชพี รับจำ้ งตดั เยบ็ เสอื้ ผำ้ และได้รับเชญิ เปน็ วิทยำกรหลำยจงั หวดั 4. ลักษณะของเครือข่ำยและกำรสรำ้ งเครอื ข่ำย นำงธำรำทพิ ย์ พมิ พำเรือ เป็นผู้มีประสบกำรณใ์ นด้ำนกำรตัดเย็บเสื้อผ้ำอย่ำงยำวนำน มีควำมรู้ ควำมสำมำรถในด้ำนกำรตัดเย็บเส้ือผ้ำ เป็นท่ีรู้จักของบุคคล หน่วยงำน ทำให้ท่ำนได้รับเชิญเป็นวิทยำกร ถำ่ ยทอดองค์ควำมรู้ในหลำยจงั หวดั ทำใหไ้ ด้ร้จู กั กับเครือข่ำยต่ำงๆมำกมำย 5. ผลงำนทเี่ ป็นประโยชน์ต่อชมุ ชนและสังคม นำงธำรำทิพย์ พิมพำเรือ ถือได้ว่ำเป็นบุคคลที่มีควำมสำคัญต่อชุมชน ได้เป็นวิทยำกรมำอย่ำง ยำวนำน มีลูกศิษย์ที่ได้รับกำรถ่ำยทอดควำมรู้ไปประกอบอำชีพ และประสบผลสำเร็จมำกมำย ถือเป็น ประโยชน์ต่อชุมชนและสงั คมเปน็ อันมำก 6. รำงวัลหรอื เกยี รตคิ ุณท่ไี ด้รับ ท่ำนได้รบั รำงวลั ตำ่ งๆมำกมำย ท้งั เปน็ บุคคลตวั อยำ่ งของชุมชน ได้รับรำงวลั จำกหน่วยงำน รำชกำรต่ำงๆ เชน่ พัฒนำชมุ ชน อบต. เทศบำล เป็นตน้
คณะผจู้ ดั ทำ นำยประมวล ไชยศรี ผอ.กศน.ศรีบญุ เรือง น.ส.สุรรี ตั น์ ชัยวี บรรณำรักษ์ปฎิบัติกำร น.ส.ปรทิ ัศน์ กองคำ ครอู ำสำสมัครฯ ครู กศน.ตำบล ครู ศรช. ครผู สู้ อนคนพกิ ำร
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: