บนั ทกึ ขอ้ ความ สว่ นราชการ โรงเรียนหลวงแพทยโ์ กศลอปุ ถมั ภ์ สพป.สมทุ รสาคร ท่ี วนั ท่ี 19 เมษายน 2565 เรอื่ ง รายงานการอบรมตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลนว์ ังจันทรเกษม หลกั สูตรท่ี 6 จำอวดหน้าวงั (จนั ทรเกษม) “ศลิ ปวัฒนธรรมพื้นบ้าน รากฐานการศึกษา สุนทรียภาพทางปญั ญาคณุ ค่ามรดกแผ่นดิน เรยี น ผู้อำนวยการโรงเรยี นหลวงแพทย์โกศลอปุ ถมั ภ์ ด้วย นายพีรณัฐ ไกรคุ้ม ตำแหน่ง ครู โรงเรียนหลวงแพทย์โกศลอุปถัมภ์ปฏิบัติหน้าที่สอนในรายวิชา วิทยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เข้าอบรมตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วังจันทร เกษม หลักสูตรที่ 6 จำอวดหน้าวัง (จันทรเกษม) “ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน รากฐานการศึกษา สุนทรียภาพทาง ปัญญาคณุ คา่ มรดกแผน่ ดนิ วนั องั คาร 19 เมษายน 2565 09.00 – 12.00 น. นน้ั บัดนี้ การอบรมดงั กลา่ วได้เสร็จสิ้นแล้ว ข้าพเจา้ จงึ ขอรายงานผลการอบรม ดังเอกสารแนบทา้ ย จึงเรยี นมาเพื่อโปรดพจิ ารณา ลงชอ่ื ........................................................... (นายพรี ณัฐ ไกรคุ้ม) ขอ้ เสนอแนะจากผอู้ ำนวยการโรงเรียน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ ........................................................... (นางสาวสุนันทา จาดี) ผู้อำนวยการโรงเรยี นหลวงแพทย์โกศลอปุ ถมั ภ์ ก
คำนำ ตามทีก่ ระทรวงศึกษาธกิ ารได้ดำเนนิ การจัดกิจกรรมการอบรมออนไลน์ ตลาดนดั วังจันทรเกษม เฟส 2 ใน ครั้งน้มี กี ารอบรมทั้งหมด 10 หลกั สตู รใหแ้ กบคุ คลาการทางการศกึ ษาและผ้ทู สี่ นใจในการพัฒนาตนเองดงั น้ี หลกั สูตรที่ 1 คณุ ธรรมสรา้ งสขุ สำหรับครสู ผู่ เู้ รียน หลักสตู รที่ 2 การสรา้ งวินัยสู่ความเปน็ เลิศทางกีฬาของเยาวชนไทย หลักสตู รท่ี 3 เปดิ โลกการศึกษาไรข้ ดี จำกดั ในยุคจกั รวาลนฤมิต หลกั สตู รที่ 4 ค่านยิ มทีด่ ีงามของเดก็ และเยาวชน หลักสตู รท่ี 5 คุณคา่ ทางวัฒนธรรมในความงดงามของชวี ิต หลักสูตรที่ 6 จำอวดหน้าวัง (จันทรเกษม) “ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน รากฐานการศึกษา สุนทรียภาพทางปญั ญาคุณคา่ มรดกแผ่นดนิ หลักสูตรที่ 7 สอื่ ยคุ ใหม่ การศึกษาออนไลน์ หลกั สูตรที่ 8 การสอนให้สนกุ จากครูทีม่ ปี ระสบการณ์ หลักสูตรที่ 9 หลกั การปฏิบัติราชการ หลักสูตรที่ 10 Active Learning ข้าพเจา้ ขอขอบคณุ กระทรวงศึกษาธกิ าร และผูท้ ี่มีส่วนเกีย่ วข้องทกุ ฝา่ ย ที่มสี ว่ นรว่ มในการจัดอบรมในครงั้ นี้เพ่ือใหบ้ ุคลากรทางการศึกษาได้นำแนวทางไปตอ่ ยอดและเปน็ วิธปี ฎบิ ัติเพอื่ ให้เกิดประโยชนใ์ นการจัดการเรียนการ สอนพรอ้ มทักษะความร้ใู นด้านตา่ งๆสืบไป นายพีรณัฐ ไกรคุ้ม ข
สารบญั หน้า ก เรอื่ ง ข บันทึกข้อความ ค คำนำ 1 สารบัญ เอกสารประกอบการประชมุ 9 ภาคผนวก 11 ภาคผนวก ก ภาพกิจกรรมการเขา้ รับฟงั ภาคผนวก ข ภาพเกียรติบัตร ค
ตลาดนดั การเรียนรู้ออนไลนว์ งั จนั ทรเกษม หลักสูตรท่ี 6 จำอวดหนา้ วงั (จนั ทรเกษม) “ศิลปวัฒนธรรมพ้นื บ้าน รากฐานการศึกษา สุนทรียภาพทางปัญญาคุณคา่ มรดกแผ่นดิน จำอวดหน้าวัง (จันทรเกษม) “ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน รากฐานการศึกษา สุนทรียภาพทางปัญญา คุณคา่ มรดกแผ่นดนิ ” โดย... น้าโย่ง น้านงค์ น้าพวง “สามน้า” นายพิเชษฐ์ เอี่ยมชาวนา (น้าโย่ง) นายจำนงค์ ปิยะโชติ (น้า นงค์) นายพวง แก้วประเสริฐ (น้าพวง) ในวันอังคาร 19 เมษายน 2565 09.00 - 12.00 น. น้าโยง่ นา้ นงค์ น้าพวง โดย 3 น้าได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการอบรมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน... โดยได้ผสมผสานความรู้ ควบคู่กับความสนุก มุขตลกของ 3น้า ทำให้การร่วมรับฟังการอบรม ไม่เกิดความน่าเบื่อ อีกทั้งยังได้รับความรู้ตลอดช่วงการอบรม 3 น้า ยังได้ให้ความรู้เกี่ยวกับเพลงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน เกี่ยวกับเรื่องของบทเพลง อาทิเช่น เพลงเรือ - เพลง ฉ่อย - เพลงประชัน เป็นเพลงร้องประชันฝีปากกัน - เพลงร้อง – เพลงเกริ่น ซึงวิธีร้องสำหรับผู้หญิง ผู้ชายจะ ไม่เหมือนกัน โดยทั้ง3น้า ได้แสดงการขับร้องบทเพลงฉ่อย - เพลงเกริ่น ต่างๆให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้รับฟัง ซ่ึง ไพเราะ ฟังงา่ ย เขา้ ใจง่าย ไม่เกดิ ความนา่ เบื่อ การจัดการเรียนการสอนโดยการใช้กรวยประสบการณ์ซึ่งนักเรียนสามารถจำจำประสบการณ์นั้นๆได้ จากสิ่งต่างๆผ่านการเรียนรู้ที่เรียกว่า “กรวยประสบการณ์” (Cone of Experiencess) ซึ่งจากการฟังบรรยาย กรวยประสบการณ์สามารถบางได้ดังนี้ โดยแบง่ เป็นข้ันตอนดงั น้ี 1
1) ประสบการณ์ตรง โดยการให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ตรงจากของจริง เช่น การจับต้อง และการ เห็น เปน็ ตน้ 2) ประสบการณ์รอง เป็นการเรียนโดยให้ผู้เรียนเรียนจากสิ่งทีใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด ซึ่งอาจเป็น การจำลองกไ็ ด้ 3) ประสบการณ์นาฏกรรมหรือการแสดง เป็นการแสดงบทบาทสมมติหรือการแสดงละคร เนื่องจาก ข้อจำกัดด้วยยุคสมัยเวลา และสถานที่ เช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ หรือเรื่องราวที่เป็นนามธรรม เป็นต้น 4) การสาธิต เป็นการแสดงหรือการทำเพื่อประกอบคำอธิบายเพื่อให้เห็นลำดับขั้นตอนของการกระทำ นั้น 5) การศึกษานอกสถานที่ เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ต่าง ๆ ภายนอกสถานที่เรียน อาจเป็นการ เยีย่ มชมสถานที่ การสมั ภาษณ์บคุ คลต่าง ๆ เป็นตน้ 6) นิทรรศการ เป็นการจัดแสดงสิ่งของต่าง ๆ เพื่อให้สาระประโยชน์แก่ผู้ชม โดยการนำประสบการณ์ หลายอยา่ งผสมผสานกนั มากทสี่ ดุ 7) โทรทัศน์ โดยใช้ทั้งโทรทัศน์การศึกษาและโทรทัศน์การสอนเพื่อให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้เรียนหรือผู้ชม ทอ่ี ย่ใู นห้องเรยี นหรืออยทู่ างบา้ น 8) ภาพยนตร์ เป็นภาพที่บันทึกเรื่องราวลงบนฟิล์มเพื่อให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ทั้งภาพและเสียง โดยใชป้ ระสาทตาและหู 9) การบันทึกเสียง วิทยุ ภาพนิ่ง อาจเป็นทั้งในรูปของแผ่นเสียง เทปบันทึกเสียง วิทยุ รูปภาพ สไลด์ ขอ้ มูลท่อี ยใู่ นขนั้ นี้จะใหป้ ระสบการณแ์ กผ่ ู้เรียนท่ถี งึ แม้จะอ่านหนังสอื ไมอ่ อกแต่กจ็ ะสามารถเข้าใจเนอื้ หาได้ 10)ทัศนสัญลกั ษณ์ เช่น แผนที่ แผนภมู ิ หรือเครื่องหมายต่าง ๆ ที่เปน็ สญั ลักษณ์แทนส่ิงของตา่ ง ๆ 11) วจนสญั ลกั ษณ์ ได้แก่ตวั หนงั สอื ในภาษาเขียน และเสยี งพูดของคนในภาษาพดู การใช้กรวยประสบการณ์ของเดลจะเริ่มต้นด้วยการให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอยู่ในเหตการณ์หรือการกระทำ จริงเพื่อให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ตรงเกิดขึ้นก่อน แล้วจึงเรียนรู้โดยการเฝ้าสังเกตุในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็น ขั้นต่อไปของการได้รับประสบ-การณ์รอง ต่อจากนั้นจึงเป็นการเรียนรู้ด้วยการรับประสบการณ์โดยผ่านสื่อ ต่างๆ และท้ายที่สุดเป็นการให้ผู้เรียนเรียนจากสัญลักษณ์ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของเหตุการณ์ที่เกิดข้ึน การบรรยายในวันที่ 19 เมษายน 2565 น้าโย่ง น้านงค์ น้าพวง “สามน้า” นายพิเชษฐ์ เอี่ยมชาวนา (น้าโย่ง) นายจำนงค์ ปิยะโชติ (น้านงค์) นายพวง แก้วประเสริฐ (น้าพวง) ในวันนี้ได้ใช้กรวยประสบการณ์ใน ด้านท่ี 3 คือ ประสบการณน์ าฏกรรมหรอื การแสดง เป็นการแสดงบทบาทสมมติหรือการแสดงละคร เนอื่ งจาก ข้อจำกัดด้วยยุคสมัยเวลา และสถานที่ เช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ หรือเรื่องราวที่เป็นนามธรรม เปน็ ต้น 2
การนำศิลปะเพลงพื้นบ้านมาช่วยในการจัดการเรียนการสอนช่วยให้นักเรียนมีความสุขสนุกไปกับ เสียงเพลงซึ่งเพลงพน้ื บ้านท่สี ามารถนำมาใช้ได้อาทิ เชน่ เพลงฉอ่ ย เป็นเพลงพื้นบ้าน มีลักษณะของกลอนแบบเดียวกับเพลงเรือ(โดยมากจะลงแบบกลอนไร) ไม่มีกลอน บทส่งแบบเพลงเรือ วิธีเล่นจะสนุกและรวดเร็วกว่าเพลงเรือ จะเริ่มต้นกลอนไหว้ครู และเกริ่นใช้กลอนเพลง มี ตน้ เสียง ใช้ลกู คูป่ รบมอื รับเปน็ จงั หวะตอนไหว้ครู เพลงเรอื เป็นเพลงที่ร้องเล่นในฤดูน้ำหลาก นิยมเล่นในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี สุพรรณบุรี และลพบุรี ช่วงเทศกาลกฐิน ผ้าป่า หรืองานนมัสการ งานบุญประจำปีของวัด ซึ่งเป็นฤดูน้ำหลาก ชาวนา ว่างเว้นจากการทำนา รอน้ำลด และรวงข้าวสุก ก็จะพากันพายเรือมาทำบุญไหว้พระและเล่นเพลง เรือที่ใช้มี เรือมาดส่ีแจว เรือพายม้าทุกลำจุดตะเกียงเจ้าพายุ หรือตะเกียงลานไว้กลางลำเรือ ธรรมเนียมในการเล่นมีเรือ ฝ่ายชายและฝ่ายหญิง จำนวนผู้เล่นขึ้นอยู่กับขนาดของเรือประมาณ 9 - 10 คน มีพ่อเพลง แม่เพลง ส่วนท่ี เหลือเป็นลูกคู่ ใช้กลอนลงสระเสียงเดียวกันไปเรื่อยๆ ที่เรียกว่า \"กลอนหัวเดียว\" นิยมร้องกลอนลา และกลอน ไล เพราะคิดหาคำได้ง่ายกว่าสระเสียงอื่น มีเครื่องประกอบจังหวะ ได้แก่ ฉิ่ง และกรับ พ่อเพลงที่นั่งกลางลำ เรือ จะเป็นคนตีฉิ่งดังฉับๆ ไปเรื่อยๆ ที่เหลือก็เป็นลูกคู่คอยร้องรับหรือร้องยั่วด้วยคำว่า \"ฮ้า ไฮ้\" และคอย กระทงุ้ ว่า \"ชะ ชะ\" ตามความคะนองปากเปน็ จังหวะๆ เมื่อชาวเพลงพายเรือมาถึงที่หมาย โดยทั่วไปก็จะมองหาเรือจับคู่ว่าเพลงกันแล้ว ฝ่ายชายจะพายเรือ ไปเทียบจนชิดเรือฝ่ายหญิงและเก็บพายขึ้น ในเรือแต่ละลำจะนั่งเป็นคู่ๆ นอกจากช่วงหัวเรือท้ายเรือจะนั่งคน เดียวเพราะที่แคบ เรือฝ่ายชายจะเริ่มว่าเพลงก่อน เรียกว่า \"เพลงปลอบ\" เพื่อขอเล่นเพลงกับฝ่ายหญิงตาม มารยาท เมื่อว่าไปสัก 2 - 3 บท หากฝ่ายหญิงนิ่งไม่ตอบ ก็แสดงว่า ไม่สมัครใจเล่นเพลงด้วย หรือมีคู่นัดหมาย อยแู่ ลว้ เรือฝา่ ยชายต้องไปหาค่ใู หม่ แต่ถ้าฝ่ายหญงิ เอื้อนเสยี งตอบ แสดงวา่ ตกลงปลงใจเล่นเพลงด้วย กเ็ รมิ่ วา่ \"เพลงประ\" โต้ตอบกันในเชิงเกี้ยวพาราสีอย่างสนุกสนาน เมื่อว่าเพลงกันสมควรแก่เวลาแล้ว เรือฝ่ายชายจะ พายไปสง่ เรือฝ่ายหญิง ในระหวา่ งน้ันก็วา่ \"เพลงจาก\"เพอื่ เปน็ การแสดงความอาลยั อาวรณ์ เพลงพืน้ บ้านภาคกลาง เพลงพื้นบ้านภาคกลางส่วนใหญ่เป็นเพลงโต้ตอบหรือเพลงปฏิพากย์ เป็นเพลงที่หนุ่มสาวใช้ร้อง โต้ตอบเกี้ยวพาราสีกัน มักร้องกันเป็นกลุ่มหรือเป็นวง ประกอบด้วย ผู้ร้องนำเพลงฝ่ายชายและฝ่ายหญิงที่ เรียกว่า พ่อเพลง แม่เพลง ส่วนคนอื่นๆ เป็นลูกคู่ร้องรับ ให้จังหวะด้วยการปรบมือ หรือใช้เครื่องดนตรี ประกอบจังหวะ เช่น กรับ ฉิ่ง เพลงโต้ตอบนี้ ชาวบ้านภาคกลางนำมาร้องเล่นในโอกาสต่างๆ ตามเทศกาล 3
หรือในเวลาที่มารวมกลุ่มกัน เพื่อทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือบางเพลงก็ใช้ร้องเล่นไม่จำกัดเทศกาล แบ่ง ได้ 5 กลมุ่ คอื 1. เพลงที่นิยมร้องเล่นในฤดูน้ำหลาก เทศกาลกฐินและผ้าป่า ในช่วงเทศกาลออกพรรษา ได้แก่ เพลง เรอื (ร้องกันทวั่ ไปในล่มุ แมน่ ำ้ เจา้ พระยา โดยเฉพาะพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงหบ์ รุ ี สพุ รรณบรุ ี ลพบุร)ี เพลงครึ่งท่อน เพลงไก่ป่า (ปรากฏชื่อในหนังสือเก่าก่อนสมัยรัชกาลที่ 5 ว่าร้องอยู่แถบ พระนครศรอี ยธุ ยา) เพลงหน้าใย เพลงยิ้มใย เพลงโซ้ (นครนายก) เพลงรำพาข้าวสาร (ปทุมธาน)ี เพลงร่อยภาษา (กาญจนบุรี) 2. เพลงที่นิยมเล่นในเทศกาลเก็บเกี่ยว เปน็ เพลงท่ีร้องเล่นในเวลาลงแขกเกย่ี วข้าว และนวดขา้ ว ไดแ้ ก่ เพลงเก่ยี วขา้ ว เพลงก้ม (อา่ งทอง สุพรรณบุร)ี เพลงเตน้ กำ (อา่ งทอง พระนครศรีอยุธยา) เพลงเต้นกำรำเคียว (นครสวรรค)์ เพลงจาก (อ. พนมทวน กาญจนบุรี) เพลงสงฟาง (สุพรรณบรุ ี กาญจนบุรี อ่างทอง สงิ หบ์ รุ ี) เพลงพานฟาง (สพุ รรณบุรี กาญจนบุรี) เพลงสงคอลำพวน (กาญจนบุรี นครปฐม ราชบรุ )ี เพลงชักกระดาน (กาญจนบุรี ราชบรุ ี นครปฐม สงิ หบ์ ุรี อา่ งทอง) เพลงโอก (ราชบุรี ใช้รอ้ งเลน่ เวลาหยุดพกั ระหวา่ งนวดขา้ ว) 3. เพลงทน่ี ิยมเลน่ ในเทศกาลสงกรานต์ เปน็ เพลงทีร่ ้องเพื่อความสนกุ สนาน รืน่ เริง และบางเพลงเป็น เพลงทีใ่ ชป้ ระกอบการละเลน่ ของหนุ่มสาว ได้แก่ เพลงพิษฐาน (พระนครศรอี ยุธยา สพุ รรณบุรี อทุ ยั ธานี นครสวรรค์ สโุ ขทยั กำแพงเพชร ตาก) เพลงพวงมาลัย (นครปฐม เพชรบุรี กาญจนบุรี อ่างทอง นครสวรรค)์ เพลงระบำ เพลงระบำบ้านไร่ (พระนครศรอี ยธุ ยา ลพบุรี อา่ งทอง สุพรรณบุรี) เพลงฮนิ เลเล (พระนครศรีอยธุ ยา นครสวรรค์ สุโขทยั พิษณโุ ลก) เพลงคล้องชา้ ง (สพุ รรณบรุ ี กาญจนบรุ ี นครปฐม) เพลงช้าเจา้ หงส์ (พระนครศรอี ยุธยา) เพลงชา้ เจา้ โลม (นครสวรรค์ อทุ ยั ธาน)ี เพลงเหย่อย (กาญจนบรุ )ี 4
เพลงกร่นุ (อุทัยธานี พษิ ณโุ ลก) เพลงชักเย่อ (อุทัยธานี) เพลงเขา้ ผี (เกอื บทกุ จังหวัดของภาคกลาง) เพลงสังกรานต์ (เป็นเพลงใช้ร้องยั่วประกอบท่ารำ ไม่มีชื่อเรียกโดยตรง ในที่นี้ เรียกตามคำของยาย ทองหล่อ ทำเลทอง แมเ่ พลงอาวโุ สชาวอยธุ ยา) 4. เพลงทใ่ี ช้ร้องเวลามารวมกนั ทำกิจกรรมอย่างหนึ่ง ได้แก่ เพลงโขลกแป้ง (ร้องโต้ตอบกันเวลาลงแขกโขลกแป้งทำขนมจีน ในงานทำบุญ ของชาวอ่างทอง ชาว นครสวรรค)์ เพลงแห่นาคหรือสั่งนาค (ร้องกันทั่วไปในภาคกลาง ในงานบวชนาคขณะแห่นาคไปวัดหรือรับไปทำ ขวญั นาค) 5. เพลงที่ร้องเล่นไม่จำกัดเทศกาล เป็นเพลงที่ร้องเพื่อความสนุกสนานรื่นเริงในงานบุญประเพณีต่างๆ ร้องรำพันแสดงอารมณ์ความรู้สึก ร้องประกอบการละเล่น หรือร้องโดยที่มีวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหน่ึง ไดแ้ ก่ เพลงเทพทอง (เป็นเพลงพ้นื บา้ นทเ่ี ก่าทส่ี ุด ตามหลกั ฐานในวรรณคดีและหนังสอื เก่าบนั ทกึ ไว้วา่ นิยม เล่นตง้ั แต่สมัยอยุธยา สมยั ธนบุรี สมัยรตั นโกสนิ ทร์ จนถงึ รชั กาลที่ 6) เพลงลำตัด เพลงโนเนโนนาด เพลงแอว่ เคล้าซอ เพลงแห่เจ้าบา่ ว เพลงพาดควาย เพลงปรบไก่ เพลงขอทาน เพลงฉอ่ ย (มีช่อื เรยี กอ่ืนๆ เช่น เพลงวง เพลงเป๋ เพลงฉา่ เพลงตะขาบ) เพลงทรงเครื่อง เพลงระบำบ้านนา เพลงอแี ซว เพลงรำโทน เพลงสำหรบั เด็ก (เพลงกลอ่ มเด็ก เพลงปลอบเด็ก เพลงประกอบการละเล่นเดก็ ) เพลงพื้นบ้านภาคกลางแม้จะมีหลากหลายประเภทมากกว่าทุกภาค แต่มีเพลงจำนวนน้อยที่ยังคงร้อง เล่นกันบา้ งในชนบท และส่วนหน่ึงก็เปน็ เพลงทเ่ี ล่นกนั เฉพาะถิน่ เท่าน้ัน 5
ท้งั นี้ 3นา้ ยังได้เคยร้องเพลงฉ่อยเก่ียวกบั การแกไ้ ขปัญหาเรือ่ งหน้สี นิ ของข้าราชการใน กระทรวงศึกษาธิการไว้ด้วย 6
บรรณานกุ รม ข้อมลู จากหนังสือสารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชน ฯ เล่ม 34 เร่ืองท่ี 2 ลขิ สิทธเิ์ ปน็ ของพระบาทสมเดจ็ พระ เจา้ อยู่หวั . สบื คน้ วันที่ 19 เมษายน2565, https://www.trueplookpanya.com/blog /content/58607/-entmus-ent-stopoe-sto- yuparak. 5 กรกฎาคม 2006. กรวยประสบการณ์. สืบค้นวันท่ี 19 เมษายน2565, https://www.gotoknow.org/posts/37173 7
ภาพภกิจากครผรมนกวารกเขก้าอบรม 8
9
เกียภรตาบิ คตั ผรผน่าวนกการขอบรม 10
11
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: