Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน

แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน

Published by boonsombat.29, 2019-10-25 04:48:18

Description: แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน

Search

Read the Text Version

แบบทดสอบก่อนเรียน–หลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 บรรยากาศ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบท่ีถกู ทีส่ ุดเพยี งคำตอบเดียว 1. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ประโยชน์ของบรรยำกำศที่มีตอ่ โลก ก. ช่วยก้นั รังสีคลื่นส้นั ข. ช่วยลดควำมรอ้ นใหแ้ ก่โลก ค. ช่วยกรองรงั สีอลั ตรำไวโอเลต ง. ดูดกลืนและทำลำยวตั ถุตำ่ ง ๆ ที่พงุ่ เขำ้ โลก 2. ถำ้ รังสีอลั ตรำไวโอเลตสำมำรถผำ่ นบรรยำกำศของโลกไดม้ ำกข้ึนแลว้ จะเป็ นอนั ตรำย ตอ่ มนุษย์ โดยทำให้เกิดโรคตำมขอ้ ใด ก. โรคไขด้ ำ ข. โรคโปลิโอ ค. โรคลูมำติซมั ง. โรคเกรียมแดด 3. ส่วนประกอบของอำกำศมคี วำมแตกตำ่ งกนั ข้ึนอยกู่ บั ขอ้ ใด ก. เวลำและสถำนที่ ข. เวลำและปริมำตร ค. เวลำและควำมดนั ง. สถำนทแ่ี ละควำมดนั 4. ส่วนประกอบของอำกำศทเ่ี รียงจำกนอ้ ยไปหำมำกถูกตอ้ ง คอื ขอ้ ใด ก. O2 CO2 Ar N2 ข. CO2 Ar O2 N2 ค. Ar N2 O2 CO2 ง. N2 O2 CO2 Ar

5. แกส๊ ชนิดใดเป็นส่วนประกอบของอำกำศท่ีมีจำนวนนอ้ ยท่ีสุด ก. อำร์กอน ข. ออกซิเจน ค. ไนโตรเจน ง. คำร์บอนไดออกไซด์ 6. แก๊สไนโตรเจนเป็นแก๊สเฉื่อยท่มี ีประโยชน์ในเร่ืองใด ก. ช่วยใหไ้ ฟตดิ ข. ลดปริมำณคำร์บอนไดออกไซด์ ค. เป็ นฉำกก้นั ควำมร้อนจำกดวงอำทิตย์ ง. ทำใหอ้ ำกำศเจือจำงพอเหมำะสำหรบั มนุษยแ์ ละสตั ว์ 7. บรรยำกำศช้นั ใดมีควำมสำคญั ตอ่ ส่ิงมีชีวติ มำกทสี่ ุด ก. เอกโซสเฟียร์ ข. โทรโพสเฟียร์ ค. สตรำโตสเฟียร์ ง. ไอโอโนสเฟียร์ 8. บรรยำกำศช้นั ใดของโลกท่ีเมื่อไดร้ บั รงั สีคอสมิกจำกอำกำศแลว้ จะทำใหอ้ นุภำคของอำกำศ เปลี่ยนสภำวะเป็นอิออนอิสระท่ีมีประจไุ ฟฟ้ ำบวกหรือลบ ก. เอกโซสเฟียร์ ข. โทรโพสเฟียร์ ค. สตรำโตสเฟียร์ ง. ไอโอโนสเฟียร์ 9. บรรยำกำศช้นั ท่ีสำมำรถสะทอ้ นคล่ืนวทิ ยคุ วำมถี่ไม่สูงนกั และเป็ นประโยชน์ต่อกำรส่ือสำร ระยะไกลคอื ขอ้ ใด ก. เอกโซสเฟียร์ ข. โทรโพสเฟียร์ ค. สตรำโตสเฟียร์ ง. ไอโอโนสเฟียร์

10. ช้นั บรรยำกำศของโลกไม่ฟ้ งุ กระจำยออกไปสู่อวกำศเพรำะเหตุใด ก. ช้นั โอโชนก้นั ไว้ ข. แรงดึงดูดของโลก ค. แรงผลกั จำกดวงอำทติ ย์ 11. นกั วทิ ยำศำสตร์อธิบำยวำ่ อำกำศมีควำมหนำแน่นโดยใชค้ วำมสมั พนั ธข์ อ้ ใด ก. อตั รำส่วนระหวำ่ งมวลกบั ปริมำตรของอำกำศ ข. อตั รำส่วนระหวำ่ งมวลกบั ควำมดนั ของอำกำศ ค. อตั รำส่วนระหวำ่ งควำมดนั กบั ปริมำตรของอำกำศ ง. อตั รำส่วนระหวำ่ งปริมำตรของอำกำศกบั ควำมสูง 12. ขอ้ ใดแสดงวำ่ อำกำศมีควำมหนำแน่น ก. อำกำศสำมำรถสมั ผสั ได้ ข. ใบไมไ้ หวเมื่อใชม้ ือโบกไปมำ ค. น้ำไหลจำกท่สี ูงลงสู่ทีต่ ่ำกวำ่ ง. ลูกโป่ งบรรจแุ ก๊สลอยข้นึ ไปบนอำกำศ 13. ควำมกดอำกำศกบั ควำมสูงจำกระดบั น้ำทะเลมีควำมสมั พนั ธก์ นั ตำมขอ้ ใด ก. ควำมสูงลดลง ควำมกดอำกำศคงที่ ข. ควำมสูงลดลง ควำมกดอำกำสลดลง ค. ควำมสูงเพม่ิ ข้นึ ควำมกดอำกำศลดลง ง. ควำมสูงเพม่ิ ข้นึ ควำมกดอำกำศเพมิ่ ข้นึ 14. บริเวณที่สูง ๆ จะมีควำมกดอำกำศต่ำกวำ่ บริเวณทตี่ ่ำ ๆ เน่ืองจำกอะไร ก. บริเวณทส่ี ูง ๆ อำกำศเบำบำงกวำ่ ท่ตี ่ำ ข. บริเวณท่ีสูง ๆ อำกำศเคลื่อนไหวเร็วกวำ่ บริเวณท่ีต่ำ ค. อำกำศบริเวณที่สูง ๆ เบำกวำ่ อำกำศบริเวณทต่ี ่ำ ง. บริเวณท่ีต่ำ มีฝ่นุ ละอองปนในอำกำศมำก อำกำศจึงหนกั 15. ในตอนกลำงคืนอำกำศเหนือพน้ื น้ำทะเลมอี ุณหภูมิสูงกวำ่ อำกำศเหนือพน้ื ดินเนื่องจำกสำเหตใุ ด ก. น้ำคำยควำมรอ้ นไดช้ ำ้ กวำ่ พน้ื ดิน ข. น้ำมีควำมหนำแน่นนอ้ ยกวำ่ ดินมำก ค. พ้นื ดินเป็นของแขง็ รบั ควำมร้อนไดเ้ ร็ว ง. น้ำเป็ นของเหลวทำใหอ้ ุณหภูมิเปลี่ยนแปลงไดง้ ่ำย

16. ในช่วงเวลำก่อนฝนจะตก อำกำศรอ้ นอบอำ้ ว และอุณหภูมิสูงกวำ่ ปกติเกิดจำกสำเหตุใด ก. พ้นื ดินคำยควำมร้อน ข. อำกำศคำยควำมรอ้ น ค. กอ้ นเมฆคำยควำมรอ้ น ง. ไอน้ำในอำกำศคำยควำมร้อน 17. ขอ้ ใดถูกตอ้ ง ก. ควำมกดอำกำศต่ำ อุณหภมู ิสูง ข. ควำมกดอำกำศต่ำ อุณหภมู ิต่ำ ค. ควำมกดอำกำศสูง อุณหภมู ิต่ำ ง. ควำมกดอำกำศสูง อุณหภูมิสูง 18. ลกั ษณะสำคญั ของบรรยำกำศท่สี ่ิงมีชีวติ อำศยั อยู่ คอื ขอ้ ใด ก. อุณหภูมิคงท่ีตลอดเวลำ ข. อุณหภมู ิเพมิ่ เม่ือควำมสูงเพม่ิ ค. อุณหภูมิลดลงเมือ่ ควำมสูงลดลง ง. อุณหภูมิลดลงเม่อื ควำมสูงเพมิ่ ข้ึน 19. คำวำ่ “อำกำศอิ่มตวั ดว้ ยไอน้ำ” หมำยถึงขอ้ ใด ก. ในอำกำศมีแตน่ ้ำไม่มีสิ่งอื่นเจอื ปน ข. ในอำกำศมไี อน้ำ 100 เปอร์เซ็นต์ ค. ไอน้ำไม่สำมำรถระเหยไปในอำกำศไดอ้ ีก ง. ในอำกำศมไี อน้ำอยู่ 100 กรมั ต่อลูกบำศกเ์ มตร 20. ควำมช้ืนสมั พทั ธเ์ กิดจำกกำรเปรียบเทียบปริมำณใดของไอน้ำทมี่ ีอยจู่ ริงกบั ไอน้ำอิ่มตวั ก. มวล ข. น้ำหนกั ค. ปริมำตร ง. อุณหภูมิ 21. ควำมช้ืนสมั บรู ณ์มีควำมหมำยตรงกบั ขอ้ ใด ก. อตั รำส่วนระหวำ่ งมวลกบั อำกำศกบั ควำมกดอำกำศ ข. อตั รำส่วนระหวำ่ งมวลของอำกำศกบั ปริมำตรของอำกำศ ค. อตั รำส่วนระหวำ่ งมวลของไอน้ำในอำกำศกบั ปริมำตรของอำกำศ ง. อตั รำส่วนระหวำ่ งมวลของไอน้ำในอำกำศกบั ควำมหนำแน่นของอำกำศ

22. ถำ้ อำกำศมีไอน้ำมำกแลว้ จะเกิดผลตำมขอ้ ใด ก. อำกำศจะมีควำมกดต่ำ เพรำะไอน้ำหนกั กวำ่ อำกำศ ข. อำกำศจะมีควำมกดสูง เพรำะไอน้ำเบำกกวำ่ อำกำศ ค. อำกำศจะมีควำมกดต่ำ เพรำะไอน้ำเบำกวำ่ อำกำศ ง. อำกำศจะมีวำมกดสูง เพรำะไอน้ำหนกั กวำ่ อำกำศ 23. ไฮโกรมิเตอร์แบบเสน้ ผมใชห้ ลกั กำรตำมขอ้ ใด ก. เสน้ ผมแหง้ หดตวั เวลำช้ืนจะยดื ตวั ข. เสน้ ผมแหง้ ขยำยตวั เวลำช้ืนจะหดตวั ค. เสน้ ผมมีควำมคงท่ี เมื่อควำมช้ืนเปลี่ยนแปลง ง. เสน้ ผลมีควำมคงที่ เม่ืออณุ หภมู ิเปล่ียนแปลง 24. ควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งอุณหภมู ิ ควำมหนำแน่นของอำกำศ และควำมกดอำกำศขอ้ ใด ถูกตอ้ งทส่ี ุด ก. อุณหภูมิต่ำ ควำมหนำแน่นมำก ควำมกดสูง ข. อุณหภมู ิต่ำ ควำมหนำแน่นนอ้ ย ควำมกดสูง ค. อุณหภมู ิสูง ควำมหนำแน่นนอ้ ย ควำมกดสูง ง. อุณหภมู ิสูง ควำมหนำแน่นมำก ควำมกดต่ำ 25. ขอ้ ใดคือสำเหตทุ ี่ทำใหเ้ กิดเมฆ ก. ไอน้ำในอำกำศอ่ิมตวั ข. ไอน้ำในอำกำศมีอุณหภมู ิลดลง ค. ไอน้ำในอำกำศเยน็ ตวั ลง รวมตวั เป็ นกลุ่มละอองน้ำ ง. อำกำศเยน็ ตวั ลง อำกำศรอ้ นลอยข้นึ ไปกระทบควำมเยน็ 26. เมฆส่วนใหญเ่ กิดข้ึนในบรรยำกำศช้นั ใด ก. เอกโซสเฟียร์ ข. โทรโพสเฟียร์ ค. สตรำโตสเฟียร์ ง. ไอโอโนสเฟียร์

27. เมฆที่เกิดข้นึ ในระดบั สูงมีระดบั คลำ้ ยขนนกคอื เมฆชนิดใด ก. คิวมูลสั ข. เซอร์รสั ค. สเตรตสั ง. นิมโบสเตรตสั 28. ขอ้ ใดคอื เงอื่ นไขท่ีจะทำใหฝ้ นตกได้ ก. อุณหภมู ิต่ำ ควำมช้ืนสมั พทั ธส์ ูง ข. อุณหภมู ิเหมำะสม ปริมำณไอน้ำในอำกำศเพยี งพอ ค. ควำมช้ืนในอำกำศมำก ควำมกดอำกำศเหมำะสม ง. ควำมกดอำกำศเหมำะสม ปริมำณไอน้ำในอำกำศเพยี งพอ 29. สำรเคมีชนิดใดท่ีนิยมใชท้ ำฝนเทียม ก. โซเดียมคลอไรด์ ข. คอปเปอร์ซลั เฟต ค. แมงกำนีสคลอไรด์ ง. โซเดียมไฮดรอกไซด์ 30. ถำ้ เรำวดั ควำมช้ืนสมั พทั ธก์ ่อนฝนตกแลว้ จะไดค้ ำ่ ควำมช้ืนสมั พทั ธใ์ กลเ้ คียงกบั สถำนท่ีใด ก. ชำยหำดพทั ยำ ข. ถ้ำทจ่ี งั หวดั กำญจนบุรี ค. อุทยำนแห่งเขำใหญ่ ง. นำขำ้ วทจ่ี งั หวดั พระนครศรีอยธุ ยำ 31. ถำ้ เรำวดั ควำมช้ืนสมั พทั ธข์ องอำกำศไดค้ ่ำเท่ำกบั 98 % แลว้ เรำจะอธิบำยกำรเกิดฝนได้ ตำมขอ้ ใด ก. ฝนไม่ตก ข. ฝนมีโอกำสตกมำก ค. ฝนมีโอกำสตกปำนกลำง ง. สรุปไม่ได้

32. ปริมำณน้ำฝนทตี่ กตำมประกำศโดยกรมอุตนุ ิยมวทิ ยำ หมำยถึงขอ้ ใด ก. ระดบั น้ำฝนท้งั หมดในวนั น้นั ข. ระยะเวลำทฝ่ี นตกฝนวนั น้นั ค. น้ำฝนท่ีตกมำกที่สุดในแตล่ ะคร้ัง ง. ควำมสูงของระดบั น้ำฝนที่ตกสูงสุด 33. ถำ้ กรมอุตนุ ิยมวทิ ยำพยำกรณ์อำกำศวำ่ มีฝนตกหนกั ท่จี งั หวดั ท่ีเรำอำศยั อยแู่ ลว้ แสดงวำ่ เจำ้ หนำ้ ท่สี ำมำรถวดั ปริมำณน้ำฝนไดเ้ ท่ำไรใน 24 ชว่ั โมง ก. 0.1-10.0 มิลลิเมตร ข. 10.1-35.0 มิลลิเมตร ค. 35.1-90.0 มิลลิเมตร ง. 90.1 มิลลิเมตร เป็นตน้ ไป 34. ขณะทเ่ี รำกำลงั จะเดินทำงไปทอ่ งเท่ยี ว ณ ชำยทะเลแห่งหน่ึง เรำไดท้ รำบข่ำวพยำกรณ์อำกำศวำ่ บริเวณทเี่ รำจะไปน้นั มีฝนตกเป็นแห่ง ๆ คำพยำกรณ์น้ีตรงกบั ขอ้ ใด ก. มีฝนไม่เกิด 20% ของพน้ื ท่ี ข. มีฝนไม่เกิด 20% แต่ไม่เกิน 40% ของพ้นื ที่ ค. มีฝนไม่เกิด 40% แตไ่ ม่เกิน 60% ของพ้นื ที่ ง. มีฝนไม่เกิด 60% แต่ไม่เกิน 80% ของพน้ื ที่ 35. สำเหตทุ ท่ี ำใหเ้ กิดลม คือขอ้ ใด ก. ควำมแตกตำ่ งของแรงดนั อำกำศ ข. ควำมแตกตำ่ งของปริมำตรอำกำศ ค. ควำมแตกตำ่ งของควำมกดอำกำศ ง. ควำมแตกตำ่ งของควำมหนำแน่นของอำกำศ 36. กำรเคลื่อนทข่ี องอำกำศอยำ่ งรุนแรง เร่ืองจำกควำมกดอำกำศสองบริเวณมีควำมแตกตำ่ งกนั มำก ทำใหเ้ กิดฝนตกหนกั เป็นสำเหตุของกำรเกิดอะไร ก. พำยใุ ตฝ้ ่นุ ข. พำยไุ ซโคลน ค. พำยดุ ีเปรสชนั่ ง. พำยเุ ฮอร์ริเคน

37. กำหนดให้ 1) ทิศท่ีลมพดั 2) สถานท่เี กิด 3) ความเร็วลม 4) เวลาท่ีเกดิ ขอ้ ใดเป็นเกณฑใ์ นกำรเรียกชื่อลม ก. ขอ้ 1 และขอ้ 2 ข. ขอ้ 1 และขอ้ 3 ค. ขอ้ 2 และขอ้ 3 ง. ขอ้ 1, 2 และขอ้ 4 38. อะนิโมมิเตอร์ เป็นเคร่ืองมือทีใ่ ชว้ ดั สิ่งใด ก. ควำมเร็วลม ข. ควำมกดอำกำศ ค. ควำมหนำแน่นของน้ำ ง. ควำมช้ืนสมั พทั ธใ์ นบรรยำกำศ 39. บริเวณท่มี ีควำมกดอำกำศต่ำ กำรเคลื่อนทีข่ องลมจะตรงกบั ขอ้ ใด ก. พดั เวยี นเขำ้ หำศนู ยก์ ลำงตำมเขม็ นำฬิกำ ข. พดั เวยี นเขำ้ หำศนู ยก์ ลำงทวนเขม็ นำฬกิ ำ ค. พดั เวยี นออกหำศนู ยก์ ลำงตำมเขม็ นำฬิกำ ง. พดั เวยี นออกหำศูนยก์ ลำงทวนเขม็ นำฬิกำ 40. ขอ้ ใดคือสำเหตุทท่ี ำใหเ้ กิดลมทะเล ก. ในเวลำกลำงวนั อุณหภมู ิเหนือพน้ื ดินสูงกวำ่ พ้นื น้ำ ข. ในเวลำกลำงวนั อุณหภูมิเหนือพน้ื น้ำเพม่ิ เร็วกวำ่ พ้นื ดิน ค. ในเวลำกลำงวนั พน้ื ดินคำยควำมร้อนไดเ้ ร็วกวำ่ พน้ื น้ำ ง. ในเวลำกลำงวนั พ้นื ดินคำยควำมร้อนไดช้ ำ้ กวำ่ พ้นื น้ำ 41. หยอ่ มควำมกดอำกำศสูง หมำยถึงบริเวณใด ก. บริเวณทม่ี ีควำมกดอำกำศสูง ควำมหนำแน่นต่ำ อุณหภมู ิต่ำ ข. บริเวณทมี่ ีควำมกดอำกำศสูง ควำมหนำแน่นสูง อุณหภมู ิต่ำ ค. บริเวณทีม่ ีควำมกดอำกำศต่ำ ควำมหนำแน่นสูง อุณหภมู ิต่ำ ง. บริเวณทม่ี ีควำมกดอำกำศต่ำ ควำมหนำแน่นต่ำ อุณหภมู ิสูง

42. พำยไุ ตฝ้ ่นุ ทเี่ กิดในประเทศไทยน้นั มกั จะพดั มำจำกทิศใด ก. ใต้ ข. เหนือ ค. ตะวนั ตก ง. ตะวนั ออก 43. เพรำะเหตุใดในเวลำกลำงคืนหลงั จำกฝนตกใหม่ ๆ แสงไฟจำกรถที่ส่ิงอยบู่ นถนนจะมองเห็น ไม่คอ่ ยชดั ก. อำกำศยงั ไม่แหง้ ข. อำกำศมคี วำมช้ืน ค. ไม่มีไอน้ำในอำกำศ ง. ไม่มีฝ่นุ ละอองในอำกำศ 44. บริเวณทมี่ ีหมอกจดั มีผลเสียตอ่ ทศั นวสิ ยั ของกำรขบั ขยี่ ำนพำหนะเพรำะเหตใุ ด ก. เห็นไดไ้ ม่เกิน 80 เมตร ข. เห็นไดไ้ ม่เกิด 2 กิโลเมตร ค. เห็นไดใ้ นระยะใกล้ ๆ เทำ่ น้นั ง. เห็นไดใ้ นระยะต่ำกวำ่ 1 กิโลเมตร 45. ขอ้ ใดใหค้ วำมหมำยของกำรพยำกรณ์อำกำศไดถ้ ูกตอ้ ง ก. กำรสรุปกำรเปล่ียนแปลงของอำกำศ ข. กำรรำยงำนเกี่ยงกบั สิ่งท่เี กิดข้นึ แลว้ ในอำกำศ ค. กำรคำดคะเนเกี่ยวกบั ส่ิงท่เี กิดข้ึนกบั อำกำศ ง. กำรำยงำนส่ิงท่ีเกิดข้นึ จำกกำรเปลี่ยนแปลงของอำกำศ 46. เมื่อชำวประมงกลุ่มหน่ึงทรำบข่ำวจำกโทรทศั นว์ ำ่ พำยจุ ะพดั จำกทศิ ตะวนั ออกสู่ทศิ ตะวนั ตก จึงนำเรือมำจอดท่ีชำยฝ่ังของเกำะดำ้ นทิศตะวนั ตก แตแ่ ลว้ กถ็ ูกพำยพุ ดั กระหน่ำจนเรือจมไป หลำยลำ อุบตั ิภยั คร้ังน้ีเกิดจำกควำมเขำ้ ใจผดิ ในเร่ืองใด ก. ควำมรุนแรงของพำยุ ข. ขนำดของเกำะท่ีเรือเขำ้ ไปจอด ค. ทศิ ท่ีลมพดั กบั ทิศทำงกำรเคลื่อนท่ีของพำยุ ง. กำรเปลี่ยนทิศกำรเคลื่อนท่ีอยำ่ งกะทนั หนั ของพำยุ

47. จำกภำพถ่ำยดำวเทียม เรำเห็นพำยเุ ป็นกลุ่มกลมสีขำว ส่ิงท่เี รำเห็นคืออะไร ก. เมฆ ข. ลม ค. แสง ง. คลื่นวทิ ยุ 48. ในแผนที่อำกำศอกั ษร H หมำยถึงอะไร ก. บริเวณที่รำบสูง ข. บริเวณท่ีมีควำมสูง ค. หยอ่ มควำมกดอำกำศต่ำ ง. หยอ่ มควำมกดอำกำศสูง 49. จำกแผนทีอ่ ำกำศเรำจะเห็นหยอ่ มควำมกดอำกำศมีเสน้ ลำกเป็ นวงกลมลอ้ มรอบหลำยวง ซอ้ นกนั วงกลมแตล่ ะวงน้ีแสดงวำ่ บริเวณน้นั เป็ นอยำ่ งไร ก. มีอุณหภูมิเทำ่ กนั ข. มีปริมำณไอน้ำเทำ่ กนั ค. มีควำมกดอำกำศเท่ำกนั ง. มีควำมช้ืนสมั พทั ธเ์ ท่ำกนั 50. ขอ้ ใดคือเสน้ ในแผนทอ่ี ำกำศทีแสดงวำ่ ลำกผำ่ นบริเวณที่มีควำมกดอำกำศเท่ำกนั ก. ละตจิ ูด ข. มิลลิบำร์ ค. ไอโซบำร์ ง. ไอโซเทอร์ม 51. สำรซีเอฟซี (CFC) ที่ทำลำยแก๊สโอโซนน้นั มีธำตุใดเป็ นองคป์ ระกอบ ก. C, F, C ข. C1, F, C ค. Ca, Fe, C ง. Co, Fe, C

52. แกส๊ ใดท่ีสะสมในบรรยำกำศในปริมำณมำกจะทำใหโ้ ลกมีอุณหภูมิสูงข้นึ ก. โอโซน ข. ไนโตรเจน ค. คำร์บอนไดร์ออกไซด์ ง. คำร์บอนมอนออกไซด์ 53. สำรซีเอฟซี (CFC) ส่งผลรำ้ ยตอ่ บรรยำกำศระดบั พน้ื ดินเน่ืองจำกอะไร ก. แก๊สออกซิเจนลดลง ข. รังสีอลั ตรำไวโอเลตนอ้ ยลง ค. รงั สีอตั รำไวโอเลตมำกข้ึน ง. แกส๊ คำร์บอนมอนออกไซดเ์ พมิ่ ข้นึ 54. นกั วทิ ยำศำสตร์สนั นิษฐำนวำ่ อุณหภูมิของบรรยำกำศโลกรอ้ นข้นึ ทกุ ปี และมกั ไม่เป็ นไปตำม ฤดูกำลเนื่องมำจำกสำเหตุใด ก. ป่ ำไม่มีปริมำณลดลง ข. โลกหมุนรอบตวั เองเร็วข้ึน ค. โลกเคลื่อนทเี่ ขำ้ ใกลด้ วงอำทิตยม์ ำกข้นึ ง. แหล่งอุตสำหกรรมปล่อยแก๊สพษิ มำกข้นึ 55. กิจกรรมใดทีช่ ่วยป้ องกนั ใหบ้ รรยำกำศเกิดปรำกฏกำรณ์เรือนกระจกของโลกลดลง ก. ควบคุมกำรใชเ้ ช้ือเพลิง ข. ขดุ บอ่ เล้ียงปลำในสวนผกั ค. เพม่ิ ปริมำณไอน้ำในอำกำศ ง. งดใชส้ ำรท่ีใหพ้ ลงั งำนควำมร้อน 56. นกั เรียนคิดวำ่ กำรตดั ตน้ ไมท้ ำลำยป่ ำมีผลกระทบตอ่ ควำมช้ืนของอำกำศหรือไม่ เพรำะเหตุใด ก. มี เพรำะส่วนหน่ึงของควำมช้ืนมำจำกกำรคำยน้ำของพชื ข. มี เพรำะตน้ ไมช้ ่วยยบั ย้งั ควำมช้ืนในอำกำศรวมตวั เป็นกอ้ นเมฆ ค. ไม่มี เพรำะควำมช้ืนในอำกำศมำจำกำรระเหยของน้ำในดิน ง. ไม่มี เพรำะควำมช้ืนในอำกำศมำจำกแม่น้ำ ลำคลอง ทะเล และมหำสมุทร

57. ขอ้ ใดคอื ผลดีของกำรรณรงคใ์ หป้ ลูกตน้ ไมต้ ำมถนนหรือสถำนทต่ี ่ำง ๆ ก. เพม่ิ ควำมร่มเยน็ ข. อนุรกั ษธ์ รรมชำติ ค. เพม่ิ ปริมำณออกซิเจน ง. ลดควนั พษิ และไอตะกว่ั 58. อำชีพใดที่ส่งผลกระทบจำกดินฟ้ ำอำกำศมำกที่สุด ก. เกษตรกร นกั ธุรกิจ นกั บิน ข. คำ้ ขำย ชำวประมง ขำ้ รำชกำร ค. คำ้ ขำย ชำวนำเกลือ ตำรวจจรำจร ง. ชำวประมง เกษตรกร นกั ขดุ เจำะน้ำมนั กลำงทะเล 59. แกส๊ ใดพบมำกในบริเวณท่มี ีกำรจรำจรคบั คง่ั และแออดั จนเกิดปัญหำมลพษิ ทำงอำกำศ ก. มีเทน ข. อะเซทิลิน ค. คำร์บอนไดร์ออกไซด์ ง. คำร์บอนมอนออกไซด์ 60. ขอ้ ใดคือกระบวนกำรในธรรมชำตทิ ่มี ีส่วนเก่ียวขอ้ งกบั กำรใชแ้ กส๊ คำร์บอนไดออกไซดใ์ น อำกำศ ก. กำรคำยน้ำของพชื ข. กำรสงั เครำะห์ดว้ ยแสงของพชื ค. กำรเผำไหมเ้ ช้ือเพลิงประเภทถ่ำนหิน ง. กำรหำยใจแบบไม่ใชอ้ อกซิเจนของแบคทเี รีย ..........................................................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook