Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore SeniorReference

SeniorReference

Published by tommobile09122561, 2019-08-09 00:41:55

Description: SeniorReference

Search

Read the Text Version

การเขียนอ้างอิงในเนอ้ื หาของรายงาน การอ้างอิง เปน็ การระบแุ หลง่ ท่มี าของขอ้ มูลหรือข้อความในตัวเรือ่ งของรายงาน โดยเปน็ ข้อความท่ีคดั ลอกมาโดยตรง หรือ จากการประมวลความคดิ ประกอบดว้ ย 1. รูปแบบการอา้ งอิงจากหนังสือ 1.1 ผแู้ ต่งคนเดยี ว และผแู้ ต่งเป็นหนว่ ยงาน (ผ้แู ต่ง. ปีทพ่ี ิมพ์ : เลขหน้าทอี่ ้างองิ ) ผู้แต่งให้ระบุชื่อ และชื่อสกุลตามลาดับ โดยไม่ต้องมีคานาหน้านาม ยกเว้นฐานันดรศกั ดิ์ บรรดาศักดิ์ สมณศักด์ิและ นามแฝง ให้ระบุไว้หนา้ ชื่อไมต่ ้องกลับข้อความ สว่ นชาวต่างประเทศ ให้ระบุช่ือสกลุ เทา่ นั้น (เปล้อื ง ณ นคร. 2511 : 160) (Gordon. 1991 : 114) ในกรณีผแู้ ต่งเป็นหน่วยงานใหร้ ะบตุ ามทปี่ รากฏในหนงั สือ (กรมประชาสัมพันธ.์ 2524 : 33) 1.2 ผแู้ ตง่ 2 คน ให้ระบชุ อ่ื และช่ือสกลุ ของผูแ้ ตง่ ทงั้ 2 คน โดยใช้คาวา่ “และ” สาหรบั ผ้แู ต่งชาวไทย หรือ “and” เช่ือมระหว่างช่ือ สกุลของผ้แู ต่งชาวตา่ งประเทศ ระหว่างคาดงั กล่าวให้เวน้ ระยะดา้ นหน้าและด้านหลัง 1 ระยะ (สมภพ ภริ มย์ และ สภุ าวดี โกมารทัต. 2535 : 150 - 154) (Schlachter and Thomson. 1979 : 114) 1.3 ผู้แตง่ 3 คน ใหร้ ะบชุ อื่ และชื่อสกลุ สาหรบั ผู้แตง่ ชาวไทย และระบเุ ฉพาะชือ่ สกลุ ของผู้แต่งทุกคนสาหรับผูแ้ ต่งชาวต่างประเทศ ชอ่ื ผแู้ ต่งแตล่ ะคนใหค้ ่นั ดว้ ยเครอ่ื งหมายจุลภาค “,” หน้าผู้แตง่ คนสดุ ท้ายต้องคัน่ ดว้ ย “และ” สาหรบั คนไทย ส่วนผแู้ ต่งชาวต่างประเทศ ใหใ้ ช้ “and” ระหวา่ งคาดังกลา่ วให้เวน้ ระยะด้านหนา้ และด้านหลงั 1 ระยะ (คณิต มสี มมนต,์ แสวง โพธเิ์ งนิ และ สนอง คา้ สิทธ์ิ. 2522 : 55 - 58) (Sorensen, Compbell, and Poss.1989 : 55) 1.4 ผแู้ ตง่ มากกว่า 3 คน ขน้ึ ไป ให้ระบุชื่อ ชอ่ื สกลุ คนแรก เว้น 1 ระยะ ตามด้วย “และคณะ” หรอื “และคนอ่นื ๆ” สาหรับผ้แู ต่งชาวไทย และระบุ ช่อื สกลุ คนแรก แลว้ ตามด้วย “and others” หรอื “et al.” สาหรบั ผู้แต่งชาวตา่ งประเทศ (แสวง รตั นมงคลมาศ และคณะ. 2528 : 5 - 8) (Fama et al. 1969 : 20) 1.5 ผแู้ ต่งหลายคน เอกสารหลายเล่ม และต้องการอา้ งอิงพร้อมๆ กัน ให้ระบชุ อ่ื ผแู้ ตง่ เรียงตามลาดับตัวอกั ษร คั่นด้วยเครื่องหมายอัฒภาค ( ; ) สาหรับเอกสารภาษาไทย และให้ระบุชอ่ื สกลุ ของผู้แต่งเรียงตามลาดับตัวอกั ษร คัน่ ด้วยเคร่ืองหมายอฒั ภาค ( ; ) สาหรบั เอกสารตา่ งประเทศ (ทพิ ากรวงศ.์ 2504 : 39 - 48 ; แสงโสม เกษมศรี และวมิ ล พงศ์พิพัฒน.์ 2515 : 123 - 126) (Hrock et al. 1970 : 1075 ; Seidenfaden. 1958 : 117)

1.6 เอกสารไมป่ รากฏผแู้ ตง่ ใหร้ ะบุชือ่ เรื่องแทนในตาแหนง่ ผู้แต่ง (100 ปี กลยทุ ธ์ฝา่ วกิ ฤตธุรกิจไทย. 2534 : 162) 1.7 เอกสารไม่ปรากฏผู้แต่ง แต่มีผู้ทาหนา้ ที่บรรณาธิการ หรอื ผู้รวบรวม ใหร้ ะบุชอื่ บรรณาธกิ าร/ ผรู้ วบรวมในตาแหนง่ ผแู้ ต่ง (ทวน วริ ิยากรณ์. ผู้รวบรวม. 2507 : 237) 1.8 หนังสือแปล ให้ระบุผแู้ ต่งทเี่ ป็นเจา้ ของเร่อื ง ถ้าไมท่ ราบจึงใสช่ ือ่ ผ้แู ปล (บอ็ ค. 2505 : 189) (กมล จันทรสร. ผแู้ ปลและเรียบเรยี ง. 2506 : 258) (Handerson and Parson. Trans. 1966 : 340) 2. รปู แบบการอ้างอิงทไี่ ม่เป็นหนังสือ เอกสารท่ไี ม่เปน็ หนังสอื ได้แก่ บทความ (รวมบทความ) วารสาร จลุ สาร หนงั สอื พิมพ์ บทวิจารณ์ แผ่นพบั เอกสารอดั สาเนา ถา้ มีชอ่ื ผแู้ ตง่ ใหใ้ ช้หลักเกณฑเ์ ดยี วกับการอ้างอิงหนงั สอื ถ้าไมม่ ีชื่อผ้แู ต่งใหร้ ะบชุ ่อื บทความ หรอื หวั ข้อข่าว ใน เครื่องหมายอญั ประกาศ (“ ”) แทนในตาแหนง่ ผ้แู ตง่ (“โทรเคลือ่ นท่ีเตรยี มบุกอนิ เตอรเ์ นต.” 2541 : 7 - 8) ประกอบด้วย 2.1 การอา้ งอิงเฉพาะบทความบางเรื่องจากหนังสือรวบรวมบทความ ถ้าหนงั สือรวมบทความน้ันรวมบทความของผู้เขยี นหลายคนโดยมชี ือ่ ผ้รู บั ผิดชอบในการรวบรวมจัดพิมพ์ หรือทา หนา้ ที่บรรณาธกิ าร (ภาสกร ศริ ิยะพันธ์. ใน เขยี น ธีระวทิ ย์. รวบรวม. 2524 : 46 - 48) (Weatherbee. in Weatherbee. ed. 1985 : 32) 2.2 การอา้ งอิงเอกสารทัง้ เลม่ โดยอ้างองิ ทฤษฎี ผลการสารวจ หรือผลการวจิ ัยในลกั ษณะทเี่ ป็น การสรุปแนวคดิ เอกสารท้ังเลม่ หรอื จากเอกสารหลายๆ เลม่ ใหร้ ะบชุ ื่อผู้แต่งและปพี มิ พ์โดยไมต่ ้องระบุเลขหน้า (กมล รุ่งเจรญิ ไพศาล. 2528) 2.3 การอ้างองิ จากเวบ็ ไซต์ ข้อความ........(ยืนยง ราชวงษ์, 2549: ออนไลน)์ ยืนยง ราชวงษ์ (2549: ออนไลน์) ขอ้ ความ........ ข้อความ.........(Dale 2004: Online: 1)

2.4 การอา้ งอิงเอกสารทตุ ยิ ภมู ิ การอา้ งองิ เอกสารทตุ ยิ ภมู มิ ี 2 รปู แบบ 2.4.1 อา้ งอิงโดยใชช้ อื่ ผู้แต่งเอกสารปฐมภมู นิ า ตามด้วยช่ือผู้แตง่ เอกสารทุตยิ ภมู โิ ดยใช้คาเชื่อมระหวา่ งเอกสารทงั้ สอคือ “อา้ งถงึ ใน” หรอื “quoted in” และ “กล่าวถงึ ใน” หรือ “cited by” แลว้ แตก่ รณีอา้ งองิ เอกสารภาษาไทยหรือ ภาษาต่างประเทศและถ้าเลอื กใชค้ าเชอื่ มใดแลว้ ใหใ้ ชค้ าน้นั เป็นแบบแผนเดยี วกนั ตลอดทง้ั เล่ม (Steppal. 1985 : 13 อา้ งถึงใน ปรชี า สง่ กิตตสิ ุนทร. 2530 : 47) (Dubey and Harvey. 1970 : 601 - 604 quoted in Rogers. 1983 : 266) ถา้ เอกสารทุตยิ ภูมไิ มไ่ ดร้ ะบปุ ีพิมพ์หรอื หน้าของเอกสารปฐมภูมิใหเ้ ขยี นดงั นี้ (ดารงราชานุภาพ อา้ งถึงใน อคนิ รพีพัฒน.์ 2521 : 28) 2.4.2 อ้างอิงโดยใช้ชื่อผ้แู ตง่ เอกสารทุติยภมู ินา ตามด้วยชอื่ ผแู้ ต่งเอกสารปฐมภูมิ โดยใชค้ าเชื่อมระหวา่ งเอกสารทง้ั สอง คือ “อ้างองิ จาก” หรือ “quoting” และ “กลา่ วอา้ งจาก” หรือ “citing” แล้วแตก่ รณี อ้างองิ เอกสารภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศ และถ้า เลอื กใชค้ าเช่อื มใดแล้ว ใหใ้ ชค้ านนั้ เปน็ แบบแผนเดยี วกนั ตลอดท้งั เลม่ (วิมลศิริ รว่ มสุข. 2522 : 1 : อ้างอิงจาก พระพรหมมุน.ี 2505 : 354) วิธีการเขียนอ้างองิ ในเนือ้ หาของรายงานและตวั อย่าง มีดงั น้ี 1. การอา้ งองิ โดยคดั ลอกขอ้ ความไมเ่ กิน 3 บรรทัด ให้พิมพ์วิธีอ้างอิงแบบแทรกในเนื้อหาตามหลงั ข้อความที่ผเู้ ขียนคัดลอกจากข้อเขยี นหรอื คาพูดของผอู้ ื่นโดยข้อความ ท่คี ดั ลอกมานั้นอย่ใู นเครอื่ งหมายอญั ประกาศ ดังนี้ ปัจจุบันการกระจายอานาจ เป็นเรื่องที่กล่าวขวัญกันมาก ด้วยความหวังว่าหากมีการกระจายอานาจแลว้ สังคม จะดีข้ึน จะแข่งแกร่งข้ึน เพราะโอกาสท่ีคนในสังคมเข้ามามสี ่วนร่วมและจัดการกับท้องถ่ินของตนมีอยู่สูง “การที่พูดเร่ืองการ กระจายอานาจแล้วฝันไปว่าทุกอย่างจะดีข้ึน คงไม่จริง ต้องสร้างกลไกตรวจสอบในส่วนกลาง ตรวจสอบเป็นทางการ ไป ตรวจสอบวา่ โกงกินหรอื ไม่” (ชชู ัย ศภุ วงศ์ และยุวดี คาดการณ์ไกล. 2540 : 20) 2. การอา้ งอิงโดยคดั ลอกข้อความเกนิ 3 บรรทดั ให้พมิ พ์ขึ้นบรรทดั ใหม่ โดยย่อหนา้ เขา้ มาอกี 3 ระยะตวั พมิ พจ์ ากย่อหน้าธรรมดาทกุ บรรทดั คือเรม่ิ พิมพช์ ่วงอกั ษรตวั ท่ี 12 หากขอ้ ความที่คดั ลอกมามยี อ่ หน้าด้วย ใหพ้ มิ พย์ ่อหน้าเข้ามาอีก 2 ระยะตวั พิมพ์ ข้อความทค่ี ัดลอกมาพมิ พแ์ บบนี้ ไม่ต้องมี เครอ่ื งหมายอญั ประกาศกากบั พอจบขอ้ ความท่คี ดั ลอกแลว้ ตามดว้ ยการอ้างอิงแบบแทรกในเน้ือหา ดงั น้ี การท่ีหญิงด้อยกว่าชาย ไม่เท่าเทียมชายเช่นทุกวันนี้สาเหตุสาคัญเกิดจากชายนั้นเองต้องการอานา จ ........................................................................................................................................................................................................ ............................................................................เพ่อื ว่าบุตรจะได้มสี ิทธไิ์ ด้รบั มรดกจากบดิ า ทา่ นเมธผี บู้ รรยายเรอ่ื งนไี้ ด้ช้ีไว้ว่า การเลิกล้าง ‘สิทธิทางมารดา’ และได้มีการก่อตั้ง ‘สิทธิทางบิดา’ ข้ึนมาแทนที่น้ี นับเป็นการปราชัยอย่างย่อยยับของสตรเี พศ ต่อบรุ ษุ เพศ (กหุ ลาบสายประดิษฐ์. 2523: 95)

3. การอา้ งองิ โดยมไิ ด้คัดลอก หากจบั ความมาเรยี บเรยี งใหม่ 3.1 การอา้ งองิ หลงั ขอ้ ความทเ่ี รยี บเรยี งมา ในหนังสือ “มนุษย์กับสังคม: ความรู้เบื้องต้นตามแนวสังคมวิทยามหภาค” กล่าวเก่ียวกับช่องว่างระหว่างสังคม อุตสาหกรรมกบั สังคมกาลังพฒั นาไวว้ ่า ............................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................................................................ประเทศ ที่ก้าวหน้าแล้ว เน่ืองจากตลาดสินค้าเล็กมาก และอัตรานวัตกรรมทางเทคโนโลยีสูงมาก จึงมักพบว่าเคร่ืองมือใหม่ท่ีซ้อมาล้าสมัย ก่อนทจี่ ะไดท้ ุนคืน (เลนสกี.้ 2526 : 291-292) 3.2 การอ้างองิ กอ่ นขอ้ ความที่คัดลอกมา แสวง รัตนมงคลมาศ และคณะ (2508 : 1-3) ทาการศึกษาเร่ืองการสรรหา การคงอยู่ และการลาออกจาก อาชีพข้าราชการ อาจารย์มหาวิทยาลัย : บทวิเคราะห์เชิงทัศนะ โดยทาการศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างท้ังหมด 947 คน จาก มหาวิทยาลัยของรฐั 14 แห่ง แบ่งเป็นกล่มุ ตัวอย่างของประเด็นเรื่องการสรรหา 108 คน การคงอยู่ 754 คน และการลาออก 85 คน ผลการศึกษาพบวา่ ………………………………………………….. 3.3 การอา้ งอิงเมื่อมีการตดั ขอ้ ความทค่ี ดั ลอกออกมาบางส่วน “สภาพท่ัวไปของพระพุทธศาสนาในไทยก่อนสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว. . . ก่อนท่ีชาวไทย จะรับนบั ถอื พระพทุ ธศาสนา สนั นิษฐานว่า เดมิ คงนับถือผหี รือวิญญาณ”(ดารงราชานภุ าพ อา้ งถึงใน อคนิ รพพี ฒั น์. 2521 : 28) การอา้ งอิงโดยการตดั บางสว่ นออก ให้พิมพ์เคร่อื งหมาย จดุ (Ellipsis dots) สามจดุ แต่ละจดุ หา่ งกัน 1 ชว่ งตัวอกั ษร 3.4 การอ้างองิ เม่อื กล่าวถงึ ผแู้ ต่งชาวต่างประเทศไว้ในข้อความ ไมเยอร์ส (Myers. 1973 : 220) กล่าวว่า “การหมุนเวียนแรงงานหมายถึงการเคล่ือนไหว (Movement) ของ บุคลากรในรูปของการเขา้ และการออกในองค์กร”

การเขียนบรรณานกุ รม แหล่งท่ีมาของบรรณานุกรม ประกอบดว้ ย 1. หนงั สอื ดขู อ้ มูลจากหน้าปกใน และดา้ นหลงั หน้าปกใน 2. วารสารดูขอ้ มลู จากหน้าปก 3. หนังสือพิมพด์ ขู ้อมลู จากหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ 4. สอื่ อิเลก็ ทรอนกิ สด์ ูข้อมลู จากหนา้ แรกของเว็บเพจ วธิ กี ารเขียนบรรณานุกรม มีดังนี้ 1. เขียนไว้ในส่วนท้ายของรายงาน 2. เขียนเรยี งลาดบั อักษรช่ือผู้แต่ง ในกรณีที่มีท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ให้เขียนบรรณานุกรมภาษาไทยก่อน 3. บรรทดั แรกของบรรณานุกรมชิดด้านซา้ ยทีเ่ วน้ จากขอบกระดาษเขา้ มา 1.5 น้วิ ถา้ ยงั ไม่จบ เมื่อขน้ึ บรรทดั ใหมโ่ ดยยอ่ หนา้ เข้ามาประมาณ 7 ช่วงตวั อกั ษรของบรรทัดแรก ให้เขยี นตรงกับช่วงตัวอกั ษรท่ี 8 โครงสรา้ งรูปแบบบรรณานุกรม มี 4 รปู แบบ 1. โครงสรา้ งรปู แบบบรรณานกุ รมหนงั สือ ชอ่ื นามสกลุ ผแู ตง. \\\\ ปที่พิมพ \\\\ ชือ่ หนังสือ. \\\\ ครง้ั ทพี่ ิมพ (ถาม)ี . \\\\ สถานท่พี ิมพ \\ สานกั พมิ พ.์ ตวั อยา่ งผู้แต่งคนเดียว ทิพวรรณ หลอสวุ รรณรตั น องคการแหงความรู จากแนวคดิ สูการปฏิบัติ. พิมพครั้งที่ 4. กรงุ เทพมหานคร: รตั นไตร. ตัวอยา่ งผแู้ ต่งสองคน จริ ากรณ คชเสนี และ นนั ทนา คชเสน.ี 2552. นิเวศวิทยาประยกุ ต การจัดการสง่ิ แวดลอม ทรัพยากรและการพฒั นาทีย่ งั่ ยนื . กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย. ตัวอยา่ งผู้แต่งสามคน สังวร ปัญญาดิลก, วลยั ชวลิตธารง และสมุ มตรา ปิยะเกศิน. 2535. เศรษฐศาสตรธ์ รุ กจิ . กรงุ เทพมหานคร: จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั . ตวั อยา่ งผู้แต่งมากกวา่ สามคน สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี และคนอ่ืนๆ. 2545. ขนมลกู ๆทองแดง. พิมพ์ครั้งท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร: อมรินทรบ์ คุ๊ เซน็ เตอร์. ตัวอย่างหนงั สือทไ่ี มป่ รากฏผู้แตง่ พจนานุกรมฉบบั เฉลิมพระเกียรติ พ.ศ.2530. 2534. กรงุ เทพมหานคร: วัฒนาพานิช.

2. โครงสร้างและรูปแบบบรรณานกุ รมบทความในหนงั สือพิมพหรือนติ ยสาร ชื่อ นามสกุลผเู ขียนบทความ. \\\\ ปทีพ่ มิ พ \\\\ “ช่ือบทความ”. \\ ช่ือหนงั สือพิมพหรือนิตยสาร \\\\ (วนั \\ เดอื น \\ ป เลขหนา. ตัวอยา่ ง สมหมาย ปาริจฉตั ต “ละครการเมืองเรื่องเขยี นดวยมือ ลบดวยเทา.” มติชน. (1 กุมภาพนั ธ 3. โครงสร้างและรูปแบบบรรณานุกรมบทวิจารณหนังสือในวารสาร ชือ่ นามสกลุ ผเู ขียนบทวจิ ารณ \\\\ ป \\\\ วจิ ารณหนงั สือ (ชือ่ หนงั สอื ), \\ โดย \\ ชอ่ื ผูแตงหนงั สอื . \\\\ ชอ่ื วารสาร. \\\\ ปที่ \\(ฉบับท่ี ถาม)ี : \\ เลขหนา. ตวั อยา่ ง ภาวนา เขมะรตั น วิจารณหนงั สอื รายงานการวิจยั เรื่องการปรบั ปรงุ ระบบราชการดานการจดั องคการ โดย อมร รกั ษาสตั ย และ ถวัลย วรเทพพุฒพิ งษ วารสารพัฒนบริหารศาสตร 193-205. 4. โครงสร้างและรปู แบบบรรณานุกรมอนิ เทอรเน็ต ชื่อผูเขียน. \\\\ ปทต่ี ีพมิ พ \\\\ ชอ่ื เอกสาร \\ (Online). \\\\ ระบุ website,\\วัน\\เดอื น\\ป (ทส่ี ืบคนขอมูล) ตัวอย่าง บัณฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร การบริหารงานของบณั ฑิตวทิ ยาลัย (Online). www.grad.ku.ac.th, 1 กมุ ภาพันธ การปกครองคณะสงฆใ์ นปัจจบุ นั . (Online). www.mcu.ac.th/site/bud06.php, 27 กุมภาพนั ธ 7. หมายเหตุ 1. เครื่องหมาย \\ หมายถงึ การเคาะปุ่ม space bar 1 ครงั้ 2. การเขียนบรรณานกุ รมเกนิ 1 บรรทดั เมอ่ื ขึ้นบรรทัดใหม่ ต่อยอ่ หน้าโดยการเคาะป่มุ space bar 7 ครั้ง ตัวอย่าง ทิพวรรณ หลอสุวรรณรตั น.\\\\2551.\\\\องคการแหงความรู จากแนวคดิ สูการปฏิบตั ิ.\\\\พมิ พครงั้ ท่ี 4. \\\\\\\\\\\\\\กรงุ เทพมหานคร:\\รัตนไตร.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook