Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการดำเนินงาน คสป.ศรีสะเกษ

คู่มือการดำเนินงาน คสป.ศรีสะเกษ

Published by พช.ศรีสะเกษ, 2020-03-27 00:06:29

Description: คู่มือการดำเนินงาน คสป.ศรีสะเกษ

Search

Read the Text Version

สานพลังประชารฐั ๑

ส่วนท่ี 1 ความเปน็ มาและความสำคญั ของของนโยบายสานพลังประชารฐั 1.1 ความเป็นมา รัฐบาลได้น้อมนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง มาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา ซง่ึ ที่ผ่านมามี การดำเนนิ การในหลายมาตรการ เพ่อื ช่วยเหลอื เกษตรกรและประชาชนผูม้ รี ายได้น้อยทง้ั ทางดา้ นการลดตน้ ทุนการ ผลิต การใหค้ วามรู้ การสร้างมลู ค่าเพ่ิม การตลาด การชว่ ยเหลือด้านปจั จัยการผลิต และการใชแ้ นวคิด \"ประชารัฐ \"มาเป็นตวั การแก้ไขปัญหา โดยอาศัยกลไกความร่วมมอื จากทุกภาคส่วน “ประชารัฐ” คือ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาประชาชน ช่วยกันแก้ปัญหา และคิดหาทางสร้าง อนาคตให้ประเทศไทย ผ่านโครงสร้างการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่มุ่งมั่นลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนา คุณภาพคน และเพม่ิ ขีดความสามารถในการแข่งขนั เศรษฐกจิ พอเพียง - อาชพี /รายได/้ ความร่วมมอื ชุมชน ภาคเอกช แนเขว้มแคขง็ ดิ ภาค นเอกชน ประชารัฐ ทันสมยั คนทำงาน ภาครฐั วิชาการ ราชการ ภาค /ความรู้ คน ประชาชน 1.1.1 รฐั บาลมีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ สร้างรายไดแ้ ละความเจริญ ความเขม้ แข็งทางเศรษฐกิจ ให้ครอบคลุมทั้งประเทศโดยให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการร่วมกับภาครัฐเพื่อให้ บรรลุวิสัยทัศน์ของประเทศในเรื่อง มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2558 รับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการภาครัฐและภาคเอกชน 12 คณะ ประกอบด้วย กลุ่ม Value Driver 7 คณะ และกลุ่ม Enable Driven 5 คณะ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐของรัฐบาล ซึ่งคณะกรรมการทั้ง 12 คณะ มบี ทบาทหนา้ ท่ี ดงั น้ี (1) ดำเนนิ การในลกั ษณะหุ้นส่วนภาครฐั เอกชน และประชาชน (2) เนน้ กจิ กรรมที่เป็น Action Based (3) ครอบคลุม 4 เสาหลัก คือ ธรรมาภิบาล นวัตกรรมและผลิตภาพ การยกระดับคุณภาพ ทนุ มนษุ ย์ และการมสี ว่ นรว่ มในความม่งั คงั่ (4) ภาคเอกชนนำ โดยภาครฐั เป็นผู้อำนวยความสะดวกและสนบั สนนุ ๒

1.1.2 แนวคิดประชารัฐ เปน็ การเอาจุดเดน่ ของแตล่ ะภาคส่วนมารวมกนั 5 ภาคส่วน ภาคราชการ จุดเด่น คือ มีคนมากกระจายอยู่เต็มพื้นที่ มีองค์ความรู้ มีงบประมาณและ บทบาทหน้าท่ีตามลักษณะงานที่รับผิดชอบ ภาคเอกชน จุดเดน่ คือ ทันสมัย บรหิ ารจดั การเก่ง มที ุนทค่ี ลอ่ งตัว ภาคประชาชน จดุ เด่น คือ มีฝมี ือ มีความสามารถผลติ สนิ ค้า รักบ้านเกดิ ภาควิชาการ จดุ เดน่ คอื มีองค์ความรู้ เทคโนโลยี การค้นควา้ วิจยั เพอ่ื ตอ่ ยอด ภาคประชาสังคม จดุ เด่น คือ ทำงานเชิงลกึ เกาะติด มเี ครอื ข่ายมาก ภารกิจสำคัญของรัฐบาลในอนาคต คือการสร้างฐานรากประเทศสู่อนาคตตามโมเดล “ไทย แลนด์ 4.0” ซึ่ง 1 ใน องค์ประกอบหลัก คือ การขับเคลือ่ นประเทศผ่านกลไก“ประชารัฐ” จะต้องมุ่งทำงานแบบ บูรณาการ ให้เกิดการเชื่อมโยง ประสานสอดคล้องกัน เพราะปัญหาของหลายภาคส่วนลว้ นมีความเก่ียวข้องและมี ผลกระทบซงึ่ กนั และกนั ปัญหาสาธารณะของประเทศมคี วามสลบั ซับซ้อนมากขึ้น หลายฝา่ ยจำเป็นตอ้ งอาศยั ความร่วมมอื ผนกึ กำลงั ระหว่างหนว่ ยงานตา่ งๆ ภายในภาครัฐดว้ ยกนั เองและระหวา่ งภาครัฐกบั ภาคสว่ นอ่นื ๆ ในสงั คมมากข้ึน เดิมอาจจะคุ้นชินกับการบริหารราชการในลักษณะบนลงล่าง แต่จากนี้เราต้องบริหารงานทั้งล่างข้ึนบน/ บนลงล่างทั้งในแนวต้ังและแนวนอน จงึ ขอใหท้ ่านมองและคิดแบบองคร์ วมหรือการเชื่อมโยงผสมผสานกัน(Matrix) โดยใช้กลไกประชารัฐควบคูก่ ันไป เอาความต้องการประชาชนเป็นตัวตั้ง เน้นการมีส่วนร่วม หน่วยงานภาครัฐต้อง ไปช่วยสะท้อนความต้องการของประชาชนให้มากที่สุด ขอให้เข้าใจว่า ยุทธศาสตร์ประชารัฐของรัฐบาลนี้จะเป็น ความร่วมมือกันในเชิงสร้างสรรค์ดึงเอาจุดแข็งที่แต่ละภาคสว่ นมี ท้งั ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควชิ าการ ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน มาชว่ ยกันสร้างพลงั ในการทำความดเี พื่อชาติ เพอื่ ประชาชนทุกคน โดยจะไม่ทิง้ ใครไวข้ า้ งหลงั ๓

1.2 การขบั เคล่อื นเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยบรู ณาการความร่วมมือทุกภาคสว่ นผ่านการดำเนินงาน ของ ๑๒ คณะทำงานประกอบดว้ ย กลมุ่ Value Driver 7 คณะ และกลมุ่ Enable Driven 5 คณะ ดงั นี้ 1) คณะทำงานการยกระดับนวัตกรรมและผลิตภาพ (Innovation& Productivity) :D1มี รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหัวหน้าทีมภาครฐั และนายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการและ ประธานท่ีปรึกษาฝา่ ยจัดการบมจ.ปูนซเี มนต์ไทยเป็นหัวหนา้ ทมี ภาคเอกชนโดยมีเปา้ หมายหลักคือ 1) เพิม่ ขีดความสามารถในการแขง่ ขันของประเทศ 2) ลดความเหล่ือมลำ้ 3) หลุดกับดกั ประเทศรายไดป้ านกลาง 2) คณะทำงานด้านการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและวิสาหกิจเริ่มต้น : D2 มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าทมี ภาครัฐ และนายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่ง ประเทศไทย เปน็ หัวหนา้ ทมี ภาคเอกชน โดยมเี ปา้ หมายหลัก คือ 1) เพิ่ม GDP ของ SMEs ให้ถึง 50% 2) มูลคา่ การส่งออก SME เพม่ิ 5% 3) SME เขา้ ส่รู ะบบ 50,000 รายตอ่ ปี 3) คณะทำงานด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวและ MICE : D3 มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหัวหน้าทีมภาครัฐ และนายชนินทธ์ โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ ผู้จดั การ บมจ.ดุสิตธานี เปน็ หวั หนา้ ทมี ภาคเอกชน โดยมีเปา้ หมายหลกั คอื 1) เพ่ิมการกระจายรายได้ 2) ยกระดับรายได้จากการทอ่ งเทีย่ ว 3) เสรมิ สร้างความย่ังยืนของการท่องเที่ยว ๔

4) คณะทำงานด้านการส่งเสริมส่งออกและการลงทุนในต่างประเทศ :D4 มีรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าทีมภาครัฐ และนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ เปน็ หัวหน้าทีมภาคเอกชน โดยมเี ป้าหมายหลักคือ 1) การสง่ ออกปี 2559 เตบิ โต 5% (เบอื้ งตน้ 2%) 2) สามารถระบปุ ระเทศและกลมุ่ ธุรกจิ ท่คี วรลงทุนในต่างประเทศ 5) คณะทำงานด้านการพัฒนาคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต : D5มีรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหัวหนา้ ทมี ภาครัฐ และนายประเสริฐ บุญสมั พันธ์ ประธานกรรมการ บมจ.พที ที ี โกลบอลเค มคิ อล เปน็ หัวหนา้ ทีมภาคเอกชน มีเป้าหมายหลักคือ ต่อยอด5 อุตสาหกรรมเดิม เตมิ 5 อุตสาหกรรมใหม่ 6) คณะทำงานด้านการพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่ : D6มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ เป็นหัวหน้าทีมภาครัฐ และนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการกลุ่มมิตรผล ประธานกรรมการ หอการคา้ ไทยและสภาหอการคา้ แห่งประเทศไทย เป็นหัวหน้าทมี ภาคเอกชน มเี ปา้ หมายหลัก คอื 1) ลดความเหล่อื มล้ำระหว่างภาคเกษตรและนอกภาคเกษตร 2) การพัฒนาเกษตรกรใหเ้ ป็น Smart Famer และ SME เกษตร 3) การเพิม่ ขดี ความสามารถในการแข่งขันภาคเกษตร 7) คณะทำงานด้านการสรา้ งรายได้และการกระตุ้นการใช้จา่ ยของประเทศ : D7มีรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าทีมภาครัฐ และนายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บจก.กลุ่มเซ็นทรัล มี เป้าหมายหลัก คือ 1) เพม่ิ GDP เป็นสองเท่า (เพ่ิม GDP per Capita จาก $5,900 to $12,000) 2) หลุดออกจาก Middle Income Trap 3) เพ่ิมรายได้ในภาค Tourism, เกษตร และ Retail/Wholesale Trade เป็นสองเท่า (มูลค่า 30% ของ GDP) ๕

8) คณะทำงานดา้ นการดึงดดู การลงทุน และการพฒั นาโครงสรา้ งพนื้ ฐานของประเทศ : E1 มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าทีมภาครัฐ และ นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ธนาคารกรงุ เทพ เป็นหวั หน้าทีมภาคเอกชน มีเป้าหมายหลกั คือ 1) ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อสนับสนุนการยกระดับอุตสาหกรรมของไทยและเอื้อต่อ การเปน็ Land-based ASEAN Center หรอื ศูนยก์ ลางของ CLMV 2) ยกระดับ โครงสร้างพื้นฐานของไทยให้เป็น Platform ใหม่ที่ทันสมัย ช่วยลดต้นทุน ลดความ เหลอื่ มล้ำ เพิ่มการเชื่อมโยงส่ภู ูมิภาค และเพมิ่ ความสามารถในการแข่งขัน 9) คณะทำงานด้านการยกระดับคุณภาพวิชาชีพ :E2มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็น หัวหน้าทีมภาครัฐ และมีนายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย เป็นหัวหน้าทีม ภาคเอกชน มีเป้าหมายหลกั คอื ยกระดบั คณุ ภาพวชิ าชพี อาชีวศกึ ษา (Competitive Workforce) เพื่อใหส้ ามารถ แขง่ ขนั ไดใ้ นตลาดโลกโดยมุ่งเนน้ ผลประโยชน์ของประเทศเปน็ หลัก 10) คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ : E3มีรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าทีมภาครัฐ และนายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ไทยเบฟ เวอเรจ เป็นหัวหน้าทีมภาคเอกชนมีเป้าหมายหลัก คือ เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งประชาชนมีความสุขและมีรายได้ เพิ่มข้ึน 11) คณะทำงานด้านการปรับแก้กฎหมายและกลไกลภาครัฐ :E4มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีมภาครัฐ และนายกานต์ ตะกูลฮุน กรรมการและประธานที่ปรึกษาฝ่ายจัดการ บมจ. ปูนซเี มนตไ์ ทย มีเป้าหมายหลัก คอื 1) เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า การลงทุนในประเทศไทย (Competitiveness) 2) ยกระดับ Ease of Doing Business ของไทยสู่ Top 20 3) แก้ไขกลไกการทำงานของภาครัฐ (Efficiency) 12) คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ :E5 มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ เป็นหัวหน้าทีมภาครัฐ และนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ บมจ.เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็น หวั หนา้ ทมี ภาคเอกชน มีเป้าหมายหลกั คอื 1) พฒั นาโรงเรียนต้นแบบ 2) พฒั นาผู้นำ School Partner จากภาคเอกชน 3) พฒั นาหลักสูตร 4) ระบบวัดผลออนไลน์และการเปิดเผยขอ้ มลู โปร่งใส 5)ระบบการเรียนโตะ๊ กลม 6) พฒั นาผ้นู ำครตู น้ แบบรว่ มกบั ผบู้ ริหารรุ่นใหม่ 7) เป็นศูนยก์ ลางการศึกษาระดบั ภูมภิ าค ๖

ส่วนที่ 2 บทบาทหนา้ ทค่ี ณะกรรมการประสานและขับเคลอ่ื นนโยบายสานพลงั ประชารฐั ประจำจงั หวดั (คสป.) 2.1 คณะกรรมการประสานและขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐประจำจังหวัด (คสป.)คือ คณะกรรมการทจ่ี ะขบั เคลอ่ื นนโยบายสานพลังประชารฐั จากสว่ นกลางลงไปส่จู ังหวัด มผี ู้วา่ ราชการจงั หวัดทำหนา้ ท่ี เปน็ ประธาน 2.3 บทบาทหน้าที่ ประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานสานพลังประชารัฐ บูรณาการแผนงาน/ โครงการที่ 12 คณะจะลงไปในพื้นที่ และรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะทำงานร่วมรัฐ–เอกชน-ประชาชน ให้ กระทรวงมหาดไทยเพื่อทราบอย่างต่อเนื่องซึ่งมีรายละเอียดการดำเนินการดังนี้ (นส. มท ๐๔๐๙.๒/ว๕๒๑๖ ลง วนั ที่ ๑๔ กย.๕๙) (1) รวบรวมขอ้ มลู และวเิ คราะหศ์ ักยภาพของพืน้ ทีเ่ พอ่ื ใชป้ ระโยชนใ์ นการขบั เคลอ่ื นงาน (2) กำหนด แนวทางปฏบิ ตั แิ ละแผนดำเนนิ งานในพน้ื ท่ี (3) ประสานการปฏิบัติงาน และบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และ ภาคประชาชนภายในจังหวดั (4)ประชาสัมพนั ธแ์ ละเผยแพร่ขอ้ มูลข่าวสารการดำเนนิ งานขบั เคลอื่ นนโยบายสานพลังประชารัฐ (5)รายงานผลการดำเนนิ งาน ปัญหาและอุปสรรคใหร้ ัฐบาลทราบโดยผ่านกระทรวงมหาดไทย (6)แต่งตงั้ ทีป่ รึกษา และคณะทำงานเพื่อปฏบิ ตั งิ านตามที่ คสป.มอบหมาย 2.4 แนวทางการดำเนินงาน (นส. มท ๐๔๐๙.๒/ว๕๒๑๖ ลงวนั ที่ ๑๔ กย.๕๙) (๑)ให้ คสป. มีการจดั ประชมุ เปน็ ประจำทกุ เดือน เพ่ือประสานการทำงาน ติดตามผล (๒) ให้ คสป. เป็นแกนหลัก ประสานบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วน วางแผนสนับสนุนการ พัฒนาศกั ยภาพของชุมชน และผลติ ภัณฑ์ (3)ศึกษา ทำความเขา้ ใจ และปฏบิ ัตติ ามบทบาท หนา้ ที่ ของกลไกขับเคลอื่ นการพฒั นาเศรษฐกิจฐาน รากและประชารัฐ ๗

(4)สนับสนุนให้ อปท. สถาบันการศึกษา และองค์กรทุกภาคส่วน ในจังหวัดได้สนับสนุนการ ดำเนนิ งาน ตามแผนงาน ใหเ้ กดิ ผลเป็นรูปธรรม (5) สนบั สนุนให้บริษทั ฯ คัดเลอื กชมุ ชนและผลิตภัณฑ์ ที่มคี วามพรอ้ มใน ๓ กล่มุ งาน ๕ กระบวนการ (6) ใหจ้ ังหวัดสนับสนุนดา้ นการถ่ายทอดแนวคิด องคค์ วามรู้ ฯลฯ แกช่ ุมชน (7)เสนอปญั หา / ศักยภาพ (จดุ ออ่ น จดุ แข็ง) / ความต้องการให้ SE จงั หวดั (8)ให้คำแนะนำแนวทางในการดำเนนิ งานแก่ SE จังหวัด ๘

ส่วนท่ี 3 การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารฐั 3.1 การพฒั นาเศรษฐกิจฐานราก เป็นเปา้ หมายสำคญั ประการหนึ่งตามนโยบายรัฐบาลปจั จุบัน ด้วยเหตุ ที่มีข้อสรุปเชิงสถิติหลายด้านที่ชี้ให้เห็นพัฒนาการความเป็นมาของปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยหลายเรื่อง จากผลพวงวธิ ีการการพัฒนาท่ีผ่านมา ทัง้ ในดา้ นชอ่ งว่างรายได้ โอกาสทางการศึกษา การมีงานทำและความมั่นคง ในอาชีพ ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยและการใช้ประโยชนท์ ี่ดนิ ปัญหาด้านสาธารณสุข ปัญหายาเสพติด ความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพยส์ ิน ความอบอุ่นและและอยู่อย่างเป็นสุขของครอบครัว ซึ่งทั้งหมดพันผูกกันซับซ้อนเป็นลูกโซ่จน ยากท่จี ะหาจดุ เริ่มตน้ แก้ไข ปัญหาอย่างหนึ่งอย่างใดแบบแยกส่วนคดิ ได้ อย่างไรกด็ ี เปน็ ทีย่ อมรับวา่ ปัญหาเศรษฐกจิ ครัวเรอื นของสมาชกิ สงั คมกลมุ่ ใหญ่ทีส่ ดุ คอื คนส่วนใหญ่ ทเ่ี ป็นเกษตรกรและอาศัยอยู่ในชนบท สว่ นหนงึ่ อพยพมารบั จา้ งหรือคา้ ขายเล็กๆ นอ้ ยๆ อยใู่ นเมืองหรือใช้แรงงาน อย่ใู นย่านอตุ สาหกรรม ซึง่ ในภาพทัว่ ไปคือ มอี าชีพทใ่ี หร้ ายไดน้ อ้ ย ไม่มนั่ คง ขาดการออมและมีแนวโน้มจะมีหนี้สิน ที่สะสมเรื้อรัง ก่อเกิดปัญหาอื่นตามมาอีกมาก และแน่นอนความเป็นชุมชนที่สุขสงบ เรียบง่าย พึ่งตนเองได้และ พึ่งพากัน เป็นภาพที่จางเลือนลงทุกขณะ การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก จึงเป็นความคาดหวัง ความพยายามของ รัฐบาลในการที่จะคิดหาวิธีจัดการแก้ไขอย่างถูกต้องและมีความยั่งยืน หรืออาจกล่าวสรุปว่าเป็นการสร้าง “ความ มน่ั คง ม่ังคั่ง ทีย่ ัง่ ยนื ” ในระดบั ชมุ ชน คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (E3) ไดน้ อ้ มนำปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชพระราชทานไว้ประกอบกบั หลักการทรงงานของพระองค์ทา่ น มาเป็นแนวคิดการดำเนินการในทุกข้ันตอน ทั้งการคิดพิจารณา ระบุปัญหา คิดค้นแนวทางที่จะแก้ไขจนถึงขัน้ การ ปฏิบัติ การสรุปประเมินผล เรียนรู้ข้อมูลข้อเท็จจริงจากสภาพภูมิสังคมคิดอย่างรอบคอบ นำไปใช้ปฏิบัติอย่าง ระมัดระวัง มีบททบทวนเรียนรู้และปรับแก้ให้เหมาะสมยิ่งขึ้นที่สำคัญคือการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงไปใช้ในพื้นที่การทำงาน ผ่านการสื่อสารสร้างความเข้าใจเรียนรู้สภาพปัญหา การแก้ปัญหาด้วย ข้อมูล ข้อเท็จจริง เหตุผล ใช้หลักคิดพอประมาณตามสมควร ซึ่งนำไปสู่การมีหรือการสร้างภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี กับการ เตรียมบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทั้งทีมขับเคลื่อนและชุมชน/ผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายที่ร่วมงานกันในกระบวนงาน การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ด้านวัตถุประสงค์การดำเนินงาน นอกเหนือจาก วัตถุประสงค์ของการดำเนินงานสานพลังประชารัฐ คือ การลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพคน และ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันแล้ว คณะทำงานพัฒนา เศรษฐกจิ ฐานรากและประชารัฐยังมีการกำหนดเป้าหมายเฉพาะที่ชดั เจน คือ เศรษฐกจิ ชุมชนเข้มแข็ง ประชาชนมี รายเพม่ิ และมีความสขุ 3.2 เศรษฐกิจชุมชนในความคาดหวังให้เศรษฐกิจชุมชนมีความเข้มแข็ง หมายถึงว่า ชุมชนพึ่งตนเองได้ ในทางเศรษฐกิจและมีความย่งั ยืนโดยเฉพาะเอื้อต่อการพัฒนาที่มุง่ ถึงประโยชน์ของคนหมู่มากในชุมชน การพัฒนา เศรษฐกิจชุมชนซึ่งเป็นการมองภาพประกอบของปัจจัยความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจทุกด้านหรือเป็นองค์รวม หมายถึงการจัดการเชงิ เศรษฐกจิ กบั ทุนชมุ ชนทุกด้านซงึ่ ประกอบไปด้วย (1) ทุนชุมชนที่เป็นทุนการเงิน เช่น กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต กองทุนโครงการแก้ไขปัญหาความ ยากจน (กข.คจ.) กองทุนหม่บู า้ นและชุมชน (กทบ.) (2) ทนุ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม เช่น ความอุดมสมบรู ณ์ของดนิ น้ำ การมีแหล่งท่องเที่ยว ตามธรรมชาติ ๙

(3) ทุนวัฒนธรรมและสังคม กลุ่ม องค์กรต่างๆ ในชุมชน ทักษะและความสามารถในการผลิตการ จัดการ และอ่นื ๆ (4) ทุนมนุษย์ ที่หมายถึง นักคิด/นักปฏิบัติที่มุ่งมั่นพัฒนาชุมชนสู่ความเข้มแข็ง มีความเป็นผู้นำ ความเสียสละ ปราชญ์ชุมชน ที่สะสมภูมิปัญญามา พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รอบด้านนำมาพัฒนาตนเองเพื่อนบ้าน สว่ นรวม ๑๐

3.3 การดำเนินงานของคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (E3) ภายใต้แนวคิด Social Enterprise (SE) 3.3.1 การขับเคล่ือนงานของคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารฐั (E3) กระทรวงมหาดไทยได้รับมอบหมายภารกิจใหร้ ับผิดชอบการดำเนินงานการพัฒนาเศรษฐกิจ ฐานรากและประชารัฐ ซง่ึ คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (E3)มรี ัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าทีมภาครัฐ และนายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด เป็น หัวหน้าทีมภาคเอกชน มีเป้าหมายเดียวกัน คือ “สร้างรายได้ให้กับชุมชนเพื่อประชาชนมีความสุข” ดำเนินการ ๓ เรื่อง ประกอบด้วย การเกษตร การแปรรูป(SMEs/OTOP) และการท่องเที่ยวโดยชุมชน ในรูปแบบประชารัฐ ซึ่งมี บริษัทประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนงาน ภายใต้แนวคิด Social Enterprise (SE) มเี ป้าหมายหลักเพอื่ สงั คมไม่ใช่เพื่อกำไรสงู สดุ รายไดห้ ลักมาจากการให้คำปรึกษาแก่ชุมชน ไม่ใช่เงินจากรัฐหรือเงินบริจาค กำไรต้องนำไปใช้ขยายผลไม่ใช่ปันผล มีการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล และมกี ารจดทะเบยี นเป็นรปู แบบบรษิ ัท สรปุ ให้จำเป็นรหัสอย่างงา่ ยๆ ว่า 1 3 5 76 + 1 มคี วามหมายคือ 1 คือ ม่งุ สเู่ ป้าเหมายเดียว “สร้างรายไดใ้ ห้กบั ชุมชน เพื่อประชาชนมคี วามสุข”ซึ่งหากจะ ถามวา่ วดั ได้อย่างไร? ขอตอบวา่ วัดทีร่ ายไดเ้ พิ่มมากขึ้นต่อครัวเรอื นต่อปี สนิ ค้าและบริการ ขายไดร้ าคาดขี ้ึน โดยใช้ ฐานข้อมูล จปฐ. เปน็ ตวั ช้ีวดั ซงึ่ มีการจัดเกบ็ ทุกปอี ยู่แล้ว 3 คือ ทำ 3 เร่ือง ได้แก่ การเกษตร การแปรูป(SMEs/OTOP) และการท่องเที่ยวโดยชมุ ชน 5 คอื กระบวนการทำอยา่ งไร ประกอบดว้ ย การเข้าถึงปจั จัยการผลติ การบรหิ ารจัดการ การสรา้ งองค์ความรู้ การตลาดและการส่ือสารสรา้ งการรบั รู้ ๑๑

76 + 1 คือ จัดต้ังบรษิ ัทประชารฐั รักสามัคคีจงั หวัด (วสิ าหกิจเพ่ือสงั คม) จำกัด ครบ76 จงั หวัดกบั 1 บรษิ ัท ประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัดซ่ึงเป็นบริษัทแม่ ทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากจะขับเคลื่อนผ่านบริษัทประชารัฐรัก สามคั คี มีการบรหิ ารจัดการอย่างเป็นระบบตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ถงึ ปลายทาง จนกอ่ ใหเ้ กิดรายได้แล้วนำรายได้ นนั้ มาต่อยอดพฒั นาเศรษฐกจิ ของชมุ ชนให้เขม้ แข็งต่อไป หรือเงินบรจิ าค Social Enterprise (SE)หรือ วสิ าหกิจเพ่อื สังคม มหี ลกั เข้าใจงา่ ยๆ 5 ประการ (1) มเี ปา้ หมายหลักเพ่ือสงั คมไม่ใชเ่ พ่ือกำไรสูงสดุ (2) เปน็ รปู แบบธรุ กจิ ท่ีรายได้หลกั มากจากการให้คำปรึกษาแกธ่ ุรกจิ ชุมชนไม่ใชเ่ งินจากรัฐ (3) กำไรตอ้ งนำไปใช้ขยายผลไม่ใชป่ นั ผลเพื่อประโยชน์ส่วนตัว (4) บริหารจดั การตามหลักธรรมาภิบาล (5) จดทะเบียนเป็นรูปแบบบริษัท 3.3.๒กลุ่มงานหรือกลุ่มกิจการทีเ่ ป็นเปา้ หมายการดำเนนิ งาน เพื่อสร้างรายได้ท่ยี ั่งยนื ตามกรอบ คิดของคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารฐั และบริษัทประชารฐั รักสามคั คี จำกัด มี 3 กลมุ่ คือ 1) การเกษตร เป็นการสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรของชุมชน อาจ เป็นพืชผลจากไร่ นา สวน ผลิตภัณฑ์ประมง ปศุสัตว์ ที่ผูกโยงกับอัตลักษณ์ คุณค่าในทางหนึ่งทางใด เช่น ประวัติศาสตร์ชุมชน หรือวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชน สายพันธ์ที่เป็นเอกลักษณ์ รสชาติที่โดดเด่ น เป็น ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ปลอดภัย ปลูกหรือเลี้ยงด้วยระบบอินทรีย์ การดูแลเป็นพิเศษโดยใส่ใจต่อ ประโยชนส์ งู สดุ ของผบู้ รโิ ภค รวมทง้ั การดแู ลสิ่งแวดล้อม เปน็ ตน้ สามารถผูกเร่ืองเป็นตำนานเร่ืองเล่าให้เห็นคุณค่า ทแี่ ตกต่างได้ เพ่อื สร้างมลู ค่าเพ่มิ ของผลิตภัณฑ์เกษตรจากระบบคุณภาพตา่ งๆ เช่น มาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมี ส่วนร่วม (PGS : Participatory guarantee system) มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ที่พฒั นาข้ึนโดยสหพันธ์เกษตรอินทรีย์ นานาชาติ (IFOAM : International Federation of Organic Agriculture Movements) มาตรฐานการปฏิบัติทาง การเกษตรที่ดี (GAP : Good Agriculture Practices) มาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร(มาตรฐาน “Q”)เป็นต้น รวมถึงการสะสมช่ือเสยี งของเกษตรกรในการดูแลผลิตภณั ฑ์ของตนใหด้ ีพร้อมในทุกดา้ นอย่างสมำ่ เสมอ 2) การแปรรูป (SMEs/OTOP)เป็นการส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากวัตถุดบิ ที่มีอยู่ใน พื้นที่ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์เกษตรทุกกลุ่ม (เกษตร ปศุสัตว์ ประมง) วัตถุดิบจากธรรมชาติอื่นที่มีอยู่ในพืน้ ที่เพื่อสร้าง มูลค่าเพ่มิ จากกระบวนการแปรรปู ถนอมอาหารหรือปรับ-ปรุงรสชาติในแบบผลิตภณั ฑเ์ กษตรแปรรปู การผลิตงาน ฝมี ือจากทกั ษะภูมิปญั ญาชุมชน-ปราชญช์ าวบ้าน เป็นข้าวของเครื่องใชป้ ระดบั ตกแต่ง เครอ่ื งแต่งกาย ของฝากของ ท่ีระลกึ ซ่ึงปรับเปลีย่ นจากผลติ ภัณฑช์ ุมชนท่ีผลติ เพื่อบรโิ ภค-เพ่ือใชใ้ นครวั เรือน ในชุมชนท้องถ่ิน ให้เป็นท่ียอมรับ ของผู้บริโภคจากภายนอกจนสามารถเป็นสินค้าท่ีมีชื่อเสียงสร้างรายได้แก่คนในชุมชนไดม้ ากขึ้น ตัวอย่างที่เด่นชัด คือ ผลิตภัณฑ์โอทอป ผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการ SMEsหลายรายที่เติบโตอย่างมากจากการพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานการผลิต การทำบรรจุภณั ฑ์ การจัดการทางการตลาดท่เี หมาะสม 3) การท่องเที่ยวโดยชุมชน เป็นการสง่ เสริมให้ชุมชนได้ประโยชน์จากการจัดการท่องเท่ยี ว ของชุมชนเอง ทั้งท่เี ป็นการท่องเทีย่ วแหลง่ ท่องเทย่ี วตามธรรมชาติที่ชุมชนมีอยู่ หรือ การท่องเท่ียวท่ีชมุ ชนสร้างข้ึน สร้างข้ึนเชื่อมโยงกบั การสบื สานวัฒนธรรม ประเพณี ภมู ปิ ญั ญา การประกอบอาชพี วถิ ชี ีวิตพ้ืนถิน่ ท่ีเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะถิ่น เป็นต้น โดยสร้างความเชื่อมโยงกิจกรรมการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน คือ มีแหล่งท่องเที่ยวหรือกิจกรรม ทอ่ งเทีย่ ว มบี รกิ ารมัคคุเทศก์นำเทย่ี ว มีรา้ นอาหารหรือบริการตามส่ัง มบี รกิ ารท่ีพักและส่ิงอำนวยความสะดวกอื่น ที่เหมาะสม เช่น จักรยานหรือเรือให้เช่า มีผลิตภัณฑ์ชุมชนที่น่าสนใจ มีร้านจำหน่ายของฝาก-ของที่ระลึก รวมทั้ง ๑๒

ระบบการจัดการท่องเที่ยวของชุมชน เช่น โปรแกรมนำเที่ยว ราคา สถานที่ติดต่อ การรักษาความปลอดภัย -การ รักษาพยาบาลพื้นฐาน ซึ่งเป็นไปตามศักยภาพของชุมชนและควรต้องมีความพร้อมที่เอื้อต่อการท่องเที่ย วอยู่ พอสมควร เพือ่ ใหม้ ีแรงดงึ ดูดนักท่องเทย่ี วเข้ามาเที่ยว มาใชบ้ รกิ ารและจับจ่ายสรา้ งรายไดใ้ ห้กับชมุ ชน 3.3.๓ กระบวนการที่ดำเนินการ รูปแบบของวิสาหกิจเพื่อสังคมท่ีบริษัทประชารัฐรักสามัคคี จำกัด ดำเนินการ คือ การเป็นที่ปรึกษาในการพัฒนาตลอดเส้นทางของกระบวนการดำเนินธุรกิจแก่ชุมชนและ ผปู้ ระกอบการกลุ่มเปา้ หมายจากต้นทาง กลางทาง และปลายทาง รปู ธรรมหน่งึ คือ การพัฒนาแผนธรุ กจิ ท่ีคาดหวัง ประสิทธิผลในการสร้างรายได้เพิ่มของชุมชนและกิจการทั้ง 3 กลุ่มงาน ที่บริษัทฯ เข้าไปร่วมพัฒนา ครอบคลุม การเข้าถึงปัจจัยการผลิต การสร้างองค์ความรู้ การตลาด การสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ที่ยั่งยืน และ การบริหาร จดั การ โดยในส่วนของการขายสนิ คา้ และบริการอาจเป็นไปได้ในกรณีที่เป็นการสนับสนุนการสร้างเครือข่ายการจัด จำหนา่ ย และการสนบั สนนุ ตามอำนาจหน้าทขี่ องคณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ระดบั จงั หวดั 1) การเข้าถึงปัจจัยการผลิต หมายถึง การเข้าถึงทั้งด้านทรัพยากรและโอกาสในการเข้าถึง แหล่งทนุ 2) การสร้างองค์ความรู้ หมายรวมถึง ทั้งความรู้จากในชุมชนและการส่งเสริมความรู้ในการ ผลิตและพฒั นาธุรกิจเพอื่ สรา้ งประโยชน์ตอ่ ยอด 3) การตลาด มีวัตถุประสงค์ให้เกิดการพัฒนาแบบบูรณาการ ตั้งแต่การวิเคราะห์ตลาด ไป จนถงึ ช่องทางการขยายใหม่ๆ 4) การสือ่ สารเพ่ือสรา้ งการรับร้ทู ี่ย่ังยืน เพื่อส่งเสรมิ ความภาคภูมิใจภูมิปญั ญาและความเป็น ชุมชน ตัวผลิตภัณฑ์และบริการที่ชุมชนมีอยู่ คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการสร้างความยอมรับโดยเป็นผู้บริโภคและ ใช้สินค้าที่ผลิตได้ การช่วยสร้างการยอมรับในตราสินค้า (การสร้างแบรนด์ : Branding) และหาช่องทางการ ประชาสัมพันธ์ผา่ นส่ือท้องถนิ่ และส่อื ระดับประเทศ 5) การบริหารจัดการ ครอบคลุมทั้งด้านต้นทุน บัญชี และการบริหารความเสี่ยงใน กระบวนการพัฒนาทั้ง 5 ด้าน เปรียบกระบวนการขับเคลื่อนดังกล่าว เสมือนฟันเฟืองของกลไกการทำงานของ เคร่อื งจักรทต่ี ้องสอดประสานเก้อื หนนุ กนั ส่งผลตอ่ กันและกัน โดยทงั้ 5 ฟันเฟือง จะขับเคลอ่ื นไปด้วยรูปแบบของ วิสาหกจิ เพื่อสังคม (Social Enterprise : SE) เนื่องจากวัตถุประสงค์สำคัญของการสานพลังประชารัฐ คือ การลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนา คุณภาพคน และการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐซึ่ง กลุ่มเป้าหมายส่วนมากอยู่ในชุมชนชนบทและมีอาชีพพื้นฐานด้านเกษตรกรรม เป้าหมายมุ่งเน้นที่การสร้างอาชีพ รายได้เพิ่มขึ้นและประชาชนมีความสุข จึงยึดถือชุมชนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาในการส่งเสริมอาชีพเพื่อสร้าง รายได้และการพัฒนาเศรษฐกจิ ของชมุ ชน ๑๓

คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (E3) ได้กำหนด Roadmap การพัฒนาเศรษฐกิจ ฐานรากและประชารัฐ เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมายในการทำงานของ คณะกรรมการประสานและขับเคลื่อนนโยบาย สานพลังประชารฐั ประจำจงั หวัด (คสป.) บริษทั ประชารัฐรกั สามคั คี (ประเทศไทย) จำกดั และบรษิ ัท ประชารัฐรัก สามคั คีจังหวัด (วิสาหกิจเพือ่ สงั คม) จำกัด Roadmap การพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารัฐ 3.4 ความสมั พนั ธ์คณะทำงานการพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารัฐ (E3)กับบรษิ ัท ประชารัฐรัก สามคั คจี งั หวดั (วิสาหกจิ เพื่อสงั คม) จำกัด ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐในระดับจังหวัด คณะทำงานการพัฒนา เศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (E3) ร่วมกับ คณะกรรมการประสานและขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐ ประจำจังหวัด (คสป.) จัดตั้ง บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ถือเป็นกลไกสำคัญใน การขับเคลื่อนซึ่งบริษัทฯ จะเป็นหน่วยที่เข้ามาช่วยดำเนินในการดำเนินการคัดเลือกเลือกกลุ่มเป้าหมายร่วมกับ คสป. และจะเข้าไปช่วยกลุ่มเป้าหมายด้วยการทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาในการพัฒนากลุ่มเป้าหมาย ตามแนวทาง 5 กระบวนการโดยผลของการขับเคลื่อนการพัฒนาดังกลา่ ว กรรมการ/ผูจ้ ัดการ ของบรษิ ทั ฯ จะนำมาเสนอในการ ประชุม คสป. เป็นประจำทกุ เดอื นเพอื่ ทีจ่ ะเช่ือมโยงการทำงาน ๑๔

บริษทั ประชารัฐรักสามคั คีจงั หวดั (วสิ าหกิจ 1.สรา้ งความเขา้ ใจในพ้นื ทใ่ี ห้ เพื่อสงั คม) จำกัด2.กาหนดนโยบาย ทศิ ทางการ 4.เชือ่ มโยงแนวทางการ เป็นไปในทศิ ทางเดียวกัน ดาเนินงานของบริษทั ให้ 3.บูรณาการการเชื่อมโยงของ ดาเนินงานกบั คณะทางาน สอดคล้องกับวตั ถปุ ระสงค์การ ทุกภาคสว่ นในพ้นื ท่ี ขับเคลอ่ื นการพฒั นาเศรษฐกจิ จดั ตัง้ บริษทั ฯ ฐานราก และประชารัฐ 5.คน้ หาชุมชนท่มี ีความสมคั ร 6.บริหารจัดการบริษทั ฯ 7.ให้คาแนะ เป็นที่ปรกึ ษาด้าน 8.หาช่องทางการตลาดและ ใจเขา้ รว่ มกบั บริษทั ฯ สร้างรายได้ในชุมชน เพื่อให้ การบริหารและพฒั นาสนิ ค้า การจัดจาหน่ายในระดับ ชุมชนมีความสุขอยา่ งยง่ั ยืน แก่ชุมชน จงั หวัด 9.ส่งเสรมิ สินค้าชมุ ชนใน 10ดาเนินการตามกรอบ 11.ดาเนนิ การตามกรอบ นส มท จงั หวัดใหเ้ ป็นที่รบั รูใ้ น กฎหมายของผ้ถู ือห้นุ บรรษัทภิบาลของ 0409.2/ว คณะกรรมการ ระดบั ประเทศ 5216 ลงวนั ท่ี 14 กย 59 3.5 บันได 3 ข้ัน ในการดำเนนิ งานของบรษิ ัท ประชารฐั รกั สามัคคีจงั หวัด (วิสาหกจิ เพื่อสงั คม) จำกดั เปน็ ข้ันตอนท่ีแสดงให้เห็นถึงกระบวนการดำเนินการของบรษิ ัทฯ 3 ขั้น คือ ขนั้ ที่ 1 คือขนั้ กระบวนการเริ่มต้นการ ดำเนินงานจัดตั้งบริษัท ขั้นที่ 2 คือขั้นกระบวนการการบริหารจัดการเพื่อให้บริษัทฯ สามารถดำเนินการได้ และ ขัน้ ท่ี 3 คอื ขนั้ ของการดำเนินกิจการตามวตั ถุประสงค์ ในการเข้าไปขบั เคลอื่ นงานถึงระดบั พ้ืนท่ี ๑๕

ส่วนที่ 4 การขับเคลื่อนเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารฐั ในบทบาทของ คสป. และ บริษัท ประชารัฐรกั สามคั คีจงั หวัด (วสิ าหกิจเพื่อสังคม) จำกดั ในการขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐในระดับจังหวัด คณะกรรมการประสานและขับเคลื่อน นโยบายสานพลังประชารัฐประจำจังหวดั (คสป.) คณะทำงานที่ คสป. ได้แต่งตั้งขึ้นตามคำสั่งสำนักนายกรฐั มนตรี ที่ 106/2559 ลงวนั ท่ี 14 พฤษภาคม 2559 และบรษิ ทั ประชารฐั รักสามัคคีจงั หวัด (วิสาหกิจเพือ่ สังคม) จำกัด ถอื เป็นกลไกทีส่ ำคญั ในการขบั เคลื่อนงานใหเ้ กิดความสำเร็จข้นึ 4.1 แนวทางการทำงานระดับจงั หวัดของ คสป. และคณะทำงานขบั เคล่ือนฯ ประชารฐั 1) สร้างกลไกให้พร้อมปฏิบัติงาน โดยดำเนินการให้มีกลไกทั้ง 2 คณะ และบูรณาการการทำงาน รว่ มกนั ของกลไกระดับจงั หวดั เพอื่ ใชใ้ นการพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากและศักยภาพของจังหวัด 2) สร้างคนให้พร้อมให้เข้าใจเป้าหมายและแนวทางการทำงาน โดย (1) จัดตั้งคณะกรรมการ คณะทำงาน และผู้ปฏิบัติงานมีความเข้าใจพร้อมในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากร่วมกัน (2) ประชาสัมพันธ์ และ สร้างแนวร่วมและขยายผลต่อเน่ือง (3) แบง่ บทบาทภารกจิ ให้ชดั เจนบรู ณาการการทำงาน กำหนดผูร้ ับผดิ ชอบ 3) วิเคราะห์ศักยภาพ ปัญหาและความต้องการของชุมชน จัดลำดับความสำคัญ และความเร่งด่วน โดย (1) ใช้ประโยชน์จากข้อมูล จปฐ. (2) ตรวจสอบพื้นที่ คัดเลือกพื้นที่เป้าหมาย (3) จังหวัดและภาคีสนับสนุน ร่วมวิเคราะห์ศักยภาพจังหวัด เชื่อมโยงชุมชนและธุรกิจชุมชนรูปแบบต่างๆที่มีอยู่เช่น กลุ่ม OTOP/SMEsในการ พฒั นาศกั ยภาพในเชิงธุรกิจ ๑๖

4) กำหนดแผนปฏิบัติการ โดย (1) มีแผนปฏิบัติการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่ครอบคลุมบทบาท ของคสป. และบริษัทประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด(2) มี Road Map ที่ระบุเป้าหมาย ผลสำเร็จ และกิจกรรมท่เี ป็นรปู ธรรม 5) ขับเคลื่อน บูรณาการการทำงานร่วมกัน โดย (1) ใช้กลไก 2 คณะ ผลักดันและขับเคลื่อนอย่าง ต่อเนื่อง (2) เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์และพื้นที่ (3) ขยายโอกาส สร้างช่องทางการตลาดเพิ่มขึ้น (4) ขยายผลการพัฒนาชุมชนและธรุ กิจชมุ ชนอย่างต่อเนื่อง 6) ติดตามและประเมินผล โดย (1) ประชุมกำหนดแนวทางการทำงานให้เป็นไปตามแผนอย่างน้อย เดือนละ 1 คร้ัง (2) หาตัวแบบความสำเร็จ (3) ประมวลผล 3 เป้าหมายหลัก คอื เพ่มิ รายได้ เพิ่มมูลค่าสินค้า ลด ความยากจน (4) สรุปบทเรยี น ทั้งนี้ เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐระดับจังหวัด ในส่วนของ ภาคราชการมคี วามเปน็ รปู ธรรมจึงจำเปน็ จะต้องแบ่งบทบาทภารหน้าทที่ ส่ี ำคัญ ดงั น้ี บทบาทสำคญั ของผวู้ ่าราชการจงั หวดั คือ 1) ใช้ คสป. และคณะทำงานขับเคลื่อนฯ ที่จัดตั้งขึ้น เป็นเครื่องมือหลัก ในการขับเคลื่อนนโยบาย เศรษฐกิจฐานราก 2) ศกึ ษา ทำความเขา้ ใจ สนับสนนุ การดำเนนิ งานอย่างเต็มกำลัง ผลักดันอยา่ งต่อเนือ่ ง 3) จัดประชุม คสป. และ คณะทำงานฯ ทุกเดือน แบ่งบทบาทภารกิจกันให้ชัดเจน มอบหมาย ผู้รับผิดชอบชุมชน ผลิตภัณฑ์ ตามข้อเสนอของฝ่ายเลขาฯ ติดตามความคืบหน้าอยู่เสมอ โดยยึดตัวอย่างลักษณะ การบริหารงานโครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ 4) ใช้ 2 กลไก ทั้งคสป. และคณะทำงานขับเคลื่อนฯ ประชารัฐ จังหวัด ดำเนินการคู่ขนานไปกับ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคจี ังหวัดฯ โดยดำเนินการให้ครอบคลุมกลุม่ เปา้ หมายอยา่ งกวา้ งขวางทั่วถึงมากขนึ้ 5) ประชาสัมพนั ธ์ สือ่ สารสรา้ งความเข้าใจใหท้ ุกภาคเี ครือขา่ ยในจังหวดั ใหไ้ ด้มากที่สุดและต่อเนื่อง บทบาทสำคัญของพัฒนาการจงั หวดั 1) พฒั นาการจังหวดั ในฐานะเลขานกุ ารรว่ มกับหัวหน้าสำนกั งานจังหวดั ทำหนา้ ที่เสมือน เสนาธิการระดับจังหวัด 2) ค้นหาปัญหาในพื้นที่ โดยดูจากฐานข้อมูล จปฐ. และกชช. 2ค เป็นตัวตั้งในการวิเคราะห์ ชุมชนและวัดผลสำเรจ็ การยกระดบั รายไดค้ รัวเรือนและชุมชน 3) คดั เลอื กชมุ ชน กล่มุ และผลิตภัณฑ์ วเิ คราะหศ์ ักยภาพชมุ ชน 4) นำเสนอข้อมลู ให้ที่ประชุมได้พิจารณาและมอบหมายหน่วยงานรบั ผิดชอบไปดำเนินการใน พื้นทเ่ี ป้าหมายท่เี ลือกไว้ โดยไม่ซ้ำกบั พ้ืนท่ที ่บี รษิ ัทประชารัฐรกั สามัคคีจงั หวัดฯ ดำเนนิ การไวแ้ ล้ว 5) ตดิ ตามความกา้ วหน้า และนำเสนอตอ่ ที่ประชุม 6) สรุปรายงานผล โดยสรุปภาพรวมของการทำงานของ คสป. ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ข้นั ตอน ดงั น้ี ๑๗

ผู้ว่าราชการ แนวทางการดำเนนิ งานตามนโยบาย ศจักงัยหภวาดั พ ระบบ สาน10พ. สลรงัปุ ปเสรนอะชผวาจร. ทัฐ่ปี แระลชะุม คสป.ประจำเดือน งบ งบ ตดิ ตาม ฐกาา7นร.9จข.รคดั แคณทบัาลณำะะกทเทะคำรทแบงาทำาลยลงวนงานือ่ะาคนแนรนปตผอสดินบ่วกรตปคนะฏาาลกมบิมุชรลตัถปาพิกาึงงรากระราฒั เรัฐแมตนินนิดวผตขทาาลามอเงสศสปงรนรปุรจับะเษสมงั นนิ หฐนุ รกควายสจิดังปา.น- ศกั ยภาพ รายงา กระจ เลจขังาหนวดั ุกา าย หนร.ร่ วมพจ. งาน ผล สDน1- E1 จD.7 - ชี ้ 4. สรุปความตอ้ งการ ศักยภาพ หนว่ ยงานเจา้ ภาพ เช่ือมโยงทงั้ เป้ บทบาทภารกจิ หลกั (Function) และ บทบาทของ E5 า คณะทำงานภายใตน้ โยบายสานพลงั ประชารฐั (D1-D7 และ ๑๘

4.2 ความเชอ่ื มโยงการดำเนินงานขบั เคลอ่ื นนโยบายสานพลังประชารัฐ กับคณะกรรมการประสาน และขบั เคลอื่ นนโยบายสานพลังประชารฐั ประจำจังหวัด (คสป.) และบรษิ ัท ประชารัฐรักสามคั คจี งั หวดั (วิสาหกิจเพอ่ื สังคม) จำกดั ภาพแสดงความเชอื่ มโยงการทำงานของบริษัท ประชารัฐรกั สามคั คจี ังหวัด (วิสาหกิจเพ่ือสงั คม) จำกดั จากภาพจะแสดงให้เห็นถึงความเชื่องโยงของการการดำเนินงานระหว่างบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี จังหวัด (วสิ าหกิจเพ่อื สังคม) จำกัด กับคณะทำงานขบั เคล่อื นการพฒั นาเศรษฐกิจฐานรากและประชารฐั สว่ นกลาง, คณะกรรมการประสานและขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐ ประจำจังหวัด (คสป.) และบริษัท ประชารัฐรัก สามัคคี (ประเทศไทย) จำกัดในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารฐั ระดับพน้ื ที่ โดยมเี ป้าหมายในการทำงาน อยทู่ ่ี 3 กลุ่มงาน และมี 5 กระบวนการในการสนับสนุนใหเ้ กิดการพัฒนาขึ้น ๑๙

ภาพความเชื่อมโดยงการดำเนนิ การ ระหวา่ ง สานพลังประชารฐั ส่วนกลาง กับ คสป. และระหวา่ ง คสป. กับ บริษทั ประชารฐั รักสามคั คจี งั หวดั (วิสาหกิจเพ่ือสังคม) จำกดั ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในระดับจังหวัด โดย คสป. และบริษัทฯ สามารถที่จะ เชื่อมประสานงานกับคณะทำงานทั้ง 12 คณะซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของ คสป. โดยที่ บริษัทฯ และ คณะทำงานฯ จะพิจารณาใหก้ ารสนบั สนุนการพัฒนากลุม่ หมาย โดยพื้นที่ที่บริษัทฯ สามารถดำเนินการไดบ้ ริษทั ฯ ก็จะรับผิดชอบขับเคลื่อนให้เกิดผล ส่วนพื้นที่บริษัทไม่ได้เข้าดำเนินการ คณะทำงานฯ จะเป็นหน่วยเข้ามาช่วย สนับสนุนและขบั เคลอื่ นต่อไป “เราจะไม่ท้งิ ใครไวข้ า้ งหลงั ” ๒๐

ส่วนที่ 5 การติดตาม ประเมนิ ผล และการรายงานผลการดำเนินงาน ๒๑

ส่วนท่ี 6 ขอ้ กฎหมายทเี่ กีย่ วข้องในการดำเนนิ งาน 7.1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.๒๕๓๕หมวด 4 บรษิ ัทจำกัด สว่ นท่ี 1 สภาพและการตง้ั บริษทั จำกดั มาตรา 1096 อันว่าบริษัทจำกัดนั้น คือบริษัทประเภทซึ่งตั้งขึ้น ด้วยแบ่งทุนเป็นหุ้นมีมูลค่าเท่า ๆ กัน โดยผถู้ อื หุ้นต่างรบั ผดิ จำกดั เพียงไม่เกินจำนวนเงนิ ท่ตี นยงั สง่ ใช้ไมค่ รบมูลคา่ ของหุ้นที่ตนถือ มาตรา 1097 บุคคลใด ๆ ตั้งแต่สามคนขึ้นไปจะเริ่มก่อการและตั้งเป็นบริษัทจำกัดก็ได้ โดยเข้าชื่อ กันทำหนังสอื บรคิ ณหส์ นธิ และกระทำการอย่างอ่ืนตามบทบญั ญัตแิ ห่งประมวลกฎหมายน้ี มาตรา 1099 หนังสือบริคณห์สนธินั้น ท่านให้ทำเป็นต้นฉบับไว้ ไม่น้อยกว่าสองฉบับ และให้ลง ลายมือชื่อของบรรดาผู้เริม่ ก่อการและลายมือชื่อทั้งปวงน้ันให้มีพยานลงชื่อรับรองด้วยสองคนหนังสือบริคณห์สนธิ ซง่ึ ไดท้ ำน้ัน ทา่ นบังคับให้นำฉบบั หนึ่งไป จดทะเบียนและมอบไว้ ณ หอทะเบียนในส่วนพระราชอาณาเขตซ่ึง บ่งไว้ วา่ จะบอกทะเบยี นตงั้ สำนกั งานของบรษิ ัทนั้น มาตรา 1100 ผู้เร่มิ ก่อการทกุ คนต้องลงชือ่ ซื้อห้นุ ๆ หนึ่งเปน็ อยา่ งน้อย มาตรา 1102 ห้ามมใิ หช้ ีช้ วนประชาชนใหซ้ อ้ื หุน้ มาตรา 1104 จำนวนหุ้นทั้งหมดซึ่งบริษัทคิดจะจดทะเบียนนั้น ต้องมีผู้เข้าชื่อซื้อหรือออกให้กัน เสร็จก่อนการจดทะเบยี นของบริษทั มาตรา 1105 อันหุ้นนั้น ท่านห้ามมิใหอ้ อกโดยราคาต่ำไปกว่ามูลค่า ของหุ้นที่ตั้งไวก้ ารออกหุ้นโดย ราคาสูงกว่ามูลคา่ ของห้นุ ทีต่ ั้งไว้น้นั หากว่าหนังสือ บริคณหส์ นธิให้อำนาจไว้ ก็ใหอ้ อกได้ และในกรณีเช่นนั้นต้องส่ง ใช้ จำนวนที่ล้ำมูลค่าพร้อมกันไปกับการส่งใช้เงินคราวแรกอนึง่ เงินส่งใชค้ ่าหุ้นคราวแรกนั้น ต้องมิให้น้อยกวา่ ร้อย ละย่ีสิบห้า แหง่ มลู คา่ ของหนุ้ ทตี่ ้ังไว้ การจัดต้งั ทวั่ ไป มาตรา 1107 เมือ่ ห้นุ ชนิดซึ่งจะต้องลงเงินนน้ั ไดม้ ผี ู้เข้าชื่อซ้ือหมดแล้ว ผเู้ รมิ่ กอ่ การต้องนัดบรรดาผู้ เข้าช่อื ซ้อื หุ้นมาประชมุ กนั เป็นการประชมุ ใหญ่ โดยไมช่ ักช้า ประชมุ อนั น้ใี หเ้ รยี กว่าประชุมตง้ั บริษัท อนึ่ง ให้ผู้เริ่มก่อการสง่ รายงานการต้ังบริษทั มีคำรับรองของตนว่าถูกต้อง และมีข้อความที่เกี่ยวแก่กจิ การอันจะพึง กระทำในทป่ี ระชมุ ตั้งบรษิ ทั ทุก ๆ ข้อตามความใน มาตรา ต่อไปน้ี ไปยงั ผู้เขา้ ช่อื ซื้อหนุ้ ทุกคนอย่างนอ้ ยเจ็ดวัน ก่อน วนั นดั ประชมุ เมื่อไดส้ ่งรายงานตัง้ บริษัทแก่ผู้เข้าช่ือซื้อหนุ้ แล้ว ผู้เร่มิ กอ่ การต้อง จัดส่งสำเนารายงานอันมีคำรับรอง วา่ ถกู ต้องตามทบ่ี ังคบั ไวใ้ น มาตรานี้ ไปยัง นายทะเบียนบริษทั โดยพลนั อนึ่ง ให้ผู้เริ่มก่อการจัดให้มีบัญชีแถลงรายชื่อ ฐานะ และสำนักของผู้ เข้าชื่อซื้อหุ้นกับจำนวนหุ้นซึ่ง ต่างคนได้ลงซือ้ ไว้เพ่อื เสนอต่อท่ีประชุมนั้น ด้วย มาตรา 1108 กิจการอนั จะพงึ ทำในทีป่ ระชุมตงั้ บริษทั นัน้ คือ (1) ทำความตกลงต้งั ขอ้ บังคบั ตา่ ง ๆ ของบรษิ ัท (2) ให้สัตยาบันแก่บรรดาสัญญาซึ่งผู้เริ่มก่อการได้ทำไว้ และค่าใช้จ่าย อย่างหนึ่งอย่างใดซึ่ง เขาต้องออกไปในการเริ่มก่อบริษัท (3) วางกำหนดจำนวนเงินซง่ึ จะให้แกผ่ ู้เริ่มกอ่ การ ถ้าหากมเี จตนาวา่ จะให้ ๒๒

(4) วางกำหนดจำนวนหุ้นบรุ ิมสิทธิ ทง้ั กำหนดสภาพและบรุ ิมสิทธิแห่ง หุ้นนนั้ ๆ ว่าเป็นสถาน ใดเพียงใด ถ้าหากจะมหี นุ้ เช่นนัน้ ในบรษิ ัท (5) วางกำหนดจำนวนหุ้นสามัญ หรือหุ้นบุริมสิทธิซึ่งออกให้เหมือน หนึ่งว่าได้ใช้เต็มค่าแล้ว หรือได้ใช้แตบ่ างสว่ นแล้ว เพราะใช้ให้ด้วยอย่างอืน่ นอกจากตัวเงิน และกำหนดวา่ เพยี งใดซ่ึงจะถือว่าเอาเปน็ ว่าได้ ใช้เงินแล้ว ถา้ หากจะมหี ้นุ เช่นนน้ั ในบรษิ ัทให้แถลงในทีป่ ระชุมโดยเฉพาะวา่ ซง่ึ จะเอาหุน้ สามัญหรือหุน้ บรุ ิมสทิ ธิ ให้ เหมือนหนึ่งว่าได้ใช้เงนิ แล้วเช่นนั้น เพื่อแทนคุณแรงงานหรือตอบแทน ทรัพย์สินอย่างใด ให้พรรณนาจงชัดเจนทุก ประการ (6) เลอื กตง้ั กรรมการและพนักงานสอบบัญชอี ันเป็นชุดแรกของบริษทั และวางกำหนดอำนาจ ของคนเหล่านด้ี ว้ ย มาตรา 1109 ผู้เริ่มก่อการหรือผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นจะออกเสียงลงคะแนนไม่ ได้ ถ้าตนมีส่วนได้เสียโดย พิเศษในปัญหาที่ยกขึ้นวินิจฉัยนั้นอนึ่ง มติของที่ประชุมตั้งบริษัทย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่ที่ประชุมจะได้ลงมติ โดย เสียงข้างมาก อันมีคะแนนของผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่ากึ่งจำนวน ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทั้งหมดซึ่งมีสิทธิ ลงคะแนนได้ และคดิ ตามจำนวนหนุ้ รวมกนั ไม่ นอ้ ยกวา่ ก่ึงจำนวนหุ้นของผถู้ อื หุ้นนน้ั ๆ ทงั้ หมดด้วยกัน มาตรา 1110 เมื่อได้ประชุมต้ังบรษิ ัทแล้ว ให้ผ้เู ริม่ ก่อการบรษิ ัทมอบ การทงั้ ปวงใหแ้ กก่ รรมการของ บริษทั เม่อื กรรมการได้รบั การแลว้ กใ็ ห้ลงมอื จัดการเรยี กให้ผเู้ ริ่มก่อการและ ผู้เขา้ ช่ือซอื้ หุ้นทั้งหลายใช้เงินในหุ้นซ่ึง จะต้องใช้เป็นตวั เงิน เรียกหนุ้ หน่ึงไม่น้อยกว่าร้อยละยส่ี บิ หา้ ตามท่ีได้กำหนดไว้ในหนังสือช้ชี วนบอกกล่าวป่าวร้อง หรอื หนังสือชวนให้ซือ้ หนุ้ มาตรา 1111 เมื่อจำนวนเงินซึ่งว่าไว้ใน มาตรา 1110 ได้ใช้เสร็จ แล้ว กรรมการต้องไปขอจด ทะเบียนบริษัทนั้นคำขอและข้อความที่ลงในทะเบียนนั้น ให้ระบุรายการตามที่ได้ตกลงกัน ในที่ประชุมตั้งบริษัท ดังตอ่ ไปนี้ คอื (1) จำนวนหุ้นทั้งสิ้นซึ่งได้มีผู้เข้าชื่อซื้อ หรือได้จัดออกให้แล้วแยกให้ ปรากฏว่าเป็นชนิดหุ้น สามัญเทา่ ใด หุ้นบรุ ิมสทิ ธเิ ท่าใด (2) จำนวนหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งออกให้เหมือนหนึ่งว่าได้ใช้เต็ม ค่าแล้วหรือได้ใช้แต่ บางส่วนแล้ว นอกจากทีใ่ ชเ้ ปน็ ตัวเงนิ และห้นุ ที่ไดใ้ ช้แต่ บางส่วนนน้ั ใหบ้ อกว่าไดใ้ ชแ้ ล้วเพยี งใด (3) จำนวนเงินทไี่ ด้ใช้แล้วหุน้ ละเท่าใด (4) จำนวนเงินที่ได้รบั ไว้เปน็ คา่ หุ้นรวมท้งั ส้ินเท่าใด (5) ชอ่ื อาชวี ะ และทีส่ ำนกั ของกรรมการทุกคน (6) ถ้าใหก้ รรมการตา่ งมอี ำนาจจัดการของบริษทั ไดโ้ ดยลำพงั ตวั ให้ แสดงอำนาจของกรรมการ น้ัน ๆ ว่าคนใดมีเพยี งใด และบอกจำนวนหรือช่อื กรรมการซ่งึ จะลงช่อื เป็นสำคัญผกู พันบรษิ ัทไดน้ ้นั ดว้ ย (7) ถ้าต้งั บริษัทขึ้นชั่วกาลกำหนดอันหนงึ่ ใหบ้ อกกาลกำหนดอันนัน้ ดว้ ย (8) ทต่ี ง้ั สำนักงานแหง่ ใหญ่และสาขาท้งั ปวง การลงทะเบียนจะมีรายการอย่างอื่นซึ่งกรรมการเห็นสมควรจะให้ทราบ แก่ประชาชนก็ลงได้ในการ ขอจดทะเบียนนั้น ถ้าได้ทำข้อบังคับของบริษัทไว้ประการใดบ้าง ต้องส่งสำเนาข้อบังคับนั้น ๆ ไปด้วยกับทั้งสำเนา รายงานการประชุมตั้งบริษัท หนังสือทั้งสองนี้กรรมการต้องลงลายมือชื่อรับรองคนหนึ่งเป็นอย่างน้อยให้พนักงาน ทะเบียนทำใบสำคัญแสดงการจดทะเบยี น สง่ มอบใหแ้ กบ่ รษิ ัท ฉบับหนึ่ง ๒๓

มาตรา 1111/1 ในการจัดตั้งบริษัท ถ้าได้ดำเนินการครบทุกขั้นตอนดังต่อไปนี้ ภายในวันเดียวกับ วันที่ผู้เร่ิมกอ่ การจัดทำหนังสือบริคณห์สนธิ กรรมการจะขอจดทะเบยี นหนังสือบริคณห์สนธิและจดทะเบยี นบริษทั ไปพร้อมกนั ภายในวันเดยี วกนั กไ็ ด้ (1) จดั ใหม้ ผี ู้เขา้ ชื่อซ้ือหนุ้ ครบตามจำนวนห้นุ ทัง้ หมดที่บริษัทจะจดทะเบยี น (2) ประชมุ จัดต้ังบรษิ ทั เพื่อพิจารณากิจการต่าง ๆ ตาม มาตรา 1108 โดยมผี เู้ ร่มิ ก่อการและ ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนเข้าร่วมประชุม และผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนให้ความเห็นชอบในกิจการที่ได้ ประชมุ กันนัน้ (3) ผู้เรมิ่ ก่อการได้มอบกจิ การท้งั ปวงให้แก่กรรมการ (4) กรรมการไดเ้ รียกให้ผู้เข้าช่ือซ้ือหุ้นใช้เงินค่าหุ้นตาม มาตรา 1110 วรรคสอง และเงินค่าหุ้น ดงั กล่าวได้ใชเ้ สร็จแล้ว ส่วนท่ี 2 หนุ้ และผู้ถอื หุน้ มาตรา 1120บรรดาเงินค่าหุ้นซึ่งยังจะต้องส่งอกี นัน้ กรรมการจะ เรียกให้ผู้ถอื หุ้นส่งใช้เสียเมื่อใดก็ ได้ เว้นแตท่ ่ปี ระชมุ ใหญ่จะได้วินจิ ฉัย เปน็ อย่างอืน่ มาตรา 1121การเรยี กเงินคา่ หนุ้ แตล่ ะคราวน้ัน ท่านบังคบั วา่ ให้ ส่งคำบอกกลา่ วล่วงหน้า ไม่ต่ำกว่า ยี่สิบเอ็ดวันด้วยจดหมายส่งลง ทะเบียนไปรษณีย์และผู้ถือหุ้นทุกคนจะต้องใช้เงินตามจำนวนที่เรียกนั้น สุดแต่ กรรมการจะไดก้ ำหนดไปว่าใหส้ ่งไปยงั ผูใ้ ด ณ ทใี่ ด และเวลาใด สว่ นที่ 3 วธิ จี ัดการบริษัทจำกัด การประชมุ ใหญ่ มาตรา 1171 ให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นทั่วไปเป็นประชุมใหญ่ภายใน หกเดือนนับแต่วันที่ได้จด ทะเบียนบริษัท และต่อนั้นไปก็ให้มกี ารประชุม เช่นนี้ครั้งหน่ึงเป็นอย่างน้อยทุกระยะเวลาสิบสองเดือนการประชมุ เช่นน้ี เรยี กวา่ ประชมุ สามัญการประชมุ ใหญ่คราวอื่นบรรดามนี อกจากน้ี เรียกวา่ ประชมุ วสิ ามัญ มาตรา 1175 คำบอกกล่าวเรียกประชมุ ใหญใ่ ห้ลงพมิ พโ์ ฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องท่ี อย่างน้อย หนึ่งคราวก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน และส่งทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังผู้ถือหุ้นทุกคนที่มีชื่อในทะเบียน ของบริษัท ก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน เว้นแต่เป็นคำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่เพื่อลงมติพิเศษ ให้ กระทำการดงั ว่าน้นั ก่อนวันนัดประชมุ ไมน่ ้อยกวา่ สิบสีว่ ัน คำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญน่ ้ัน ให้ระบุสถานท่ี วัน เวลา และสภาพแห่งกิจการทจ่ี ะได้ประชุมปรึกษา กนั และในกรณที ่ีเปน็ คำบอกกล่าวเรียกประชมุ ใหญ่ เพ่อื ลงมตพิ ิเศษใหร้ ะบขุ ้อความท่ีจะนำเสนอใหล้ งมตดิ ว้ ย มาตรา 1176 ผู้ถือหุ้นทั่วทุกคนมีสิทธิจะเข้าประชุมในที่ประชุมใหญ่ ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นประชุม ชนิดใดคราวใด มาตรา 1182 ในการลงคะแนนโดยวิธีชูมือนั้น ท่านให้นับว่าผู้ถือหุ้น ทุกคนที่มาประชุมเอง หรือ มอบฉันทะให้ผู้อื่นมาประชุมแทนมีเสียงหนึ่ง เป็นคะแนน แต่ในการลงคะแนนลับท่านให้นับว่าผู้ถือหุ้นทุกคนมี คะแนนเสียง เสยี งหน่ึงตอ่ ห้นุ หน่งึ ท่ีตนถอื มาตรา 1187ผู้ถือหุ้นทุกคนจะมอบฉันทะให้ผู้อื่นออกเสียงแทนตน ก็ได้ แต่การมอบฉันทะเช่นน้ี ต้องทำเป็นหนงั สอื มาตรา 1188 หนังสือตั้งผู้รับฉันทะนั้น ให้ลงวันและลงลายมือชื่อผู้ถือหุ้น และให้มีรายการดั่ง ตอ่ ไปนี้ ๒๔

(1) จำนวนหุ้นซ่ึงผมู้ อบฉันทะน้ันถืออยู่ (2) ชอ่ื ผรู้ บั ฉันทะ (3) ต้งั ผู้รับมอบฉนั ทะนนั้ เพ่อื การประชุมคร้ังคราวใด หรอื ตง้ั ไวช้ วั่ ระยะ เวลาเพียงใด มาตรา 1190 ในการประชุมใหญ่ใดๆข้อมติอันเสนอให้ลงคะแนน ท่านให้ตัดสินดว้ ยวิธีชูมือ เว้นแต่ เม่ือก่อนหรือในเวลาที่แสดงผลแหง่ การชมู ือนั้นจะได้มผี ถู้ ือหุ้นสองคนเปน็ อย่างน้อยติดใจรอ้ งขอให้ลงคะแนนลับ บัญชงี บดลุ มาตรา 1196 อนั บญั ชีงบดุลนนั้ ทา่ นว่าตอ้ งทำอยา่ งนอ้ ยครั้งหนง่ึ ทุก รอบสบิ สองเดือน คือเม่ือเวลา สุดรอบสบิ สองเดอื นอันจดั วา่ เป็นขวบปีใน ทางบญั ชเี งนิ ของบริษัทน้นั อนงึ่ งบดุลต้องมีรายการยอ่ แสดงจำนวนสนิ ทรพั ยแ์ ละหนส้ี ิน ของบรษิ ทั กับทั้งบญั ชีกำไรและขาดทุน มาตรา 1197งบดุลนั้นต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชีคนหนึ่งหรือหลายคน ตรวจสอบแล้วนำเสนอเพื่อ อนุมัติในที่ประชมุ ใหญ่ภายในส่เี ดอื นนบั แต่วันที่ ลงในงบดุลนั้น อนึ่ง ให้ส่งสำเนางบดุลไปยังบุคคลทุกคนบรรดามีชื่อในทะเบียนผู้ถือหุ้น ของบริษัทแต่ก่อนวันนัด ประชุมใหญ่ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามวันนอกจากนั้นให้มีสำเนางบดุลเปิดเผยไว้ในสำนักงานของบริษัทในระหว่าง เวลาเชน่ ว่านนั้ เพอ่ื ให้ผทู้ รงใบหนุ้ ชนิดออกใหแ้ กผ่ ูถ้ อื นนั้ ตรวจดูได้ด้วย มาตรา 1198ในเมอ่ื เสนองบดลุ กรรมการตอ้ งเสนอรายงานต่อท่ี ประชุมใหญ่ แสดงว่าภายในรอบปี ซง่ึ พจิ ารณากนั อยู่นนั้ การงานของ บริษัทไดจ้ ัดทำไปเป็นประการใด สมดุ และบัญชี มาตรา 1206 กรรมการตอ้ งจดั ให้ถือบัญชีซึง่ กล่าวตอ่ ไปนไ้ี วใ้ ห้ถูกถ้วน จรงิ ๆ คือ (1) จำนวนเงนิ ท่ีบรษิ ัทไดร้ บั และได้จา่ ย ทัง้ รายการอนั เป็นเหตใุ หร้ ับ หรือจ่ายเงนิ ทกุ รายไป (2) สินทรพั ยแ์ ละหน้สี นิ ของบริษทั มาตรา 1207 กรรมการตอ้ งจัดใหจ้ ดบนั ทึกรายงานการประชุมและข้อมติทั้งหมดของท่ีประชุมผู้ถือ หุ้น และของที่ประชุมกรรมการลงไว้ในสมุดโดย ถูกต้อง สมุดนี้ให้เก็บรักษาไว้ ณ สำนักงานที่ได้จดทะเบียนของ บริษัท บันทึก เช่น นั้นอย่างหนึ่งอยา่ งใด เมื่อได้ลงลายมือชื่อของผูเ้ ป็นประธานแห่งการประชุม ซึ่งได้ลงมติหรือซงึ่ ได้ดำเนินการงานประชุมก็ดี หรือได้ลงลายมือชื่อ ของผู้เป็นประธานแห่งการประชุมถัดจากครั้งนั้นมาก็ดี ท่านให้ สนั นิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นหลักฐานอันถูกต้องแห่งข้อความท่ีไดจ้ ดบันทึกลงในสมุดน้ัน ๆ และใหส้ ันนิษฐานไว้ก่อนว่า การลงมติและการดำเนินของที่ประชุมอันได้จด บันทึกไว้นั้นได้เป็นไปโดยชอบผู้ถือหุ้นคนใดจะขอตรวจเอกสารดั่ง กลา่ วมาขา้ งต้นในเวลาใดเวลาหนึง่ ระหว่างเวลาทำการงานก็ได้ การสอบบญั ชี มาตรา 1208 ผู้สอบบัญชีนั้น จะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทก็ได้แต่บุคคลผู้มี ส่วนได้เสียในการงานท่ี บริษัททำโดยสถานอื่นอย่างหนึ่งอย่างใด นอกจากเป็น แต่ผู้ถือหุ้นในบริษัทเท่านั้นแล้ว ท่านว่าจะเลือกเอามาเป็น ตำแหน่งผู้สอบบัญชี หาได้ไม่ กรรมการก็ดี หรือผู้อื่นซึ่งเป็นตัวแทนหรือเป็นลูกจ้างของบริษัทก็ดี เวลาอยู่ใน ตำแหน่งน้นั ๆก็จะเลอื กเอามาเปน็ ตำแหนง่ ผสู้ อบบญั ชีของบริษัทหาได้ไม่ สว่ นที่ 6 การเพมิ่ ทนุ และลดทุน มาตรา 1220บรษิ ัทจำกดั อาจเพ่มิ ทุนของบริษัทข้ึนได้ด้วยออกหนุ้ ใหม่ โดยมติพิเศษของประชุมผู้ถือ ห้นุ ๒๕

7.2 พระราชกฤษฎกี า ท่ีเก่ียวข้องกบั วิสาหกจิ เพื่อสงั คม “พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าดว้ ยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 621) พ.ศ.2559”ประกาศในราชกิจจา ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2559 มีผลบังคับใช้ วันถัดจากประกาศในราชกิจจา (31 สงิ หาคม 2559)มเี นอ้ื หาท่สี รุปได้ ดังนี้ 1) วิสาหกิจเพื่อสังคม หมายความถึง บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ตั้งขึ้นมีวัตถุประสงค์เพ่ือ ประกอบกจิ การขายสินค้าหรือการให้บริการมุ่งส่งเสริมการจา้ งงานในท้องถนิ่ ทตี่ ้ังอยู่ หรือ มเี ป้าหมายตั้งแต่แรกต้ัง ในการแก้ไขปัญหาและพฒั นาชุมชน สังคม หรอื สงิ่ แวดล้อม มไิ ดม้ ุ่งสร้างกำไรสูงสดุ ตอ่ ผู้ถือหนุ้ หรือหุ้นส่วน และนำ ผลกำไรไม่น้อยกว่า 70 % ไปลงทุนในกิจการของตนเอง หรือใช้เพื่อประโยชน์ของเกษตรกร ผู้ยากจน คนพิการ ผ้ดู อ้ ยโอกาส หรือ ตามที่ รมว.คลัง ประกาศกำหนด 2) ยกเว้นภาษีเงนิ ได้ ใหแ้ ก่บริษทั หรอื ห้างหุ้นสว่ นนิตบิ ุคคลท่ตี ้งั ขึ้นเป็นวสิ าหกจิ เพื่อสงั คม ท่ไี มม่ ีการ จา่ ยเงินไดพ้ ึงประเมินแกผ่ ู้ถอื หุ้นหรอื หุน้ ส่วน ๓) การลดหย่อนภาษี 3.๑ ) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ให้การสนับสนุน“บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล วสิ าหกิจเพ่ือสังคม”(ทีไ่ ม่มีการจา่ ยเงนิ ได้พงึ ประเมนิ หรือจา่ ยไมเ่ กนิ 30 %) ได้รับสิทฺธยิ กเวน้ ภาษีเงินไดเ้ ทา่ กับเงิน ทลี่ งทุนในหนุ้ สามญั ของ“วสิ าหกจิ เพอ่ื สังคม” ๓.๒) บรษิ ัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลทใ่ี หก้ ารสนบั สนนุ ไดร้ ับสิทธยิ กเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ เท่ากับจำนวนเงินหรือราคาทรัพย์สินที่โอนให้ “บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลวิสาหกิจเพื่อสังคม” โดยไม่มี ค่าตอบแทน (หมายถึง การบรจิ าค) แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายเพื่อการกุศลหรือเพื่อสาธารณประโยชน์อื่น ต้องไม่เกิน 2 % ของกำไรสุทธิ ๓.๓) กรณีที่ “บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลวิสาหกิจเพื่อสังคม” จ่ายเงินกำไรแก่ผู้ถือหุ้นหรอื หุ้นสว่ น เกนิ กว่า 30 % ในรอบปีบัญชี บรษิ ทั หรอื หา้ งหนุ้ สว่ นนติ ิบคุ คลท่ีให้การสนับสนุน ไม่ได้รบั สิทธิยกเวน้ ภาษี ๔) เงื่อนไขการได้รับสิทธิยกเว้นภาษี ของ “วิสาหกจิ เพื่อสงั คม” (1) มีคำวา่ “วิสาหกิจเพื่อสังคม” อยใู่ นชอื่ บรษิ ัทหรือหา้ งหุ้นสว่ นนิติบคุ คล น้นั (2) ไดร้ บั การรับรองการเปน็ “วสิ าหกิจเพ่อื สงั คม” จากหนว่ ยงานทอ่ี ธิบดีประกาศกำหนด (3) ยนื่ คำร้องและไดร้ ับอนมุ ัติให้เปน็ “วสิ าหกิจเพ่ือสังคม” (4) ไมม่ ีการจา่ ยเงินกำไรสทุ ธิแกผ่ ถู้ อื ห้นุ (5) ไมม่ ีการจำหน่ายจา่ ยโอนทรัพย์สนิ ทใ่ี ช้ในกิจการ (6) ไมเ่ ปน็ ค่สู ญั ญากับผถู้ ือหุ้น และไม่มีการจา่ ยค่าตอบแทนใดๆให้แก่ผู้ถือหนุ้ (7) ไม่เปล่ยี นแปลงประเภทการประกอบกิจการเป็นกจิ การอนื่ ก่อนครบ10รอบระยะเวลาบญั ชี ๕) กรณีที่“บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลวิสาหกิจเพื่อสังคม” มีการจ่ายเงินกำไรแก่ผู้ถือหุ้น หรือหุ้นส่วน เกินกว่า 30 % ในรอบปีบัญชี หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ให้การสนับสนุนโอนหุ้น กอ่ นวิสาหกจิ เพ่ือสงั คมที่จัดต้ังข้นึ เลกิ กิจการ บริษัทหรอื ห้างหนุ้ ส่วนนิติบุคคล หมดสิทธไิ ด้รับการยกเว้นภาษีเงิน ได้ และตอ้ งเสยี ภาษีในรอบระยะเวลาบัญชีทีน่ ำเงินลงทนุ ไปยกเว้นภาษี ๒๖

ส่วนที่ 7 ผลการดำเนนิ งานการพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารฐั ประจำปี พ.ศ. 2559 7.๑ การจดั ตัง้ บรษิ ัท ประชารฐั รักสามัคคจี งั หวดั (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกดั ตามระยะเวลาการจัดตั้ง จดั ต้งั ภายใน เมษายน 2559 จัดตั้งภายใน กนั ยายน 2559 จดั ต้งั ภายใน พฤศจิกายน 2559 จงั หวดั วันจัดตง้ั จงั หวดั วันจัดตง้ั จงั หวดั วนั จดั ตั้ง 1. ภเู กต็ 31-มี.ค.-59 12. ประจวบครี ขี ันธ์ 31-ส.ค.-59 1. จนั ทบรุ ี 5-ต.ค.-59 2. เพชรบรุ ี 29-เม.ย.-59 13. อำนาจเจรญิ 9 ก.ย. 59 2. หนองคาย 6-ต.ค.-59 3. อดุ รธานี 29-เม.ย.-59 14. ตราด 5-ก.ย.-59 3. ราชบรุ ี 7-ต.ค.-59 4. บุรีรัมย์ 29-เม.ย.-59 15. ลำพนู 12-ก.ย.-59 4. สงิ หบ์ รุ ี 18-ต.ค.-59 5. เชียงใหม่ 29-เม.ย.-59 16. พระนครศรีอยธุ ยา 12-ก.ย.-59 5. ชัยภมู ิ 19-ต.ค.-59 จัดตัง้ ภายใน มถิ นุ ายน 2559 17. กาฬสนิ ธุ์ 14-ก.ย.-59 6. พงั งา 19-ต.ค.-59 จังหวดั วันจดั ต้ัง 18. สุรินทร์ 15-ก.ย.-59 7. ลพบรุ ี 25-ต.ค.-59 1. รอ้ ยเอ็ด 21-มิ.ย.-59 19. นครปฐม 16-ก.ย.-59 8. แม่ฮ่องสอน 26-ต.ค.-59 2. สกลนคร 20-ม.ิ ย.-59 20. สงขลา 20-ก.ย.-59 9. ยโสธร 26-ต.ค.-59 3. พิษณโุ ลก 21-ม.ิ ย.-59 21. ตรงั 20-ก.ย.-59 10 สุโขทัย 27-ต.ค.-59 4. ชุมพร 21-มิ.ย.-59 22. มหาสารคาม 20-ก.ย.-59 11. เลย 28-ต.ค.-59 5. สระแกว้ 22-มิ.ย.-59 23. พะเยา 20-ก.ย.-59 12. พจิ ิตร 28-ต.ค.-59 6. น่าน 22-มิ.ย.-59 24. ชลบรุ ี 22-ก.ย.-59 13..สุพรรณบรุ ี 3-พ.ย.-59 7.อุบลราชธานี 23-ม.ิ ย.-59 25. ระยอง 23-ก.ย.-59 14 อตุ รดติ ถ์ 8-พ.ย.-59 จัดต้ังภายใน กนั ยายน 2559 26. ชยั นาท 27-ก.ย.-59 15. ลำปาง 8-พ.ย.-59 จังหวดั วันจัดตงั้ 27. บึงกาฬ 27-ก.ย.-59 16. สตลู 8-พ.ย.-59 1. แพร่ 14-ก.ค.-59 28. สมุทรสาคร 27-ก.ย.-59 17. กระบ่ี 9-พ.ย.-59 2. ศรสี ะเกษ 27-ก.ค.-59 29. ปราจีนบุรี 27-ก.ย.-59 18. นราธวิ าส 10-พ.ย.-59 3. มุกดาหาร 5 ส.ค. 59 30. ฉะเชงิ เทรา 28-ก.ย.-59 19.สรุ าษฎรธ์ านี 14-พ.ย.-59 4. นครราชสมี า 11-ส.ค.-59 31. สระบุรี 28-ก.ย.-59 20 .ยะลา 17-พ.ย.-59 5. นครนายก 11-ส.ค.-59 32. อุทยั ธานี 29-ก.ย.-59 21. พทั ลุง 17-พ.ย.-59 6. อา่ งทอง 11-ส.ค.-59 33. กาญจนบุรี 29-ก.ย.-59 22.หนองบวั ลำภู 17-พ.ย.-59 7. นครพนม 18-ส.ค.-59 34. สมุทรปราการ 29-ก.ย.-59 23. ปัตตานี 18-พ.ย.-59 8. นนทบรุ ี 19-ส.ค.-59 35.ปทมุ ธานี 29-ก.ย.-59 24.สมทุ รสงคราม 22-พ.ย.-59 9. ขอนแกน่ 22-ส.ค.-59 36. นครสวรรค์ 29-ก.ย.-59 25.กำแพงเพชร 28-พ.ย.-59 10. นครศรธี รรมราช 29-ส.ค.-59 37. เพชรบรู ณ์ 30-ก.ย.-59 26.ระนอง 28-พ.ย.-59 11. เชยี งราย 31-ส.ค.-59 38. ตาก 30-ก.ย.-59 ๒๗

7.๒ การคดั เลือกกลุ่มเป้าหมายในการพฒั นาตามความตอ้ งการของชมุ ชน ของ คณะกรรมการประสาน และขับเคลอ่ื นนโยบายสานพลังประชารฐั ประจำจังหวัด (คสป.) และบริษัท ประชารัฐรกั สามคั คีจังหวดั (วิสหากิจ เพอื่ สงั คม) จำกดั ในปี 2559 7.3 ตวั อย่าง ความสำเรจ็ ของการขบั เคลอ่ื นงานของบรษิ ัท ประชารัฐรักสามคั คีจังหวดั (วสิ าหกิจเพอื่ สงั คม) จำกัด จังหวัดเชียงใหม่ : สนับสนุนผลผลิตกาแฟเทพเสด็จ วิสาหกิจชุมชนกาแฟสดแม่ตอน อำเภอดอย สะเกด็ จงั หวดั เชียงใหม่ เขา้ ร่วมอบรมกับบริษทั CP Retailink โดยการนำกาแฟเขา้ รว่ มทดสอบค่ัวกาแฟของกลุ่มฯ โดยเครื่องมือทันสมัยของ CP Retailink ซึ่งผลการทดสอบอยู่ในระดับ 86.75 คะแนน(ดีมาก) และจากการ ทดสอบรสชาติ ผู้เชี่ยวชาญรับรู้ถึงกลิ่นของต้นก่อ สามารถนำไปเป็น Story สร้างแบรนด์เทพเสด็จได้ และบริษัท CP จะรบั ซื้อผลผลติ ของปี 2559 โดยเบือ้ งตน้ วิสาหกจิ ชุมชนกาแฟสดแม่ตอน ได้ตกลงจำหน่ายกาแฟจำนวน 1 ตนั ในราคากิโลกรมั ละ 145 บาท เป็นเงนิ 145,000 บาท จังหวัดน่าน : บริษัทประชารัฐรักสามัคคีน่าน (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ทำ MOU กับ ปตท. ให้รับ ซื้อเมล็ดกาแฟดิบจากดอยสันเจริญ จำนวน 70 ตัน ในราคากิโลกรัมละ 145 บาท เป็นมูลค่า 10,150,000 บาท ซง่ึ เดมิ ราคาจำหนา่ ยปกตอิ ยทู่ ีก่ ิโลกรัมละ 135 บาทไปจำหนา่ ยในรา้ นคาเฟอ่ เมซอน จงั หวดั ภเู ก็ต : จดั โครงการ Batik Design Week โดยมกี ารรวมตวั ของ 5 จงั หวดั กลุม่ อันดามัน และ 5 จังหวัดกลุ่มจังหวัดชายแดนภาคใต้กิจกรรมภายในงาน จัดการเจรจาธุรกิจระหว่างชุมชน/กลุ่ม กับสมาคม โรงแรมไทยภาคใต้ และสมาคมโรงแรมป่าตองจดั แสดงผลงาน และมกี ารจำหนา่ ยเส้ือผ้า ของใช้ของประดับตกแต่ง ๒๘

จากผ้าบาติก ของ 27 ชุมชน จัด Workshop สำหรับชุมชน/กลุ่ม ผู้ผลิตผ้าบาติกโดยผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์จาก มหาวิทยาลัยรังสิตจัด Workshop ให้ความรู้สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน โดยครูช่างจังหวัดต่างๆ 10 จังหวัดผล การจัดงานBatik Design Week มียอดจำหน่ายภายในงานรวม 1,600,000 บาท มียอดการสั่งซื้อล่วงหน้ารวม 309,000 บาท รวมเปน็ เงินทัง้ สนิ้ 1,909,000 บาท และมเี ครือข่ายโรงแรมมาเจรจาการค้ามีความสนใจมากให้ กลมุ่ ทำตวั อย่างเพอื่ จะสั่งซ้ือ 7.4 สรุปผลการดำเนินงานทส่ี ำคญั ของบรษิ ัทประชารฐั รักสามคั คี (ประเทศไทย) จำกดั 1) โครงการ “ลองกองผลไม้ดีชายแดนใต้” (นราธิวาส ยะลา และปัตตานี) ระหว่างวันที่ 1-31 ตลุ าคม 2559 1.1) ไดด้ ำเนนิ การสนบั สนนุ ชอ่ งทางการจำหนา่ ยลองกอง จำนวน 2,970 ตนั 1.2) มีกลุ่มเกษตรกรนำร่องกลุ่มแรก ซึ่งจะทำการเกษตรแบบประณีต 5,960 ราย เข้าร่วม โครงการ 1.3) โดยมีองค์กรที่ให้การสนับสนุนโครงการ เช่น หอการค้าไทย ตลาดหลักทรัพย์ เซ็นทรัล ท็ อปส์ เดอะมอลล์ แมคโคร โลตัส กลมุ่ CP SCG และไทยเบฟ เป็นต้น 2) โครงการ “ผา้ ขาวม้าทอ้ งถนิ่ หตั ถศลิ ป์ไทย” โดยมวี ัตถุประสงค์โครงการ คือ สร้างความรักสามัคคีและความภาคภูมิใจในชุมชนผ่านการสร้างสรรค์ผลงานและการบอกเล่า ประวัตคิ วามเปน็ มาของผ้าขาวมา้ ของตน สร้างความตระหนกั ถึงคุณค่าของผ้าขาวมา้ ในเชิงศิลปวัฒนธรรมใหเ้ กิดข้นึ ในสงั คม เฟ้นหาอัตลักษณ์ของผ้าขาวม้าจากชุมชนต่างๆและเสริมสร้างให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมท้ัง สรา้ งการยอมรับอย่างเปน็ ทางการผ่านการจดลขิ สิทธิแ์ ละเคร่ืองหมายการค้า พัฒนาผลติ ภณั ฑ์แปรรปู จากผ้าขาวม้าให้มีความหลากหลายและตรงตอ่ ความตอ้ งการของตลาด ชว่ ยสร้างอาชีพและเสรมิ สร้างรายได้ใหก้ ับคนในชุมชน 3) โครงการสานพลงั เพอ่ื บา้ นเกดิ เปน็ โครงการทีจ่ ดั ทำขึ้นโดยบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัด มวี ตั ถุประสงค์ ในการสร้างผูน้ ำการพัฒนาชุมชนรุ่นใหม่ในแต่ละจังหวัดซึ่งมีประสบการณ์ มีความเปน็ ผูน้ ำ และมีความสามารถใน การแก้ปัญหาโครงการนี้จะผสมผสานการถ่ายทอดองค์ความรู้และการทำงานจริงในพื้นที่เพื่อเสรมิ สร้างทักษะการ บรหิ ารธรุ กิจชมุ ชนและ การพัฒนาชุมชนแบบ Area Basedตลอดระยะเวลา 2 ปขี องโครงการน้ีผู้เข้าร่วมโครงการ จะมโี อกาสได้ ๔) การแสดงและจำหนา่ ยผลติ ภณั ฑภ์ ายในงาน “บา้ นและสวนแฟร์ 2016” บริษัท ประชารัฐรกั สามัคคี (ประเทศไทย) จำกดั ประสานความรว่ มมือกับบรษิ ทั อมรนิ ทร์พร้ินติ้ง แอนค์ พบั ลิชชง่ิ จำกดั (มหาชน) ภายในงาน “บา้ นและสวนแฟร์ 2016” ณ ศนู ยแ์ สดงสนิ ค้าและการประชุม อิม แพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 6 พฤศจิกายน 2559 โดยคัดเลือกผู้เข้าร่วมจำหน่ายจากชุมชน เป้าหมายทีท่ ำงานร่วมกับ บริษัท ประชารัฐรักสามคั คีจงั หวัด (วิสาหกิจเพ่อื สังคม) จำกัด จำนวน 13 ชมุ ชน จาก พ้นื ท่ี 8 จงั หวดั จดั พ้ืนทีแ่ สดงและจำหน่ายผลติ ภัณฑ์ จำนวน 13 บูธ ๒๙

ภาคผนวก ๓๐

๓๑

๓๒

๓๓

ทป่ี รกึ ษา คณะผู้จัดทำ ๑.นายอภชิ าติ โตดลิ กเวชช์ อธบิ ดกี รมการพฒั นาชมุ ชน ๒.นายอรรษษิ ฐ์ สัมพนั ธรตั น์ รองอธิบดีกรมการพฒั นาชุมชน ๓.นายทวีป บุตรโพธิ์ รองอธิบดีกรมการพฒั นาชุมชน ๔.นายณรงค์ บุ่ยศริ ริ ักษ์ รองอธิบดีกรมการพฒั นาชมุ ชน ๕.นางสาวเพ็ญแข ศรสี ทุ ธิกลุ ผอู้ ำนวยการสำนกั เสรมิ สรา้ งความเขม้ แข็งชมุ ชน ๖.นายไพบูลย์ บรู ณสนั ติ ทป่ี รกึ ษา กล่มุ ประสานงานการพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารัฐ คณะจัดทำ ผอู้ ำนวยการกลุม่ ประสานงานการพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารัฐ ผชู้ ่วยหัวหนา้ กลมุ่ ประสานงานการพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารฐั ๑.นายทองคูณ บุญศร ผู้ชว่ ยหัวหน้ากลุ่มประสานงานการพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารฐั ๒.นางอาภร โพธเ์ิ จรญิ นักจดั การงานทัว่ ไปชำนาญการ ๓.นางสาวจันจริ า นาคภมู ิ นกั วชิ าการพฒั นาชุมชนชำนาญการ ๔.นางสาวพรสุดา ณ สงขลา นักวชิ าการพัฒนาชุมชนชำนาญการ ๕.นายศุภฤกษ์ แสนแกว้ นกั วชิ าการพัฒนาชมุ ชนปฏิบัติการ ๖.นายธนศิ ร ศรีกก๊ เจรญิ ๗.นายฉตั ริน สวุ รรณหงส์ ออกแบบปก เจา้ พนกั งานโสตทศั นศึกษาปฏิบัติงาน ๑.นายภานุมาศ ตรีสุวรรณ ๓๔


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook