การประเมนิ ความ “อยเู่ ยน็ เปน็ สุข” หรือความสุขมวลรวมของหมู่บา้ น/ชุมชน (Gross Village Happiness : GVH) แนวทางดาเนนิ การจดั การประชุมแบบมสี ่วนร่วม 1. การเตรยี มการจัดประชุม 1.1 ผู้นาการประชมุ หรอื วทิ ยากรกระบวนการ ในการจัดประเมนิ ต้องทาความเข้าใจในกระบวนการ ขน้ั ตอนการ จัดการประชุม รวมทั้งตอ้ งศึกษารายละเอียด ความหมายของตวั ชี้วัด เตรยี มคาถามทส่ี ามารถสรา้ งความเขา้ ใจหรอื ส่อื สารกับ ผู้เขา้ รว่ มประชมุ ไดต้ รง และเหมาะสมสาหรบั กล่มุ คนในแต่ละทอ้ งถ่ิน 1.2 คณะวทิ ยากรกระบวนการ ตอ้ งทาความเขา้ ใจกบั ทีมงาน สรา้ งความเขา้ ใจในขั้นตอน ประเดน็ คาถามและการใช้ เครื่องมอื แบ่งงานให้ทกุ คนในทีมวทิ ยากรมบี ทบาทหน้าทแ่ี ละสามารถทางานแทนกันได้ การจดั สถานที่ ควรจัดเปน็ รปู คร่ึงวงกลม 1 – 2 แถว ไมค่ วรซ้อนกันหลายชน้ั เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ ขา้ รว่ มประชมุ มสี ว่ นร่วมมากที่สุด และสามารถเคลื่อนไหวไดส้ ะดวก เตรียมวสั ดอุ ปุ กรณ์ ทจ่ี ะใชง้ านตามกระบวนการที่ไดอ้ อกแบบไว้ ใหเ้ พียงพอ 1.3 พฒั นากรผู้รบั ผดิ ชอบประสานตาบล ต้องมกี ารเตรยี มความพรอ้ มชุมชนลว่ งหน้า โดยการประชาสัมพนั ธ์ สรา้ ง ความเข้าใจตอ่ ประชาชนในการเข้าร่วมประชุม เตรียมขอ้ มูล ความเปน็ จริงของชุมชนเพื่อร่วมกนั ตัดสนิ ใจในการประเมนิ หรอื การ ประสาน คัดเลือกตวั แทนชมุ ชน 1.4 กลมุ่ เปา้ หมาย ควรเป็นตวั แทนของทุกครัวเรอื นในหมู่บ้าน หรือตวั แทนของหมบู่ า้ น ซึ่งประกอบด้วย ผนู้ าท้องถ่นิ ผนู้ าทอ้ งท่ี ผูน้ ากลมุ่ (ถอื ว่าเปน็ ตัวแทนกลมุ่ อาชีพและผู้แทนกลมุ่ คน) ผูน้ าคมุ้ หรือ กลุม่ บ้าน 2. การจัดการประชมุ 2.1 แนะนาทาความรจู้ กั สร้างบรรยากาศของความเป็นกนั เอง ระหวา่ งทีมวิทยากรกระบวนการกบั ชาวบ้านท่เี ขา้ รว่ ม ประชุม 2.2 ช้ีแจงวตั ถปุ ระสงคข์ องการประเมนิ และสร้างความรูส้ ึกปลอดภัยในการประเมินวัตถปุ ระสงคข์ องการประเมิน เพอ่ื ต้องการ ทราบความรู้สกึ ของคนในชุมชน ความร้สู ึกเปน็ สุข ซ่ึงเป็นความร้สู กึ พอใจ สบายใจ สะดวก หมดห่วง ไรก้ งั วล ตอ่ สถานการณ์ต่างๆ ในชวี ิตของตนเอง ครอบครัวและชุมชน มากนอ้ ยเพียงใด หลังจากท่ีไดม้ ีการจัดกิจกรรมการพฒั นาตา่ งๆ ในชว่ ง เวลทผ่ี า่ นมา - การประเมนิ เป็นการกระทาโดยชุมชนเพื่อผลต่อชุมชนโดยตรง ไมเ่ กี่ยวขอ้ งกับการประกวด ไม่แขง่ ขันกับใคร ทาแลว้ รู้ ตัวเองว่าเป็นอยา่ งไร - การประเมินใหท้ ราบผลที่เปน็ การสะทอ้ นเป้าหมายสดุ ท้ายของการพฒั นาและพิจารณาเช่ือมโยงยอ้ นไปถึงวิธกี ารตา่ งๆ ท่ีสง่ ผล ตอ่ การบรรลุเป้าหมายความอยู่เย็นเปน็ สุข ด้วย ความสุขคือ ความสมดุลของความรูส้ ึก ของประชาชน ที่ได้ทาในส่ิงท่ีต้องการ หรอื ไม่ทาอะไรท่ีไม่ต้องการ รวมทั้งการ ได้รบั ในสิ่งท่ีต้องการและไม่ถูกบงั คับใหร้ ับสิ่งท่ีไม่ต้องการ ทาใหเ้ กดิ รสู้ ึกพงึ พอใจ สบายกายสบายใจ สะดวก ไม่มีหว่ ง ไม่กงั วล เปน็ สภาพปกติของแต่ละคน ซงึ่ ถอื เป็นความรสู้ ึกทเี่ ปน็ “ความสขุ ” ในขณะท่อี าการตรงขา้ มจะถือวา่ เปน็ “ความทุกข์” ทั้งนี้เกดิ จากความเข้าใจในสภาพความเป็นจริงเกดิ ขเึน้ ป็นความสขุ จากภายใน “จิตทเ่ี ป็นกลางก”ารประเมนิ ความสขุ จงึ เป็นการ นาสถานการณ์ทเ่ี ปน็ สาเหตุใหเ้ กิดความสขุ ของประชาชนในชวี ิตประจาวัน แลว้ ทาใหเ้ กดิ ความสุขใหข้ นึ้ ใน “จิตใจของประชาชน” การประเมินระดับความ“อยเู่ ยน็ เป็นสุข”หรอื ความสขุ มวลรวม ของชุมชน ประเมินแบบมีสว่ นรว่ ม สามารถวดั ความรสู้ ึกเฉพาะ ในช่วงเวลาการประเมินว่าประชาชนรสู้ กึ อยา่ งไร มีความสุขเทา่ ไหร่ ทั้งน้ี เพราะมีเหตุการณท์ ี่เกดิ ข้นึ และแปลเปล่ียนไปตลอดเวลา (เกณฑ์ 6x2 เกณฑ์การประเมินหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพยี งต้นแบบ (4ด้าน 23 ตัวช้วี ดั ) ซ่ึงเปน็ เกณฑ์การประเมนิ ในเชงิ ปริมาณ)
2.3 วธิ ีการประเมิน ซง่ึ ประกอบดว้ ย 2 ขั้นตอน คอื ขัน้ ตอนท่ี 1 การประเมนิ แตล่ ะองคป์ ระกอบเป็นรายตวั ช้วี ดั 1. ประเมินเป็นรายตวั ชว้ี ัด วิทยากรกระบวนการจะอธบิ ายความหมายของตัวชีว้ ดั แตล่ ะตัวในแตล่ ะองค์ประกอบให้ที่ ประชมุ เข้าใจ 2. ทีป่ ระชมุ จะรว่ มกันพิจารณาตัวช้วี ัด นน้ั ๆ วา่ มี สถานการณ์และกิจกรรมอะไร หรือพฤตกิ รรมการปฏิบตั ิอย่างไร ท่ี ทาให้ตวั ช้ีวัดนั้นเกดิ ขึน้ จรงิ แลว้ มีความสขุ จากน้ันให้ท่ีประชมุ ให้คะแนนจากสถานการณ์ กจิ กรรม พฤตกิ รรม ต่างๆ ท่ีเสนอมาวา่ ปจั จุบันมสี ภาพเป็นอย่างไร ยงั สร้างความไมส่ ะดวก ไม่สบาย ไม่พอใจ ทาใหเ้ ปน็ กงั วลอยู่หรือไม่ มากหรือน้อย ถ้าเป็นมากแสดงว่า มี ความสขุ นอ้ ย จะตอ้ งใหค้ ะแนนต่า แตถ่ า้ เปน็ ไปใน ทิศทางตรงข้ามก็จะมี ความสขุ มาก ต้องใหค้ ะแนนสงู เช่น องคป์ ระกอบที่ 1.การมีสุขภาวะ ตัวชีว้ ัดท่ี 1.1 ถ้าท่านมคี วามรู้ในการสร้างสขุ ภาพร่างกายให้แขง็ แรงไมเ่ จบ็ ป่วย มี อายยุ นื นาน หมายถงึ ประชาชนในหมู่บา้ นมีความรู้เขา้ ใจและปฏบิ ตั ิตามหลักโภชนาการ ไม่เปน็ โรคทั้งติดต่อและไม่ติดต่อ มี หลักประกันสขุ ภาพ มโี อกาสไดร้ บั การรกั ษาจากแพทย์ พยาบาล อย่างสะดวก ถามที่ประชุมว่า “ในหมบู่ ้านของเรา มีอะไรทจ่ี ะยนื ยนั ว่าตวั ชีว้ ดั นี้จะเปน็ ไปไดจ้ รงิ ” นาคาตอบทีไ่ ด้มาเปน็ เกณฑ์ พจิ าณา ให้คะแนน โดยคาตอบที่ไดอ้ าจเป็น - ได้รับความร้กู าร ดแู ลสุขภาพจาก อสม.ทุกเดอื น - จัดเวทกี ารเรียนร้เู รอื่ งการรักษาสุขภาพในชุมชน เปน็ ประจา - รบั ประทานอาหารไร้สารพิษจากการปลูกพืช ผัก ไว้กนิ เอง - มีกิจกรรมออกกาลังกายทกุ วนั ทกุ คน เปน็ ต้น เมือ่ นาเหตผุ ลจากการทากจิ กรรม และการปฏบิ ัติตน ข้างต้นทใ่ี ห้มาท้ังหมด มีความร้สู กึ อย่างไร พอใจ สบายใจ สะดวก หรือวา่ เปน็ ห่วง กงั วล อย่างไร ควรไดค้ า่ คะแนนความสุขเท่าไร จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน (คะแนนความสขุ ตา่ สุดคือ 1 ความสุข สูงสดุ คอื 5 คะแนน) วิธกี ารใหค้ ะแนนตามกตกิ าทไี่ ดต้ กลงกันไว้ 3. ทปี่ ระชมุ อาจจะพิจารณาเพิม่ เติมตวั ชว้ี ดั ท่คี ดิ วา่ จาเป็นหรอื เหมาะสมตอ่ การใชง้ านสาหรับหม่บู ้าน/ชุมชน ได้ ตามทีต่ อ้ งการ อาจเพิม่ ในองคป์ ระกอบเดมิ หรือเพ่ิมองค์ประกอบใหมก่ ไ็ ด้ เมอ่ื เพม่ิ เติมแล้วให้ใชว้ ธิ ีการประเมนิ ให้คะแนน เชน่ เดียวกันกบั ตัวช้ีวัดเดิม 4. วิธกี ารให้คะแนน ให้เป็นแนวทางทท่ี มี วทิ ยากรเหน็ ว่าเหมาะสมและถนัด ซงึ่ ทาไดห้ ลายวธิ ี เชน่ 1) การยกมือให้คะแนนซึ่งเปน็ วธิ ีท่ีง่าย ใช้วสั ดุอปุ กรณน์ ้อยแตม่ ีผลเสยี คอื มักจะให้คะแนนตามกนั หรอื มีการควบคมุ กากบั จากผ้หู นงึ่ ผ้ใู ดได้ และใชเ้ วลามากตอ้ งยกมือถึง 5 ครง้ั ในหนงึ่ ตวั ชว้ี ัด 2) การยกป้ายด้วยกระดาษสี 5 สโี ดยเขยี นหมายเลขคะแนนกากบั ไว้ 1 สี 1 ระดับคะแนน เมอ่ื เวลาให้คะแนนให้ยก พร้อมกัน ทีมงานชว่ ยกันนบั คะแนนว่าแต่ละขอ้ มีผใู้ หค้ ะแนนใด จานวนเท่าไหร่ โดยยกป้ายคะแนนครัง้ เดียวในแตล่ ะตวั ชวี้ ดั ไม่ เสียเวลาเหมอื นการยกมอื ข้อเสยี คอื ตอ้ งเตรียมอปุ กรณม์ ากยงิ่ ผเู้ ข้ารว่ มประชมุ จานวนมากเพราะตอ้ งทาให้เทา่ กบั จานวนผู้เข้า ประชมุ 3) การใช้สติกเกอรห์ รือเข็มหมดุ ปักบนแผน่ ชาร์ทเพื่อให้คะแนน กรณใี ชแ้ ผ่นแผนผังใยแมงมุม (Spider diagram) ท่แี สดงรวมทกุ ตวั ชว้ี ัด แล้วลงคะแนนไปครัง้ ละตวั ช้ีวัด ซง่ึ ผเู้ ขา้ ร่วม ประชมุ ต้องออกมาติดสตกิ เกอร์ หรือปกั หมุดให้คะแนนดว้ ยตนเอง ตอ้ งเดินหลายรอบและต้องไปรอต่อคิวเพอ่ื ให้คะแนน ซึ่งอาจจะ ติดผิดพลาดไม่ตรงกบั ชอ่ งให้คะแนนทถ่ี กู ต้อง วิทยากรต้องกากับและแนะนาอย่างใกล้ชดิ
กรณใี ช้วธิ แี บง่ กล่มุ ออกตามองคป์ ระกอบของตัวชีว้ ดั หลงั จากทาความเข้าใจและกาหนดเกณฑ์การพจิ ารณาในแตล่ ะ ตัวช้ีวัดในหอ้ งประชุมรวมแล้ว แบ่งผู้เข้าประชมุ ออกเปน็ กลุ่มเท่าๆ กัน เขา้ ประจากลุ่มเพอื่ ให้คะแนนในแตล่ ะองค์ประกอบ ทมี วิทยากรต้องเตรียมแผ่นแผนผังใยแมงมุม (Spider diagram) ตัวช้วี ดั ขององคป์ ระกอบน้ันไวใ้ หพ้ รอ้ ม ให้เวลาในแตล่ ะกลุ่มสาหรบั การลงคะแนนทุกตัวชีว้ ดั โดยมที ีมวิทยากรประจากลมุ่ ช่วยเหลือ ทาความเข้าใจเพ่มิ เติม เม่ือหมดเวลาจึงเคลื่อนยา้ ยไปพร้อมกนั เพอื่ ลงคะแนนในองค์ประกอบอื่นๆ ต่อไป ทกุ คนตอ้ งได้ลงคะแนนครบทกุ องคป์ ระกอบ ทกุ ตัวชวี้ ัด หลังจากนนั้ จงึ นาคะแนนทกุ องคป์ ระกอบมารวมเปน็ หนงึ่ เดยี วในแผนผงั ใยแมงมมุ (Spider diagram)รวม ซงึ่ จะทาให้เห็นเสน้ กราฟรวมของทุกองคป์ ระกอบ 5. การคดิ คะแนน กรณใี ห้คะแนนเปน็ รายตวั ชวี้ ัด 1) ในการตดั สินใจให้คะแนนของท่ปี ระชุมในแตล่ ะตัวชี้วัด หากท่ีประชุมสามารถสรา้ งการแลกเปล่ียนเหตผุ ลกนั ใหเ้ กดิ การยอมรบั ในคา่ คะแนนเดยี วโดยไมต่ อ้ งออกเสยี งลงคะแนนกจ็ ะเป็นฉันทามตเิ ดียวกัน แต่จะใชเ้ วลาในการพจิ ารณาอภิปราย แลกเปลีย่ นกันมาก 2) ในการออกเสยี งลงคะแนนด้วยวธิ ยี กมอื ติดสตกิ เกอร์ หรือปักเขม็ หมุด หรอื วธิ อี นื่ ๆ ที่ตอ้ งใช้แจงนับความถี่ เพอื่ หา คา่ เฉลี่ยในแตล่ ะตวั ชีว้ ัด ให้ คานวณโดย ใชค้ า่ คะแนน คณู ด้วยจานวนคนท่ใี หค้ ะแนน ในคะแนนน้ัน บวกด้วยคา่ คะแนนอนื่ ทุกค่า หารด้วยจานวนผู้ใหค้ ะแนนในขอ้ นัน้ เช่น ผ้เู ขา้ ประชมุ 100 คน มผี ู้ใหค้ ะแนนในตัวชีว้ ดั หนงึ่ ดงั น้ี ผ้ใู หค้ ะแนน 1 จานวน 10 คน ผู้ให้ คะแนน 2 จานวน 10 คน ผใู้ ห้คะแนน 3 จานวน 10 คน ผู้ใหค้ ะแนน 4 จานวน 30 คน ผูใ้ ห้คะแนน 5 จานวน 40 คน การ คานวณ ดงั น้ี (1 X10) + (2X10) + (3X10) + (4X30) + (5X40) หารดว้ ย 100 (จานวนผูอ้ อกเสียงท้ังหมด ) เทา่ กับ 3.8 คอื ค่า คะแนนเฉล่ยี ของตัวชีว้ ดั นนั้ คะแนน 1 23 4 5 รวม จานวนคน 10 10 10 30 40 100 คิดคะแนน 1x10=10 2x10=20 3x10=30 4x30=120 5x40=200 380/100 = 3.8 คะแนน กรณีการคิดคะแนนเป็นรายองคป์ ระกอบ หากใหท้ ีป่ ระชมุ ใหค้ ะแนนครั้งละองค์ประกอบ ใหน้ าค่าคะแนนของทกุ ตวั ชว้ี ดั ในองค์ประกอบมารวมกนั หารดว้ ยจานวนตวั ช้วี ัดในองค์ประกอบ ใชเ้ ปน็ ค่าเฉลี่ยในแต่ละองค์ประกอบนน้ั เชน่ องค์ประกอบท่ี 1 การมีสขุ ภาวะ มีตัวช้ีวดั ทัง้ 3 ตัวช้ีวัด ใชค้ ะแนนท้ัง ตวั ชีว้ ัดมารวมกันแลว้ หารดว้ ย 3 เปน็ คะแนนเฉลยี่ 6. เครอ่ื งมอื ในการประเมิน แผนผงั ใยแมงมมุ (Spider diagram) เป็นเครือ่ งมือแสดงผลการใหค้ ะแนนในรูปกราฟเส้นในผังวงกลม เส้นวงกลม 5 วงแสดงระดับคะแนน วงใกล้จดุ ศนู ยก์ ลางคะแนนต่าสดุ (เป็นทกุ ขม์ าก) วงนอกคะแนนสูงสดุ (เปน็ สขุ มาก) เส้นท่ีเชอ่ื มต่อจากจดุ ก่ึงกลางถึงตวั ชีว้ ดั เพือ่ แสดงว่าเปน็ ตวั ช้ีวดั น้นั และปอ้ งกันความสบั สนในการลงคะแนน การลงคะแนนอาจให้ทาเครอ่ื งหมายใน ชอ่ งว่างเหนือเส้นในแตล่ ะวงคะแนนหรอื บนเสน้ ของตวั ชว้ี ดั นน้ั ๆ การบนั ทกึ คะแนนลงในแผนผงั ใยแมงมุม คือ ในการลงคะแนนเปน็ รายตัวช้ีวัด เมื่อได้คะแนนทีต่ กลงกันแล้ว ใหน้ าคา่ คะแนนเขียนลงบนเสน้ ของตวั ชีว้ ดั แต่ละตวั รวมท้งั คะแนนของแต่ละองคป์ ระกอบ เช่น กรณใี ช้วิธนี บั คะแนน ใน (1) (วธิ ีการอ่นื คะแนนอาจมคี า่ เป็นจุดทศนิยม) ท่ีองคป์ ระกอบท่ี 1 การมสี ุขภาวะ มตี วั ช้ีวดั 3 ตวั ช้วี ดั ตวั ช้ีวัดท่ี 1.1 ตัวชว้ี ัดท่ี 1.2 ตวั ชี้วดั ท่ี 1.3 ได้คะแนน 4 , 5 และ 4 ตามลาดบั ใหท้ าเครื่องหมายตรงจุดตัดกันของเสน้ ของตวั ชว้ี ดั กับเส้นคะแนนทไี่ ด้ เม่อื ทาเคร่อื งหมายครบ ทุกตัวชี้วดั แล้ว ใหล้ ากเสน้ จากเครอื่ งหมายจากตวั ช้วี ดั หนง่ึ ไปตัวชวี้ ดั ทใ่ี กล้กนั ตอ่ เนื่องจนครบ (ดงั ที่แสดงในรูป)
ผลคะแนนสามารถ ใชเ้ พ่อื เปรยี บเทียบความเปลี่ยนแปลงในแต่ละชว่ งเวลาได้ การใชเ้ ครอ่ื งมือน้ี เพื่อใหผ้ ้เู ข้ารว่ ม ประชุมรู้สึกเพลดิ เพลิน ไมเ่ ป็นทางการนัก สามารถเขา้ มามีสว่ นร่วมไดแ้ ลสามารถเขา้ ใจ อา่ นคา่ ได้เอง เม่อื สรุปคะแนนแล้วจะเห็น แนวทางในการดาเนนิ การ ทั้งทต่ี ้องแกไ้ ขปรับปรุงเพราะ คะแนนต่า และการพฒั นาเพิ่ม อนุรักษส์ บื ทอด เมือ่ ได้คะแนนสงู อยแู่ ล้ว ข้ันตอนท่ี 2 การประเมินความสขุ ของหมู่บา้ นรวมทุกตัวชวี้ ดั การประเมินในขนั้ ตอนนี้ เปน็ ไปเพ่ือสร้างความม่ันใจในคา่ คะแนนอกี ครงั้ การประเมินในขัน้ ตอนนไ้ี มจ่ าเปน็ ต้องนาคา่ คะแนนจากการประเมินในข้นั ตอนที่ 1 มาใช้ เพราะเปน็ การใชเ้ ครื่องมืออีกชนิดหน่งึ สาหรบั ใช้สรา้ งความเชอ่ื มน่ั ในการประเมนิ และตรวจสอบความถูกต้องของการประเมนิ ซง่ึ จะทาใหผ้ ูป้ ระเมนิ เปรียบเทียบผลวา่ มลี ักษณะเป็นอยา่ งไร เช่น คา่ คะแนนในการ ประเมนิ เปน็ รายตวั ชีว้ ัดโดยแผนผังใยแมงมมุ มคี า่ คะแนนสงู แต่ค่าคะแนนในการประเมนิ รวม โดยปรอทวดั ความสขุ มีคา่ คะแนน ต่า ทาใหเ้ หน็ ว่า อาจมีปัจจัยบางประการที่ทาให้ค่าคะแนนผกผนั กัน เช่น ไม่ไดต้ ้ังใจ ไมเ่ ข้าใจในความหมายของตัวช้วี ดั ให้คะแนน ผดิ หรอื อ่ืนๆ ในการประเมนิ เป็นรายตัวชว้ี ดั รวมท้งั อาจมีเรื่องท่ียังห่วง กงั วล ไม่พอใจ ท่ไี ม่ไดร้ ะบไุ วเ้ ปน็ ตวั ชวี้ ดั ซ่งึ วิทยากร กระบวนการจะตอ้ งซักถามเพื่อหาเหตผุ ลเพ่ิมเติม จึงเปน็ การตรวจสอบทศิ ทางวา่ เปน็ ไปในทิศทางเดียวกนั หรอื ไม่ มสี าเหตมุ าจาก อะไร ตอ้ งเพิม่ เตมิ อะไรหรือไม่ วิธกี ารประเมินและการคดิ คา่ คะแนนความสขุ ในภาพรวมของชุมชน โดยให้ทปี่ ระชมุ คิดถงึ สภาพของชมุ ชนโดยรวมด้วย ตวั ชีว้ ดั ทกุ ตัวที่ไดพ้ ูดคยุ ทาความเข้าใจกันไปแล้วเปน็ แนวทางพิจารณา ในการให้คะแนน โดยคิดค่าคะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน “ถ้าคะแนน100 คะแนน ความสุขในหมบู่ า้ นของเรามีเท่าไร\" หาขอ้ ยุติเปน็ ตัวเลขคะแนน เชน่ ท่ปี ระชมุ มีมติ ให้เปน็ คะแนน 90 จึงนาไปแสดงบนปรอทวัดความสขุ เพ่อื เ ปรียบเทียบกบั ระดับความสุขเปน็ การกระตนุ้ ให้เกดิ การคดิ แก้ปัญหา ทา กจิ กรรมไปสูเ่ ปา้ หมายใหมเ่ พ่ือเพิ่มคา่ คะแนนในการประเมินครั้งตอ่ ไป
เครื่องมือสาหรับการประเมินในขัน้ ตอนนี้ ใช้ปรอทวดั ความสุข เพื่อสรา้ งแรงจงู ใจให้เห็นเป้าหมายการพัฒนา ในการเพิ่ม ความสขุ มวลรวมของชมุ ชน โดยคนในชมุ ชนท้งั หมดเห็นพ้องต้องกนั ใช้ตัวชว้ี ดั ทกุ ตวั จากข้นั ตอนท่ี 1 เป็นเกณฑก์ ารพจิ ารณา คะแนนท่ีได้จะเห็นถึงระดับความสขุ ซงึ่ จะแสดงวา่ มีระดับใด เข้าใกลเ้ ป้าหมาย ความ “อยเู่ ย็น เปน็ สขุ ” หรอื ไม่ และตอ้ งทาอะไร อย่างไรเพอื่ ใหถ้ งึ เปา้ หมายน้นั ระดบั คะแนน 0-20 คะแนน ระดบั นอ้ ยที่สุด (อยู่รอ้ น นอนทกุ ข์) เปน็ ความรสู้ กึ ทเ่ี กดิ ความแร้นแค้นในปัจจัยการดาเนนิ ชีวิตไม่มคี วามสบาย มีความกงั วล อยู่ตลอดเวลา ระดบั คะแนน 21-40 คะแนน ระดับนอ้ ย (อยู่ได้ คลายทกุ ข์) เป็นความรสู้ กึ ท่เี กิดจากการทสี่ ามารถปรับตวั ใช้ปัจจัยการ ดาเนนิ ชีวิต และการจัดการกับสภาพปญั หาที่เกิดขนึ้ ในชุมชนไดบ้ ้าง ยังมีความกังวลใจ ต้องการรับการช่วยเหลอื จากภายนอก ระดับคะแนน 41-60 คะแนน ระดับปานกลาง (อยอู่ ม่ิ นอนอุ่น) เปน็ ความรู้สกึ ที่มีความสามารถในการบรหิ ารจดั การ ปจั จยั การดาเนินชีวติ ให้เหมาะสมกับชุมชน มคี วามพอใจ สบายใจ สะดวก ระดบั เดยี วกันหรือเทา่ ๆ กนั กบั ความกงั วลเปน็ ห่วง ตอ่ สถานการณท์ เี่ กิดข้ึน ระดบั คะแนน 61- 80 คะแนน ระดับมาก (อยูด่ ี มีสขุ ) เป็นความรสู้ ึกมัน่ ใจในความสามารถในการบริหารจัดการปจั จยั การดาเนนิ ชีวิตใหม้ คี วามสุข แกไ้ ขปญั หาเพอื่ ลดความห่วงกังวลตา่ งๆ ได้มาก ระดับคะแนน 81 -100 คะแนน ระดบั มากท่สี ดุ (อยู่เยน็ เปน็ สุข) เป็นความรู้สึกเชอื่ มนั่ และมั่นใจในความสามารถใน การบริหารจัดการปจั จัยการดาเนินชวี ติ เพอื่ ตัดความกังวลตอ่ สถาณการณ์ท่เี กดิ ขน้ึ หรืออาจเกดิ ขน้ึ ทาให้รสู้ กึ พงึ พอใจ สบายใจมาก ทส่ี ดุ และคงอยู่ตอ่ เนอื่ ง
การประเมนิ ให้ท่ปี ระชมุ ตัดสนิ ใจเลือกคา่ คะแนนกันใหเ้ สรจ็ ก่อน แล้วจึงคอ่ ยเฉลยความหมายในแต่ละ ระดับก็ทาให้เกิด ความรู้สึกมีสว่ นรว่ มมากข้ึน และไมเ่ ป็นการช้ีนาให้เลือกระดบั ไปในตัว เช่น ตกลงเลอื กระดับความสุขที่ 92 คะแนน ถอื ว่าเป็นระดับ “อยู่เย็น เป็นสุข” ถามต่ออีกหน่อยได้ไหม วา่ ทาไมไมเ่ ต็มร้อยแล้วจะทาอะไรตอ่ กันดีหละ่ พน่ี อ้ ง… 3. ตวั ชี้วดั และความหมาย ดัชนชี วี้ ดั ความอยูเ่ ย็นเป็นสุข เปน็ การสะทอ้ นเปา้ หมายสดุ ท้ายของการพฒั นา(Ends) และตอ้ งพจิ ารณาเช่ือมโยงให้สะทอ้ น ถึงวิธกี าร (Means) ตา่ งๆ ทีจ่ ะสง่ ผลตอ่ การบรรลเุ ป้าหมายความอยูเ่ ย็นเปน็ สุขดว้ ย เนื่องดว้ ย การพัฒนาหม่บู ้าน ชมุ ชน ไดด้ าเนิน กจิ กรรมต่างๆ เพ่อื ใหเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลงไปสู่เปา้ หมาย ท่เี ลือกไวใ้ นระยะเวลาที่กาหนด ผลการพฒั นาเกิดขึน้ แก่ประชาชน ครอบครัว และชุมชนโดยส่วนรวม ในเชงิ ปริมาณ คือ มถี นน มบี า้ น มีงาน มีรายได้ หรอื ไม่มคี นเกเร ไม่มคี นทาผิดกฏหมาย ไม่มคี วามขดั แย้ง แต่ ความรู้สกึ เป็นสขุ หรือไม่จงึ ตอ้ งประเมินความ“อยู่เยน็ เป็นสุข” หรอื ความสุขมวลรวมของหมบู่ ้านหรือ ชุมชน ซง่ึ เป็นการประเมนิ เชิง คณุ ภาพหลังจากการจดั กจิ กรรมเพื่อการบรรลุเปา้ หมายการพฒั นา โดยเฉพาะตัวชี้วดั ในการประเมินหมบู่ ้านเศรษฐกจิ พอเพียงตน้ แบบ ของกระทรวงมหาดไทย(4 ดา้ น 23 ตัวชวี้ ดั ) การประเมนิ ระดบั ความ “อยู่เย็น เปน็ สขุ ” หรือความสุขมวรวมของชุมชน ในการประเมินแบบมีส่วนรว่ ม เปน็ การ ประเมนิ ความสมดุลของความรสู้ ึก ของประชาชนในการไดท้ ากจิ กรรมใดๆ ทต่ี ้องการ จะทาหรือไม่ทาในสิ่งท่ีไม่ต้องการ ได้ทาแลว้ ไระสบผลความสาเรจ็ ตาม ที่ตั้งใจไว้ เปน็ การพงึ พอใจในสภาพของสถานการณต์ ่างๆ ท่เี ป็นอยู่ อย่างเขา้ ใจในสภาพความเป็นจริง เกิดขน้ึ เปน็ ความสุขจากภายใน “จิตที่เปน็ กลาง” ประเมินเพือ่ ตรวจสอบควมรู้สกึ ในช่วงเวลาการประเมนิ วา่ ประชาชนรสู้ กึ อย่างไร กบั สถานการณ์ต่างๆ ที่เป็นอยใู่ น ขณะนี้ว่า รสู้ กึ อย่างไร มคี วามสะดวก สบายกายสบายใจ พอใจ ไม่มีความกังวล ไม่ต้องห่วงใย ซึง่ ถือเป็นความรสู้ กึ ทเ่ี ป็น “ความสุข” ในขณะทีอ่ าการตรงข้ามจะถือว่า เป็น “ความทกุ ข”์ ดงั นั้น การประเมินความสขุ จึงเปน็ การนาสถานการณ์ทเี่ ปน็ สาเหตใุ หเ้ กดิ ความสขุ ของประชาชนในชวี ิตประจาวนั แลว้ ทาใหเ้ กดิ ความสขุ ให้ขึน้ ใน “จิตใจของประชาชน” ในระดบั ใด ความหมายของ “ความอยูเ่ ยน็ เปน็ สขุ ” “ความอยู่เย็น เปน็ สุข ” หมายถงึ “สภาวะท่คี นมีคุณภาพชวี ิตที่ดี ดารงชีวติ อย่างมีดลุ ยภาพทัง้ จิต กาย ปญั ญา ที่ เช่ือมโยงกบั เศรษฐกจิ สังคม และส่งิ แวดล้อมอย่างเป็นองคร์ วมและสมั พนั ธ์กนั ไดถ้ ูกต้องดงี าม นาไปสกู่ ารอยูร่ ว่ มกนั อย่างสนั ติ ระหว่างคนกบั คน และระหว่างคนกับธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม” จากความหมาย “ความอยูเ่ ยน็ เปน็ สขุ ” สามารถกาหนดองค์ประกอบท่เี ปน็ ปัจจัยพื้นฐานรว่ ม ในการสรา้ ง ความสขุ ของมนุษย์ได้ 6 องค์ประกอบ ไดแ้ ก่ 1) การมสี ขุ ภาวะ 2) เศรษฐกจิ ชมุ ชนเข้มแขง็ เปน็ ธรรม3) ครอบครัวอบอุ่น 4) การบริหารจัดการ ชุมชนดี 5) การมีสภาพแวดล้อมดีมรี ะบบนิเวศท่สี มดุล และ 6) เป็นชุมชนประชาธปิ ไตยมีธรรมาภิบาล องค์ประกอบท่ี 1. การมีสขุ ภาวะ หมายความถึงการดารงชีพของบุคคลอย่างมสี ุขกาย ดาเนินชวี ติ โดยใช้ความรูใ้ นการรกั ษารา่ งกายใหแ้ ขง็ แรงไม่เจ็บป่วย มีอายยุ นื ยาว มสี ขุ ภาพจิตใจท่ดี ี ยดึ มน่ั ในคุณธรรมจริยธรรม “คิดเป็น ทาเปน็ ” มีความเป็นเหตเุ ปน็ ผล มีทักษะในการใชช้ วี ิตอย่างมี คณุ ค่า อยู่ในสังคมไดอ้ ย่างปกตสิ ุข สร้างสรรคป์ ระโยชนแ์ กต่ นเอคงรอบครัวและสงั คมได้อย่างเตม็ ศกั ยภาพ 1.1 บคุ คล มีความรู้ในการสรา้ งและรักษาสขุ ภาพร่างกายใหแ้ ข็งแรง ไม่เจ็บปว่ ย อายยุ นื นาน หมายถงึ ประชาชนในหม่บู า้ นมีความรเู้ ข้าใจและปฏบิ ัติตามหลกั โภชนาการ ไม่เป็นโรคทั้งติดตอ่ และไม่ตดิ ตอ่ มี หลกั ประกนั สุขภาพ มีโอกาสได้รับการรกั ษาจากแพทย์ พยาบาล อย่างสะดวก
1.2 บคุ คล มสี ขุ ภาพจติ ท่ีดี ยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม เชอ่ื มั่นในปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง หมายถึง ประชาชนในหมบู่ า้ นมหี ลักยดึ เหน่ียวในใจ ท้งั หลักศาสนาปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ประเพณี วัฒนธรรม และกติกาของหมู่บา้ นเมอื่ เกิดปัญหาสามารถแก้ไขใหส้ าเรจ็ ลลุ ่วงไป ไม่เป็นโรควิตกกังวล ไมเ่ ปน็ โรคซมึ เศร้า ไม่เปน็ โรคจิต ไม่ ฆ่าตัวตาย 1.3 บุคคล มีทักษะในการใช้ชีวิตอยา่ งมคี ณุ ค่า อยูใ่ นสงั คมไดอ้ ย่างปกตสิ ุข สร้างสรรคป์ ระโยชนแ์ ก่ตนเอง ครอบครวั และชมุ ชนได้อย่างเตม็ ศกั ยภาพ หมายถงึ ประชาชนในชุมชน มเี ปา้ หมายในชีวติ เชอื่ มน่ั ในความรู้ความสามารถของตน ได้รบั การยอมรบั จากคนรอบ ข้าง ใช้ความ สามารถในการปรับตวั เพือ่ การเผชิญสถานการณ์ต่างๆ ท่เี กดิ ขนึ้ ในชีวติ ประจาวันไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ เชน่ การคิด วเิ คราะห์อย่างมเี หตุผล การตดั สินใจ“คดิ เปน็ ทาเป็น” ความคดิ สรา้ งสรรค์ การประมาณตนและการควบคมุ สถานการณ์ การส่ือสาร ต่อรอง ปฏิเสธและโน้มน้าวจติ ใจ การปรับตัว (ทกั ษะคอื ความเช่ยี วชาญ ชานาญในเร่อื งใดเรอ่ื งหนึ่ง ซงึ่ บคุ คลสามารถสรา้ งขึน้ จากการ เรียนรู้) องคป์ ระกอบที่ 2. เศรษฐกจิ ชุมชนเขม้ แขง็ เป็นธรรม หมายความถึง การกระทาใด ๆ อันก่อให้เกดิ การผลิต การจาหนา่ ยและการบรโิ ภค ให้เกดิ รายไดท้ ี่เพียงพอ เกิดจาก การมีงานสจุ รติ มคี วามมั่นคงและความปลอดภยั ในการทางาน มีรายไดท้ ่เี ป็นธรรมตอ่ เน่อื ง มีการรวมตัวเปน็ กลุม่ เพอื่ ชว่ ยเหลือ แบ่งปนั กนั เพือ่ ใหเ้ กิดการกระจายรายไดอ้ ย่างเป็นธรรม และเกดิ ความยงั่ ยนื 2.1 ครอบครัว มีความมน่ั คงในอาชพี มีรายได้ทเ่ี พียงพอเกดิ จากการมีสมั มาชพี หมายถงึ ประชาชน มงี านท่ีมนั่ คงทา มีรายได้ทเ่ี ป็นธรรมตอ่ เน่ือง โดยใชค้ วามรู้ ความสามารถ อยา่ งถูกกฎหมาย ใน การทางานสรา้ งรายได้ ดว้ ยทรัพยากรทมี่ อี ย่างสมประโยชน์ ไมว่ า่ จะเปน็ งานในครวั เรือนตนเองหรอื ในสถานประกอบการ จัดการ หน้ีสินได้ไม่เปน็ ภาระ 2.2 ชมุ ชน มกี ารกระจายรายไดใ้ นกลุ่มตา่ งๆ ในชุมชนอย่างเปน็ ธรรม หมายถึงชุมชนสามารถจดั กิจกรรมสร้างรายได้ กระจายไปสู่ประชาชน ครอบครัว กลุ่มองคก์ ร ไดอ้ ย่างทั่วถึงทัง้ หมบู่ า้ น 2.3 ชมุ ชน มีกจิ กรรมสรา้ งความม่ันคงเศรษฐกจิ ฐานราก มีและพฒั นาผลติ ภณั ฑช์ ุมชนต่อเนือ่ ง มีสถาบันการเงนิ หมายถึง ชมุ ชนมีกิจกรรมการสร้างเศรษฐกิจของชุมชนใหเ้ ขม้ แข็ง ด้วยกระบวนการกลมุ่ การพัฒนาอาชีพ เพม่ิ พูน ทักษะฝมี อื พฒั นาผลิตภัณฑใ์ หม้ ีมลู คา่ เพมิ่ มีสถาบนั การจดั การเงนิ ทนุ ชุมชน มีกองทุนสวัสดกิ ารชมุ ชน ที่ให้บริการสมาชิกตาม ความต้องการได้ อยา่ งทวั่ ถงึ สามารถจดั การสร้างกิจกรรมแก้ปัญหาหนีน้ อกระบบได้ องคป์ ระกอบท่ี 3. ครอบครวั อบอ่นุ หมายถงึ ครอบครวั ที่สมาชกิ มคี วามรกั ความผูกพันต่อกัน มุ่งมนั่ ท่จี ะการดาเนินชวี ติ ร่วมกันอย่างมีจุดหมาย สามารถ ปฏบิ ตั ิบทบาทหนา้ ทไ่ี ด้อยา่ งเหมาะสม มีการอบรมเล้ียงดสู มาชกิ วยั เยาว์ใหเ้ ตบิ โตอย่างมคี ณุ ภาพในวถิ ีชวี ิตของความเปน็ ไทย เลย้ี ง ดผู สู้ ูงอายใุ หส้ ามารถดารงชีวิตไดอ้ ยา่ งมีความสุข และรกั ษาสัมพนั ธภาพท่ดี ีตอ่ กันเพอ่ื ใหส้ ามารถดารงความเป็นครอบครวั ไดอ้ ย่างมี คุณภาพท่ียงั่ ยืน 3.1 ครอบครวั รกั ษาสัมพนั ธภาพทีด่ ีต่อกนั สามารถปฏิบัตบิ ทบาทหนา้ ทีไ่ ดอ้ ย่างเหมาะสม เพื่อใหส้ ามารถดารง ความเป็นครอบครัวและชมุ ชนได้อยา่ งมคี ุณภาพทีย่ ัง่ ยืน หมายถงึ ประชาชนทาหน้าที่ในการสร้างครอบครวั โดยมเี ปา้ หมาย และทากจิ กรรมตา่ งๆ มีความรบั ผิดชอบรว่ มกันใน ด้านต่างๆ เช่น ดแู ล เล้ยี งดูบุตร ส่งเสรมิ การศกึ ษา สขุ ภาพ ธรรมเนียมประเพณีไทย ดแู ลผ้สู ูงอายุ และช่วยเหลือญาติพ่นี ้อง ด้าน การงาน ดว้ ยความผูกพันเออื้ อาทรตอ่ กัน ร่วมกนั แกป้ ัญหาของครอบครัวดว้ ยความรกั และการแสดงบทบาทหนา้ ทใ่ี นครอบครวั อย่างสมบรู ณ์ เช่น พ่อ แม่ ประกอบอาชีพสจุ ริต กระทาตนเป็นตัวอย่างแกบ่ ตุ ร ดูแลทกุ ขส์ ุข ใหค้ วามอบอุ่น เล้ียงดอู บรมสงั่ สอน บตุ รมหี นา้ ที่ช่วยเหลือ ดูแล บารงุ พ่อแม่ ปู่ยา่ ตายาย เคารพเชื่อฟงั เป็นต้น สามี ภรรยา มีความสนใจในแนวทางเดยี วกนั จิตใจ หนักแนน่ ปรบั ตัวเขา้ หากัน เสยี สละ ใจกวา้ ง รเู้ หตุผล ไม่ขดั แยง้ โดยไมม่ ีเหตผุ ล และไม่ยดึ เหตุผลของตนฝ่ายเดยี ว เอาใจใสแ่ ละ ห่วงใยพรอ้ มรว่ มสขุ รว่ มทกุ ข์ ยกย่อง ไม่ดหู มิน่ ไม่นอกใจ ช่วยเหลอื ซง่ึ กันและกัน
3.2 ครอบครวั มกี ารอบรมเลยี้ งดสู มาชกิ วัยเยาวใ์ ห้เตบิ โตอย่างมีคุณภาพในวิถชี วี ติ ของความเป็นไทย หมายถงึ ครอบครวั มวี ิธกี ารอบรมบุตร หลาน โดยอธบิ ายใหเ้ ชื่อในการทาดใี หห้ ลกั ยึดเหนยี่ วจิตใจ ให้ความเออ้ื เฝอื้ โอบออ้ มอารี สรา้ งสรรค์ประโยชนต์ อ่ สงั คม โน้มนา้ วใหป้ ระพฤติดงี าม รู้จักเลยี้ งชีพ มวี นิ ัย มกี ริยามารยาทดงี าม ปลูกฝังเจตคติทด่ี ี ตอ่ การศึกษา เพือ่ ปรบั ปรุงชีวติ ใหม้ หี ลักฐานมัน่ คง 3.3 ครอบครวั ชมุ ชน เล้ยี งดผู ู้สูงอายุใหส้ ามารถดารงชวี ิตได้อย่างมีความสขุ หมายถงึ กจิ กรรมทีค่ รอบครวั และชุมชนจัดขึ้นและดาเนนิ การเพือ่ ดูแล ส่งเสริมผู้สงู อายุ ในครอบครวั และชมุ ชน ใน ด้านจติ ใจ สขุ ภาพ เศรษฐกิจ รวมทงั้ การสืบทอดภมู ิปัญญา เพอ่ื ใหผ้ ้สู งู อายุอย่ในครอบครวั และชมุ ชนไดอ้ ยา่ งมีความสะดวกสบาย องค์ประกอบท่ี 4. ชุมชนมกี ารบรหิ ารจดั การชุมชนดี หมายถงึ ชุมชน แสดงความสามารถบริหารจัดการชมุ ชน จัดกระบวนการพฒั นาชุมชน มกี ิจกรรมการแกไ้ ขปัญหาชมุ ชน ได้ดว้ ยตนเองอย่างมเี หตมุ ผี ลและมกี ารบริหารจดั การท่ดี ี ผู้นา ประชาชนและองคก์ รในชมุ ชนสามารถรว่ มมือ ชว่ ยเหลอื เกื้อกลู กัน และอยรู่ ว่ มกันอยา่ งสงบสุข รวมทง้ั มภี าคีการพฒั นาทีม่ ีบทบาทเกือ้ หนุนการทางานภายในชมุ ชน มกี ารสอ่ื สาร และกระบวนการ เรยี นรู้ในชุมชนอย่างต่อเนื่อง สามารถอนรุ กั ษ์คุณคา่ ของประเพณีวฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาทีเ่ ปน็ เอกลักษณข์ องแต่ละชุมชนทอ้ งถิน่ รวมถงึ เอกลกั ษณ์ความเปน็ ไทย 4.1 ประชาชนและกลมุ่ องคก์ รตา่ งๆ ในชุมชน มีความสมั พันธท์ ี่ดีระหวา่ งกัน รว่ มมอื ชว่ ยเหลือกนั เกอื้ กูลและอยู่ ร่วมกันอยา่ งสงบสขุ หมายถึง ประชาชนมคี วามสามัคคี มคี วามสมั พนั ธ์ทีด่ กี บั เพือ่ นบา้ นและคนอ่นื ๆ ในชมุ ชน ไม่มปี ัญหาความขดั แย้ง การ มสี ่วนร่วมกับการทางานเพ่อื การพัฒนาชุมชน ใหก้ ารสนับสนนุ ทัง้ ดา้ นความรู้ ทรัพยส์ นิ แรงงาน ของประชาชนและจากองคก์ รใน ชุมชน ในการช่วยกนั คิด ตดั สินใจและบรหิ ารกจิ กรรมใหส้ าเร็จ 4.2 ชมุ ชน มีการบรหิ ารจัดการทด่ี ี มีและใช้แผนชมุ ชนในการยกระดบั คณุ ภาพชีวติ ชุมชน หมายถึง ชมุ ชนมีการจัดระบบบริหารจัดการชุมชน ส่งเสริมประชาชนใหม้ ีสว่ นรว่ มใชห้ ลักวิชาการ ข้อมูล ในการ ตดั สนิ ใจดาเนนิ กจิ กรรมการพฒั นา มีแผนและใช้แผนพัฒนาชมุ ชนเป็นเคร่ืองมือในการกากบั การติดตามพฒั นาใหเ้ กดิ ผลตามท่ี กาหนด การจัดสรรทรัพยากร โดยมอบหมายผูร้ ับผิดชอบงานและผลักดนั ใหเ้ กิดการเคลอ่ื นไหวไปสู่ความสาเรจ็ 4.3 ชุมชน ร่วมกับภาคีการพฒั นาทมี่ ีบทบาทเกื้อหนุนกนั สร้างการทางานภายในชมุ ชน หมายถงึ การมีส่วนรว่ ม ของสถาบนั หนว่ ยงานต่างๆ ไดใ้ นการสนบั สนนุ การทางานของชุมชนในการพัฒนาชมุ ชนให้มี ประสทิ ธภิ าพ ท้ังทางด้านวชิ าการ และสนับสนุนปัจจยั อน่ื ๆ 4.4 ชุมชน มรี ะบบการสือ่ สารและกระบวนการเรยี นรใู้ นชมุ ชนอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง หมายถึง ชุมชนมีการสง่ ขา่ วสาร ความรู้ เพื่อเปน็ การสรา้ งความเข้าใจรว่ มกนั และมีการป้องกันบรรเทาสาธารณภยั ต่างๆ ท่ีอาจเกดิ ข้นึ ในชุมชน ด้วยรปู แบบตา่ งๆ เช่น ประชมุ เปน็ ประจา หอกระจายขา่ ว เสียงตามสาย เปน็ ต้น 4.5 ชุมชน สามารถธารงไวซ้ ึ่งคุณค่าของประเพณวี ัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาท่ีเป็นเอกลักษณข์ องแต่ละชมุ ชน ท้องถนิ่ ตลอดจนเอกลักษณค์ วามเป็นไทย หมายถึง ชมุ ชนจัดใหม้ ีกจิ กรรมที่แสดงถงึ การรกั ษาคุณค่า การถ่ายทอดและสบื ทอด ภูมิปัญญา ประเพณวี ัฒนธรรม ต่อเนอื่ ง รวมถงึ การนาภมู ิปญั ญา ประเพณี วัฒนธรรมและภูมิปญั ญาทเี่ ป็นเอกลักษณ์ มาใช้ประโยชนใ์ นการพฒั นาหมูบ่ า้ นได้ องคป์ ระกอบท่ี 5.การมีสภาพแวดลอ้ มดีมรี ะบบนเิ วศท่สี มดลุ หมายถงึ บรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมท่เี หมาะสมตอ่ การใช้ชวี ติ ของคนในหมู่บา้ น สร้างความสะดวก สบาย ร่มรืน่ ปลอดภัยทง้ั ชีวิตและทรัพย์สนิ ครอบครวั มที ี่อย่อู าศยั ทีม่ นั่ คง การมปี ฏิสัมพันธ์ที่ดีกบั เพื่อนบา้ น และการมีบริการสาธารณปู โภคที่ พอเพียง มที รพั ยากรธรรมชาตทิ อ่ี ุดมสมบรู ณ์มคี ุณภาพ สมดลุ ในระบบนิเวศเพ่ือใช้ยกระดับคุณภาพชีวติ ทด่ี ขี องคนในชุมชน 5.1 บคุ คล ครอบครวั มที ่ีอยอู่ าศยั ท่มี น่ั คง
หมายถึง ครอบครัวเปน็ เจ้าของท่ีอยอู่ าศยั ทแี่ ข็งแรงมัน่ คง ใหเ้ ป็นทพี่ กั อาศัยรว่ มกนั ของสมาชิกในครอบครวั อยา่ ง สะดวกสบายและปลอดภัย 5.2 ชุมชน จัดสภาพแวดล้อมเพื่อการดารงชวี ติ ในชุมชนให้มคี วามปลอดภยั ในชวี ิตและทรัพย์สนิ หมายถึง บรรยากาศสวยงามและส่ิงแวดล้อมมีคณุ ภาพทดี่ ี ไมม่ สี ิ่งเป็นพษิ รบกวน สร้างความเดือดร้อนราคาญ เชน่ น้า เน่า เสียงดงั ขยะพษิ กลิ่นเหม็น ไมม่ ีโจร ผูร้ ้าย มรี ะบบปอ้ งกนั ภยั อันตราย มีวิธีปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หายาเสพตดิ ไม่กังวลต่อการ เกดิ คดีท่กี ระทาตอ่ ร่างกายและทรพั ยส์ นิ 5.3 ชุมชน มบี รกิ ารสาธารณปู โภคทีพ่ อเพียง หมายถึง ชมุ ชนมีส่ิงสาธารณ ะ ทีจ่ าเป็นของหมบู่ า้ น อยใู่ นสภาพดี สามารถใชป้ ระโยชน์ อานวยความสะดวกและ ใหบ้ ริการแก่ประชาชนอยา่ งท่ัวถงึ 5.4 ชุมชน มที รพั ยากรธรรมชาตทิ อี่ ดุ มสมบูรณ์และสภาพแวดล้อมทีม่ คี ณุ ภาพเพ่ือสรา้ งสมดุลใหก้ บั ระบบนิเวศ และยกระดับคุณภาพชีวติ ที่ดีของคน หมายถงึ ทรพั ยากรตา่ งๆ ของหมู่บา้ น มคี ุณภาพดี เชน่ ป่าชมุ ชน แหลง่ นา้ สตั วน์ า้ ทงุ่ หญา้ ชุมชน สภาพดินหรือสิ่ง อ่นื ๆ มกี ารดแู ลใหค้ งสภาพ เพอ่ื การใชป้ ระโยชนร์ ว่ มกันในการดาเนินชีวติ ของคนในหม่บู า้ น/ชมุ ชน เพอื่ การพึง่ ตนเอง หรอื ช่วยแบง่ เบาภาระในการดาเนนิ ชวี ิตให้มีความสะดวก สบาย ไรก้ งั วล เชน่ สามารถมีรายได้ สามารถใช้ประโยชนจ์ ากป่าในการลดรายจา่ ย เปน็ ตน้ องคป์ ระกอบท่ี 6. เป็นชุมชนประชาธปิ ไตยมธี รรมาภบิ าล หมายถึง ชุมชนเป็นสังคมประชาธิปไตยทม่ี ีธรรมาภิบาล ประชาชน มีสิทธเิ สรีภาพไดร้ ับการยอมรับและเคารพใน ศักด์ศิ รคี วามเป็นคนทีเ่ ทา่ เทียมกนั ตามระบอบประชาธิปไตย ประพฤติ ปฏิบตั ิตามสิทธิและหน้าทข่ี องตนเองและเคารพในสิทธิและ หน้าท่ีของคนอ่ืน มรี ะเบียบวินยั มีระบบการบริหารจดั การทย่ี ดึ หลกั ธรรมาภบิ าล เพ่ือใหเ้ กดิ ความโปร่งใส คมุ้ คา่ และกระจาย ผลประโยชน์ทางเศรษฐกจิ และสงั คมอย่างเปน็ ธรรม นาไปสสู่ งั คมสมานฉนั ทม์ สี นั ตสิ ขุ อยา่ งยัง่ ยืน 6.1 บคุ คล มศี ักด์ิศรี มสี ิทธิเสรีภาพและการยอมรบั และเคารพในศักดศิ์ รีความเปน็ คนทเ่ี ท่าเทียมกนั ตามระบอบ ประชาธปิ ไตย หมายถงึ ประชาชน มคี วามเป็นอิสระในการกระทากิจกรรมใดๆ ในชีวติ ประจาวนั ตามขอบเขตอานาจของกฎหมาย หรอื ศีลธรรม ไมล่ ะเมิดสทิ ธิของผู้อ่ืน อยใู่ นหมบู่ ้านร่วมใจกันปฏิบตั ิงานตา่ งๆ อย่างใหเ้ กยี รติ เคารพในความรูค้ วามสามารถ มีสทิ ธิ คณุ คา่ ของคน ให้โอกาสในการมสี ว่ นร่วมในการทางานและรบั ผลทีเ่ กดิ ข้นึ อยา่ งเท่าเทียม เสมอกัน 6.2 บคุ คล ปฏบิ ัติตามสทิ ธิ หนา้ ท่ี กติกาประชาธปิ ไตย ไม่ซื้อสทิ ธ์ิ ขายเสยี งในการใชส้ ทิ ธเ์ิ ลือกตัง้ หมายถึง การแสดงออกของบคุ คลในการกระทาต่างๆ ตามหน้าทพ่ี ลเมืองทดี ี ยดึ ม่ันวัฒนธรรม ศีลธรรม กฎ กติกาของ หมบู่ า้ น มีวนิ ัยในตนเอง โดยไมล่ ะเมดิ หรอื เอาเปรยี บสิทธขิ องผูอ้ ่นื เคารพตนเอง ในการตัดสินใจ การเลือกผแู้ ทนในการทาหนา้ ที่ บริหารงานหมบู่ ้าน/ชมุ ชนหรอื ประเทศ โดยไมเ่ หน็ แก่ สินจา้ งรางวัล และไม่สนบั สนุนคนที่ทาผดิ กฎ กติกาทไี่ ดก้ าหนดไว้ 6.3 ชมุ ชนมธี รรมภบิ าลชุมชน มรี ะบบการบรหิ ารจดั การท่ียดึ หลกั ความโปร่งใส คมุ้ ค่า เป็นธรรม รับผดิ ชอบ หมายถึง การบริหารงานของคณะผู้บริหารของหมู่บ้าน ทุกคณะ ทกุ กลุ่มท่มี ใี นหมูบ่ ้าน ดาเนินการโดย ยดึ หลักการ ปฏบิ ตั ติ าม กฎระเบยี บ กฎหมาย ขอ้ บงั คบั ท่ที นั สมยั เทย่ี งธรรม ยึดม่ันในความถูกตอ้ ง ซอื่ สัตย์ สุจริต การปฏิบัตงิ านเปิดเผย ประชาชนรบั ทราบข้อมูลขา่ วสารตรงไปตรงมา ให้โอกาสประชาชนเข้ามามีส่วนรว่ ม ในการคดิ ตัดสนิ ใจ เมือ่ ผิดพลาดมีการยอมรับ และรับผดิ ชอบพร้อมแก้ไขปรับปรุงไดท้ นั ทว่ งที บนฐานการบริหารทรพั ยากรอย่างประหยดั เกดิ ประโยชนบ์ รรลุเป้าหมายต่อ ประชาชนเป็นสาคญั ประชาชนมีจิตสานึกที่ดีไม่ยอมรบั และละอายตอ่ พฤตกิ รรมการเรียกรับสิ่งตอบแทนของผูม้ ีหนา้ ท่ใี หบ้ ริการ เพ่อื อานวยความสะดวกหรือได้มาซึ่งประโยชนท์ ่ีตนเองและครอบครวั ตอ้ งการ โดยกระทาในส่ิงที่กฎหมายห้ามไวห้ รอื ไม่กระทาใน สิง่ ทก่ี ฎหมายกาหนดใหท้ า หรอื เบยี ดบัง ยักยอกทรัพย์สินส่วนรวมไปเพอื่ ประโยชนข์ องตน 6.4 ชมุ ชน มวี ธิ ีแก้ปัญหาความขัดแย้ง สร้างความสนั ตสิ ุข สมานฉันทใ์ นชมุ ชนโดยชมุ ชน หมายถึง ชมุ ชนมรี ะบบหรือกิจกรรมในการสร้างความรกั ความเข้าใจ มีความสามัคคี อยรู่ ว่ มกนั อย่างสงบสุข ใช้ คณะกรรมการหรอื บคุ คลทม่ี หี น้าทใ่ี นการจดั การกับปญั หาความขดั แย้งทเ่ี กดิ ขน้ึ สร้างความปรองดองในชมุ ชน
สรุปขนั้ ตอน การจดั การประชมุ ประเมินความอยู่เยน็ เปน็ สุข หรือความสุขมวลรวม (GVH) แบบมสี ่วนร่วม ท่ี วทิ ยากร ผู้ร่วมประชุม เ ช้แี จงวัตถุประสงค์ รับฟัง เข้าใจ พรอ้ มประเมนิ ครือ่ งมอื อธิบาย ความหมายขององคป์ ระกอบตวั ชีว้ ดั เครอ่ื งเสียง รับฟัง เขา้ ใจ แผนผงั ใยแมงมุม ตัง้ คาถามเปน็ รายตวั ช้ีวัด ระดมสมองคดิ วา่ ชมุ ชนจะตอ้ งมอี ะไรบ้าง จึงจะทาให้ ฟลปิ ชารท์ / ตัวช้วี ดั แต่ละตวั ชีว้ ัดจะสาเรจ็ จรงิ บตั รคา สติกเกอร์ เชญิ ชวนใหค้ ะแนนคราวละตวั ชีว้ ดั ให้คะแนนตามความร้สู กึ แทจ้ ริง เข็มหมดุ /ยกมอื แผนผงั ในแมงมุม นาค่าคะแนนที่ไดม้ าบนั ทกึ บนแผนผงั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง แผนผงั ในแมงมมุ ต้ังคาถามตัวชีว้ ัดตอ่ ไป จนครบทุกตัว รว่ มพจิ าณาใหค้ ะแนน แผนผงั ในแมงมมุ สรุปคะแนน เป็นรายองค์ประกอบ รว่ มเรยี นรู้สง่ิ ทีต่ ้องปรับปรงุ สิ่งท่ตี อ้ งรกั ษา และสรปุ การประเมินเปน็ รายตัวชี้วดั เขา้ ใจสภาพความสขุ ในปัจจุบัน ปรอทวดั ความสขุ เชญิ ชวนพิจารณาคา่ คะแนน ปรอทวดั ความสุข ปรอทวดั ความสุข อธิบายการประเมนิ รวมทุกตัวชว้ี ัด คดิ ถึงสภาพของชมุ ชนและระดบั ความสุขทเ่ี กิดขึน้ ตง้ั คาถามให้ทีป่ ระชุมประเมินความสุขใน ใหค้ ะแนนตามความรู้สกึ ที่แท้จรงิ ฟลปิ ชาร์ท/ ภาพรวม ตรสจสอบความถกู ต้อง บตั รคา บนั ทึกค่าคะแนน - สรปุ การประเมนิ แลกเปลยี่ นเรียนรู้ สภาพปัญหา เขา้ ใจสาเหตุ หาทาออก - ชวนคดิ ชวนคยุ ถึงการเพ่มิ ความสุข ออกแบบกจิ กรรมดาเนินการตอ่ ของบคุ ลและชมุ ชนในอนาคต โดยใชต้ วั ชี้วดั “ความอยเู่ ย็น เป็นสขุ ” เปน็ เปา้ หมาย
แผนการจดั การประชมุ เพ่อื ประเมินความ “อยูเ่ ย็น เป็นสุข” หรอื เวลา ประเด็น /เนอ้ื หา - ทีมวิทยากร - ผเู้ ข้ารว่ มป 1. สรา้ งบรรยากาศ - กจิ กรรมเพ สร้างความรสู้ กึ ปลอดภัยในการประเมนิ ผ่อนคลาย เป็นกันเอง - เกมจับค่ขู อ เกดิ ความกล้าท่จี ะตัดสินใจ พูดและนาเสนอในสงิ่ ท่ีตนคดิ ต้องการ วิธีกรออกคา และรูส้ ึก คน โดยใช้สิง่ - แนะนาทาความรจู้ ัก สรา้ งบรรยากาศของความเป็นกันเอง กนั ได้แล้ว ระหวา่ งทีมวทิ ยากรกระบวนการกับชาวบ้านท่เี ขา้ ร่วมประชมุ -วิทยากรให้ต - กจิ กรรมสรา้ งความคุน้ เคย เพอ่ื สรา้ งการคิดวเิ คราะห์ ฝกึ การใช้ มคี วามสัมพัน เหตุผลและการใหค้ ะแนน เป็นการเตรยี มพร้อมในการประเมนิ -วิทยากรใหค้ ตอ่ ไปเช่น เกมจบั คู่ของ คะแนนเต็ม -หลงั จากน้ัน คน เปน็ 6 ค สิ่งของ และฝ -วทิ ยากรสรุป เรากาหนดด การตัดสินใจ เชน่ เดียวกนั ใชเ้ ปน็ เกณฑ 2. ช้ีแจงวัตถปุ ระสงค์ การพฒั นาห วัตถปุ ระสงคข์ องการประเมนิ เพ่ือ ไปสูเ่ ปา้ หมา - ต้องการทราบความรู้สึกของคนในชุมชน ความร้สู กึ เปน็ สุข ซงึ่ เป็น ประชาชน ค ความรสู้ ึก พอใจ สบายใจ สะดวก หมดหว่ ง ไรก้ ังวล ตอ่ สถานการณ์ มีงานทา มีรา ตา่ งๆ ในชีวิตของตนเอง ครอบครัวและชุมชน มากนอ้ ยเพยี งใด มีการจดั การ
อความสุขมวลรวมของหมูบ่ า้ น/ชมุ ชน กจิ กรรม/วธิ กี าร อปุ กรณ์ รแนะตัว - ส่ิงของสาหรับแจกให้ ประชุมแนะนาตวั ผู้เข้าประชุม คนละหนึง่ พลงสรา้ งบรยากาศ ชิ้น เป็นอะไรกไ็ ด้ อง แจกส่ิงของให้ผู้เขา้ รว่ มประชมุ คนละหน่งึ ช้ิน ขนาดไม่ใหญ่นัก าส่งั ให้ผู้เขา้ ประชมุ รวมกนั โดยใชเ้ วลาจากัด เรม่ิ จากรวมกนั 2 งของท่ีถืออยเู่ ขา้ กนั ไดเ้ ปน็ ของที่เขา้ คู่กนั เชื่อมโยงกันได้ เมื่อจับคู่ ต้ังช่ือสิ่งของท่กี ลมุ่ รวมกันได้ อธบิ ายถงึ เหตุผลท่ีสงิ่ ของ 2 ส่งิ น้นั นธ์กันอยา่ งไรจงึ รวมกันได้ คู่อื่นๆ ให้คะแนน จากการให้เหตุผลว่าความเหมาะสมเพยี งใด 5 ควรจะได้เทา่ ไหร่ นอาจดาเนินการอกี โดยให้เพ่ิมสมาชกิ กลุม่ มากขึ้น เช่น เปน็ 4 คน ตามลาดับ เพอื่ ฝกึ ใหก้ ล้าคิดและพูดถงึ เหตุผลท่เี หมาะสมกับ ฝกึ การให้คะแนนจากเหตผุ ลและความเป็นไปไดจ้ รงิ ป การเรียนรวู้ า่ สิ่งของที่รวมกันไดเ้ กิดเป็นของอยา่ งใหม่ เพราะ ด้วยเหตผุ ลความรู้ ดงั นัน้ กจิ กรรมใดที่ได้กระทาขน้ึ ลว้ นมาจาก จ และการตัดสินใจทกุ ครัง้ ต้องมาจากเหตุผล การประเมินผลก็ วา่ เหมาะสมหรอื ไม่ก็ต้องดูจากเหตุที่มาและผลที่เปน็ จริง ฑ์ การตัดสินใจ หมู่บา้ น ชมุ ชน ไดด้ าเนนิ กจิ กรรมต่างๆ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง าย ทเี่ ลือกไวใ้ นระยะเวลาท่กี าหนด ผลการพฒั นาเกดิ ขนึ้ แก่ ครอบครวั และชุมชนโดยส่วนรวม ในเชงิ ปริมาณ คือ มถี นน มบี ้าน ายได้ไม่ยากจน ไม่มียาเสพติด ไม่เปน็ หนี้นอกระบบ มีสวสั ดิการชมุ ชน รและอนุรักษท์ รัพยากรและส่ิงแวดล้อมหรอื ไม่มคี นเกเรทาผิด
เวลา ประเดน็ /เน้ือหา หลังจากทีไ่ ด้มกี ารจดั กิจกรรมการพัฒนาตา่ งๆ ในช่วงเวลที่ผ่านมา กฏหมายไมม่ - การประเมินเปน็ การกระทาโดยชมุ ชนเพ่ือผลต่อชมุ ชนโดยตรง หมู่บา้ นแต่เป ไมเ่ ก่ยี วข้องกับการประกวด ไม่แข่งขนั กบั ใคร ทาแลว้ รู้ตวั เองว่าเป็น และรวมถึงต อย่างไร การประ - การประเมินใหท้ ราบผลท่ีเปน็ การสะท้อนเปา้ หมายสดุ ทา้ ยของการ สขุ ไดห้ รอื ไม่ พฒั นาและพจิ ารณาเช่อื มโยยงอ้ นไปถงึ วธิ ีการตา่ งๆ ทส่ี ง่ ผลต่อการ บรรลุเป้าหมายความอยเู่ ยน็ เปน็ สขุ ด้วย - วทิ ยากรชีแ้ - ตอบคาถาม - ทาความเขา้ ใจกาหนดนิยามความหมายของความสุขตามทช่ี มุ ชน - วทิ ยากรถา เข้าใจ “ความหมาย ความสุขคือ ความสมดลุ ของความรู้สึก ของประชาชน - วทิ ยากรนา ท่ีได้ทาในสิ่งที่ต้องการ หรือไม่ทาอะไรท่ีไม่ต้องการ รวมทั้งการ * กลุ่มของสา ได้รับในส่ิงที่ต้องการและไม่ถกู บงั คับใหร้ ับส่ิงท่ีไม่ต้องการ สุขภาพดี มีไ ทาใหเ้ กดิ รู้สึกพงึ พอใจ สบายกายสบายใจ สะดวก ไม่มีหว่ ง * กลมุ่ วิธีการ ไม่กงั วล เปน็ สภาพปกติของแต่ละคน ซึ่งถอื เปน็ ความรู้สกึ ทเี่ ป็น ด้วยกัน “ความสขุ ” ในขณะท่ีอาการตรงข้ามจะถือว่า เป็น “ความทกุ ข”์ * กลุ่มความร ทั้งนี้เกิดจากความเข้าใจในสภาพความเปน็ จรงิ เกดิ ขน้ึ เปน็ วทิ ยากร ส ความสขุ จากภายใน “จติ ทีเ่ ป็นกลาง” การประเมินความสุข จึงเป็น ความรสู้ ึกมา การนาสถานการณท์ เ่ี ปน็ สาเหตใุ หเ้ กดิ ความสุขของประชาชนใน ชวี ติ ประจาวนั แล้วทาใหเ้ กิดความสุขให้ขนึ้ ใน “จิตใจของ ประชาชน” การประเมนิ ระดับความ“อยเู่ ยน็ เปน็ สุข”หรือความสขุ มวลรวม ของชมุ ชน ประเมินแบบมสี ว่ นร่วม สามารถวดั ความรสู้ กึ เฉพาะ ในช่วงเวลาการประเมินวา่ ประชาชนรสู้ ึกอย่างไร มีความสุขเทา่ ไหร่ ท้ังน้ี เพราะมีเหตุการณท์ ี่เกิดข้ึนและแปลเปล่ียนไปตลอดเวลา
กจิ กรรม/วธิ กี าร อุปกรณ์ มคี วามขัดแยง้ ซ่ึงความสาเรจ็ ท่ีได้เดกขิ ึน้ มีผลต่อระดับการพฒั นา ปน็ ผล ในเชงิ ปริมาณ โดยมีตัวชว้ี ดั ควาพมอเพยี ง6 ด้าน 12 ตัวชวี้ ดั ตัวชีว้ ดั หมู่บา้ นเศรษฐกพจิ อเพยี งต้นแบบ4 ด้าน 23 ตัวชีว้ ดั ะเมินครง้ั นี้จึงเปน็ การพจิ ารณาวา่ กิจกรรมเหล่านั้นสครว้าางมร้สู ึกเป็น แจงวตั ถปุ ระสงค์การประเมิน มสรา้ งความเขา้ ใจ ามที่ประชมุ วา่ กระดาษฟลิปชารท์ ยของความสุขตามความเข้าใจของหมู่บา้ นน”ี้ ปากกาเมจิ าคาตอบท่ีได้จากที่ประชมุ มาจัดกลุ่มเพ่ือแยกความหมาย เช่น บัตรคา าเหตุของการทาใหเ้ กดิ ความสุข เช่น ครอบครวั อบอนุ่ คนรกั กัน กระดาษกาว ไฟฟา้ ถนนดี ได้ทาอย่างทตี่ อ้ งการ ฯลฯ กระดานดา รสรา้ งความสขุ เชน่ ต้องสามคั คี รว่ มใจกนั ต้องรกั กนั ทาอะไร รสู้ ึกท่ีแสดงวา่ เปน็ สุข เชน่ พอดี พอใจ ไม่มีหว่ ง ไม่กงั วล เปน็ ต้น สรปุ ความหมาย ของความสขุ โดยนาเฉพาะความหมายท่ีเปน็ าสรุป
เวลา ประเด็น /เน้อื หา 3. ตกลงวธิ กี ารประเมิน - อธบิ ายวทิ ย - ตัวชีว้ ดั ความ “อย่เู ยน็ เป็นสุข” หรอื ความสุขมวลรวมของหมบู่ า้ น หรอื ความสุข (Gross village Happiness : GVH.) เปน็ การวดั คม่าวลรวมทปี่ ระกอบด้วย ในการประเม ความรู้สึกมีความสุขรวมทกุ ตัวชี้วดั ของทกุ คนในหมู่บา้ น - การใหค้ ะแ ระดับคะแนนจะสามารถแสดงถงึ ความสุขของคนในหมู่บา้ น แผนผังใยแม - ดัชนชี ีว้ ดั ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ 22 ตัวชว้ี ดั วงกลม กาหน องค์ประกอบที่ 1 คือ การมีสุขภาวะ มี 3 ตัวชว้ี ดั ในการนี้ องค์ประกอบท2่ี คือ เศรษฐกจิ ชมุ ชนเขม้ แข็งเปน็ ธรรม3มตี ัวชีว้ ดั (ทกุ ขม์ ากท่ีส องค์ประกอบที่ 3 คือ ครอบครัวอบอนุ่ มี 3 ตัวชี้วดั 5 คะแนน องค์ประกอบที่ 4 คือ ชุมชนมีการริหารจดั การชมุ ชนดี มี 5 ตัวชีว้ ดั - วทิ ยากรบอ องค์ประกอบท่ี 5 คือ สถาพแวดล้อมดีมีระบบนเิ วศท่ีสมดุล 1) วทิ ยากรจ มี 4 ตัวชี้วดั 2) ใหท้ ่ีประช องค์ประกอบที่ 6 คือ เปน็ ชมุ ชนประชาธปิ ไตยมีธรรมาภบิ าล (ใช้เปน็ เหตุผ มี 4 ตัวชีว้ ดั ๓) ใหท้ ี่ประช - การประเมินต้องใหค้ ะแนนทกุ ตัวชว้ี ดั ด้วยเคร่ืองมือ 2 ชนิด ได้ทาแล้วหร โดยประชาชนทกุ คนมีส่วนในการใหข้ อ้ มลู และใหค้ ะแนนด้วย หมดหว่ ง ไรก้ - วทิ ยากรหา จะมีวธิ กี ารใน วธิ ที ่ี 1 ใชม้ ต ใหท้ ่ีประ ตัวชีว้ ัด โดยก ค่าคะแนนเด เมื่อฟงั เหตุผ ตัวชี้วดั น้ัน ได วธิ นี ี้ จะอภ
กจิ กรรม/วธิ ีการ อุปกรณ์ แผนผังใยแมงมมุ ยากรอธบิ ายรายละเอยี ดของตวั ช้ีวดั “อยเู่ ยน็ เปน็ สุข” ขมวลรวมของหมู่บา้ น ในเบื้องต้น เพื่อทาขอ้ ตกลงเลือกวธิ กี าร มิน แนนจะใชเ้ ครอื่ งมือในการช่วยในการบนั ทกึ ค่าคะแนน คือ มงมุม (spider diagram) มีลักษณะเปน็ กราฟเส้นในแผนผังรูป นดใหว้ งกลมแต่ละเส้นจะเปน็ เส้นบอกคะแนน ใช้ 5 เส้น สาหรับ 5 คะแนน วงในสุดเปน็ เส้นที่มี คะแนนตา่ สุด สุด) คือ 1 คะแนน วงนอกสุดคะแนนสูงสุด (สุขมากท่ีสุด) คือ อกขนั้ ตอนการประเมิน คือ จะต้งั คาถามและอธบิ ายความหมายของตัวชวี้ ดั จากน้ัน ชุมชว่ ยกนั บอกวธิ กี ารที่ทาใหต้ ัวชวี้ ดั เปน็ จรงิ วา่ มีอะไรบา้ ง ผลและเกณฑ์การประเมนิ ) ชมุ พจิ ารณาวา่ ส่ิงที่ทาใหต้ ัวชี้วัดเปน็ จรงิ ตามที่ได้บอกมานั้น รอื ยัง ทามากหรือนอ้ ย ทาแล้วรู้สึก พอใจ สบายใจ สะดวก กังวลหรือไม่ จะใหค้ ะแนนเทา่ ไหร่ ารอื ท่ีประชมุ วา่ จะต้องมีการใหค้ ะแนนเปน็ รายตัวชี้วดั นการใหค้ ะแนนหลายวธิ ี ใหท้ ่ีประชุมชว่ ยกันพจิ ารณา ติของท่ีประชมุ ะชุมช่วยกันพจิ ารณาร่วมกันและตัดสินใจใหค้ ะแนน ในแตล่ ะ การการแลกเปล่ียนเหตผุ ลกัน จนเกิดการยอมรับเป็นฉนั ทามตใิ น ดียว โดยไม่ต้องออกเสียงลงคะแนน เช่น ผลกนั แล้วทกุ คนเหน็ วา่ ควรจะได้ 4 คะแนน กถ็ ือเปน็ การยุติ ด้ 4 คะแนน ภปิ ราย แลกเปลี่ยนกันมาก จงึ ใชเ้ วลาในการพิจารณามาก
เวลา ประเด็น /เน้อื หา วธิ ที ่ี 2 การใ โดยการใช กระดาษสี 1 ชดุ ๆ ละ 5 แ เมอ่ื เวลา ทมี งานวทิ ยา - วทิ ยากรหา วธิ นี ้ี ยกปา้ ที่ต้องยกมือ ไม่มีการยกม กระดาษบตั ร วธิ ที ี่ 3 การใ ทาได้ 2 แบบ แบบที่ 1. ให เปน็ เคร่ืองหม diagram) ท - วทิ ยากรต้ัง ละตวั ชี้วัด ซ ด้วยตนเอง บ -วทิ ยากรหาค แบบนี้ ต้องเด ผดิ พลาดไมต่ อย่างใกล้ชิด (1 ช้นี สาหรับ แบบที่ 2 ให - วิทยากรทา เปน็ ที่เขา้ ใจต
กจิ กรรม/วธิ ีการ อุปกรณ์ ใชป้ า้ ยบตั รกระดาษแทนค่าคะแนน ช้กระดาษสแี ผน่ เลก็ ขนาดพอมองเห็นชดั เจนเขยี นเปน็ เลขบน 1 บตั ร 1 สีต่อ 1 ระดับคะแนน (เตรียมใหผ้ ู้เข้าประชุม คนละ 1 แผ่น) าให้คะแนนใหย้ กแผ่นคะแนนที่ตนเองตอ้ งการข้นึ พร้อมกนั ากรช่วยกนั นับวา่ แตล่ ะขอ้ มีผูใ้ ห้คะแนนใด จานวนเท่าไหร่ าค่าคะแนนเฉล่ีย กาหนดจดุ ลากเส้นกราฟ แสดงคะแนน ายคะแนนครงั้ เดยี วในแตล่ ะตวั ชวี้ ัด ไม่เสยี เวลาเหมือนการยกมอื 1 ข้อ 5 ครั้ง และมีความเปน็ อิสระในการออกเสียง มือตามกันเพราะใชเ้ วลาในการ ตัดสินใจพร้อมกัน แตต่ ้องเตรียม รคะแนนให้เท่ากับจานวนผเู้ ข้าประชุม ใชส้ ติกเกอร์หรอื เข็มหมุดปกั บนแผน่ ชาร์ทเพ่ือใหค้ ะแนน บ คือ หผ้ ู้เข้าประชุมใช้สติกเกอร์ หรือเขม็ หมุดที่มีหวั โตๆ มายการลงคะแนน โดยติดลงบนแผน่ แผนผงั ใยแมงมุม (Spider ทแี่ สดงรวมทุกตัวชว้ี ดั งคาถามตัวชวี้ ดั ที่ประชุมพจิ ารณาเกณฑแ์ ละลงคะแนนทาไปครัง้ ซง่ึ ผเู้ ขา้ รว่ มประชมุ ตอ้ งออกมาติดสติกเกอร์ หรือปกั หมุดใหค้ ะแนน บนจดุ คะแนนท่ีต้องการในแตล่ ะตัวชี้วดั ค่าคะแนนเฉลี่ย กาหนดจดุ ลากเส้นกราฟ แสดงคะแนน ดินหลายรอบและต้องไปรอต่อควิ เพื่อให้คะแนน ซง่ึ อาจจะตดิ ตรงกบั ช่องให้คะแนนท่ถี ูกต้อง วิทยากรต้องกากบั และแนะนา ด และต้องเตรยี มสติกเกอร์ชิน้ เล็กๆ แกะออกง่ายๆ คนละ 22 ช้นิ บ 1 ข้อ) หผ้ ู้เขา้ ประชุมใช้สติกเกอร์ หรอื เขม็ หมุดที่มีหวั โตๆ าความเขา้ ใจความหมายของตัวช้วี ดั ตกลงเกณฑ์การพจิ ารณา ตรงกนั แล้วทกุ ตัวช้ีวดั
เวลา ประเดน็ /เน้อื หา ใหแ้ บง่ กล ละเท่าๆ กนั ใหก้ าหนด เหมาะสมกบั ชว่ ยเหลือทา เมื่อหมด อ่นื ๆ ตอ่ ไป ท วทิ ยากรหาค เมื่อลงคะ คะแนนเฉล่ีย แมงมมุ (Spi องคป์ ระกอบ ทีมวิทยาก รวม 22ตัวช สาหรบั ใชใ้ น วธิ ที ี่ 4 ใชก้ า โดยวทิ ยากร ตามท่ีต้องกา แล้วนามาหา วธิ นี ง้ี ่าย ใชว้ ควบคมุ กากบั ตวั ชวี้ ดั 4. ดาเนินการประเมิน - วิทยากรสร “ความอยู่เย็น เป็นสขุ ” หมายถงึ “สภาวะทคี่ นมี ลงกนั แล้ว ต ชมุ ชนของพว คณุ ภาพชีวิตทด่ี ี ดารงชีวติ อย่างมีดลุ ยภาพทง้ั จติ กาย ปญั ญา - วิทยากร อ ทีเ่ ช่อื มโยงกบั เศรษฐกิจ สังคม และสง่ิ แวดล้อมอย่างเป็นองค์รวม
กิจกรรม/วิธีการ อปุ กรณ์ ล่มุ ออก เปน็ 6 กลุ่มตามองคป์ ระกอบของตัวชีว้ ัด จานวนคนกลุม่ เขา้ ประจากลุ่มเพอื่ ใหค้ ะแนนทกุ ตัวชว้ี ดั ในแตล่ ะองคป์ ระกอบ ดเวลาในแต่ละกลุ่มสาหรับการลงคะแนนทกุ ตัวชวี้ ดั ตามความ บกล่มุ คน เช่น เปน็ 5 นาทตี อ่ ครัง้ โดยมที ีมวิทยากรประจากลุ่ม าความเข้าใจเพม่ิ เติม เวลาจึงเคลื่อนย้ายไปพร้อมกนั เพื่อลงคะแนนในองคป์ ระกอบ ทุกคนตอ้ งได้ลงคะแนนครบทกุ องค์ประกอบ ทุกตัวช้วี ดั ค่าคะแนนเฉลี่ยกาหนดจดุ ลากเส้นกราฟ แสดงคะแนน ะแนนเสร็จทกุ กลมุ่ จึงนาคะแนนจากทกุ ตัวชี้วดั หาค่า ยจากทกุ กลุ่ม ทกุ องคป์ ระกอบมารวมเปน็ หนึง่ เดียวในแผนผังใย ider diagram) รวม ซ่ึงจะทาใหเ้ ห็นเสน้ กราฟรวมของทกุ บ กรต้องเตรียมแผน่ แผนผังใยแมงมุม(Spider diagram) ตัวชว้ี ดั ชวี้ ดั 1 แผ่น และเฉพาะแต่ละองค์ประกอบ 6 แผ่น นแต่ละกลุ่ม ารยกมือ รถามคาถามตัวช้ีวดั ท่ีประชมุ บอกเกณฑ์ ที่ประชมุ ยกมือให้คะแนน าร โดยยกตามคะแนนที่ต้องการ ต้ังแต่ 1 – 5 าค่าคะแนนเฉล่ีย ได้เปน็ ค่าคะแนนของแต่ละข้อ วัสดุอุปกรณ์นอ้ ย แตม่ ผี ลเสยี คือมกั จะให้คะแนนตามกนั หรือถูก บจากผ้หู นึง่ ผใู้ ดได้ และใชเ้ วลามากต้องยกมือถึง 5 ครั้งในหนึง่ รปุ ผลการข้อตกลงในการเลือกใช้วิธกี ารให้คะแนนประเมนิ ท่ีได้ตก แผนผังใยแมงมุม ต่อไปจะเรมิ่ การประเมนิ ความสขุ เพ่ือทราบระดบั ความสขุ ของ ปากกาเมจิ วกเรา กระดาษกาว อธิบายความหมายขององคป์ ระกอบตัวชีว้ ัด ท่ี 1 และตอบข้อ ฟลิปชาร์ท
เวลา ประเดน็ /เนอื้ หา และสมั พันธก์ นั ไดถ้ ูกตอ้ งดงี าม นาไปสกู่ ารอยรู่ ่วมกนั อยา่ งสันติ ซักถาม (ถ้าม ระหวา่ งคนกบั คน และระหวา่ งคนกับธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม” - วทิ ยากรตง้ั จากความหมาย “ความอยู่เย็น เป็นสุข” สามารถ การสรา้ งสุขภ กาหนดองคป์ ระกอบทเ่ี ปน็ ปจั จัยพ้ืนฐานรว่ ม ในการสร้างความสุข “ทา่ นมีอะไร ของมนษุ ย์ได้ 6 องค์ประกอบ ไดแ้ ก่ 1) การมีสุขภาวะ 2) เศรษฐกจิ กิจกรรมอะไ ชมุ ชนเขม้ แข็งเปน็ ธรรม3) ครอบครัวอบอนุ่ 4) การบรหิ ารจัดการ - วทิ ยากรให ชมุ ชนดี 5) การมสี ภาพแวดลอ้ มดีมรี ะบบนเิ วศทส่ี มดุล เช่น - ไ องคป์ ระกอบท่ี 1. การมสี ขุ ภาวะ - จัดเวทกี า หมายความถงึ การดารงชีพของบุคคลอย่างมสี ุขกาย - รบั ประท ดาเนนิ ชวี ิตโดยใชค้ วามรู้ในการรกั ษาร่างกายใหแ้ ขง็ แรงไม่เจ็บปว่ ย - มกี จิ กรรม มีอายยุ นื ยาว มีสขุ ภาพจิตใจที่ดี ยึดมน่ั ในคณุ ธรรมจรยิ ธรรม “คิด บนั ทกึ ลงในก เป็น ทาเป็น” มคี วามเป็นเหตุเป็นผล มที ักษะในการใชช้ ีวติ อยา่ งมี (และเก็บไวใ้ คณุ คา่ อยใู่ นสงั คมได้อย่างปกติสขุ สรา้ งสรรคป์ ระโยชนแ์ ก่ตนเอง - วทิ ยากรต้ัง ครอบครวั และสงั คมไดอ้ ยา่ งเตม็ ศกั ยภาพ ปจั จุบนั น้ีทา่ 1.1 บุคคล มีความรูใ้ นการสร้างและรกั ษาสุขภาพร่างกายให้ อยหู่ รือไม”่ ใ แข็งแรง ไมเ่ จ็บป่วย อายุยืนนาน มากที่สุด ให หมายถงึ ประชาชนในหมู่บา้ นมีความรู้เขา้ ใจและปฏบิ ตั ิตามหลัก ความรสู้ ึกไม โภชนาการ ไม่เปน็ โรคท้ังตดิ ต่อและไม่ติดตอ่ มหี ลักประกันสุขภาพ (โดยใชว้ ธิ กี า มีโอกาสได้รับการรักษาจากแพทย์ พยาบาล อยา่ งสะดวก - วทิ ยากรนา 1.2 บคุ คล มสี ุขภาพจติ ทด่ี ี ยึดมัน่ ในคณุ ธรรม จริยธรรม ถือวา่ ทการป เช่อื มั่นในปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง - วทิ ยากรตั้ง หมายถงึ ประชาชนในหม่บู ้านมีหลักยดึ เหน่ียวในใจ ทง้ั เช่นเดียวกบั ท หลักศาสนาปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ประเพณี วัฒนธรรมและ (การตั้งคาถา กติกาของหมบู่ า้ นเมือ่ เกิดปัญหาสามารถแก้ไขใหส้ าเร็จลุลว่ งไป ไม่ วทิ ยากรสาม เป็นโรควิตกกังวล ไมเ่ ปน็ โรคซมึ เศรา้ ไม่เป็นโรคจิต ไมฆ่ า่ ตวั ตาย ซ่ึงอาจใชภ้ าษ 1.3 บุคคล มที ักษะในการใชช้ ีวติ อยา่ งมีคุณคา่ อยู่ในสังคมได้ 1.2 “ทา่ นมีห อยา่ งปกตสิ ุข สร้างสรรคป์ ระโยชนแ์ ก่ตนเอง ครอบครัวและ เช่ือม่นั ในปร ชุมชนไดอ้ ยา่ งเต็มศักยภาพ “มีวธิ กี ารอะ
กจิ กรรม/วิธีการ อุปกรณ์ มี) บตั รคา งคาถาม คร้ังละ 1 ตัวชว้ี ดั เชน่ ตัวช้ีวดั ท่ี 1.1 “ท่านมีความรู้เพื่อ เข็มหมุด ภาพร่างกายใหแ้ ขง็ แรง ใชห่ รอื ไม่ ?” ถา้ ใช้ สติกเกอร์ รที่จะยนื ยนั วา่ ทา่ นมีความรใู้ นเรอื่ งนจ้ี ริงและชมุ ชนมี บตั รลงคะแนน ไรบา้ งที่ทาใหม้ ีความร”ู้ กระดานดา หท้ ่ีประชุมใหเ้ หตุผลและบอกวธิ กี ารทาใหต้ ัวชวี้ ดั เปน็ จรงิ ปรอทวดั ความสุข ได้รบั ความรู้ และการดแู ลสขุ ภาพจาก อสม.ทกุ เดอื น ารเรยี นร้เู รอ่ื งการรกั ษาสุขภาพในชมุ ชน เป็นประจา ทานอาหารไร้สารพษิ จากการปลกู พืช ผกั ไว้กินเอง มออกกาลังกายทกุ วนั ทกุ คน เป็นต้น กระดาษฟลิปชารท์ หรือบตั รคาเพอ่ื ใชเ้ ปน็ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ใช้เปน็ กจิ กรรมทาแผนพฒั นาต่อ) งคาถามใหท้ ี่ประชุมวา่ “ถา้ สิ่งท่ีแสดงวา่ ทา่ นมีความร้ทู ้ังหมดน้ี านได้ปฏบิ ตั ิแล้ว ทา่ นรู้สึกสบายใจ พอใจ หรอื ว่ายังเปน็ หว่ งกงั วล ใหท้ า่ นใหค้ ะแนน โดยพจิ ารณาวา่ ถา้ รู้สึกพอใจ สบายใจ สะดวก หค้ ะแนน 5 คะแนน และคะแนนลดลง ตามลาดับ จนถึงมี ม่พอใจ เปน็ หว่ งกังวลมากท่ีสุด ใหค้ ะแนน 1 คะแนน ารใหค้ ะแนนตามท่ีได้ตกลงกนั ไว)้ าคะแนนที่ได้มาทาเครื่องหมายบนแผนผังใยแมงมุม ประเมินเสร็จหนึ่งตัวชี้วดั งคาถามต่อที่ประชมุ และดาเนินการประเมินในตัวชวี้ ดั ต่อไป ท่ีผ่านมา ามใหท้ าความเข้าใจในความหมายของตัวช้ีวดั มารถตั้งคาถามได้เองใหม้ ีความหมายตามท่ีต้องการ ษาถ่ินกไ็ ด)้ ตัวอยา่ ง คาถามอ่นื ๆ เช่น หลักยดึ เหน่ียวท่ีจะทาใหท้ า่ นมสี ขุ ภาพจิตท่ดี ี โดยเฉพาะมีความ รัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงใชห่ รือไม”่ ะไรเปน็ ส่ิงยนื ยนั วา่ เปน็ จรงิ ”
เวลา ประเด็น /เนือ้ หา หมายถงึ ประชาชนในชุมชน มีเปา้ หมายในชวี ติ เชื่อมั่น 1.3 “ทา่ นมคี ในความรูค้ วามสามารถของตน ไดร้ บั การยอมรบั จากคนรอบขา้ ง และหมู่บา้ น ใชค้ วาม สามารถในการปรับตัวเพอ่ื การเผชญิ สถานการณ์ต่างๆ ที่ “มีวธิ กี ารอะ เกดิ ข้ึนในชีวติ ประจาวันได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ เช่น การคิดวเิ คราะห์ 2.1 “ครอบค อยา่ งมเี หตผุ ล การตัดสนิ ใจ “คิดเปน็ ทาเปน็ ” ความคิดสรา้ งสรรค์ เพยี งพอใช่ห การประมาณตนและการควบคมุ สถานการณ์ การส่อื สาร ต่อรอง 2.2 “ในหมู่บ ปฏเิ สธและโน้มนา้ วจิตใจ การปรับตัว (ทกั ษะคือความเชยี่ วชาญ เป็นธรรมท่ัว ชานาญในเรอื่ งใดเรื่องหนึ่ง ซงึ่ บคุ คลสามารถสร้างข้นึ จากการเรยี นรู้) 2.3 “ชุมชนข องค์ประกอบที่ 2. เศรษฐกจิ ชุมชนเขม้ แขง็ เป็นธรรม ผลิตและพัฒ หมายความถึง การกระทาใด ๆ อนั กอ่ ใหเ้ กดิ การผลิต การ สนบั สุนนกจิ จาหน่ายและการบริโภค ใหเ้ กดิ รายได้ท่เี พียงพอ เกดิ จากการมงี าน เปน็ สิ่งยนื ยนั สุจริต มคี วามมั่นคงและความปลอดภัยในการทางาน มีรายไดท้ ี่ 3.1 “ครอบค เปน็ ธรรมตอ่ เนอ่ื ง มกี ารรวมตัวเปน็ กลมุ่ เพ่ือช่วยเหลือ แบง่ ปนั หน้าทขี่ องแต กนั เพอื่ ให้เกิดการกระจายรายไดอ้ ยา่ งเป็นธรรม และเกิดความ “มีวธิ กี ารอะ ย่งั ยืน 3.2 “ครอบค 2.1 ครอบครัว มคี วามมัน่ คงในอาชพี มรี ายไดท้ เ่ี พียงพอเกดิ จาก คณุ ภาพในวิถ การมสี มั มาชพี สิ่งยืนยนั วา่ เป หมายถึง ประชาชน มีงานท่มี นั่ คงทา มีรายไดท้ ่ีเป็น 3.3 “ครอบค ธรรมต่อเนือ่ ง โดยใช้ความรู้ ความสามารถ อยา่ งถกู กฎหมาย ใน อย่างมคี วาม การทางานสร้างรายได้ ด้วยทรัพยากรท่ีมอี ยา่ งสมประโยชน์ ไม่วา่ 4.1 “ประชา จะเป็นงานในครัวเรือนตนเองหรอื ในสถานประกอบการ จดั การ ระหวา่ งกัน ร หน้ีสนิ ไดไ้ มเ่ ปน็ ภาระ หรอื ไม”่ และ 2.2 ชมุ ชน มกี ารกระจายรายไดใ้ นกลุ่มตา่ งๆ ในชมุ ชนอย่างเป็น 4.2 “ในหมู่บ ธรรม ยกระดบั คณุ หมายถึงชุมชนสามารถจดั กิจกรรมสร้างรายได้ วา่ เปน็ จริง” กระจายไปส่ปู ระชาชน ครอบครัว กลุม่ องคก์ ร ไดอ้ ยา่ งทัว่ ถึงท้ัง 4.3 “ชุมชนข หม่บู า้ น ทางานภายใน 2.3 ชุมชน มีกจิ กรรมสรา้ งความมนั่ คงเศรษฐกจิ ฐานราก มแี ละ วา่ เปน็ จริง”
กจิ กรรม/วิธีการ อปุ กรณ์ ความสามารถในการใช้ชีวติ ทาประโยชนใ์ หค้ รอบครวั ทา่ นรู้สึกว่าตัวเองมีคณุ ค่าใชห่ รอื ไม”่ และ ะไรเปน็ สิ่งยืนยันวา่ เปน็ จริง” ครัวของทา่ น มีอาชพี มีงานถูกกฏหมายทาอย่างมัน่ คง มรี ายได้ หรอื ไม”่ และ “มีวธิ กี ารอะไรเปน็ สิ่งยืนยนั วา่ เปน็ จริง” บา้ นของทา่ น มกี ารกระจายรายไดใ้ หก้ ลมุ่ ต่างๆ ในชมุ ชนอย่าง วถงึ หรือไม”่ และ “มีวธิ กี ารอะไรเปน็ ส่ิงยืนยนั วา่ เปน็ จรงิ ” ของทา่ น มีกิจกรรมสร้างอาชพี เพื่อความมั่นคงเศรษฐกิจ มีการ ฒนาผลิตภัณฑช์ ุมชนต่อเน่ือง มกี องทนุ การเงินหรื สถาบนั การเงนิ จกรรมสรา้ งอาชพี ของคนในชมุ ชนหรือไม”่ และ “มีวธิ กี ารอะไร นวา่ เปน็ จริง” ครวั ของทา่ น มีความรกั ผูกพนั ท่ดี ตี ่อกนั สามารถปฏิบัตบิ ทบาท ต่ละคนในครอบครัวได้อย่างเหมาะสมหรือไม”่ และ ะไรเปน็ ส่ิงยืนยนั วา่ เปน็ จริง” ครวั ของทา่ น มีการอบรมเลีย้ งดสู มาชกิ วัยเยาวใ์ หเ้ ตบิ โตอย่างมี ถีชวี ิตของความเปน็ ไทยหรือไม”่ และ “มีวธิ กี ารอะไรเปน็ ปน็ จริง” ครวั และหมู่บา้ นของทา่ น เลย้ี งดผู ู้สงู อายใุ หส้ ามารถดารงชวี ติ ได้ มสุขหรอื ไม่” และ “มีวธิ กี ารอะไรเปน็ สิ่งยนื ยนั วา่ เปน็ จริง” าชนและกลุม่ องคก์ รต่างๆ ในหมู่บา้ นของทา่ น มคี วามสัมพันธ์ท่ดี ี รว่ มมอื เก้ือกลู ชว่ ยเหลือกันทางานและอยูร่ ว่ มกันอย่างสงบสุข ะ “มีวธิ กี ารอะไรเปน็ ส่ิงยนื ยนั วา่ เปน็ จรงิ ” บา้ นของทา่ น มีการบรหิ ารจัดการท่ีดี มีและใช้แผนชุมชนในการ ณภาพชวี ติ ชมุ ชนหรือไม”่ และ “มีวธิ กี ารอะไรเปน็ สิ่งยนื ยัน ของทา่ น รว่ มกับภาคกี ารพฒั นาท่ีมบี ทบาทเกอ้ื หนุนกัน สรา้ งการ นชุมชนใช่หรอื ไม”่ และ “มีวธิ กี ารอะไรเปน็ ส่ิงยืนยัน
เวลา ประเดน็ /เนอ้ื หา พัฒนาผลติ ภณั ฑช์ มุ ชนตอ่ เนอ่ื ง มีสถาบนั การเงนิ 4.4 “หมบู่ ้าน หมายถึง ชมุ ชนมกี ิจกรรมการสร้างเศรษฐกิจของชมุ ชน อย่างตอ่ เน่อื ใหเ้ ข้มแข็ง ด้วยกระบวนการกลมุ่ การพฒั นาอาชพี เพิม่ พูนทกั ษะ 4.5 “หมู่บา้ น ฝมี อื พัฒนาผลิตภณั ฑ์ใหม้ มี ลู คา่ เพม่ิ มีสถาบันการจัดการเงินทนุ วฒั นธรรมแล ชมุ ชน มีกองทุนสวสั ดกิ ารชุมชน ท่ีให้บรกิ ารสมาชกิ ตามความ เอกลักษณ์คว ต้องการได้ อย่างทว่ั ถงึ สามารถจดั การสร้างกจิ กรรมแก้ปัญหาหน้ี เปน็ จรงิ ” นอกระบบได้ 5.1 “ทา่ นแ องค์ประกอบท่ี 3. ครอบครวั อบอนุ่ “มีวธิ กี ารอะ 5.2 “หมู่บา้ น หมายถึง ครอบครัวทสี่ มาชิกมีความรกั ความผกู พันต่อ สะดวกเพอ่ื ก “มีวธิ กี ารอะ กัน ม่งุ ม่นั ทจี่ ะการดาเนินชวี ติ ร่วมกนั อยา่ งมีจุดหมาย สามารถ 5.3 “ในหมู่บ “มีวธิ กี ารอะ ปฏิบัตบิ ทบาทหนา้ ทีไ่ ด้อยา่ งเหมาะสม มกี ารอบรมเล้ียงดสู มาชกิ วยั 5.4 “ในหม สภาพแวดล้อ เยาวใ์ ห้เติบโตอยา่ งมคี ุณภาพในวถิ ีชีวติ ของความเป็นไทย เลีย้ งดู คณุ ภาพชีวติ 6.1 “ทา่ นได ผสู้ ูงอายใุ หส้ ามารถดารงชวี ิตได้อย่างมคี วามสุข และรกั ษา ยอมรับและเ “มีวธิ กี ารอะ สัมพนั ธภาพท่ีดีต่อกนั เพอ่ื ใหส้ ามารถดารงความเป็นครอบครวั ได้ 6.2 “ทา่ นปฏ การใช้สทิ ธิ์เล อย่างมคี ณุ ภาพที่ย่ังยนื 6.3 “ในหมู่บ โปร่งใส ใช้ท 3.1 ครอบครวั รกั ษาสัมพนั ธภาพทดี่ ตี ่อกัน สามารถปฏบิ ัติ “มีวธิ กี ารอะ 6.4 “ในหมู่บ บทบาทหน้าที่ได้อยา่ งเหมาะสม เพือ่ ใหส้ ามารถดารงความเป็น สรา้ งความส “มีวธิ กี ารอะ ครอบครวั และชุมชนไดอ้ ยา่ งมคี ณุ ภาพทยี่ งั่ ยนื หมายถงึ ประชาชนทาหนา้ ท่ใี นการสรา้ งครอบครัว โดยมเี ป้าหมาย และทากิจกรรมตา่ งๆ มีความรับผดิ ชอบรว่ มกันใน ดา้ นต่างๆ เช่น ดแู ล เลยี้ งดบู ุตร สง่ เสรมิ การศกึ ษา สขุ ภาพ ธรรม เนียมประเพณีไทย ดูแลผ้สู งู อายุ และช่วยเหลือญาตพิ นี่ ้อง ด้านการ งาน ดว้ ยความผกู พนั เออื้ อาทรต่อกนั รว่ มกันแก้ปัญหาของ ครอบครวั ด้วยความรัก และการแสดงบทบาทหน้าที่ในครอบครวั อย่างสมบูรณ์ เชน่ พอ่ แม่ ประกอบอาชีพสุจรติ กระทาตนเป็น ตวั อยา่ งแก่บุตร ดแู ลทกุ ขส์ ขุ ให้ความอบอุน่ เล้ียงดูอบรมส่ังสอน บุตรมหี น้าทช่ี ่วยเหลือ ดูแล บารงุ พอ่ แม่ ปยู่ า่ ตายาย เคารพเชอ่ื ฟัง เป็นต้น สามี ภรรยา มคี วามสนใจในแนวทางเดยี วกนั จิตใจ
กิจกรรม/วิธกี าร อุปกรณ์ นของท่าน มรี ะบบการสือ่ สารและกระบวนการเรียนร้ใู นชมุ ชน องหรือไม่” และ “มีวธิ กี ารอะไรเปน็ สิ่งยนื ยันวา่ เปน็ จรงิ ” นของทา่ นมีกิจกรรมที่ทาใหร้ กั ษาไวซ้ ่งึ คณุ คา่ ของประเพณี ละภมู ิปญั ญาทเี่ ปน็ เอกลกั ษณ์ของแต่ละชุมชนทอ้ งถิน่ และ วามเปน็ ไทยใช่หมือไม”่ และ “มีวธิ กี ารอะไรเปน็ สิ่งยนื ยนั วา่ และ ครอบครัว ของทา่ น มีที่อยอู่ าศัยทมี่ ่นั คง ใช่หรอื ไม่ ”และ ะไรเปน็ ส่ิงยืนยนั วา่ เปน็ จริง” นของทา่ น จัดสภาพแวดลอ้ ม สวยงาม เปน็ ระเบยี บ สรา้ งความ การดารงชวี ิตใหม้ คี วามปลอดภยั ในชีวติ และทรพั ย์สนิ หรอื ไม่”และ ะไรเปน็ ส่ิงยนื ยันวา่ เปน็ จริง” บา้ นของทา่ น มบี ริการสาธารณปู โภคท่พี อเพียง ใชห่ รอื ไม่” และ ะไรเปน็ สิ่งยนื ยนั วา่ เปน็ จรงิ ” มู่บา้ นของทา่ น มีทรัพยากรธรรมชาติทอี่ ดุ มสมบูรณ์และ อมที่มคี ุณภาพเพ่อื สรา้ งสมดุลให้กับระบบนิเวศ และยกระดบั ตท่ีดีของคน” และ “มีวธิ กี ารอะไรเปน็ สิ่งยนื ยันวา่ เปน็ จริง” ด้รับความเคารพ ได้รบั การยอมรับ มีสิทธเิ สรีภาพขณะ เดียวกนั ก็ เคารพในศักดิศ์ รีความเปน็ คนที่เทา่ เทยี มกนั ใชห่ รือไม่ ” และ ะไรเปน็ ส่ิงยืนยันวา่ เปน็ จริง” ฏบิ ัตติ ามสทิ ธิ หน้าท่ี กตกิ าประชาธปิ ไตย ไม่ซ้อื สทิ ธ์ิ ขายเสยี งใน ลอื กตั้งใช่หรือไม่” และ “มีวธิ กี ารอะไรเปน็ ส่ิงยืนยันวา่ เปน็ จริง” บา้ นของทา่ น มีระบบการบรหิ ารจัดการท่ียึด กฏหมาย มี ความ ทรพั ยากร คมุ้ คา่ มีความเป็นธรรม และรบั ผดิ ชอบใชห่ รอื ไม่”และ ะไรเปน็ สิ่งยนื ยนั วา่ เปน็ จริง” บา้ นของทา่ น เม่ือมีปญั หาความขดั แย้ง มวี ธิ ีแกป้ ญั หาความขัดแย้ง ันตสิ ุข สมานฉนั ท์ ได้ โดยชมุ ชน เองหรอื ไม่ ”และ ะไรเปน็ สิ่งยืนยันวา่ เปน็ จริง”
เวลา ประเดน็ /เน้อื หา หนกั แน่น ปรับตวั เขา้ หากนั เสยี สละ ใจกว้าง รูเ้ หตผุ ล ไม่ขัดแยง้ - วทิ ยากร โดยไมม่ เี หตผุ ล และไม่ยึดเหตุผลของตนฝา่ ยเดียว เอาใจใส่และ ตัวเลขค่าคะ หว่ งใยพร้อมรว่ มสขุ รว่ มทกุ ข์ ยกยอ่ ง ไม่ดหู ม่ิน ไมน่ อกใจ ชว่ ยเหลือซึ่งกนั และกัน 3.2 ครอบครวั มกี ารอบรมเล้ยี งดูสมาชิกวยั เยาว์ให้เตบิ โตอยา่ งมี คณุ ภาพในวิถีชวี ิตของความเป็นไทย หมายถึง ครอบครัวมีวธิ กี ารอบรมบุตร หลาน โดย อธบิ ายให้เชอ่ื ในการทาดใี ห้หลักยดึ เหนีย่ วจติ ใจ ใหค้ วามเอือ้ เฝื้อ โอบอ้อมอารี สรา้ งสรรคป์ ระโยชนต์ ่อสงั คม โน้มน้าวใหป้ ระพฤติดี งาม รู้จกั เลีย้ งชีพ มีวนิ ัย มกี รยิ ามารยาทดงี าม ปลกู ฝงั เจตคตทิ ่ดี ตี อ่ การศกึ ษา เพือ่ ปรับปรงุ ชวี ติ ใหม้ ีหลกั ฐานม่ันคง - วิทยากรสร 3.3 ครอบครวั ชุมชน เล้ียงดูผสู้ งู อายุให้สามารถดารงชวี ิตได้ - วทิ ยากรให อยา่ งมคี วามสุข ถา้ คะแนนเต หมายถึง กิจกรรมทคี่ รอบครวั และชุมชนจดั ข้ึนและ เปน็ กี่คะแนน ดาเนนิ การเพอ่ื ดแู ล ส่งเสรมิ ผสู้ งู อายุ ในครอบครวั และชมุ ชน ใน ใหท้ ่ีประชุมต ดา้ นจติ ใจ สขุ ภาพ เศรษฐกจิ รวมทัง้ การสบื ทอดภูมปิ ัญญา เพ่ือให้ เม่ือตกลงกนั ผ้สู ูงอายอุ ยใ่ นครอบครัวและชมุ ชนได้อยา่ งมีความสะดวกสบาย - วทิ ยากรแส องคป์ ระกอบที่ 4. ชมุ ชนมกี ารบรหิ ารจัดการชุมชนดี หมายถงึ ชมุ ชน แสดงความสามารถบริหารจดั การ ชุมชน จัดกระบวนการพัฒนาชมุ ชน มีกจิ กรรมการแก้ไขปัญหา ชุมชนได้ดว้ ยตนเองอยา่ งมเี หตมุ ีผลและมีการบริหารจดั การท่ดี ี ผนู้ า ประชาชนและองค์กรในชมุ ชนสามารถร่วมมอื ช่วยเหลอื เกอื้ กูลกนั และอยรู่ ่วมกันอย่างสงบสุข รวมทงั้ มีภาคีการพัฒนาทมี่ บี ทบาท เกื้อหนนุ การทางานภายในชุมชน มีการสอ่ื สาร และกระบวนการ - วทิ ยากรพจิ เรยี นรู้ในชมุ ชนอย่างตอ่ เน่ือง สามารถอนุรกั ษค์ ุณค่าของประเพณี กนั หรอื ไม่ วฒั นธรรมและภมู ิปัญญาท่เี ปน็ เอกลกั ษณ์ของแตล่ ะชมุ ชนท้องถ่ิน - วทิ ยากรถา
กจิ กรรม/วธิ ีการ อปุ กรณ์ รนาค่าคะแนนท้ังหมดมาทาเครอื่ งหมายและลากเส้นระหวา่ ง ะแนน ลงบนแผนผังใยแมงมุม (spider diagram) รุปคะแนนภาพรวมและคะแนนทมี่ ีค่าต่าคอื อะไร ท่สี งู คืออะไร หท้ ี่ประชมุ พจิ ารณาวา่ “ถ้าคิดถงึ สถานการณภ์ าพรวมของชมุ ชน ต็ม 100 คะแนน ที่ประชมุ จะใหค้ ะแนนความสุขของชุมชน น” ตกลงกนั วา่ ควรจะได้คะแนนเทา่ ไร นได้แล้วใหท้ าเครอ่ื งหมายลงบน ปรอทวดั ความสุข สดงค่าคะแนนสรปุ วา่ อยู่ในชว่ งระดับความสุขใด 8อ าจมาทรณี่ปราะหชามุเหวตา่ ุผตลวั แชลว้ี ะดั 61-80คนนแะ41-60คนนแะค04-12นะแน1-100คะแนน-20คะแนนดทูแี่ไนด้วคปเนนยยสขเอมดสขยไคทกลยดอขายนอนอมอยออรทนอนนอยโะูุ่็ูุ่์ู่้ีีูุ้่่ิ่็ุูุ่นแ้มนถนงึ ตคา่ะแจนะนต้อวา่งไทปาใอนะทไรศิ ตท่อากงเนั ดดียี ว ก
เวลา ประเด็น /เนอ้ื หา รวมถึงเอกลักษณ์ความเปน็ ไทย เพื่อใหค้ ่าคะ 4.1 ประชาชนและกลุ่มองค์กรต่างๆ ในชุมชน มคี วามสัมพันธท์ ีด่ ี จะต้องทาอะ ระหว่างกนั รว่ มมอื ช่วยเหลือกนั เกอ้ื กูลและอยรู่ ว่ มกนั อยา่ งสงบ - วทิ ยากรมอ สขุ ปรบั แผนการ หมายถงึ ประชาชนมีความสามัคคี มีความสัมพนั ธท์ ่ีดี กบั เพ่ือนบา้ นและคนอน่ื ๆ ในชมุ ชน ไม่มปี ัญหาความขดั แย้ง การมี ส่วนร่วมกบั การทางานเพอ่ื การพฒั นาชมุ ชน ใหก้ ารสนบั สนนุ ท้งั ดา้ นความรู้ ทรพั ยส์ ิน แรงงาน ของประชาชนและจากองค์กรใน ชมุ ชน ในการชว่ ยกันคดิ ตดั สนิ ใจและบรหิ ารกจิ กรรมให้สาเร็จ 4.2 ชมุ ชน มกี ารบริหารจัดการทดี่ ี มีและใชแ้ ผนชมุ ชนในการ ยกระดับคุณภาพชีวติ ชมุ ชน หมายถึง ชุมชนมีการจัดระบบบริหารจดั การชุมชน ส่งเสรมิ ประชาชนใหม้ สี ่วนร่วมใช้หลักวชิ าการ ขอ้ มูล ในการ ตดั สินใจดาเนินกจิ กรรมการพัฒนา มแี ผนและใช้แผนพัฒนาชมุ ชน เปน็ เครือ่ งมือในการกากบั การติดตามพฒั นาให้เกดิ ผลตามท่ี กาหนด การจดั สรรทรพั ยากร โดยมอบหมายผู้รบั ผิดชอบงานและ ผลกั ดันให้เกิดการเคลือ่ นไหวไปสคู่ วามสาเรจ็ 4.3 ชุมชน ร่วมกับภาคกี ารพฒั นาที่มีบทบาทเก้ือหนุนกนั สร้าง การทางานภายในชุมชน หมายถงึ การมสี ว่ นรว่ ม ของสถาบนั หนว่ ยงานต่างๆ ได้ในการสนับสนนุ การทางานของชุมชนในการพฒั นาชมุ ชนใหม้ ี ประสิทธิภาพ ท้ังทางดา้ นวชิ าการ และสนับสนุนปัจจยั อื่นๆ 4.4 ชมุ ชน มรี ะบบการสื่อสารและกระบวนการเรยี นร้ใู นชมุ ชน อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง หมายถงึ ชุมชนมกี ารส่งข่าวสาร ความรู้ เพอ่ื เปน็ การ สร้างความเขา้ ใจร่วมกนั และมีการป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ต่างๆ ทอี่ าจเกิดข้ึนในชุมชน ด้วยรูปแบบต่างๆ เช่น ประชมุ เปน็
กจิ กรรม/วธิ ีการ อุปกรณ์ ะแนนความสุขเพ่ิมขึ้น สาหรบั ตังชว้ี ดั ท่ีได้ค่าคะแนนสูง ะไรต่อเพือ่ ใหค้ งอย่แู ละดีข้ึนอกี อบหมายภารกจิ ใหผ้ ู้บริหารชมุ ชนดาเนนิ การใชเ้ ปน็ ข้อมูลในการ รพฒั นาหมู่บา้ นต่อไป
เวลา ประเดน็ /เนื้อหา ประจา หอกระจายข่าว เสยี งตามสาย เปน็ ต้น 4.5 ชมุ ชน สามารถธารงไว้ซึ่งคุณค่าของประเพณีวฒั นธรรมและ ภูมปิ ัญญาทเ่ี ป็นเอกลกั ษณข์ องแต่ละชมุ ชนท้องถิน่ ตลอดจน เอกลักษณ์ความเป็นไทย องค์ประกอบท่ี 5.การมีสภาพแวดล้อมดมี ีระบบนเิ วศทีส่ มดุล หมายถึง บรรยากาศหรอื สภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมต่อ การใชช้ วี ติ ของคนในหม่บู ้าน สรา้ งความสะดวก สบาย ร่มร่ืน ปลอดภัยทง้ั ชีวติ และทรพั ย์สิน ครอบครัวมีท่ีอยูอ่ าศัยที่ม่นั คง การมี ปฏิสมั พนั ธ์ท่ีดีกบั เพอื่ นบา้ น และการมีบริการสาธารณูปโภคท่ี พอเพียง มีทรัพยากรธรรมชาติที่อดุ มสมบรู ณม์ คี ณุ ภาพ สมดุล ใน ระบบนิเวศเพื่อใชย้ กระดับคณุ ภาพชีวิตทดี่ ขี องคนในชุมชน 5.1 บคุ คล ครอบครวั มีท่อี ย่อู าศยั ที่ม่ันคง หมายถึง ครอบครวั เปน็ เจา้ ของท่อี ยอู่ าศัยท่แี ขง็ แรง มน่ั คง ใหเ้ ปน็ ที่พกั อาศยั ร่วมกันของสมาชิกในครอบครวั อย่าง สะดวกสบายและปลอดภัย 5.2 ชุมชน จัดสภาพแวดล้อมเพ่อื การดารงชวี ิตในชมุ ชนให้มี ความปลอดภยั ในชีวิตและทรัพยส์ นิ หมายถงึ บรรยากาศสวยงามและส่ิงแวดลอ้ มมคี ุณภาพ ทีด่ ี ไมม่ สี ่งิ เป็นพิษรบกวน สร้างความเดือดร้อนราคาญ เชน่ น้าเนา่ เสยี งดัง ขยะพษิ กลนิ่ เหมน็ ไมม่ ีโจร ผ้รู ้าย มรี ะบบป้องกันภยั อันตราย มวี ิธีปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หายาเสพติด ไมก่ ังวลต่อการเกดิ คดที ่กี ระทาตอ่ ร่างกายและทรัพย์สนิ 5.3 ชุมชน มบี ริการสาธารณปู โภคทีพ่ อเพยี ง หมายถงึ ชมุ ชนมีสิง่ สาธารณะ ที่จาเปน็ ของหมู่บ้าน อยู่ในสภาพดี สามารถใชป้ ระโยชน์ อานวยความสะดวกและ ให้บรกิ ารแกป่ ระชาชนอยา่ งทว่ั ถงึ 5.4 ชมุ ชน มที รัพยากรธรรมชาติที่อดุ มสมบูรณ์และ สภาพแวดล้อมท่ีมีคณุ ภาพเพ่อื สรา้ งสมดลุ ใหก้ บั ระบบนเิ วศ และ
กจิ กรรม/วธิ กี าร อุปกรณ์ หมายถงึ ชมุ ชนจดั ใหม้ ีกจิ กรรมที่แสดงถงึ การรกั ษ
เวลา ประเดน็ /เนื้อหา ยกระดบั คุณภาพชวี ิตทดี่ ีของคน หมายถึง ทรพั ยากรต่างๆ ของหม่บู า้ น มคี ุณภาพดี เชน่ ป่าชมุ ชน แหล่งน้า สัตว์นา้ ท่งุ หญา้ ชมุ ชน สภาพดนิ หรือส่ิงอนื่ ๆ มี การดแู ลให้คงสภาพ เพอื่ การใชป้ ระโยชน์รว่ มกนั ในการดาเนนิ ชีวติ ของคนในหมู่บ้าน/ชมุ ชน เพื่อการพ่ึงตนเอง หรอื ช่วยแบง่ เบาภาระ ในการดาเนินชวี ติ ใหม้ ีความสะดวก สบาย ไรก้ งั วล เชน่ สามารถมี รายได้ สามารถใชป้ ระโยชน์จากปา่ ในการลดรายจ่าย เป็นตน้ องคป์ ระกอบที่ 6. เป็นชุมชนประชาธิปไตยมธี รรมาภิบาล หมายถงึ ชุมชนเป็นสงั คมประชาธปิ ไตยทีม่ ธี รรมาภิ บาล ประชาชน มีสิทธิเสรภี าพได้รับการยอมรบั และเคารพใน ศักดิศ์ รีความเปน็ คนทีเ่ ท่าเทียมกนั ตามระบอบประชาธปิ ไตย ประพฤติ ปฏบิ ัติตามสทิ ธแิ ละหน้าที่ของตนเองและเคารพในสิทธิ และหน้าทข่ี องคนอน่ื มีระเบยี บวนิ ยั มีระบบการบรหิ ารจดั การท่ี ยดึ หลักธรรมาภิบาล เพอ่ื ให้เกิดความโปร่งใส ค้มุ คา่ และกระจาย ผลประโยชนท์ างเศรษฐกิจและสงั คมอย่างเป็นธรรม นาไปสูส่ งั คม สมานฉันท์มสี ันตสิ ุขอยา่ งย่งั ยนื 6.1 บุคคล มีศกั ดศ์ิ รี มีสทิ ธิเสรภี าพและการยอมรบั และเคารพ ในศักดศิ์ รคี วามเปน็ คนที่เท่าเทยี มกันตามระบอบประชาธปิ ไตย หมายถึง ประชาชน มีความเปน็ อิสระในการกระทา กิจกรรมใดๆ ในชวี ิตประจาวนั ตามขอบเขตอานาจของกฎหมาย หรือศีลธรรม ไม่ละเมิดสิทธขิ องผู้อ่ืน อย่ใู นหมู่บ้านรว่ มใจกนั ปฏิบตั งิ านต่างๆ อย่างให้เกียรติ เคารพในความรูค้ วามสามารถ มี สิทธคิ ุณคา่ ของคน ให้โอกาสในการมสี ่วนรว่ มในการทางานและรบั ผลทเี่ กดิ ขึ้น อยา่ งเท่าเทียม เสมอกัน 6.2 บคุ คล ปฏบิ ตั ิตามสทิ ธิ หน้าที่ กติกาประชาธิปไตย ไมซ่ ื้อสทิ ธ์ิ ขายเสยี งในการใช้สทิ ธิเ์ ลือกตัง้ หมายถงึ การแสดงออกของบุคคลในการกระทาต่างๆ ตามหนา้ ที่พลเมืองทีดี ยึดม่ันวัฒนธรรม ศีลธรรม กฎ กตกิ าของ
กจิ กรรม/วธิ ีการ อุปกรณ์
เวลา ประเดน็ /เนอ้ื หา หม่บู ้าน มวี ินัยในตนเอง โดยไม่ละเมิดหรือเอาเปรียบสิทธขิ องผอู้ ่นื เคารพตนเอง ในการตัดสนิ ใจ การเลอื กผแู้ ทนในการทาหน้าที่ บริหารงานหมูบ่ า้ น/ชมุ ชนหรือประเทศ โดยไมเ่ หน็ แก่ สนิ จ้าง รางวลั และไม่สนบั สนนุ คนทท่ี าผิดกฎ กตกิ าท่ไี ด้กาหนดไว้ 6.3 ชุมชนมีธรรมภบิ าลชุมชน มรี ะบบการบรหิ ารจดั การทย่ี ึด หลักความโปรง่ ใส ค้มุ คา่ เป็นธรรม รับผดิ ชอบ หมายถึง การบรหิ ารงานของคณะผบู้ ริหารของหม่บู ้าน ทกุ คณะ ทุกกลุ่มทีม่ ใี นหมูบ่ ้าน ดาเนินการโดย ยดึ หลักการปฏบิ ัติ ตาม กฎระเบยี บ กฎหมาย ขอ้ บังคบั ที่ทันสมยั เทยี่ งธรรม ยดึ มั่น ในความถูกต้อง ซอ่ื สัตย์ สุจริต การปฏบิ ัติงานเปิดเผย ประชาชน รบั ทราบข้อมลู ข่าวสารตรงไปตรงมา ใหโ้ อกาสประชาชนเขา้ มามี สว่ นร่วม ในการคดิ ตดั สนิ ใจ เมื่อผิดพลาดมกี ารยอมรบั และ รบั ผิดชอบพรอ้ มแก้ไขปรบั ปรุงไดท้ นั ท่วงที บนฐานการบรหิ าร ทรัพยากรอยา่ งประหยดั เกิดประโยชนบ์ รรลุเปา้ หมายตอ่ ประชาชนเป็นสาคัญ ประชาชนมจี ติ สานึกท่ีดไี ม่ยอมรับและ ละอายต่อพฤตกิ รรมการเรยี กรับสิ่งตอบแทนของผู้มหี นา้ ที่ ใหบ้ รกิ าร เพอ่ื อานวยความสะดวกหรือได้มาซง่ึ ประโยชน์ท่ีตนเอง และครอบครวั ต้องการ โดยกระทาในสิง่ ทีก่ ฎหมายหา้ มไวห้ รอื ไม่ กระทาในส่ิงทกี่ ฎหมายกาหนดใหท้ า หรอื เบียดบัง ยักยอก ทรพั ย์สินส่วนรวมไปเพ่อื ประโยชน์ของตน 6.4 ชุมชน มวี ิธแี กป้ ญั หาความขดั แยง้ สรา้ งความสันติสขุ สมานฉนั ทใ์ นชุมชนโดยชุมชน หมายถึง ชมุ ชนมรี ะบบหรอื กจิ กรรมในการสร้างความ รักความเขา้ ใจ มคี วามสามคั คี อยูร่ ่วมกันอย่าง สงบสขุ ใช้ คณะกรรมการหรือบุคคลท่มี หี นา้ ท่ใี นการจดั การกับปัญหาความ ขัดแยง้ ทีเ่ กดิ ข้นึ สรา้ งความปรองดองในชมุ ชน
กจิ กรรม/วธิ ีการ อุปกรณ์
Search
Read the Text Version
- 1 - 36
Pages: